• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

พาวเวอร์คอร์ด (Power Chord) เรื่องน่ารู้ของคนอยากร็อก

Started by Shopd2, March 10, 2022, 12:12:20 PM

Previous topic - Next topic

Shopd2



คอร์ด คืออะไร?


ก่อนจะเอ่ยถึงพาวเวอร์คอร์ด (Power chord) อาจจะจำเป็นต้องเล่าเกี่ยวกับคำว่าคอร์ด (chord) ซักนิด เอาแบบเข้าใจง่ายๆไม่ต้องหลักการมาก เอาโครงสร้างของคอร์ด C มาอธิบายดีกว่าเนอะ

โน้ตของกีตาร์เริ่มตั้งแต่ C หรือ โด ในระบบโน้ตสากล ไล่ไป D, E, F, G, A, B และก็วนกลับมาที่ C อีกรอบ ซึ่งถ้านับโน้ตที่ไม่ซ้ำกัน มันก็มีอยู่ 7 ตัว

ทีนี้ คอร์ด ก็คือกลุ่มของโน้ตที่เอามาเรียงกันอย่างต่ำ 3 ตัว โดยเอาโน้ตลำดับที่ 1, 3 รวมทั้ง 5 มาใช้ โดยให้เอาโน้ตตัวที่เราอยากที่จะให้เป็นชื่อคอร์ดไปวางไว้เป็นลำดับแรกสุด ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นคอร์ด C เราก็เอาโน้ตมาเรียงกันโดยเริ่มจาก

1 = C

2 = D

3 = E

4 = F

5 = G

6 = A

7 = B

เมื่อเราก็เอาโน้ตลำดับที่ 1, 3 และก็ 5 หรือก็คือ C, E, G มาเรียงกัน เราก็จะได้คอร์ด C

แล้วพาวเวอร์คอร์ด (Power Chord) ล่ะ มันจับยังไง?

วิธีการของพาวเวอร์คอร์ดนั้นง่ายมาก คือให้เรากดโน้ตตัวที่ 1 และก็ 5 ของคอร์ด และบอดโน้ตอื่นๆให้หมด Power Chord เรียกอีกอย่างว่าคอร์ดคู่ 5 และเขียนคอร์ดมีเลข 5 ต่อท้ายชื่อคอร์ด ยกตัวอย่างเช่น C5, G5, A5 เป็นต้น

ฟอร์มการจับนั้น จะว่าไปมันก็ดูคล้ายการจับแบบทาบคอร์ดนั่นแหละ แต่เราจะกดให้มันดังแค่สาย 6-4 หรือไม่ก็สาย 5-3 ตัวอย่าง ถ้าเป็นคอร์ด C แบบพาวเวอร์ (หรือคู่ 5) จากเดิมที่เราเคยทาบคอร์ดแบบใช้ทุกนิ้ว มันก็จะเหลือให้เรากด เพียงแค่โน้ต C กับ G แบบนี้

หรือคอร์ด A จับแบบพาวเวอร์คอร์ด มันก็จะมีแค่โน้ต A คู่กับ E อย่างนี้

หรือถ้าหากเราอยากให้เสียงมันมีย่านแหลมใสเพิ่มเข้ามาบ้าง เราก็แค่เพิ่มนิ้วนางเข้ามา ซึ่งมันก็เป็นโน้ตเดียวกับนิ้วชี้บนสายหกเป๊ะ ดังนั้นการจับแบบนี้ก็เลยยังเป็นพาวเวอร์คอร์ด เพียงแค่เพิ่มความไพเราะเพราะพริ้งอีกนิดนั่นเอง

ตารางเพาเวอร์คอร์ด (Power Chord)




ทำไมพาวเวอร์คอร์ด (Power Chord) จึงเหมาะกับเพลงร็อก

การเล่นให้มีเพียงแค่เสียงโน้ต 1 กับ 5 เพียงสองโน้ตในคอร์ด ทำให้ไม่มีโน้ตอื่นๆมาตกแต่งให้เป็นโทนเมเจอร์ ไมเนอร์ เซเว่นธ์ ฯลฯ ใดๆทั้งสิ้น มีเพียงแค่เสียงหัวโน้ตหลักจากคอร์ดนั้นดังโดดๆหนาๆเพราะว่าคอร์ดแนวนี้มักเล่นบนสาย 4 – 6 เป็นหลัก จึงเหมาะกับการเล่นริทึ่มมากกว่า รวมทั้งจะยิ่งเหมาะเป็นพิเศษสำหรับเล่นกับเสียง distortion หรือเสียงแตก เนื่องจากว่าจะให้โทนเสียงที่หนา ดุ ร็อก

นอกจากเสียงที่ดุดัน หนา สะใจเมื่อใสเสียงแตกแล้ว ข้อดีอีกอย่างของการจับคอร์ดโน้ตน้อยๆแบบนี้ก็คือ เราสามารถโยกย้ายมือเปลี่ยนคอร์ดได้เร็วกว่าการจับคอร์ดธรรมดามาก ด้วยเหตุว่าอย่างที่บอก พาวเวอร์คอร์ดไม่มีเมเจอร์ ไมเนอร์ เราก็แค่จำโน้ตหลักว่าอยู่ตรงเฟรทไหน และเลื่อนบล็อคนิ้วไปๆมาๆเท่านั้นเอง ง่ายดายมากๆ

ง่ายดีนะ งั้นจับคอร์ดอย่างนี้แทนการทาบไปเลยได้มั้ย?

แต่เนื่องจากว่าคอร์ดอย่างนี้มีจำนวนโน้ตที่น้อย เสียงที่ได้ก็เลยไม่ได้มีมิติสีสันอะไร มีแต่เสียงเด่นๆจากโน้ตหลักของคอร์ด (root) แค่นั้น และก็จะต้องเล่นกับเสียงแตกเป็นสำคัญ เนื่องจากเล่นคอร์ดอย่างนี้กับเสียง clean คงจะคล้ายกับการดีดเบสเล่นนั่นเอง การใช้พาวเวอร์คอร์ดให้ถูกที่ถูกเวลาจึงเป็นคำตอบของเรื่องนี้

หวังว่าเนื้อหานี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังฝึกเล่นกีตาร์อยู่นะ กีตาร์ยังมีอะไรให้เล่นพลิกแพลงมากยิ่งกว่านี้อีกเยอะ ไว้วันหน้าจะมาเล่าให้ฟังอีกครับผม

สนใจสั่งซื้อกีต้าร์ไฟฟ้า ได้ที่ BigTone
** ติดต่อ สั่งซื้อ หรือ สอบถามเพิ่มเติมอีก คลิกเลย!!