• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Naprapats

#8656

"แอกซ่าประกันภัย" จับมือ "ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์" บุกตลาดไมโครอินชัวร์รันส์ ขายประกันผ่านตู้บุญเติม ทั่วประเทศ ด้วยกรมธรรม์อุบัติเหตุเบี้ยเริ่มต้นเพียง 12 บาท รับความคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท

ดร.นภัสนันท์  พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดย "ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์" หรือ TQM เปิดเผยว่า พันธมิตรทั้ง 3 บริษัทเห็นโอกาสและความสำคัญร่วมกันในการส่งเสริมให้คนไทยสามารถเข้าถึงประกันภัยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการรองรับความเสี่ยงภัยในชีวิตได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ผ่านช่องทางของตู้บุญเติมที่มีอยู่ทั่วประเทศ

AXA ผนึก TQM ขายประกันเดือนละ 12 บาท ผ่านตู้บุญเติม
AXA ผนึก TQM ขายประกันเดือนละ 12 บาท ผ่านตู้บุญเติม

ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่นำเสนอขายนั้นจะต้องตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าตู้บุญเติม สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ต้องการสนับสนุนประกันภัยรายย่อย หรือ ไมโครอินชัวร์รันส์ ให้ประชาชนได้เข้าถึงและได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากการประกันภัยได้อย่างทั่วถึง


นอกจากการคัดสรรกรมธรรม์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองที่คุ้มค่าคุ้มราคาเหมาะกับกลุ่มลูกค้าแล้ว TQM ยังได้ร่วมกับ AXA และ FSMART เจ้าของตู้บุญเติม จัดแคมเปญ 'เพื่อนชวนเพื่อน' เพียงลูกค้าที่เข้ามาซื้อประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เบี้ยราคา 123 บาทต่อปี โดยทำรายการผ่านหน้าตู้บุญเติม แล้วส่งต่อความห่วงใยโดยการแนะนำเพื่อนให้มาซื้อประกันด้วย จะได้รับฟรีเครดิตบุญเติม เริ่มวันนี้ – 31 มกราคม 2565 

 

นางหทัยนันท์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสายงานบริหารช่องทางการขาย บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน หรือ AXA กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่จะส่งเสริมการทำประกันภัย เพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงประกันภัยได้ง่ายขึ้น ด้วยเบี้ยประกันและผลประโยชน์ที่เหมาะสม สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทฯ เสนอขายประกันภัยอุบัติเหตุ ด้วยเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 12 บาท สำหรับการคุ้มครอง 1 เดือน (แผน 1) หรือเบี้ยประกัน 62 บาท สำหรับการคุ้มครอง 6 เดือน (แผน 2) และเบี้ยประกัน 123 บาท สำหรับคุ้มครอง 1 ปี (แผน 3)

ทั้งนี้ จะได้รับเงินชดเชย 100,000 บาท กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หรือ 50,000 บาท กรณีเสียชีวิตขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ ซึ่งถือว่าเป็นแผนความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุราคาประหยัดและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยจะเริ่มจำหน่ายประกันอุบัติเหตุนี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2564

 

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการการเงินครบวงจร ด้วยตู้อัตโนมัติ "บุญเติม" กล่าวว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรทั้ง 2 แห่ง ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจด้านประกัน จะตอกย้ำความเป็นผู้นำของธุรกิจในด้านแพลตฟอร์มการเงินครบวงจรของ FSMART ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการคัดเลือกผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี

 

"ด้วยศักยภาพและความสามารถของพันธมิตร จะทำให้การเสนอขายกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุครั้งนี้ เป็นที่สนใจของกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาใช้บริการผ่านตู้บุญเติม ซึ่งมีลูกค้ามากกว่า 20 ล้านเบอร์ และบริการบนตู้บุญเติมมากกว่า 80 บริการ ด้วยจุดบริการมากถึง 130,000 จุดทั่วประเทศ ทำให้ลูกค้ารายย่อยสามารถเข้าถึงและเข้าใจผลประโยชน์ของการทำประกันประเภทต่างๆ  รวมถึงสามารถซื้อประกันได้อย่างง่าย สะดวก รวดเร็ว ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าประกันรายใหม่ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วทุกกลุ่ม ทุกชุมชน ทั่วประเทศ"นายณรงค์ศักดิ์กล่าว
#8657

กิเญม บาเลเก สื่อผู้เชี่ยวชาญลูกหนังแดนกระทิงดุฟันธง อูไน เอเมรี กุนซือบียาร์รีล ส่อปัดข้อเสนอโยกคุม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เหตุไม่เชื่อมั่นในโครงสร้างและวิสัยทัศน์ของเจ้าของใหม่ "สาลิกาดง" ที่ยังไม่มีความแน่นอน



กิเญม บาลาเก สื่อลูกหนังชื่อดังของสกายสปอร์ตส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านฟุต.สเปน ออกมาแสดงความเห็นว่า อูไน เอเมรี กุนซือบียาร์รีล ทีมดังในศึกลา ลีกา จะปฏิเสธข้อเสนอของ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมเศรษฐีใหม่จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และอยู่คุม "เรือดำน้ำสีเหลือง" ต่อไป เนื่องจากไม่ประทับใจในกลยุทธการบริหารทีมของเจ้าของสโมสรใหม่ "สาลิกาดง" แม้อดีตนายใหญ่อาร์เซนอล จะยอมรับว่าได้รับการติดต่อจากทีมดังแดนผู้ดีจริงก็ตาม

กิเญม บาลาเก
บาลาเก กล่าวว่า "เอเมรี ต้องแบกรับความกดดันมาก ๆ แถมมันยังไม่มีความชัดเจนในด้านวิสัยทัศน์จากนิวคาสเซิลด้วย คุณต้องการเขาไปคุมทีม แต่คุณดันทาบทามเขาแบบเร่งด่วนโดยไม่ได้มีการยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ ข่าวที่บอกว่าเขาน่าจะตกลงรับงานนี้ มันมาจากฝั่งสโมสรจากอังกฤษทั้งนั้นไม่ใช่หรือ? ณ เวลานี้ผมเชื่อว่าเขาจะไม่ย้ายไปคุมนิวคาสเซิลในฤดูกาลนี้ บางทีอาจเป็นปีหน้า ในตอนที่โครงสร้างของสโมสรมีความชัดเจนมากขึ้น และวิสัยทัศน์ของพวกเขามีความแน่นอนมากกว่านี้"


ขณะเดียวกัน บาลาเก ยังเผยด้วยว่านอกเหนือจาก เอเมรี รวมถึง เอ็ดดี ฮาว และ เปาโล ฟอนเซกา ที่เคยเป็นข่าวมาแล้วก่อนหน้านี้นั้น "สาลิกาดง" ยังเคยทาบทามทั้ง อันโตนิโอ คอนเต ที่เพิ่งรับงานคุม "ไก่เดือยทอง" ทอตแนม ฮอตสเปอร์ รวมถึง ซาบี เอร์นานเดซ กุนซือ อัล ซาดด์ และ โยอัคคิม เลิฟ อดีตเทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมนีด้วย แต่ถูกปฏิเสธทั้งหมด.
#8658
น้ำมันว่านเศรษฐีเรียกลาภ  ขวดละ 299 บาท


หุงจากว่านด้านเมตตา โชคลาภ 4 ชนิด ว่านรวยไม่เลิก ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนใน ว่านรางเงิน

พร้อมใส่ตะกรุดหัวใจพระสีวลีให้ทุกขวด ส่งเสริม เรื่องเมตตา โชคลาภ ค้าขาย

ว่านเศรษฐีเรือนใน

เป็นว่านที่มีคุณทางเมตตามหานิยม มีโชคลาภและวาสนาทรัพย์สินเงินทองมากมาย

ว่านเศรษฐีเรือนนอก 

เป็นว่านให้ผลในทางคุ้มครองป้องกันภัย มีโชคลาภและฐานะเจริญรุ่งเรือง

ว่านรวยไม่เลิก

เป็นว่านให้ผล ในเรื่องความร่ำรวยตลอดไปเหมือนชื่อต้น มีโชคลาภ

ว่านรางเงิน 

เป็นว่านะดีเด่นในเรื่องของเมตตามหานิยม และโชคลาภ 

คาถาบูชา

ตั้ง นะโม 3 จบ

สีวะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

สีวะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

สีวะลี เถระคุณัง เอตัง โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เมฯ

(ท่องคาถาแล้วอธิษฐาน)

ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://www.lazada.co.th/products/-i792070635-s1584866736.html?search=store?spm=a2o4m.10453683.0.0.10b96d16q6OJEJ&search=store

#8663
น้ำมันว่านเศรษฐีเรียกลาภ  ขวดละ 299 บาท


หุงจากว่านด้านเมตตา โชคลาภ 4 ชนิด ว่านรวยไม่เลิก ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนใน ว่านรางเงิน

พร้อมใส่ตะกรุดหัวใจพระสีวลีให้ทุกขวด ส่งเสริม เรื่องเมตตา โชคลาภ ค้าขาย

ว่านเศรษฐีเรือนใน

เป็นว่านที่มีคุณทางเมตตามหานิยม มีโชคลาภและวาสนาทรัพย์สินเงินทองมากมาย

ว่านเศรษฐีเรือนนอก 

เป็นว่านให้ผลในทางคุ้มครองป้องกันภัย มีโชคลาภและฐานะเจริญรุ่งเรือง

ว่านรวยไม่เลิก

เป็นว่านให้ผล ในเรื่องความร่ำรวยตลอดไปเหมือนชื่อต้น มีโชคลาภ

ว่านรางเงิน 

เป็นว่านะดีเด่นในเรื่องของเมตตามหานิยม และโชคลาภ 

คาถาบูชา

ตั้ง นะโม 3 จบ

สีวะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

สีวะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

สีวะลี เถระคุณัง เอตัง โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เมฯ

(ท่องคาถาแล้วอธิษฐาน)

ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://www.lazada.co.th/products/-i792070635-s1584866736.html?search=store?spm=a2o4m.10453683.0.0.10b96d16q6OJEJ&search=store

#8664
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผย การประชุมเฟด ในวันที่ 2-3 พ.ย. คาดประกาศลดวงเงิน QE อย่างเป็นทางการ เหตุ เงินเฟ้อพุ่ง ประเมินเริ่มลดปลายปีนี้ ถึงกลางปีหน้า เดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เชื่อฟดยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.0-0.25% ชี้ ผลกระทบตลาดเงิน-ตลาดหุ้นจำกัด

 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 2-3 พ.ย. 2564 จะเป็นรอบการประชุมที่สำคัญ เนื่องจากเฟดน่าจะมีการประกาศการลดวงเงิน QE อย่างเป็นทางการ ขณะที่เฟดน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.0-0.25%

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีมุมมองดังต่อไปนี้
เฟดน่าจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินตามแผนที่ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้าว่าเฟดจะเริ่มลดวงเงิน QE ภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะสิ้นสุดการลดวงเงิน QE ภายในกลางปี 2565 ซึ่งแปลว่าเฟดอาจทยอยลดวงเงิน QE เดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็นการลดการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเดือนละ 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ จากวงเงินปัจจุบันที่ 8.0 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และการลดการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (mortgage-backed securities) เดือนละ 0.5 หมื่นล้านดอลลาร์จากวงเงินปัจจุบันที่ 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่อเดือน ซึ่งจะส่งผลให้วงเงิน QE ทั้งหมดที่ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปัจจุบันหมดลงในช่วงกลางปีหน้าตามที่เฟดได้ส่งสัญญาณไว้



ความกังวลหลักของเฟดอยู่ที่ประเด็นด้านเงินเฟ้อที่เร่งสูงขึ้นอย่างมาก และอาจจะลากยาวกว่าที่เคยประเมิน อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนก.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นถึง 5.4% YoY สอดคล้องกับดัชนีราคาผู้ผลิตที่เร่งตัว สูงขึ้นอย่างมากที่ 8.6% YoY ตามปัจจัยด้านราคาพลังงานและปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานซึ่งมีแนวโน้มที่จะไม่คลี่คลายลงในระยะอันใกล้ ทั้งนี้ แม้ว่าการลดวงเงิน QE อาจจะไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาเงินเฟ้ออย่างตรงจุด เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อส่วนหนึ่งเกิดจากปัจจัยทางฝั่งอุปทานที่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตนั้นสูงขึ้น อย่างไรก็ดี การถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายผ่านการลดวงเงิน QE จะช่วยลดอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (inflation expectation) และแรงกดดันเงินเฟ้อจากฝั่งอุปสงค์ ซึ่งจะช่วยหยุดยั้งวงจรเงินเฟ้อได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้า ทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโมเมนตัมที่จะชะลอตัวลง ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนแรงงานรวมถึงความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจจะลากยาวกว่าที่เคยประเมิน ส่งผลให้เฟดคงจะต้องชั่งน้ำหนักความเสี่ยงทางด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจและด้านเงินเฟ้อในการพิจารณาจังหวะที่เหมาะสมในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า


โดยหากเฟดต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ควรนอกจากจะสร้างความผันผวนมากขึ้นในตลาดเงินตลาดทุนแล้ว ยังอาจยิ่งบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในภาวะที่ยังมีความไม่แน่นอนเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่ได้หมดไป อีกทั้งยังไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาขีดจำกัดในฝั่งอุปทานซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้น เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นและส่งผลให้ผู้ผลิตอาจเพิ่มกำลังการผลิตต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

สำหรับผลกระทบในฝั่งตลาดเงินตลาดทุน เนื่องจากตลาดได้รับรู้แผนการลดวงเงิน QE ไปแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้น การประกาศลดวงเงิน QE ในการประชุมที่จะถึงนี้น่าจะส่งผลต่อตลาดเงินตลาดทุนให้เกิดความผันผวนอย่างจำกัด อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามผลการประชุมว่าเฟดจะส่งสัญญาณอะไรเพิ่มเติม ซึ่งหากเฟดส่งสัญญาณมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญความเสี่ยงเชิงลบสูงขึ้น อาจส่งผลให้ตลาดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยชะลอออกไปจากที่เคยคาด ซึ่งจะส่งผลให้เงินดอลลาร์ เผชิญแรงกดดันและมีแนวโน้มอ่อนค่าได้ ขณะที่หากเฟดส่งสัญญาณแสดงความกังวลต่อประเด็นเงินเฟ้อมากกว่าความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อาจส่งผลให้ตลาดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เคยคาด ซึ่งจะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้ ซึ่งแนวโน้มค่าเงินบาทในระยะข้างหน้าคงผันผวนไปตามทิศทางค่าเงินดอลลาร์ และปัจจัยในประเทศ ซึ่งคงต้องติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังจากมีการเปิดประเทศ ท่ามกลางความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดที่ยังอยู่ในระดับสูง
#8667
"ซีไอเอ็มบี ไทย" เสนอสินเชื่อบุคคลเอ็กซ์ตร้าแคช ดอกเบี้ย 11.88% ต่อปี สินเชื่อเงินสดพร้อมใช้ มีไว้อุ่นใจ ไม่ใช้ไม่เสียดอกเบี้ย

นายเอกสิทธิ์ พฤฒิพลากร ผู้บริหารผลิตภัณฑ์ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ธนาคาร เดินหน้าเสนอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับคนมีเครดิต สินเชื่อบุคคลเอ็กซ์ตร้าแคช (ExtraCash) อัตราดอกเบี้ย 11.88% ต่อปี นาน 24 เดือนแรก สำหรับพนักงานประจำรายได้ 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ExtraCash เป็นสินเชื่อเงินสดพร้อมใช้


เหมาะสำหรับการมีไว้เพื่อเสริมสภาพคล่องยามจำเป็นควบคู่ไปกับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต หากสมัครแล้วยังไม่ใช้วงเงิน ลูกค้าจะไม่มีภาระดอกเบี้ย แต่เมื่อมีเหตุเร่งด่วน ลูกค้าไม่จำเป็นต้องพกบัตรไปกดที่ตู้ ATM เพราะลูกค้าสามารถโอนเงินจากวงเงินสินเชื่อเงินสด ผ่านแอปพลิเคชั่น CIMB THAI Digital Banking ได้ทันทีโดยไม่มีค่าธรรมเนียม


"การมีสินเชื่อเงินสดพร้อมใช้ควบคู่กับบัตรเครดิตเป็นการเสริมสภาพคล่องที่ช่วยลูกค้าประหยัดดอกเบี้ย หากเทียบการเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิต ดอกเบี้ย 16% ต่อปี และค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดอีก 3% การใช้สินเชื่อเงินสดดอกเบี้ย ดอกเบี้ย 11.88% ต่อปี จะสามารถลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยลงไปได้เกือบเท่าตัว" 
#8668

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี คาดราคาน้ำมันดิบโลกปี 64-65 เฉลี่ย70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่ม65% น้ำมันขายปลีกในประเทศเพิ่ม 25% ค่าใช้จ่ายน้ำมันประเทศเพิ่ม 2 แสนล้าน หวั่นทุบมาร์จิ้นภาคธุรกิจ แบกต้นทุนน้ำมัน ภาคครัวเรือนเตรียมรับค่าครองชีพเพิ่มขึ้ แนะภาครัฐตรึงราคา

จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากต้นปี 2564 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้น  ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนของธุรกิจและค่าใช้จ่ายของประชาชนอย่างมาก

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics วิเคราะห์ทิศทางและผลกระทบการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. แนวโน้มราคาน้ำมันดิบโลกและราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีกในประเทศ 2. การประเมินผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน ดังนี้

ปี 2564- 2565 คาดราคาน้ำมันดิบโลก (ราคาน้ำมันดิบดูไบ อ้างอิงตลาดสิงคโปร์) เฉลี่ยอยู่ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 65% จากปี 2563 ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศเฉลี่ยสูงขึ้น 25%

ราคาน้ำมันดิบดูไบทยอยไต่ระดับพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สิ้นปี 2563 ที่ผ่านมา และปรับขึ้นที่ระดับราคาเฉลี่ย 72.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในเดือนกันยายน 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปี 2563 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 75.8% โดยสาเหตุสำคัญของราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นหลังการระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย ประกอบกับวิกฤตการขาดแคลนถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ทำให้โรงงานไฟฟ้าหลายแห่งปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าทดแทนจึงทำให้ราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งสูงขึ้น

ttb analytics แนะรัฐตรึงราคาน้ำมันในประเทศ ก่อนทุบภาคธุรกิจ-ครัวเรือน


ttb analytics ประเมินว่าแม้จะมีแรงกดดันดังกล่าวอยู่บ้าง แต่การปรับขึ้นราคาอย่างรวดเร็วนี้เกิดจากอุปทานตรึงตัว จากกำลังการผลิตที่ลดลงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากความต้องการที่ลดลงจากผลกระทบการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายย่อมทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะทยอยปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้เกิดสมดุลกับความต้องการที่ฟื้นตัว ทำให้ระดับราคาปรับสู่ดุลยภาพ ซึ่งคาดว่า ระดับราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วงปี 2564-2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือปรับเพิ่มขึ้น 65% จากระดับราคาเฉลี่ย 42.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปี 2563 

ผลการศึกษาการส่งผ่านราคาน้ำมันดิบดูไบไปสู่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีกในประเทศ ผ่านโครงสร้างปริมาณการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศไทยพบว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 65% ในช่วงปี 2564-2565 จะส่งผ่านไปยังราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีกในประเทศเพิ่มขึ้น 25% ซึ่งจะทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปี 2564-2565 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 27.8 บาทต่อลิตร โดยกลุ่มน้ำมันเบนซินราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 26.7 บาทต่อลิตร (เพิ่มขึ้น 23.8%) และกลุ่มน้ำมันดีเซลราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 28.2 บาทต่อลิตร (เพิ่มขึ้น 25.0%)

ด้านการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในปี 2564 คาดว่าจะหดตัว 4.2% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ความต้องการลดลง โดยกลุ่มน้ำมันเบนซินจะลดลง 5.5% จากการจำกัดการเดินทางของประชาชนตามมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2564 และกลุ่มน้ำมันดีเซลจะลดลง 3.2% จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง โดยเฉพาะการขนส่งโดยสารคนที่ลดลง

 

 


ttb analytics แนะรัฐตรึงราคาน้ำมันในประเทศ ก่อนทุบภาคธุรกิจ-ครัวเรือน

ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศที่สูงขึ้นจะทำให้ค่าใช้จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.0 แสนล้านบาท โดยภาคธุรกิจจะเพิ่มถึง 1.83 แสนล้านบาท ขณะที่ภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้น 1.7 หมื่นล้านบาท

จากการวิเคราะห์ผลกระทบราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศที่สูงขึ้นต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนผ่านโครงสร้างการ.ใช้น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศไทย จะพบว่า ในแต่ละปีมีการใช้น้ำมันสำเร็จรูปอยู่ระหว่าง 3.4 – 3.6 หมื่นล้านลิตรต่อปี แบ่งเป็นการใช้กลุ่มน้ำมันดีเซล 68% ที่เหลือเป็นการใช้กลุ่มน้ำมันเบนซิน 32% โดยภาคธุรกิจมีการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมากเป็นสัดส่วนสูงถึง 92% ในขณะที่ภาคครัวเรือนใช้น้ำมันสำเร็จรูปเพียง 8% ของการใช้รวมทั้งประเทศ ซึ่งระดับราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 25% ในปี 2564-2565 จะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น 2 แสนล้านบาท (คำนวณเทียบบนฐานปริมาณการใช้น้ำมันในปีปกติ) คิดเป็น 1.3% ต่อจีดีพี โดยจะทำให้ต้นทุนภาคธุรกิจสูงขึ้น 1.83 แสนล้านบาท และค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันของภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น 1.7 หมื่นล้านบาท

ธุรกิจที่ต้นทุนพึ่งพิงน้ำมันสูงได้รับผลกระทบหนัก ส่อเค้ามาร์จิ้นร่วง 2 - 10%

สำหรับผลกระทบจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อภาคธุรกิจ โดยวิเคราะห์ผ่านโครงสร้างต้นทุนการใช้น้ำมันต่อต้นทุนรวม และอัตรากำไรขั้นต้นจากงบการเงินเฉลี่ยของธุรกิจ ซึ่งเจาะลึกธุรกิจที่ใช้น้ำมันมาก ได้แก่ ขนส่งและโลจิสติกส์ (สัดส่วนต้นทุนจากการใช้น้ำมัน 32%) ประมง (19%) เหมืองแร่ (11%) เคมีภัณฑ์ (9%) และวัสดุก่อสร้าง (4%) พบว่าระดับราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 25% ในปี 2564-2565 ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบต่อมาร์จิ้นสูงสุด ได้แก่ ขนส่งและโลจิสติกส์ ประมง เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ เหมืองแร่ ยานยนต์และชิ้นส่วน และวัสดุก่อสร้าง โดยมาร์จิ้นของธุรกิจจะลดลง 10.4%, 3.6%, 3.2%, 2.6%, 2.2%, 2.0% และ 2.0% ตามลำดับ เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้พึ่งพิงน้ำมันมาก แต่ความสามารถในการปรับราคาขายตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต้องใช้เวลาส่งผ่านนานและส่วนใหญ่สินค้ามีการควบคุมราคาจากภาครัฐ ทำให้เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ออัตรากำไรของธุรกิจจะลดลง

ภาคครัวเรือนเตรียมรับค่าครองชีพสูงขึ้น 1.6%

ผลการศึกษาค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันสำเร็จรูปของภาครัวเรือนไทยจากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2563 พบว่าภาคครัวเรือนไทยมีค่าใช้จ่ายน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ย 1,361 บาทต่อเดือน คิดเป็นสัดส่วนการใช้น้ำมัน 6.4% ของค่าใช้จ่ายรวม โดยระดับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น 25% จะส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 340 บาทต่อเดือน คิดเป็นค่าใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นหรือค่าครองชีพเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.6% และเมื่อพิจารณาแยกเป็นรายภาคจะพบว่าภาคใต้และภาคกลางเป็นภาคที่ได้รับผลกระทบมากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ เนื่องจากมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายน้ำมันสูง โดยสัดส่วนของภาคใต้ และภาคกลาง คิดเป็น 7.5% และ 6.9% ของค่าใช้จ่ายรวม ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายน้ำมันส่งผลให้ค่าครองชีพภาคใต้และภาคกลางเพิ่มขึ้น 1.9% และ 1.7% ตามลำดับ

แนะรัฐตรึงราคาขายปลีกในประเทศในยามที่ราคาสูงขึ้นเพื่อลดภาระต้นทุนภาคธุรกิจและค่าครองชีพประชาชน

การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบโลกในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ปริมาณการใช้ปกติของโลก หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง จะส่งผลทำให้เกิดความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าการคาดการณ์ราคาเฉลี่ยทั้งปี โดยเฉพาะไตรมาส 4 ของปีนี้ที่น้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยมีโอกาสขยับขึ้นแตะ 85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้ ซึ่งจะส่งผ่านให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าราคาเฉลี่ยทั้งปีได้

ดังนั้น ในยามที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นจากความไม่สมดุลนี้ ภาครัฐควรพิจารณาตรึงราคาขายปลีกในประเทศ โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาชดเชยราคาให้ลดลง และหากมีความจำเป็นในกรณีราคาพุ่งสูงขึ้นมากอาจพิจารณาลดภาษีน้ำมันลง เพื่อช่วยบรรเทาภาระต้นทุนของภาคธุรกิจและค่าครองชีพประชาชนลงจนกว่าราคาน้ำมันจะปรับเข้าสู่ระดับราคาสมดุลใหม่อีกครั้ง
#8669
ธปท. ชี้เศรษฐกิจไทยในเดือนกันยายน 2564 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน หลังมีการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด ส่งผลให้เครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้น ด้านการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นบ้างตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ฟื้นตัว

    นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เศรษฐกิจไทยในเดือนกันยายน 2564 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน หลังมีการทยอยผ่อนคลายล็อกดาวน์ โควิด-19 ส่งผลให้เครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้น 

    ด้านการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นบ้างตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ฟื้นตัว ทั้งนี้ อุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ฟื้นตัว

    ประกอบกับปัญหา supply disruption จากการปิดโรงงานในไทยที่คลี่คลายทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นในหลายหมวด ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐยังมีบทบาทสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจผ่านรายจ่ายประจำและเงินโอน สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ

    ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับเพิ่มขึ้น ภายหลังมาตรการลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาของภาครัฐสิ้นสุดลง และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก 
ด้านตลาดแรงงานยังเปราะบาง แม้ปรับดีขึ้นบ้างตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

     สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัด
ขาดดุลน้อยกว่าเดือนก่อนจากดุลการค้าที่เกินดุลมากขึ้น


      ด้านเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในเกือบทุกหมวด จาก 1) การทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด และการฉีดวัคซีนที่มีความคืบหน้ามากขึ้นทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม รายได้ครัวเรือน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มปรับดีขึ้น 

    2) ผลของอุปสงค์คงค้าง (pent-up demand) จากช่วงก่อนหน้า และ      

    3) มาตรการภาครัฐที่ยังช่วยพยุงกำลังซื้อของครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง

    ขณะที่ เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ทั้งหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามภาวะอุปสงค์ที่ฟื้นตัว และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ดีขึ้น และหมวดก่อสร้างที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง หลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดในพื้นที่ก่อสร้างตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม

     มูลค่าการส่งออกสินค้าที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นบ้างจากเดือนก่อน จากอุปสงค์ประเทศ
คู่ค้าที่ฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดในต่างประเทศคลี่คลาย รวมทั้งภาคการผลิตของไทยที่กลับมาดำเนินการได้มากขึ้น ทำให้การส่งออกสินค้าหลายหมวดปรับดีขึ้น 

     การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในเกือบทุกหมวด ตามภาวะอุปสงค์ที่ฟื้นตัว และปัญหา supply disruption จากการปิดโรงงานในไทยที่คลี่คลาย อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และตู้คอนเทนเนอร์ยังคงกดดันการผลิต

     โดยเฉพาะหมวดยานยนต์ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า และหมวดอาหารและเครื่องดื่ม


    ขณะที่ มูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีการเร่งนำเข้าในช่วงก่อนหน้าโดยเฉพาะหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง 

      นอกจากนี้ การนำเข้าสินค้าบางประเภทลดลง อาทิ เครื่องจักรและอุปกรณ์ และชิ้นส่วนยานยนต์

     การใช้จ่ายภาครัฐยังมีบทบาทสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจ โดยรายจ่ายประจำขยายตัวต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ตามรายจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรและรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ ขณะที่รายจ่ายลงทุนหดตัวจากผลของฐานสูงที่มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลกลางในปีก่อน

     จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน และโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในไทยและต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอน 

     ขณะที่หลายประเทศยังมีมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศอยู่ 

      ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับเพิ่มขึ้น ภายหลังมาตรการลดค่าไฟฟ้าและ
ค่าน้ำประปาเพื่อบรรเทาค่าครองชีพของภาครัฐสิ้นสุดลง และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ด้านตลาดแรงงานยังเปราะบาง แม้ปรับดีขึ้นบ้างตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 
     โดยเริ่มเห็นการเคลื่อนย้ายแรงงานกลับพื้นที่อุตสาหกรรม และความเชื่อมั่นของผู้ประกอบอาชีพอิสระปรับดีขึ้น สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลน้อยกว่าเดือนก่อนจากการเกินดุลการค้าที่สูงขึ้นด้านอัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์ สรอ.ทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน 

    สำหรับ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวด ทั้งนี้ เมื่อขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้ว เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนลดลงจากไตรมาสก่อนตามกำลังซื้อที่อ่อนแอลง แม้มีมาตรการภาครัฐช่วยพยุงกำลังซื้อ

     ขณะที่การส่งออกสินค้าลดลง จากการแพร่ระบาดในต่างประเทศรุนแรงขึ้นที่ทำให้อุปสงค์ประเทศคู่ค้าชะลอตัว สำหรับเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนและการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงตามภาวะอุปสงค์ โดยการผลิตบางส่วนได้รับผลกระทบจากปัญหา supply disruption 

      อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นบ้างหลังการเปิด sandbox ตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน 
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง เนื่องจากผลของฐานราคาพลังงานที่ต่ำในปีก่อนหมดลงเป็นสำคัญ

     ด้านตลาดแรงงานเปราะบางขึ้น ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลต่อเนื่องใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน
#8670
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกเป็นข่าวว่าสนใจดึง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม เลสเตอร์ ซิตี้ เข้ามารับงานเป็นกุนซือคนใหม่หากปลด โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ออกจากตำแหน่ง

สำหรับ โซลชาร์ อยู่ในความกดดันอย่างหนัก หลังผลงานของ "ปีศาจแดง" ในฤดูกาลนี้ค่อนข้างย่ำแย่ โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่พวกเขาพ่ายคาบ้านต่อ ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล 0-5

อย่างไรก็ตามบอร์ดบริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังให้โอกาสเฮดโค้ชวัย 48 ปีในการคุมทีมต่อไปอีก 3 นัดต่อจากนี้ คือการพบกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์, อตาลันตา และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งหากผลงานทีมไม่ดีขึ้น ก็จะมีการปลด โซลชาร์ ออกจากเก้าอี้กุนซือ


โดยตัวเต็งที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นนายใหญ่คนใหม่ของ "ปีศาจแดง" นั่นก็คือ อันโตนิโอ คอนเต ซึ่งสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนก็พร้อมจะรับงานนี้

ถึงกระนั้นล่าสุด "อีเอสพีเอ็น" สื่อกีฬาชื่อดัง เผยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเล็งที่จะดึง ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม เลสเตอร์ ซิตี้ มาเป็นกุนซือคนใหม่ และเจ้าตัวก็มีภาษีดีกว่า คอนเต ในตอนนี้ด้วย

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากบอร์ดบริหารของ "เร้ด เดวิลส์" มีความกังวลกับ คอนเต เนื่องจากงบประมาณต่างๆทั้งค่าจ้าง รวมถึงเม็ดเงินในการซื้อนักเตะใหม่

ขณะที่ ร็อดเจอร์ส วัย 48 ปีมีความคุ้นเคยกับฟุต.พรีเมียร์ลีก เป็นอย่างดี หลังเคยผ่านประสบการณ์คุมทัพกับทั้ง สวอนซี ซิตี้ และลิเวอร์พูล ก่อนมาอยู่กับ เลสเตอร์ ในปัจจุบัน และเมื่อซีซั่นที่แล้วเขาก็พา "สุนัขจิ้งจอก" ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ไปครอง