• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

แนวทางในการเลือกหัวขับลม กระบอกลม และเกจวัดแรงดัน

Started by Prichas, March 30, 2022, 12:24:23 PM

Previous topic - Next topic

Prichas

หัวขับลม
SIRCA Pneumatic actuator หัวขับลม SIRCA
ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเลือกขนาดแอคทูเอเตอร์
1)ทราบว่าแรงบิดที่แท้จริงของวาล์วหรืออุปกรณ์อื่นๆจะเป็นแบบอัตโนมัติ โดยคำนึงถึงสัมประสิทธิ์ความปลอดภัย (SIRCA แนะนำอย่างต่ำ 25%) แรงบิดของวาล์ว (แนะนำความปลอดภัยอย่างต่ำ 25%)
2) ตัดสินใจว่าตัวควบคุมจะต้องทำหน้าที่สองครั้งหรือสปริงกลับ - การทำงานแบบ Double Act หรือ Spring Return
3) รู้แรงดันอากาศจริงที่พร้อมใช้งาน - แรงดันใช้งานขั้นต่ำที่ใช้ได้ HOW TO SIZE แอคทูเอเตอร์คู่ (DA) - การเลือกแอคทูเอเตอร์คู่ (DA) ขนาดของแอคทูเอเตอร์แบบดับเบิลแอคทูเอเตอร์นั้นง่ายมาก ต้องรู้แรงบิดที่ต้องการของวาล์วที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 25%) และความกดอากาศที่มีอยู่ต่อจากนั้น ให้เข้าร่วมการอ้างอิงทั้งคู่และก็รับแบบจำลองแอคทูเอเตอร์ที่เกี่ยวข้องทันที
ตัวอย่าง: จะต้องทำวาล์วอัตโนมัติที่ต้องการแรงบิด 80Nm เพิ่มขึ้น 25% = 100Nm ที่ 5 บาร์ของการจ่ายอากาศ ตัวเลือกนี้ตกอยู่ที่รุ่น AP 4 DA ซึ่งพัฒนาแรงบิด 119 Nm





ข้อพึงระวัง: ค่าแรงบิดที่เลือกซึ่งกำหนดรุ่นของแอคชูเอเตอร์จำเป็นต้องไม่น้อยกว่าค่าแรงบิดของวาล์วที่ต้องการ กำหนดแรงบิดของวาล์วที่อยากได้ ซึ่งควรรวมทั้งระยะขอบความปลอดภัย 25% แล้วก็แรงดันใช้งานอย่างต่ำที่มี อ้างถึงตารางแรงบิดแรงดัน abd เลือกคอลัมน์แรงดันต่ำสุดที่ใช้งานได้ ปฏิบัติตามคอลัมน์นี้จนถึงเจอค่าไม่น้อยกว่าที่อยากได้ ถัดไปอ่านผ่านไปที่คอลัมน์ทางด้านซ้ายแล้วก็อ่านลำดับที่รุ่นที่จะสั่งซื้อ วาล์วทอร์คที่เลือกซึ่งระบุชนิดของแอคทูเอเตอร์จำเป็นที่จะต้องไม่ต่ำกว่าที่กำหนด ค่าแรงบิดของวาล์ว ทอร์คแอคทูเอเตอร์

กระบอกลม (Pneumatic Air Cylinder)
หรือเรียกอีกชื่อว่า Actuator เป็นเครื่องมือที่ใช้ลมทำให้ก้านกระบอกลมเคลื่อนที่ไปในแนวเส้นตรง หรือหมุน 90, 180, 270 หรือ 360 องศา
เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนแปลงพลังงานในรูปแบบความดันลมให้เป็นพลังงานกลในลักษณะของการเคลื่อนที่โดยแบ่งตามแนวทางการทำงานหรือการเคลื่อนที่ได้ 3 จำพวก คือ
1. กระบอกลูกสูบลม (Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นตรง
2. กระบอกลม (Air Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นรอบวง
3. กระบอกลมนิวเมติกส์ทำงานแบบพิเศษ (Special Actuator) คือกระบอกลมนิวเมติกส์ที่มีลักษณะการทำงานต่างจาก 2 จำพวกที่กล่าวมา กระบอกลมนิวเมติกส์แต่ละจำพวกจะมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันไปตามเป้าหมายของการนำไปใช้งาน





กระบอกลม Air Cylinder ชนิดต่างๆ
1. กระบอกลมมาตรฐาน (Standard Cylinder)
โครงสร้างของกระบอกจะผลิตด้วยวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมเหลว ที่ถูกอัดลงบนแม่พิมพ์กระบอกลมอีกทีหนึ่ง กระบอกลมชนิดนี้จะมีมาตรฐาน ISO 15552 มีหลายแบบให้เลือกใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น กระบอกลมแบบติดวาล์วควบคุมทิศทาง (Pneumatics Control), กระบอกลมแบบสี่เสา(Tie Red Type Cylinders), กระบอกลมแบบโปรไฟล์ (Profile Type Cylinders) แล้วก็กระบอกลมที่เป็นแบบล็อคก้านสูบได้ (Lock Cylinder)
2. กระบอกลมขนาดเล็ก (Mini Cylinder)
เหมาะกับงานที่ใช้แรงดันลมไม่มากนัก งานสร้างสำหรับงานเฉพาะทาง โดยมีขนาดต่างๆอย่างเช่น กระบอกลมแบบมินิ (Mini Cylinders), กระบอกลมปากกา (Pen Sign Cylinders)
3. กระบอกลมแบบคอมแพค (Compact Cylinder)
มีความเด่นในเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน รูปแบบของกระบอกจะเป็นแบบสี่เหลี่ยม แบบทรงแผ่น และก็แบบมีเพิ่มก้านนำทาง
1. กระบอกลมแบบไม่มีก้านสูบ (Rodless Cylinders)
มีความแตกต่างจากกระบอกลมชนิดอื่นตรงที่ไม่มีก้านลูกสูบ มีการใช้งานกันอยู่ 2 จำพวก คือ
– แบบแมคคานิคอลจ๊อย(Mechanically Jointed Rod less Cylinder)
– แบบใช้แรงดูดของแม่เหล็ก (Magnetically Coupled Cylinder)
ลักษณะการทำงานของกระบอกลมชนิดนี้คือ กระบอกลมจะเคลื่อนที่บนแกนเพลาที่ยึดหัวเเละท้าย เคลื่อนที่ได้จากแรงของแม่เหล็กที่เคลื่อนที่ไป-มาอยู่ตลอดเวลา กระบอกลมประเภทนี้เหมาะกับงานที่ต้องการช่วงชักยาว
4. กระบอกลมแบบเลื่อน/สไลด์ (Slide Table Cylinder)
คุณสมบัติเด่นของกระบอกลมประเภทนี้คือ สามารถเลื่อนได้ (Slide Table Air Cylinder) ซึ่งกระบอกลมจำพวกอื่นทำไม่ได้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. แบบแผ่นเลื่อนความแม่นยำสูง (Air Slide Table/Precision Cylinder)
2. แบบเลื่อนยาว (Air Slide Table/Long Stroke)
3. แบบเลื่อนประเภทคอมแพ็ค (Compact Air (Cylinder) Slide Table) สามารถปรับแก้ช่วงชัก หรือตำแหน่งการติดตั้งได้อย่างอิสระ

เกจวัดแรงดัน (pressure gauge)
เป็นอุปกรณ์จำเป็นในการใช้วัดหรืออ่านค่าแรงดันก๊าซแล้วก็ของเหลว เกจวัดแรงดันแบ่งได้หลายประเภทมาก การจะเลือกซื้อเกจวัดแรงดันไปใช้ให้ถูกงานนั้นต้องคำนึงถึงชนิดต่างๆของเกจวัดความดันดังนี้
เกจวัดแรงค่าดันจะแบ่งเป็น 3 ชนิดหลักๆด้วยกัน คือ
1.General pressure gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าบวก
2. Vacuum gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าลบ
3. Compound gauge สามารถวัดแรงดันได้ทั้งยังค่าบวกรวมทั้งลบได้ในตัวเดียวกัน
เกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge) เป็นอุปกรณ์ที่สำหรับใช้ในการวัดที่ทนต่อแรงสะเทือนเพื่อใช้สำหรับในการวัดความดันซึ่งควรจะพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถแบ่งเกจได้เป็นทั้งแบบอนาล็อกและเกจดิจิตอล





เกจวัดแรงดัน อนาล็อกหรือดิจิตอล
1. เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล จะมีราคาสูงกว่าเพจอนาล็อกแต่ว่าจะมีข้อดีกว่าตรงเกจแบบดิจิตอลมีความเที่ยงตรงมากกว่า เหมาะกับงานที่ต้องการการวัดความดันถูกต้องสูง นอกเหนือจากนี้เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอลในหลายรุ่นสามารถเชื่อมต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถอ่านค่าได้จากระยะไกลได้ด้วย
เพรสเชอร์เกจแบบดิจิตอล เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล
2. เกจวัดแรงดันแบบอนาล็อก (แบบเข็ม) มีข้อดีคือราคาถูกกว่าไม่ต้องการการบำรุงรักษามากมายเมื่อเทียบกับเกจแบบดิจิตอล โดยเกจวัดแรงดันแบบอนาล็อกนั้นแบ่งออกอีกเป็น 2 ชนิด คือ
2.1 เกจวัดแรงดันอนาล็อกปรกติ มีข้อดีก็คือ ราคาไม่แพง แต่ว่าจะรับแรงสั่นสะเทือนสูงไม่ได้
โดยทั่วไปสำหรับการสั่งซื้อสิ่งที่ควรจะเจาะจงสำหรับเครื่องมือวัดแรงดันมีดังนี้
- หน่วยวัด(Unit) คือ หน่วยความดันบนหน้าปัดที่เราต้องการให้อุปกรณ์วัดแสดง
- ย่านการวัด (Range) คือ ช่วงความดันต่ำสุด-สูงสุด ที่เครื่องมือตัวนั้นสามารถวัดให้เราได้
- ขนาดหน้าปัด (Dial Size) คือ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของหน้าปัดเครื่องมือวัด มักระบุเป็น นิ้วหรือมิลลิเมตร
- ชนิดวัสดุ คือ ชนิดของวัสดุที่ใช้เป็นตัวเรือน : เหล็ก / พลาสติก / สแตนเลส / ทองเหลืองและก็วัสดุใช้ทำเกลียว : ทองเหลือง / สแตนเลสแบบ/ขนาดของเกลียว (Type/Thread size) คือ ขนาดของเกลียวที่จะใช้ต่อกับเครื่องมืออื่น มีทั้งยังแบบออกด้านล่างและก็ออกด้านหลัง ตัวอย่างขนาดเกลียวมาตรฐาน NPT แล้วก็ BSP
- ออฟชั่นพิเศษต่างๆอย่างเช่น แบบมีน้ำมัน มีปีกยึดติดตู้