• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

อันตรายที่เกิดจากการกิน “บอแรกซ์”

Started by zixsafar, April 01, 2022, 12:51:17 PM

Previous topic - Next topic

zixsafar



ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญแนะ บอแรกซ์ อันตรายต่อร่างกาย หลังมีกระแสชี้แนะให้กินกันเยอะขึ้นเรื่อยๆในโลกออนไลน์ คนที่กินบอแรกซ์อาจมีอาการหมดแรง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เป็นพิษต่อไตแล้วก็สมอง ขึ้นกับจำนวนที่รับประทาน

ในโลกออนไลน์มีการเชื้อเชิญให้บริโภค "บอแรกซ์" โดยอ้างสรรพคุณว่าช่วยกระตุ้นฮอร์โมนทางเพศ แล้วก็ดีต่อสุขภาพ แต่ว่าในทางวิทยาศาสตร์และก็การแพทย์แล้ว บอแรกซ์เป็นสิ่งให้โทษต่อสภาพทางด้านร่างกาย

ข้อมูลจาก เพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นแบบงี้นี่เอง by คุณครูเจษฎ์ ของ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงแขนณ์มหาวิทยาลัย และก็เพจ แพทย์แล็บแพนด้า ต่างก็ระบุว่า บอแรกซ์เป็นสารเคมีที่ไม่เหมาะที่จะนำเอามาบริโภคเยอะเกินไป หรือสม่ำเสมอช้านานเกินความจำเป็น และไม่ควรจะมุ่งเน้นบริโภคในเชิงเป็นอาหารเสริม เพื่อสุขภาพแต่อย่างใด

บอแรกซ์ คืออะไร
บอแรกซ์ ชื่อว่า โซเดียมโบเรท (Sodium Borate) หรือที่เราเรียกกันว่าผงกรอบหรือน้ำประสานทอง เป็นสารเคมีที่มีลักษณะเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น มีรสขมเล็กน้อย มีชื่ออื่นๆอีก ดังเช่นว่า บอแร็ก สารข้าวตอกแตก ผงกันบูด เพ่งแซ เม่งแซ ผงเนื้อนิ่ม

บอแรกซ์ เป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรม ดังเช่น ใช้ทำแก้วเพื่อทำให้ทนไฟ เป็นสารผสานสำหรับเพื่อการเชื่อมทองคำ รวมทั้งเป็นสารยั้งการเจริญก้าวหน้าของเชื้อราในแป้งทาตัว ฯลฯ

อันตรายของบอแรกซ์
มีการนำบอแรกซ์มาใช้ไม่ถูกเป้าประสงค์โดยเอามาผสมในของกิน เพื่ออาหารมีความหยุ่นกรอบ คงตัวได้นาน ไม่บูดเสียง่าย ของกินที่มักพบว่ามีสารบอแรกซ์ ดังเช่น หมูบด ลูกชิ้น ทอดมัน หมูสด เนื้อสด ไส้กรอก ผลไม้ดอง ทับทิมกรอบ ลอดช่อง เป็นต้น

บอแรกซ์ ก่อให้เกิดอันตรายในอาหาร (food hazard) ชนิดอันตรายทางเคมี (chemical hazard) เป็นสารเคมีห้ามใช้ในอาหาร (prohibit substances) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 151 (พ.ศ. 2536) เรื่องวัตถุที่ห้ามใช้ในของกิน

พิษของสารบอแรกซ์ กำเนิดได้สองกรณีหมายถึง

พิษแบบกระทันหัน จะมีอาการคลื่นไส้ อ้วก คนแก่ ได้รับสารบอแรกซ์ 15 กรัม และก็ เด็ก ได้รับ 5 กรัม จะทำให้อ้วกเป็นเลือดและก็ตายได้ ภายใน 3-4 ชม.
พิษแบบเรื้อรัง จะมีลักษณะอ่อนล้า เบื่อข้าว ผิวหนังแห้ง หน้าตาบวม เยื่อตาอักเสบ แล้วก็ตับไตอักเสบ
ความร้ายแรงของอาการที่เกิดขึ้น ขึ้นกับปริมาณที่กินเข้าไปในร่างกาย

บอแรกซ์ มีคุณประโยชน์หรือไม่
จากที่มีการอ้างสรรพคุณของบอแรกซ์ว่าใช้ผสมกับสารเคมีตัวอื่นๆเพื่อใช้ผลิตยาหยอดตา รวมทั้งยาลดอาการปวดบวม ซึ่งล้วนแล้วแต่ใช้ภายนอกร่างกาย แม้กระนั้นขณะเดียวกัน หลายข้อที่กล่าวถึงว่ารับประทานบอแรกซ์แล้วได้ประโยชน์นั้น (ได้แก่ คุ้มครองป้องกันโรคไขข้อ แก้ไขปัญหาฮอร์โมนเพศ) ทาง Lybrate เพจสุขภาพของประเทศอินเดีย อ้างอิงจากหนังสือเรียนยาจีน รวมทั้งหนังสือเรียนยาประเทศอินเดียโบราณที่ชื่อว่า หนังสืออายุรเวท AYURVEDA โดยอ้างถึงบทความเรื่อง Utilization of Borax In The PharmaceuticoTherapeutics of Ayurveda in India เผยแพร่ในนิตยสาร Indian Journal of History of Science (นิตยสารประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ของอินเดีย) ซึ่งบทความนี้เรียบเรียงหัวข้อการนำเอาบอแรกซ์มาใช้ในสมัยอินเดียโบราณกว่า 5 พันปีก่อนไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการพิสูจน์ยืนยันแล้วว่าสามารถประยุกต์ใช้เห็นผลจริง ด้วยหลักฐานทางด้านการแพทย์ในขณะนี้

ในเวลาที่ เนื้อหาบทความส่วนที่เอ๋ยถึงเรื่องผลกระทบรวมทั้งอาการแพ้ของบอแรกซ์นั้น ทางเพจได้อ้างถึงบทความเรื่อง Toxicologic studies on borax and boric acid. จากวารสาร Toxicology and applied pharmacology ซึ่งเป็นนิตยสารทางวิทยาศาสตร์ด้านพิษวิทยาและก็เภสัชศาสตร์ ที่มีความน่าไว้ใจใช้ได้ และตรงกับองค์ความรู้ทั่วๆไปในตอนนี้ที่พวกเรามี ว่าบอแรกซ์เกิดอันตรายอย่างไรบ้าง

ซึ่งทางเพจ Lybrate เอง ก็สรุปเนื้อหาสาระเกี่ยวกับผลข้างเคียงของบอแรกซ์ไว้ว่า "โดยปกติไม่เสนอแนะให้บริโภคบอแรกซ์เข้าไป แล้วการใช้ข้างนอกนั้น ก็ทำให้เกิดความระคายต่อผิวได้น่าฟังมันมีความเป็นด่างสูง ยังมีรายงานอีกด้วยถึงผลจากการลบต่อระบบแพร่พันธุ์แล้วก็การเติบโตของลูกในท้อง รวมทั้งยังไม่ชี้แนะให้ใช้ตลอดเป็นเวลานานอีกด้วย เพราะว่ามันเป็นไปได้ที่จะทำให้ไตทำงานผิดปรกติจากการที่บอแรกซ์สะสมภายในร่างกาย พิษของบอแรกซ์ยังสามารถนำไปสู่ความเหน็ดเหนื่อยรวมทั้งคลื่นไส้ อื่นๆอีกมากมาย"

เพราะฉะนั้น โดยรวมแล้ว การกล่าวอ้างว่าบอแรกซ์มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพจนกระทั่งเอามาเป็นความเชื่อกันนั้น จำนวนมากก็คืออ้างตามศาสตร์การแพทย์อินเดียโบราณ ไม่ใช่แนวทางการใช้เป็นยา ตามความรู้ด้านการแพทย์ของพวกเราในปัจจุบันแต่เช่นไร แล้วก็ยังเสี่ยงมีผลข้างๆต่อร่างกายด้วยซ้ำ

อ่านบทความอื่นๆ