• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

แนวทางในการเลือกหัวขับลม กระบอกลม และเกจวัดแรงดัน

Started by deam205, March 28, 2022, 12:24:06 AM

Previous topic - Next topic

deam205

หัวขับลม
SIRCA Pneumatic actuator หัวขับลม SIRCA
ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับในการเลือกขนาดแอคทูเอเตอร์
1)รู้ว่าแรงบิดที่แท้จริงของวาล์วหรืออุปกรณ์อื่นๆจะเป็นแบบอัตโนมัติ โดยพิจารณาถึงสัมประสิทธิ์ความปลอดภัย (SIRCA แนะนำอย่างต่ำ 25%) แรงบิดของวาล์ว (แนะนำความปลอดภัยอย่างต่ำ 25%)
2) ตัดสินใจว่าตัวควบคุมต้องทำหน้าที่สองครั้งหรือสปริงกลับ - การทำงานแบบ Double Act หรือ Spring Return
3) ทราบแรงดันอากาศจริงที่พร้อมใช้งาน - แรงดันใช้งานอย่างต่ำที่ใช้ได้ HOW TO SIZE แอคทูเอเตอร์คู่ (DA) - การเลือกแอคทูเอเตอร์คู่ (DA) ขนาดของแอคทูเอเตอร์แบบดับเบิลแอคทูเอเตอร์นั้นง่ายมาก จำต้องทราบแรงบิดที่ต้องการของวาล์วที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 25%) และความกดอากาศที่มีอยู่ต่อจากนั้น ให้เข้าร่วมการอ้างอิงทั้งคู่แล้วก็รับแบบจำลองแอคทูเอเตอร์ที่เกี่ยวข้องทันที
ตัวอย่าง: ต้องทำวาล์วอัตโนมัติที่อยากได้แรงบิด 80Nm เพิ่มขึ้น 25% = 100Nm ที่ 5 บาร์ของการจ่ายอากาศ ตัวเลือกนี้ตกอยู่ที่รุ่น AP 4 DA ซึ่งพัฒนาแรงบิด 119 Nm





ข้อควรคำนึง: ค่าแรงบิดที่เลือกซึ่งระบุรุ่นของแอคชูเอเตอร์จำต้องไม่ต่ำกว่าค่าแรงบิดของวาล์วที่ต้องการ กำหนดแรงบิดของวาล์วที่อยากได้ ซึ่งควรรวมถึงระยะขอบความปลอดภัย 25% และแรงดันใช้งานอย่างต่ำที่มี อ้างถึงตารางแรงบิดแรงดัน abd เลือกคอลัมน์แรงดันต่ำสุดที่ใช้งานได้ ปฏิบัติตามคอลัมน์นี้กระทั่งพบค่าไม่น้อยกว่าที่ต้องการ ถัดไปอ่านข้ามไปที่คอลัมน์ทางด้านซ้ายและอ่านหมายเลขรุ่นที่จะสั่งซื้อ วาล์วทอร์คที่เลือกซึ่งกำหนดชนิดของแอคทูเอเตอร์ควรต้องไม่น้อยกว่าที่ระบุ ค่าแรงบิดของวาล์ว ทอร์คแอคทูเอเตอร์

กระบอกลม (Pneumatic Air Cylinder)
หรือเรียกอีกชื่อว่า Actuator คือเครื่องมือที่ใช้ลมทำให้ก้านกระบอกลมเคลื่อนที่ไปในแนวเส้นตรง หรือหมุน 90, 180, 270 หรือ 360 องศา
เป็นอุปกรณ์ที่แปลงพลังงานในรูปแบบความดันลมให้เป็นพลังงานกลในรูปแบบของการเคลื่อนที่โดยแบ่งตามลักษณะการทำงานหรือการเคลื่อนที่ได้ 3 จำพวก คือ
1. กระบอกลูกสูบลม (Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นตรง
2. กระบอกลม (Air Cylinder) ทำงานตามแนวเส้นรอบวง
3. กระบอกลมนิวเมติกส์ทำงานแบบพิเศษ (Special Actuator) เป็นกระบอกลมนิวเมติกส์ที่มีลักษณะการทำงานต่างจาก 2 จำพวกที่กล่าวมา กระบอกลมนิวเมติกส์แต่ละประเภทจะมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันไปตามจุดมุ่งหมายของการนำไปใช้งาน





กระบอกลม Air Cylinder จำพวกต่างๆ
1. กระบอกลมมาตรฐาน (Standard Cylinder)
โครงสร้างของกระบอกจะผลิตด้วยวัสดุที่เป็นอลูมินัมเหลว ที่ถูกอัดลงบนแม่พิมพ์กระบอกลมอีกทีหนึ่ง กระบอกลมประเภทนี้จะมีมาตรฐาน ISO 15552 มีหลายแบบให้เลือกใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น กระบอกลมแบบติดวาล์วควบคุมทิศทาง (Pneumatics Control), กระบอกลมแบบสี่เสา(Tie Red Type Cylinders), กระบอกลมแบบโปรไฟล์ (Profile Type Cylinders) แล้วก็กระบอกลมที่เป็นแบบล็อคก้านสูบได้ (Lock Cylinder)
2. กระบอกลมขนาดเล็ก (Mini Cylinder)
เหมาะสำหรับงานที่ใช้แรงดันลมไม่มากนัก งานสร้างสำหรับงานเฉพาะทาง โดยมีขนาดต่างๆอย่างเช่น กระบอกลมแบบมินิ (Mini Cylinders), กระบอกลมปากกา (Pen Sign Cylinders)
3. กระบอกลมแบบคอมแพค (Compact Cylinder)
มีความเด่นในเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน ลักษณะของกระบอกจะเป็นแบบสี่เหลี่ยม แบบทรงแผ่น รวมทั้งแบบมีเพิ่มก้านนำทาง
1. กระบอกลมแบบไม่มีก้านสูบ (Rodless Cylinders)
มีความแตกต่างจากกระบอกลมชนิดอื่นตรงที่ไม่มีก้านลูกสูบ มีการใช้งานกันอยู่ 2 ประเภท คือ
– แบบแมคคานิคอลจ๊อย(Mechanically Jointed Rod less Cylinder)
– แบบใช้แรงดูดของแม่เหล็ก (Magnetically Coupled Cylinder)
การทำงานของกระบอกลมประเภทนี้คือ กระบอกลมจะเคลื่อนที่บนแกนเพลาที่ยึดหัวเเละท้าย เคลื่อนที่ได้จากแรงของแม่เหล็กที่เคลื่อนไป-มาอยู่ตลอดเวลา กระบอกลมประเภทนี้เหมาะกับงานที่ต้องการช่วงชักยาว
4. กระบอกลมแบบเลื่อน/สไลด์ (Slide Table Cylinder)
คุณลักษณะเด่นของกระบอกลมจำพวกนี้คือ สามารถเลื่อนได้ (Slide Table Air Cylinder) ซึ่งกระบอกลมประเภทอื่นทำไม่ได้ แบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1. แบบแผ่นเลื่อนความแม่นยำสูง (Air Slide Table/Precision Cylinder)
2. แบบเลื่อนยาว (Air Slide Table/Long Stroke)
3. แบบเลื่อนประเภทคอมแพ็ค (Compact Air (Cylinder) Slide Table) สามารถปรับแก้ช่วงชัก หรือตำแหน่งการติดตั้งได้อย่างอิสระ

เกจวัดแรงดัน (pressure gauge)
เป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการใช้วัดหรืออ่านค่าแรงดันก๊าซแล้วก็ของเหลว เกจวัดแรงดันแบ่งได้เป็นหลากหลายชนิดมาก การจะเลือกซื้อเกจวัดแรงดันไปใช้ให้ถูกงานนั้นจำต้องคำนึงถึงประเภทต่างๆของเกจวัดความดันดังนี้
เกจวัดแรงค่าดันจะแบ่งเป็น 3 ชนิดหลักๆด้วยกัน คือ
1.General pressure gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าบวก
2. Vacuum gauge ใช้วัดแรงดันที่เป็นย่านค่าลบ
3. Compound gauge สามารถวัดแรงดันได้ทั้งยังค่าบวกและก็ลบได้ในตัวเดียวกัน
เกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge) เป็นเครื่องมือวัดที่ทนต่อแรงสั่นสะเทือนเพื่อใช้สำหรับการวัดความดันซึ่งควรพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถแบ่งเกจได้เป็นทั้งยังแบบอนาล็อกแล้วก็เกจดิจิตอล





เกจวัดแรงดัน อนาล็อกหรือดิจิตอล
1. เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล จะมีราคาสูงกว่าเพจอนาล็อกแต่จะมีข้อดีกว่าตรงเกจแบบดิจิตอลมีความแม่นยำมากกว่า เหมาะกับงานที่ต้องการการวัดความดันถูกต้องแม่นยำสูง ยิ่งไปกว่านั้นเกจวัดแรงดันแบบดิจิตอลในหลายรุ่นสามารถเชื่อมต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถอ่านค่าได้จากระยะไกลได้ด้วย
เพรสเชอร์เกจแบบดิจิตอล เกจวัดแรงดันแบบดิจิตอล
2. เกจวัดแรงดันแบบอนาล็อก (แบบเข็ม) มีข้อดีคือราคาถูกมากกว่าไม่ต้องการการบำรุงรักษามากเมื่อเทียบกับเกจแบบดิจิตอล โดยเกจวัดแรงดันแบบอนาล็อกนั้นแบ่งออกอีกเป็น 2 จำพวก คือ
2.1 เกจวัดแรงดันอนาล็อกปรกติ มีข้อดีคือ ราคาไม่แพง แต่ว่าจะรับแรงสั่นสูงไม่ได้
โดยปกติสำหรับการสั่งซื้อสิ่งที่ควรระบุสำหรับอุปกรณ์วัดแรงดันมีดังนี้
- หน่วยวัด(Unit) คือ หน่วยความดันบนหน้าปัดที่เราต้องการที่จะให้เครื่องมือวัดแสดง
- ย่านการวัด (Range) คือ ช่วงความดันต่ำสุด-สูงสุด ที่อุปกรณ์ตัวนั้นสามารถวัดให้พวกเราได้
- ขนาดหน้าปัด (Dial Size) คือ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของหน้าปัดเครื่องมือวัด มักกำหนดเป็น นิ้วหรือมม.
- ชนิดวัสดุ คือ ประเภทของวัสดุที่ใช้เป็นตัวเรือน : เหล็ก / พลาสติก / สแตนเลส / ทองเหลืองแล้วก็วัสดุใช้ทำเกลียว : ทองเหลือง / สแตนเลสแบบ/ขนาดของเกลียว (Type/Thread size) คือ ขนาดของเกลียวที่จะใช้ต่อกับอุปกรณ์อื่น มีทั้งแบบออกด้านล่างและก็ออกด้านหลัง ตัวอย่างขนาดเกลียวมาตรฐาน NPT แล้วก็ BSP
- ออฟชั่นพิเศษต่างๆยกตัวอย่างเช่น แบบมีน้ำมัน มีปีกยึดติดตู้