• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Jessicas

#8281
ลูกอมพระแม่ธรณี

จัดสร้างจากดินใต้ฐานพระแม่ธรณี ผงมหาจักรพรรดิ และมวลสารอื่น ๆ ช่วยในเรื่องการขายบ้าน ขายที่ดิน
#8282
​​​​​​​https://katoacademy.com/facebook-ads/
สอนเฟสบุ๊ค สอนยิงแอดเฟสบุ๊ค
#8283
ที่ติดทะเล ฝั่งแดง (บางสะพานน้อย) ประจวบ ไร่4ลบ. Unseenthailand โทร0837124115
#8285


บล.เอเซียพลัส มั่นใจ ประชุม กนง.กลางสัปดาห์นี้ คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% หวังช่วยชะลอเงินบาทอ่อนค่า-ฟันด์โฟลว์ไหลออก หนุนหุ้นกลุ่มแบงก์คึกคัก เชียร์ KBANK, BBL, TISCO, KKP โดยให้ KBANK เป็นหุ้น Top pick

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASPS) เผยผ่านบทวิเคราะห์ว่าประเด็นสำคัญในประเทศสัปดาห์นี้ จับตาวันพุธที่ 29 ก.ย. 2564 ห้น้ำหนักการประชุม กนง. โดยอิงจากผลสำรวจล่าสุดของ Bloomberg พบว่า นักวิเคราะห์จำนวน 19 ท่าน จากทั้งหมด 21 ท่าน มีความเห็นว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ในการประชุมครั้งนี้ ส่วนอีก 2 ท่านคาดจะลดลงเป็น 0.25% ผลสำรวจของ Bloomberg สอดคล้องกับที่ ASPS ประเมินว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำ

ทั้งนี้ถ้า กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% จริงตามตลาดคาด ASPS คาดจะมีผลกระทบสำคัญดังนี้

1. ค่าเงินบาทชะลอการอ่อนค่า หาก กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ สามาถมองเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มมี Downside น้อยลง ส่งผลให้แรงกดดันต่อค่าเงินบาทจะน้อยลงตาม ทำให้ค่าเงินบาทเริ่มชะลอการอ่อนค่า สอดคล้องกับมุมมองในทางเทคนิคที่ประเมินว่าค่าเงินบาทเริ่มมีแนวโน้มแกว่งออกข้างในกรอบ 33.2-33.5 บาท/ดอลลาร์

2. Fund Flow ชะลอการไหลออก จากค่าเงินบาทที่คาดชะลอการอ่อนค่า ASPS ประเมินว่าจะช่วยให้ Fund Flow ชะลอการไหลออก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติจะมีโอกาสเผชิญการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX Loss) ต่ำลง สองคล้องกับการซื้อขายสุทธิหุ้นไทยของต่างชาติที่เดือน ก.ย. 2564 เริ่มมีการสลับมาซื้อสุทธิบ้าง

และหุ้นกลุ่ม Bank จะเริ่มน่าสนใจมากขึ้น: คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะมีความน่าสนใจลงทุนมากขึ้น เนื่องจาก ASPS คาดว่าหาก กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมครั้งนี้จะเป็นสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยใกล้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว เพราะจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว (ตามการผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ) จึงเชื่อว่าความจำเป็นที่ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคตจะมีน้อยลงมาก

โดยหุ้นกลุ่มธนาคารไม่เพียงแต่มี Downside จำกัด จากอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้ผ่านจุดต่ำสุดเท่านั้น แต่ยังได้อานิสงส์จาก Fund Flow ที่ชะลอการไหลออก อีกด้วย ซึ่งหุ้นกลุ่มธนาคารที่ ASPS ชื่นชอบ ได้แก่ KBANK, BBL, TISCO, KKP โดย KBANK เป็นหนึ่งในหุ้น Top pick ของ ASPS ในวันนี้
#8287


เป็นเวลากว่า 1 ปีหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2563 อนุมัติผลการคัดเลือกโครงการร่วมลงทุนการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ระยะทาง 196 กิโลเมตร และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ระยะทาง 96 กิโลเมตร ในที่สุดกรมทางหลวง (ทล.) ได้ปักหมุดเตรียมจดปากกาเซ็นสัญญาร่วมทุนกับกลุ่ม BGSR (บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS / บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF / บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC และ บริษัท ราชกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH วงเงินรวม 39,138 ล้านบาท ในวันที่ 29 ก.ย. 2564  

@วางแผนทยอยส่งมอบพื้นที่ 6-7 กลุ่ม 

สราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมฯ ได้เจรจากับกลุ่ม BGSR เพื่อเตรียมพร้อมในการส่งมอบพื้นที่แล้ว โดยสายบางปะอิน-นครราชสีมาพร้อมส่งมอบพื้นที่ชุดแรก ส่วนที่เป็นบริเวณด่านจำนวน 9 ด่าน และส่วนที่เป็นเส้นทาง 21 ตอนที่ก่อสร้างเสร็จแล้วจากทั้งหมด 40 ตอน โดยจะออกหนังสือให้เริ่มงาน (NTP) ประมาณเดือน ธ.ค. 2564  

ส่วนสายบางใหญ่-กาญจนบุรี พร้อมส่งมอบพื้นที่ชุดแรกจำนวน 8 ด่าน และ 4 ตอนที่ก่อสร้างเสร็จแล้วจากทั้งหมด 25 ตอน โดยวางแผนแบ่งการส่งมอบพื้นที่ให้ดำเนินการติดตั้งระบบ O&M ออกเป็น 6 -7 กลุ่ม เพื่อให้สอดคล้องกับงานโยธาที่จะทยอยแล้วเสร็จ  

ด้านเอกชนผู้รับงานระบบ O&M มีความพร้อมเข้าทำงานมาปีกว่าแล้ว รอแค่เซ็นสัญญา ซึ่งกรมฯ ยังได้เจรจาเพื่อเร่งรัดการดำเนินงานจาก 30 เดือนตามสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 20-24 เดือน เนื่องจากต้องการทยอยเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการได้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ สายบางปะอิน-นครราชสีมา กรมฯ ได้เคยเปิดให้บริการมาแล้วช่วงสงกรานต์ปี 2564 จากตอนที่ 24-ตอนที่ 37 จากปากช่อง-สีคิ้ว   

แต่เนื่องจากตอนที่ 37 จะมีด่านสีคิ้ว ซึ่งบริเวณด่านมีงานถนนที่เอกชนผู้รับงานระบบ O&M ต้องก่อสร้างดังนั้น กรมฯ จะเจรจาให้กลุ่ม BGSR เร่งก่อสร้างในส่วนนี้ก่อน เพื่อให้ตอนที่ 37 เชื่อมต่อกับตอนที่ 38 ได้ และจะทำให้เชื่อมไปยังด่านขามทะเลสอ บริเวณตอนที่ 39 ได้ด้วย ซึ่งจะทำให้เส้นทางต่อเชื่อมกันตั้งแต่ตอนที่ 24 ไปจนถึงตอนที่ 40 ซึ่งเป็นปลายทางอย่างสมบูรณ์

กรมฯ จะเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาในการเปิดให้ประชาชนได้ใช้เส้นทาง ตั้งแต่ช่วงปากช่อง-สีคิ้ว-ทางเลี่ยงเมืองโคราช (ตอนที่ 24-40) มีระยะทางรวมประมาณ 70 กม. ได้ทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 ซึ่งการเปิดใช้เส้นทางในเทศกาลหรือช่วงที่เป็นวันหยุดยาวนั้นจะช่วยลดความแออัดบนถนนมิตรภาพได้เป็นอย่างดี

ส่วนหลังสงกรานต์ปี 2565 ไปแล้วจะเปิดให้ใช้เส้นทางช่วงดังกล่าวอีกหรือไม่นั้นจะมีการพิจารณาอีกครั้ง โดยจะต้องประเมินในแง่ความปลอดภัยและปริมาณการจราจร รวมไปถึงการเปิดให้บริการเส้นทางตอนอื่นๆ ที่งานโยธาทยอยแล้วเสร็จ ขึ้นกับความพร้อมและพิจารณาเรื่องความปลอดภัยในการใช้เส้นทางด้วยเช่นกัน 

@มั่นใจเปิดเต็มรูปแบบปลายปี 66 

นอกจากนี้ หลังจากที่งานระบบ O&M ได้ดำเนินการผ่านไปประมาณ 1 ปี กรมฯ จะทำการประเมินว่ามีช่วงใดที่ติดตั้งระบบ O&M แล้วเสร็จจนสามารถเปิดให้บริการใด้ ทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นการทดลองระบบโดยยังไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมจริง 

ปัจจุบันการก่อสร้างสายบางปะอิน-นครราชสีมามีความคืบหน้า 93% โดยวางไทม์ไลน์ว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จทั้งหมด 40 ตอนช่วงกลางปี 2566 ขณะที่งานระบบ O&M จะเสร็จในไตรมาส 3/2566 จะเปิดทดลองใช้เต็มรูปแบบได้ปลายปี 2566 

สำหรับสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ก่อนหน้านี้โครงการติดปัญหาเวนคืนทำให้ส่งมอบพื้นที่ไม่ได้ จนกระทั่งปลายปี 2562 ครม.ได้อนุมัติงบเพิ่ม 12,000 ล้านบาทในการจ่ายค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทำให้แก้ปัญหาการก่อสร้างที่หยุดชะงักมา 2 ปีได้เบ็ดเสร็จ ส่งผลให้ผู้รับเหมาดำเนินการก่อสร้างทำได้เต็มที่ จากเมื่อมี.ค. 2563 ที่มีผลงาน 10% ปัจจุบันผลงานพุ่งไปกว่า 62% แล้ว 

ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถขอความร่วมมือผู้รับเหมาเพื่อเร่งรัดการก่อสร้างได้ โดยคาดว่างานโยธาจะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค. 2566 และงานระบบ O&M คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จปลายปี 2566 พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2566 

@ก่อสร้างสายบางปะอินชะงัก 17 ตอน ปัญหาปรับแบบทำเสียเวลากว่า 1 ปี

นอกจากปัญหาเรื่องเวนคืนของสายบางใหญ่-กาญจนบุรีแล้ว สายบางปะอิน-นครราชสีมาก็เจอปัญหาใหญ่เรื่องต้องปรับแบบก่อสร้างถึง 17 ตอนที่ส่งผลทำให้ต้องมีค่าก่อสร้างเพิ่มราว 6,700 ล้านบาท โดยจะต้องเสนอขออนุมัติจาก ครม.ก่อนจึงจะดำเนินการต่อได้ ทำให้งานก่อสร้าง 17 ตอนต้องหยุดชะงักมาตั้งแต่ปี 2563 

ด้าน ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งกรมทางหลวงให้เร่งตรวจสอบสาเหตุการออกแบบที่ไม่ครบถ้วน ไม่เรียบร้อย โดยให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย โดยเชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเข้ามาเป็นคนกลางในการตรวจสอบ เพื่อให้การตรวจสอบมีความโปร่งใส และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล 

"ล่าสุดคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง 17 ชุดได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ 17 ตอนเรียบร้อยแล้ว และ ทล.ได้หารือกับกรมบัญชีกลางถึงแนวทางการบริหารสัญญาที่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งกรมบัญชีกลางได้มีหนังสือตอบกรมฯ เมื่อต้นเดือน ก.ย. และอยู่ระหว่างที่ กรมฯ สรุปข้อมูลรายละเอียดเหตุผลในแต่ละตอนเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อนำเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่ม"

แม้มอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมาจะได้รับอนุมัติกรอบค่างานโยธาที่ 70,000 ล้านบาท แบ่งงานเป็น 40 ตอน เปิดประมูลปี 2558 ที่วงเงิน 60,000 ล้านบาท จะเห็นว่ามีกรอบวงเงินเหลือถึง 10,000 ล้านบาท แต่สำนักงบประมาณกำหนดว่างาน 40 ตอน คือ 40 โครงการ ดังนั้นหากตอนไหนต้องมีค่างานเพิ่มก็ต้องเสนอ ครม.เพื่อขออนุมัติ ไม่สามารถเกลี่ยงบเหลือของตอนอื่นมาใช้ได้เพราะมองว่าเป็นคนละโครงการกัน เป็นอีกเงื่อนไขที่ทำให้กรมทางหลวงต้องเสนอ ครม.ขออนุมัติเพิ่มงบก่อนเท่านั้น

สำหรับสาเหตุที่ต้องมีการปรับแบบ 17 ตอน มาจาก

1. เนื่องจากโครงการมีการออกแบบไว้ตั้งแต่ปี 2551 ทำให้แบบเดิมอาจไม่สอดคล้องกับกายภาพจริงในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้พบว่าบางช่วงเดิมออกแบบเป็นทางระดับดิน แต่พบว่าสภาพพื้นที่เปลี่ยนเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ ทำให้ต้องปรับรูปแบบเป็นสะพาน ซึ่งทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่ม 

2. สภาพทางธรณีวิทยาของชั้นโครงสร้างทางดินพบชั้นดินอ่อน ต้องปรับแบบส่วนโครงสร้างฐานราก  

3. มีข้อห่วงใยจากประชาชนในพื้นที่เส้นทางตัดผ่านหลังทำการมีส่วนร่วม ทำให้ต้องปรับแก้แบบเพื่อลดผลกระทบ เช่น ทำทางคู่ขนาน, Service Road  

4. การปรับแบบที่เกิดจากข้อจำกัดของการใช้พื้นที่ของหน่วยงานอื่นก่อสร้าง ซึ่งต้องดำเนินการตามเงื่อนไขของเจ้าของพื้นที่ เช่น ผ่านคลองชลประทาน ทำให้ต้องปรับระดับของสะพานและความกว้างของตอม่อ หรือเส้นทางช่วงที่ผ่านเรือนจำคลองไผ่ มีข้อกำหนดระยะทางห่างไม่เกิน 200 เมตร ต้องสร้างรั้วกั้นตลอดแนว เป็นต้น 

@ถอดบทเรียน วางแนวปฏิบัติใหม่ ต้องไม่เกิดซ้ำอีก  

สราวุธ ทรงศิวิไลกล่าวว่า แม้แต่ละปีกรมทางหลวงจะมีโครงการก่อสร้างหรือซ่อมบำรุงจำนวนมาก แต่ต้องยอมรับว่าโครงการระดับ 6-7 หมื่นล้านบาทอย่างมอเตอร์เวย์สายบางปะอินและสายบางใหญ่เป็นงานใหญ่ที่มีการเปิดแนวเส้นทางใหม่ ที่มีการเวนคืนค่อนข้างมาก อีกทั้งมีเส้นทางยาว ประกอบกับมีการเร่งรัดแผนงาน อาจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่มีการอัปเดตแบบที่ออกไว้ตั้งแต่ปี 2551 จนเป็นที่มาของการปรับแบบ ซึ่งปัญหาที่เกิดในการดำเนินโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 2 สายนี้ กรมฯ ได้นำมาเป็นบทเรียนสำคัญในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ต่อจากนี้ คือ 1. จะต้องศึกษา สำรวจ ออกแบบ ดูผลกระทบให้ครบถ้วนก่อน 2. ต้องดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เรียบร้อย ให้มีความพร้อมมากที่สุด อย่างน้อยควรถึงขั้นตอนขอออก พ.ร.ฎ.เวนคืนจึงจะเสนอของบประมาณก่อสร้าง และ 3. ก่อนจะเริ่มดำเนินการประมูลโครงการจะต้องลงพื้นที่สำรวจซ้ำอีกครั้ง เพื่ออัปเดตข้อมูลเพื่อออกแบบให้เกิดความคุ้มค่าและสอดคล้องกับสภาพจริงมากที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดการปรับแบบก่อสร้างภายหลัง 

@ พร้อมลุย PPP มอเตอร์เวย์ 5 โครงการใหม่ 2.65 แสนล้าน เปิดเมืองเชื่อมพื้นที่เศรษฐกิจ

สำหรับแผนโครงการมอเตอร์เวย์ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเตรียมเสนอคณะกรรมการ PPP อนุมัติจำนวน 5 โครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 265,000 ล้านบาท ได้แก่ 

1. โครงการมอเตอร์เวย์สาย 9 ช่วงวงแหวนรอบนอกฯ ด้านตะวันตก ช่วงบางขุนเทียน-บางปะอิน ระยะทาง 78 กม. วงเงิน 78,000 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างเป็นทางยกระดับไปบนแนวมอเตอร์เวย์สาย 9 โดยเส้นทางจะมีจุดเชื่อมต่อมอเตอร์เวย์สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว และสายบางปะอิน-นครราชสีมา  

ปัจจุบันกรมฯ ได้สรุปรายงานผลการศึกษาความเป็นไปได้โครงการ (feasibility study) ผ่านความเห็นชอบกระทรวงคมนาคมแล้ว และเสนอไปที่ สคร.เพื่อเตรียมเสนอบอร์ด PPP 

2. โครงการมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม. วงเงิน 28,360 ล้านบาท เริ่มต้นโครงการโดยเชื่อมต่อกับดอนเมืองโทลล์เวย์ในปัจจุบัน บริเวณทางแยกต่างระดับรังสิต ถนนพหลโยธิน กม.33+924 สิ้นสุดโครงการที่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 บริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอิน กม.1+800 โดยสามารถเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมาได้ 

คาดว่าจะศึกษารูปแบบการลงทุนเสร็จในเดือน ต.ค. 2564 จะสรุปเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอคณะกรรมการ PPP ต่อไป ส่วนรายงาน EIA อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ   

3. โครงการมอเตอร์เวย์สายศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 18 กม. วงเงิน 37,500 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างเป็นทางยกระดับคร่อมบนมอเตอร์เวย์สาย 7 สามารถเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัช และมีทางเข้า-ออกเชื่อมต่อกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วย ถือเป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อช่วยลดความแออัดบนมอเตอร์เวย์สาย 7 และยังจะเป็นโครงข่ายเสริมการเดินทางไปยังเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีกด้วย 

ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณารายงาน  EIA โดยคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) และคาดว่าจะสรุปการศึกษารูปแบบการลงทุน คาดสรุปได้ปลายปี 2564

4. มอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 109 กม. วงเงิน 79,006 ล้านบาท โครงการอยู่ระหว่างทบทวนผลการศึกษารูปแบบการลงทุน คาดว่าแล้วเสร็จในต้นปี 2565 ซึ่งบอร์ด PPP เคยอนุมัติโครงการแล้วเมื่อเดือน ก.ค. 2561 แต่เนื่องจากผ่านมานานแล้วจึงให้กรมฯ ทำการทบทวนการศึกษาเพื่ออัปเดตโครงการ ประกอบกับช่วงผ่าน จ.เพชรบุรีมีประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับแนวเส้นทาง 

มอเตอร์เวย์สายนี้จะเชื่อมต่อจากนครชัยศรีลงสู่ภาคใต้ ดังนั้น ด้านนโยบายต้องการเร่งรัดก่อสร้าง โดยให้แบ่งเฟสช่วงที่ไม่มีปัญหา ไม่มีผลกระทบดำเนินการก่อน คือ จากนครปฐม-ปากท่อ และเร่งหาข้อยุติช่วงปากท่อ-ชะอำ 

5. โครงการมอเตอร์เวย์ สายหาดใหญ่-ชายแดนไทย/มาเลเซีย ระยะทาง 70.43 กม. วงเงิน 42,620 ล้านบาท เริ่มต้นจากทางหลวงหมายเลข 4 กม.ที่ 1,242+35 อ.บางกล่ำ จ.สงขลา สิ้นสุดที่ด่านสะเดา 2 โดยมีทางแยกเชื่อมเข้าสนามบินหาดใหญ่ ปัจจุบันออกแบบและศึกษาความเหมาะสมในการให้เอกชนร่วมลงทุนเสร็จแล้ว และล่าสุด กก.วล.เห็นชอบรายงาน EIA แล้ว จึงเป็นโครงการที่มีความพร้อม แต่จะดำเนินการต่อไปต้องเสนอรัฐบาลขอความชัดเจน เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เชื่อมไปที่ด่านสะเดา ประเทศมาเลเซีย  
 
#8289
น้ำมันว่านจูงนาง   ใส่ตะกรุดนะเมตตามหานิยม ให้ทุกขวด  ขวดละ 399 บาท


 หุงด้วย น้ำมันบารมีครู 108 มหามงคล (น้ำมันแช่เหล็กไหลไพลดำ น้ำมันว่านไก่แดง น้ำมันว่าน 108 น้ำมันเกราะเพชร น้ำมันจักรพรรดิ น้ำมันชาตรี มวลสารมหามงคล 108 รัตนชาติฐานรองพระธาตุพระสีวลี )  

ช่วยในเรื่องเมตตา มหาเสน่ห์และโชคลาภ

คาถากำกับ     ปาสุอุชา จิตตังภิกขิรินิเม    ท่อง  9 จบ

แล้วอธิษฐานใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

ว่านจูงนางนักเลงชาย หญิง แต่โบราณ ชอบสาว ชอบหนุ่มใด มักจะเอาดอกเอาต้นว่านไปแช่น้ำมันจันทร์บ้างน้ำมันเสน่ห์ต่างๆหรือผสมกับสีผึ้งใช้ติดตัวทางปาก ทาหน้าทางมือ เพราะมีความเชื่อว่าว่านจูงนางนี้มีพลังเสน่ห์เมตตามหานิยมรุนแรง ต่อเพศตรงข้าม หรือเพศเดียวกัน ชักจูงได้ง่าย ทำให้อีกฝ่ายคล้อยตามง่าย เชื่อง่าย และยังกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่ายให้เกิดความหลงใหลได้อย่างง่ายดาย และว่านจูงนางนี้ยังสามารถช่วยให้เจรจาค้าขายกับผู้คนต่างๆอย่างได้ผลพ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจมักมีติดตัวไว้ใช้กัน

 ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลย

หรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
 https://www.lazada.co.th/products/-i1162308605-s2732826682.html?search=store?spm=a2o4m.10453683.0.0.10b96d16q6OJEJ&search=store 
#8290
ขายดาวน์  247,800 ( กค 2564 ) ห้อง 225
#8291


เทียบผลงาน โม ซาลาห์ กับ 3 ตำนาน ลิเวอร์พูล หลังดาวเตะอียิปต์ ซัดใน พรีเมียร์ลีก ทะลุ 100 ตุงแล้ว

    โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกคนเก่ง ลิเวอร์พูล ทำประตูให้ "หงส์แดง" ในเกม พรีเมียร์ลีก ครบ 100 ลูกเป็นที่เรียบร้อย หลังยิงได้ 1 ประตูนัดที่บุกไปเสมอ เบรนท์ฟอร์ด แบบสุดมันส์ 3-3 เมื่อวันเสาร์ที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา

    ในยุค พรีเมียร์ลีก นอกจาก ซาลาห์ ที่ยิงในลีกทะลุ 100 ประตูแล้วนั้น ก็ยังมี สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และ ไมเคิ่ล โอเว่น สามตำนานของทีมที่ทำได้เช่นกัน โดยทั้ง 4 คนมีสถิติดังนี้



โมฮาเหม็ด ซาลาห์

เทียบผลงานซาลาห์กับ3ตำนานลิเวอร์พูล
ADVERTISEMENT


เกม: 151
ตัวจริง: 144
สำรอง: 7
ประตู: 100
แอสซิสต์: 38
จุดโทษ: 14
นาทีเฉลี่ยต่อประตู: 126.91
นาทีเฉลี่ยต่อประตู (ไม่รวมจุดโทษ): 147.6
นาทีเฉลี่ยต่อประตูหรือแอสซิสต์: 92.0

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

เทียบผลงานซาลาห์กับ3ตำนานลิเวอร์พูล
ADVERTISEMENT


เกม: 266
ตัวจริง: 225
สำรอง: 41
ประตู: 128
แอสซิสต์: 30
จุดโทษ: 14
นาทีเฉลี่ยต่อประตู: 158.7
นาทีเฉลี่ยต่อประตู (ไม่รวมจุดโทษ): 178.2
นาทีเฉลี่ยต่อประตูหรือแอสซิสต์: 128.5

สตีเว่น เจอร์ราร์ด


เทียบผลงานซาลาห์กับ3ตำนานลิเวอร์พูล
เกม: 504
ตัวจริง: 466
สำรอง: 38
ประตู: 121
แอสซิสต์: 97
จุดโทษ: 32
นาทีเฉลี่ยต่อประตู: 340.1
นาทีเฉลี่ยต่อประตู (ไม่รวมจุดโทษ): 462.4
นาทีเฉลี่ยต่อประตูหรือแอสซิสต์: 188.8

ไมเคิ่ล โอเว่น

เทียบผลงานซาลาห์กับ3ตำนานลิเวอร์พูล
เกม: 216
ตัวจริง: 193
สำรอง: 23
ประตู: 118
แอสซิสต์: 36
จุดโทษ: 10
นาทีเฉลี่ยต่อประตู: 142.5
นาทีเฉลี่ยต่อประตู (ไม่รวมจุดโทษ): 150.7
นาทีเฉลี่ยต่อประตูหรือแอสซิสต์: 109.2
#8292
ลูกอมพระแม่ธรณี

จัดสร้างจากดินใต้ฐานพระแม่ธรณี ผงมหาจักรพรรดิ และมวลสารอื่น ๆ ช่วยในเรื่องการขายบ้าน ขายที่ดิน
#8293
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 716