• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chanapot

#10126


เป็นระยะเวลา 16 เดือนแล้ว ที่วิกฤติโควิด-19 ยังอยู่กับคนทั้งโลก รวมถึงประเทศไทย และสร้างความเสียหายต่อสุขภาพ ประชากรกว่า 198 ล้านคนต้องติดเชื้อไวรัส และกว่า 4.2 ล้านคนต้องเสียชีวิต

ส่วนประเทศไทย ผู้ติดเชื้อล่าสุด ณ วันที่ 1 สิงหาคม ยอดพุ่งทยานแตะ 18,000 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 133 ราย จนรัฐต้องประกาศขยายพื้นที่สีแดงเข้มเพิ่ม 16 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด พร้อมยืดระยะเวลา "ล็อกดาวน์" ออกไปอีก 14 วัน เพื่อบริหารจัดการการแพร่ระบาดของไวรัส 

ความสูญเสียครั้งนี้ไม่จำกัดวงแค่สุขภาพ แต่ทำลายล้าง "เศรษฐกิจ" หรือจีดีพีของทั้งโลกและไทยกลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ซึ่งความหวังเดียวที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องถึงการกู้ชีพจรเศรษฐกิจได้ ต้องแก้ที่ต้นตอ นั่นคือการ "ฉีดวัคซีน" โดยเร็วและทั่วถึง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เมื่อคนแข็งแรง ย่อมมีพลังไปพลิกฟื้นเรื่องปากท้องได้อีกครั้ง 

ประเทศไทยมี "เครื่องยนต์" สำคัญที่ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ จากอุตสาหกรรมหลายเซ็กเตอร์ แต่หนึ่ง "ฮีโร่" ต้องมี "อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว" อยู่ในทำเนียบ เพราะไม่เพียงดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกมาเยือน ยังสร้างรายได้มหาศาล โดยปี 2562 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเยือนไทยร่วม 40 ล้านคน ทำเงินให้ประเทศมูลค่าราว 3 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 20% ของจีดีพี 

ทว่า นับต้ังแต่วินาทีที่โรคระบาดลามโลก ได้ "ชัตดาวน์" เศรษฐกิจทุกประเทศ และ "ดับเครื่องยนต์" เซ็กเตอร์ "การท่องเที่ยว" ให้จอดสนิท ทั้งห่วงโซ่ธุรกิจเสียหายสาหัส โรงแรมปิดให้บริการ สายการบินต้องหยุดบิน ทำให้ขาด "รายรับ" แต่ต้อง "แบกภาระรายจ่าย" รอบด้านทำให้ผู้ประกอบการต้อง "ขาดทุน" 

ส่วน "แรงงาน" ในภาคการท่องเที่ยวนับ "ล้านคน" ต้องตกงาน ว่างงาน หยุดงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน ฯ ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้าย เชื่อว่าไม่มีใครปล่อยให้วิกฤติครั้งนี้ผ่านไปอย่างไร้ค่า ดั่งที่อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร "เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล" เคยทิ้งวรรคทองให้โลกจำ "Never let a good crisis go to waste."  

"เนชั่น ทีวี ช่อง 22" จัดฟอรั่มออนไลน์ หยิบหัวข้อ "ไทยพร้อม...เปิดประเทศ ฟื้นท่องเที่ยว" เชิญตัวแทนภาครัฐ เอกชน ภาคการท่องเที่ยวมาช่วยระดมสมองเพื่อพลิกฟื้นท่องเที่ยวระยะสั้น และปลดล็อกกับดักดีใจกับ "ตัวเลข" นักท่องเที่ยวปีละหลายสิบล้าน สู่การแสวงหาโอกาส ตลาด นักเดินทางกลุ่มใหม่หลังโควิด-19 คลี่คลาย

++กล้าปลดล็อกอุปสรรค

แก้ "คอขวด" ท่องเที่ยว

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ไทยควรใช้ห้วงเวลาที่โรคโควิดระบาดซ่อมบ้านหรือปรับปรุงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ดี ไม่ใช่แค่จังหวัดที่มีเศรษฐกิจอิงการท่องเที่ยวหรือเมืองหลัก แต่ต้องขยายสู่เมืองรองด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงทางเดิน ชายหาด ฯ  

 นอกจากนี้ ท่ามกลางการบริหารจัดการไวรัส มีการกระจายฉีดวัคซีน จึงเห็นว่าการเปิดเผยข้อมูลด้านสาธารณสุขต้องกระจ่างแจ้งเพื่อสร้างความสบายใจให้กับทุกฝ่าย เพราะนาทีนี้ วัคซีนเป็นทรัพยากรหายาก และเงินงบประมาณที่นำไปใช้จ่ายมีอยู่จำกัด 

ขณะเดียวถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องมี "ความกล้า" ในการแก้ไขกฏระเบียบที่เป็น "คอขวด" กติกาที่เป็นอุปสรรค สร้างความไม่สะดวก ช่วยลดภาระให้กับประชาชน ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้ใช้ชีวิตยากลำบากอยู่แล้ว

"ใช้วิกฤติให้เกิดโอกาสใหม่ ต้องกล้าผ่าตัด รื้อกฎระเบียบ ใช้ปากกาแก้ไขกฎกระทรวง ค่าธรรมเนียมต่างๆ ตอนนี้มีประชุมเยอะ ก็ประชุมออนไลน์ซะ"   

ส่วนการปั๊มชีพจรผู้ประกอบการท่องเที่ยวระยะสั้น รัฐควรพิจารณากระบวนการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ จากปีก่อนพูดไม่ถนัด เพราะยังไม่เห็นผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ที่ยังทำ "กำไรมาก" 

"ตอนนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกำลังอ่อนแอ หลังจมน้ำมานาน แต่การพิจารณาให้สินเชื่อสามารถช่วยคนที่กำลังขึ้นจากน้ำ และดึงผู้ประกอบการในห่วงโซ่หรือซัพพลายเชนให้พ้นน้ำได้ทั้งระบบ"  


++4D คัมภีร์ดึงดูดนักเดินทาง

ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ฉายภาพธุรกิจท่องเที่ยวของไทยที่ผ่านมา ผู้ประกอบการมีความสุขกับตัวเลขนักท่องเที่ยวร่วม 40 ล้านคนต่อปี แต่โลกภายใต้โควิด ยากจะเห็นจำนวนคนมากมายเดินทางเช่นเดิม เพราะผ่านพ้นครึ่งปีแรก นักท่องเที่ยวมาไทยกว่า 34,000 คนเท่านั้น หลังเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อ้าแขนรับนักเดินทางไปเกือบครึ่งหนึ่ง 


นอกจากนี้ โลกวิถีปกติใหม่(New Normal) แผนการเดินทางของนักท่องเที่ยวไม่เหมือนเดิม เพราะการจองทริปเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น ไม่เตรียมการนานเหมือนในอดีต เพราะมีเงื่อนไขสถานการณ์โรคระบาดของแต่ละประเทศให้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต มีผลต่อตารางการท่องเที่ยวทั้งสิ้น 

ท่ามกลางตัวแปรที่หลากหลาย แต่ภารกิจของททท. คือต้องผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เติบโต จึงผ่อนเกียร์ในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์การท่องเที่ยวไม่ได้ มุ่งผนึกกับสำนักงานทั้ง 29 ประเทศ ดึงนักเดินทางให้กลับมาเยือนไทย สื่อสารให้เข้าใจไทยมีภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พัก อาศัย เที่ยวในเกาะได้ หากอยู่ครบตามเงื่อนไข ไร้ความเสี่ยงโรคระบาด อาจได้ขยายพื้นที่เที่ยวยังจุดอื่นๆได้ขึ้นภายใต้สถานการณ์และการควบคุมโรคระบาด  

ขณะที่การทำตลาดจะยึดสูตรเดิมไม่ได้ เพราะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยน จึงต้องปรับตัวเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย คัมภีร์ 4D ลุยตลาด ได้แก่ Demand ผู้ประกอบการต้องฟังความต้องการของนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย(Stakeholders)ที่ทำงานร่วมกัน อย่างยุคนี้มาเที่ยวโรงแรม ที่พักต่างๆต้องปลอดภัย เมื่อมาต้องตรวจเชื้อโควิด-19 ทำให้กินเวลานานขึ้น มีผลต่อเวลาเช็คอิน เช็คเอาท์ จึงต้องปรับให้เหมาะสม ไม่ยึดกฏเหล็กนับ 24 ชั่วโมง เช่น หากมาเช็คอิน 08.00 น. แล้วต้องเช็คเอาท์ เวลาใกล้เคียงกัน แขกเข้าพักต้องตื่นเช้าเพื่อออกจากโรงแรม อดมื้อเช้า เหล่านี้ต้องยืดหยุ่นได้ อย่าคำนึงถึงแค่ผลทางธุรกิจ

"กลยุทธ์เดิมอาจพัฒนาสินค้าดีขึ้นห้างขาย ประเทศไทยสวยหล่อเลือกได้ นักท่องเที่ยวมาเยือน 40 ล้านคน Enjoy มานาน แต่ยุคนี้ต้อง Demand Driven ทำตลาดต้องฟังเสียงลูกค้า ตอนนี้นักท่องเที่ยวพาครอบครัว คนรักมาเที่ยวจะมองหาสถานที่เที่ยวแล้วมั่นใจ ปลอดภัย"

Data Driven ข้อมูลขับเคลื่อนธุรกิจ ทำตลาดต้องรู้สถานการณ์แต่ละประเทศมีเงื่อนไขเกี่ยวกับโรคโควิด-19 อย่างไร ไทยอยู่ในโซนสีไหนของแต่ละประเทศ เพราะมีผลต่อการพัก กักตัวของนักท่องเที่ยวเมื่อกลับประเทศเหล่านั้น Digital โรคระบาดเป็นปัจจัยเร่งให้ดิจิทัลทรงพลังมากขึ้นและเปลี่ยนทุกสิ่งทั้งการติดต่อกัน อีเวนท์แบบกายภาพหรือ Physical ลดลง หากนักท่องเที่ยวไม่ต้องการใช้จ่ายเงินสด โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ต้องมีเทคโนโลยี บริการอิเล็กทรอนิกส์รองรับ และควรใช้เวลานี้ปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง เพราะยังมีเวลาก่อนนักเดินทางกลับมาเยือนไทยอีกครั้ง

  Domestic กลับมาพึ่งการตลาดในประเทศ เมื่อคนไทยหยุดเชื้อเพพื่อชาติเป็นเวลานาน หากนโยบายเปิดประเทศ สถานการณ์โควิดคลี่คลาย การกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทย เป็นกลไกฟื้นเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ "จีน" เป็นกรณีศึกษาน่าสนใจ เมื่อรัฐยังไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ ประชากรจำนวนมากเดินทางเที่ยวในประเทศทำสถิติเท่ากับปี 2562 การพักที่จุดหมายปลายทางต่างๆนานขึ้น เช่น ไปมาเก๊า 5 วัน จากปกติ 1-2 วันเท่านั้น 

++ เที่ยวเชิงสุขภาพ 

New S-Curve เติบโต   

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย อดีตเคยมีนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพจากยุโรป สหรัฐฯ เข้ามาพักผ่อนเป็นเวลาหลายวัน กระทั่ง "มังกรผงาด" จีนยุคใหม่ต่างพากันตบเท้าออกนอกประเทศเพื่อชมโลกกว้าง ไม่เพียงเท่านั้น ยุคโลกไร้พรมแดน ทำให้มีนักท่องเที่ยวอิสระ(FIT)ทั่วทุกมุมโลกออกเดินทางมากขึ้น ทำให้กลุ่มเป้าหมายของแต่ละตลาดเปลี่ยน รวมถึงไทยที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลมามหาศาล 

ทว่า จากนี้ไปตัวเลข ไม่ใช่เป้าหมายสำคัญสุดอีกต่อไป เพราะผู้ประกอบการตีโจทย์ใหม่ ป้องกันความเสี่ยงจากตลาดเดียว และขยายตลาดเพิ่มขุมทรัพย์รายได้ ซึ่งหลายส่วนเห็นพ้องว่าหลังโรคโควิดระบาด การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) รวมถึง การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์(Medical Tourism) จะมีบทบาทยิ่งขึ้น 

กิตติศักดิ์ ปัทมะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจมนทาระ ฮอสพิตาลิตี้ กรุ๊ป ผู้บริหาร ตรีสรา รีสอร์ต ภูเก็ต หยิบข้อมูลย้อนหลังปี 2560 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วโลกมีมูลค่าถึง 6.4 แสนล้านดอลลาร์ ขนาดใหญ่กว่าจีดีพีไทยมาก และมีอัตราการเติบโตราว 7% ขยายตัวเร็วกว่าเศรษฐกิจหลายประเทศด้วยซ้ำ 

ทั้งนี้ หากธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตที่พึ่งพาชาวต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะจีน รัสเซีย ซึ่งยังไม่กลับมาในเร็วๆนี้ ทำให้ต้องปรับตัวหาตลาดใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวให้ได้

นอกจากนี้ การติดตามสถานการณ์โรคระบาด และศึกษาข้อมูลต่างๆ ทำให้กรณีที่น่าสนใจ อย่างสหรัฐฯ มีผู้ป่วยนับล้าน หากไม่มีโรคเรื้อรังอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 14% หากมีโรคเรื้อรัง อัตราจะเพิ่มเป็น 45% หรือราว 3 เท่าตัว และมีผลต่อการเสียชีวิตจาก 5% เป็น 20% หรือเพิ่ม 4 เท่าตัว ผลกระทบไม่ได้เกิดกับร่างกายเท่านั้น แต่มีผลต่อสภาพจิตใจของคนในครอบครัวด้วย 

ขณะที่พฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังสูง 2-4 เท่าตัว และใช้เวลาทำกิจกรรม พักผ่อนยาวนานเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวทั่วไป ส่วนการเดินทางยังไปพร้อมครอบครัว พ่อแม่ ลูกฯ 

"โควิดทำให้คนตระหนักเรื่องสุขภาพ และกระตุ้นตลาดความต้องการตลาดสุขภาพทั่วโลก wellness tourism จึงเป็นโอกาสในวิกฤติ" 

ทั้งนี้ บริษัทจึงพัฒนาโครงการ "ตรีวนันดา" บนพื้นที่ 600ไร่ มีโซนที่พักอาศัย และรีสอร์ท รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยจุดเด่นโครงการไม่เพียงรองรับนักท่องเที่ยว แต่ยังตอบโจทย์การลงทุนด้วย เพื่อให้ลูกค้าที่ลงทุนสามารถปล่อยเช่าได้ผลตอบแทน ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้กลับเข้ามาลงทุนส่งเสริมเครื่องยนต์เศรษฐกิจภูเก็ตและประเทศต่อไป

"ระยะยาว Wellness Tourism ตอบโจทย์การผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตในอนาคต เพราะคนทัวโลกต้องการมีสุขภาพดี ประเทศไทยมีทรัพยากร วัฒนธรรม บุคลากรตอบโจทย์" 

 ศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) เห็นพ้องว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ถือเป็นปัจจัยสร้างการเติบโตใหม่หรือ New S-Curve ของภาคท่องเที่ยว เพราะโควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องรักษาชีวิต รักสุขภาพ หันมาสร้างภูมิป้องกันโรคต่างๆมากขึ้น 


หากมองดูประเทศไทย มีจุดแข็งมากมายที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพ ทั้งมีทรัพยากรสมุนไพร การปลดล็อกกัญชาเพื่อทางการแพทย์ และเชิงพาณิชย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ บริษัทนำไปต่อยอดในโครงการมายโอโซน เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโต ยกระดับเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางเหมือนการไปดื่มไวน์ณ เมืองต่างๆในประเทศฝรั่งเศส 

"โควิดทำให้คนโหยหามากสุดคือสุขภาพ เพราะมีเงินก็ตาย ขณะที่การส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เมดิคัล ฮับต่างๆ ไม่ยาก เพราะไทยมีจุดแข็งอยู่แล้ว หากทำได้เชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาเร็ว"

พัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่จะยั่งยืน ต้องหันพึ่งพาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และไม่แค่การรักษาพยาบาล แต่มองถึงการเป็นแหล่ง "ดิจิทัล ดีท็อกซ์" ใช้พื้นที่อับสัญญาณโทรศัพท์ พัฒนารีสอร์ท เพื่อให้นักเดินทางมาปรับคุณภาพชีวิต กลับมาตั้งสติมากขึ้น 

นอกจากนี้ จะยกระดับการท่องเที่ยวเชิงอาหาร Agro Gastronomy เชื่อมโยงการเกษตรกับอาหารแบบครบวงจร มีลายแทงร้านเด็ดดี ปราศจากสารเคมี ดึงนักเดินทางให้มาเที่ยวแล้วได้เรียนรู้ศาสตร์การทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพติดตัวกลับไป เป็นต้น  

ภูเก็ต จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวสำคัญของไทย แต่ละปีโกยนักเดินทางจำนวนมาก เศรษฐกิจท้องถิ่น 95% พึ่งพาการท่องเที่ยว แต่โควิดทำให้ต้องคิดใหม่ ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต บอกว่า ระยะยาวการฟื้นเศรษฐกิจภูเก็ต ต้องไม่ยึดติดกับท่องเที่ยว ต้องสร้างเครื่องยนต์ใหม่ เช่น การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การศึกษา สมาร์ทซิตี้ฯ เพื่อกระจายความเสี่ยง แต่ยอมรับว่าจะก้าวไปสู่จุดดังกล่าว เป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะต้องใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อย พัฒนาระบบขนส่ง ดูแลการท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อมให้ดี

"เพื่อไม่ต้องพึ่งพางบประมาณภาครัฐ  ควรหานวัตกรรมทางการเงินเพื่อให้ภูเก็ตเดินหน้าต่อได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนมองระยะยาว ต้องเอาตัวรอดปัจจุบันก่อน หากติดหล่มการจัดการโรคระบาด อนาคตคงเป็นแค่ฝัน"
#10127
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#10129


แม่ฮ่องสอน - เครือข่าย "สะพานบุญครูหนึ่ง" ผนึกชาวแม่ฮ่องสอน ร่วมลงขัน-ลงแรงทำ "น้ำพริกคั่ว" เมนูที่ขาดไม่ได้ของชาวไต แพ็คส่งช่วยเหลือพี่น้องชาวไทใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดระบาดฟรีทั่วประเทศ

สถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดรุนแรง สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนจำนวนมากอยู่ในขณะนี้ มีผู้ได้รับความเดือดร้อนมากมาย โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้มที่จะต้องใช้มาตรการเข้มงวดทั้งล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว เพิ่มเป็น 29 จังหวัด

และแน่นอนว่าตามจังหวัดเหล่านี้..มีพี่น้องชาวไทใหญ่หรือแรงงานชาวไต ทั้งจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ ที่ได้รับผลกระทบอยู่ด้วย ประกอบกับมาตรการในการกักตัวหรือระหว่างการรักษาตัวก็จะมีเรื่องอาหารการกินเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ ทำให้ที่ผ่านมาก็จะมีการติดต่อกับญาติพี่น้องในภูมิลำเนาเพื่อขอให้จัดส่งสิ่งของหรืออาหารไปให้เป็นระยะ

โดยหนึ่งในเมนูบนสำรับกับข้าวของพี่น้องชาวไทใหญ่ หรือพี่น้องไต ที่ขาดไม่ได้คือ "น้ำพริกไทใหญ่หรือน้ำพริกคั่ว" ซึ่งผู้คนที่ต้องกักตัวตามต่างจังหวัดก็จะลำบากที่ไม่สามารถหาซื้อวัตถุดิบมาทำได้

ล่าสุดชาวบ้านในจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็ได้ประสานความร่วมมือกับ "สะพานบุญครูหนึ่ง" ที่มีนายชาติชาย น้อยสกุล หรือครูหนึ่ง โต๊ะอิหม่ามหรือผู้นำศาสนาอิสลามของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองการศึกษา เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นฟันเฟืองหลักผสานความร่วมมือกับคริสตจักรและวัดต่างๆ ในรูปแบบภาคี 3 ศาสนา คือ พุทธ คริสต์ อิสลาม เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้ด้อยโอกาส และตอนนี้ยังรวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบตามแนวชายแดนมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

พร้อมกับรวบรวมวัตถุดิบที่จะต้องใช้ในการทำน้ำพริกคั่วไทใหญ่ และระดมกำลังของชาวบ้านหรือผู้ที่ว่างงาน มาช่วยกันลงมือปรุงน้ำพลิกคั่วไทใหญ่ทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้รสชาดแบบดั้งเดิมของชาวไตในแม่ฮ่องสอน



ซึ่งการทำน้ำพริกคั่วไทใหญ่นั้น วัตถุดิบหลักๆก็จะมีหอมแดง กระเทียม ปลาเกล็ดขาวเล็ก กุ้งแห้ง พริกแห้ง เครื่องปรุงรสต่างๆ เกลือ น้ำมันพืชและที่ขาดไม่ได้คือถั่วเน่า (ถั่วเหลืองหมักและแปรรูปเป็นแผ่นตากแห้ง เป็นเครื่องปรุงรสเหมือนกับปลาร้าหรือกะปิ)

แต่ละคนจะต้องมาช่วยกันทั้งแกะและซอยหอมแดง กระเทียมหลังจากแกะเปลือกแล้วก็จะต้องตำให้แหลก ส่วนถั่วเน่าที่ถือว่าเป็นวัตถุดิบหลักของน้ำพริกคั่วก็ต้องนำมาย่างให้หอมแล้วนำมาตำให้ละเอียด

ขั้นตอนที่ยากและต้องใช้เวลามากก็คือต้องนำวัตถุดิบทั้งกระเทียมตำละเอียดกับหอมแดงที่ซอยไว้นั้นมาทอดในน้ำมันให้หอม ก่อนที่จะนำมาพักให้หายร้อนและสะเด็ดน้ำมัน เช่นเดียวกับปลาเกล็ดขาวเล็กก็ต้องนำมาทอดเช่นเดียวกัน ส่วนกุ้งแห้งหลังจากนำมาทอดพอหอมแล้วนำมาโขลกพอหยาบ พริกแห้งก็ต้องนำมาคั่วให้แห้งและโขลกให้ละเอียด

จากนั้นก็จะเป็นวิธีการนำทุกอย่างที่เตรียมไว้พักให้เย็นแล้ว นำมาคลุกเคล้าเข้าด้วยกันในอัตราส่วนที่พอดีตามสูตรของชาวไทใหญ่ ก่อนที่จะบรรจุใส่ถุงและแพ็คใส่กล่องไปรษณีย์ส่งไปยังปลายทางตามที่มีผู้ป่วย หรือผู้กักตัวได้ร้องขอมา โดยส่งให้ฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

นายชาติชาย น้อยสกุล แกนนำเครือข่ายสะพานบุญครูหนึ่ง บอกว่า ตอนนี้พี่น้องชาวไใหญ่ที่อยู่ในหลายจังหวัดต้องการน้ำพริกคั่วไทใหญ่มากขึ้น ต้องระดมทั้งคนและวัตถุดิบต่างๆ มาทำ พอทำเสร็จก็จะทยอยส่งไปเรื่อยๆ คาดว่าจะต้องทำไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายและเป็นอาหารที่ถูกปากของชาวไทใหญ่อยู่แล้ว เป็นอีกหนึ่งกำลังใจของชาวแม่ฮ่องสอนส่งไปให้กับผู้ได้รับความเดอืดร้อนในขณะนี้

ทั้งนี้ "สะพานบุญครูหนึ่ง" เริ่มต้นช่วยเหลือผู้อื่นจากทุนทรัพย์ของตนเอง ปัจจุบันนี้องค์กรในนามสะพานบุญครูหนึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้คนช่วยกันบริจาคทั้งเงิน สิ่งของเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ไม่เพียงแต่ผู้คนในแม่ฮ่องสอนเท่านั้น ในขณะนี้มีผู้ใจบุญร่วมกันบริจาคมาจากทั่วประเทศและมีบางรายอยู่ต่างประเทศ

และที่ผ่านมา ชาวแม่ฮ่องสอนจะเห็นภาพ สะพานบุญครูหนึ่ง ทำหน้าที่รับบริจาค รวบรวมสิ่งของจำพวกข้าวสาร อาหารแห้ง ผ้าอ้อมสำเร็จรูปของเด็กและผู้ใหญ่ เสื้อผ้า ยา ขนม และสิ่งที่จำเป็นในยุคนี้ก็คือหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล วัสดุทางการแพทย์จำพวกชุด PPE เพื่อมอบแก่ทีมแพทย์และพยาบาล รวมไปถึงการก่อสร้างที่พักให้แก่ผู้ที่ไร้บ้าน ผู้พิการ พร้อมไปกับการเข้าไปดูแลอย่างต่อเนื่องในรายที่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงแบบถาวร
#10130


"กระต่าย พรรณนิภา" ควง ผู้จัดการส่วนตัวแถลง ยอมรับอยู่กินกันผัวเมียจนมีลูกด้วยกัน ยอมรับผิดศีลข้อ 3 เล่าย้อนอดีต 3 ปีที่แล้ว ฝ่ายชายคลอนแคลนกับเมีย ยอมรับผิดทำงานใกล้ชิดกับกระต่าย จนมีความรู้สึกดีต่อกัน แต่พึ่งมาเริ่มใช้ชีวิตด้วยกันจริงๆ จังๆ เมื่อปี 63 ขอโทษแฟนๆ ขอให้ติดตามผลงานต่อไป

เมื่อ 3 ปีที่แล้ว "กระต่าย พรรณนิภา" เจ้าของเพลงสันดานเก่า 217 ล้านวิว, เพลงเจ็บคอ 130 ล้านวิว ตกเป็นข่าวฉาวมือที่สาม ทำให้ "อาจารย์ไพบูลย์ แสงเดือน" ผู้บริหารค่ายจ้วดจ้าด สตูดิโอ และผู้จัดการส่วนตัวของกระต่าย ต้องเลิกรากับภรรยา มาตอนนี้ก็เจอข่าวท้องและมีลูกกับอาจารย์ไพบูลย์ ทำเอาทั้งคู่ถูกโจมตีอย่างหนัก แฟนคลับบางคนถึงขั้นแบนจะไม่ติดตามผลงานของกระต่ายอีก ล่าสุด ทั้งคู่ก็ได้เปิดแถลงข่าวผ่านช่องยูทูบ จ้วดจ้าด Official ยอมรับว่า กระต่ายได้ท้องและมีลูกกับอาจารย์ไพบูลย์จริง โดยทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว ยอมรับว่า ผิดศีลข้อ 3

เนื่องด้วยจังหวัดเลยของเรา มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ค่อนข้างจะสูง แล้วเราติดต่อหาสถานที่มันยาก และลงไม่ได้ เลยตัดสินใจมาที่พื้นที่ของเรา เลยจัดแถลงข่าวผ่านช่องทางส่วนตัวของเรา และให้ทางน้องกระต่าย ตัวผมเอง และน้องๆ ทีมงานแชร์ในส่วนนี้ ให้เอฟซีที่สนใจและอยากฟังความจริงจากพวกเรา ที่จะมานำเสนอในวันนี้ อาจจะไม่ถูกใจหรือไม่ถูกใจใครหลายคน เราก็ต้องกราบขออภัยและต้องขอโทษ

ก็ต้องกราบขออภัยด้วยนะครับ สาเหตุที่ต้องมาเล่าหรือแถลง ณ ที่ตรงนี้ เอาตรงๆ เราก็คนๆ หนึ่งที่มีความรู้สึก เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีการด่า หรือคำที่รุนแรง ผมในฐานะเจ้าของโพสต์เอง ต้องกราบขอโทษด้วย มีบางทีควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ มีการโต้ตอบแฟนเพลง หรือเอฟซีที่เข้ามาคอมเมนต์ แต่ในบางส่วนก็แรงเกินไป เกินที่เราจะรับได้ ต้องกราบเรียนอย่างนี้ว่า เราขอโทษและนับจากนี้ไป เราจะสร้างแต่สิ่งดีๆ ที่เคยทำมา

คำถามแรกที่เป็นประเด็นดราม่าเลย คือ คุณไพบูลย์เลิกกับเมียก่อนที่จะมาหาน้องกระต่ายหรือเปล่า หรือเลิกกับเมียเพราะน้องกระต่ายหรือเปล่า อันนี้ผมยอมรับผิดคนเดียวเลยว่า ในสภาวะช่วงนั้นผมกับแฟนก็คลอนแคลนกันผมจะพูดให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบบุคคลที่ 3 หรือบุคคลอื่นในเรื่องเก่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมอยากบอกว่าเราหย่ากันเมื่อ 3 ปีที่แล้ว นี่คือหลักฐานข้อมูลทะเบียนหย่าที่มีเอกสารบอกว่า แฟนผมอนุญาติหรือยืนยันผมเป็นคนดูแลและเลี้ยงบุตรตั้งแต่ที่เราหย่าร้างกัน

ไม่ขอพาดพิงและไม่พูดถึงเรื่องนี้ซ้ำอีก เพราะตอนนั้นผมออกมาเอง และเราก็หย่ากันด้วยดี ผมก็ให้ค่าเลี้ยงดูในส่วนที่เขาเรียกร้อง และเราก็ดูแลกันเสมอมา ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางหรือทะเลาะอะไรกัน ส่วนเรื่องลูกผมเลี้ยงและเวลามีโอกาส แฟนเก่าของผมก็สามารถมารับลูกไปเล่นด้วนหรือไปอยู่ด้วยก็ได้ ซึ่งตอนนี้เขาก็มีครอบครัวใหม่ที่สมบูรณ์และมีความสุขแล้ว ผมขออนุญาตพูดสั้นๆ เพียงเท่านี้

ส่วนคำถามที่ 2 กระต่ายท้องกับผม กับไพบูลย์จริงมั้ย ผมเรียนตรงนี้ ด้วยความเป็นลูกผู้ชายจริง จริงครับ อีกครั้งนะครับ กระต่ายท้องกับอาจารย์ไพบูลย์จริงมั้ย ผมยืนยันและด้วยความเป็นลูกผู้ชายว่าจริง

สาเหตุที่ทำไมไม่ออกมาพูดหรือออกมาแถลงข่าวเลย คือ เราเซฟโซนในส่วนของลูกเราเองด้วย เขาเพิ่งเกิดและสถานการณ์ตรงนี้ด้วย เราไม่อยากให้เกิดความแตกแยกหรือความรู้สึกเฟลกับแฟนเพลงที่เขาบอกว่า ทำไมศิลปินต้องมีลูกหรือครอบครัว เอาตรงๆ นะครับ ช่วงแรกๆ ที่ผมหย่ากับแฟนเก่าของผม เรายังไม่ได้ตกลงที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน หรือเป็นแฟนกัน ตอนนั้นก็แค่คุยกัน และน้องกระต่ายเองก็มีคนคุยของเขาอยู่แล้ว ณ ตอนนั้น และคนในวงก็รู้ดีอยู่แล้วว่าผมกับน้องแบ่งพาร์ตชีวิตกันอย่างไร

ทำงานด้วยกัน แต่ด้วยความใกล้ชิดและเมื่อปี 63 ช่วงโควิดปีที่แล้ว เราเลยคุยกันว่า ถ้าสถานการณ์ยังเป็นโควิดอยู่ ไม่มีคอนเสิร์ต เรามาเริ่มชีวิตครอบครัวกันมั้ย ซึ่งปี 63 เราจดทะเบียนสมรสกันครับ อันนี้เป็นเรื่องจริง แต่เนื่องด้วยมีเหตุผลบางอย่างเรื่องธุรกรรมของผม ก็เลยต้องได้หย่ากันก่อน เพื่อที่จะคลอดลูกกันก่อน แล้วค่อยจดทะเบียนกันใหม่ และทำให้มันถูกต้อง น่าจะชี้แจงให้เอฟซีได้เห็น

กระต่าย : กระต่ายท้องกับ อ.ไพบูลย์ จริงนะคะ กระต่ายก็ต้องขอโทษแฟนเพลงทุกคนด้วยนะคะ (ยกมือไหว้) ที่ไม่ได้แจ้งและก็ไม่ได้บอกแฟนเพลง เพราะว่ากระต่ายเป็นห่วงความรู้สึกของแฟนเพลงทุกๆ ท่าน

ไพบูลย์ : ผมในฐานะที่เป็นผู้จัดการและผู้ดูแลค่าย ก็ขอโทษแฟนเพลงและทุกคนที่ติดตามและคาดหวังว่าน้องกระต่ายจะไม่มีแฟนหรือลูก เราไม่ได้ปฏิเสธตั้งแต่เบื้องต้นอยู่แล้ว เอาตรงๆ ว่า รูปที่โพสต์ไปเป็นลูกชายของเรา ชื่อน้องเพลินเพลงพิณ น้ำหนักแรกคลอด 2.94 กิโลกรัม เป็นที่น่ายินดีและผมก็โพสต์ก็ดีใจ เป็นความสุขของเราอีกรอบนึงเป็นลูกคนที่ 2 ของผม ความสุขที่เขาเกิดมาจากความรัก ที่เราพร้อมอยากเริ่มต้นและสร้างครอบครัวใหม่ที่ดี

เราจะไม่พูดเรื่องอดีตแล้วสิ่งที่ผมเสียใจและที่ผมได้ทำไปเบื้องต้นก่อนหน้านี้ การโพสต์ หรือด่ากันในคอมเมนต์ตรงนี้ผมต้องขอโทษ ผมก็เป็นบุคคลธรรมดาคนนึงที่มีความรู้สึกและก็แค่อยากระบายบ้างในส่วนที่เราโดนมาเยอะ แต่นับจากนี้ไปสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวของน้องกระต่ายเองแล้วก็ลูก ครอบครัวของเรานะครับ ตอนนี้เรามีความสุข เราทำงานด้วยความสุข ถึงแม้ต่อจากนี้งานเพลงเรา แฟนเพลงส่วนหนึ่งอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ต้องขอบคุณแฟนเพลงที่ยังอยู่เคียงข้าง คอยติดตาม สิ่งที่ผมทำได้กับน้องคือสร้างผลงานในฐานะศิลปิน และดูแลครอบครัวทำหน้าที่แม่และพ่อของลูก

เราอยากขอโทษจากใจจริง เราไม่มีเจตนาจะปิดบังแต่อย่างใด เราจะออกมาชี้แจงในมุมนี้อยู่แล้ว แต่เราขอเวลาก่อน เพราะน้องก็เพิ่งคลอด ยังไม่แข็งแรงมากพอจะทำกิจกรรมต่างๆ ได้คล่อง แต่ด้วยกระแสและโซเชียล มันไปเร็วเกินกว่าจะรอ วันนี้ก็เลยเคลียร์ให้เอฟซีเข้าใจ และกราบขอโทษอีกครั้งนึงที่ทำให้หลายๆ คนผิดหวัง

ประเด็นพรากผู้เยาว์ ผมต้องแจ้งอย่างนี้ว่ากรณีที่มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการฟ้องกันหรือเปล่า อันนี้ตามมุมที่ผมเข้าใจนะ แต่ว่าสำหรับเราและครอบครัว ที่จริงแล้วกระต่ายบรรลุนิติภาวะแล้วนะครับ หลังจากที่จดทะเบียนสมรสด้วยกันเมื่อต้นปีที่แล้ว ประเด็นพรากผู้เยาวืเลยไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราแล้ว

ประเด็นผิดศีลธรรมหรือเปล่า อันนี้เรายอมรับ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ ล้วนแล้วแต่ผิดศีลธรรม เรายอมรับ เราขอผิดศีลข้อ 3 แต่เราจะไม่ผิดศีลข้อ 4 เราผิดข้อ 3 ซึ่งหมายความว่าตอนนั้น ซึ่งเราย้อนไป 3 ปี ผมพยายามพูดให้น้อยที่สุด ไม่พาดพิงใครก็แล้วแต่ ไม่พาดพิงบุคคลที่3 ตอนนั้นมันมีกระแสจริงๆ โซเชียลแรงในเรื่องของผมหย่ากับแฟน เลิกกับแฟนแล้วมาคบกับน้องกระต่ายเหรอ อันนี้เป็นประเด็นดราม่าในระลอกแรกที่เราเจอ แล้วก็บอกว่าถ้าบอกว่าผมจะออกออกมายอมรับว่า ผมออกมาเพราะว่าเราคลอนแคลนกันอยู่แล้ว

แล้วน้องมีส่วนเกี่ยวข้องไหม ผมเป็นผู้ชายผมรับเอง น้องไม่ได้เกี่ยวข้อง ทุกอย่างมันเกิดจากผม ถ้าถามว่าเรามีความรู้สึกดีด้วยกันก็ต่อเมื่อเราได้มาทำงานด้วยกันเพิ่มมากขึ้น ตอนนั้นเราเดินทาง ไปคอนเสิร์ต ในระหว่างนั้นเขาก็มีแฟน มีคนคุยอยู่แล้ว เราก็รู้กันอยู่ในวงอยู่แล้ว แต่เราเพิ่งจะมาคุยกันเป็นครอบครัว ตั้งหลักกันใหม่ ก็ปลายๆ ปี 2562 และปี 2563 ก็คุยกันว่าถ้ามีลูกเราคงจะมีลูกในช่วงโควิดที่ไม่มีคอนเสิร์ต เพราะว่าอยากให้เขาเกิดมาแล้วได้ดื่มนมแม่ และได้ดูแลเขาเต็มที่ ครอบครัวเราไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการเลี้ยงดูเลยครับ

กระต่าย : กระต่ายขอโทษแฟนเพลงทุกท่านด้วยนะคะ ขอให้ทุกคนติดตามกระต่ายเหมือนเดิม กระต่ายจะสร้างสรรค์ผลงานเพลงให้ได้ฟังเหมือนเดิมนะคะ ขอบคุณค่ะ
#10131
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#10133



"โรคไขมันในเลือดสูง" เป็นโรคหนึ่งที่นำไปสู่โรคร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองอุดตันเกิดอัมพฤกษ์อัมพาต และโรคหลอดเลือดหัวใจ เนื่องจากการมีไขมันสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจนไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ตามปกติ จึงเป็นอีกโรคที่ควรรู้จัก เพื่อจะได้หาทางป้องกันและดูแลตนเองตั้งแต่เนิ่นๆ

โรคไขมันในเลือดผิดปกติ คืออะไร

ตามปกติในการตรวจเลือดจะมีการวัดระดับไขมันหลักๆ 4 ตัว คือ คอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol) ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ไลโปโปรตีนที่มีความหนาแน่นตํ่า หรือไขมันเลว (Low Density Lipoprotein : LDL) และไลโปโปรตีนที่มีความหนาแน่นสูง หรือไขมันดี (High Density Lipoprotein : HDL)

การที่จะได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ คนคนนั้นจะต้องมีระดับคอเลสเตอรอลรวมมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือมีระดับไตรกลีเซอไรด์มากกว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือมีระดับไขมันเลว (LDL) มากกว่า 130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือมีระดับไขมันดี (HDL) น้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร แต่การพิจารณาการให้ยาลดไขมันนั้น แพทย์มักจะตัดสินจากระดับไขมัน LDL รวมถึงระดับไตรกลีเซอไรด์มากกว่าระดับคอเลสเตอรอลรวม


นอกจากนี้ ในคนไข้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เช่น คนไข้โรคเบาหวาน คนที่มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือหลอดเลือดหัวใจตีบมาก่อน ควรรักษาระดับไขมันเลว (LDL) ให้น้อยกว่า 100 ลงไปอีก จึงจะป้องกันการเกิดซ้ำของโรคได้

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงหลักของการเป็นโรคไขมันในเลือดสูง คือ กรรมพันธุ์และอาหาร ส่วนน้อยอาจเกิดจากโรคประจำตัว เช่น ภาวะอ้วน การขาดฮอร์โมนไทรอยด์ เบาหวาน เป็นต้น

อาหารที่มีผลให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูง เช่น เนื้อสัตว์แดงติดมัน เครื่องในและไขมันจากสัตว์ อาหารที่ใช้น้ำมันผัด ของทอดต่างๆ ปลาหมึก หอยนางรม รวมทั้งอาหารที่มีไขมันทรานส์ซึ่งอยู่ในมาการีน หรือเนยเทียมที่ใช้ในการทำเบเกอรี่ และอาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ เช่น โดนัท พิซซ่า เฟรนช์ฟราย เป็นต้น

ส่วนปัจจัยที่ทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์สูง คือ การกินอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลปริมาณมากๆ เช่น เครื่องดื่มบรรจุขวดต่างๆ น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลฟรุกโตส รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย


นอกจากนี้ หากพบว่ามีกรรมพันธุ์ในเรื่องของไขมันในเลือดสูงก็จะยากที่จะลดด้วยการคุมอาหารเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องกินยาช่วย เพราะระดับไขมันจะสูงมาก จนสามารถทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตันได้ตั้งแต่คนไข้อายุยังน้อย

อาการ

โรคไขมันในเลือดสูง เป็นภัยเงียบที่ในระยะแรกไม่มีอาการ หากไม่ได้ตรวจเลือด ก็จะไม่ทราบเลยว่ามีระดับไขมันในเลือดสูง ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา สุดท้ายจะมีอาการที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองอุดตันในที่สุด แต่ในผู้ป่วยที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงมาก คือ เกิน 500 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร อาจก่อให้เกิดอาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งเป็นภาวะที่อันตราย โดยคนไข้จะมาด้วยอาการปวดท้องรุนแรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ทะลุไปด้านหลัง ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลทันที

การวินิจฉัย

วินิจฉัยโดยดูจากผลเลือด โดยก่อนเจาะเลือดควรงดน้ำและอาหาร อย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ผลเลือดที่ถูกต้อง

อันตรายและภาวะแทรกซ้อน

การที่ร่างกายมีระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ที่สูงกว่าปกติ จะส่งผลให้มีไขมันไปเกาะตามผนังของหลอดเลือด ทำให้เลือดที่ส่งไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ น้อยลง โดยเฉพาะหัวใจและสมอง ซึ่งไขมันนี้จะค่อยๆ ก่อตัวและหนาขึ้นเรื่อยๆ ใช้เวลาหลายปีกว่าจะแสดงอาการให้เห็น ซึ่งหากไม่ได้รับการตรวจเลือดประจำปี ก็จะไม่รู้ว่ามีไขมันในเลือดสูง ดังนั้นในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี จึงควรได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อเช็กระดับไขมันในเลือดของตนเอง หากพบว่าสูง จะได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที


การรักษาและการป้องกัน

การรักษาหลัก คือ การใช้ยาลดไขมัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกชนิดและขนาดของยา ตามระดับความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดตีบในคนไข้แต่ละราย นอกจากนี้คนไข้จะต้องดูแลตนเอง โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน กล่าวคือ หลีกเลี่ยงอาหารที่ใช้น้ำมันผัดทอด เปลี่ยนไปกินอาหารต้ม นึ่ง ย่าง ตุ๋นแทน หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์แดงติดมัน รวมทั้งไขมันอิ่มตัว เปลี่ยนเป็นกินอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา ไม่กินอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์ ลดเครื่องดื่มรสหวานทุกชนิด ลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดกินอาหารแช่แข็ง อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงอย่างปลาหมึก ไข่ปลาหมึก หอยนางรม เป็นต้น

นอกจากการกินที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษแล้ว ยังจะต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่างน้อยวันละ 20-30 นาที และตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อเช็กระดับไขมันในเลือดของตนเองว่าสูงหรือไม่ โดยเฉพาะคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ ควรตรวจตั้งแต่อายุ 20 ปี เพื่อจะได้เตรียมการรักษาได้ทันท่วงที การเลิกสูบบุหรี่ การควบคุมอาหาร และลดน้ำหนักในคนที่มีน้ำหนักตัวเกิน สามารถช่วยลดไขมันคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้ รวมทั้งช่วยเพิ่มไขมันตัวดีได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หากเรากินอาหารประเภทไขมันให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ รักษาระดับน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้ห่างไกลจากภาวะไขมันในเลือดสูงได้

@@@@@@@@@@@@@@

แหล่งข้อมูล

ผศ.พญ.แสงศุลี ธรรมไกรสร ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
#10134



อาการนอนไม่หลับสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย มีหลายปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับ หากเป็นติดต่อกันนานๆ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและประสิทธิภาพในการทำงานของสมองลดลง ใครที่มีอาการดังกล่าวไม่ควรนิ่งนอนใจ หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นอาการนอนไม่หลับเรื้อรังได้ 

โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) มีหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกง่วงมากแต่นอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด นอนหลับตื้นแล้วตื่นกลางดึกบ่อยๆ หรือใช้เวลานานกว่าจะข่มตาหลับ หากรู้สึกว่าอาการเหล่านี้รบกวนคุณภาพของการนอน ก็เป็นไปได้ว่ามีความผิดปกติในวงจรการหลับ โดยแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้

นอนหลับยาก - ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะหลับ
หลับไม่ทน - ตื่นกลางดึกแล้วไม่สามารถนอนหลับต่อได้
หลับๆ ตื่นๆ - เคลิ้มๆ หลับเป็นพักๆ รู้สึกเหมือนไม่ได้นอนหลับเลยตลอดคืน

สาเหตุของการนอนไม่หลับ มีอะไรบ้าง?
ปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับในเวลากลางคืนมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งหากนอนไม่หลับติดต่อกันบ่อยๆ ก็จะทำให้รู้สึกอ่อนล้า เพลีย ไม่มีสมาธิ ความจำไม่ดี ส่งผลให้สมองไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการทำงานของร่างกาย อาจทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุระหว่างวันได้ สำหรับสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับ เกิดจากปัจจัยต่อไปนี้

ปัจจัยทางร่างกาย : มีไข้ มีอาการเจ็บป่วย เจ็บปวดบริเวณต่างๆ ของร่างกาย จนทำให้นอนหลับยาก
ปัจจัยทางจิตใจ : ความวิตกกังวล ความเครียด โรคไบโพลาร์ โรคซึมเศร้า ฯลฯ
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม : ห้องมีแสงสว่างมากเกินไป มีเสียงดังรบกวนการนอน ดื่มเครื่องดื่มกาเฟอีน เล่นเกมและเล่นมือถือก่อนนอน กินอาหารที่ย่อยยาก ออกกำลังกายหนักก่อนนอน เป็นต้น

วิธีแก้อาการนอนไม่หลับ ฝึกนิสัยการนอนใหม่ตั้งแต่วันนี้
นอนไม่หลับทำไงดี? หากเข้านอนแล้ว แต่หลังจากผ่านไป 30 นาที ก็ยังไม่สามารถข่มตาหลับได้ ให้ลุกขึ้นไปหากิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน เช่น ฟังเพลงสบายๆ อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่กระตุ้นความเครียดและความรู้สึกตื่นตัว เพราะจะทำให้นอนหลับยากกว่าเดิม และที่สำคัญควรปรับนิสัยการนอนเสียใหม่ เพื่อทำให้การนอนหลับพักผ่อนในแต่ละคืนมีคุณภาพมากขึ้น เช่น

ไม่ควรนอนกลางวันนานเกินไป หากต้องการงีบพักผ่อนก็ให้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ไม่ควรนอนกลางวันหลังเวลา 15.00 น. เป็นต้นไป เพราะจะทำให้นอนหลับยากในกลางคืน
ในวันหยุดก็ควรเข้านอนและตื่นนอนเวลาเดิมอยู่เสมอ 
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนในช่วงเย็น ช่วงหัวค่ำ และก่อนนอน
จัดห้องนอนให้มืดสนิท บรรยากาศเงียบไม่มีเสียงรบกวน
ฝึกเล่นโยคะ นั่งสมาธิ และผ่อนลมหายใจเข้า-ออก จะช่วยให้หลับง่ายขึ้น
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนนอน
ปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อไม่ให้เสียงแจ้งเตือนรบกวนการนอน

เครื่องดื่มช่วยให้นอนหลับ มีอะไรบ้าง?
นอนไม่หลับ ควรกินอะไรดี? หลายคนอาจจะเคยลองมาทุกวิธีแล้ว แต่ก็ยังนอนไม่หลับเหมือนเดิม ก็สามารถหันมาแก้ปัญหาด้วยการ "กิน" ได้เช่นกัน บางคนอาจรู้สึกหิวกลางดึกจนนอนไม่หลับ แต่ก็ไม่อยากลุกขึ้นมากินข้าวมื้อดึก ก็ให้เปลี่ยนมากินกล้วยสุก 1 ผล หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย เพื่อให้กลับไปนอนหลับสบายมากขึ้น

นอกจากนี้ ก็ยังมีอาหารอื่นๆ ที่หากกินก่อนนอน จะช่วยให้นอนหลับง่าย และส่งผลดีต่อระบบการย่อยอาหารอีกด้วย เช่น ชาคาโมมายล์  น้ำผึ้ง ซีเรียล ธัญพืช รวมถึงถั่วและอัลมอนด์ ซึ่งช่วยลดความเครียด ทำให้รู้สึกนอนหลับง่ายขึ้นนั่นเอง


อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการนอนไม่หลับของแต่ละคนมีวิธีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้รู้สึกนอนไม่หลับ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนนิสัยการนอนเสียใหม่ แต่หากโรคนอนไม่หลับรบกวนจิตใจ หรือส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ก็อาจจะต้องไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ที่มา : โรงพยาบาลเปาโล, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
#10135
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#10136



สาย Electro POP ห้ามพลาด! การผนึกกำลังของ "Dallas K" โปรดิวเซอร์มือทอง และซูเปอร์สตาร์สายอินดี้ป็อปคนสนิท "Lauv" กับเพลงใหม่ฟังเพลิน "Try Again"

"Dallas K" ศิลปิน โปรดิวเซอร์ และนักแต่งเพลง เจ้าของเพลง EDM POP อย่าง "All My Life", "Self Control", "I Know" และ "Sometimes" อีกทั้งเขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำเพลงดังของศิลปินระดับโลกหลายคน เช่น BTS, Tiësto, Fifth Harmony, Chromeo และ KSHMR ล่าสุด "Dallas K" ได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับเพื่อนศิลปินอินดี้ป็อประดับซูเปอร์สตาร์ "Lauv" กับซิงเกิลใหม่แนว Electronic POP ฟังสบาย อย่าง "Try Again" ซึ่งถือว่าเป็นซิงเกิลแรกของ Lauv ในปีนี้



"Try Again" เป็นเพลงที่ "Dallas K" ทำขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจกับ "Lauv" ตั้งแต่เมื่อปี 2016 ในช่วงที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน และร่วมเขียนเพลงดัง "Breathe" แต่หลังจากซิงเกิล "Breathe" ถูกปล่อยได้ไม่กี่เดือน "Lauv" ก็ได้กลายเป็นศิลปินป็อปชื่อดังไปในชั่วข้ามคืน ทำให้เพลง "Try Again" ที่พวกเขาได้ร่วมกันทำถูกพับเก็บไปถัดมาในปี 2020 "Dallas K" ยังคงได้ร่วมทำ และร่วมเขียนเพลง "Sad Forever" ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม "~how i'm feeling~" ของ "Lauv" อีกครั้ง

นอกจากนี้ ใน "Without You EP" ของ "Lauv" ที่ถูกปล่อยมาเมื่อปี 2020 ก็ได้ความร่วมมือจาก "Dallas K" อีกเช่นกันเนื่องด้วย "Try Again" เป็นเพลงแนวแดนซ์เพลงแรกที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตัวเองของทั้ง "Dallas K" และ "Lauv" เข้าด้วยกัน พวกเขาจึงรักเพลงนี้มาก ๆ ด้วยเหตุนี้ ระหว่างช่วงกักตัวเมื่อปีที่แล้ว "Dallas K" จึงได้ชวน "Lauv" มาอัดเพลง "Try Again" ใหม่อีกรอบ และปรับให้เพลงเน้นการเต้นมากขึ้น



"Lauv" ได้กล่าวว่า "Dallas K และผมได้ทำเพลงนี้ขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว พวกเราได้กลับมาทำร่วมกันอีกในช่วงกักตัวและตอนนี้เราก็พร้อมที่จะปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้รับฟังกันแล้ว" เชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงสนุกที่จะชวนทุกคนมาเต้น บรรเทาความเครียดในช่วงนี้ได้แน่นอน"Try Again" เป็นเพลงที่ "Dallas K" ทำขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจกับ "Lauv" ตั้งแต่เมื่อปี 2016 ในช่วงที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน และร่วมเขียนเพลงดัง "Breathe" แต่หลังจากซิงเกิล "Breathe" ถูกปล่อยได้ไม่กี่เดือน "Lauv" ก็ได้กลายเป็นศิลปินป็อปชื่อดังไปในชั่วข้ามคืน ทำให้เพลง "Try Again" ที่พวกเขาได้ร่วมกันทำถูกพับเก็บไป

ถัดมาในปี 2020 "Dallas K" ยังคงได้ร่วมทำ และร่วมเขียนเพลง "Sad Forever" ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม "~how i'm feeling~" ของ "Lauv" อีกครั้ง นอกจากนี้ ใน "Without You EP" ของ "Lauv" ที่ถูกปล่อยมาเมื่อปี 2020 ก็ได้ความร่วมมือจาก "Dallas K" อีกเช่นกัน เนื่องด้วย "Try Again" เป็นเพลงแนวแดนซ์เพลงแรกที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตัวเองของทั้ง "Dallas K" และ "Lauv" เข้าด้วยกัน พวกเขาจึงรักเพลงนี้มาก ๆ ด้วยเหตุนี้ ระหว่างช่วงกักตัวเมื่อปีที่แล้ว "Dallas K" จึงได้ชวน "Lauv" มาอัดเพลง "Try Again" ใหม่อีกรอบ และปรับให้เพลงเน้นการเต้นมากขึ้น

"Lauv" ได้กล่าวว่า "Dallas K และผมได้ทำเพลงนี้ขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว พวกเราได้กลับมาทำร่วมกันอีกในช่วงกักตัวและตอนนี้เราก็พร้อมที่จะปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้รับฟังกันแล้ว" เชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงสนุกที่จะชวนทุกคนมาเต้น บรรเทาความเครียดในช่วงนี้ได้แน่นอน

สามารถฟัง "Try Again" ได้ที่ : https:// umusicth.lnk.to/TryAgainPR
#10137



ซัมซุงแนะนำ Galaxy Tab S7 FE แท็บเล็ตรุ่นใหม่ ที่รวมฟีเจอร์สุดโปรดของเหล่าแฟนๆ จากแท็บเล็ตรุ่นแฟลกชิปไว้ในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ปากกา S Pen ในกล่อง "ไม่ต้องซื้อเพิ่ม" และ "ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรีให้เสียเวลา"


S Pen เพื่อชีวิต Multi-Tasking
S Pen เพิ่มความสะดวกในการเรียนออนไลน์ ทำโปรเจค เอกสาร ด้วยฟีเจอร์ Samsung Notes ที่ช่วยเปลี่ยนการจดด้วยลายมือให้กลายเป็นข้อความตัวพิมพ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษแบบเรียลไทม์

ทั้งนี้ สามารถจัดระเบียบบันทึกต่างๆ ด้วยแท็กอัตโนมัติ และการค้นหาอัจฉริยะเพื่อการใช้งานโน้ตที่ต้องการได้ทันที รวมถึงฟีเจอร์ Multi-Active Window เพื่อการใช้งานหลายหน้าต่างพร้อมกัน และฟีเจอร์ Multi instance เพื่อจับคู่แอพพลิเคชั่นและสร้าง Shortcut ให้สามารถทำงานพร้อมกันได้ถึงสามแอพพลิเคชั่นในหน้าจอเดียว ไม่ว่าจะท่องอินเทอร์เน็ต จดโน้ต หรือแม้แต่การรับชมวีดิโอสตรีมมิ่งในเวลาเดียวกัน

พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปอีกขั้น ด้วยการเปลี่ยนให้ Galaxy Tab S7 FE เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนตัวผ่าน Samsung DeX ที่ทำงานร่วมกับ Tab S7 FE Keyboard Coverทำให้การทำงานง่ายยิ่งขึ้น พร้อมการแชร์ไฟล์ผ่าน Quick Share ตลอดจนการคัดลอกและวางข้อความหรือรูปภาพจากสมาร์ทโฟนตระกูลกาแลคซี่สู่ Galaxy Tab S7 FE

เต็มที่ทั้งเรื่อง เล่น เรียน ทำงาน

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าตำแหน่งตรงกลางจอความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และระบบเสียงอันคมชัดจาก Dolby Atmos พร้อมไมโครโฟนสามตำแหน่ง ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้เหมาะกับการ VDO Conference เพื่อการเรียนหรือทำงานออนไลน์

รุ่นนี้ยังโดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว พร้อมขอบจอบางเฉียบให้ภาพที่ละเอียดคมชัดเต็มตา พร้อมใช้งานได้ยาวนานตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ขนาด 10,090 mAh ที่ให้ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอได้ต่อเนื่องถึง 13 ชั่วโมงรวมถึงการรองรับระบบ Super-Fast Charging สูงสุด 45W

ด้วย Galaxy Ecosystem เมื่อใช้งานผ่านหูฟัง Galaxy Buds Pro ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจากซัมซุงได้ง่ายดายและลื่นไหลยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการตั้งค่าใดๆ โดยมีฟีเจอร์ Auto Switch ทำหน้าที่ช่วยหยุดวีดิโอชั่วคราว แล้วสลับไปรับสายโทรศัพท์ผ่าน Galaxy Buds Pro ให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อวางสาย ก็จะสลับกลับมาเล่นวีดิโอบนแท็บเล็ตได้อย่างต่อเนื่อง


-ใช้งาน Clip Studio Paint แอพพลิเคชั่นวาดภาพระดับโปร ฟรี 6 เดือน
-ใช้งาน Canva Pro แอพพลิเคชั่นออกแบบงานกราฟฟิกและสื่อต่างๆ ฟรี 30 วัน
-ใช้งาน Noteshelf แอพพลิเคชั่นเพิ่มประสิทธิภาพการจดโน้ต ฟรี
-รับสิทธิ์ YouTube Premium ดูวีดิโอแบบไม่มีโฆษณาคั่น ฟรี 4 เดือน
-รับสิทธิ์ Galaxy Butler Silver บริการช่วยเหลือหลังการขายแบบพิเศษสำหรับอุปกรณ์กาแลคซี่ อาทิ ฟรีบริการเครื่องสำรองหลังซ่อม ผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง ฯลฯ


Galaxy Tab S7 FE มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ประกอบด้วย Mystic Green, Mystic Pink, Mystic Silver, และ Mystic Black โดย Galaxy Tab S7 FE LTE วางจำหน่ายใน ราคา 19,990 บาท
#10138



โดย นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ, Certifi cate of cellular and molecular Immunology มีประเด็นฮอตเมื่อเร็วๆนี้ จากการที่ Anthony Fauci แพทย์ใหญ่ผู้มีอิทธิพลสูงของอเมริกา ซึ่งเคยยืนยันว่า โควิดเกิดจากพัฒนาการของไวรัสในค้างคาวตามธรรมชาติและกระโดดข้ามสายพันธุ์มาติดมนุษย์ได้ ไม่ได้เกิดจากการรั่วไหลออกมาจากห้องแล็บ (lab leak theory) แต่ตอนนี้เปลี่ยนความคิดแบบ 180 องศา ออกมาพูดว่าเราควรจะตรวจสอบเรื่องนี้จากจีนอย่างจริงจังจนได้คำตอบที่ชัดเจนมหากาพย์เรื่องนี้เป็นมายังไง?

หลังจากเริ่มมีการระบาดของโควิดเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2019 ทางการจีนได้ออกมารายงานว่า เป็นการติดจากตลาดขายสัตว์ป่าในอู่ฮั่น มีการสืบค้นทางพันธุกรรมของไวรัสต่อไปว่ามันเป็นไวรัสจากค้างคาวไปสู่คนโดยผ่านทางตัวลิ่นและคนไปกินสัตว์ป่าพวกนี้ โดยอาจจะติดจากขั้นตอนการปรุงอาหารหรือจากการกินแต่มันบังเอิญไปไหมที่อู่ฮั่นเป็นที่ตั้งของ Wuhan institute of virology ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยทางไวรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกโดยเฉพาะเกี่ยวกับโคโรนาไวรัส นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในด้านนี้ก็คือ


Dr.Shi Zheng–li ในวงการตั้งฉายาว่า Bat lady มีตัวอย่างโคโรนาไวรัสจากค้างคาวมากมายที่เธอเดินทางไปเก็บตามถ้ำแถวตอนใต้ของจีน และทำวิจัยด้านโคโรนาไวรัสมาแทบตลอดชีวิต

Dr.Shi มีผลงานร่วมกับ Dr.Ralph S. Baric ผู้เชี่ยวชาญด้านโคโรนาไวรัสแห่งมหาวิทยาลัย North Carolina โดยค้นคว้าวิจัยความสามารถของไวรัสจากค้างคาวที่จะนำโรคมาสู่คน Dr.Baric ได้ถ่ายทอดความรู้ในการตัดต่อพันธุกรรมของโคโรนาไวรัส ทำให้สามารถไปติดเชื้อในสัตว์สปีชีส์อื่นๆ ให้แก่ Dr.Shi โดยทำการทดลองในหนูตัดต่อพันธุกรรมให้มีการแสดงออกของตัวรับ ACE2 receptor ของมนุษย์

เมื่อ Dr.Shi กลับมายังอู่ฮั่นก็ได้พัฒนางานวิจัยนี้ต่อโดยใช้เซลล์จากมนุษย์แทนหนู (มีหลักฐานของงานวิจัยนี้ที่ NIH เพราะได้ทุนจาก NIAID ผู้ลงนามรับรองคือ Dr.Daszak แห่ง EcoHealth Alliance)

เมื่อ พ.ย.2015 ทีมวิจัยนี้สามารถสร้างไวรัสชนิดใหม่โดยนำโครงสร้างหลักจากไวรัสซาร์ส SARS1 virus แล้วเสียบด้วย spike protein จากไวรัสค้างคาวชนิด SHC014–CoV พบว่าไวรัสตัดต่อพันธุกรรมนี้สามารถที่จะติดเชื้อได้ในเซลล์จากทางเดินหายใจของมนุษย์ สายพันธุ์ไวรัสตัดต่อพันธุกรรมใหม่นี้ชื่อว่า SHC014–CoV/SARS1 เป็นลูกผสม (chimera) ที่เกิดจากพันธุกรรมของไวรัส 2 สายพันธุ์

9 ธ.ค.2019 ก่อนการระบาดของโควิดไวรัส Dr.Daszak ได้ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้นักวิจัยของสถาบันไวรัสวิทยาในอู่ฮั่นสามารถตัดต่อโปรตีนส่วน spike (S) protein และสร้างไวรัสโคโรนาลูกผสมที่สามารถติดเชื้อในหนูที่ตัดต่อพันธุกรรมของมนุษย์ และกล่าวในบทสัมภาษณ์ว่าใน หนูทดลองเหล่านี้จะป่วยเป็นโรค SARS ที่ไม่สามารถรักษาด้วย monoclonal antibody และไม่สามารถป้องกันด้วยวัคซีน


ผู้สัมภาษณ์ถามไปว่า "อ้าวในเมื่อรักษาไม่ได้ ฉีดวัคซีนป้องกันก็ไม่ได้ แล้วจะทำไงต่อ" (คงชักกลัว) Dr.Daszak ตอบ "ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างสามารถควบคุมได้ไม่ยากในห้องแล็บ และงานวิจัยแบบนี้มีคุณค่ามากกว่าเยอะเพื่อจะลงลึกถึง spike protein ที่นำมาใช้สร้างวัคซีนในอนาคต"

ประเด็นหนึ่งที่อาจเป็นตัวต่อที่สำคัญของจิ๊กซอว์ปริศนาที่มาของโควิดไวรัส ก็คือ spike protein ที่มันใช้ในการจับและเข้าเซลล์มนุษย์ spike protein ของไวรัสจะมีอยู่ 2 หน่วยย่อยที่มีหน้าที่ต่างกัน คือ S1 ทำหน้าที่จับกับเป้าหมายของไวรัส คือ ACE2 บนผิวเซลล์ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ และ S2 ทำหน้าที่เชื่อมกับผนังเซลล์และช่วยให้ไวรัสสามารถเข้าเซลล์ได้

ไวรัสจะสามารถเข้าเซลล์ได้ก็ต้องตัดส่วน S1 และ S2 ออกจากกันก่อน ตำแหน่งที่ตัดนี้เรียกว่า furin cleavage site อยู่ตรง S1/S2 junction โดย furin ที่ใช้ตัดนี้เป็น protease enzyme อยู่ที่ผิวเซลล์ของคนเรา มันจะตัด amino acid sequence ที่เป็น proline-arginine-arginine-alanine-arginine (PRRAR) ซึ่ง sequence นี้อยู่บน furin cleavage site ของโควิดไวรัส ซึ่งเป็นตำแหน่งเล็กๆของไวรัสแต่มีบทบาทสูงต่อความสามารถในการติดเชื้อ

ปริศนาคือ มีแค่เจ้าโควิด SARS2 หรือ SARS-CoV-2 นี้เท่านั้นที่มี furin cleavage site (FCS) อยู่ตรง S1/S2 junction แถมยังเป็น loop ที่ยาวทำให้ furin protease มาตัดได้ง่าย ในขณะที่ SARS-related .a-coronavirus ส่วนใหญ่จะตัด S2 subunit ที่ตำแหน่งต่างออกไป

ดังนั้น จึงเกิดคำถามว่า FCS ตรงตำแหน่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (ซึ่งก็เป็นไปได้) หรือว่าจงใจทำให้เกิดขึ้นเพื่อการทดลองที่เรียกว่า gain–of–function experiment ที่ทำให้ไวรัสเก่งขึ้น ขอสรุปคร่าวๆเลยนะครับว่าเมื่อพิจารณาถึงประเด็นจากธรรมชาติแล้วพบว่ามีโอกาสเป็นไปได้น้อยมากทั้งจาก mutation และ recombination (ก็สมาชิกใกล้เคียงของตระกูลนี้ไม่มีใครเป็นแบบนี้เลย) ดังนั้น ก็มาถึงประเด็นที่สองคือผลิตขึ้นในห้องทดลอง (gain-of-function experiment)

gain-of-function experiment คือการทดลองเกี่ยวกับเชื้อโรคที่มีจุดมุ่งหมายในการชักนำให้เกิดการกลายพันธุ์เพื่อเพิ่มความสามารถในการติดเชื้อและการทำให้เกิดโรค รวมถึงการขยายศักยภาพของเชื้อให้สามารถติดเชื้อได้ในสปีชีส์อื่น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรับมือกับโรคติดเชื้อใหม่ๆ เพื่อพัฒนาวัคซีนและการรักษาโรคติดเชื้อ


Dr.Steven Quay ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชำนาญสาขานี้ให้สัมภาษณ์ว่า การเพิ่มหรือ insert furincleavage site ให้กับไวรัสทำได้ไม่ยากในห้อง lab โดยมีอย่างน้อย 11 วิธีที่ทำได้และตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ ซึ่งงานวิจัยของ Dr.Shi Zheng–li (bat lady) ก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ก็เป็นข้อมูลนึงที่มาสนับสนุนแนวคิด man–made นะครับ เพราะคนค้านแย้งว่าก็ยังเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสเกิด FCS แบบนี้โดยธรรมชาติ

หลังโควิดระบาด Dr.Daszak ออกแถลงการณ์เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2020 โดยปฏิเสธว่าไม่ใช่ไวรัสที่หลุดออกมาจากห้อง lab แน่นอน แต่เป็นไวรัสที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและพัฒนาเป็นโควิด โดยอ้างประสบการณ์และความช่ำชองร่วม 20 ปีในวงการนี้ รวมถึงตัว bat lady เองเมื่อสื่อจีน South China Morning Post ไปสัมภาษณ์ว่ามีคนอ้างว่าสถาบันไวรัสอู่ฮั่นเป็นสาเหตุของการระบาด

เธอกล่าวว่า "I swear with my life, the virus has nothing to do with my lab." และเมื่อนักข่าวขอความเห็นเกี่ยวกับการระบาด ก็ได้รับคำตอบว่า "My time must be spent on more important matters."


คำถามที่โลกต้องการคำตอบ คือ Covid-19 มีต้นกำเนิดมาจาก SHC014-CoV/SARS1 ไวรัสลูกผสมที่ผลิตขึ้นในห้องทดลองหรือไม่? และการทดลองเกือบทั้งหมดของ Dr.Shi เกี่ยวกับโคโรนาไวรัสทำในห้อง biosafety level 2 (BSL-2) ซึ่งเสี่ยงเกินไปในการทดลองไวรัสร้ายแรงประเภทนี้และอาจมีเชื้อหลุดออกมาจากแล็บ (ไม่ว่าจะจากอุบัติเหตุ หรือจงใจ)

เรายังต้องติดตามกันต่อไปว่าจะไขปริศนาของเรื่องนี้ได้ไหม จริงอยู่เราอาจจะเลยจุดนั้นมาแล้วเพราะตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น...เหมือนไฟกำลังไหม้บ้านต้องรีบดับไฟก่อนแล้วค่อยไปหาว่าต้นเพลิงมาจากไหน แต่ยังไงก็ตามถ้าเราสามารถรู้ถึงต้นตอของมันได้ก็อาจจะช่วยในการป้องกันหายนะแบบนี้ในอนาคต.

หมอดื้อ https:// www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2131712
#10139
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812