• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chigaru

#10352
TRA Poll ชี้เปิดประเทศ 1 พ.ย.ย้ำรัฐบาลเตรียมพร้อมคุมการระบาดโควิด-19 จริงจังและเข้มข้น เร่งฉีดวัคซีนคลุม 70% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ จัดหาวัคซีนคุณภาพและเพียงพอจนถึงปี 2565 ขณะที่ภาค 'ค้าปลีก' 77.3% พนักงานได้รับวัคซีนแล้ว แต่ธุรกิจพร้อมกลับมาเปิดตามปกติ 57.6%

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยผลการสำรวจ 'TRA Poll' ในหัวข้อ "ภาคการค้าปลีกและบริการพร้อมเปิดประเทศ ภายใต้เงื่อนไขมิติเศรษฐกิจและสาธารณสุข" จากการสำรวจผู้บริหารกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง และบริการ จำนวน 283 ราย คลอบคลุมทุกภาคของประเทศ ในระหว่างวันที่ 8-12 ตุลาคม 2564 พบว่าผู้บริหาร 62.1% มองว่าด้วยมาตรการสาธารณสุขที่เข้มข้น และจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ค่อยๆ ลดลง เห็นควรสนับสนุนให้ภาครัฐ เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้นับจากวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า จากผลสำรวจของ TRA Poll ของผู้บริหารกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง และบริการ จำนวน 283 ราย ชี้ให้เห็นว่า นโยบายการเตรียมเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ของภาครัฐ ถือเป็นสัญญาณที่ดี เป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติให้เข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว

'แต่ต้องขอเน้นย้ำรัฐบาลในเรื่องการเตรียมความพร้อมเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างจริงจังและเข้มข้น พร้อมทั้งเร่งการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศภายในปี 2564 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่'

รวมทั้งต้องจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ และมีจำนวนที่เพียงพอจนถึงปี 2565 และการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงชุดตรวจ ATK ที่สะดวกและราคารับได้

 

ทั้งนี้ ผลสรุปความคิดเห็นของผู้บริหารกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง และบริการ ในหัวข้อ "ภาคการค้าปลีกและบริการพร้อมเปิดประเทศ ภายใต้เงื่อนไขมิติเศรษฐกิจและสาธารณสุข" มีรายละเอียด ดังนี้

ค้าปลีกโพลล์ห่วงความพร้อมเปิดประเทศ 'ประชาชนยังไม่ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์'

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการเปิดประเทศครั้งนี้ นอกเหนือจากการผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุขแล้ว สมาคมผู้ค้าปลีกไทยยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงโดยการนำโครงการ "ช้อปดีมีคืน" กลับมาอีกครั้งหนึ่ง และเพิ่มวงเงินเป็น 200,000 บาท เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็ว

สำหรับผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี (SME)  ให้จัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และเป็นแต้มต่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไป

'คนไทยควรปรับแนวคิดว่าจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับโควิดให้ได้ และต่อจากนี้ไปเราต้องร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยเข้าสู่การฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อการเติบโตของประเทศอย่างยั่งยืน' นายญนน์ กล่าวปิดท้าย
#10353
GPSC เอ็มโอยู 4 หน่วยงาน จัดแพคเกจลงทุนโซลาร์รูฟฯ พร้อมขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต โครงการ Solar Orchestra หวังช่วยลดคาไฟ ตามเทรนด์โลก ตั้งเป้ากว่า 100 เมกะวัตต์ สิ้นปี 2565

นางรสยา เธียรวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ บริษัทโกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้มีพิธีลงนามลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 5 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย GPSC, บริษัท ผลิตไฟฟ้าและพลังงานร่วม จำกัด (CHPP), ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK), องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (TGO)  และบริษัท นีโอคลีน เอ็นเนอยี่ จำกัด (NEO ) เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนการลงทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop)หรือ โซลาร์รูฟทอป และการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตภายใต้โครงการ Solar Orchestra

ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้ามาลงทุน Solar Rooftop แล้วขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย หรือ "โครงการ T-VER" และรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ที่เรียกว่า "คาร์บอนเครดิต"และสามารถนำคาร์บอนเครดิตไปแลกเปลี่ยนซื้อขายได้ โดยตั้งเป้าหมายการติดตั้ง Solar Rooftop กว่า 100 เมกะวัตต์ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2565



สำหรับความร่วมมือดังกล่าว แบ่งเป็น 5 ส่วน ได้แก่ GPSC จะให้ความร่วมมือในการพัฒนาผู้ประกอบการไทย โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่สำคัญเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน  โดย CHPP  บริษัทในกลุ่มซึ่ง GPSC ถือหุ้น 100%  จะเป็นผู้รับเหมาหลัก (EPC Contractor) ในการพัฒนาติดตั้งโซลาร์ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ  Solar Orchestra  ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล

ขณะที่ EXIM BANK จะให้การบริการทางการเงินแก่ผู้ประกอบการที่สนใจติดตั้งระบบ Solar Rooftop เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าพลังงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก

ADVERTISEMENT


นักลงทุนเชื่อมั่น จองหุ้นกรีนบอนด์ 'บีซีพีจี' 1.2 หมื่นล้าน
'บ้านปู เน็กซ์' โชว์แผน 5 ปี รุกธุรกิจพลังงานสะอาด สร้างพอร์ต 1,600 เมกะวัตต์
ส่วน TGO จะสนับสนุนความร่วมมือเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กระบวนการและหลักเกณฑ์การขอขึ้นทะเบียนโครงการ T-VER และการขอรับรองคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทย เพื่อจะขับเคลื่อนให้ไทยก้าวสู่นโยบายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์เป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี พ.ศ. 2608-2613 (ค.ศ. 2065 - 2070)  ตามที่รัฐบาลได้กำหนดแผนงานเพื่อให้ก้าวทันในเวทีโลก และ NEO จะช่วยดำเนินการเป็นผู้รับเหมารอง (Sub EPC Contractor) โครงการ Solar Orchestra ดังกล่าว

" ทางผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมโครงการ จะได้สิทธิประโยชน์แบบ All in one package ช่วยลดค่าไฟฟ้า โดยการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองในกิจการ จากการร่วมดำเนินงาน โดยบริษัทชั้นนำของประเทศ พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) การสนับสนุนทางการเงินด้วยเงื่อนไขพิเศษ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ด้านคาร์บอนเครดิต" นางรสยากล่าว

ด้านนายศิริเมธ  ลี้ภากรณ์ กรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าและพลังงานร่วม จำกัด (CHPP) กล่าวว่าl การพัฒนาโครงการ Solar Orchestra เป็นการขับเคลื่อนพลังงานหมุนเวียน เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคการผลิตของไทย ที่มีแนวโน้มต้องการพลังงานสะอาดในกระบวนการผลิตสินค้ามากขึ้นตามทิศทางของกระแสโลก ที่มุ่งใช้นโยบายพลังงานสะอาดเพื่อลดภาวะโลกร้อน และยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตเพื่อนำไปใช้ประโยชน์

ดังนั้น การคัดสรรเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนจึงมีความสำคัญในการพัฒนาโครงการ ซึ่ง CHPP มีประสบการณ์ที่จะสามารถออกแบบการติดตั้งระบบ Solar Rooftop, Solar Floating และ ระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management) ให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจพลังงานสะอาดให้เหมาะสมต่อการใช้ไฟฟ้าของผู้ประกอบการแต่ละราย
#10354
https://www.katobonsai.com/
บอนไซ บอนไซประดิษฐ์ ตกแต่งบ้าน
#10355


นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ TFM ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำและสัตว์เศรษฐกิจแบบครบวงจร เปิดเผยว่า การนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งการเข้าระดมทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจของบริษัทฯ ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะตลาดในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังได้มีการขยายธุรกิจไปยังประเทศที่อุตสาหกรรมสัตว์น้ำมีศักยภาพในการเติบโตสูง ผ่านรูปแบบธุรกิจที่เหมาะสมกับแต่ละประเทศ อาทิ การส่งออกไปประเทศศรีลังกา มาเลเซีย บังคลาเทศ และพม่า การร่วมลงทุนกับพันธมิตร จัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศอินโดนีเซียและปากีสถาน โดยบริษัทฯ มีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ ร้านค้าจำหน่ายอาหารสัตว์ และฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทฯ ในระยะถัดไป โดยการเติบโตของยอดขายในไทยที่โตเฉลี่ยปีละ 5-10% บริษัทจึงวางแผนเดินหน้าเติบโตในตลาดต่างประเทศด้วย ซึ่งในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ จากตลาดต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 25% จากปัจจุบัน 3% และในอนาคตมากกว่า 5-6 ปีข้างหน้า คาดรายได้ต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 50% ของยอดขายทั้งหมด โดยตั้งเป้ารายได้ในต่างประเทศปี 2565 โต 10% ปี 2566 โต 15% และปี 2567 โต 25%

นายบรรลือศักร กล่าวว่า บริษัทฯ มีกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่สำคัญ 3 แนวทาง ได้แก่ 1.รักษาและพัฒนาความเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศ ผ่านความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมช่วยสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 2.พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพการผลิตตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ผ่านการมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และสูตรอาหาร รวมถึงสูตรอาหารสำหรับสัตว์น้ำชนิดใหม่ เพื่อส่งเสริมให้มีสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิ อาหารปลากะพงยักษ์ ปลาเก๋า อาหารปลาสลิด อาหารปู และปลากดคัง และ 3.ขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะประเทศที่มีความเป็นไปได้ของการลงทุน อัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ ความเสี่ยงและแนวทางการบริหารหรือลดความเสี่ยง ซึ่งบริษัทฯ จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นสูงสุด


นายบรรลือศักร กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์สินค้าหลักของบริษัทฯ ได้แก่ โปรฟีด (PROFEED) นานามิ (NANAMI) อีโก้ฟีด (EGOFEED) แอคควาฟีด (AQUAFEED) และดี-โกรว์ (D-GROW) ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารกุ้ง ซึ่งบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มตลาดอาหารกุ้ง มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 17% ของปริมาณอาหารกุ้งในไทย (ปี 2563) 2.ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารปลา (รวมอาหารกบและอาหารปู) แบ่งเป็นอาหารปลาทะเล อาหารปลาน้ำจืด อาหารสัตว์น้ำวัยอ่อนหรือการอนุบาลลูกปลา และอาหารกบ โดยบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำกลุ่มตลาดอาหารปลากระพง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารปลาที่มีราคาจำหน่ายและอัตรากำไรค่อนข้างสูงกว่าอาหารปลาประเภทอื่นๆ โดยบริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดอาหารปลากะพงประมาณ 24% ของปริมาณอาหารปลากระพงไทย (ปี 2563) และ 3.ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารสัตว์บก แบ่งออกเป็นอาหารสุกร และอาหารสัตว์ปีก ซึ่งบริษัทฯ เริ่มขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจอาหารสัตว์บกปลายปี 2561 และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นที่น่าพอใจ

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีโรงงานผลิตสินค้า 2 แห่ง คือ 1.โรงงานมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และ 2.โรงงานระโนด อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพและเหมาะแก่การประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์น้ำ เนื่องจากภาคกลางและภาคใต้เป็นภูมิภาคที่มีการเพาะพันธุ์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่สำคัญของประเทศ โดยทั้ง 2 โรงงานมีกำลังการผลิตรวม 273,000 ตันต่อปี (ณ 30 มิถุนายน 2564) แบ่งเป็นอาหารกุ้ง 153,000 ตันต่อปี อาหารปลา 90,000 ตันต่อปี และอาหารสัตว์บก 30,000 ตันต่อปี รวมถึงเป็นสายการผลิตแบบอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติ ที่มีระบบการควบคุมและสั่งงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ สามารถติดตามข้อมูลในการผลิตระหว่างกระบวนการผลิตได้ทันที (เรียลไทม์)



นายพิเชษฐ สิทธิอํานวย กรรมการผู้อํานวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จํากัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่ราคา 13.50 บาทต่อหุ้น จำนวน 109.3 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในช่วงราคาที่ใช้ทำ Bookbuilding ที่ราคานี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 21.7 เท่า โดยหากพิจารณาผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นไอพีโอในวันที่ 19 – 21 ตุลาคม 2564 และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเดือนตุลาคมนี้
#10356
ขายที่นา [ลาดหลุมแก้ว] 5ไร่ ๆละ800000 บ่อเงิน โทร 083-7124115
#10365
สำนักงานบัญชี เอทีเอส บริการบัญชีและภาษี
1158/14  ซอยจันทน์ 37/1  ถนนจันทน์  แขวงทุ่งวัดดอน  เขตสาทร  กรุงเทพฯ 
สนใจติดต่อคุณสมบูรณ์ 089-793-5707 , 02-212-3064
Email : ats_audit@hotmail.com

สำนักงานบัญชี , รับทำบัญชีถนนจันทน์ , รับทำบัญชีบางคอแหลม , รับทำบัญชียานนาวา , รับทำบัญชีพระราม 3 , รับทำบัญชีสาทร , รับทำบัญชีบางรัก ,รับทำบัญชีทุ่งมหาเมฆ , รับทำบัญชีสีลม , รับทำบัญชีศาลาแดง , รับทำบัญชีพระราม1 , รับทำบัญชีสยาม , รับทำบัญชีเพลินจิต , รับทำบัญชีชิดลม , รับทำบัญชีปทุมวัน , รับทำบัญชีเซ็นหลุยส์ , รับทำบัญชีสาธุประดิษฐ์ , รับทำบัญชี , รับทำบัญชีรายเดือน , รับทำบัญชีรายปี , ตรวจสอบบัญชี , ตรวจสอบบัญชีบริษัทจำกัด , ตรวจสอบบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด