• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

พาวเวอร์คอร์ด (Power Chord) เรื่องน่ารู้ของคนอยากร็อก

Started by Panitsupa, March 11, 2022, 04:24:04 AM

Previous topic - Next topic

Panitsupa



คอร์ด คืออะไร?


ก่อนจะพูดถึงพาวเวอร์คอร์ด (Power chord) คงจะจำต้องเล่าเกี่ยวกับคำว่าคอร์ด (chord) ซักนิด เอาแบบเข้าใจง่ายๆไม่ต้องหลักการเยอะแยะ เอาองค์ประกอบของคอร์ด C มาอธิบายดีกว่าเนอะ

โน้ตของกีตาร์เริ่มตั้งแต่ C หรือ โด ในระบบโน้ตสากล ไล่ไป D, E, F, G, A, B และวนกลับมาที่ C อีกครั้ง ซึ่งหากนับโน้ตที่ไม่ซ้ำกัน มันก็มีอยู่ 7 ตัว

ทีนี้ คอร์ด ก็คือกลุ่มของโน้ตที่เอามาเรียงกันอย่างน้อย 3 ตัว โดยการเอาโน้ตลำดับที่ 1, 3 และ 5 มาใช้ โดยให้เอาโน้ตตัวที่เราต้องการให้เป็นชื่อคอร์ดไปวางไว้เป็นลำดับแรกสุด เช่น หากเป็นคอร์ด C เราก็เอาโน้ตมาเรียงกันโดยเริ่มจาก

1 = C

2 = D

3 = E

4 = F

5 = G

6 = A

7 = B

เมื่อเราก็เอาโน้ตลำดับที่ 1, 3 และก็ 5 หรือก็คือ C, E, G มาเรียงกัน เราก็จะได้คอร์ด C

แล้วพาวเวอร์คอร์ด (Power Chord) ล่ะ มันจับอย่างไร?

หลักการของพาวเวอร์คอร์ดนั้นง่ายสุดๆ คือให้เรากดโน้ตตัวที่ 1 และ 5 ของคอร์ด รวมทั้งบอดโน้ตอื่นๆให้หมด Power Chord เรียกอีกอย่างว่าคอร์ดคู่ 5 แล้วก็เขียนคอร์ดมีเลข 5 ต่อท้ายชื่อคอร์ด ยกตัวอย่างเช่น C5, G5, A5 เป็นต้น

ฟอร์มการจับนั้น จะว่าไปมันก็ดูคล้ายๆการจับแบบทาบคอร์ดนั่นแหละ แต่เราจะกดให้มันดังเพียงแค่สาย 6-4 หรือไม่ก็สาย 5-3 ตัวอย่าง ถ้าหากเป็นคอร์ด C แบบพาวเวอร์ (หรือคู่ 5) จากเดิมที่เราเคยทาบคอร์ดแบบใช้ทุกนิ้ว มันก็จะเหลือให้พวกเรากด เพียงแค่โน้ต C กับ G อย่างนี้

หรือคอร์ด A จับแบบพาวเวอร์คอร์ด มันก็จะมีแค่โน้ต A คู่กับ E อย่างนี้

หรือถ้าเกิดเราต้องการให้เสียงมันมีย่านแหลมใสเพิ่มเข้ามาบ้าง เราก็แค่เพิ่มนิ้วนางเข้ามา ซึ่งมันก็เป็นโน้ตเดียวกับนิ้วชี้บนสายหกเป๊ะ ด้วยเหตุดังกล่าวการจับแบบนี้ก็เลยยังเป็นพาวเวอร์คอร์ด เพียงแต่เพิ่มความไพเราะเพราะพริ้งอีกนิดนั่นเอง

ตารางเพาเวอร์คอร์ด (Power Chord)




เพราะอะไรพาวเวอร์คอร์ด (Power Chord) จึงเหมาะกับเพลงร็อก

การเล่นให้มีเพียงแค่เสียงโน้ต 1 กับ 5 เพียงแค่สองโน้ตในคอร์ด ทำให้ไม่มีโน้ตอื่นๆมาตกแต่งให้เป็นโทนเมเจอร์ ไมเนอร์ เซเว่นธ์ ฯลฯ ใดๆทั้งสิ้น มีเพียงแค่เสียงหัวโน้ตหลักจากคอร์ดนั้นดังโดดๆหนาๆเพราะว่าคอร์ดแนวนี้มักเล่นบนสาย 4 – 6 เป็นหลัก จึงเหมาะสมกับการเล่นริทึ่มมากกว่า แล้วก็จะยิ่งเหมาะเป็นพิเศษสำหรับเล่นกับเสียง distortion หรือเสียงแตก เพราะว่าจะให้โทนเสียงที่หนา ดุ ร็อก

นอกเหนือจากเสียงที่ดุดัน หนา สะใจเมื่อใสเสียงแตกแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของการจับคอร์ดโน้ตน้อยๆแบบนี้ก็คือ พวกเราสามารถเคลื่อนย้ายมือเปลี่ยนคอร์ดได้เร็วกว่าการจับคอร์ดธรรมดามาก เพราะอย่างที่บอก พาวเวอร์คอร์ดไม่มีเมเจอร์ ไมเนอร์ เราก็แค่จำโน้ตหลักว่าอยู่ตรงเฟรทไหน และเลื่อนบล็อคนิ้วไปๆมาๆเท่านั้นเอง ง่ายนิดเดียว

ง่ายดีนะ ถ้าอย่างนั้นจับคอร์ดอย่างนี้แทนการทาบไปเลยได้มั้ย?

แต่เนื่องจากว่าคอร์ดอย่างนี้มีจำนวนโน้ตที่น้อย เสียงที่ได้ก็เลยไม่ได้มีมิติสีสันอะไร มีแต่เสียงเด่นๆจากโน้ตหลักของคอร์ด (root) เท่านั้น และจะต้องเล่นกับเสียงแตกเป็นสำคัญ เพราะว่าเล่นคอร์ดอย่างนี้กับเสียง clean อาจจะคล้ายๆกับการดีดเบสเล่นนั่นเอง การใช้พาวเวอร์คอร์ดให้ถูกที่ถูกเวลาจึงเป็นคำตอบของประเด็นนี้

หวังว่าเนื้อหานี้จะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังฝึกหัดเล่นกีตาร์อยู่นะ กีตาร์ยังมีอะไรให้เล่นพลิกแพลงมากยิ่งกว่านี้อีกมาก ไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังอีกครับ

สนใจสั่งซื้อกีต้าร์ไฟฟ้า ได้ที่ BigTone
** ติดต่อ สั่งซื้อ หรือ ถามเพิ่มเติมอีก คลิกเลย!!