• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Shopd2

#9331


นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ทางสมาคมฯได้ทำการสำรวจและทำแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคจำนวนกว่า 400 ราย พบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านมากถึง 72% ส่วนที่เหลือ 28% ไม่มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้าน ข้อมูลดังกล่าวคาดว่าเป็นกลุ่มบ้านราคาแพงซึ่งตลาดยังพอไปได้ต่างจากบ้านขนาดเล็กหรือตลาดทั่วไป ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านมาก ด้วยเหตุนี้อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านที่เดิมเน้นตลาดทั่วไป ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ได้ขยับมาจับตลาดบ้านราคาแพงตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป


เมื่อถามว่าต้องการจะปลูกสร้างบ้านพร้อมเข้าอยู่ใช้เวลาในการปลูกสร้างกี่ปีนั้น พบว่าพร้อมปลูกสร้างไม่เกิน 6 เดือนคิดเป็นสัดส่วน 24% และใช้เวลามากกว่า 6 เดือนถึง 2 ปีคิดเป็นสัดส่วน 65% และ ใช้เวลา 2-3 ปี คิดเป็นสัดส่วน 11% ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการสร้างบ้านส่วนใหญ่ จะไปสร้างบ้านในปี 2565- 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะคลี่คลาย ส่วนทำเลที่เลือกปลูกสร้างบ้านนั้น 3 ทำเลที่ต้องการปลูกสร้างมากสุดคือ อันดับหนึ่งยังเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑลคิดเป็นสัดส่วน 37% อันดับสองและอันดับสามคือ ภาคกลาง และภาคใต้ คิดเป็นสัดส่วน 18% จากสัดส่วนนี้แสดงให้เห็นว่าความต้องการของลูกค้ากลุ่มรับสร้างบ้านกว่า 55% ยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงภาคกลาง

พร้อมกันนี้จากแบบสอบถามที่ได้จากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านกับบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ถึง 84.2% นั้นสะท้อนภาพได้ว่าผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่น ดังนั้นทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้ตัดสินใจเลื่อนการจัดงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021" จากเดิมจะจัดในเดือนสิงหาคม ไปเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564

แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือสมาชิกสมาคมฯ จึงได้จัดงาน งานรับสร้างบ้าน Online 2021 ในรูปแบบ Virtual Online Exhibition เน้นสร้าง Data Base ผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านกลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้นโดยจะกำหนดการจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 27 ส.ค. - 6 ก.ย.2564 นี้ ขึ้นมาก่อน ซึ่งคาดหวังว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นนี้จะกระตุ้นการตลาดและการขายก่อนการจัดงานในช่วงปลายปี ขณะเดียวกันผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวกต่อการเข้าชม ป้องกันการระบาดของโรคระบาด โดยเฉพาะโควิด-19 อีกทั้งยังสร้างมิติใหม่ช่วยให้ภาพลักษณ์ของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านมีความทันสมัยมากขึ้น รวมถึงกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านต่างจังหวัด จะมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับสมาคมฯ ได้มากขึ้นเช่นกัน
#9332


"ธุรกิจร้านอาหาร" ไม่ยอมแพ้! สู้ทุกวิถีทางเพื่อเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้วิกฤติโรคระบาด มาตรการล็อกดาวน์ ปิดตายหน้าร้านในห้าง "บาบีคิว พลาซ่า" ชู 2 โมเดลใหม่ ตั้งครัวกลาง-จุดกระจายสินค้า ในปั้มน้ำมันบางจาก สู่ฮับเดลิเวอรี่

บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร ฟู้ดแพชชั่น เจ้าของแบรนด์ดัง บาร์บีคิวพลาซ่า, จุ่มแซบฮัท, ฌานา, โภชา และ หมูทอดกอคอ เปิดเผยว่า บริษัทมีร้านอาหารที่ให้บริการอยู่ในศูนย์การค้า และสร้างยอดขายกว่า 90% หลังจากรัฐยกระดับมาตรการคุมเข้มโรคโควิด-19 เข้มข้นขึ้น ด้วยการประกาศ "ล็อกดาวน์" ร้านในห้างค้าปลีกไม่สามารถจำหน่ายอาหารทั้งเดลิเวอรี่และซื้อกลับบ้าน ใน 13 จังหวัด เป็นเวลา 14 วัน ธุรกิจจึงได้รับผลกระทบเต็ม ๆ 

สำหรับตัวอย่างแบรนด์ร้านบาร์บีคิวพลาซ่าปัจจุบันมี 144 สาขา ทั่วประเทศ มาตรการล็อกดาวน์ให้บริษัทต้องปิดให้บริการ 108 สาขา และเปิดให้บริการ 36 สาขาเท่านั้น บริษัทจึงปรับตัวเป็นการด่วน พลิกกลยุทธ์การทำตลาดอย่างรวดเร็วด้วยการจับมือพันธมิตร โดยเฉพาะรายหลักอย่าง "ปั๊มน้ำมันบางจาก" เปิดตัว "Gon Gang Delivery Hub" ลุย 2 โมเดลธุรกิจใหม่ ตั้งเป็นครัวกลาง และจุดจอดรถเพื่อกระจายสินค้าในรูปแบบเดลิเวอรรี่จัดส่งรายการอาหารจากแบรนด์ในเครือไปยังลูกค้าถึงหน้าบ้าน

สำหรับจุดกระจายสินค้าแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ อาคารพาณิชย์สำหรับจัดตั้งครัวกลาง อยู่ซอยรัชดา 32, สรงประภา, จอมทอง, ผ่านฟ้า และเพชรเกษม 63 และจุดจอดรถเพื่อกระจายสินค้าในรูปแบบเดลิเวอรี่ ซึ่งเปิดให้บริการครั้งแรก 4 จุด ได้แก่ ปั้มน้ำมันบางจากสาขา พระราม 2, ราษฏร์บูรณะ, สุขาภิบาล 1 และบางใหญ่ เพื่อปักหมุดให้ครอบคลุมทั่วกรุงเทพมหานครโดยเร็ว 

"บริษัทเร่งระดมทีมวางแผนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มพื้นที่ใหม่สำหรับจัดตั้งเป็นครัวกลาง และจุดจอดรถเพื่อกระจายสินค้าในรูปแบบเดลิเวอรี่ ภายใต้ชื่อ Gon Gang Delivery Hub ซึ่งสอดคล้องกับการคิดกลยุทธ์การตลาดแบบรวดเร็วหรือ Marketing Disruptions Strategy และตอบโจทย์ความต้องงการของผู้บริโภคในช่วงล็อกดาวน์  นอกจากความคิดเร็ว ทำเร็ว ผสานกับพันธมิตร ทำให้เราได้พื้นที่ตั้งครัวกลาง (Cloud Kitchen) อยู่ในทำเลที่ด โดยครั้งนี้ บางจาก ถือเป็นพันธมิตรหลักสำคัญ สำหรับที่ตั้งจุดหลักในการส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่อย่างมาก เพราะนอกจากทำเลดี ยังมีสถานีบริการน้ำมันกระจายทั่วพื้นที่กรุงเทพฯจึงเป็นอีกหนึ่งความเชื่อมั่นที่ฟู้ดแพชชั่นจะฝ่าวิกฤติโควิด 19 ในช่วงล็อกดาวน์ 14 วันนี้ ซึ่งหากมีประกาศขยายล็อกดาวน์ เรามีแผนสำหรับการขยายพื้นที่เพิ่มอีกเช่นกัน"

นอกจากการปรับตัวหาครัวกลาง เปิดพื้นที่ขายนอกห้าง บริษัทยังจัดเต็มกับโปรโมชั่นการตลาด กระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า โดยจัดส่งฟรี! ภายในระยะทาง 20 กิโลเมตร เมื่อสั่งขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป ผ่าน LINE@GonGang ฟู้ดแพชชั่นพร้อมส่งเมนูความอร่อยถึงหน้าบ้าน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม 2664 และมีการคัดสรรเมนูยอดฮิต เช่น บาร์บีคิวพลาซ่านำเสนอมาใน ชุดกักตัวหมูจุใจ ชุดกักตัวเนื้อหน้าใหญ่ ฯลฯพร้อมบริการยืมเตา ทานคู่น้ำจิ้มบาร์บีคิวดั้งเดิม ให้อารมณ์ปิ้งย่างสไตล์บาร์บีคิวพลาซ่าอย่างแท้จริง ไว้เสิร์ฟความอร่อยแก่ลูกค้า 


อย่างไรก็ตาม องค์กรธุรกิจหรือผู้สนใจร่วมสนับสนุนพื้นที่ให้เช่า สำหรับจัดตั้งครัวกลาง Cloud Kitchen พื้นที่ 50-80 ตารางเมตร(ตรม.) และ จุดจอดรถกระจายสินค้า Delivery Hub พื้นที่ 20-25 ตรม.ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ยังสอบถามรายละเอียด และอัพเดทสาขาให้บริการ Gon Gang Delivery Hub ได้ที่ Facebook: Bar B Q Plaza 

"ฟู้ดแพชชั่น  และแบรนด์ในเครือ ขอร่วมส่งกำลังใจไปยังคนไทยทุกคน และเพื่อร่วมธุรกิจร้านอาหารให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน เพราะความไม่หยุดนิ่งทั้งพลังแรงใจ และพลังการขับเคลื่อนองค์กรในทุกสถานการณ์วิกฤติ ฟู้ดแพชชั่น จึงเร่งหาพื้นที่ใหม่ให้รองรับกับความต้องการของลูกค้า"
#9333
บริษัท สบายใจการบัญชี  จำกัด
9/54  หมู่ที่ 8  ตำบลบางเลน  อำเภอบางใหญ่  จังหวัดนนทบุรี   11140
โทร & Line ID.087-347-6299
https://gladnessaccounting.co.th

รับทำบัญชีจังหวัดนนทบุรี , รับทำบัญชีบางกรวย , รับทำบัญชีบางกร่าง , รับทำบัญชีบางใหญ่ , รับทำบัญชีบางศรีเมือง , รับทำบัญชีเลี่ยงเมือง , รับทำบัญชีพิมลราช , รับทำบัญชีบางคุรัด , รับทำบัญชีบางรักพัฒนา , รับทำบัญชีบางแม่นาง , รับทำบัญชีไทรม้า , รับทำบัญชีตลาดขวัญ , รับทำบัญชีบางรักน้อย , รับทำบัญชีบางพลับ , รับทำบัญชีศาลากลางนนทบุรี , รับทำบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี , รับทำบัญชีบางกรวย-จงถนอม , รับทำบัญชีถนนชัยพฤกษ์ , รับทำบัญชีถนนติวานนท์ , รับทำบัญชีท่าอิฐ , รับทำบัญชีถนนบางไกรใน , รับทำบัญชีถนนราชพฤกษ์ , รับทำบัญชีตลิ่งชัน , รับทำบัญชีถนนเรวดี , รับทำบัญชีถนนศรีสมาน , รับทำบัญชีถนน345
#9334


จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐได้เพิ่มขึ้นทั้ง 50 รัฐ รวมทั้งในกรุงวอชิงตัน ดีซี ขณะที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตากลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) แถลงว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้พุ่งขึ้นในสหรัฐ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาคิดเป็น 83% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด สูงกว่าระดับ 50% ที่พบในช่วงวันที่ 27 มิ.ย.-3 ก.ค.

สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 35 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 626,000 ราย

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตายังได้ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 48% เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้

องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 43-90% และขณะนี้มีการแพร่ระบาดไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 43,700 รายต่อวัน โดยสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้ถึง 65% และสูงเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

ทั้งนี้ รัฐหลุยเซียนา อาร์คันซอ มิสซูรี ฟลอริดา และเนวาดา เป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยทุกรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่า

นอกจากนี้ รัฐในกลุ่มดังกล่าวต่างก็มีอัตราการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในอัตราต่ำ โดยเฉพาะรัฐหลุยเซียนา ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนเพียง 47% เทียบกับระดับเฉลี่ย 65.9% ในรัฐอื่นๆทั่วสหรัฐ
#9337


GPSC เดินเครื่องโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงานด้วยเทคโนโลยี กระบวนการผลิตขั้นสูงแบบ SemiSolid แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชู 3 จุดเด่นตอบโจทย์การใช้งานทั้งความปลอดภัย เสถียรภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมก้าวสู่ผู้นำด้านแบตเตอรี่เทคโนโลยีและโซลูชั่นการบริหารจัดการพลังงานแบบครบวงจร ภายใต้การขับเคลื่อนนวัตกรรมพลังงานของกลุ่ม ปตท. ตั้งเป้าเสริมศักยภาพการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนป้อนกลุ่มโรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และ SME ลุยต่อยอดแผนการผลิตแบตเตอรี่เพื่อยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา บริษัท โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ได้เปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงาน G-Cell โดยใช้เทคโนโลยี SemiSolid แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 30 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง  โดยได้รับเกียรติจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานกรรมการ บริษัท โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) และคณะผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี ผ่านระบบออนไลน์


ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานกรรมการ บริษัท โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ได้กล่าวถึงโรงงานแห่งนี้ ถือเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ Lithium แบบ SemiSolid แห่งแรกของไทย และภูมิภาคอาเซียน ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 30 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี โดยโรงงานแห่งนี้ตั้งขึ้นตามวัตถุประสงค์ในการสร้างนวัตกรรมและอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่ Lithium ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และกระตุ้นให้เกิด Ecosystem ของการใช้พลังงานสะอาด และพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ ที่มากขึ้นในทุกภาคส่วน โดยวางแผนขยายกำลังการผลิตขึ้นเป็น 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปีในอนาคต เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายของ GPSC ที่มุ่งพัฒนาพลังงานทดแทน ให้สามารถขยายกำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ 8,000 เมกะวัตต์ต่อปี ภายในปี 2573

โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงาน G-Cell ว่า ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ในการเริ่มต้นเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านพลังงาน ที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยรักษาจุดยืนการเป็นผู้นำฐานการผลิตยานยนต์ในภูมิภาค และเป็นการต่อยอดเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ได้เร็วขึ้น เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของอาเซียน ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการมุ่งหน้าพาประเทศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์ Net Zero Carbon Country ในอนาคต สอดรับกับทิศทางด้านพลังงานของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ที่ต่างได้กำหนดเป้าหมายเดียวกัน ภายในปี ค.ศ. 2050 และยังสอดคล้องกับเป้าหมายการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย

โดยปัจจุบัน มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (รถอีวี) ตามท้องถนนมากขึ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ยานยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น คือ การทำให้ราคารถยนต์ลดลง เพื่อเข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมรองรับการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนให้เกิดขึ้น


ด้านนายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GPSC กล่าวว่า GPSC พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการผลักดันประเทศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์ ส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและการลดช่องว่างของระบบพลังงานทดแทน ด้วยนวัตกรรมการผลิตแบตเตอรี่ SemiSolid เทคโนโลยีการผลิตของบริษัท 24M Technologies Incorporation หรือ 24M จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทฯ ได้รับสิทธิในการดำเนินการผลิตและจัดจำหน่าย


โดยบริษัทฯ จะเริ่มจากการผลิต G-Cell ในแบบ LFP (Lithium Iron Phosphate) ที่มีจุดเด่นในเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานสูง และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า จึงเหมาะสมกับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย รวมทั้งยังสามารถรีไซเคิลได้ง่ายเมื่อแบตเตอรี่หมดอายุการใช้งาน จึงเป็นแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น ที่ 30 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งสามารถขยายกำลังการผลิตของโรงงานนี้ ได้ถึง 100 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี

โดยแผนระยะยาว ใน 10 ปีข้างหน้า วางเป้าสู่โรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาด Giga-scale กำลังผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและพิจารณาแผนการลงทุนในช่วงต่อไป คาดว่าจะเห็นข้อสรุปของพื้นที่ตั้งในปีหน้า ซึ่งเบื้องต้นได้มองถึงพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และตั้งอยู่ใกล้โรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่ง เพื่อรองรับต่อแผนยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ด้วยเงินทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท


"แผนการดำเนินงานครั้งนี้ จะเสริมสร้างความพร้อมด้านพลังงานให้กับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-CURVE) โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) การเพิ่มขึ้นของการผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ฯลฯ ซึ่งจะสร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับประเทศ และเสริมคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนคนไทยตามนโยบายรัฐบาล" นายวรวัฒน์ กล่าว


สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของโรงงานแห่งนี้ มีขีดความสามารถผลิตแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานได้ใน 3 ระดับ คือ 1.G-Cell ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นพื้นฐานในรูปแบบ Battery Pouch Cell 2.ผลิตภัณฑ์ G-Pack ที่มีการนำ Battery Pouch Cell มาเชื่อมต่อกันในรูปแบบ Battery Module และ Pack พร้อมทั้งติดตั้งระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ หรือ Battery Management System (BMS) ร่วมด้วย สำหรับการใช้งานในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กและขนาดใหญ่ (Mobility Application–Light Duty and Heavy Duty) เช่น รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า รถตุ๊กต๊กไฟฟ้า รถไฟฟ้าสี่ล้อขนาดเล็ก รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (Stationary Application) และ 3.กลุ่ม G-Box ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งาน สำหรับระบบสำรองไฟฟ้า (Uninterruptible Power Supply หรือ UPS) และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System หรือ ESS) ที่มีขนาดตั้งแต่ 10-1,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งสามารถนำเทคโนโลยี IOT (Internet of Things) AI (ระบบปัญญาประดิษฐ์) และ Blockchain เข้ามาพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มการให้บริการ


โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมด พร้อมรองรับลูกค้าทั้งในกลุ่ม ปตท. กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SME) รวมถึงผู้ประกอบการที่ต้องใช้แบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบของสินค้า โดยในระยะแรกจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ผลิตและใช้งานระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) และยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ด้วยลักษณะการใช้งานที่เหมาะสมกับจุดแข็งของ G-Cell แบบ LFP (Lithium Iron Phosphate)


ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม Passenger EV ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ประเทศไทยให้การส่งเสริม และมีเป้าหมายการผลิตให้ได้ 30% ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ในปี 2573 ซึ่งมักจะนิยมใช้แบตเตอรี่แบบ NMC (Lithium Nickel Manganese Cobalt Oxide) นั้น ในเบื้องต้นบริษัทฯ สามารถนำเข้าแบตเตอรี่แบบ NMC ที่ผลิตจากเทคโนโลยีเดียวกัน โดยบริษัท Anhui Axxiva New Energy Technology Co., Ltd. (AXXIVA) ประเทศจีน ที่บริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้ ป้อนให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการได้เช่นกัน


ทั้งนี้ แบตเตอรี่ G-Cell ที่ผลิตโดย GPSC นับเป็นการตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของบริษัทฯ ในฐานะแกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. ที่ได้มองเห็นโอกาสในการให้บริการด้านแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน และมุ่งสู่การเป็นผู้พัฒนาโซลูชั่นเพื่อบริหารจัดการพลังงานชั้นนำของประเทศ โดยการนำนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นและถูกพัฒนา โดย 24M เป็นแบตเตอรี่ชนิดกึ่งแข็ง ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถป้องกันเหตุไฟฟ้าลัดวงจรจากภายในเซลล์แบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดี ด้วยโครงสร้างที่มีชั้นฟิล์มพิเศษห่อหุ้มภายใน Unit Cell และด้วยสูตรการผลิตแบบ SemiSolid ส่งผลให้ G-Cell มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยความสามารถในการเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ง่ายกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป จึงมั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ของ GPSC เมื่อนำมาประกอบเป็นผลิตภัณฑ์ G-Pack และ G-Box จำหน่ายให้กับลูกค้าแล้วคาดว่าจะสามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานของลูกค้าได้อย่างดี
#9338
บริษัท สบายใจการบัญชี  จำกัด
9/54  หมู่ที่ 8  ตำบลบางเลน  อำเภอบางใหญ่  จังหวัดนนทบุรี   11140
โทร & Line ID.087-347-6299
https://gladnessaccounting.co.th

รับทำบัญชีจังหวัดนนทบุรี , รับทำบัญชีบางกรวย , รับทำบัญชีบางกร่าง , รับทำบัญชีบางใหญ่ , รับทำบัญชีบางศรีเมือง , รับทำบัญชีเลี่ยงเมือง , รับทำบัญชีพิมลราช , รับทำบัญชีบางคุรัด , รับทำบัญชีบางรักพัฒนา , รับทำบัญชีบางแม่นาง , รับทำบัญชีไทรม้า , รับทำบัญชีตลาดขวัญ , รับทำบัญชีบางรักน้อย , รับทำบัญชีบางพลับ , รับทำบัญชีศาลากลางนนทบุรี , รับทำบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี , รับทำบัญชีบางกรวย-จงถนอม , รับทำบัญชีถนนชัยพฤกษ์ , รับทำบัญชีถนนติวานนท์ , รับทำบัญชีท่าอิฐ , รับทำบัญชีถนนบางไกรใน , รับทำบัญชีถนนราชพฤกษ์ , รับทำบัญชีตลิ่งชัน , รับทำบัญชีถนนเรวดี , รับทำบัญชีถนนศรีสมาน , รับทำบัญชีถนน345
#9339


นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ มุ่งเน้นเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเศรษฐกิจBCG ซึ่งส่วนหนึ่งของการเดินหน้าในเรื่องดังกล่าว นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและวิจัยเมล็ดพันธุ์ข้าวและพืชผักในภูมิภาค เพื่อผลักดันระบบการเกษตรไทยสู่การเกษตรยั่งยืนบนความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมต่อยอดการพัฒนาเมล็ดพันธุ์เป็นสินค้าส่งออกในอนาคต

และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินหน้าโครงการพัฒนาเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์รองรับประชาคมอาเซียน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ทั้งสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) หน่วยงานภาครัฐอีก 5 หน่วยงาน สถาบันการศึกษา 10 สถาบัน บริษัทเมล็ดพันธุ์ 60 บริษัท (จาก 5 อุตสาหกรรม) มุ่งเป้าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ในระดับสากล (Seed Hub) ที่มีความพร้อมทั้งทางด้านการวิจัยพัฒนา การผลิต การจำหน่าย การนำเข้า - ส่งออก เมล็ดพันธุ์ที่หลากหลายมีคุณภาพดี ในปริมาณให้เพียงพอต่อความต้องการทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ทั้งนี้ ตัวเลขในปี 2563 ประเทศไทยสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพดีหลากหลายชนิด มีมูลค่ารวม 1.1หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเมล็ดพันธุ์เพื่อใช้เพาะปลูกในประเทศ 4.3 พันล้านบาท และเพื่อส่งออก 129 ประเทศ มูลค่า 7.4 พันล้านบาท โดยตลาดสำคัญอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียน และเอเซียแปซิฟิก เป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากการส่งออกปี 2548 อย่างมาก อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เป็นการรับจ้างผลิต สำหรับในปี 2565 คาดการณ์ว่ามูลค่าการส่งออกจะไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมูลค่าการส่งออกและจำนวนประเทศผู้ซื้อเมล็ดพันธุ์ของไทยที่เพิ่มขึ้นนี้ สะท้อนถึงการยอมรับจากต่างประเทศในความสามารถของการผลิตเมล็ดพันธุ์ ความก้าวหน้าทางวิชาการด้านการวิจัยพัฒนา ตลอดจนศักยภาพในการขยายตัวและต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ไทยในระดับสากล

"ท่านนายกฯ ให้ความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาไทยเป็นฐานของอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งของการพัฒนาโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่ดี อุตสาหกรรมนี้เป็นต้นน้ำในกระบวนการเพาะปลูกและผลิต ส่งเสริมผลผลิตทางการเกษตรให้มีคุณภาพดี สร้างรายได้ให้เกษตรกร เพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญยังทำให้ชุมชนเข้มแข็งขึ้นอาชีพเกษตรกรมีความยั่งยืน ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล" นางสาวรัชดา ฯ กล่าว
#9340
เรื่องงานดิน ให้เป็นหน้าที่เรา บริการครบวงจร ยินดีให้คำปรึกษา โทร 080-022-3804 หรือ www.mmee2000.com
#9341
สอนทำการตลาดออนไลน์ แบบจับมือทำ
#9344


ธปท.จ่อคุมหนี้สหกรณ์ ดันเข้าฐานเครดิตบูโร เดินสายหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง "สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ-ครู" วงในการเงินเผยเบื้องต้น 150 แห่ง ที่มีสินทรัพย์เกิน 2 หมื่นล้าน

นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ข้อมูลหนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาส 1 ปี 2564 จำนวน 14.1 ล้านล้านบาท กว่า 1 ใน 4 เป็นเจ้าหนี้ ที่อยู่นอกการกำกับ ธปท. สะท้อนว่า การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนต้องอาศัยความร่วมมือหลายฝ่าย ธปท.จึงหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหา เช่น ปรับปรุงฐานข้อมูลเครดิต (เครดิตบูโร) และนำแนวทางกำกับปัจจุบัน ธปท.ไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาหนี้

โดยเฉพาะหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ที่ไม่อยู่ในฐานข้อมูลเครดิตบูโร อีกทั้งมีความเสี่ยงจากการกำหนดดอกเบี้ยเงินฝากที่สูง เพื่อจูงใจให้สมาชิกนำเงินมาฝาก จึงต้องกำหนดดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงตามไปด้วย การหารือเพื่อแก้ปัญหาหนี้จะเริ่มจากสหกรณ์ที่มีมูลหนี้สูงก่อน ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ผ่านการหารือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ รวมถึงพูดคุยกับเจ้าหนี้อย่างตำรวจ กระทรวงศึกษาธิการโดยตรง ซึ่งธปท.จะทยอยขยายการแก้ปัญหาไปยังสหกรณ์ออมทรัพย์อื่นๆ ในระยะถัดไป


นอกจากนี้ ธปท.อยู่ระหว่างหารือกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อนำแนวทางกำกับดูแลปัจจุบันไปช่วยกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นนักเรียนหรือนักศึกษาจบใหม่ ที่ถูกผลกระทบโควิด-19 ไม่สามารถหางานได้ และส่งผลให้บางรายถูกฟ้องร้องจากผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งมีผลต่อการสมัครงานในอนาคต แนวทางช่วยเหลือ เช่น กำหนดชำระค่างวดเป็นงวดย่อย จากเดิม กยศ.ให้ชำระค่างวดปีละ 1 ครั้ง รวมถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง เนื่องจากเป็นหนี้ที่ยืมไปใช้เพื่อการศึกษา คาดว่า จะเห็นความชัดเจนในปีนี้

ส่วนปี 2565 ธปท.จะเริ่มแก้ไขปัญหาหนี้เกษตร ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะเป็นหนี้ที่ซับซ้อน ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จึงไม่สามารถใช้วิธีเดียวกับสถาบันการเงินเอกชน เช่น ตัดหนี้ (แฮร์คัท) เพราะจะส่งผลกระทบต่อรายได้รัฐ

'เพิ่มงบช่วยปชช.-พยุงศก.'-แผนฝ่าวิกฤตโควิดอินโดฯ
แหล่งข่าวจากวงการการเงิน กล่าวว่า ล่าสุดได้แต่งตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้น ประกอบด้วยตัวแทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และ ธปท.เพื่อดันให้ออกประกาศกรมส่งเสริมสหกรณ์บังคับให้สหกรณ์ออมทรัพย์ใหญ่ราว 150 แห่ง สินทรัพย์เกิน 20,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบเครดิตบูโร และกรณีที่ออกกฎกระทรวงบังคับให้สหกรณ์นำส่งข้อมูล อาจกำหนดขั้นตอนให้สหกรณ์ใหญ่ 170 แห่ง เป็นสมาชิกเครดิตบูโรใน 1 ปี


ปัจจุบัน การกู้ยืมสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ อยู่ระดับสูง ทั้งยังเสี่ยงจากปล่อยกู้ระหว่างกัน การเข้าสู่ระบบเครดิตบูโรทำให้ ธปท.กำกับและดูแลได้มากขึ้น และจะส่งผลให้สหกรณ์เห็นความเสี่ยงกว้างมากขึ้นเพื่อใช้พิจารณาปล่อยกู้ในอนาคตให้ดีขึ้นลดความเสี่ยงเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และดูแลการปล่อยสินเชื่อให้อยู่ในระดับเหมาะสม ไม่ปล่อยกู้เกินความสามารถการชำระหนี้ของผู้กู้ได้ในอนาคต
#9345
เปิดสอน !!! คอร์สออนไลน์ สร้างรายได้ง่าย ๆ ผ่านมือถือ

ใครที่ตอนนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด ตกงาน ปิดกิจการ รายได้ลดลง มีหนี้สินท่วมตัว เงินไม่พอใช้
จะดีกว่าไหมถ้าวันนี้คุณมีความรู้ออนไลน์ติดตัว

ออนไลน์ ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ "ทางรอด"

คอร์สออนไลน์ 5 วัน 5 วิชา        
- 6 เสาหลักสร้างเพจปัง       
- ยิงแอด facebook ให้ได้ผล        
- แต่งภาพสวยง่าย ๆ จากมือถือ         
- Tik Tok Marketing         
- เปิดร้านบนไอจี Instragram

สอนแบบจับมือทำ ตั้งแต่พื้นฐาน จนเป็นมืออาชีพ
สอนจากประสบการณ์จริง โดยอาจารย์ที่มีรายได้กว่า 100 ล้านบนโลกออนไลน์
สอนสด ๆ ผ่านแอพลิเคชั่น Zoom เรียนได้จากที่บ้าน
มีคลิปทบทวนแถมให้ หลังจากจบคลาส

ปรกติคอร์สนี้ราคา 9,800.-
พิเศษ !!!  เฉพาะช่วงโควิด ปรับโปรช่วยชาติ เหลือเพียง 98 บาท!!!
ย้ำ !!!!  รับจำนวนจำกัด!!!

คลิ๊กเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
https://drive.google.com/file/d/1ddMbovfpZNSdoQ_UrxSOO3h_0aaEYts8/view?usp=drivesdk

สนใจ สามารถแอดไลน์สอบถามที่ meoy19 หรือลิงค์ไลน์
https://line.me/ti/p/-ql1hWLhMF

หรือโทร 098-378-1371, 098-378-1373

รับประกันความคุ้มค่า ไม่พอใจ ยินดีคืนเงิน !!!!