• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Naprapats

#9107


กฤษดา วงษ์แก้ว กัปตันทีมฟุตซอลชายทีมชาติไทย​ กำชับเพื่อนร่วมทีมห้ามประมาท โมร็อกโก เด็ดขาด แม้จะทำการบ้านมาอย่างดี

'โต๊ะเล็กช้างศึก' ทีมชาติไทย ออกสตาร์ทด้วยการแพ้ต่อโปรตุเกส 1-4​ ส่วน โมร็อกโก เอาชนะ หมู่เกาะโซโลมอน ไป 6-0 ในเกมแรกของฟุตซอลโลก 2021 กลุ่ม ซี

'การเจอกับ โมร็อคโค แม้เราจะได้ศึกษาวีดีโอการเล่นของเขามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เราก็จะประมาทไม่ได้เพราะพวกเขาก็มีความสามารถเฉพาะตัวที่ดี​ ซึ่งเราก็ต้องรัดกุมและเล่นตามแผนของเรา' กฤษดา กล่าวเริ่ม

'เกมกับโปรตุเกส ถือว่าเราทำได้ดี เราได้เจอกับแชมป์ยุโรป เราทำได้ดีในครึ่งแรก และนำก่อนด้วย แต่มาโดนตีเสมอ ทำให้โมเมนตัมเทไปทางเขา'

'หลังจบครึ่งแรก และเราก็มาโดนยิงขึ้นนำ และเสียสมาธิ และเสียสองประตู ทำให้เป็นงานที่ยากของเรา ทุกคนก็ทำได้ดีกับการเจอกับแชมป์ยุโรป' กัปตันช้าง ทิ้งท้าย

สำหรับ โปรแกรมนัดต่อไป ฟุตซอลทีมชาติไทย จะลงทำการแข่งขันฟุตซอลโลก กลุ่มซี นัดที่สอง พบกับ โมร็อคโก ที่ ซัลกิริส อารีนา ในวันที่ 16 กันยายน 2564 เวลา 00.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)  ถ่ายสดทางช่อง PPTV36
#9109


บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาในช่วงมกราคมถึงสิงหาคม ปี พ.ศ. 2564 (2021) โดยรวมมูลค่าอยู่ที่ 70,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีมูลค่า 67,812 ล้านบาท ซึ่งสื่อทีวียังคงเป็นสื่อที่มีสัดส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาซื้อหวยออนไลน์สูงสุดอยู่ที่ 61%
ขณะที่ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียวปีนี้มีมูลค่า 8,118 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิงหาคมปีที่แล้วมีมูลค่าอยู่ที่ 9,330 ล้านบาท หรือลดลงถึง 13%

โดยสิงหาคมปี 2564 นี้ แยกตามสื่อดังนี้ สื่อทีวี มูลค่า 4914 ล้านบาท ลดลง 12% จากเดิมที่มี 5,575 ล้านบาท, สื่ออินเทอร์เน็ต มูลค่า 1,931 ล้านบาท จากเดิมที่มี 1,927 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย, สื่อกลางแจ้งและสื่อเคลื่อนที่ มูลค่า 706 ล้านบาท ลดลง 15% จากเดิมที่มี 834 ล้านบาท, สื่อวิทยุ มูลค่า 259 ล้านบาท จากเดิมที่มี 291 ล้านบาท ลดลง 11%, สื่อสิ่งพิมพ์ มูลค่า 246 ล้านบาท จากเดิมที่มี 348 ล้านบาท หรือลดลง 29%, สื่อโรงหนัง มูลค่า 17 ล้านบาท จากเดิมที่มี 308 ล้านบาท ลดลง 94%, สื่ออินสโตร์ มูลค่า 45 ล้านบาท จากเดิมที่มี 47 ล้านบาท ลดลง 4%

ส่วนภาพรวมการใช้เม็ดเงินโฆษณาปี พ.ศ. 2564 (2021) ช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคม อุตสาหกรรมหลัก 3 กลุ่มแรกใช้เม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ กลุ่มอาหาร/เครื่องดื่ม (Food&Beverage) มูลค่า 11,953 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%, กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล/เครื่องสำอาง (Personal Care & Cosmetic) มูลค่า 9,835 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และกลุ่ม Media & Marketing ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจการขายตรงมูลค่า 9,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% ขณะที่กลุ่มยานยนต์ (Automotive) มูลค่า 3,850 ล้านบาท ลดลง 5%



ในส่วนของบริษัทที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดช่วงมกราคมถึงสิงหาคม 2564 โดย 3 ลำดับแรก ได้แก่
1. บริษัท UNILEVER (THAI) HOLDINGS CO.,LTD. มูลค่า 3,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 33% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คือ ซันซิล สีชมพู ช่วยจัดทรงง่ายขึ้น 5 เท่า หอมนาน 72 ชม. ทางสื่อทีวี มูลค่า 33 ล้านบาท รองลงมาคือ ซันซิล ไฮเดรนเยีย&แพร์ ผมหอมนานตลอดวัน ทางสื่อทีวี มูลค่า 24 ล้านบาท

2. บริษัท NESTLE(THAI) CO.,LTD. มูลค่า 2,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 20% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คือ เนสกาแฟ กระป๋องเขียว อร่อยเข้ม เต็มเหนี่ยว ทางสื่อทีวี มูลค่า 27 ล้านบาท รองลงมาคือ เอส-26 โกลด์ โปรเกรส มีสฟิงโก ไมอีลิน ทางสื่อทีวี มูลค่า 26 ล้านบาท

3. บริษัท PROCTER & GAMBLE (THAILAND) มูลค่า 1,565 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 13% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คือ เฮดแอนด์โชว์เดอร์ เหนือกว่า 5 เท่า ทางสื่อทีวี มูลค่า 32 ล้านบาท รองลงมาคือ รีจอยส์ สีเขียวใหม่ ผมสลวย กลิ่นหอมติดยาวนาน ทางสื่อทีวี มูลค่า 28 ล้านบาท
#9111
รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอลการ์ดราคาส่ง
ราคาถูก ราคาเบา ราคาโรงงาน
มีเลขที่จดแจ้ง ได้มาตรฐาน 
ราคาเริ่มต้น 15 บาท/ชิ้น
สนใจติดต่อ  https://lin.ee/nXGuYwR
โทร. 0863754112
#9112
vายโฮมออฟฟิสพร้อมอยู่ ซอยมิสทีน 21 ตรว สนใจติดต่อ 0863754112
#9113
น้ำมันว่านเศรษฐีเรียกลาภ  ขวดละ 299 บาท


หุงจากว่านด้านเมตตา โชคลาภ 4 ชนิด ว่านรวยไม่เลิก ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนใน ว่านรางเงิน

พร้อมใส่ตะกรุดหัวใจพระสีวลีให้ทุกขวด ส่งเสริม เรื่องเมตตา โชคลาภ ค้าขาย

ว่านเศรษฐีเรือนใน

เป็นว่านที่มีคุณทางเมตตามหานิยม มีโชคลาภและวาสนาทรัพย์สินเงินทองมากมาย

ว่านเศรษฐีเรือนนอก 

เป็นว่านให้ผลในทางคุ้มครองป้องกันภัย มีโชคลาภและฐานะเจริญรุ่งเรือง

ว่านรวยไม่เลิก

เป็นว่านให้ผล ในเรื่องความร่ำรวยตลอดไปเหมือนชื่อต้น มีโชคลาภ

ว่านรางเงิน 

เป็นว่านะดีเด่นในเรื่องของเมตตามหานิยม และโชคลาภ 

คาถาบูชา

ตั้ง นะโม 3 จบ

สีวะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

สีวะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

สีวะลี เถระคุณัง เอตัง โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เมฯ

(ท่องคาถาแล้วอธิษฐาน)

ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://www.lazada.co.th/products/-i792070635-s1584866736.html?search=store?spm=a2o4m.10453683.0.0.10b96d16q6OJEJ&search=store

#9114


นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างและรุนแรง หลายคนตกอยู่ในสภาวะขาดรายได้ ในขณะที่ภาระที่แบกรับอยู่ยังไม่หมดไป เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระการผ่อนบ้านและหนี้สินต่าง ๆ ที่อัตราดอกเบี้ยสูง และช่วยเหลือคนไทยให้ก้าวผ่านความยากลำบากนี้ไปด้วยกัน ธนาคารออมสิน จึงออกแคมเปญสินเชื่อบ้าน "กู้ปีนี้ ผ่อนปีหน้า" ด้วยเงื่อนไขพิเศษที่ยังไม่ต้องผ่อนปีนี้ ให้เริ่มผ่อนปีหน้าและผ่อนต่อเดือนที่ต่ำมาก ทำให้มีเงินสดไว้ใช้จ่ายที่จำเป็น หรือนำไปปิดบัญชีเงินกู้เพื่อปลดล็อกหนี้ต่าง ๆ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารออมสิน

ทั้งนี้ แคมเปญ "กู้ปีนี้ ผ่อนปีหน้า" ประกอบด้วย สินเชื่อบ้าน เพื่อไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น หรือ รีไฟแนนซ์ มีให้เลือกทั้งแบบปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 0% นาน 9 เดือน โดยในเดือนที่ 10-12 ผ่อนล้านละ 2,000 บาท และแบบปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน โดยในเดือนที่ 7-12 ผ่อนล้านละ 1,500 บาท ซึ่งทั้ง 2 แบบ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี เท่ากับ 2.50% ต่อปี โดยลูกค้าที่รีไฟแนนซ์จะได้สิทธิในการกู้เพิ่มเติม เพื่ออุปโภคบริโภคในวงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท มีทั้งเงินกู้ระยะยาว (LT) ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนแรก จากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 3.90% ต่อปี และวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี (OD) อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.75% หลังจากนั้นคิด MOR+1.00% ต่อปี (MOR ธนาคารออมสินปัจจุบัน = 5.995%) และสินเชื่อบ้าน เพื่อซื้อ สร้าง หรือต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 0% 6 เดือนเช่นกัน ซึ่งในเดือนที่ 7-12 ผ่อนล้านละ 1,500 บาทเท่านั้น โดยธนาคารไม่คิดค่าจัดทำนิติกรรมสัญญาและค่าบริการสินเชื่อแต่อย่างใด

โดยลูกค้าที่กู้สินเชื่อบ้านและรีไฟแนนซ์ดังกล่าว จะต้องได้รับอนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ยกเว้นโปรแกรมรีไฟแนนซ์ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 9 เดือน ต้องได้รับอนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 ตุลาคม 2564 โดยสามารถติดต่อยื่นกู้ที่สาขาธนาคารออมสินทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่บัดนี้
#9118


กรมทรัพย์สินทางปัญญา เชิญชวนผู้สนใจหาไอเดีย เพื่อสร้างโอกาสและธุรกิจใหม่ ๆ ในงาน "IP Fair 2021" มหกรรมผลงานทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภทของไทย ครั้งแรกในรูปแบบ Virtual Fair ระหว่างวันที่ 15-19 ก.ย.64 ที่ www.thailandipfair.com

กรมทรัพย์สินทางปัญญา กำหนดจัดงาน "IP Fair 2021" มหกรรมผลงานทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภทของไทย ครั้งแรกในรูปแบบ Virtual Fair ที่รวบรวมสุดยอดไอเดียของนักคิดค้น นักประดิษฐ์ นักสร้างสรรค์ และผู้ประกอบการชั้นนำทั่วประเทศมาไว้ในที่เดียว เพื่อสร้างสูตรแห่งโอกาสและความสำเร็จทางธุรกิจแบบมืออาชีพ ให้คุณได้ค้นหาและเรียนรู้ได้ง่าย ๆ ด้วยเพียงปลายนิ้วคลิก ให้คนได้เข้าชมและร่วมงาน ตลาดไอเดีย สร้างโอกาส สร้างธุรกิจ ในโซนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น IP Mart ตลาดซื้อขายผลงานทรัพย์สินทางปัญญา , IP Knowledge สัมมนาความรู้ด้านทรัพย์สินปัญญา ในทุกมิติ รอบด้าน , IP Advisory บริการให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาแบบครบวงจร, GI Market ตลาดซื้อขายสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ , DIP Pavilion รู้จักกับบทบาท หน้าที่ การให้บริการของกรมทรัพย์สินทางปัญญา , IP Showcase ถอดบทเรียนความสำเร็จของแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลก และ Business Matching ตลาดเจรจาธุรกิจแบบมืออาชีพ

โดยจะจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 15 -19 กันยายน 2564 นี้ ที่ www.thailandipfair.comหรือสแกน QR Code นี้ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: กรมทรัพย์สินทางปัญญา , Hotline DIP: 1368 หรือ Email:
thailandipfair2021@gmail.com
#9119


 "ttb analytics" คาดหนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง 93.0% ในสิ้นปี 64 เพิ่มจากไตรมาส 1 /64 ที่ 90.2% และสิ้นปี 62 ที่ 80% เหตุโควิดยืดเยื้อรุนแรงขึ้น ดันหนี้เพื่อการบริโภคสูงขึ้น หวั่นกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ ชี้ทางออก เร่ง"ปรับโครงสร้างหนี้"ตรงจุดและ"รวบหนี้" แก้ไขปัญหาระยะยาว

หนี้ครัวเรือนไทยปัจจุบันอยู่ในภาวะเปราะบาง ด้วยสัดส่วนหนี้เพื่อการบริโภคที่สูงขึ้นจึงเป็นปัญหากระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ ทางออกคือการปรับโครงสร้างหนี้ให้ตรงจุดและเน้นการรวบหนี้เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว

สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยปัจจุบันโดยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ

นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 หนี้ครัวเรือนของไทยมีการปรับตัวสูงมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจาก 80% ของจีดีพี ณ สิ้นปี 2562 เป็น 90.5% ของจีดีพี ณ ไตรมาส 1/2564 และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศระลอกสามที่ลุกลามยืดเยื้อมาจนถึงครึ่งหลังของปี 2564 ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ  ttb analytics คาดการณ์ว่า ระดับหนี้ครัวเรือนของไทยอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 93.0% ณ สิ้นปี 2564

โดยปริมาณหนี้ครัวเรือนของไทยต่อจีดีพี ที่เร่งขึ้นเร็วในช่วงวิกฤตนี้เกิดจาก 1. ความจำเป็นในการก่อหนี้เพิ่ม เนื่องจากขาดหรือมีสภาพคล่องในครัวเรือนไม่เพียงพอกับรายจ่าย หลังจากที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติในช่วงล็อกดาวน์ การถูกปรับลดเงินเดือนบางส่วนลง รวมถึงการถูกเลิกจ้าง 2. รายได้ที่ลดลงมากเมื่อเทียบกับหนี้ที่เพิ่มขึ้นเร็ว สะท้อนจากหนี้ครัวเรือนไทย ณ ต้นปี 2564 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.6 จากระยะเดียวกันกับปี 2563 ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะซบเซา


ทั้งนี้ สังเกตได้ว่า ในหลายประเทศก็ประสบปัญหาการปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของหนี้ครัวเรือนเช่นเดียวกัน โดยเกาหลีใต้มีหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจาก 93.9% ของจีดีพี เป็น 103.8% ณ ต้นปี 2564 และมาเลเซียที่เพิ่มจาก 82.7% เป็น 93.2% ในปัจจุบัน โดยไทยมีปริมาณหนี้ครัวเรือนอยู่อันดับที่ 17 ของโลก ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน คือ เกาหลีใต้และมาเลเซีย ซึ่งอยู่อันดับที่ 9  และ 14 ตามลำดับ แต่สูงกว่าหนี้ครัวเรือนของสิงคโปร์ซึ่งอยู่อันดับที่ 26 ของโลก  

จึงเห็นได้ว่านอกจากหนี้ครัวเรือนของไทยและประเทศเพื่อนบ้านจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว ยังถือว่ามีปริมาณภาระหนี้สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย ดังนั้น การบริหารจัดการหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ศูนย์วิเคราะห์ฯ ทีทีบี ชี้พิษโควิดดันหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้พุ่งแตะ 93.0%


ประเมินความเสี่ยงหนี้ครัวเรือนไทยเทียบต่างประเทศ

ด้านประเภทของหนี้ครัวเรือนไทยประกอบไปด้วย สัดส่วนหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 47% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด อาทิ หนี้บ้านและรถยนต์ และสัดส่วนหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 35% อาทิ หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป รวมถึงหนี้เพื่อการศึกษา และส่วนที่เหลืออีก 18% เป็นหนี้รายย่อยเพื่อธุรกิจครัวเรือน

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงในระดับโลกใกล้เคียงกันกับไทยเพื่อให้เห็นภาพรวม โดยคำนวณเฉพาะหนี้บ้านต่อหนี้ครัวเรือนทั้งหมด (ไม่รวมหนี้ยานพาหนะ เพราะมีข้อจำกัดของการเข้าถึงข้อมูลสินเชื่อรถยนต์ในบางประเทศ) พบว่า ในต่างประเทศครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นประเภทหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในระดับสูงกว่าไทย อาทิ เกาหลีมีสัดส่วนหนี้บ้านสูงถึง 56% ขณะที่สิงคโปร์และฝรั่งเศส นอกจากจะมีหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีต่ำกว่าไทยแล้ว ยังไม่มีสัดส่วนหนี้อสังหาฯ สูงกว่าด้วย ยกเว้นมาเลเซียที่มีสัดส่วนหนี้บ้านใกล้เคียงกับไทย สะท้อนให้เห็นว่า หนี้ครัวเรือนของไทยมีความเสี่ยงต่อความเปราะบางทางเศรษฐกิจมากกว่าประเทศอื่นที่มีอันดับหนี้ในระดับต้นๆ ของโลกใกล้เคียงกัน

ศูนย์วิเคราะห์ฯ ทีทีบี ชี้พิษโควิดดันหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้พุ่งแตะ 93.0%

 

คุณภาพหนี้ครัวเรือนที่แท้จริง และประสิทธิภาพการช่วยเหลือแก้ไขหนี้

ในส่วนของคุณภาพหนี้ครัวเรือนนั้น เป็นผลโดยตรงมาจากสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ที่รุนแรงและลากยาวนับแต่ปลายปี 2563 ส่งผลซ้ำเติมปัญหาภาระหนี้ครัวเรือนที่มีอยู่แล้วในระดับสูง โดยเมื่อดูข้อมูลหนี้รายย่อยที่ได้ขอเข้าโครงการรับการช่วยเหลือ (รวม SFI) ณ เดือนมิถุนายน 2564  พบว่ามีปริมาณสูงถึง 11% ของจีดีพี ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับเครื่องชี้วัดสำคัญ คือ หนี้ stage 3 หรือเอ็นพีเอล ที่มีอยู่ไม่ถึง 1% ของจีดีพี และหนี้ใน Stage 2 หรือสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิต ที่มีอยู่เพียง 2.2% ของจีดีพี สะท้อนให้เห็นว่า คุณภาพหนี้ครัวเรือนของไทยในความเป็นจริงแย่ลงมากกว่าที่สามารถสะท้อนได้จากเครื่องชี้วัดหลักดังเช่น เอ็นพีเอล

 

เมื่อพิจารณาเป็นประเภทหนี้ที่มาขอรับความช่วยเหลือล่าสุด สำหรับลูกหนี้ของกิจการธนาคารพาณิชย์ กิจการไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non-bank) และธนาคารเฉพาะกิจ (SFI) ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 พบว่า อันดับแรกเป็นหนี้ที่อยู่อาศัยเป็นหลัก (ยอดขอความช่วยเหลือรวมอยู่สูงถึง 4.5% ของจีดีพี เทียบกับยอดเอ็นพีเอลที่ 0.6% ของจีดีพี) รองลงมาเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล (ยอดขอความช่วยเหลือรวม 5.3% เทียบกับยอดเอ็นพีเอล 0.2%) และอันดับสามเป็นหนี้รถยนต์ (มูลค่าขอความช่วยเหลือ 1.1% เทียบกับยอดเอ็นพีเอลที่ 0.1%) โดยกลุ่มลูกหนี้ที่มาขอความช่วยเหลือมักเป็นลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนความสามารถในการชำระหนี้ลดลง ซึ่งหากไม่ได้รับการช่วยเหลือผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ในลักษณะเชิงป้องกัน (Pre-emptive) อย่างทันท่วงที จะส่งผลให้เกิดหนี้เสียเป็นวงกว้างและกระทบต่อเสถียรภาพการเงินและระบบสถาบันการเงินโดยรวมของไทยได้ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งเป็นหนี้ประเภทไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Unsecured loan) และมีสัดส่วนค่อนข้างใหญ่ในโครงสร้างสินเชื่อครัวเรือนของไทย

ศูนย์วิเคราะห์ฯ ทีทีบี ชี้พิษโควิดดันหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้พุ่งแตะ 93.0%

การวางแผนแก้ไขหนี้ครัวเรือนจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเน้นเพื่อช่วยผ่อนคลายภาวะตึงตัวทางการเงินของลูกหนี้ในระยะสั้น และเพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การชำระหนี้ทั้งหมดได้ หลังการแพร่ระบาดยุติลงในระยะยาว โดยสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย (Tailor-made) และไม่ก่อให้เกิดแรงจูงใจเลี่ยงชำระหนี้อย่างไม่เหมาะสม (Moral hazard) เมื่อเปรียบเทียบแนวทางสำคัญในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท. และประเทศอื่นในภูมิภาค พบว่ามีความสอดคล้องกันในหลายด้าน ได้แก่

การเติมสภาพคล่องให้ลูกหนี้รายย่อยเพื่อให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ เช่น ธนาคารกลางเกาหลีได้ขยายกรอบวงเงินช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีและเจ้าของธุรกิจส่วนบุคคลรายย่อย ส่วน ธปท. ได้ขยายเพดานวงเงินสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับลูกหนี้ที่มีความสามารถในการผ่อนชำระ
การลดภาระค่าผ่อนต่องวดลง ตามการเจรจาร้องขอของลูกหนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย (Tailor-made) อาทิ มาเลเซียที่ลดค่างวดตามสถานะการจ้างงานและรายได้ สิงคโปร์ที่ลดค่างวดสำหรับหนี้บ้านซึ่งมีสัดส่วนสูงในหนี้ครัวเรือน รวมถึงการช่วยเหลือเฉพาะหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และ ธปท. ให้ส่วนลดดอกเบี้ยตามยอดชำระค่างวดใหม่ที่เลือก เพื่อเป็นแรงจูงใจแก้ลูกหนี้ที่เข้าโครงการแก้หนี้ ให้พยายามชำระหนี้ตามความสามารถ ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี
การเร่งปรับโครงสร้างหนี้  ทั้งการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้จากระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว ก่อนที่จะเกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้ได้ในอนาคต ซึ่งเป็นแนวทางทั่วไปที่สอดคล้องกันในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย
การรวบหนี้ โดยเฉพาะการนำหนี้ไม่มีหลักประกันมารวมกับหนี้มีหลักประกัน และขยายระยะผ่อนชำระ จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย เพื่อรองรับการปรับโครงแก้ไขหนี้ระยะยาวอย่างยั่งยืน
 

สุดท้ายนี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยในสถานการณ์โควิด นอกจากจะอาศัย ธปท. และภาคธนาคารให้การช่วยเหลือผ่านการลดภาระและปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงต้องดำเนินการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ  ปัญหาเศรษฐกิจที่จะยังคงซบเซาไปอีก 2 ปีข้างหน้า และการให้ความรู้ทางการเงินแก่ภาคครัวเรือน โดยเฉพาะการทำอย่างไรที่จะให้การก่อหนี้กลับมาเป็นการสร้างประโยชน์ และสร้างโอกาสในการหารายได้ซึ่งจะช่วยปลดภาระหนี้ได้ในระยะยาว