บอร์ด AIT ไฟเขียวแตกพาร์ เพิ่มสภาพคล่องหุ้น

[deam205]

บอร์ด AIT อนุมัติแตกพาร์จาก 5 บาทเหลือ 1 บาท พร้อมเพิ่มทุนและออกวอร์แรนต์ เพิ่มสภาพคล่องหุ้น โชว์ผลงานรอบ 9 เดือน โกยรายได้ 5,414 ล้านบาท กำไรเติบโต 50% รับประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯ มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า 6,500 ล้านบาท

นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2564 มีมติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้(พาร์) จากเดิมหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท ส่งผลให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 206,320,897 หุ้นเป็น 1,031,604,485 หุ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหุ้น 

 

นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)

ที่ประชุมฯยังได้พิจารณาเห็นชอบให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนต์) ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 (AIT-W2)จำนวนไม่เกิน 515,802,242 หน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) โดยมีอัตราการจัดสรรเท่ากับ 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ (หากมีเศษจากการคำนวณตามอัตราการจัดสรรให้ปัดเศษทิ้ง) 


ใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวจะมีอายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ออก และมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย ต่อหุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น โดยราคาใช้สิทธิเท่ากับ 2 บาท ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ AIT-W2 (Record Date) ในวันที่ 10 มกราคม 2565 ซึ่งการกำหนดสิทธิดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน เพราะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 21 ธันวาคม 2564  


ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างความยืดหยุ่นทางการเงินในการสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ เมื่อมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ และยังมีมติเห็นชอบให้เพิ่มทุนจดทะเบียนทอีกจำนวนไม่เกิน 515,802,242  บาท จากเดิม 1,031,604,485 บาทเป็น 1,547,406,727 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 515,802,242 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 1 บาท


สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2564 บริษัทฯมีรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 1,509 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 119 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 5,414 ล้านบาท เติบโต 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 4,660 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 380 ล้านบาท เติบโต 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 253 ล้านบาท

 

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 คาดว่า จะเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ(Backlog)ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ประมาณ 7,400 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานทั้งปี 2564 ทำรายได้แตะ 6,500 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า(Waiting for P/O)อีก 210 ล้านบาท รวมถึงมีแผนเข้าร่วมประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง