• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chanapot

#9633
การันตีสินค้าคุณภาพ จัดส่งให้ถึงบ้าน
#9634
การันตีสินค้าคุณภาพ จัดส่งให้ถึงบ้าน
#9635
การันตีสินค้าคุณภาพ จัดส่งให้ถึงบ้าน
#9636
การันตีสินค้าคุณภาพ จัดส่งให้ถึงบ้าน
#9637


จัสติน เทย์เลอร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคของ Twitter ได้เปิดตัววิดีโอที่แสดงเครื่องมือที่ยังไม่ได้เผยแพร่และอยู่ระหว่างการพัฒนาสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการมีรูปโปรไฟล์ NFT

วิดีโอนี้บันทึกโดย Mada Aflak วิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโสของ Twitter ในวิดีโอ Aflak แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ต้องคลิกที่ "เปลี่ยนรูปภาพ" เพื่อดูรูปโปรไฟล์อย่างไร ตัวเลือก "Select NFT" จะปรากฏขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกระเป๋าเงินดิจิทัลจาก Coinbase, Metamask หรือแหล่งอื่นๆ ผู้ใช้เลือก NFT ที่ต้องการเป็นรูปโปรไฟล์ ซึ่งจะมีเครื่องหมายถูกเพื่อยืนยันว่าบล็อกเชนที่ NFT อยู่

นอกจากรูปภาพโปรไฟล์ NFT ที่ยืนยันแล้ว ผู้ใช้อาจแสดง NFT อื่นๆ ที่พวกเขาเป็นเจ้าของผ่านตัวเลือกเมนู "สะสม" ที่กำลังจะมีขึ้น ซึ่งจะอยู่ระหว่าง "ทวีตและตอบกลับ" "สื่อ" "ปฏิกิริยา" และกิจกรรมอื่นๆ บน Twitter ของผู้ใช้
#9640
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#9641
 สาวๆตั้งท้องทานข้าวกล้องออแกนิค Low GI น้ำตาลต่ำ ข้าวอร่อยโภชนาการสูงสำหรับคุณแม่ให้นมบุตร ข้าวสุรินทร์ 100%
โครงการข้าวอินทรีย์  จากนาข้าวเคมีสู่นาข้าวอินทรีย์  คนทำนาข้าวอินทรีย์  'ข้าวออร์แกนิค' ดีต่อสุขภาพ

9 เหตุผลที่คุณแม่ตั้งครรภ์ .....ควรรับประทานข้าวกล้องออร์แกนิค (ปลูกข้าวออแกนิค)
        การรับประทาน "#ข้าวกล้องออร์แกนิค หรือ ขายข้าวอินทรีย์ " ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสีแล้ว  เรามากันทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรกิน  "#ข้าวกล้องออร์แกนิค"  ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้




1.ข้าวมะลินิลอินทรีย์, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้
2.   ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคเมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2
3.   ปลูกข้าวหอมมะลิออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคบรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
4.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผม
5.  ข้าวสุขภาพปะกาอำปึล, ข้าวกล้องออร์แกนิคมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
6.  ข้าวปะกาอำปึลออแกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7.  ข้าวผกาอำปึลออแกนิก, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8.   ปลูกข้าวหอมมะลิแดงออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ
9.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค, ข้าวกล้องออร์แกนิกมีแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

หลังจากรู้คุณค่าของ "ข้าวกล้องออร์แกนิค"  กันแล้ว อย่าลืมซื้อ "ข้าวกล้องออร์แกนิก"  มาทานกันนะคะ

ข้าว Hor.Boutique ข้าวไรซ์เบอรี่ หรือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่   ข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :  ขายข้าวหอมมะลิอินทรีย์
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิ
3.  ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์กรมการข้าว   ข้าวผกาอำปึลอินทรีย์(ข้าวพื้นถิ่นออแกนิกสุรินทร์) 4.  ขายข้าวสารหอมมะลิผสมหลายสายพันธุ์สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค 6.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลินิล
7.  ข้าวไรซ์เบอรี่ออร์แกนิค ข้าวไรซ์เบอร์รี่เกษตรอินทรีย์

#ข้าวคนท้อง  #ข้าวสำหรับคนท้อง   #ข้าวคนตั้งครรภ์   #ข้าวสำหรับคนตั้งครรภ์  #คนท้องกินข้าวกล้อง  #คุณแม่ตั้งครรภ์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
#9642


"อุบล ไบโอ เอทานอล" เทรดวันแรกปิดที่ 2.06 บาท ต่ำกว่าราคาจอง หรือลดลง 0.34 บาท คิดเป็น 14.17% มูลค่าซื้อขาย 3,047.38 ล้านบาท ด้าน "ซีแพนเนล" คึกสวนทางปิดที่ 7.30 เหนือจอง 1.30 บาท คิดเป็น 21.67% มูลค่าซื้อขาย 814.78 ล้านบาท

วานนี้ หุ้นของบริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรกในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค เมื่อเปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 2.28 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือลดลง 5% จากราคาขาย IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 2.40 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 2.40 บาท ต่ำสุดที่ 2.06 บาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 2.06 บาท ลดลง 0.34 บาท คิดเป็น 14.17% มูลค่าซื้อขาย 3,047.38 ล้านบาท และหุ้น CPANEL หรือบริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) เปิดเทรดวันแรกในตลาด mai ด้วยราคา 8.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.70 บาท หรือ 45% จากราคาขาย IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 6.00 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 8.80 บาท ต่ำสุดที่ 7.15 บาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท คิดเป็น 21.67% มูลค่าซื้อขาย 814.78 ล้านบาท นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ UBE เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทที่จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทดำเนินธุรกิจได้ตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ในการสร้างสรรค์ธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบทางการเกษตรอย่างครบวงจร ส่งเสริมวิถีการเกษตรอินทรีย์ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่ง UBE มีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปขยายและพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิตในธุรกิจเอทานอล ขยายกำลังการผลิตแป้งฟลาวมันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเกษตรอินทรีย์ให้มีมูลค่าสูง

ทั้งนี้ UBE ขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในช่วงที่ผ่านมา 1,370 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัท 1,174,286,000 หุ้น หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด 97,857,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI 97,857,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 2.40 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 2,818 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ประมาณ 9,394 ล้านบาท

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL กล่าวว่า การเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) เป็นวันแรกถือว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยการระดมทุนของบริษัทในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปชำระหนี้สถาบันการเงิน พร้อมเดินหน้าลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ในพื้นที่โรงงานเดิมด้วยระบบการผลิต Fully Automated ที่มีกำลังการผลิต 720,000 ตารางเมตรต่อปี หรือเท่ากับกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1 เท่าตัว ซึ่งจะมีระยะเวลาก่อสร้างในช่วงไตรมาส 2/65 ถึงไตรมาส 4/66 คาดการณ์เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 1/67

"แนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ 30 มิ.ย64 ที่ 1,156.03 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 228.56 ล้านบาท จากภาพรวมตลาดแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่อง มีปัจจัยสนับสนุนจากเทรนด์ของโครงการก่อสร้างในปัจจุบันที่มีลักษณะขายก่อนสร้างทีหลัง ทำให้ผู้ประกอบการที่ยังมีการลงทุนในโครงการต่างๆ ต้องการความรวดเร็ว ปัจจัยดังกล่าวจึงหนุนความต้องการใช้ Precast Concrete ของ CPANEL เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง" นายชาคริตกล่าว

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า CPANEL เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ที่มีทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีความรู้ และประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมคอนกรีตสำเร็จรูป มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรการผลิตระบบ Fully Automated ที่ควบคุมทุกขั้นตอนการผลิตด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ส่งผลให้บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ สามารถบริหารจัดการต้นทุน และกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีศักยภาพในการเติบโตสอดคล้องกับความต้องการในอนาคต นับได้ว่าเป็นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีบริษัทหนึ่ง

"ภายหลังการระดมทุน CPANEL จะสามารถสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้น จากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ความพร้อมในการดำเนินธุรกิจอย่างประสิทธิภาพ เพื่อรองรับความต้องการที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากปัจจัยสนับสนุนในเรื่องต้นทุนเวลา ต้นทุนของผู้ประกอบการ ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อีกทั้งเงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งจะถูกนำไปชำระคืนเงินกู้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุน (Debt to Equity Ratio : D/E Ratio) ลดลง" นายสมศักดิ์ กล่าว
#9643
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#9645
สยามคูโบต้าประกาศเส้นทางก้าวสู่การเป็น The Most Trusted Brand ในอาเซียน ร่วมก้าวผ่านในทุกสถานการณ์ไปกับเกษตรกรไทย เผยเป้าหมายหลักคือการยกระดับเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยและอาเซียนให้มั่นคงยิ่งขึ้น เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ ขยายธุรกิจใหม่ตอบโจทย์ Smart Farmer หนุนสู่การเป็นเกษตรอัจฉริยะ

นายทาคาโนบุ อะซึมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า สยามคูโบต้ายังคงให้ความสำคัญและมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรในรูปแบบต่างๆ ผสานกับการสร้างประสบการณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัยแก่เกษตรกรไทย เพื่อคงจุดยืนการเป็น "นวัตกรรมเกษตรเพื่ออนาคต" โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการในการทำการเกษตรด้วยเครื่องจักรกลการเกษตร และโซลูชัน ให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงจากความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ ตลอดจนสามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต นำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมทั้งมีเป้าหมายในการยกระดับภาคเกษตรกรรมของอาเซียนให้มั่นคงมีการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชากรทั่วโลกมีความมั่นคงทางอาหารในการบริโภคจากผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และปลอดภัย สอดรับเทรนด์โลก ในปี 2030 ตามนโยบายของคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ที่วางแนวทางดำเนินธุรกิจโดยการพัฒนาสินค้าเพื่อสานต่อความยั่งยืนทั้งด้านอาหาร น้ำ และสิ่งแวดล้อม โดยมีกลยุทธ์มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ชั้นนำระดับโลก GMB (Global Major Brand) ให้เกิดขึ้นจริง พร้อมเป็น The Most Trusted Brand ของเกษตรกรทั่วโลก

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคเกษตรไทยนั้น ทำให้เกิดแรงงานคืนถิ่นกลับสู่ภาคเกษตรมากขึ้นกว่า 1.6 ล้านคน ส่งผลให้เกิดความต้องการการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วงแรกนั้นสินค้าทางการเกษตรได้รับผลกระทบจากการส่งออก เนื่องจากความต้องการของต่างประเทศที่ลดลงจากเศรษฐกิจหดตัว รวมไปถึงปัญหาเรื่องการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าว และมันสำปะหลัง แต่ในปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเริ่มกลับมาอยู่ในเกณฑ์ดีทำให้สถานการณ์ส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น

"บริษัทฯ มองว่าภาพรวมสถานการณ์ธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรในครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มที่ดี โดยคาดการณ์ GDP ภาคเกษตรของไทยเติบโต 2-3% และ GDP ภาคเกษตรของกัมพูชาซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักอยู่ที่ 6%

ทางด้านการจัดส่งสินค้าให้ทันต่อความต้องการ ยังเป็นเรื่องที่มีความท้าทายอย่างมาก ด้วยการผลิตของ supplier ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดทำให้เกิดการหยุดผลิตเป็นบางช่วง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นจากการใช้มาตรการ Bubble & Seal และการเร่งจัดหาวัคซีนให้พนักงานของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น เพื่อให้พร้อมส่งมอบสินค้าให้ทันความต้องการของตลาด

ส่วนด้านการให้บริการลูกค้า บริษัทฯ ยังรักษาระดับการให้บริการลูกค้าให้มีความพึงพอใจสูงสุด โดยดูแลเรื่องความสะอาดปลอดภัยพร้อมเคร่งครัดต่อมาตรการป้องกันโควิด-19 ในการเข้าไปปฏิบัติงานของผู้ให้บริการ และยังมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและเครื่องมือใหม่ๆ มาปรับใช้ในองค์กร เข้าสู่ยุค Digital Transformation รวมถึงกระตุ้นให้พนักงานเกิดการเรียนรู้ที่จะพัฒนาทักษะแบบไม่หยุดนิ่ง เพิ่มขีดความสามารถในการทำงานแบบ New Normal ได้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ เช่น รถดำนาเดินตาม 4 แถว โดรนเพื่อการเกษตร โรงเรือนอัจฉริยะ (Greenhouse) และรถปลูกผัก (Vegetable Planter) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมทุกขั้นตอนทำการเกษตร โดยนำนวัตกรรมและองค์ความรู้ต่างๆ ทั้งจากคูโบต้า ประเทศญี่ปุ่น และการศึกษาวิจัยของทีมผู้เชี่ยวชาญของบริษัทฯ เข้ามาพัฒนาประยุกต์ใช้กับภาคการเกษตรของไทย" นายอะซึมะกล่าวเพิ่มเติม



นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรในภาพรวมของบริษัทตั้งแต่ปี 2561-2563 ที่ผ่านมาพบว่า เครื่องจักรกลการเกษตรที่เป็นยอดขายหลักของบริษัท ได้แก่ แทรกเตอร์และรถเกี่ยวนวดข้าวมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ลูกค้าเก่าของบริษัทฯ มีการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรเพิ่มขึ้นกว่า 30% เนื่องจากมีการขยายพื้นที่การเพาะปลูก อีกทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรโดยรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจเข้ามาทำการเกษตรมากขึ้น โดยจากแนวโน้มการใช้งานของลูกค้าปัจจุบันบางส่วนที่มีการหันมาใช้สื่อออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียและดิจิทัลแพลตฟอร์มด้านการเกษตร แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของกลุ่มเกษตรกรที่เป็น Smart Farmer

"สำหรับภาคการเกษตรในปี 2564 บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวโดยมาจากปัจจัยบวกเรื่องสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการทำการเกษตรมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก และไม่ประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากสถานการณ์พายุฤดูฝนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จึงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่เพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด รวมถึงความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสินค้าเกษตรและปริมาณผลผลิตภายในประเทศ สำหรับครึ่งปีหลังน่าจะมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น

โดยมีปัจจัยบวกที่ทำให้ภาคการเกษตรของไทยกลับมาดีขึ้น เกิดจากการมีแรงงานกลับสู่ภาคเกษตร ด้านการส่งออก ตลาดมีความต้องการสินค้าเกษตรก็เพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจของโลก รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง นอกจากนี้ ยังมีความต้องการของพืชมูลค่าสูงใหม่ๆ เช่น สมุนไพรและผลไม้ สินค้าเกษตรปลอดภัยเกษตรอินทรีย์ ด้านนวัตกรรมการเกษตร มีแนวโน้มการใช้เทคโนโลยี IOT และนวัตกรรมมาใช้ในภาคการเกษตร แบบ Smart Farming เพื่อยกระดับการพัฒนาเกษตรกรรมใน 4 ด้าน ได้แก่ ลดต้นทุนในกระบวนการผลิต เพิ่มผลผลิต คุณภาพสินค้าและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ลดความเสี่ยงในภาคเกษตรที่เกิดจากการระบาดของศัตรูพืชและจากภัยธรรมชาติ และจัดการส่งผ่านความรู้โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเกษตรกรสามารถเรียนรู้โซลูชันนวัตกรรมเกษตรต่างๆ ด้วยตนเองได้ที่คูโบต้าฟาร์ม ซึ่งต่อยอดแนวคิด KUBOTA (Agri) Solutions หรือ KAS เกษตรครบวงจร สู่การพัฒนาเป็น Innovative Farming Experience Center ที่สร้างประสบการณ์การเกษตรสมัยใหม่ของคูโบต้าในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงสนับสนุนการใช้ Smart Farming Platform เพิ่มการเข้าถึงเครื่องจักรกลการเกษตร ผ่านการเช่าหรือแชร์การใช้งานเครื่องจักรฯ เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ครัวเรือนมากขึ้น

สำหรับการช่วยเหลือสังคมและภาคประชาชนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมานั้น บริษัทฯ ได้จัดตั้งโครงการ KUBOTA On Your Side ขึ้นตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดในช่วงแรก เพื่อให้ความช่วยเหลือและส่งกำลังใจให้คนไทยทั่วประเทศ มูลค่ารวมกว่า 15 ล้านบาท ผ่านการช่วยเหลือใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านสาธารณสุข ผลิตและซ่อมแซมอุปกรณ์ทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องช่วยหายใจ ตู้ความดันลบ หุ่นยนต์รับส่งยาและอาหาร บริจาคเงินจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็นในกิจกรรม "ส่งต่อลมหายใจ" ด้านการช่วยเหลือเยียวยาลูกค้าของสยามคูโบต้า ด้วยมาตรการพักชำระค่างวดแก่เกษตรกร โดยสยามคูโบต้าลิสซิ่ง ด้านการช่วยเหลือภาคประชาชน โดยเฉพาะแรงงานที่ได้รับผลกระทบ บริษัทฯ ได้จัดหลักสูตรออนไลน์ KUBOTA Agri e-Learning เรียนรู้ด้านเกษตรและขับเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อนำไปรับจ้างงานสร้างรายได้ นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรม "ฟาร์มส่งสุข" สนับสนุนผลผลิตทางการเกษตรจาก 5 กลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนภายใต้ "โครงการชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า" ส่งมอบเพื่อเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารให้แก่โรงพยาบาล และศูนย์ฉีดวัคซีน กทม. อีกทั้งในช่วงนี้ยังได้จัดแคมเปญ คูโบต้าเคียงข้างสร้างอนาคต อาทิ การบริจาคเวชภัณฑ์และสิ่งของจำเป็น พร้อมช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในทุกมิติของสังคมไทยเพื่อสู้ไปด้วยกันอีกด้วย" นางวราภรณ์กล่าว