• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Jessicas, April 06, 2023, 09:12:13 AM

Previous topic - Next topic

Jessicas

1. เพราะว่าพวกเรามิได้เกิดมาเพื่อดำเนินการอย่ างเดียว

พวกเราไม่ได้ดำเนินการแล้วแฮปปี้ทุกวัน หลายคราที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่หากพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ดังเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราถูกใจจะมีผลให้จิตใจเบิกบานขึ้น รวมทั้ง เพิ่มความเชื่อมั่นและมั่นใจ ด้วยเหตุว่าการเฟลจากที่ปฏิบัติงานส่วนใหญ่มักทำให้พวกเราท้อแท้ใจ และก็ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และ อีกเพียบเลย


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนพ้องคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก ขมักเขม้นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ปัจจุบันนี้ดำเนินการประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากยิ่งกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่เราเคารพที่สุดในที่ทำงานก็น่าจะหนีไม่พ้นนายจ้าง ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนานับประการ อย่ างตัวเราเคยพบทั้งๆที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานหนัก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำการทำงาน คอยสั่งคนนู่นทีคนนี้หน แม้กระนั้นพอใช้ได้ดูดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่คนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจคร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะแยะมิได้ไง เพราะเหตุใดน่ะเหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำบางทีอาจจะระรานกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้แนะนำก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างพวกเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนอัลธพาลบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างกันบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ าเห็นว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองดูในมุมที่ว่าถ้าเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว

มิได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากปฏิบัติงาน ก็อย ากท่องเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แม้กระนั้นเพียงแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองคิดดู

แค่พวกเราพรีเซนเทชั่นงานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำต้องเอางานเราไปนำเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องใครกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะแยะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ าเป็นตัวของตัวเองเหลือเกินในโลกออนไลน์

หลายท่านเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แม้กระนั้นรู้รึเปล่าว่า HR ปัจจุบันนอกจากจะดู resume พวกเราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR การันตีมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของพวกเรานั้นส่งผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำสุดกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างเราเป็นไม่สัมผัสเฟสบุ้คเลย หรือถ้าเกิดจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าหากหัวหน้ามามองเห็นก็ช่างเถอะ


ถ้าอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆแนะนำให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธาราที่พด้วย เพราะ ส่วนใหญ่คนภายในสถานที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างั่ง ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา พอใจ เอาใจใส่ แม้กระนั้น... อย่ าเก็บลู่วิ่งผู้อื่นมาริษยา

ช่วงปีให้หลังมานี้ เพื่อนพ้องพวกเราคนจำนวนไม่น้อยเริ่มศึกษาต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลเปลี่ยนงานไปงานที่ค่าตอบแทนรายเดือนสูงสุดๆบางบุคคลเริ่มธุรกิจของตัวเอง ครั้งคราวเราเลื่อนดูหน้าเฟสรวมทั้งแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ก้าวหน้า แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีมากยิ่งกว่าเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนหลายคนบางทีอาจจะกำลังอิจฉาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่เราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา รู้ดีว่าเรากำลังจะทำอะไร ทราบดีว่าปลายทางเราปรารถนาอะไร ทราบว่าวันนี้เราประพฤติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราขมักเขม้นกับชีวิตมากยิ่งขึ้น แม้กระนั้นอย่ าเก็บมาตั้งใจจนถึงกลุ้มใจเพียงพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งสะดุ้งไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้มีความหมายว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงดวงใจกับคนไหน แม้กระนั้น... มีความหมายว่า " เราไม่ใฝ่ใจข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสำนักงานหลายๆที่

มีการเล่นพวกเล่นพ้อง หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากๆ) ส่วนใหญ่ไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้เยอะนี่ห้ามเสียทีเลยคะ มีคนคอยซ้ำมากมายเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่พวกเรามองว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร มิได้บอกว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝ่าฝืนตัวเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่ต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วรู้ดีว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะมีผลให้เราดีกว่ามากมายๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางบุคคลที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่ทราบหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปดำเนินการกับผู้ใดกัน ด้วยเหตุดังกล่าว อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุยังน้อย ความคาดหมายจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย แม้ว่าเราจะรู้สึกกดดันสำหรับเพื่อการดำเนินงานสุดๆแต่เชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดียิ่งกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะแนะนำเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้ม เราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย ากถามอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันไม่ดีก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกไปเรื่อยโดนด่าเวลานี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าตอนอายุ 50 เยอะแยะ ถึงจะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก แล้วก็ อ่อนประสบการณ์ คนส่วนใหญ่พร้อมจะให้อภัยพวกเราเสมอ ด้วยเหตุนี้ ล้มเหลวเป็นจำนวนมากเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างกันระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็คงจริง สมัยประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาสหายในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าไร เราจะหาสหายย ากขึ้นแค่นั้น และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่จริงใจคนนึงในสำนักงานมันย ากเพียงใด


นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราเงินเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปทำงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อนฝูง โดยเหตุนี้วันๆเราก็เลยจะพบเพียงแค่สหายร่วมทีม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

เราโชคดีที่พบกลุ่มที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนตัวแล้วก็เรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างนี้ พวกเรามีความคิดว่ามันคือกำไรชีวิต พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้เผชิญ

พูดคุยแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้เราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอสหายจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความต่างระหว่าง " เพื่อน " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็คงจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาสหายในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันหมายความว่ายิ่งเราโตขึ้นมากแค่ไหน เราจะหาเพื่อนย ากขึ้นเท่านั้น

และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องแท้จริงใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากแค่ไหน นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างเราเป็นไปปฏิบัติงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อนพ้อง โดยเหตุนั้นวันๆเราก็เลยจะพบแค่เพื่อนพ้องร่วมทีม ซึ่งส่วนมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องส่วนบุคคลแล้วก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างงี้ เรามีความรู้สึกว่ามันคือกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเห็น สนทนาเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตนเองว่า "หากเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนฝูงจริงๆในที่ทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ผู้รับจ้างมือโปร "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าหากอย ากบรรลุเป้าหมาย รวมทั้ง เป็นสุข จงเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ กล่าวง่ายแต่ทำย ากนะ ด้วยเหตุว่าผู้รับจ้างมืออาชีพก็คือคนที่ใส่ใจได้ว่า " พวกเราถูกจ้างมาด้วยค่าตอบแทนปริมาณหนึ่ง " ซึ่งนี่ก็แปลว่าบริษัทเค้าต้องการอะไรบางอย่ างจากเราแลกกับค่าแรงงานนั้นๆ

เราจะต้องรู้ดีว่าบริษัทว่าจ้างพวกเรามาทำอะไร แล้วก็ ทำมันให้ดีมากยิ่งกว่าที่บริษัทคาดหวังถ้าต้องการความรุ่งเรืองในหน้าที่ ถ้าเกิดงานที่ทำอยู่รู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่สมควรทรหดอดทนทำไป


ควรหางานที่เราทำแล้วพวกเราสุขสบายและทำได้ดีเพื่อดึงประสิทธิภาพของตนออกมาให้สูงที่สุด นอกจากจะทำให้เราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังส่งผลให้เราปรับปรุงตนเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะรู้เองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าผู้อื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าหากในที่สุดพวกเราเจอสายอาชีพที่พวกเรารักและอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

และด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกจ้างมาด้วยค่าแรงปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าแรงจนกระทั่งเกินไป ทุ่มเทได้ แต่ว่าควรจะมีผลสรุปที่ดีตามออกมาด้วย อาทิเช่นได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปมองด้านหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ในตอนนี้เค้าเป็นอย่างไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุเพิ่มขึ้นแต่ละวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าหากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แก่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ทุกข์ยากลำบากหรอก แลกเปลี่ยนกับความสำราญของบิดามารดา
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/