• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - deam205

#10756
สนใจติตต่อสอบถามได้ครับ ยินดีให้บริการครับ ช่างกุญแจ 085-108-8797  ช่างปาน ครับ
#10757
Krungsri Internet Banking Laos เปิดตัวบริการใหม่ ครั้งแรกของสถาบันการเงินไทย หนุนผู้ประกอบการชาวไทยให้ขยายธุรกิจสู่ สปป. ลาวได้สะดวกง่ายดายไร้รอยต่อ

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) สาขาเวียงจันทน์ สปป.ลาว ธนาคารสัญชาติไทยรายแรกและเป็นธนาคารไทยแห่งเดียวใน สปป. ลาว ที่ให้บริการ Internet Banking เปิดตัวบริการใหม่ของ Krungsri Internet Banking Laos พร้อมให้บริการลูกค้าประเภทนิติบุคคล ใน สปป. ลาว และผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายธุรกิจไปยัง สปป. ลาว แล้ววันนี้ ด้วยสามบริการใหม่ Bulk Transfer โอนเงินภายในบัญชีกรุงศรีได้แบบเรียลไทม์ถึง 200 บัญชีต่อครั้ง บริการโอนเงินภายในบัญชีล่วงหน้าแบบ cross currency และบริการจองอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า ต่อยอดกลยุทธ์เชื่อมต่ออาเซียนของกรุงศรี สู่การเป็นธนาคารที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งอาเซียน

Krungsri Internet Banking Laos หรือ KIBL คือช่องทางการให้บริการของธนาคารที่อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของธนาคารกรุงศรีอยุธยาสาขาเวียงจันทน์ สปป. ลาว ประเภทนิติบุคคล ในการทำธุรกรรมทางด้านการเงินได้ด้วยตนเองผ่านระบบอินเตอร์เน็ตทั้งผ่านเว็บไซต์ รองรับการใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ และแสดงข้อมูลในรูปแบบที่รองรับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงรองรับการใช้งาน 3 ภาษาคือลาว ไทย และอังกฤษ โดยสามารถดูรายการเคลื่อนไหวในบัญชีแบบเรียลไทม์และย้อนหลังได้สูงสุด 3 เดือน ให้บริการโอนเงินทั้งในและต่างธนาคารทั้งภายในชื่อบัญชีเดียวกันและบัญชีบุคคลอื่น โอนจ่ายเงินเดือนสำหรับบัญชีภายในธนาคารกรุงศรี โอนเงินไปบัญชีคู่ค้าสำหรับบัญชีภายในธนาคารกรุงศรี โอนเงินไปยังต่างประเทศ (SWIFT) บริการเรียกดู FX Rate มอบหมายอำนาจการอนุมัติการทำธุรกรรมได้ออนไลน์ และล่าสุดเปิดตัวบริการใหม่ 3 บริการ ได้แก่ Bulk Transfer โอนเงินได้แบบเรียลไทม์ถึง 200 บัญชีกรุงศรีต่อครั้ง บริการโอนเงินภายในบัญชีล่วงหน้าแบบต่างสกุลเงินหรือ cross currency รองรับการทำรายการ 3 สกุลเงินคือ ลาวกีบ ไทยบาท และดอลลาร์สหรัฐ และบริการจองอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า ช่วยเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้า สามารถจองอัตราแลกเปลี่ยนบนออนไลน์จากที่ใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปสาขา

นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "กรุงศรีนับเป็นธนาคารไทยธนาคารแรกและเป็นธนาคารไทยแห่งเดียวใน สปป. ลาว ที่ให้บริการ Internet Banking โดยสามารถโอนเงินแบบ Bulk Transfer ภายในบัญชีธนาคารเดียวกัน บริการโอนเงินล่วงหน้าแบบ Cross Currency และบริการใหม่ล่าสุด การจองอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า โดยเรามุ่งหวังว่า บริการใหม่ใน KIBL นี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าธุรกิจในการเติบโตในต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการเปิดตัวโครงการรถไฟความเร็วสูงจากนครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีปลายทางคือนครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ก็จะมาช่วยเพิ่มโอกาสการขยายธุรกิจสู่ สปป. ลาวของผู้ประกอบการชาวไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยกรุงศรีพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรของลูกค้าธุรกิจ ช่วยให้คำปรึกษาและให้บริการทางการเงินที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้ลูกค้าของเราไปเติบโตได้ไกลในอาเซียน"
#10758
PRM ซื้อเรือ FSU ขนาด 300,373 เดทเวทตัน ราคา 67.61 ลบ.จากเครือผถห.ใหญ่
 
บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565 มีมติอนุมัติให้บริษัท หรือบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด เข้าทำสัญญาซื้อเรือขนส่งและจัดเก็บ (Floating Storage Unit: FSU) ขนาดระวางบรรทุก 300,373 เดทเวทตัน อายุประมาณ 20 ปี กับ Tate Offshore Limited ซึ่งเป็นนิติบุคคลภายใต้อิทธิพลของบริษัท นทลิน จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท หรือบริษัทย่อย ในราคา 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 67.61 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการประกอบธุรกิจขนส่งและจัดเก็บน้ำมัน (FSU)

ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex ร่วงเกือบ 100 จุด ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียร่วงลงเกือบ 100 จุดในวันนี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งจะกระตุ้นให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น และส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 57,595.68 ลบ 89.14 จุด หรือ 0.15%

หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงนำตลาดวันนี้
#10759
TMILL พบนักลงทุนในงาน Opportunity Day โชว์ฝีมือปี 64 กำไรนิวไฮในรอบ 14 ปี-ผถห.รับปันผลรวม 0.21 บาท/หุ้น

นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี (ขวา) และนางสาวสุภาพ นิ่มพลับ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและบัญชี (ซ้าย) บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TMILL โรงงานโม่แป้งสาลีรายใหญ่และมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ  นำเสนอข้อมูลผลประกอบการประจำปี 2564  ในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) ผ่านระบบ Streaming ของเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทั้งนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ ประจำปี 2564  ที่ระดับ 112.68 ล้านบาท เติบโตแข็งแกร่ง มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เปิดดำเนินการมา 14 ปี ขณะที่ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) มีมติพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิประจำปี2564 ในอัตราหุ้นละ 0.13 บาท  โดยเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกของปี 2564  ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท จะรวมเงินปันผลที่จ่ายทั้ง 2 ครั้ง ประจำปี2564 เท่ากับ 0.21 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 83,719,452.81 บาท
#10760
mana thailand  จัดจำหน่าย มานา คอลลาเจน ที่ญาญ่าเลือกดื่มทุกเช้า
วางใจให้ดูแลผิว ไดเปปไทด์ คอลลาเจน เกรดพรีเมี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น
ดูแลผิวสาว ให้สวยอยู่เสมอ เส้นผม เล็บ กระดูก 
ญ่าเลือกแล้ว คุณเลือกรึยัง
โปรโมชั่น ส่งฟรีทั้งโอนและปลายทาง
1 ฟรี 1 = 990 บาท
2 ฟรี 4 = 1,850 บาท
3 ฟรี 7 = 2,650 บาท
สนใจทัก
สมัครตัวแทน ทัก
---------------------------------------------------------
Line:@collagen
http://line.me/ti/p/@collagen
FB. https://www.facebook.com/manacollagedipeptide
www.manaok.com
www.manaextra.com
#10761
สิงคโปร์คลายข้อจำกัดคุมโควิดเพิ่ม เลิกบังคับสวมหน้ากากอนามัยกลางแจ้ง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ประกาศแผนการผ่อนปรนข้อจำกัดควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อใหม่ลดลง

นายลีกล่าวผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และออนไลน์ว่า "การต่อสู้กับโรคโควิด-19 เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ และเราจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อใช้ชีวิตร่วมกับมัน"

มาตรการจัดการความปลอดภัยใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันอังคาร (29 มี.ค.) ครอบคลุมการขยายการรวมกลุ่มของประชาชนจาก 5 คน เป็น 10 คน และความจุสูงสุดของการเข้าร่วมกิจกรรมและสถานที่ต่าง ๆ พร้อมอนุญาตพนักงานกลับไปทำงานที่สำนักงานสูงถึง 75% และยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่กลางแจ้ง

เนื่องจากเชื้อไวรัสโอมิครอน "อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว" สิงคโปร์จึงสามารถผ่อนปรนการเดินทางข้ามพรมแดน โดยปรับปรุงข้อกำหนดตรวจโรคและกักตัว รวมถึงยกเลิกข้อจำกัดส่วนใหญ่สำหรับผู้เดินทางเข้าสิงคโปร์ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้ว

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะกระตุ้นภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว และช่วยสิงคโปร์กลับคืนสู่ตำแหน่งศูนย์กลางธุรกิจและการบิน อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์จะยังใช้แนวทางที่รอบคอบที่ใช้มานานกว่า 2 ปี และพิจารณาการผ่อนปรนข้อจำกัดเพิ่มเติมหากสถานการณ์ทรงตัว เพื่อป้องกันยอดผู้ป่วยเพิ่มสูงอีกครั้ง

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์รายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพิ่ม 8,940 ราย ในวันพุธ (23 มี.ค.) ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 1.04 ล้านราย
#10762
'ไดสัน' เตรียมทุ่ม 1.1 พันล้านดอลลาร์ขยายกิจการในสิงคโปร์
 
ไดสัน ผู้ผลิตเครื่องดูดฝุ่นไร้ถุงเก็บฝุ่น เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมลงทุน 1.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (1.1 พันล้านดอลลาร์) ในสิงคโปร์ในช่วง 4 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนระดับโลกระยะใหม่ที่มีมูลค่า 4.9 พันล้านดอลลาร์

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในตอนที่ไดสันประกาศแผนการลงทุนทั่วโลกเมื่อปี 2563 นั้น บริษัทได้ระบุว่าจะแบ่งเงินลงทุนสำหรับสำนักงานใหญ่สากลของบริษัทในสิงคโปร์, สำนักงานย่อยอีก 2 แห่งในเมืองวิลต์เชอร์ทางตอนใต้ของอังกฤษ และฟิลิปปินส์

ในวันนี้ บริษัทได้เปิดตัวสำนักงานใหญ่ระดับสากลแห่งใหม่ในโรงไฟฟ้าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ในสิงคโปร์ โดยมีแผนที่จะจ้างวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์เพิ่มอีกกว่า 250 คน

ตำแหน่งงานจะครอบคลุมด้านวิทยาการหุ่นยนต์, แมชชีนเลิร์นนิ่ง, มอเตอร์ดิจิทัลไฟฟ้าความเร็วสูง การจัดเก็บพลังงาน และอื่น ๆ

ทั้งนี้ สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางสำหรับทีมวิจัยและวิศวกรรมของไดสัน รวมถึงการดำเนินงานด้านพาณิชย์ การผลิตขั้นสูง และซัพพลายเชน โดยมีพนักงานมากกว่า 1,400 คนในประเทศ รวมถึงวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ 560 คน

 
#10763
สนใจ สอบถาม ดูได้ที่เวปไซต๋
www.manaok.com
#10764
SCBEIC คาดส่งออก-นำเข้าไทยปี 65 โตกว่าคาด จากปัจจัยด้านราคาเป็นหลัก

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า การส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 65 ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียและยูเครน โดยการส่งออกยังขยายตัวได้ 16.2% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 และเร่งตัวขึ้น 8% จากเดือนมกราคม 65 สอดคล้องกับมูลค่าการส่งออกของประเทศสำคัญหลายประเทศทั่วโลก และดัชนีชี้นำกิจกรรมการผลิตทั่วโลกที่กลับมาเร่งตัวได้อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ หลังชะลอตัวลงจากผลกระทบของโอมิครอนในเดือนมกราคม

ในขณะที่การนำเข้าสินค้าขยายตัว 16.8% ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 20.5% โดยถึงแม้ว่าดุลการค้าในเดือนนี้จะเกินดุล 123.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อรวมกับข้อมูลในเดือนมกราคมจะยังคงขาดดุลที่ -2,403.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกที่มีการขยายตัวมากที่สุดเป็น 5 ลำดับแรก ได้แก่ รัสเซีย (33.4%), อาเซียน 5 (31.5%), ฮ่องกง (29.8%), เกาหลีใต้ (28.9%) และสหรัฐฯ (27.2%)

EIC คาดว่าการส่งออกและนำเข้าของไทยในปี 65 จะขยายตัวได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงก่อนหน้า แต่จะเป็นผลจากปัจจัยทางด้านราคามากกว่าปริมาณ ซึ่งจะแตกต่างจากสถานการณ์ในช่วงปี 64 ที่เป็นผลจากการขยายตัวด้านปริมาณเป็นหลักตามการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

"ในปีนี้ ปริมาณการส่งออกไทย มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง จากผลของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่อาจทำให้อุปสงค์โลกชะลอตัว โดยเฉพาะในตลาดยุโรป อีกทั้งยังได้รับผลกระทบผ่านระดับราคาโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าพลังงานและวัตถุดิบการผลิตที่สำคัญหลายชนิด ตามมาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ ต่อรัสเซีย และความเสี่ยงต่อการชะงักงันด้านอุปทานที่เพิ่มขึ้น" บทวิเคราะห์ระบุ
ขณะที่การขยายตัวด้านราคาสินค้าส่งออกในปีนี้ จะเป็นผลจากระดับราคาสินค้าและโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าพลังงาน จากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน เนื่องจากรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกโภคภัณฑ์ที่สำคัญหลายชนิด เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ โลหะอุตสาหกรรม และวัตถุดิบทางการเกษตร ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าและราคาส่งออกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในปีนี้ โดยถึงแม้เศรษฐกิจโลกในปี 2565 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งจะส่งผลต่อการชะลอตัวของอุปสงค์โลก รวมถึงการชะงักงันด้านอุปทานและมาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ ต่อรัสเซียที่อาจเริ่มเห็นถึงผลกระทบในช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายน แต่ปัจจัยด้านราคาที่สูงขึ้น ยังเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญของการขยายตัวของการส่งออกไทยในระยะข้างหน้า

นอกจากนี้ ปีนี้มีปัจจัยบวกที่หนุนการส่งออกของไทยเพิ่มเติม คือความคืบหน้าในด้านการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย โดยล่าสุดคณะกรรมการอาหารและยาของซาอุดีอาระเบียได้อนุญาตให้นำเข้าไก่จาก 11 โรงงานของไทยได้ โดยไทยจะเริ่มต้นส่งออกไก่ให้กับซาอุดีอาระเบียในต้นเดือนเมษายน 2565 นอกจากนี้ ไทยยังมีโอกาสในการเจาะตลาดสินค้ากลุ่มอาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วน และสินค้าอุปโภคและบริโภคต่าง ๆ ในซาอุดีอาระเบียในระยะต่อไป

รวมทั้งการทำสนธิสัญญาการค้าระหว่างไทย และรัฐ หรือเมืองต่าง ๆ ในอินเดีย จีน เกาหลี และญี่ปุ่น รวมถึงการทยอยเปิดการค้าชายแดนกับเพื่อนบ้านในอาเซียน ก็จะเป็นปัจจัยหนุนการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ EIC จะปรับประมาณการการส่งออกของไทย และตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ และเผยแพร่ใน EIC Outlook ในปลายเดือนมีนาคมนี้
#10766
เครื่องเป่าถุงพลาสติก HDPE/LDPE รุ่น SJ-55, SJ-65 และ SJ-75
ผู้นำเข้าเครื่องจักรสำหรับผลิตถุงพลาสติก อาทิเช่นเครื่องตัดถุงพลาสติก, เครื่องเป่าถุงพลาสติก HDPE/LDPE หลายไซส์หลายขนาด 
ตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปถึงถุงที่มีไซส์ขนาดใหญ่และยังนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้สำหรับผลิตถุงพลาสติกประเภท ABS เครื่องผลิตถุงขยะพลาสติก
บริษัทเรามีความตะหนักในการทำเครื่องจักรให้มีคุณภาพอยู่ตลอดเวลาทั้งเรื่องคุณภาพต้องพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อน เครื่องผลิตถุงพลาสติก
เพิ่มคุณภาพให้ทางเครื่องจักรและปรับแต่งเครื่องจักรให้ได้มาตราฐานอยู่ตลอดเวลาทั้งเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ และเพื่อให้ได้คุณภาพของสินค้าให้ดีที่สุด เครื่องเป่าถุงพลาสติก ที่ทางบริษัทเรานำเข้าก็จะมีอยู่หลายขนาดด้วยกันแต่หลักๆที่เรานำเข้าและเป็นที่นิยมในประเทศไทยได้แก่
SJ-55,SJ-65, และ SJ-75 ถ้าท่านสนใจสามารถติดต่อเข้ามาสอบถามได้ครับ ทางเรายินดีให้ความรู้แก่ท่านโดยช่างผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และในการติดตั้งเครื่องจักรของทางบริษัทเรานั้น เราจะมีช่างผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งเครื่องจักรอยู่สอนท่านลูกค้าจนกว่าท่านลูกค่าจะเป็นและพึงพ่อใจกับผลลัพธ์ครับ สนใจสามารถติดต่อเข้ามาได้ครับ เครื่องผลิตถุงพลาสติก
ติดต่อ :
Email : info@cctgroup.co.th
เบอร์โทรศัพท์ : 0816428557, 0812079977 (คุณสมนึก)
Website : https://www.cctgroup.co.th 
#10770
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร "บ. ซีเค พาวเวอร์" ที่ "A", และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันที่ "A-", แนวโน้ม "Stable"

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ ?A-? หุ้นกู้ของบริษัทมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรอยู่ 1 ขั้นเนื่องจากหุ้นกู้นี้มีลักษณะการด้อยสิทธิทางโครงสร้างเมื่อเทียบกับเงินกู้ของบริษัทย่อยของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบัน

อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดรับที่เชื่อถือได้จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement -- PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) (ได้รับอันดับเครดิต ?AAA/Stable? จากทริสเรทติ้ง) และประวัติการดำเนินงานที่น่าพอใจของบริษัท อันดับเครดิตยังรวมถึงความคาดหวังว่าระดับหนี้สินจะค่อย ๆ ลดลง ในทางกลับกัน อันดับเครดิตดังกล่าวก็มีข้อจำกัดจากความไม่แน่นอนของปริมาณน้ำและความเสี่ยงของประเทศ (Country Risk) ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว)

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

รายได้ที่เชื่อถือได้

เงินลงทุนหลักในธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่งใน สปป.ลาว และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง 2 แห่ง ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 1,003 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำมีกำลังการผลิตคิดเป็น 83% ของกำลังการผลิตทั้งหมดหรือ 829 เมกะวัตต์ โดยบริษัทถือหุ้นใหญ่ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 และโครงการไซยะบุรี กำลังการผลิตที่เหลือมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ 2 แห่งขนาด 155 เมกะวัตต์ (15%) และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 19 เมกะวัตต์ (2%)

กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับผู้ซื้อไฟฟ้าที่น่าเชื่อถือ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการชำระเงินและความเสี่ยงด้านตลาด ทั้งนี้ กฟผ. เป็นผู้ซื้อไฟฟ้ารายใหญ่โดยรับซื้อประมาณ 96% ของกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมด ส่วนกำลังการผลิตที่เหลือรับซื้อโดย Electricite Du Laos (EDL) กลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ของประเทศไทย

บริษัทมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โครงการน้ำงึม 2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าหลักของบริษัทมีความพร้อมในการดำเนินงานอยู่ในระดับสูงตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการ ในขณะเดียวกัน โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมได้ดำเนินการตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของ กฟผ. อย่างสม่ำเสมอ

โรงไฟฟ้าพลังน้ำสร้างกำไรเป็นส่วนใหญ่

กำไรของบริษัทขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นอย่างมาก ในปี 2564 บริษัท มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท โดยประมาณ 2.9 พันล้านบาท (หรือประมาณ 64%) มาจากโครงการน้ำงึม 2 และ 296 ล้านบาท (หรือประมาณ 7%) ) มาจากโครงการไซยะบุรี โรงไฟฟ้าพลังน้ำมีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าประเภทอื่น เนื่องจากไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง ส่งผลให้มีกำไรค่อนข้างสูงกว่าโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล

สัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังน้ำมีโครงสร้างที่ดี

ความเสี่ยงที่สำคัญของการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำคือความไม่แน่นอนของปริมาณน้ำ กำลังไฟฟ้าส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมากในแต่ละปี ปริมาณน้ำที่ผันผวนสูงจะส่งผลต่อความแน่นอนของปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเพียงพอของกระแสเงินสดที่ใช้รองรับต้นทุนคงที่ได้

เพื่อลดความเสี่ยงของปริมาณน้ำที่มีความผันผวน สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำของบริษัทมีโครงสร้างสัญญาที่ช่วยทำให้กระแสเงินสดมีเสถียรภาพแม้ว่าปริมาณน้ำจะมีความผันผวน โดยสัญญาจะมีกลไกที่เอื้อให้บริษัทสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้เกินกว่าปริมาณเป้าหมายในปีที่มีน้ำมาก ในขณะที่ปีแล้งบริษัทก็จะได้รับค่าตอบแทนชดเชย และในกรณีที่บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าได้ต่ำกว่าปริมาณไฟฟ้าเป้าหมายต่อปี ปริมาณไฟฟ้าในส่วนที่ขาดนี้ก็สามารถนำไปทบกับปริมาณไฟฟ้าเป้าหมายของปีถัด ๆ ไปได้

ความไม่แน่นอนของปริมาณน้ำยังคงเป็นความเสี่ยงที่สำคัญ

แม้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะมีกลไกช่วยลดความเสี่ยง แต่ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทยังคงมีความเสี่ยงสูงด้านอุทกวิทยา เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำถือเป็นสัดส่วนหลักในธุรกิจไฟฟ้าของบริษัท ภัยแล้งที่ยืดเยื้ออาจส่งผลให้รายได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลาดังกล่าว เห็นได้จากรายได้ของโครงการน้ำงึม 2 ที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำที่อยู่ในระดับต่ำในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

โรงไฟฟ้าพลังน้ำยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในการเติบโต

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนา ?โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง? (โครงการหลวงพระบาง) ในจังหวัดหลวงพระบางของ สปป. ลาว โครงการนี้เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบน้ำไหลผ่านตลอดปี (Run-of-river) ขนาดใหญ่ในแม่น้ำแม่โขงซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 1,460 เมกะวัตต์ บริษัทถือหุ้น 42% ในบริษัทที่ดำเนินโครงการคือ บริษัท หลวงพระบาง พาวเวอร์ จำกัด บริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มการก่อสร้างโครงการได้ในปี 2565 และเปิดดำเนินงานโรงไฟฟ้าได้ในปี 2573 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทต้องใช้เงินลงทุนราว 1.6 หมื่นล้านบาทในช่วงที่พัฒนาโครงการ ปัจจุบัน บริษัทได้ใช้เงินลงทุนไปในโครงการแล้ว 2.7 พันล้านบาท

มีความเสี่ยงของประเทศใน สปป. ลาว

การที่โรงไฟฟ้าหลัก ๆ ของบริษัทตั้งอยู่ใน สปป. ลาว จึงทำให้บริษัทต้องเผชิญกับความเสี่ยงของประเทศใน สปป. ลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวก็ได้รับการบรรเทาลงได้ด้วยสัญญาสัมปทานที่มีกับรัฐบาล สปป. ลาว และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีกับ กฟผ. ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่งใน สปป. ลาว มีข้อตกลงในการชำระค่าขายไฟฟ้า โดย กฟผ. ชำระค่าซื้อไฟฟ้าโดยตรงเข้าบัญชีรายได้ของโรงไฟฟ้าในประเทศไทย นอกจากนี้ (EDL-Generation Public Company -- EDL-Gen) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของ สปป. ลาว ก็ยังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนของทั้งโครงการน้ำงึม 2 และโครงการไซยะบุรีอีกด้วย ทริสเรทติ้งคาดว่าโคงการหลวงพระบางจะดำเนินการในรูปแบบเดียวกัน และคาดว่าว่ารัฐบาล สปป. ลาว จะเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการหลวงพระบางด้วยเช่นกัน

สถานะการเงินที่คาดว่าจะดีขึ้น

การคงอันดับเครดิตตอกย้ำความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าสถานะทางการเงินของบริษัทจะดีขึ้นโดยมีภาระหนี้สินที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งอิงตามระดับน้ำเมื่อต้นปี 2565 และสมมติฐานที่ระมัดระวังเกี่ยวกับปริมาณน้ำที่ไหลเข้า โดยคาดการณ์ว่าโครงการน้ำงึม 2 จะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 1,600-1,650 ล้านหน่วย ในปี 2565 และฟื้นตัวขึ้นไปใกล้ระดับเฉลี่ยในช่วงปี 2566-2567 นอกจากนี้ ยังคาดว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมจะยังคงสร้างกระแสเงินสดที่แน่นอนได้ประมาณปีละ 1.1-1.2 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทจะได้รับเงินปันผลจากโครงการไซยะบุรี 200 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567 เป็นผลให้ EBITDA ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 4.0-4.7 พันล้านบาทต่อปีในปี 2565-2567 และเงินทุนจากการดำเนินงาน (FFO) คาดว่าจะอยู่ที่ 2.8-3.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน

ภาระหนี้คาดว่าจะลดลง

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจนถึงระดับที่ต่ำกว่า 4 เท่าในปี 2567 โดยเชื่อว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนทั้งหมด 1.2 พันล้านบาทระหว่างปี 2565-2567 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านและใช้จุดแข็งเพื่อพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ เนื่องจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำโดยทั่วไปจะใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา ทริสเรทติ้งจึงไม่คาดว่าสินทรัพย์ของบริษัทจะเติบโตอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตามประมาณการกรณีพื้นฐานทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 40% ในช่วงปี 2565-2567

โครงสร้างหนี้สิน

ณ เดือนธันวาคม 2564 งบการเงินรวมของบริษัทมีหนี้สินทั้งหมดจำนวน 3.11 หมื่นล้านบาท โดยมีจำนวน 1.86 หมื่นล้านบาทที่ถูกพิจารณาว่าเป็นหนี้ที่มีลำดับได้รับชำระคืนก่อน (Priority Debt) ซึ่งประกอบไปด้วยหนี้ของบริษัทย่อย อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินทั้งหมดคือ 60% ทำให้เจ้าหนี้หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทนั้นด้อยสิทธิกว่าเจ้าหนี้ที่มีสิทธิได้รับชำระคืนก่อนอย่างมีนัยสำคัญในกรณีที่ต้องเรียกร้องสิทธิในทรัพย์สินของบริษัท หุ้นกู้ของบริษัทจึงมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ 1 ขั้น

สถานะสภาพคล่องที่เพียงพอ

ในงบการเงินรวมนั้น บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดซึ่งรวมถึงเงินสดที่มีภาระผูกผันสำหรับเงินกู้โครงการอยู่ที่ประมาณ 7.5 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้ (ทั้งแบบที่สามารถและไม่สามารถยกเลิกวงเงินได้) อีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 2.8 พันล้านบาทในปี 2565 ดังนั้น เงินสดในมือ รวมทั้งวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้ และเงินทุนจากการดำเนินงานจึงน่าจะเพียงพอใช้ชำระหนี้เงินกู้ระยะยาวและหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในช่วงปี 2565-2567 จำนวนรวมประมาณ 8.6 พันล้านบาทได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2565-2567 จำนวน 4 พันล้านบาทโดยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อรักษาสภาพคล่องของบริษัทอีกด้วย

จากประมาณการของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทย่อยต่าง ๆ ของบริษัทน่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดได้เพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้ทั้งหุ้นกู้และเงินกู้โครงการ นอกจากนี้ บริษัทย่อยเหล่านี้ยังต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินสำรองสำหรับใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ด้วย โดยบัญชีดังกล่าวจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงให้แก่ผู้ให้กู้ในกรณีที่ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยดังกล่าวไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? ปริมาณไฟฟ้าที่โครงการน้ำงึม 2 ขายให้ กฟผ. เท่ากับ 1,600-1,650 ล้านหน่วยในปี 2565 และ 2,000 ล้านหน่วยในปี 2566-2567

? โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมขายไฟฟ้าจำนวน 1,526-1,545 ล้านหน่วย

? เงินลงทุนทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 พันล้านบาทในระหว่างปี 2565-2567

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทจะสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคงได้รับกระแสเงินสดที่แน่นอนจากการลงทุน และคาดว่าโครงสร้างทางการเงินจะค่อย ๆ ดีขึ้นโดยกระแสเงินสดเมื่อเทียบกับหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะอยู่ในระดับเดียวกับประมาณการของทริสเรทติ้ง

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสที่บริษัทจะได้รับการปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้นในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้านั้นมีค่อนข้างจำกัด ในขณะที่ปัจจัยที่อาจมีผลต่อการลดอันดับเครดิตอาจเกิดจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าของบริษัทที่อ่อนแอกว่าประมาณการอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจจะเกิดจากปริมาณน้ำที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง หรือเกิดจากการลงทุนขนาดใหญ่ที่ใช้เงินกู้เป็นหลักซึ่งส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP)

อันดับเครดิตองค์กร: A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

CKP22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-

CKP23NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-

CKP245A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-

CKP265A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A-

CKP27NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A-

CKP285A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-

CKP286A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-

CKP31OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว