• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chanapot

#10006


นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลายส่งผลให้ผู้บริโภคยังมีความไม่มั่นใจในการซื้อที่อยู่อาศัยเท่าที่ควร แต่บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการในไตรมาส3 เพิ่มอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโต โดยยังคงเปิดตัวโครงการที่วางแผนไว้ว่าทั้งปีจะเปิดโครงการแนวราบจำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท ทั้งในรูปแบบของทาวน์เฮ้าส์, บ้านแฝด, บ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-5 ล้านบาทเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค

โดยขยายทำเลเพิ่มครอบคลุมพื้นที่ 4 ทำเลศักยภาพ ทั้งโซนเหนือ , โซนตะวันตก,โซนใต้ และโซนตะวันออก ของกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเพิ่มกำลังการผลิตบ้านด้วยระบบเทคโนโลยีการก่อสร้างทันสมัย เพื่อลดต้นทุน ลดระยะเวลาในการก่อสร้างเร็วขึ้น ขณะเดียวกันมีการควบคุมเข้มเรื่องการบริหารต้นทุนในองค์กร มีระบบบริการดูแลลูกค้าให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมนำเสนอนวัตกรรมสมาร์ท อีโคและสมาร์ท แคร์

สำหรับผลการดำเนินงานของครึ่งปีแรกปี 2564 มีรายได้จากการขาย 1,401.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 6 เดือนแรกของ ปี 2563 ซึ่งมีรายได้จากการขาย 849.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 552.57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65.08% บริษัทมีรายได้รวม 522.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.99 ล้านบาท ในไตรมาส2/2564
#10007
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#10009


2 ปีที่ทั้งโลกและ "ประเทศไทย" ต้องฝ่าวิกฤติครั้งใหญ่  จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตผู้คน ต้องหยุดเชื้อเพื่อชาติ เศรษฐกิจ ธุรกิจชะงักงัน จากการร่วมมือหยุดการแพร่ระบาดไวรัส รวมถึงมาตรการรัฐสั่ง "ล็อกดาวน์" พื้นที่ต่างๆ ทำให้กิจกรรมการค้าต้องแน่นิ่งไปไม่น้อย 

ทั้งนี้ การคาดหวังผลประกอบการของแต่ละบริษัทใหอยู่ในภาวะขาขึ้นหรือเป็นบวก "เติบโต" ไม่ใช่เรื่อง่าย ท่ามกลางสถานการณ์เปราะบางทั้งเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภค แต่ผู้ประกอบการต้องงัดทุกยุทธวิธี เพื่อใหธุรกิจอยู่รอด หากผ่านด่านหรือบททดสอบยากๆได้ ย่อมส่งผลดีต่อองค์กร ภาพรวมเศรษฐกิจ 

หนึ่งในอาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยอย่าง "บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน" ของ "เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี" มักถูกจับตาเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร ยอดขาย รายได้ กำไรของบริษัทออกมา "เติบโต-ติดลบ" ล่าสุด ไทยเบฟฯ รายงานผลประกอบการ 9 เดือน(ต.ค.63-มิ.ย.64) ต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ บริษัทสร้างยอดขายรวม 192,120 ล้านบาท เติบโตล็กน้อย 1.1% และมีกำไรก่อนหักภาษี(EBITDA) 36,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5% โดยไม่เผย "กำไรสุทธิ"


หากย้อนดูผลประกอบการ "ครึ่งปีแรก" บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 137,092 ล้านบาท หดตัว 4.3% โกยกำไรสุทธิ 16,076 ล้านบาท เติบโต 7.6%

เมื่อแยกผลประกอบการเป็นรายกลุ่ม โปรดักท์แชมป์เปี้ยนตลอดกาลที่ทำรายได้สูง และทำ "กำไร" เป็นกอบเป็นกำ เพิ่มความมั่งคั่งให้กับ "ราชันย์น้ำเมา" ยังคงเป็น "กลุ่มสุรา" โดย 9 เดือน ทำรายได้จากการขายรวม 91,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% ด้านยอดขายเชิงปริมาณเติบโตไม่แพ้กันที่ 4.2% ภายใต้ข้อจำกัดการค้าขายที่ช่องทาง On-Premise หรือผับ บาร์ ร้านอาหาร สถานบันเทิงในประเทศไทยถูกปิดให้บริการนานแรมปี แต่การปรับตัว มีความยืดหยุ่น สินค้าในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายผ่่านช่องทางห้างร้านต่างๆหรือ Off-Premise ตอบโจทย์การบริโภคในบ้านได้ 

ธุรกิจสุราในไทยสร้างผลงานโดดเด่น แต่ตลาดใน "เมียนมา" ทรงตัว แต่แบรนด์และส่วนแบ่งทางการตลาดของ "วิสกี้" ยังแข็งแกร่ง ทำให้ภาพรวมกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่  23,605 ล้านบาท พิ่มขึ้น 9.5% 

"กลุ่มเบียร์" ทั้งตลาดในประเทศไทยและเวียดนาม ต่างได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทำให้ยอดขายรวมอยู่ที่ 80,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% แต่ยอดขายเชิงปริมาณ "ลดลง 1.1%" หากเทียบตลาดเบียร์โดยรวม "ติดลบ" มากกว่านี้ จึงสะท้อนว่า "ไทยเบฟ" ฝ่าวิกฤติได้ดีไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ลงลึกรายละเอียดยอดขาย เกิดจาก "SABECO" หรือไซ่ง่อน เบียร์ แอลกอฮอล์ เบฟเวอเรจ คอร์เปอเรชั่นเป็นปัจจัยที่ "ฉุด" ตัวเลขให้ดิ่งลงนั่นเอง ด้านกำไรก่อนหักภาษีธุรกิจเบียร์อยู่ที่ 10,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% โดยบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ปรับแผนการขายให้เข้ากับสถานการณ์


ส่วน "กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์" ยอดขายรวม 11,688 ล้านบาท ลดลง 6.4%โดยยอดขายเชิงปริมาณลดลง 8.6% ทำให้บริษัทต้องบริหารจัดการต้นทุนอย่างระมัดระวัง ลดค่าใช้จ่าย ทั้งด้านสื่อสารการตลาดด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ สำหรับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในพอร์ตโฟลิโอของไทยเบฟมีมากมาย เช่น น้ำดื่มคริสตัล, น้ำอัดลมเอส, ชาเขียวพร้อมดืื่มโออิชิ, เครื่องดื่มชูกำลังเรนเจอร์ เป็นตน 

ขณะที่ "กลุ่มอาหาร" ยอดขายรวม  8,649 ล้านบาท ลดลง 12.9% ผลพวงเกิดจากมาตรการรัฐห้ามเปิดบริการนั่งรับประทานในร้าน ดังนั้น ภารกิจควบคุม บริหารจัดการต้นทุนจึงต้องทำต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มผลิตผล(Productivity)การทำงานของพนักงาน และที่ขาดไม่ได้คือการปรับตัวของธุรกิจ หันมารุกการซื้อกลับบ้าน(Take Away) ส่งอาหารเดลิเวอรี่มากขึ้น โดยร้านอาหารขึ้นชื่อมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ชาบูชิ, โออิชิ อีทเทอเรียม, เคเอฟซี, โออิชิ ราเมน เป็นต้น 

ทั้งนี้ การปรับตัวของธุรกิจร้านอาหารโออิชิ ล่าสุด ส่งมากรบ  "รถจำหน่ายอาหารเคลื่อนที่  โออิชิ ฟู้ด ทรัค" เสิร์ฟเมนูอร่อยให้ผู้บริโภคซื้อกลับบ้านและจัดส่งหรือเดลิเวอรี่ โดยอาหารจานโปรดง่ายๆ มาครบครันย้ำต้นตำรับอาหารญี่ปุ่น ราคาย่อมเยา เช่น เมนูกลุ่มเบนโตะ (ข้าวกล่องญี่ปุ่น) : ยากิโทริ เทอริยากิ เบนโตะ เซ็ต, บูตะ สตะมินะ เบนโตะ เซ็ต, และ แซลมอน เบนโตะ เซ็ต เมนูกลุ่มดงบุริ (ข้าวหน้าญี่ปุ่น) : ข้าวหน้าหมูเกาหลี, ข้าวหน้าไก่ย่างซีอิ๊ว, และ ข่าวหน้าปลากซาบะ ไปจนถึง เมนูกลุ่มอาหารว่างและของทานเล่น ราคาเริ่มต้น 69 บาท (สำหรับเมนู เกี๊ยวซ่าทอด) เป็นต้น

สำหรับโมเดล โออิชิ ฟู้ด ทรัค ไม่เพียงเป็นการปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หรือหวังสร้างสีสันในการทำตลาดเท่านั้น แต่จะชูเป็นกลยุทธ์หลักในการขยายสาขาและพื้นที่ให้บริการ ในเวลาที่ร้านอาหารญี่ปุ่น โออิชิ ไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ เพื่อสร้างโอกาสในช่วงล็อกดาวน์นั่นเอง 
#10010
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#10011


วิกฤตโควิด-19 เป็นเรื่องรอไม่ได้ ทำให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หาช่องออกข้อบังคับนำเข้าวัคซีนทางเลือก "โนวาแวกซ์" ต้านเชื้อกลายพันธุ์ ตามรอยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่นำเข้า "ซิโนฟาร์ม" มาก่อนหน้า ขณะที่การพัฒนาวัคซีนฝีมือคนไทย "จุฬาคอฟ19" ผลทดสอบในอาสาสมัครระยะที่ 1 พบกระตุ้นภูมิสูงเทียบเท่าไฟเซอร์ ยังมีไบโอเทคเริ่มขยับทดสอบวัคซีนโควิดชนิดพ่นจมูกในมนุษย์ 

ทั้งความสับสนอลหม่าน ทั้งซีนดรามาน้ำตารินที่เกิดขึ้นในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางการจัดหาวัคซีนที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของบุคลากรด่านหน้าและประชาชนทั้งประเทศ เป็นแรงผลักดันให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีโรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วย หาช่องผ่าทางตันในการจัดหาวัคซีนของภาครัฐ โดยมองข้ามชอตไปข้างหน้าที่ประเทศไทยต้องมีวัคซีนรุ่นสองรับมือกับเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ รวมทั้งการจัดหาชุดตรวจเชื้อและยารักษาตัวใหม่ๆ ด้วย

จังหวะก้าวของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นการเดินตามรอยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งก่อนนี้ได้ออกประกาศราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ว่าด้วยการให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุข ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ ในการนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาแล้ว
คราวนี้ก็เช่นกัน สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2564 เป็นต้น ความว่า มธ. มีโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติและคณะวิชาทางวิทยาศาสตร์สุขภาพจำนวนมาก ซึ่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงในการให้บริการแก่สังคมในเรื่องการป้องกัน การแก้ไขปัญหาและการรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ดังนั้น สภามหาวิทยาลัยฯ จึงกำหนดให้หน่วยงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สามารถเสนอต่ออธิการบดีให้สามารถจัดหา ผลิต จำหน่าย นำเข้า หรือขออนุญาตและออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียนยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งอื่นที่จำเป็นหรือเกี่ยวข้อง ทั้งที่ดำเนินการในประเทศและกับต่างประเทศได้

 ถือเป็นการคลายล็อกเปิดทางให้มีการนำเข้าวัคซีน เวชภัณฑ์และยา ได้โดยไม่ถูกมัดมือมัดเท้าอีกต่อไป เพราะอย่างที่รู้กันว่าในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ รวมทั้งโรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้นนั้นมีเรื่องราวดรามาผ่านหน้าเพจไม่ว่างเว้น ทั้งบรรยากาศการทำงานที่แสนจะหนักหน่วง ระบบการรองรับผู้ป่วยใกล้ล่มสลายขาดทั้งเตียงทั้งห้องไอซียู อีกทั้งวัคซีนเข็ม 3 ที่ขอเพื่อฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้าก็ได้มาไม่เพียงพอ จนกระทั่งกระทรวงสาธารณสุข ต้องรีบจัดสรรให้เพิ่ม ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ที่ มธ. เผชิญอยู่จะคลี่คลายลงเมื่อมีการปลดล็อก รวมถึงยังสามารถแสวงหาพันธมิตรร่วมมือช่วยเหลือประชาชนคนติดเชื้อได้มากขึ้น แบ่งเบาภาระของรัฐบาลอีกทางหนึ่ง 

ถ้อยแถลงของ รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวถึงการออกประกาศข้างต้นว่าเนื่องจาก ดร.สุรพล นิติไกรพจน์  ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เห็นถึงปัญหาความต้องการวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ในภาวะวิกฤตไม่เพียงกับความต้องการ ทางโรงพยาบาลจึงมีความคิดออกข้อบังคับดังกล่าวขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกในการจัดหา ผลิต จำหน่าย นำเข้า ขออนุญาต และออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียนยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์

 "การออกประกาศมาครั้งนี้จะปลดล็อกสิ่งที่เป็นปัญหาเรื่องวัคซีน รวมทั้งยาต่างๆ...." ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ระบุ พร้อมกับย้ำว่าไม่ได้มีเป้าประสงค์เพื่อแสวงหารายได้หรือผลกำไรใดๆ ทั้งสิ้น 

วัคซีนที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ สนใจนำเข้านั้น รศ.นพ.พฤหัส ระบุว่า จะเป็นวัคซีนที่ไม่ซ้ำซ้อนกับการนำเข้าของหน่วยงานอื่นหรือทำสัญญาสั่งจองไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนฟาร์มของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โมเดอร์นาจากเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน หรือไฟเซอร์ที่รัฐบาลเพิ่งเซ็นสัญญาสั่งซื้อ โดยวัคซีนที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ให้ความสนใจจะเป็นวัคซีนเจนเนอร์ชัน 2 เพื่อเป็นบูสเตอร์โดสให้ประชาชนในรูปแบบวัคซีนทางเลือก โดยตัวอย่างวัคซีนที่จะหารือเพื่อนำเข้าอาจเป็นวัคซีนชนิด mRNA รุ่นที่ 2 หรือโปรตีนซัปยูนิตซึ่งปัจจุบันมียี่ห้อโนวาแวกซ์ ที่ใช้เทคโนโลยีนี้

การนำเข้าวัคซีนเจนเนอเรชัน 2 ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ยังต้องหาผู้ร่วมสนับสนุนเพราะงบประมาณมีจำกัด ทำให้ไม่สามารถนำเข้าวัคซีนในปริมาณมากเป็นหลักล้านโดสได้ มธ.จึงเปิดกว้างหาพันธมิตรร่วมมือกับองค์กรภายนอก ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับเครือข่ายโรงเรียนแพทย์ ราชวิทยาลัย สมาคม รวมถึงเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถนำเข้าได้ในปี 2565

อย่างไรก็ตาม การจัดหาวัคซีนของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาด การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของวัคซีน เงื่อนไขในการจัดหาต้องจัดซื้อผ่านรัฐบาลหรือองค์กรร่วมที่เป็นหน่วยงานรัฐ ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรธรรมศาสตร์จะเข้าไปดำเนินการในส่วนที่ภาคส่วนอื่นทำไม่ได้หรือทำได้ไม่เพียงพอ ส่วนการกระจายวัคซีนอาจยึดแนวทางของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และองค์กรที่ร่วมเป็นพันธมิตรเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

แม้การนำเข้าวัคซีนของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ จะยังไม่มีความชัดเจนเพราะอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม และเจรจาหาพันธมิตร หาช่องทางต่างๆ แต่ภารกิจที่เป็นเป้าหมายแรกในระยะเร่งด่วนนี้ ผอ.โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ระบุว่า จะดำเนินการจัดซื้อชุดตรวจแอนติเจนตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ ATK เพื่อแก้ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของชุดตรวจสำหรับการใช้ในหน่วยงานของ มธ. ที่มีทั้งโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และการจัดบริการรักษาพยาบาลแบบกักตัวที่บ้าน รวมทั้งแก้ปัญหาเรื่องราคาโดยชุดตรวจด้วยตัวเองต้องเป็นราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้ ด้วยราคาประมาณ 45-50 บาท เนื่องจากคุณสมบัติของ ATK ไม่ได้ไวเท่า RT-PCR จึงต้องมีราคาถูกเพื่อใช้ตรวจหลายครั้ง

ส่วนเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ คาดว่าการนำเข้าและเริ่มกระบวนการผลิตเองขององค์การเภสัชกรรมเพียงพอแล้ว ปัจจุบันมีการใช้ทั้งฟ้าทะลายโจร ฟาวิพิราเวียร์ และแอนติบอดี้ค็อกเทลที่รพ.ธรรมศาสตร์ฯ จัดหาผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ในอนาคต มธ.อาจศึกษาค้นคว้าวิจัยหาตัวยาใหม่ๆ ต่อไป

กล่าวสำหรับการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณเพื่อซื้อวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 20 ล้านโดส เป็นเงิน 9,372 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การจัดหาวัคซีนมูลค่า 8,439 ล้านบาทและค่าบริหารจัดการอีก 933 ล้านบาท คาดว่าจะส่งมอบในไตรมาสที่ 4 และรับทราบการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส โดยมอบหมายให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ลงนามกับตัวแทนบริษัทไฟเซอร์ กำหนดส่งมอบช่วงไตรมาส 4 เช่นกัน

ในขณะที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ออกประกาศคลายล็อกหาช่องทางจัดหาวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความหวัง ฟากฝั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กำลังวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ก็มีข่าวคราวความคืบหน้าในทิศทางที่ดีเช่นกัน โดยศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยผลวิจัยวัคซีนต้านโควิด-19 ชนิด mRNA ของจุฬาฯ ที่ชื่อว่า   "จุฬาคอฟ 19"  ที่มีการทดสอบระยะแรกในอาสาสมัคร 36 คน พบว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิดแอนติบอดีได้สูงเทียบได้กับวัคซีน mRNA อย่างไฟเซอร์-ไบออนเทค และสามารถยับยั้งไวรัสกลายพันธุ์ได้ 4 สายพันธุ์

วัคซีนต้านโควิด-19 ชนิด mRNA ของจุฬาฯ ที่ชื่อว่า  "จุฬาคอฟ 19"
วัคซีนต้านโควิด-19 ชนิด mRNA ของจุฬาฯ ที่ชื่อว่า "จุฬาคอฟ 19"

วัคซีนแบบพ่นจมูกที่พัฒนาโดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 
วัคซีนแบบพ่นจมูกที่พัฒนาโดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดแถลงข่าวเรื่องการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 
รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดแถลงข่าวเรื่องการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19

 ศ.นพ. เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.บริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และ รพ.จุฬาลงการณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยความคืบหน้าของการทดสอบระยะแรกในอาสาสมัคร อายุ 18-55 ปี ในเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ว่า วัคซีนจุฬาคอฟ19 กระตุ้นแอนติบอดีได้สูงมากในการยับยั้งเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิม รวมทั้งเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ทั้งอัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่กำลังระบาดในไทยอยู่ขณะนี้
ศ.นพ.เกียรติ ย้ำว่า ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้มีการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ และยังเป็นกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก ซึ่งต้องมีการศึกษาวิจัยในระยะต่อไป โดยการตรวจทดสอบผลประสิทธิภาพของวัคซีนจุฬาคอฟ19 มีการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ 3 ศูนย์วิจัยวัคซีน จุฬาฯ ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

"จุฬาคอฟ19 ตัวเลขอยู่ที่ 94% เท่ากับไฟเซอร์ 94%" ศ.นพ. เกียรติ กล่าว พร้อมเสริมว่า จุดตัดประสิทธิภาพวัคซีน ถ้าตัวใดเกิน 68% แปลว่า "น่าจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้" ศ.นพ. เกียรติ กล่าว และไม่พบว่ามีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ สำหรับการทดสอบนี้ แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับปริมาณโดสไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 10,25 และ 50 มิลลิกรัม

อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบนี้เป็นการนำผลข้างเคียงของวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์และเนเจอร์ ซึ่งเป็นทอป 5 อันดับของโลกมาเทียบเคียง โดยเป็นงานวิจัยคนละชิ้น ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบโดยตรงได้

นอกจากจุฬาฯ จะตรวจสอบผลประสิทธิภาพของวัคซีนในกลุ่มตัวอย่างเองแล้ว ผลประสิทธิภาพของวัคซีน ยังถูกนำไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาของมหาวิทยาลัยมหิดล ด้วย โดย  รศ.พญ.อรุณี ธิติธัญญานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาระดับโมเลกุล ได้ตรวจเชื้อไวรัสที่เพาะเลี้ยงแต่ละสายพันธุ์ เพื่อดูว่าภูมิคุ้มกันในเลือดสามารถจะยับยั้งไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ในหลอดทดลองที่ทำการศึกษาหรือไม่

"เปรียบเทียบเข็ม 1 กับเข็ม 2 ระหว่างจุฬาคอฟ19 กับ ไฟเซอร์ จะเห็นว่า 3 อาทิตย์ หลังฉีดเข็ม 1 ภูมิก็ใกล้เคียงกัน หลังฉีดเข็ม 2 ก็ใกล้เคียงกัน เพราะขนาดตัวอย่างไม่เยอะ ก็คืออยู่ที่ 4,500 ไตเตอร์ สำหรับจุฬาคอฟ และ 1,700 สำหรับไฟเซอร์" ศ.นพ.เกียรติ กล่าว

ส่วนประสิทธิภาพในการยับยั้งข้ามสายพันธุ์ วัคซีนจุฬาคอฟ19 ได้รับการทดสอบโดยห้องปฏิบัติการของ สวทช. ซึ่งทำการตรวจโดยเทคนิค  "สูโดไวรัส" ซึ่งการทดสอบนี้ได้ใช้เกณฑ์เทียบของออกซ์ฟอร์ด วัคซีน กรุ๊ป ซึ่งระบุไว้ว่าระดับประสิทธิภาพของวัคซีนที่น่าจะป้องกันอาการของโรคได้ 80% จะต้องมีค่าภูมิในน้ำเหลืองเกิน 185 ไตเตอร์ นั่นหมายความว่ายิ่งค่าไตเตอร์สูง ภูมิจะยิ่งสูง ซึ่งจากผลวัดระดับไตเตอร์ วัคซีนจุฬาคอฟ19 มีระดับภูมิ เมื่อทดสอบกับไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม 1,285 ไตเตอร์ สายพันธุ์เดลตา 977 ไตเตอร์ สายพันธุ์อัลฟา 964 ไตเตอร์ ขณะที่สายพันธ์ที่ค่าภูมิในน้ำเหลืองต่ำ ได้แก่ เบตา และแกมมา

ผลทดสอบของอาสาสมัครที่กล่าวมาข้างต้น เป็นกลุ่มอายุ 18-55 ปี ขณะนี้อาสาสมัครกลุ่มที่สอง อายุ 56-75 ปี อีก 36 คน ได้รับวัคซีนจุฬาเข็มที่ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม จะเริ่มระยะที่ 2A คือ การฉีดวัคซีนจุฬาคอฟ19 ในอาสาสมัครจำนวนมากขึ้น คือ 150 คน อายุตั้งแต่ 18-75 ปี

อย่างไรก็ตาม สำหรับการขึ้นทะเบียนเป็นวัคซีนเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ต้องรอกติกาที่ชัดเจนจากองค์การอาหารและยา (อย.) ที่จะออกมาภายในเดือนกันยายนนี้ ว่าการขึ้นทะเบียนจะต้องทำวิจัยในระยะ 2 B หรือระยะ 3 อย่างไร ซึ่งจะเป็นเกณฑ์สำหรับวัคซีนไทยที่กำลังพัฒนาอยู่ทั้งหมด 4 ทีม ในขณะนี้ หลังขึ้นทะเบียนแล้ว จุฬาคอฟ-19 มีพันธมิตรยุทธศาสตร์ฝ่ายผลิตคือ บริษัทไบโอเนทเอเชีย ซึ่งมีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นหลัก ผลิตวัคซีนมากว่า 10 ปี เชี่ยวชาญทั้ง mRNA วัคซีน และโปรตีนวัคซีน

ศูนย์วิจัยวัคซีน จุฬาฯ ตั้งเป้าการวิจัยและผลิตวัคซีน จุฬาคอฟ - 19 ในการเป็นวัคซีนเข็มสาม หรือเข็มกระตุ้นภูมิสำหรับคนไทย ซึ่งคาดว่าจะเป็นจริงในช่วงปลายไตรมาสแรกของปี 2565

อีกหนึ่งความหวังของคนไทย คือ  "วัคซีนใบยา"  ความคืบหน้าล่าสุด  ผู้ช่วยศาสตราจารย์เภสัชกรหญิง ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การทดสอบวัคซีนในคนระยะแรกจะเริ่มภายในเดือนกันยายนนี้ ขณะนี้บริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมพัฒนาวัคซีน รุ่นที่ 2 เพื่อบูสเตอร์โดสรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์อย่างเดลตา คาดจะทดสอบในคนช่วงเดือนธันวาคม และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด คาดว่าจะสามารถฉีดให้ประชาชนทั่วไปประมาณกลางปี 2565

ทั้งนี้ บริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการมาตั้งแต่ 3-4 ปี ที่แล้ว มีแพลตฟอร์มการผลิตโปรตีนด้วยพืชที่สามารถออกฤทธิ์ทางยาได้ ซึ่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ผลิตเป็นการพัฒนาเทคนิคการนำไปรตีนจากใบยาสูบสายพันธุ์ดั้งเดิมจากออสเตรเลีย เพื่อใช้เป็นยาซึ่งเป็นชิ้นส่วนโปรตีนของไวรัสโควิด-19 ที่ไม่สามารถไปแพร่เชื้อต่อได้ เมื่อฉีดวัคซีนใบยาเข้าไปในร่างกายจะช่วยกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา

การพัฒนาเทคนิคการได้ไปรตีนจากใบยาเป็นเทคโนโลยีที่มีมามากกว่า 15 ปีแล้ว และเคยทำสำเร็จในการรักษาโรคอีโบลาในอดีต สำหรับวัคซีนใบยามีแพลตฟอร์มการผลิตที่เหมือนกับวัคซีนโนวาแวกซ์ ของอเมริกาซึ่งใช้เซลล์แมลงในการผลิต แต่วัคซีนใบยาใช้ต้นพืชเป็นตัวผลิต

กระบวนการผลิตวัคซีนที่ใช้พืชสามารถผลิตเป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง และสามารถยกระดับจากการผลิตวัคซีนในห้องทดลองมาเป็นการผลิตวัคชีนระดับอุตสาหกรรมได้ทันที สำหรับวัคซีนจากใบยาครั้งนี้ คาดราคาประมาณ 300-500 บาทต่อโดส แต่ถ้าผลิตในปริมาณมากราคาก็จะลดลงไปอีกเนื่องจากต้นทุนต่ำ

ขณะเดียวกัน ยังมีข่าวคราวความคืบหน้าของวัคซีนชนิดพ่น โดย  ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา  ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และนักไวรัสวิทยา โพสเฟซบุ๊ก "Anan Jongkaewwattana" ว่า "วัคซีน COVID-19 ที่สร้างขึ้นจากอนุภาคไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza-based) Lot แรก ระดับ GMP ถูกผลิตขึ้นโดยทีมวิจัยขององค์การเภสัชกรรมแล้ว วัคซีน Lot นี้จะส่งไปทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลองที่ ม.นเรศวร ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อทำการทดสอบในมนุษย์ครับ วัคซีนสูตรนี้เป็นวัคซีนตัวที่สองของทีม สวทช. โดยตัวที่จะออกมาทดสอบก่อนจะเป็น Adenovirus-based ซึ่งได้ทำการทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลองไปแล้ว...วัคซีนทั้งสองชนิดออกแบบเป็นชนิดพ่นจมูกทั้งคู่...Product of Team Thailand ครับ"

 การแสวงหาโอกาสและทางเลือกใหม่ๆ เป็นความหวังของคนไทยในภาวะวิกฤตเช่นนี้นับเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็นอย่างยิ่ง
#10013
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#10014


เทศกาล "สารทจีน" เป็นประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีนที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยตามปฏิทินทางจันทรคติจะตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเดือนปล่อยผี เป็นวันที่ประตูนรกเปิดให้ดวงวิญญาณออกมารับส่วนบุญส่วนกุศล ดังนั้น วันสารทจีนจึงเป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะได้ทำบุญครั้งใหญ่ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564

โดยปกติแล้ว "พิธีเซ่นไหว้" ของคนไทยเชื้อสายจีน เป็นการตั้งโต๊ะไหว้ช่วงเช้าและบ่าย โดยจะไหว้ครบหมดทั้งเจ้าที่ ตี่จู้เอี๊ยะ ต่อด้วยบรรพบุรุษที่ล่วงลับ และจบที่ทำบุญให้แก่สัมภเวสี ผีไม่มีญาติต่างๆ

แต่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 การรวมกลุ่มญาติมิตรจัดเต็มเครื่องไหว้ชุดใหญ่ร่วมกัน คงต้องเลี่ยงๆ กันไปก่อน ไหนจะปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้รายได้ฝืดเคือง เงินในกระเป๋าลดน้อยลงไปอีก อาจทำให้หลายคนกังวลว่าจะเซ่นไหว้บรรพบุรุษยังไงถึงจะเหมาะสม 

ซินแสนัตโตะ หมอดูเที่ยงคืน จึงได้มีคำแนะนำในการไหว้สารทจีนในยุคโควิด ที่อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่มเติมอีก แต่รับรองได้ว่าจะได้รับความเฮงไม่น้อยไปกว่าปีก่อนๆ แน่นอน โดยให้ปฏิบัติ ดังนี้

1. ควรแต่งกายอย่างไร?

ซินแสนัตโตะ แนะนำว่าการเตรียมตัวก่อนเซ่นไหว้นั้น อันดับแรกที่ทั้ง 12 นักษัตรต้องทำ คือ ใส่เสื้อสีแดง เพื่อเป็นมงคลในวันสารทจีน

2. วิธีเซ่นไหว้ "สารทจีน" ให้เฮงเฮงเฮง

ส่วนพิธีไหว้แบบง่ายๆ แต่ได้ผลดี มีดังนี้

จุดที่ 1 ไหว้เจ้าที่ ตี่จู้เอี๊ยะ : ใช้ส้ม 5 ผล + น้ำชา 5 ถ้วย + ขนมเทียน ขนมเข่ง อย่างละ 2 ชิ้น จุดนี้ใช้ธูป 5 ดอก

(กรณีเสริมกระดาษไหว้ สามารถสั่งออนไลน์ได้ตามสะดวก ใช้ หงึ่งเตี๋ย 5 ชุด + คอซี กระทงทอง 1 ชุด + เสริมด้วยเทียนแดง 1 คู่)

จุดที่ 2 ตั้งโต๊ะจัดของไหว้บรรพบุรุษ : ใช้ข้าวสวย 1 ชาม (เคล็ดลับความเฮง คือ ตักข้าวให้พูนสูงๆ) + น้ำแกง/แกงจืด 1 ชาม + น้ำชา 1 ถ้วย + ส้ม 4 ผล + ขนมเทียน ขนมเข่ง อย่างละ 1 หรือ 3 ชิ้น (ต้องเป็นจำนวนเลขคี่เท่านั้น เพื่อความเฮง) ใช้ธูป 3 ดอก

เคล็ดลับ : ข้าวและกับข้าวต่อบรรพบุรุษ 1 คน และสามารถเปิดหนัง ละคร ซีรีส์ งิ้ว เพลงที่ท่านชอบระหว่างไหว้ได้ด้วย

(กรณีเสริมกระดาษไหว้ สามารถสั่งออนไลน์ได้ตามสะดวก ใช้ อ่วงแซจี๊ ใบเบิกทาง เวลาเผาเป็นอันดับแรก2 ชุด + กิมจั้วกระดาษเงินกระดาษทอง 1 ชุด + ตั่วกิม กระดาษทองขอบส้ม เงินจีนโบราณ 1 ชุด + ธนบัตรกงเต๊ก 1 ชุด + เสริมด้วยเทียนแดง 1 คู่)

จุดที่ 3 โอนเงินออนไลน์ร่วมทำบุญ : เช่น ทำบุญโลงศพพร้อมผ้าดิบ หรือร่วมทำบุญในพิธีทิ้งกระจาด ตามวัดจีน ศาลเจ้า แล้วใช้น้ำขวดลิตร กรวดน้ำอุทิศให้ได้ จบพิธี แบบง่ายสุด โดยไม่ต้องจัดไหว้ (ให้ทำบุญตามกำลัง)

จุดที่ 4 เซ่นไหว้ผีไม่มีญาติ : ให้ตั้งโต๊ะไหว้ที่นอกบ้าน (ตำแหน่งหน้าบ้าน) โดยปูเสื่อ หรือใช้โต๊ะเตี้ยในการไหว้ผีไม่มีญาติ (ฮ่อเฮียตี๋) ส่วน "ของไหว้" ได้แก่ ข้าวสวย 1 ชาม (ตักข้าวให้พูนสูงๆ) + กับข้าว 1 อย่าง + ขนมหวาน 1 อย่าง + ส้ม 1 ผล + น้ำเปล่า/น้ำชา 1 ถ้วย  + ขนมเทียน ขนมเข่ง อย่างละ 1 หรือ 3 ชิ้นเป็นจำนวนเลขคี่

เคล็ดลับ : สามารถจัดของไหว้มากกว่านี้ได้ตามสะดวก จุดนี้ให้ใช้ธูปอย่างละ 1 ดอก ปักลงบนกับข้าว โดยมีความเชื่อที่ว่า เหล่าสัมภเวสีอิ่มแล้วก็จะไม่มากวน มาให้โชคลาภ ในแนวทางที่ว่าคนดีผีคุ้มนั่นเอง

(กรณีเสริมกระดาษไหว้ สามารถสั่งออนไลน์ได้ตามสะดวก ใช้ อ่วงแซจี๊ ใบเบิกทาง เวลาเผาอันดับแรก 1 ชุด + กิมจั้วกระดาษเงินกระดาษทอง 1 ชุด + ธนบัตรกงเต๊ก 1 ชุด + เสริมด้วยเทียนแดง 1 คู่ จุดนี้ต้องเผากระดาษแยก ห้ามปน)

3. สิ่งสำคัญห้ามขาดในชุด "ของไหว้"

ไฮไลท์สำคัญของการไหว้สารทจีนแบบง่ายๆ แต่ได้ผลดี  ต้องห้ามขาด 2 สิ่งนี้เด็ดขาด คือ

ส้มสีทอง หมายถึง ความโชคดี มีเงินทอง เป็นสิริมงคล เปลี่ยนเรื่องร้ายกลายเป็นดี ถ้าดีอยู่แล้วก็จะดียิ่งๆ ขึ้นไป
ขนมเทียน ขนมเข่ง หมายถึง การมีชีวิตที่ดี มีความราบรื่น ชีวิตมีแต่ความหวานชื่น มีความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิต
4. คำนวณค่าใช้จ่าย "สารทจีน" ปีนี้ต้องประหยัด!

ค่าใช้จ่ายในการไหว้สารทจีนคร่าวๆ (ไม่รวมกระดาษไหว้) แบบที่ซินแสนัตโตะแนะนำ ก็อยู่ที่ราวๆ หลักร้อยเท่านั้น โดยแบ่งเป็น ข้าว น้ำแกง ประมาณ 100 บาท, ส้ม 10 ผล ประมาณ 150 บาท, ใบชา 30 บาท/กล่อง, ขนมเทียน ราคา 8 บาท/ชิ้น และขนมเข่ง ราคา 15 บาท/ชิ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของไหว้ที่ใช้

5. วิธีไหว้สารทจีนแบบจัดเต็ม เหล้าห้ามขาด!

ส่วนใครที่สามารถจัดชุดของไหว้แบบจัดเต็ม ซาแซ โหงวแซ ตามธรรมเนียมปกติได้นั้น เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ให้ทำต่อไป แต่อย่าลืมเตรียมเหล้าขาวหรือเหล้าจีน ไว้ไหว้ด้วยจะให้ผลที่ดีมาก เพราะหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์สูงสุด โดยไหว้เป็นจำนวนเลขคี่ จะ 3, 5, 7 หรือ 9  ถ้วยก็ได้

ดั่งตำราจีนโบราณว่าไว้ว่า " อันว่าเหล้า คือ ของดีที่ฟ้าประทาน พระราชาใช้บำรุงเลี้ยงแผ่นดิน เซ่นไหว้ขอโชคลาภ ฟื้นฟูความเสื่อมโทรม รักษาโรคภัย พิธีการทั้งหลายขาดเหล้าไม่ได้ "

สำหรับคนไทยเชื้อสายจีนแล้ว วันสารทจีนมีความสำคัญพอๆ กับวันตรุษจีน เพราะเป็นเทศกาลที่ทำให้เราไม่ลืมตัวตนและรากเหง้า ได้แสดงความเคารพ ความกตัญญูกตเวที ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ต่อทั้งคนเป็นและคนตาย แต่อีกสิ่งที่สำคัญ นั่นคือ ต้องมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่ยังมีชีวิตด้วย
#10015


เราจะสู้ไปด้วยกัน ! ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มคนดนตรี ที่ไร้เวทีในการสร้างความสุขให้แฟนเพลง JOOX ในฐานะแอปมิวสิคคอมมูนิตี้สำหรับคนรักเสียงเพลงอันดับ 1 ของไทย ขอร่วมส่งต่อกำลังใจ ช่วยเหลือเหล่าคนดนตรีที่ต้องสูญเสียรายได้จากสถานการณ์โควิด-19 กับเทศกาลดนตรีออนไลน์แห่งยุค #Saveคนดนตรี ให้ดนตรี ช่วยคนดนตรี ที่ใช้ฟีเจอร์ JOOX ROOMS เปิดเวที ชวนพี่น้อง และคนดนตรีอิสระ ทั้งเดี่ยว และกลุ่ม ทั้งหมด 85 วง มาไลฟ์คอนเสิร์ตสด ๆ เสิร์ฟความสุขแบบเต็มถึงบ้าน โดยยังคงรักษาระยะห่างทางสังคม ยังๆ ไม่หมดเท่านี้

สำหรับ แฟน ๆ ที่อยู่บ้านในช่วงล็อกดาวน์ เตรียมป้ายไฟให้พร้อม เพราะ JOOX ได้ยกทัพ 22 ศิลปินแห่งยุค มาร่วมแจม นำทีมด้วยรุ่นพี่สุดเก๋า อย่าง Tattoo Colour (แทททูคัลเลอร์), หนุ่ม กะลา รวมถึงมีศิลปินชื่อดัง Tilly Birds (ทิลลี่ เบิร์ด) , BOWKYLION (โบกี้ไลอ้อน) , Season Five (ซีซัน ไฟฟ์) , เอิ๊ต ภัทรวี, 4 EVE, Twopee Southside, GAVIN.D, MAIYARAP, INDIGO, O-PAVEE, SERIOUS BACON รวมถึงศิลปินสายเลือดใหม่อย่าง Dept, PETITE, Valentina Ploy, HENS, QLER, 4JUNE, Aun & Kaew Lord Liar Boots, เบสท์ ทิฏฐินันท์ และ Eii ที่เตรียมขนเพลงฮิตมาปล่อยของ เสิร์ฟความสุข ความสนุก ให้ฟินกันแบบนอนสต็อป ถึง 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-22 สิงหาคมนี้ เวลา 19.00–22.30 น. ชมฟรีที่ JOOX ROOMS เท่านั้น

เอาเป็นว่าจะคอเพลงสายไหนก็ห้ามพลาด! เพราะคอนเสิร์ตครั้งนี้รวมคนดนตรีแบบจัดเต็มจริง ๆ เพราะ "คนดนตรี" เป็นอีกหนึ่งกลุ่มอาชีพ ที่โดนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แบบเต็มๆ JOOX ในฐานะแพลตฟอร์มดนตรีชั้นนำของไทย จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือเหล่าคนดนตรี ขณะเดียวกันก็ขอเป็นอีกหนึ่งพลังในการสร้างความสุข ความสนุกสนานให้กับคนไทย จึงได้จัดโปรเจกต์ดี ๆ อย่าง #Saveคนดนตรี ให้ดนตรี ช่วยคนดนตรี ขึ้นมา เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนมีพลังในการฝ่าวิกฤตครั้งนี้ร่วมกัน 

มาดูไลน์อัพศิลปินชื่อดังที่จะมา JOOX ROOMS เพื่อเซฟคนดนตรี
• วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2564 ฟินยาวๆ กับ 3 ศิลปิน เวลา 19.00 - 20.00 น. พบกับดูโอ้น้องใหม่ "SERIOUS BACON" / 20.00 - 21.00 ฟินไปกับสาวเสียงดี "BOWKYLION" / 21.00 - 22.00 น. ไป JOOX ROOMS ต่อกับ 3 หนุ่ม Tilly Birds
• และวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564 เวลา 20.00 - 21.00 น. พบกับ "O-PAVEE"

รับรองว่ามันจนต้องขอเข้าไป JOOX ROOMS ครบทั้ง 7 วันแน่นอน! แล้วพบกันบนแอปพลิเคชัน JOOX วันที่ 16-22 สิงหาคมนี้ นี้
#SAVEคนดนตรี #มาROOMSกันที่JOOX #JOOXTH
#10019


รอยเตอร์ - นครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางทางธุรกิจของเวียดนามประกาศวันนี้ (20) ว่าจะสั่งห้ามประชาชนไม่ให้ออกจากบ้าน ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศที่หันไปใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อชะลออัตราการเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

คำสั่งที่เข้มงวดที่สุดของเวียดนามเกิดขึ้นท่ามกลางจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น แม้จะประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวในเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่ราว 9 ล้านคน และเป็นศูนย์กลางการระบาดของประเทศ

"เรากำลังขอให้ประชาชนอยู่ในที่ของพวกเขา ไม่ออกไปข้างนอก บ้านแต่ละหลัง บริษัทและโรงงานแต่ละแห่ง ควรเป็นป้อมปราการป้องกันไวรัส" ฝ่าม ดึ๊ก หาย รองหัวหน้าหน่วยงานด้านโควิด-19 ของเมือง กล่าว

ส่วนรายละเอียดของคำสั่ง ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ (20) ยังไม่มีประกาศให้ทราบ

ฝ่าม ดึ๊ก หาย กล่าวว่าการควบคุมการเคลื่อนไหวควรลดการติดเชื้อและเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่มุ่งให้ความสำคัญกับการรักษาผู้ป่วยหนัก

เวียดนามได้รับเสียงชื่นชมว่าสามารถควบคุมการระบาดได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในปลายเดือนเม.ย. โดยประเทศมีผู้เสียชีวิตเพียง 35 คน และมีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมไม่ถึง 3,000 คน ณ วันที่ 1 พ.ค.

แต่นับจากนั้น จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 312,000 คน และจำนวนผู้เสียชีวิตเป็น 7,150 คน โดยครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อและ 80% ของผู้เสียชีวิตอยู่ในนครโฮจิมินห์

ชาวโฮจิมินห์มากกว่าครึ่งหนึ่งได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 เข็ม แต่อัตราการฉีดวัคซีนของประเทศนับว่าต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย.