• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน

Started by Hanako5, February 12, 2022, 12:31:34 PM

Previous topic - Next topic

Hanako5

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาท "ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท" ที่ "AA" แนวโน้ม "Negative"

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (ทรัสต์ฯ) ที่ระดับ ?AA? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาทของทรัสต์ฯ ที่ระดับ ?AA? ด้วย โดยทรัสต์ฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระหนี้เงินกู้

อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้สะท้อนถึงสินทรัพย์ของทรัสต์ฯ ซึ่งมีคุณภาพสูง ตลอดจนกระแสเงินสดที่สามารถคาดการณ์ได้ในระดับสูงจากรายได้ค่าเช่าและบริการภายใต้สัญญา รวมถึงนโยบายด้านการเงินที่ระมัดระวังของทรัสต์ฯ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสภาพคล่องที่เพียงพอและโอกาสในการเติบโตในอนาคตของทรัสต์ฯ จากการมีสินทรัพย์สนับสนุนจาก บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ ?AA? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? อีกด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวด้านผลการดำเนินงานของทรัสต์ฯ จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ยังคงดำเนินอยู่ ทั้งนี้ การแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อทำให้ทริสเรทติ้งมีความกังวลเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน ตลอดจนความล่าช้าในการลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติมและแผนการเพิ่มทุนของทรัสต์ฯ

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรทเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust -- REIT) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 7.42 หมื่นล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2564 และมีพื้นที่ให้เช่ารวม 357,422 ตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งประกอบด้วย พื้นที่ให้เช่าของศูนย์การค้า 7 แห่งจำนวน 245,602 ตร.ม. และพื้นที่ให้เช่าของอาคารสำนักงาน 4 แห่งจำนวน 111,820 ตร.ม. นอกจากนี้ ทรัสต์ฯ ยังลงทุนในโรงแรมฮิลตัน พัทยาซึ่งมีห้องพักจำนวน 304 ห้องอีกด้วย

ผลการดำเนินงานของทรัสต์ฯ ในปี 2564 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลายระลอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการปิดศูนย์การค้าตามคำสั่งของภาครัฐตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมจนถึงปลายเดือนสิงหาคม 2564 ทรัสต์ฯ ได้ยกเว้นค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบในช่วงที่มีการปิดศูนย์การค้าและให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่าตามระยะเวลาที่ได้รับผลกระทบตลอดปี 2564 ด้วย ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ทรัสต์ฯ มีรายได้ค่าเช่าและบริการลดลง 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 2.5 พันล้านบาทและมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ระดับ 1.7 พันล้านบาท

ทริสเรทติ้งมองว่าผลจากการฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้มีผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าในปี 2565 มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่น้อยลงและการกลายพันธุ์ของโรคโควิด 19 ทำให้ทริสเรทติ้งเชื่อว่าทรัสต์ฯ จะยังคงให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบต่อไปอีกตลอดปี 2565 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ค่าเช่าและบริการของทรัสต์ฯ จะปรับตัวดีขึ้นถึงระดับ 6.5-8 พันล้านบาทต่อปีและ EBITDA จะเติบโตถึงระดับ 5-6.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2565-2566 ในขณะที่ประมาณการการเติบโตของรายได้ในปี 2565 นั้นส่วนหนึ่งจะมาจากการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ในช่วงระหว่างปี 2564-2565 โดยทริสเรทติ้งได้รวมการลงทุนในศูนย์การค้าใหม่อีก 2 แห่งซึ่งมีมูลค่ารวม 1.73 หมื่นล้านบาทภายในกลางปี 2565 ไว้ในประมาณการพื้นฐานด้วย หากการนำสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ฯ และการเพิ่มทุนสำเร็จตามที่คาดการณ์ไว้ ทริสเรทติ้งก็คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์รวมของทรัสต์ฯ จะต่ำกว่าระดับ 35% ภายในปี 2565

ทริสเรทติ้งคาดว่าทรัสต์ฯ จะสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้อย่างเพียงพอในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของทรัสต์ฯ ในปี 2565 จะอยู่ที่ระดับ 4.5 พันล้านบาท ทั้งนี้ ณ เดือนกันยายน 2564 แหล่งสภาพคล่องของทรัสต์ฯ ประกอบด้วยเงินสดในมือจำนวน 0.7 พันล้านบาทและเงินลงทุนในหลักทรัพย์ตามมูลค่ายุติธรรมจำนวน 1.1 พันล้านบาท นอกจากนี้ ทรัสต์ฯ ยังมีวงเงินกู้ยืมจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้ซึ่งไม่สามารถยกเลิกได้อีกจำนวน 1.3 พันล้านบาทอีกด้วย ในขณะที่ทรัสต์ฯ มีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในปี 2565 จำนวน 4.2 พันล้านบาทซึ่งเป็นเงินกู้ธนาคารทั้งจำนวน ทั้งนี้ ทรัสต์ฯ วางแผนจะออกหุ้นกู้ใหม่และขอวงเงินสินเชื่อใหม่จากธนาคารเพื่อทดแทนเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระดังกล่าว นอกจากนี้ ทรัสต์ฯ มีนโยบายจ่ายผลตอบแทนในอัตราไม่ต่ำกว่า 90% ของรายได้จากการลงทุนสุทธิที่ปรับปรุงแล้วและยังคาดว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของทรัสต์ฯจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2565-2566 อีกด้วย

ณ เดือนกันยายน 2564 ทรัสต์ฯ มีหนี้สินทางการเงินรวมจำนวน 2.25 หมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันจำนวน 1.53 หมื่นล้านบาทและเงินกู้ธนาคารที่ไม่มีหลักประกันอีกจำนวน 7.2 พันล้านบาท โดยหนี้สินทางการเงินทั้งหมดเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันซึ่งมีลำดับชั้นในการได้รับชำระคืนในระดับที่เท่าเทียมกัน

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของทรัสต์ฯ จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยังคงดำเนินอยู่ ทั้งนี้ การแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อทำให้ทริสเรทติ้งมีความกังวลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของทรัสต์ฯ รวมถึงความล่าช้าในการลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติมและแผนการเพิ่มทุนของทรัสต์ฯ อีกด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของทรัสต์ฯ อาจได้รับการปรับลดลงหากสถานการณ์การแพร่ระบาดพัฒนาไปในทิศทางที่ทำให้ทริสเรทติ้งเชื่อว่าผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของทรัสต์ฯ กำลังปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในทางตรงกันข้าม แนวโน้มอันดับเครดิตของทรัสต์ฯ อาจได้รับการปรับเปลี่ยนกลับมาเป็น ?Stable? หรือ ?คงที่? ได้อีกหากโครงสร้างเงินทุนของทรัสต์ฯ ปรับตัวดีขึ้นโดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์รวมอยู่ในระดับต่ำกว่า 35% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ในระดับต่ำกว่า 5 เท่าอย่างต่อเนื่อง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า, 15 กรกฎาคม 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT)

อันดับเครดิตองค์กร: AA

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

CPNREIT232A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,795 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 AA

CPNREIT243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 AA

CPNREIT263A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 AA

CPNREIT268A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,650 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 AA

CPNREIT288A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,390 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 AA

CPNREIT318A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 AA

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 5 ปี AA

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2565 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว