บูทิค คอร์ปอเรชั่น ล้มโครงการโรงแรมหาดละไม เกาะสมุย หลังประเมินท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น

[Naprapats]

บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้ยกเลิกแผนการลงทุนซื้อที่ดิน และพัฒนาโครงการโรงแรมใน อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากสถานการการณ์การท่องเที่ยวยังไม่ดีขึ้น

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2562 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562 มีมติอนุมัติการเข้าซื้อที่ดินและการพัฒนาโครงการโรงแรมชายหาดละไม เกาะสมุย จังหวัด สุราษฎร์ธานี โดยพิจารณาว่าธุรกรรมดังกล่าวจะเพิ่มรายได้และกำไรให้แก่บริษัทฯ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่บริษัทฯและผู้ถือหุ้น โดยบริษัทฯได้เข้าทำสัญญาซื้อขายยที่ดินกับบริษัท อีซีแอล แอสเซท จำกัด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562 บูทิค คอร์ปอเรชั่น แจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2562 ว่าที่ประชุมได้อนุมัติการได้มาซึ่งที่ดิน และการพัฒนาโครงการโรงแรม จำนวน 2 โครงการ โดยมีมูลค่าการซื้อที่ดินรวม 420 ล้านบาท ได้แก่

1.โครงการชายหาดละไม เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี คาดว่าจะลงนามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่มีขนาดประมาณ 372 ตารางวา มูลค่าประมาณ 75 ล้านบาท ภายในเดือนธ.ค.62

2.โครงการบนถนนสุขุมวิท บริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้านานา กรุงเทพฯ คาดว่าจะลงนามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ขนาดประมาณ 363 ตารางวา มูลค่าประมาณ 345 ล้านบาท ภายในเดือนมี.ค.63 

โดยทั้ง 2 โครงการจะพัฒนาเป็นโรงแรมภายใต้บริษัทในเครือซึ่งจะจัดตั้งขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตามจากการที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรม ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะ จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในเกาะสมุย ที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักกว่าหลายพื้นที่และอาจจะใช้เวลานานที่จะฟื้นตัว

ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 7/2564 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 จึงได้มีมติอนุมัติให้ยกเลิกการเข้าทำรายการได้มาซึ่งที่ดินและการพัฒนาโครงการโรงแรม ชายหาดละไม เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และให้ยกเลิกสัญญาซื้อขายที่ดิน ฉบับลงวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ที่ทำกับบริษัท อีซีแอล แอสเซท จำกัด และให้บริษัทเข้าทำสัญญา Settlement Agreement กับบริษัท อีซีแอล แอสเซท จำกัด


ทั้งนี้การยกเลิกการเข้าทำรายการดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทฯได้ชำระค่ามัดจำสำหรับการซื้อที่ดินดังกล่าวสุทธิทั้งสิ้น 5,500,000 บาท ส่วนเงินลงทุนที่บริษัทฯ ไม่ได้นำไปใช้ในโครงการนี้ บริษัทฯจะนำไปเป็นเงินหมุนเวียนและลงทุนในโครงการอื่นๆต่อไป