• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - luktan1479

#10518
www รถบ้านมือสองเจ้าของขายเอง com เว็บซื้อขายรถมือสอง

http://xn--22canbbc0hzdoc3f9abdd8ee3f5ii5p.com/
#10519


ยูเวนตุส ยังกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่ยังหาชัยชนะไม่เจอ หลังเป็นฝ่ายยิงประตูนำ แต่กลับโดน เอซี มิลาน ตามตีเสมอ 1-1 จนสุดท้ายต้องแบ่งแต้มกันแบบที่สาวก 'ม้าลาย' ผิดหวังอีกครั้ง เมื่อคืนวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา

กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
ยูเวนตุส 1-1 เอซี มิลาน

ยูเวนตุส รองบ๊วยมีแต้มเดียว เจอ เอซี มิลาน อันดับ 3 มี 9 แต้ม เกมนี้ 'ม้าลาย' ส่งคู่หน้าเป็น อัลบาโร่ โมราต้า กับ เปาโล ดิบาล่า ส่วน มิลาน มี อันเต้ เรบิช ยืนหน้าเป้าแล้ว บราฮิม ดิยาซ กับ ราฟาเอล ลีเอา คุมแดนกลาง

เริ่มแค่ 4 นาที ยูเวนตุส นำอย่างว่องไว อัลบาโร่ โมราต้า หลุดเดี่ยวครึ่งสนามแล้วยก.เข้าประตูสวยงาม 1-0 ขณะที่ นาที 17 ยูเวนตุส อยากได้ลูกสอง เปาโล ดิบาล่า พา.หาช่องแล้วสับไกแต่ ไมค์ มิญอง ล้มตัวปัดได้

มิลาน ตอบโต้ นาที 24 ซานโดร โตนาลี เงยหน้าแล้วลองซัดไกลแต่ วอจเซียค เชสนี เซฟไว้ได้ ต่อมา นาที 42 เกมของทีมเยือน ซานโดร โตนาลี พา.ขึ้นหน้าก่อนขอตะบันขวาแต่ก็ไม่เข้ากรอบ จากนั้นยังไม่มีประตู จบครึ่งแรก ม้าลาย นำ 1 ลูก

ครึ่งหลัง นาที 50 ยูเวนตุส จัเอาลูกสอง ลีโอนาร์โด้ โบนุชชี จ่ายเข้าทาง อาเดรียน ราบิโอต์ ยิงซ้ายแต่ก็หลุดเป้าหมาย แต่แล้ว นาที 75 มิลาน พยายามอยู่นานก็ตีเสมอได้ ซานโดร โตนาลี เปิดเตะมุมขวามือเข้ากบาล อันเต้ เรบิช โขกเจ๊า 1-1

ท้ายเกมไม่มีประตูเพิ่มเติมแล้ว จบเกม เอซี มิลาน เก็บเพิ่มเป็น 10 แต้ม ขึ้นมาเทียบเท่าจ่าฝูง อินเตอร์ มิลาน ส่วน ยูเวนตุส 4 นัดผ่านไป ยังไม่ชนะใคร

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ยูเวนตุส - วอจเซียค เชสนี, ลีโอนาร์โด้ โบนุชชี, จอร์โจ้ คิเอลลินี, อเล็กซ์ ซานโดร, ดานิโล่, มานูเอล โลคาเทลลี, โรดริโก้ เบนทานคูร์, อาเดรียน ราบิโอต์, ฮวน กัวดราโด้, เปาโล ดิบาล่า, อัลบาโร่ โมราต้า
เอซี มิลาน - ไมค์ มิญอง, อเลสซิโอ โรมาโนลี, ซิมง เคียร์, ธีโอ เฮร์นานเดซ, ฟิกาโย่ โตโมริ, บราฮิม ดิยาซ, แฟรงค์ เคสซีย์, ซานโดร โตนาลี, ราฟาเอล ลีเอา, อเล็กซิส เซเลเมเกอร์ส, อันเต้ เรบิช
#10520


ครั้งที่แล้วผมเขียนถึงการออกกำลังกายในการทำให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยให้อายุยืนยาวได้อีก 3-7 ปี ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเดือนกันยายนที่หลายคนอาจจะกำลังเป็นวัยเกษียณอายุการทำงาน ครั้งนี้จะเขียนถึงการเงินและการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เพียงพอจากการลงทุน

การออกกำลังกายมีประโยชน์ในการทำให้ร่างกายแข็งแรงและช่วยให้มีอายุยืนยาวเพิ่มขึ้นได้อีก 3-7 ปี ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเดือนกันยายนที่หลายคนอาจจะกำลังเป็นวัยเกษียณอายุจากการทำงาน ทำให้มีเวลาดูแลสุขภาพของตัวเองให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น ครั้งนี้จะเขียนถึงการเงินและการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เพียงพอจากการลงทุน โดยที่สำคัญคือเพื่อให้ชีวิตที่เหลืออยู่เป็นชีวิตที่มีคุณภาพและสุขภาพดีตลอดไป    

ในส่วนของด้านการเงินและการบริหารจัดการทรัพย์สินที่สะสมมาเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เพียงพอกับภาระที่ต้องใช้จ่ายในวัยเกษียณนั้น ก็ขอนำเอาข้อมูลในอดีตมาประเมินให้เห็นภาพว่าผลตอบแทนนั้นย่อมจะเพิ่มขึ้นหากรับความเสี่ยงได้มากขึ้น 

'ความเสี่ยง' กับผลตอบแทนจากการลงทุน
ดังเห็นได้จากตารางที่สรุปผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนที่มีสัดส่วนของสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น เช่นการถือหุ้น 10% ของพอร์ตพร้อมกับการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ (ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยมาก) ใน 90% ที่เหลือก็จะเห็นว่าพอร์ตการลงทุนหนี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5.99% ต่อปีและในปีที่ย่ำแย่ที่สุดพอร์ตจะขาดทุน 8.14% (ในปี 1969) พอร์ตนี้คำนวณจากข้อมูลในอดีตรวมทั้งหมด 94 ปีนั้นพบว่า นานๆ ทีจึงจะเกิดการขาดทุน กล่าวคือพอร์ตโดยเฉลี่ยจะขาดทุนประมาณ 1 ครั้งทุก ๆ 8 ปี
    ทั้งนี้ ข้อมูลที่ใช้มาคำนวณผลตอบแทนดังกล่าวนั้นนำมาจากการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P 500) และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในช่วงปี 1926-2019 (ก่อน COVID-19)
    จะเห็นได้ว่าหากต้องการให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นก็จำเป็นต้องเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงคือหุ้นและลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เช่นในกรณีที่ลงทุนหุ้น 40% และพันธบัตรรัฐบาล 60%
  


(ซึ่งในความเห็นของผมนั้นจะเหมาะสมกับผู้ที่อายุมากและมีรายได้อื่นๆ เช่นการทำงานแบบ Part-timeไม่มาก) นั้นผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 7.77% ต่อปี แต่ก็ต้องทำใจรับความเสี่ยงที่พอร์ตอาจขาดทุนได้มากถึง 20% เป็นต้น

 คำถามที่ตามมาคือข้อมูลในอดีตดังกล่าวจะถูกนำไปใช้คาดการณ์อนาคตอีก 40-50 ปีข้างหน้าได้มากน้อยเพียงใด คำตอบของผมคืออนาคตน่าจะไม่ให้ผลตอบแทนที่สูงเช่นในอดีตและผมเชื่อว่าหากพร้อมรับความเสี่ยงต่ำคือถือหุ้น 10% และพันธบัตร 90% นั้นในอนาคตผลตอบแทนระยะยาว (ตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป) น่าจะอยู่ที่ 3-4% ต่อปี ไม่น่าจะสูงเกือบ 6% เช่นที่ได้เกิดขึ้นในอดีต

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
    1.หากตรวจสอบข้อมูลผลตอบแทนเป็นรายปีของ S&P 500 ก็จะพบว่าในช่วงปี 1926-1980 นั้น ผลตอบแทนจำต่ำกว่า 10% ต่อปีโดยเฉลี่ยและหากหักเงินเฟ้อออกไป ผลตอบแทนจริงก็จะต่ำลงเหลือประมาณ 7% ต่อปี แต่มาระยะหลังนี้ (เช่น 1991-2020) ผลตอบแทนหุ้นเฉลี่ยเกือบ 11% ต่อปีและหากหักเงินเฟ้อ (ที่ต่ำมาก) ออกไป ผลตอบแทนจริงก็จะสูงขึ้นไปเป็น 8.3% ต่อปี
    2.เงินเฟ้อลดลงต่ำเตี้ยจนเกือบจะเป็นศูนย์ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐกดดอกเบี้ยลงไปเหลือศูนย์หรือใกล้ศูนย์มานานกว่า 10 ปี ดอกเบี้ยที่ต่ำติดดินช่วยให้ผลตอบแทนของหุ้น (S&P 500) เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 13.9% ต่อปีในช่วง 2011-2020 และหากหักเงินเฟ้อออกไปผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 11.96% ต่อปี
    
 


3. ดังนั้นในช่วงหลังนี้ราคาหุ้นจึงดูเหมือนว่ามีแต่ขาขึ้นเกือบจะไม่มีขาลงเลยเช่นในช่วงปี 1926-1980 นั้น ราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2-4 ปีแล้วก็จะต้องกลับมาปรับตัวลดลง (correction) แต่ในช่วงปี 1982-1989 นั้น ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปี ในทำนองเดียวกันราคาหุ้นก็ปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 9 ปีซ้อนในช่วงปี 1991-1999 และ 2009-2017    

4. นอกจากมาตรการกดดอกเบี้ยลงไปเหลือศูนย์แล้ว ธนาคารกลางของประเทศหลักก็ยังพิมพ์เงินใหม่ออกมาหลายล้านล้านเหรียญมาแย่งซื้อพันธบัตรรัฐบาล ทำให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ (เห็นได้จากการที่พันธบัตรรัฐบาลบางประเทศให้ผลตอบแทนติดลบ แต่ก็ยังมีคนเข้าไปซื้อและถือครองพราะเชื้อว่าราคาพันธบัตรจะปรับตัวสูงขึ้นอีก) ดังนั้น การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลก็ยังให้ผลตอบแทนสูงเกินกว่าภาวะปกติอีกด้วย

หากเรากลับมามองดูปีปัจจุบัน เราก็จะพบว่าดัชนี S&P 500 นั้นทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดจากต้นปีถึงต้นเดือนกันยายนไปแล้วมากถึง 54 ครั้ง ให้ผลตอบแทนในช่วงดังกล่าวไปแล้วสูงถึง 18.3% (จากที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 28.88% ในปี 2019 และ 16.26% ในปี 2020
    สาเหตุหลักที่ทำให้ได้ผลตอบแทนสูงมากๆ ดังกล่าวนั้น ผมเชื่อว่าเป็นผลมาจากนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐเป็นส่วนสำคัญ เช่นในปี 2019 ธนาคารกลางสหรัฐปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงไป 3 ครั้ง เท่ากับ 0.75% จาก 2.5% เหลือ 1.75% และในปีต่อมาก็รีบลดดอกเบี้ยลงไปอีก 1.75% ให้เหลือศูนย์ในเดือนมีนาคม 2020 นอกจากนั้นคือการใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจและการลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐ
    หากดูข้อมูลดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐจากรูปข้างล่างจะเห็นได้ว่าในช่วงตั้งแต่ปี 1980 ที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาในระยะกว่า 40 ปีที่ผ่านมานั้น เป็นช่วงที่ดอกเบี้ยถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก แต่มาวันนี้เราจะเห็นว่าเงินเฟ้อปรับตัวเป็นขาขึ้นแล้ว และดอกเบี้ยนโยบายจะมีแต่ปรับขึ้นไม่น่าจะปรับลดลงได้ นโยบายการคลังในอนาคตก็จะไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มากเพราะหนี้สาธารณะสูงจนน่าเป็นห่วงแล้ว
    'ความเสี่ยง' กับผลตอบแทนจากการลงทุน            

    ธนาคารกลางสหรัฐได้เคยพยายามปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25% 1 ครั้งในปี 2015 และอีก 1 ครั้งในปี 2016 ต่อมาปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก 3 ครั้ง (รวม 0.75%) มาเป็น 1.5% ในปี 2017 ที่สำคัญคือเมื่อเร่งปรับดอกเบี้ยขึ้น 4 ครั้งในปี 2018 ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% ผลที่ตามมาคือราคาหุ้นในปีนั้นลดลงไป 4.38% กล่าวคือเมื่อการปรับดอกเบี้ยนโยบายเร่งตัวขึ้นเมื่อใด ราคาหุ้นก็เสี่ยงที่จะปรับตัวลดลงได้ครับ. 
#10521
รถเช่าดี 600ต่อวัน สะอาดปลอดภัยคุ้มค่า (มาตรฐาน) นนทบุรี โทร 0870486085
#10522
คิดจะ ถมดิน ขุดท่อ ทำถนน ขุดสระ ถางป่า เครียร์พื้นที่ ติดต่อ 080-022-3804
#10523
น้ำมันว่านดอกทองมหาลาภหัวใจเศรษฐี ใส่ตะกรุดนะเมตตามหานิยมและหัวใจเศรษฐี ขวดละ 399 บาท
ส่งเสริมในเรื่องเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ คนเห็นคนรัก คนเห็นคนหลง ทั้งยังช่วยเรื่องโชคลาภ ทำมาค้าขายอีกด้วย
ว่านดอกทอง
ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ
ว่านมหาลาภ
ความเชื่อ ว่านมหาลาภ หรือ เรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า ว่านกวักนางพญาหงสาวดี เป็น มีคุณประโยชน์ด้านเมตตามหานิยม ชักนำให้เกิดลาภผลทวีคูณหลาย ส่งเสริมลาภจากการเสี่ยงโชค
คาถากำกับ
อุ อา กะ สะ
อา กะ สะ อุ
กะ สะ อุ อา
สะ อุ อา กะ
(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)
ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1140634945-s2648460701...
#10524
 
 มากกว่าคำว่ากาแฟ Room Coffee อร่อยดี ไม่มีอ้วน




ประโยชน์เพียบจากสารสกัด 36 ชนิด
เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงร่างกาย ชงง่าย
ชงได้ทั้งน้ำร้อนน้ำเย็น อยากกินต้องได้กิน

มีสารสกัดทั้งหมดมากถึง 36 ชนิด
เช่น โสม ถั่วเช่า เห็ดหลินจือ เมล็ดเจีย คอลลาเจน (สูตรเจ) และอีก...เยอะ
ที่ให้คุณ 5 คุณประโยชน์
Detox ขับสารพิษ
Block บล็อกแป้งและน้ำตาลที่มาใหม่
Burn ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ
Build  ช่วยสร้างเสริมกล้ามเนื้อให้กระชับ
Boost  เพิ่มพลังงานให้กระฉับกระเฉง

และยังช่วยเสริมภูมิต้านทาน ให้ไกลจากโรคหวัดและโรคต่างๆอีกด้วย ทุกอย่างรวมไว้ให้คุณขนาดนี้ บอกเลย คุ้

Room Coffee 1 ห่อ มี 10 ซอง ราคา 299 บาท
สนใจติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ

Tel. 0846623662

Line id : teerapat999
ข้อมูลเพิ่มเติม/รีวิวสินค้า https://teerapat99.iconroomcoffee.com/

#10526


6 เดือนแรกปี 2564 ของ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP มีกำไรสุทธิ 100.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.09% อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ7.40% จาก"ยอดขาย"ที่เพิ่มขึ้นและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ"อัตรากาไรขั้นต้น" ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 43.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.10%

"เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ" รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNPผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงรายเปิดเผยว่า สำหรับภาพรวม "กำลังซื้อ" ต้องยอมรับว่าหดตัวซึ่งสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ว่าจากกำลังซื้อของประชาชนในสินค้าอุปโภคและบริโภคเพิ่มขึ้น

เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต ประกอบกับ ได้รับอานิสงส์มาตรการของรัฐ ที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการปรับกลยุทธ์ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอล ทั้งการขยายสาขาใหม่ รวมทั้งการนำสินค้าซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายที่จำเป็นเข้ามาจัดจำหน่ายเพิ่มเติม โดยเฉพาะสินค้าที่มีมาร์จินสูง

ดังนั้น บริษัทจึงปรับเป้าหมายรายได้ปี 2564 ให้สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของบริษัท ซึ่งตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากต้นปีที่ผ่านมาวางไว้จะเติบโต 10-15%แม้จะอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19แต่กลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ บวกกับอานิสงส์ จากมาตรการการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ ทำให้ประชาชนยังมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอย สินค้าสำหรับอุปโภคและบริโภค และคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปี เศรษฐกิจน่าจะกลับมาฟื้นตัว จากการเดินหน้าฉีดวัคซีน และมาตรการการควบคุมการระบาดในปัจจุบันเริ่มมีทิศทางดีขึ้น


ทั้งนี้ ตามแผนการขยายสาขาในปี 2564 ถือว่าประสบความสำเร็จตามที่บริษัทวางไว้ โดยในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ บริษัทเปิดสาขาใหม่ 3 สาขา ทำให้ให้ปัจจุบันมี 35 สาขา ครอบคลุมจังหวัดเชียงรายจำนวน 28 สาขา เชียงใหม่ 2 สาขา และพะเยา 5 สาขา และกำลังดำเนินการเปิดสาขาใหม่อีก 3 สาขา คือ ในจังหวัดเชียงราย 2 สาขา และ จังหวัดเชียงใหม่ 1 สาขา ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ส่งผลสิ้นปีมี 38 สาขา โดยเป็นการเปิดสาขามากขึ้นจากเป้าเดิมต้นปีที่บริษัทตั้งเป้าจะเปิดจำนวน 5 สาขา

"สาขาใหม่ที่เปิดให้บริการไปแล้วนั้น จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง และปี 2565 รวมไปถึงการเตรียมขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ ปรับตัวสู้สถานการณ์โควิด-19 และการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ภาพรวมยอดขายทั้งปีมีแนวโน้มทำได้ดีกว่าเป้า และคงความสามารถในการทำกำไรที่ดี ตอกย้ำความสำเร็จของร้านค้าปลีกท้องถิ่นคนไทย ที่มีการเติบโตในทุกๆปี"

เขา บอกต่อว่า เป้าหมายการขยายสาขาของบริษัทในปี 2565 ตั้งเป้าขยายสาขาไม่ต่ำกว่าปีนี้ที่จำนวน 6 สาขา หลักๆ จะเป็นพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ไม่ว่าจะเป็น เชียงราย , เชียงใหม่ , พะเยา แต่บริษัทก็ยังศึกษาในจังหวัดอื่นๆ ด้วย ไม่ได้ปิดกั้นเฉพาะจังหวัดดังกล่าว

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่โซนภาคเหนือ เริ่มกลับมาฟื้นตัวตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายลง รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง (ล็อคดาวน์)ส่งผลให้ประชาชนเริ่มมีการเดินทางมากขึ้น และเริ่มมีการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งเป็นการสนับสนุนภาพรวมยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีก่อนอีกด้วย

พร้อมทั้ง ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด ควบคู่การเดินหน้าช่วยเหลือสังคม ในการให้บริการสินค้าผ่านการร่วมโครงการต่างๆ ของรัฐ อาทิ รถโมบายพาณิชย์


"แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 คาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก แม้จะอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เพราะกลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ บวกกับอานิสงส์ จากมาตรการการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ"

สุดท้าย "อมร" ทิ้งท้ายไว้ว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือให้มากที่สุด จึงคาดสิ้นปีจะมี 37 สาขา หนุนเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
#10528
www รถบ้านมือสองเจ้าของขายเอง com เว็บซื้อขายรถมือสอง

http://xn--22canbbc0hzdoc3f9abdd8ee3f5ii5p.com/
#10529


แม้จะเคยมีช่วงเวลาที่สู้กันอย่างดุเดือดทั้งในและนอกสนามจนแฟนเทนนิสรู้ว่าไม่ถูกกัน แต่ เซเรน่า วิลเลียมส์ ยอดนักหวดหญิงจอมแกร่งชาวอเมริกัน ก็เปรยอยากให้ มาเรีย ชาราโปว่า อดีตคู่ปรับจากรัสเซีย กลับมาเล่นเทนนิสอีกครั้งหลังมีโอกาสได้ถ่ายรูปร่วมกัน

งานแฟชั่นใหญ่ เม็ท กาล่า 2021 ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา มีเรื่องฮือฮาเกิดขึ้นเมื่อ เซเรน่า ถ่ายรูปร่วมกับ ชาราโปว่า ด้วยสีหน้าและอิริยาบถอย่างเป็นกันเอง โดยมี วีนัส วิลเลียมส์ พี่สาว ร่วมเฟรมด้วยกันเป็น 3 คน

แฟนเทนนิสรู้กันดีว่า เซเรน่า และ ชาราโปว่า ต่างเป็นคู่ปรับทั้งในและนอกสนาม โดยสมัยที่เล่นอาชีพทั้งสองเคยสาดวิวาทะใส่กันผ่านสื่อบ่อยครั้ง และ ชาราโปว่า ก็ประกาศชัดว่า 'เราไม่ใช่เพื่อนกัน' แต่วันเวลาผ่านไป ทั้งสองก็ลบลืมความขัดแย้ง ถ่ายรูปด้วยกัน ชนิดว่า เซเรน่า ยังเปรยอยากเห็นแชมป์ แกรนด์ สแลม 5 สมัย กลับมาเล่นเทนนิสอาชีพอีกรอบ

เรื่องนี้ วีนัส พี่สาวยอดนักหวด เป็นคนเปิดเผยว่า 'อย่างแรกเลย ฉันกับเซเรน่า เพิ่งพูดถึงเธอ (ชาราโปว่า) เมื่อวันก่อน เราต่างหวังว่าอยากให้เธอยังเล่นเทนนิสอยู่ และเมื่อเราพบเธอ เราก็ต่างบอกเธอโดยหวังว่าจะได้เห็นเธอกลับมาลงแข่งอีกครั้ง'

'แม้ที่ผ่านมา นักเทนนิสจะต่อสู้กันอย่างหนักในสนามมาหลายปี แต่เราก็รักและเคารพซึ่งกันและกันเสมอ เจอกันเมื่อไหร่ก็สวมกอด หัวเราะ พูดคุยกัน รวมถึงถ่ายรูปกันด้วย' วีนัส ระบุ
#10530


ในเมื่อรัฐบาลก็ประกาศว่าขยะเป็นวาระแห่งชาติแล้ว ประชาสังคมก็ขานรับ ว่าขยะพลาสติกเป็นปัญหาที่เราจะร่วมมือกันความร่วมใจแบบนี้ไม่ค่อยมีบ่อยหรอกนะครับ

ถ้าใครจำตอนบังคับสวมหมวกกันน็อคได้ คนจำนวนหนึ่งคัดค้าน เอะอะ ตีโพยตีพายเผาหมวกกันน็อคโชว์เพื่อประท้วง แถมยืนยันว่าไม่สวม แล้วจะหนักศีรษะใคร

ผ่านไปหลายปีกว่าจะค่อยๆ สงบลงและดูจะค่อยๆ ร่วมมือดีขึ้นหน่อย ดังนั้นเมื่อสังคมและราชการเห็นพ้องเรื่องพิษภัยจากขยะพลาสติก เรื่องก็น่าจะราบรื่น

ยิ่งเมื่อมีการจับกุมดำเนินคดีโรงงานที่ลักลอบนำขยะเข้าบ้าง สำแดงเท็จบ้าง ก็น่าจะทำให้กำราบกันได้ แต่เปล่าครับ!

เผลอแว้บเดียว นอกจากการเล่นกลในเขตปลอดอากรของกฏหมายศุลกากรแล้ว ฝ่ายผู้นำเข้าเศษพลาสติกจำนวนหนึ่งก็ไปเจอช่องทางน่าสนใจในกฏหมายนิคมอุตสาหกรรม ว่ามีมาตรา 48 49 และ 54

โดยมาตรา 48 บอกว่า ให้ของที่นำเข้าไปในเขตประกอบการเสรีได้รับสิทธิประโยชน์ทางอากรเช่นเดียวกับของที่นำเข้าไปในเขตปลอดอากรตามกฏหมายศุลกากร และให้รวมสิทธิประโยชน์ในกรณีดังต่อไปนี้ด้วย...

อันนี้เข้าใจง่ายอยู่ เพราะไม่ค่อยต่างจากเขตปลอดอากรนั่นเอง

แต่ในมาตรา 49 "ในกรณีการนำของเข้ามาในราชอาณาจักรหรือนำวัตถุดิบภายในเข้าไปในเขตประกอบการเสรีเพื่อผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการอื่นใดเกี่ยวกับของนั้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ให้ของนั้นได้" รับยกเว้นไม่อยู่ภายในบังคับของกฏหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมการนำเข้ามาในราชอาณาจักร การส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การครอบครองหรือการใช้ประโยชน์ซึ่งของดังกล่าว หรือเกี่ยวกับการควบคุมมาตรฐานหรือคุณภาพ การประทับตราหรือเครื่องหมายใดๆแก่ของนั้น"

แต่ไม่รวมถึงกฏหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด

ในกรณีที่ของตามวรรคหนึ่งเป็นของที่ก่อให้เกิดหรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อ....สุขภาพอนามัยของประชาชน หรือสิ่งแวดล้อม หรือเป็นของซึ่งประเทศไทยมีพันธกรณีตามข้อผูกพันตามสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับการนำเข้ามาในราชอาณาจักร การส่งออกไปนอกราชอาณาจักร  การครอบครองหรือการใช้ประโยชน์ให้รัฐมนตรี (อุตสาหกรรม) มีอำนาจออกกฏกระทรวงกำหนดชนิดหรือประเภทของดังกล่าวมิให้ได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่งได้ ทั้งนี้ จะกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขใดๆเกี่ยวกับของนั้นไว้ด้วยก็ได้

และเมื่อส่องไปที่ มาตรา 54 พูดถึง ...ของที่ไม่ใช้หรือใช้ไม่ได้ซึ่งอยู่ในเขตประกอบการเสรี ในกรณีที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม หรือผู้ประกอบพาณิชกรรมขออนุญาตต่อ กนอ. (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) เพื่อทำลาย.....ให้ กนอ.แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือผู้ประกอบพาณิชกรรมแล้วแต่กรณี และแจ้งอธิบดีกรมศุลกากรหรือผู้ที่แธิบดีกรมศุลกากรมอบหมายทราบ และให้อธิบดีกรมศุลกากรสั่งดำเนินการทำลายขงนั้นตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนด

ในกรณีที่ กนอ. ไม่อาจแจ้งบุคคลตามวรรคหนึ่งทราบได้ เมื่อ กนอ. ได้ปิดประกาศไว้ ณ สำนักงานของบุคคลดังกล่าวที่อยู่ในเขตประกอบการเสรีเป็นเวลา 7 วันให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวได้รับทราบแล้ว

ของที่ได้ถูกทำลายตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าวในวรรคหนึ่งให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฏหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิต

อ่านแล้วพอมองเห็นความเป็นไปได้มั้ยครับ

ประกอบกับ เมื่อ 23 กรกฏาคม 2561 มีประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม ยกเลิกหลักเกณฑ์ วิธีการเกี่ยวกับการอนุญาตให้นำเศษ เศษตัด และของที่ใช้ไม่ได้ซึ่งเป็นพลาสติกไม่ว่าใช้แล้วหรือไม่ก็ตามเข้ามาในราชอาณาจักร พศ.2551 แล้วให้โควต้าโรงงานเดิมนำเข้าได้จนถึงกันยายน 2563

อ่านถึงตรงนี้ เราน่าจะรู้สึกแปลกๆ ทีเดียวละครับ

ว่าตกลงมีใครสามารถเอาของน่าสงสัยเข้ามาแล้วทำลายไปตามข้อกติกาข้างต้นไปบ้างแล้วหรือไม่เพียงใด
เพราะได้รับยกเว้นการบังคับจากหลายกฏหมายน่าดู

จุดนี้เอง ทำให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่เมื่อทราบข่าวว่าปีนั้นมีปริมาณการนำเข้าเศษพลาสติกพุ่งสูงมาก คือเฉียด 6 แสนตัน แถมทราบมาว่ากรมศุลกากรจับกุมคดีลักลอบนำเข้าขยะอิเลคทรอนิคส์และขยะพลาสติกถึง 103 คดี มีการระบายของกลางด้วยการเปิดประมูล (ไม่ใช่การบังคับส่งกลับไปประเทศต้นทางอย่างที่มาเลเซียหรือบางประเทศอื่นทำ) ก็ต้องอนุมานว่าขยะอิเลคทรอนิคส์และขยะพลาสติกเหล่านั้นก็คงยังอยู่ในแผ่นดินไทยต่อไป

ไม่น่าจะสอดคล้องกับความตั้งใจเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ตามแผนปฏิรูปประเทศ หรือตามยุทธศาสตร์ชาติ ไม่เข้าอารมณ์กับการมีวาระแห่งชาติเรื่องขยะ กระมัง!

คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติจึงได้ตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเลคทรอนิคส์ โดยให้รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน มีปลัดทรัพยากรธรรมชาติเป็นรองประธาน เมื่อพฤศจิกายน 2562

ดังนั้น พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ จึงทำหน้าที่ประธานอนุกรรมการนี้ เป็นคนแรก จวบจนกระทั่งพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีเพื่อออกไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา พร้อมๆกับผม



ผ่านไปอีกปี เมื่อใกล้ครบระยะเวลาที่โควต้าการนำเข้าเศษพลาสติกจะหมดอายุลงตามแผนคือเดือนกันยายน 2563 ก็มีข่าวว่า รัฐจะพิจารณาขยายเวลาผ่อนผันให้นำเข้าเศษพลาสติกต่อไปอีก

สมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่าและองค์กรภาคประชาสังคมอีก 65 องค์กรจึงออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการขยายเวลานี้

แต่ประชาชนกำลังหูดับ ในช่วงปีที่ว่า เพราะโควิด19 เข้าโจมตีตลอดปี 2563

เลยไม่ค่อยมีใครจำข่าวประเด็นว่าจะมีการขยายการผ่อนผันให้นำเศษพลาสติกเข้ามาในไทยต่อหรือไม่

จากนั้นก็เกิดคลัสเตอร์ระบาดของโควิด19 ที่ระยองบ้าง สมุทรสาครบ้าง ทยอยลามไปเรื่อยจนทุกคน เวิร์คฟรอมโฮมกันเป็นแถบ ข่าวอะไรอื่นที่ไม่ใช่โควิดก็มักไม่ได้รับความสนใจ

แม้ว่าพอข้ามปีใหม่ 2564 วันที่ 1มกราคม มีข้อแก้ไขของอนุสัญญาบาเซล เพิ่มการควบคุมการเคลื่อนย้ายขยะพลาสติกข้ามแดน โดยเพิ่มข้อความกำหนดในเอกสารแนบว่าให้ขยะพลาสติกที่สันนิษฐานว่าเป็นขยะอันตรายต้องผ่านกระบวนการแจ้งและขอความยินยอมล่วงหน้าจากประเทศผู้นำเข้า

นับว่าทั้งสังคมไทยและสังคมนานาชาติส่งสัญญาณในทิศทางเดียวกัน

แต่อีกเพียง 25วันต่อมา กรมโรงงานอุตสาหกรรมก็แจ้งว่า มีปริมาณความต้องการนำเข้าเศษพลาสติกเพิ่มขึ้นอีก จากโรงงาน 46แห่ง ซึ่งมีกำลังผลิตรวมกัน 5 แสนตันเศษ แต่กำลังต้องการนำเข้าเป็นปริมาณ 6 แสน 8หมื่นตันต่อปี

โอ้โฮ เลยมั้ยครับ

บทความโดย วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
สมาชิกวุฒิสภา
รองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของวุฒิสภา