• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - deam205

#11132
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกงฮั่งเส็งปิดร่วง 562.05 จุด วิตกวิกฤตยูเครน

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงในวันนี้ หลังมีรายงานว่ากองกำลังทหารของรัสเซียได้เข้ายึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ของยูเครนได้แล้ว

ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 21,905.29 จุด ลดลง 562.05 จุด หรือ -2.50%

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเครนว่า กองกำลังทหารของรัสเซียได้เข้ายึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียของยูเครนได้แล้ว หลังจากที่ใช้อาวุธหนักยิงถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้

"เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกำลังตรวจสอบสภาพของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการทุกอย่างจะเป็นไปอย่างปลอดภัย" เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าว
กองกำลังทหารของรัสเซียบุกโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียในเมืองอีเนอร์โกดาร์ของยูเครนในช่วงเช้าวันนี้ และส่งผลให้อาคารศูนย์ฝึกอบรมซึ่งมีความสูง 5 ชั้นที่อยู่ติดกันเกิดเพลิงไหม้

นายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังทหารของรัสเซียได้ระดมยิงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียจากทุก ๆ ด้าน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลหากมีการระเบิด ก็จะส่งผลให้เกิดหายนะด้านนิวเคลียร์ที่รุนแรงกว่าเหตุการณ์โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลถึง 10 เท่า

อย่างไรก็ดี นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผย เตาปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียถูกปิดลงอย่างปลอดภัยแล้วในขณะนี้ และไม่พบการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี
#11133
มานาไทยแลนด์  จัดจำหน่าย มานา คอลลาเจน ที่ญาญ่าเลือกดื่มทุกเช้า
วางใจให้ดูแลผิว ไดเปปไทด์ คอลลาเจน เกรดพรีเมี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น
ดูแลผิวสาว ให้สวยอยู่เสมอ เส้นผม เล็บ กระดูก 
ญ่าเลือกแล้ว คุณเลือกรึยัง
โปรโมชั่น ส่งฟรีทั้งโอนและปลายทาง
1 ฟรี 1 = 990 บาท
2 ฟรี 4 = 1,850 บาท
3 ฟรี 7 = 2,650 บาท
สนใจทัก
สมัครตัวแทน ทัก
---------------------------------------------------------
Line:@collagen
http://line.me/ti/p/@collagen
FB. https://www.facebook.com/manacollagedipeptide
www.manaok.com
www.manaextra.com
#11134
ขอบคุณครับ ดันๆ
#11136
KBANK คาดบาทสัปดาห์หน้า 32.40-32.80 จับตาสถานการณ์ยูเครน-Fund Flow-โควิด-ตัวเลขศก.

ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (7-11 มี.ค.) ไว้ที่ 32.40-32.80 บาท/ดอลลาร์ จากที่ปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 4 มี.ค.65 ที่ระดับ 32.70 บาท/ดอลลาร์

สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทแกว่งตัวผันผวนในกรอบที่อ่อนค่า ขณะที่เงินดอลลาร์มีแรงหนุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางสัญญาณตึงเครียดระหว่างยูเครน-รัสเซีย ทั้งนี้สหรัฐฯ และอียูประกาศตัดรัสเซียออกจากระบบ SWIFT รวมถึงออกมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ต่อเบลารุสซึ่งมีส่วนสนับสนุนรัสเซียบุกยูเครน ขณะที่กองกำลังทหารของรัสเซียยกระดับการโจมตีหลายเมืองในยูเครน และเข้ายึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียได้แล้ว นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ 3.22 หมื่นล้านบาทในระหว่างสัปดาห์ด้วยเช่นกัน

โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ก.พ. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือน ม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือน มี.ค. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการประชุม ECB จีดีพีไตรมาส 4/64 (final) ของยูโรโซน การกำหนดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจจีนปี 2565 และตัวเลขเศรษฐกิจ อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนและข้อมูลการส่งออกด้วยเช่นกัน
#11137
จำหน่าย ประตูพีวีซี ประตูห้องน้ำ ประตูห้องนอน ประตูห้องนั่งเล่น ผลิตจากโรงงานโดยตรง

ประตูพีวีซี หรือ ประตู PVC ได้ผ่านการรับรองการผลิตตามมาตรฐาน มอก. 1013-2533 จึงทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ในคุณภาพ และมาตรฐาน ผลิตจากพีวีซีชนิดพิเศษที่ผ่านการทดสอบคุณภาพแล้วว่าไม่ดูดซึมความชื้น จึงป้องกันปัญหาการผุกร่อน, ไม่บวมน้ำ, การยืดและหดตัวของประตู รวมถึงช่วยป้องกันปัญหาเชื้อราต่างๆ และปลอดภัยจากปลวก หรือแมลงต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำความสะอาดและติดตั้งง่าย แข็งแรงทนทาน มีหลายแบบให้เลือก *สามารถสั่งทำขนาดพิเศษตามความต้องการของลูกค้าได้ โรงงานเราผลิตประตูหลายแบบหลายขนาดและมีหลากหลายสีให้เลือก เช่น ประตูห้องนอน ประตูห้องน้ำ ประตูห้องนั่งเล่น และเรายังมีสีหลากหลายให้เลือก เช่น ขาวเสี้ยนไม้, ลาเต้, ช็อคโกแลต, น้ำตาลเข้ม, สแปลลี่ วอลนัท สามารถติดต่อสอบถามได้ได้ข้างล่าง

 สินค้าราคาโรงงาน ขาย ปลีก-ส่ง
 รับประกันคุณภาพสินค้าทุกชิ้น
 มีระบบผ่อนจ่าย ตามความสะดวกของลูกค้า
 สามารถผลิตในแบรนด์ของลูกค้าเองได้
 มีบริการจัดส่ง – ติดตั้ง ทั่วประเทศ
 สอบถาม-ปรึกษา(ฟรี)

สนใจดูตัวอย่างสินค้า/เป็นตัวแทนขาย
Inbox: m.me/CCTGROUPCompany
 Email : info@cctgroup.co.th
 Line: Lakkana99
โทร : 0816428556 (คุณลักขณา)
 Website : https://www.cctgroup.co.th
Facebook : บัวเชิงผนัง พื้นไม้ลามิเนต กระเบื้องยาง By CCT Group  
#11138
ราชาเฟอร์รี่ เปิดตัวบัตรสมาชิกสะสมพอยท์ ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัล สมัครปุ๊บรับ Voucher ตั๋วโดยสารเรือฟรีทันที คุ้มไปอีก! ใช้เป็นส่วนลด-แลกของรางวัล

'ราชาเฟอร์รี่' เปิดตัวบัตรสมาชิกสะสมพอยท์ เพิ่มดีกรีสิทธิประโยชน์และความคุ้มให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ มอบส่วนลด 10-15% พร้อมอัพพอยท์สะสมทุกการใช้จ่ายเพื่อแลกรางวัลหรือคูปองตั๋วรถ ตั๋วเรือเส้นทางต่างๆ รีบสมัครและสะสมพอยท์ได้แล้ววันนี้ที่จุดจำหน่ายตั๋วราชาเฟอร์รี่หน้าท่าเรือทั้ง 3 แห่ง

นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก กล่าวว่า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้บริโภคและกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะสมุยและเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ราชาเฟอร์รี่จึงปรับกลยุทธ์ใหม่ด้วยการออกบัตรสมาชิกแบบสะสมคะแนน (พอยท์) ผ่านโทรศัพท์มือถือ ให้ทุกยอดการซื้อตั๋วรถและตั๋วเรือ สามารถสะสมคะแนนแลกรับส่วนลดหรือรางวัลต่างๆ ตอบโจทย์เทรนด์แห่งโลกยุคดิจิทัล

สำหรับบัตรสมาชิกแบบสะสมคะแนนนี้ ราชาเฟอร์รี่ มุ่งต่อยอดการสร้างรอยัลตี้ผ่านการสะสมคะแนน และมอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษให้แก่ลูกค้าราชาเฟอร์รี่แบบยิ่งใช้ยิ่งคุ้ม 3 ต่อ ดังนี้

คุ้มแรก! เพียงสมัครสมาชิก 200 บาท/ปี รับฟรีทันที Voucher ตั๋วโดยสารเรือ 1 ใบ
คุ้มสอง! ส่วนลด 10-15% เมื่อซื้อตั๋วรถโดยสารหรือตั๋วโดยสารเรือเฟอร์รี่ (เส้นทางตามที่กำหนด)
คุ้มสาม! สะสมคะแนน เมื่อซื้อสินค้าและบริการของบริษัทฯ ทุก 100 บาท ได้รับ 1 คะแนน แลกรับรางวัลและส่วนลดในการซื้อตั๋วรถ ตั๋วเรือ หรือสินค้าของบริษัท

ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิประโยชน์สุดคุ้ม สมัครเป็นสมาชิกง่ายๆ เพียงสแกน QR Code หรือสมัครได้ที่จุดจำหน่ายตั๋วราชาเฟอร์รี่หน้าท่าเรือทั้ง 3 แห่ง (ดอนสัก , สมุย และพะงัน) จุดจำหน่ายตั๋วตลาดศรีราชา1 (ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี) และบูธราชาเฟอร์รี่สนามบินสุราษฎร์ธานี หรือสมัครออนไลน์ผ่าน facebookและLine @rajaferryport สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call center: 02-2774488 www.rajaferryport .com หรือ Line : @rajaferryport
#11139
สนใจ สอบถาม ดูได้ที่เวปไซต๋
www.manaok.com
#11140
พาณิชย์-DITP ชี้โอกาสผู้ประกอบการสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลกด้วย BCG Model รุกจัดโรดโชว์สู่ภูมิภาค

สมุนไพรไทยในตลาดโลก ที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 54,739 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 และคาดการณ์ว่าในปี 2569 มูลค่าตลาดจะสูงถึง 70,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเชิญชวนผู้ประกอบการกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงามที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย เข้าร่วมกิจกรรมโรดโชว์ โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยสู่ตลาดต่างประเทศปี 2565 จัดขึ้นที่ PATOM ORGANIC VILLAGE สวนสามพราน นครปฐม

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า "ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มุ่งสร้างเศรษฐกิจเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนผ่านการนำแนวคิดของโมเดลเศรษฐกิจใหม่ หรือ BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) มาใช้เป็นแนวทางการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยโดยภาครัฐได้ตั้งเป้าหมายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG ว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าจีดีพีของประเทศไทยได้เพิ่มขึ้น 1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2565-2570"

จากข้อมูลของ Euromonitor พบว่า ผลิตภัณฑ์สมุนไพร (Herbal & Traditional Products) มีมูลค่าตลาดถึง 54,739 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 และคาดการณ์ว่าในปี 2569 มูลค่าตลาดจะสูงถึง 70,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่จะขยายตลาดสู่ต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการจึงได้ดำเนินโครงการ "พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรสู่ตลาดต่างประเทศ" เป็นปีที่2 เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงามที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทยให้มีองค์ความรู้สำคัญ ตลอดจนการยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ สอดคล้องตามแนวคิด BCG Model เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความพร้อมในการแข่งขันในระดับสากล โดยจะจัดกิจกรรมโรดโชว์เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ จัดขึ้นในวันที่ 9 มีนาคม 2565 ณ  สวนสามพราน อ.สามพราน จ.นครปฐม

สำหรับกิจกรรมโรดโชว์ในครั้งนี้ กรมฯ ร่วมกับแบรนด์ PATOM ต้นแบบการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพรและส่วนผสมจากธรรมชาติด้วยแนวคิด BCG Model และมีความโดดเด่นด้านการนำวัตถุดิบพืชสมุนไพรท้องถิ่นมาผสมผสานในผลิตภัณฑ์ สามารถสร้างความแตกต่าง เพิ่มมูลค่าให้แบรนด์ จนประสบความสำเร็จทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยมี นายอนัฆ นวราช ผู้จัดการทั่วไปของสวนสามพรานและผู้อำนวยการแบรนด์ PATOM และ นางสาวดรรชนี คุณาวิชยานนท์ Sale & Marketing Director ของ PATOM มาแบ่งปันแนวคิด "การบริหารธุรกิจตามหลัก BCG Model" พร้อมประสบการณ์ตรงในการนำ BCG Model มาใช้ในธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพรและส่วนผสมจากธรรมชาติ รวมถึงพาเรียนรู้วิถี BCG จากฟาร์มสู่ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ PATOM
#11141
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท "บ. เซ็นทรัลพัฒนา" ที่ "AA" แนวโน้ม "Stable"

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?AA? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?AA? ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ไปชำระคืนหุ้นกู้และเงินกู้ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจ

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจศูนย์การค้าในประเทศไทย ตลอดจนผลงานในการบริหารศูนย์การค้าคุณภาพสูง และกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการตามสัญญา นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความต้องการเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจของบริษัทในช่วงปี 2565-2567 รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ยังดำเนินอยู่ซึ่งยังคงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและอุปสงค์ของพื้นที่ค้าปลีกอีกด้วย

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์การค้าเอาไว้ได้แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ยังไม่สิ้นสุดก็ตาม หลังจากซื้อกิจการของ บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (SF) แล้ว บริษัทมีพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าเพิ่มขึ้น 20% คิดเป็น 2.3 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.) โดยคอมมูนิตี้มอลล์ทั้ง 18 แห่งและศูนย์การค้าขนาดใหญ่อีก 1 แห่งของบริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ช่วยเสริมความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจศูนย์การค้าในประเทศไทยให้แข็งแกร่งและครอบคลุมมากขึ้น ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทบริหารศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์รวม 55 แห่ง โดย 33 แห่งอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ 21 แห่งอยู่ในเขตต่างจังหวัด 1 แห่งอยู่ในประเทศมาเลเซีย และบริษัทยังมีพื้นที่ค้าปลีกซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) อีกด้วย ทั้งนี้ สถานะผู้นำของบริษัทเกิดจากการมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่มากถึง 22% ของพื้นที่ค้าปลีกทั่วประเทศและมีอัตราการเช่าที่สูงเกินกว่า 90% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2564 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลายระลอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการปิดศูนย์การค้าตามคำสั่งของภาครัฐตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมจนถึงปลายเดือนสิงหาคม 2564 บริษัทให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าตามระยะเวลาที่ได้รับผลกระทบตลอดปี 2564 ทั้งนี้ รายได้จากการดำเนินงานรวมลดลง 31% จากปี 2562 เหลือ 2.62 หมื่นล้านบาทในปี 2564 และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลง 21% จากระดับก่อนการแพร่ระบาดเหลือ 1.77 หมื่นล้านบาทในปี 2564

ทริสเรทติ้งคาดว่าจำนวนผู้เข้าใช้บริการศูนย์การค้าตลอดปี 2565 จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 75%-85% ของระดับก่อนการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่น้อยลงและการกลายพันธุ์ของโรคโควิด 19 ทำให้ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังคงให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบต่อไปอีกตลอดปี 2565 และคาดว่าค่าเช่าน่าจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ 3% ในปี 2566 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเปิดศูนย์การค้าใหม่จำนวน 1-3 แห่งต่อปีตลอดช่วงเวลาประมาณการ โดยคาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่โดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 90% ทั้งนี้ ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมจากทุกธุรกิจของบริษัทจะเท่ากับ 2.8-3.2 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2565-2567 โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่า EBITDA ซึ่งรวมกำไรจากการให้เช่าสินทรัพย์แก่ทรัสต์ฯ ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 1.9-2.5 หมื่นล้านบาทในช่วงระหว่างปี 2565-2567 โดยอัตรากำไรสุทธิของบริษัทน่าจะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 27% ของรายได้จากการดำเนินงานรวมตลอดช่วงเวลาประมาณการ

ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนสำหรับทุกธุรกิจประมาณ 2 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2565-2567

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถลดหนี้ได้ตามแผนแม้ว่าการซื้อกิจการของบริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์จะใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้ทั้งจำนวน โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถจำหน่ายศูนย์การค้าทั้ง 2 แห่งของบริษัทให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) ในช่วงปลายปี 2565 และให้เช่าสินทรัพย์แก่ทรัสต์ฯ เพิ่มเติมอีกในช่วงปลายปี 2566 ซึ่งเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายและให้เช่าสินทรัพย์ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 2.0-2.5 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2565-2566 นั้นน่าจะช่วยลดภาระหนี้เงินกู้ของบริษัทลงได้บางส่วน ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิ (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 4.5 เท่าตลอดช่วงประมาณการและรักษาอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายให้อยู่ที่ระดับประมาณ 8 เท่าเอาไว้ได้

ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทจะมีเพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีภาระหนี้สินทางการเงินที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 3.3 หมื่นล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหนี้ระยะสั้นจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท เงินกู้ระยะยาวจำนวน 6.1 พันล้านบาท หุ้นกู้จำนวน 6 พันล้านบาท และหนี้สินตามสัญญาเช่าจำนวน 2.8 พันล้านบาท โดยทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะใช้งบลงทุนจำนวน 2 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2565-2567 ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดจำนวน 3.1 พันล้านบาทและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 2.9 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่สามารถยกเลิกได้อีกจำนวน 1.16 หมื่นล้านบาท ในขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานก็คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทในปี 2565 บริษัทยังมีสินทรัพย์ที่ปลอดภาระค้ำประกันซึ่งมีมูลค่าตามบัญชีจำนวนประมาณ 1.65 แสนล้านบาทที่สามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันเพื่อขอเงินกู้จากธนาคารในกรณีที่จำเป็นได้อีกด้วย

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีหนี้ที่มีหลักประกันจำนวน 5.1 พันล้านบาท ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้ที่มีหลักประกันต่อมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์ของบริษัทอยู่ที่ระดับเพียง 2% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 35% ตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า? ของทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจึงพิจารณาว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่มีความเสียเปรียบอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใดเมื่อพิจารณาจากลำดับชั้นในการได้รับคืนเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามประมาณการแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทจะขยายธุรกิจเชิงรุกมากขึ้น แต่ก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้โดยคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิ (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4.5 เท่า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากสถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นในขณะที่ยังคงรักษาสถานะความเป็นผู้นำทางธุรกิจเอาไว้ได้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ หรืออัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิ (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 4.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า, 15 กรกฎาคม 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN)

อันดับเครดิตองค์กร: AA

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

CPN225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AA

CPN235A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 AA

CPN241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 AA

CPN242A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 AA

CPN248A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 AA

CPN258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 AA

CPN261A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 AA

CPN261B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 750 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 AA

CPN268A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 AA

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 15 ปี AA

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 15 ปี AA

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2565 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว 
#11142
KISS เร่งสปีด ผ่านบริษัทย่อย ดัน 5 ภาคีรัฐ-เอกชน พัฒนานวัตกรรมระดับโลก "สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูก ยับยั้งเชื้อโควิด-19" ของไทย

บมจ. โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ KISS ร่วมสนับสนุน 5 ภาคีเครือข่ายผ่านบริษัทย่อย บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.), มหาวิทยาลัยศิลปากร และองค์การเภสัชกรรม ผลักดันงานวิจัยนวัตกรรมจากทีมแพทย์ไทยสู้โควิด-19 หลังบริษัทย่อยเข้าลงนาม MOU ร่วมพัฒนานวัตกรรม "สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิด-19" ด้วยเทคโนโลยี Monoclonal Human Antibody Cocktail อันเป็นผลงานวิจัยจากทีมแพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมเตรียมเดินหน้าสู่การศึกษาทางคลินิกในอาสาสมัคร เร่งสปีดเตรียมความพร้อมเพื่อขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใน มิ.ย.นี้ คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายทั่วประเทศภายในไตรมาส 3 ปีนี้ พร้อมมุ่งขยายผลสู่ตลาดต่างประเทศในอนาคต

นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS ผู้พัฒนานวัตกรรม และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพ กล่าวว่า KISS ขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรม "สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิด-19" ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมด้านสุขภาพอย่างแท้จริง ที่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Monoclonal Human Antibody Cocktail จากการวิจัยภูมิคุ้มกันในมนุษย์เพื่อต่อต้านและยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยทีมแพทย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านบริษัทย่อยของ KISS คือ บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิการถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยสาธารณสุข (สรวส.) ในการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์พ่นจมูกสำหรับป้องกัน หรือ ยับยั้งการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ SARS-CoV-2 ทั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้ KISS ก้าวสู่ตลาดสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยบริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะให้การสนับสนุนนวัตกรรมที่นำเอาเทคโนโลยีทางการแพทย์ระดับโลก ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไทย เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ โดยขณะนี้ ไฮไบโอไซ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ KISS ได้ร่วมลงนามความร่วมมือ 5 ภาคีเครือข่าย เพื่อผลักดันงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมไทยสู่สากล โดยขณะนี้กำลังเดินหน้าสู่การศึกษาทางคลินิกในอาสาสมัคร เพื่อเตรียมความพร้อมในการขึ้นทะเบียนต่อ อย. โดยคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ ทั้งนี้ KISS มีความพร้อมรวมถึงประสบการณ์ความเชี่ยวชาญการทำตลาดและการกระจายสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ โดยยังมีเป้าหมายที่มุ่งขยายผลสู่ตลาดต่างประเทศในอนาคต เพื่อรุกตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเต็มสูบ บริษัทฯ มั่นใจว่า นวัตกรรมผลิตภัณฑ์พ่นจมูกเพื่อป้องกันหรือยังยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ จะมีส่วนในการเสริมสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ ได้อย่างเข้มแข็ง และช่วยยกระดับให้นวัตกรรมเพื่อสุขภาพของคนไทยได้รับการพัฒนาจนสามารถใช้ได้จริงและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคคนไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

นาวาโทแพทย์หญิง ภาพร ประสิทธิ์ดำรง กรรมการ บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายและนำเข้าเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัทย่อยใน บมจ. โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้ลงนาม MOU ผนึกกำลังพัฒนานวัตกรรมเชิงพาณิชย์ สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูก ป้องกันโควิด-19 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทางคลินิกในอาสาสมัคร กับ 5 ภาคีจากภาครัฐและเอกชน โดยตลอดระยะเวลามากกว่า 2 ปี ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 อุบัติขึ้น และระบาดจนส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งต่อเศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก มาตรการด้านสาธารณสุข และการส่งเสริมให้คนได้รับวัคซีน เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยลดอัตราการติดเชื้อ รวมถึงอัตราการเสียชีวิตของประชาชนในแต่ละประเทศ แต่ทว่า ยังมีกลุ่มคนอีกมากที่สร้างภูมิจากวัคซีนได้ไม่ดี หรือภูมิที่มีอยู่ไม่ได้นาน ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้

"บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด มีความตั้งใจที่จะผลักดันนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกที่มีแอนติบอดีจากมนุษย์ที่จำเพาะต่อเชื้อโควิด-19 ที่คิดค้นโดยแพทย์ไทย ซึ่งตอบโจทย์เรื่องการเสริมภูมิคุ้มกันที่โพรงจมูกซึ่งเป็นด่านหน้าที่จะดักจับเชื้อโควิดไม่ให้เข้าสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง โดยมุ่งที่จะพัฒนานวัตกรรมนี้จนเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมของคนไทย เพื่อคนไทย โดยจะเตรียมความพร้อมในการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ภายในไตรมาสแรก และ ขยายผลในการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงคนไทยภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมีแผนในการขยายผลสู่ตลาดในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้นวัตกรรมไทยสู่เวทีโลกอีกด้วย" พญ.ภาพร กล่าว

ทั้งนี้ ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทั้ง 5 หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เห็นการพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน ตั้งแต่การคิดค้นพัฒนานวัตกรรมแอนติบอดี้ที่มีคุณสมบัติจำเพาะเพื่อป้องกันโควิด-19 การสนับสนุนทุนให้เกิดการพัฒนาวิจัยต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสเปรย์ที่มีประสิทธิผลและสะดวกในการใช้ ตลอดจนกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต้นแบบ และออกสู่ตลาดเพื่อการนำไปใช้ได้จริง นับเป็นความร่วมมือที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมสุขภาพต้นแบบในการขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพคนไทยเพื่อพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป
#11143
14 องค์กรไทยประกาศศักยภาพพร้อมก้าวสู่ความเป็นเลิศ บนเวทีรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ประจำปี 2564

สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สถาบันเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะสำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ได้จัดงานแถลงข่าวผลรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ประจำปี 2564 ขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 - 11.40 น. ณ ห้อง.รูม 1 ชั้น 4 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ เพื่อประกาศรายชื่อองค์กรไทยจากหลากหลายภาคส่วนที่มุ่งมั่นปรับปรุงและพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง จนสามารถคว้ารางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA) รางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศที่มีความโดดเด่นด้านลูกค้า บุคลากร การปฏิบัติการ หรือนวัตกรรม (Thailand Quality Class Plus: TQC Plus) และรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ (Thailand Quality Class: TQC) ในปีนี้ไว้ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ซึ่งรางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่การันตีถึงศักยภาพ ความพร้อมด้านสมรรถนะ และมาตรฐานการดำเนินงานที่เป็นเลิศ ทัดเทียมระดับสากล

งานแถลงข่าวผลรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ มาร่วมเป็นประธาน และกล่าวถึงรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ในฐานะที่เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ และขีดความสามารถขององค์กรไทยอย่างยั่งยืน

โดยกล่าวว่า "เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ เปรียบเสมือนกลไกที่ช่วยขับเคลื่อน และยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมในภาพรวม อีกทั้งยังมุ่งส่งเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และกระตุ้นให้เกิดการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานให้มีความทันสมัย พร้อมสร้างคุณค่าให้แก่องค์กรไทยทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ           ภาครัฐวิสาหกิจ และภาคการศึกษา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรี่ยวแรงสำคัญของการพัฒนาประเทศ รวมถึงภาครัฐที่มีบทบาทต่อการสนับสนุนให้การดำเนินกิจกรรมในภาคเศรษฐกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว และมี    ผลิตภาพ สอดรับกับกรอบทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 13 ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อพลิกโฉมประเทศไทย หรือ เปลี่ยนแปลงประเทศขนานใหญ่ ภายใต้แนวคิด Resilience  มุ่งลดความเปราะบาง และสร้างความพร้อมต่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤตต่าง ๆ สามารถเติบโตและอยู่รอดได้ท่ามกลางความท้าทาย"

ตามด้วยการประกาศผลรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ประจำปี 2564 โดย ประธานคณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ซึ่งในปีนี้มีองค์กรที่ได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 14 องค์กร ดังนี้ 

รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA) จำนวน 1 องค์กร ได้แก่
บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด (บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด เคยได้รับรางวัล TQC ในปี 2549, 2555 - 2557)

รางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม (Thailand Quality Class Plus: Innovation - TQC Plus: Innovation) จำนวน 2 องค์กร ได้แก่
1) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

2) บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด

รางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศที่มีความโดดเด่นด้านลูกค้า (Thailand Quality Class Plus: Customer - TQC Plus: Customer) จำนวน 1 องค์กร ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
รางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศที่มีความโดดเด่นด้านบุคลากร (Thailand Quality Class Plus: People - TQC Plus: People) จำนวน 2 องค์กร ได้แก่
1) คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

2) โรงพยาบาลพญาไท 2

รางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ (Thailand Quality Class: TQC) จำนวน 8 องค์กร ได้แก่
1) เขื่อนสิริกิติ์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

2) คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล

3) คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

4) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม

5) บริษัท อาร์เอฟเอส จำกัด

6) มหาวิทยาลัยมหิดล

7) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

8) โรงไฟฟ้าวังน้อย

พร้อมกล่าวถึงผลลัพธ์และกลยุทธ์ในการสนับสนุนให้รางวัลคุณภาพแห่งชาติ เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับยกระดับศักยภาพในการบริหารจัดการ และเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันขององค์กรไทยทุกขนาดและทุกภาคส่วน ให้พร้อมรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

นอกจากนี้ ผศ.ดร.อธิศานต์ วายุภาพ ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ยังได้กล่าวรายงานบทบาท และการดำเนินงานที่สำคัญของสำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ในปี 2564 - 2565 ว่า "ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA)  ได้ดำเนินบทบาทเป็นกลไกที่ขับเคลื่อนและยกระดับศักยภาพขององค์กรไทยอย่างเต็มกำลังความสามารถ มุ่งตอบสนองนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ โดยเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ เป็นบรรทัดฐานสำหรับการประเมินตนเองขององค์กร ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้กับองค์กรทุกประเภท และทุกขนาด เพื่อสร้างความพร้อมต่อการเติบโตขององค์กร ให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงสุดท้าทาย ทั้งภายในและภายนอก ยิ่งกว่านั้นในปีนี้ เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ยังได้ถูกนำไปปรับใช้อย่างครอบคลุม โดยมีองค์กรจากหลายภาคธุรกิจ ประกอบด้วย ภาคการผลิต การบริการ การสาธารณสุข การศึกษา รวมถึงภาครัฐ และภาครัฐวิสาหกิจ สมัครขอรับรางวัลสูงกว่าเป้าหมาย นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการส่งเสริมให้มีการใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติอย่างแพร่หลายทุกภาคส่วน"

ทั้งนี้ ผศ.ดร.อธิศานต์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการดำเนินงานของสำนักงานรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ในปี 2565 ที่สำคัญ อย่างการจัดตั้ง สถาบัน TQA Academy ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้องค์กรไทยนำเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ไปปรับใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการอย่างเข้าใจ ผ่านการส่งมอบองค์ความรู้ เทคนิค เครื่องมือ เพื่อพัฒนาองค์กรและบุคลากรไทยในด้านต่าง ๆ อย่างครอบคลุม ภายใต้ความพยายามที่ไม่หยุดนิ่งของทุกฝ่าย คือ ส่วนสำคัญที่ทำให้ รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award) ยังคงสถานะเป็นรางวัลอันทรงเกียรติ พร้อมทำหน้าที่ขับเคลื่อนองค์กรไทยและประเทศชาติให้ก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง บนเส้นทางแห่งความเป็นเลิศ
#11144
ธปท.-คลัง ต่อเวลา PayPal ให้บริการถึงสิ้นปี 2565 ลดผลกระทบผู้ประกอบการรายย่อย

น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกันระหว่าง ธปท., สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และบริษัท PayPal ประเทศไทย เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการที่บริษัท PayPal จะหยุดให้บริการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.65 จนกว่าจะปรับปรุงระบบการให้บริการให้เป็นไปตามกรอบกฎหมายไทยได้นั้น ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันว่าเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการรายย่อยข้างต้น จึงพิจารณาขยายระยะเวลาออกไปเป็นการชั่วคราว

ในการนี้ กระทรวงการคลัง และ ธปท.ได้ขยายเวลาที่บริษัทจะต้องโอนย้ายการให้บริการแก่ลูกค้าไทยในต่างประเทศมาอยู่ภายใต้ PayPal ประเทศไทยออกไปเป็นสิ้นปี 2565 ทำให้ลูกค้าไทยที่มีบัญชี PayPal อยู่แล้วในปัจจุบันจะยังสามารถใช้บริการได้ต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้สั่งการให้บริษัทเร่งพัฒนาระบบให้มีกระบวนการแสดงตนและพิสูจน์ยืนยันตัวตนลูกค้า (Know Your Customer : KYC) ที่สอดคล้องตามกฎหมายให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลาดังกล่าว

รวมทั้งมีแนวทางให้ความช่วยเหลือและดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนนโยบายของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนมีช่องทางที่สะดวกและเพียงพอให้ลูกค้าติดต่อสอบถามปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้บริการ ซึ่ง ธปท.จะติดตามการดำเนินการของบริษัทในเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป

ทั้งนี้ การดูแลให้ผู้ประกอบธุรกิจการชำระเงินปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัยในการให้บริการชำระเงินและการคุ้มครองผู้ใช้บริการ อีกทั้ง ธปท.ยังได้สนับสนุนให้มีผู้ให้บริการที่หลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ และเป็นการส่งเสริมการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการกับลูกค้า ซึ่งจะส่งผลให้บริการชำระเงินสามารถสนับสนุนการทำธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทยได้อย่างเต็มศักยภาพ
#11145
พร้อมมีระบบแนะนำลูกค้าซึ่งสามารถทำเป็นรายได้โดยที่เราไม่ต้องเล่นเอง เพียงแค่ส่งลิ้งค์แนะนำลูกค้าได้ค่าคอมถึง 8% จ่ายเยอะ จ่ายไว มั่นคง ปลอดภัย มีทีมงานมืออาชีพคอยดูแลตลอด 24ชม.
สมัครสมาชิก คลิ๊กที่นี่ https://www.huaysky789.com/