• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jessicas

#3441
ข้าวกล้องปลอดสารตัวช่วยคุณแม่ตั้งครรภ์
ข้าวกล้องอินทรีย์ตัวช่วยของคุณแม่ตั้งครรภ์ข้าวหอมมะลิแท้สุรินทร์   ขายข้าวอินทรีย์ส่งทั่วไทย การรับประทาน "#ข้าวกล้อง" (ข้าวสุขภาพสุรินทร์) นอกจาก   ข้าวกล้องหอมมะลินิลสุขภาพ จะส่งผลดีโดยตรงต่อคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วยังส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย ข้าวกล้องออแกนิคถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงานต่อร่างกายในการใช้พลังงานต่อวันของเรา คุณแม่ตั้งครรภ์ยังมีความต้องการสารอาหารจาก  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิที่มากกว่าคนปกติ เพราะต้องน้ำสารอาหารที่จำเป็นหลายๆส่วนไปใช้ในการสร้างพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์   ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์สุรินทร์ถือเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ อีกตัวช่วยหนึ่ง เนื่องจาก ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสี มีจมูกข้าว มีเยื่อหุ้มข้าว มีกาบา ซึ่งมีและสารอาหารต่างๆครบ ทั้งโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ ซึ่งมีอะไรบ้างมาดูกัน..




1. ปัญหาหลักของคุณแม่ตั้งครรภ์ คือ ภาวะท้องผูก ข้าวกล้องมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้ได้เป็นอย่างดี
ปัญหาต่อมา คุณแม่ตั้งครรภ์ชอบเป็นตะคริว เมื่อคุณแม่รับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2 บรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
2. นอกจากคุณแม่จะทานยาที่คุณหมอให้สริมธาตุเหล็กมา ข้าวกล้องยังมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง จาก  ขายข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
3. ในข้าวกล้อง   ข้าวมะลินิลออแกนิคสำหรับทารก มีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผมของลูกและคุณแม่ที่ผมร่วงบ่อย
4. ใน  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค มีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ ป้องการให้คุณแม่ไม่เป็นโรคกระดูกพรุนเมื่ออายุมากขึ้นอีกด้วย
5. ในข้าวกล้องมีไขมันที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ในข้าวกล้องเป็นไขมันดีที่ไม่มีคอเลสเตอรอล (Cholesterol)
6. ในข้าวกล้องมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7. ใน ข้าวกล้องหอมมะลินิลออร์แกนิก มีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8. ในข้าวกล้องแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน ส่วนคนที่ผอมก็แข็งแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

เห็นไหมว่าข้าวกล้อง เช่น  ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่อินทรีย์ มีคุณค่าและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายคุณแม่และคุณลูกมากแค่ใหน เวลาเลือกซื้อข้าวกล้อง อย่าลืมเลือกซื้อข้าวกล้องอินทรีย์ เพราะทุกกระบวนการผลิตไม่มีการใช้สารเคมีดีต่อสุขภาพคุณแม่และคุณลูกอย่างปลอดภัย

เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิค  ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิค  ที่แท้จริงของเรา
ข้าวฮอร์ (HOR)   การตรวจสอบข้าวอินทรีย์
ได้รับมาตรฐาน
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้" จากกรมการข้าว จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในประเภทของ
2.1 ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)
2.2 ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)
2.3 ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ต้นข้าวอินทรีย์   ทำไมต้องเป็นข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :  ข้าวอินทรีย์
Facebook : 'ข้าวออร์แกนิค' ดีต่อสุขภาพ
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique เกษตรกรจังหวัดสุรินทร์ปลูกข้าวออร์แกนิค  เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.  ข้าวหอมมะลิสุขภาพ
2.  ขายข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
3.  ข้าวสุขภาพปะกาอำปึล (#ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์)
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.   ข้าวหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์ 
6.ข้าวมะลินิลปลอดสารพิษ
7.  ขายข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวกล้องอินทรีย์ตัวช่วยของคุณแม่ตั้งครรภ์ #ข้าวกล้องสำหรับคนท้อง #ข้าวกล้องสำหรับคุณแม่ตั้งครภ์ #คนท้อง #ตั้งครรภ์ #ตั้งท้อง

 

 
 
#3442


'ไต' อวัยวะที่มีหน้าที่สำคัญในกำจัดของเสีย ควบคุมความเป็นกรด-ด่างในกระแสเลือด รักษาความสมดุลของเกลือแร่ รวมไปถึงดูแลปริมาณน้ำในร่างกาย ซึ่งหากไตทำงานผิดปกติหรือขาดประสิทธิภาพ ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพและร่างกายได้ เช่น การเกิดภาวะเลือดจาง การขาดวิตามิน รวมถึงโรคต่างๆ ที่อาจตามมาอีกมากมาย โดยสาเหตุของการเกิดโรคไตส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง การบริโภคโซเดียมมากเกินไป การไม่ออกกำลังกาย รวมถึงการทานยาหรือสมุนไพรที่มีพิษต่อไต จนนำไปสู่การเจ็บป่วยและมีภาวะโรคไตเรื้อรังในที่สุด ซึ่งปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน โดยเป็นผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (End Stage Renal Disease; ESRD) ที่ต้องรับการฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้องมากกว่าหนึ่งแสนคน และมีแนวโน้มว่าคนไทยป่วยเป็นโรคไตเพิ่มขึ้น 15-20% ต่อปี ทำให้การให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไต อย่างถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก

ทางสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย จึงได้เปิดตัว โครงการ "คุยเรื่องไต ไขความจริง" เพื่ออัพเดทข่าวสาร สาระและความรู้เกี่ยวกับโรคไต โดยทีมแพทย์ เภสัชกร และนักกำหนดอาหาร ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ที่ผลัดเปลี่ยนกันมามอบสาระความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องในการป้องกัน ดูแล และรักษาโรคไต

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ผ่านทางทางเพจ Facebook สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย - The Nephrology Society of Thailand #คุยเรื่องไตไขความจริง #สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย
#3443


วันนี้ (31 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมด้วยนายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และนายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม แถลงกรณีกระแสการทุจริตจัดซื้อชุดตรวจ ATK แจกประชาชน 8.5 ล้านชุด

นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ชุดตรวจ ATK เป็นเครื่องมือแพทย์ใช้ในการคัดกรองเบื้องต้นเพื่อวินิจฉัยโรคโควิด 19 ด้วยการตรวจหาโปรตีนของตัวเชื้อจากตัวอย่างสารคัดหลั่งในจมูกหรือน้ำลาย การนำมาใช้ต้องผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานจาก อย. เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคโดยตรวจสอบทั้งเอกสารจากผู้ผลิตและนำชุดตรวจมาทดสอบจริงในเครือข่ายห้องปฏิบัติการ ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่ง อย.ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญกำหนดเกณฑ์คุณภาพมาตรฐาน ต้องมีความไวเชิงวินิจฉัยมากกว่าหรือเท่ากับ 90% ความจำเพาะเชิงวินิจฉัย มากกว่าหรือเท่ากับ 98% ความไม่จำเพาะน้อยกว่าหรือเท่ากับ 10%

"ขณะนี้ อย.อนุมัติชุดตรวจ ATK แล้ว 107 รายการ เป็นชุดตรวจสำหรับใช้โดยบุคลากรทางการแพทย์ (Professional Use) 62 รายการ และแบบตรวจด้วยตนเอง (Home Use) 45 รายการ และยังมีกระบวนการติดตามคุณภาพมาตรฐานการใช้ภายหลังออกสู่ตลาด จึงขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า ชุดตรวจที่ผ่าน อย. มีคุณภาพมาตรฐาน โดยชุดตรวจที่ สปสช.จัดซื้อ 8.5 ล้านชุดเป็นการจัดซื้อแบบการตรวจด้วยตนเอง ผ่านการรับรองจาก อย. ส่วนกรณีเรื่องสเปกมาตรฐานองค์การอนามัยโลกนั้น เป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากองค์การอนามัยโลก มีการขึ้นทะเบียนชุดตรวจในภาวะฉุกเฉิน (EUL) จำนวน 4 รายการ เป็นการใช้โดยบุคลากรทางการแพทย์แต่ไม่มีการขึ้นทะเบียนแบบตรวจด้วยตนเอง" นายแพทย์ไพศาลกล่าว

นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สปสช.มีความประสงค์จัดซื้อชุดตรวจ ATK เพื่อกระจายให้กับประชาชน และมีการตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อ 8.5 ล้านชุด ซึ่งกระบวนการได้มาของ ATK นี้ สปสช. ไม่สามารถซื้อเองได้ ต้องให้กระบวนการอื่นมาจัดซื้อที่เป็นตามคำสั่งคสช. ก่อนหน้านี้ โดยมีอนุกรรมการจัดทำแผนยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นฯ ทำหน้าที่คำนวณจำนวน ราคา และงบประมาณ ส่งให้หน่วยงานซื้อคือ รพ.ราชวิถี ที่จะดูคุณสมบัติเฉพาะและงบที่ได้รับ และให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ไปจัดหาจัดซื้อ โดย สปสช. จะมีบทบาทในการโอนเงินให้ รพ.ราชวิถี ตามมติบอร์ด สปสช. พร้อมติดตามการกระจายชุดตรวจ ATK นี้ไปยังประชาชน

ด้านนายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า กระบวนการจัดซื้อขององค์การเภสัชกรรมมีกลไกป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ ทำให้กระบวนการจัดซื้อมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม รักษาผลประโยน์ของประเทศ มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ เนื่องจากมีการบันทึกวิดีทัศน์ตลอดกระบวนการที่เปิดให้ผู้เข้าแข่งขันในการยื่นซอง ซึ่งองค์การเภสัชกรรมยื่นหนังสือเชิญเข้ามาแข่งขัน 24 ราย แสดงความประสงค์เข้าร่วม 19 ราย ผ่านคุณสมบัติที่กำหนด 16 ราย ทำให้การแข่งขันมีความสมบูรณ์ และได้ ATK ที่เชื่อมั่นว่ามีคุณภาพและราคาถูกที่สุดในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเมื่อมีการการใช้ ATK มากขึ้นราคาจะถูกลงกว่านี้เป็นไปตามกลไกการตลาด
#3444


นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ฮ่องกงได้ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยขณะนี้มีผลแล้ว (นับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.) ไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง โดยฮ่องกงเพิ่มให้ 15 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงจากเดิมเป็นกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง ส่งผลให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงสูง ต้องกักตัวยาวนานขึ้น แม้จะได้รับวัคซีนโควิด-19 มาครบแล้ว

ผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางจากประเทศไทย (หรือมีประวัติเดินทางไปประเทศไทยในช่วง 21 วันก่อนเดินทางเข้าฮ่องกง) ต้องเตรียมเอกสารก่อนเดินทาง ดังต่อไปนี้

- กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มออนไลน์ Health Declaration Form ของรัฐบาลฮ่องกงที่ https://www.chp.gov.hk/hdf/ เพื่อแสดง QR Code ต่อเจ้าหน้าที่ที่ท่าอากาศยานฮ่องกง โดย QR Code จะมีอายุ 48 ชั่วโมง



- หลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ออกโดยหน่วยงาน ของรัฐบาลฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ มาเก๊า หรือหน่วยงานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้เป็นหน่วยงาน Stringent Regulatory Authority (SRAs)

- แสดงผลตรวจว่าปลอดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ทำการตรวจ เป็นเวลาไม่เกิน 72 ชม. ก่อนกำหนดเวลาเครื่องออก

- แสดงหลักฐานการสำรองห้องพักในโรงแรมกักตัวในฮ่องกง 20 คืน (นับวันที่เดินทางถึงฮ่องกงเป็นวันแรก)

ในระหว่างการกักตัวจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด 6 ครั้ง หลังจากที่ออกจากการกักตัวแล้วจะมีการเฝ้าระวังตัวอีก 7 วัน และตรวจเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 26 นับจากวันที่เดินทางถึงฮ่องกง ที่ศูนย์ตรวจหาเชื้อฯ ของรัฐบาลฮ่องกง (Community Testing Centre)
#3445
ข้าวออแกนิกปลอดสารแท้ 100%ข้าวเพื่อสุขภาพสุรินทร์ ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /ข้าวมะลินิลปลอดสารพิษ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




ข้าวหอมมะลิorganicข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิก คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก ข้าวปะกาอำปึลออแกนิคคือเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวหอมมะลิแดงออแกนิค เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก ข้าวกล้องหอมมะลินิลเพื่อสุขภาพ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ขายข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6daqhyo0am1a6t.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค
3.  ข้าวกล้องปะกาอำปึลออร์แกนิค
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารเคมีสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงorganic6.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค7.  ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 

 

 
 
#3446
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#3447

ไทยเวียตเจ็ท จัดโปรโมชั่นตั๋วราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 499 บาท รับการกลับมาเปิดบินเส้นทางภายในประเทศอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 64 นี้ ผู้สนใจจองได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ส.ค. 64 ที่ www.vietjetair.com

ตามประกาศของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าด้วยการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางและอนุญาตให้เที่ยวบินภายในประเทศทำการบินเข้าออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายการบินไทยเวียตเจ็ทประกาศพร้อมให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 โดยผู้โดยสารจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กบพ.) ซึ่งจะประกาศในวันที่ 28 สิงหาคม 2564



นอกจากนี้เพื่อฉลองการกลับมาให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศอีกครั้ง สายการบินไทยเวียตเจ็ต ได้จัดโปรโมชั่น "Welcome Back to The Sky" เสนอบัตรโดยสารราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 499 บาท (รวมภาษีและค่าธรรมเนียม) ผู้สนใจจองได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2564 เพื่อใช้เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน - 30 พฤศจิกายน 2564 (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ที่ www.vietjetair.com

สำหรับบัตรโดยสารราคาพิเศษนี้สามารถใช้เดินทางได้ในทุกเส้นทางบินภายในประเทศของสายการบินฯ ได้แก่ เส้นทางบินจาก กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น อุดรธานี และอุบลราชธานี รวมทั้งเที่ยวบินข้ามภาคภายในประเทศ จาก ภูเก็ต สู่ เชียงใหม่ (เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2564) เส้นทางจาก เชียงราย สู่ หาดใหญ่ และ ภูเก็ต (เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564) และเส้นทางจาก ภูเก็ต สู่ อุดรธานี (เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564)

และในโอกาสพิเศษนี้ สายการบินไทยเวียตเจ็ตได้มอบสิทธิประโยชน์พิเศษแก่สมาชิกสกายฟัน (SkyFUNNER) ในระบบสมาชิกของสายการบินฯ โดยสมาชิกจะได้รับเหรียญฟันคอยน์ (Funcoin) สองเท่าสำหรับทุก ๆ การใช้จ่ายในการจองบัตรโดยสารในช่วงระยะเวลาโปรโมชั่น ทุกการใช้จ่าย 10 บาท สมาชิกจะได้รับ 2 เหรียญ (จากปกติ 1 เหรียญ) โดยเหรียญฟันคอยน์ (Funcoin) สามารถแลกเป็นรางวัลส่วนลดและบัตรกำนัลต่าง ๆ ผู้โดยสารสามารถสมัครสมาชิกสกายฟันได้ฟรี โดยลงทะเบียนที่ www.vietjetair.com ก่อนทำการจองบัตรโดยสาร



สำหรับผู้ถือบัตรโดยสารภายในประเทศของไทยเวียตเจ็ทที่มีช่วงวันเดินทางระหว่างวันที่ 1 – 30 กันยายน 2564 และประสงค์เปลี่ยนแปลงกำหนดการเดินทาง สามารถเลือกเปลี่ยนวันเดินทางโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม โดยมีวันเดินทางใหม่ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 (มีช่วงเวลาที่ไม่สามารถเดินทางได้) หรือสามารถเก็บวงเงินค่าโดยสาร (Credit Shell) เพื่อใช้ในการสำรองบัตรโดยสารในอนาคต จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.vietjetair.com
#3448


นางสุภาพร  ลีนะบรรจง  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  (บลจ.) กรุงศรี  เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว แต่การเติบโตที่สูงในปีนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน หากพ้นจากช่วงที่เศรษฐกิจโลกได้รับประโยชน์จากฐานต่ำไปแล้ว  เศรษฐกิจอาจมีการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงและมีแนวโน้มที่จะอยู่ในช่วงโตต่ำ  นักลงทุนจึงต้องมองหาทางเลือกการลงทุนที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้กับพอร์ตการลงทุน

"หุ้นเติบโตสูง" ถือเป็นธีมการลงทุนที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก และมีแนวโน้มเติบโตได้อีกหลายเท่าจากปัจจุบัน จึงเป็นที่มาของการเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีโกล.โกรท (KFGG) ที่ลงทุนในกองทุนหลักคือ Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund และได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว"


นางสุภาพร กล่าวว่า กองทุนหลักมีผลงานที่โดดเด่นมาก ด้วยการบริหารสไตล์ Baillie Gifford ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใช้มุมมองการลงทุนที่แตกต่างโดยเน้นการลงทุนระยะยาว เลือกลงทุนเพียงไม่กี่หลักทรัพย์ที่เชื่อมั่นในศักยภาพและจะเป็นตัวขับเคลื่อนผลตอบแทนของตลาดในระยะยาว และไม่เน้นการซื้อขายตามตลาด โดยปัจจุบันถือการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์เฉลี่ย 9 ปี

"หัวใจสำคัญคือกระบวนการคัดสรรหุ้น ซึ่งจะไม่ยึดติดกับภูมิภาค อุตสาหกรรม และดัชนีชี้วัด กรอบการเลือกก็อย่างเช่น รายได้ของธุรกิจนั้นสามารถปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2 เท่าภายใน 5 ปีข้างหน้าหรือไม่ อะไรคือความได้เปรียบในการแข่งขัน การบริหารจัดการเงินทุนเป็นอย่างไร  รวมถึงอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ระดับราคามีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 เท่าหรือมากกว่านั้น เป็นต้น  ทำให้หุ้นที่ผู้จัดการกองทุนคัดสรรเข้ามาในพอร์ตนั้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นเหนือคู่แข่ง   และเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแรงขับเคลื่อนของกระแสโลกาภิวัฒน์และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เช่น ธีม E-commerce ธีมเกี่ยวกับสื่อออนไลน์  ธีมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ  และ ธีมนวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์ "

สำหรับตัวอย่างหลักทรัพย์ที่กองทุนหลักลงทุนเช่น Netflix เป็นผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง ที่สมาชิกสามารถรับชมซีรีย์โทรทัศน์  สารคดี และภาพยนตร์ต่างๆ ได้หลากหลายประเภท และหลากหลายภาษา  Coupang บริษัทด้าน E-commerce ที่มีสมญานามว่าเป็น Amazon แห่งเกาหลีใต้   Adyen แพลตฟอร์มที่ช่วยให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่ายและสร้างการเติบโตทั่วโลก  เป็นต้น"

"กองทุน KFGG เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสร้างความเติบโตให้กับพอร์ตการลงทุนระยะยาวผ่านการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นเติบโตสูงทั่วโลก สามารถรับความผันผวนในระยะสั้นได้ และมีระยะเวลาการลงทุนในระยะกลางถึงยาวเพื่อให้หลักทรัพย์ในพอร์ตมีเวลาสร้างการเติบโตได้เป็นไปตามเป้าหมาย" 
#3449


วันที่ 28 สิงหาคม 2454 สโมสร โปลิศ เทโร เอฟซี แถลงข่าวเปิดตัวสโมสรสู้ศึก ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22 ในรูปแบบออนไลน์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'the future always together' รากฐานสำคัญของฟุต.ในอนาคต คือระบบเยาวชนที่ดี โดยมี พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร ประธานสโมสรฯ และ มร.ไบรอัน แอล มาร์คาร์ ประธานสโมสรร่วม เป็นประธานในงานแถลงข่าว

นอกจากนี้ยังมีขุนพลนักเตะร่วมเปิดตัวคับคั่ง อาทิ 'ลีซอ' ธีรเทพ วิโนทัย และ ไอแซค ฮอนนี่ สองกัปตันทีมประจำฤดูกาลนี้ รวมทั้ง วันชัย จารุนงคราญ, ประสิทธิ์ ผดุงโชค, กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก, เอวานโดร เปาลิสต้า, เดนีย์ เดอแบร์เลย์, เอกชัย สำเร และ ชุมพล บัวงาม

ไฮไลท์ของงานคือการเผยโฉมชุดแข่งขัน โดยชุดเหย้า ยังคงเป็นสีแดง สีประจำสโมสร ใส่ลายรากไม้ลงบนพื้นเสื้อ เพื่อแสดงถึงเป้าหมายในการพัฒนาระบบเยาวชน ในการวางรากฐานสำคัญเพื่อสร้างเพชรเม็ดใหม่ขึ้นมาประดับวงการฟุต.ไทย

ชุดเยือน สีขาว ลวดลายผ้าขาวม้า เป็นโครงการร่วมมือกับ นักศึกษาสาขาวิชาการออกแบบแฟชั่น คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ด้วยการเผยแพร่และผลักดันผ้าขาวม้าไทย

นอกจากนี้ยังเปิดตัวชุดเยือนชุดที่ 3 สีเหลือง, ชุดผู้รักษาประตู ทั้ง 2 สี และชุดลำลอง 3 สี

โดย 'บิ๊กแมน' ธัญญะ วงศ์นาค ผู้จัดการทีม โปลิศ เทโร เอฟซี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดการแถลงข่าว ในครั้งนี้ว่า 'ปีนี้สโมสรโปลิศ เทโรฯ จะเน้นการสร้างเยาวชนเป็นหลัก เราได้เซ็นสัญญากับสโมสรอะคาเดมี่ และนักเตะเยาวชนเข้าร่วมทีมมากมาย เพื่อต้องการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับวงการฟุต.ไทย'

ขญะที่ 'โค้ชอ้น' รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กุนซือคนเก่งของทีม ได้เผยถึงเป้าหมายขอบทีมในฤดูกาลนี้ว่า 'ปีนี้เท่าที่ได้คุยกับผู้ใหญ่ก็ตั้งเป้าไว้ว่าอยากจบครึ่งบนของตาราง แต่ส่วนตัวก็มั่นใจในศักยภาพทีมว่าจะสามารถจบท็อป 6 ของฤดูกาลได้ ก็ฝากให้แฟนฟุต.โปลิศ เทโรฯ ติดตามให้กำลังใจนักเตะกันได้ ทั้งผ่านหน้าจอทีวี และที่สนามเมื่อวันที่เข้าชมเกมได้'

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันนัดแรก โปลิศ เทโร เอฟซี จะบุกไปเยือน การท่าเรือ เอฟซี ที่สนามช้าง อารีน่า ในวันที่ 5 กันยายน 2564 เวลา 19:00 น.
#3450


นางลินเน็ตต์ เมย์-จวน ลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ในประเทศไทยยังมีความรุนแรง และกระจายไปในหลายจังหวัด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าผู้เอาประกันภัย

บริษัทจึงมีนโยบายผ่อนปรนเงื่อนไขกรมธรรม์ ดังนี้ 

1.ขยายระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันภัย

สำหรับกรมธรรม์ที่มีวันครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 บริษัทฯ จะขยายระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันภัยจากเดิม 31 วัน เป็น 91 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย โดยระยะเวลาที่ขยายเพิ่มอีก 60 วัน ดังกล่าว เพื่อการชำระเบี้ยประกันภัยเท่านั้น


2. ผ่อนผันการขอต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย

สำหรับกรมธรรม์ที่สิ้นผลบังคับตามเงื่อนไขกรมธรรม์ เนื่องจากไม่ได้ชำระเบี้ยประกันภัย งวดที่ครบกำหนดชำระเบี้ยฯ ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 หากขอต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย หรือขอกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ประกันภัยภายใน 6 เดือนนับจากงวดที่ครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยดังกล่าว บริษัทฯ จะยกเว้นดอกเบี้ยจากการชำระเบี้ยประกันภัย รวมถึงการเรียกตรวจสุขภาพ สำหรับการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย หรือขอกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ดังกล่าว

3.ผ่อนผันการชำระคืนเงินกู้จ่ายชำระเบี้ยประกันโดยอัตโนมัติ

สำหรับกรมธรรม์ที่มีการนำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยตามเงื่อนไขกรมธรรม์ หรือเกิดการกู้จ่ายชำระเบี้ยประกันโดยอัตโนมัติ (APL) ของเบี้ยประกันภัยงวดที่ครบกำหนดชำระ ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 บริษัทฯ จะยกเว้นดอกเบี้ย หากมีการชำระคืนเงินกู้จ่ายชำระเบี้ยประกันโดยอัตโนมัติเต็มจำนวน (APL Full Payment) ภายใน 6 เดือน นับจากงวดวันที่ครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยดังกล่าว
#3451


วันนี้ (27 ส.ค.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ Online Business Matching 2021 ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพและช่องทางการตลาดเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการ SME ปีงบประมาณ 2564 ระหว่างผู้ประกอบการของประเทศไทย และประเทศฟิลิปปินส์ เป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อสร้างประสบการณ์ด้านการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสู่ประเทศฟิลิปปินส์ ตลอดจนสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และหาช่องทางการตลาดที่มีความเหมาะสมกับศักยภาพธุรกิจและสถานการณ์ปัจจุบัน

สำหรับการจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ Online Business Matching 2021 ระหว่างประเทศไทย กับฟิลิปปินส์ ได้มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 3 กันยายน 2564 มีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่น บิวตี้ ความงาม และสุขภาพ โดยมีผู้ขายเป็นผู้ประกอบการไทย จำนวน 70 ราย และผู้ซื้อเป็นผู้ประกอบการฟิลิปปินส์ กลุ่ม B2B เช่น ตัวแทนจำหน่าย ผู้กระจายสินค้า ผู้นำเข้าสินค้า ห้างร้าน ผู้ค้าปลีกค้าส่ง แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ เป็นต้น

โดยเป้าหมายการจับคู่ธุรกิจผู้ประกอบการไทย 1 ราย พบคู่ค้า 3 – 5 ราย ผ่านช่องทางการนัดหมายเจรจาธุรกิจบนแพลตฟอร์ม www.bee2bee.asia นอกจากนี้แล้วยังมีสิทธิพิเศษเพิ่มเติมในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลสินค้าและบริการของผู้ประกอบการไทยบนแพลตฟอร์มต่อ 3 เดือนหลังจบกิจกรรม เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจเพิ่มช่องทางการรับรู้ไปยังประเทศอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรบนแพลตฟอร์มอีกด้วย
#3452


Bigo Live แพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิ่งระดับโลก ได้เปิดตัวอีเวนท์ "ตลาดนัดวันศุกร์" ออนไลน์สำหรับทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าที่หันมาซื้อขายกันบนแพลตฟอร์ม eCommerce ทุกๆ สัปดาห์ นำโดยวีเจชั้นนำของประเทศไทยบนแอปฯ Bigo Live ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา

ตั้งแต่ตลาดหลายแห่งต้องปิดตัวกันไปอย่างชั่วคราวเพราะการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสนั้น Bigo Live ก็มุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งให้เหมือนกับการไปเดินตลาดจริงๆ ให้ถูกใจเหล่านักช้อป โดยสามารถติดตามได้ผ่านการไลฟ์สตรีมมิ่งของเหล่าวีเจบน Bigo Live ที่จะพาคุณไปช้อปสินค้าแฟชั่น อาหาร ขนมโฮมเมดเพื่อสุขภาพ อุปกรณ์ไอที สกินแคร์และเครื่องสำอาง ที่ยกขบวนกันมามากกว่า 50 ร้านค้า ด้วยเทคนิคการขายที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ขอเชิญทุกท่านให้เข้ามาเลือกชม เลือกช้อปไปกับไลฟ์สตรีมมิ่งสุดพิเศษโดยวีเจบน Bigo Live เช่น; VJ Apple (BIGO ID: Apple9696) จะมาแบ่งปันความอร่อยของโฮมเมดเบเกอรี่ที่เธอทำเอง VJ Sell (BIGO ID: sniwat16) พ่อค้าชุดสุนัขเกรดพรีเมียมชื่อดัง และ VJ Cheri (BIGO ID: nonney) เจ้าของแบรนด์สบู่หน้าใสไร้สิว KYLIN ที่ออกมาขายด้วยตัวเธอเองและให้โปรสุดคุ้มกับยูเซอร์
VJ จ๋า เจ้าของแบรนด์ VOWDA เครื่องสำอางออร์แกนิค (BIGO ID: harukasung)

VJ ออยล์ __duckkiez_oil_ ที่วาดรูปธรรมดาให้กลายเป็นภาพการ์ตูนน่ารักๆ เฉพาะคุณ

"ตลาดนัดวันศุกร์" เป็นหนึ่งในความพยายามของ Bigo Live ที่จะผลักดันธุรกิจท้องถิ่นให้พัฒนาไปสู่แพลตฟอร์มดิจิตัล และส่งเสริมวงจรอีคอมเมิร์ซประเทศไทยโดยการเปิดช่องทางการค้าทางเลือกที่มีประสิทธิภาพให้ธุรกิจได้เพิ่มรายได้และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง นอกจากนี้ Bigo Live ยังตั้งใจที่จะสร้างคอนเทนท์ที่น่าสนใจเพื่อทำให้สังคมไทยกลับมาอารมณ์ดีได้อีกครั้งในช่วงสถานการณ์การล็อคดาวน์ที่ยืดเยื้อที่มาพร้อมกับนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม

ด้วยโปรโมชั่นที่ดีที่สุดใน"ตลาดนัดวันศุกร์" บน Bigo Live จะช่วยร่นระยะห่างของชุมชนท้องถิ่นกับธุรกิจต่างๆให้อยู่ใกล้กันแค่ปลายนิ้ว สร้างให้เกิดประสบการณ์การซื้อขายที่สะดวก ครบวงจร และปลอดภัยหายห่วงได้ในบ้านของทุกคนเอง

ท่านสามารถเข้าชมและช้อปกันในช่วง "ตลาดนัดวันศุกร์" ได้โดยการดวน์โหลดแอปฯ Bigo Live (บนระบบ iOS และ Android) หรือคลิก http://bit.ly/bigoecommerce
ที่สำคัญ กิจกรรมนี้ ฟรี! ไม่มีค่าสมัคร และรายได้ทั้งหมดจะไม่ถูกหักค่าใช้จ่าย แถมยังเป็นโอกาสเพิ่มช่องทางการขายสินค้าอีกด้วย

สามารถลงทะเบียนหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://forms.gle/ZHqV5saQNHM5hioa6

เกี่ยวกับ Bigo Live
Bigo Live เป็นสังคมไลฟ์สตรีมมิ่งที่เติบโตไวที่สุดในโลก โดยผู้ใช้สามารถถ่ายทอดสดในเวลาเรียลไทม์ เพื่อแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ ความสามารถพิเศษต่างๆ และโต้ตอบกับผู้คนทั่วโลก Bigo Live มีผู้ใช้กว่า 400 ล้านคนใน 150 ประเทศและปัจจุบันเป็นผู้นำของตลาดไลฟ์สตรีมมิ่ง Bigo Live เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2559 เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท BIGO Technology ที่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์
#3453


เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน ประกาศว่าหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ควบคุมได้แล้ว เป้าหมายต่อไปของสหรัฐอเมริกาคือจะทำทุกวิถีทางที่จะอวสานโรคมะเร็งให้ได้

เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวอยู่บ้าง เพราะลูกชายของเขา บิว ไบเดน (Beau Biden) ก็เสียชีวิตลงไปด้วยโรคมะเร็งร้ายตั้งแต่อายุเพียงแค่ 46 ปี

ไบเดนตั้ง ดร. อีริค แลนเดอร์ (Eric Lander) ศาสตราจารย์ทางด้านพันธุศาสตร์และคณิตศาสตร์ จากเอ็มไอที หนึ่งในผู้บุกเบิกโครงการจีโนมมนุษย์ ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาหลักทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเพื่อผลักดันนโยบายวิจัยให้ตอบโจทย์นี้ให้ได้

แม้ว่าสหรัฐจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบนิเวศน์ที่สนับสนุนการผลักดันงานวิจัยออกไปสู่ธุรกิจนวัตกรรมออกมาได้อย่างน่าประทับใจจนหลายคนมองว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาส ​แต่ทว่าในมุมมองของนักบริหาร การผลักดันงานวิจัยจากห้องทดลองสู่การใช้งานจริงนั้นยังเกิดขึ้นน้อยกว่าที่คาดหวังไปมาก ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการให้ทุนแบบระมัดระวังเกินไป จนนวัตกรรมแบบไอเดียพลิกโลกนั้นแทบจะไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้นมา

ไบเดนให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแนวคิดในเรื่องการให้ทุนของสำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูงด้านกลาโหม (Defense Advance Research Projects Agency, DARPA) หรือที่หลายๆ คนเรียกกันติดปากว่าดาร์พา

ดาร์พาตั้งขึ้นเมื่อปี 1958 หลังจากที่สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 (sputnik1) ขึ้นไปสู่วงโคจรของโลกได้เป็นผลสำเร็จ โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะยังคงฐานะเป็นผู้นำโลกทางด้านเทคโนโลยีอยู่


เพราะระบบการให้ทุนที่ไม่เหมือนใครของดาร์พาที่เน้นโครงการเสี่ยงสูง กำไงาม​ (high risk high rewards) จึงทำให้โครงการประหลาดๆ ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมแบบสุดโต่งที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีไปอย่ามหาศาล ตั้งแต่อินเตอร์เน็ต จีพีเอส โดรน ไปจนถึงวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ

โดยปกติแล้วกลไกการให้ทุนของแหล่งทุนทั่วๆ ไปคือจะจัดตั้งทีมผู้ทรงคุณวุฒิมานั่งอ่านแบบเสนอโครงการ ถามคำถาม ให้ความเห็นว่าจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนแล้วจบ อย่างมากก็อาจจะมีกลับมาอ่านอีกรอบเพื่อประเมินความก้าวหน้ารายปีแค่นั้น แต่ดาร์พาจะมีกลไกที่ต่างออกไป โดยทางดาร์พาเองจะไปยืมเอาตัวผู้เชี่ยวชาญศักยภาพสูงนับร้อยคนมาจากมหาวิทยาลัยหรือภาคอุตสาหกรรมมาเป็นผู้จัดการโครงการส่วนใหญ่ก็ระยะเวลาสามถึงห้าปี ผู้จัดการโครงการแต่ละคนจะต้องเกาะติดเรียกว่าเเทบจะเป็นหนึ่งในทีมวิจัยเลยก็ว่าได้ ทั้งต้องช่วยประสานงาน ขจัดอุปสรรคที่อาจจะมาขัดขวางการทำงาน ​กำหนดเดดไลน์และเข้าไปติดตามความก้าวหน้าของงานอยู่ตลอดเพื่อประเมินความก้าวหน้าและความเสี่ยงว่ามีโอกาสสำเร็จมากเพียงไร และควรจะให้การสนับสนุนต่อไปหรือไม่ โดยมีไกด์ไลน์ในการประเมินที่ชัดเจนที่เขียนขึ้นมาโดยอดีตผู้อำนวยการดาร์พา จอร์จ เฮลเมเออร์ เรียกว่า "ชุดคำถามของเฮลเมเออร์​ (Heilmeier Catechism)"

เนื่องจากทุนของดาร์พาส่วนใหญ่เป็นแบบเสี่ยงสูง ประเด็นสำคัญคือผู้จัดการโครงการจะต้องมีช่องให้ล้มเหลว เพราะเมื่อไรที่ทุกคนกลัวว่าโครงการจะไปไม่รอด โครงการแบบเสี่ยงสูงแต่ให้ผลพลิกโลกจะไม่มีโอกาสได้เกิด โครงการที่บางทีดูล้ำจนหลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นไปได้ยาก จนแหล่งทุนทั่วไปไม่กล้าให้เงิน ก็ยังอาจจะมีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากดาร์พาได้

จินตนาการ คือ มีผู้บริหารโครงการที่รู้จริงและเข้าใจมาช่วยตรวจสอบและผลักดันโครงการให้เป็นไปตามที่จะเป็น โอกาสที่จะดึงเอางานวิจัยขึ้นหิ้งให้ลงมาสู่ห้างก็อาจจะเป็นไปได้ และถ้ามีผู้จัดการโครงการที่เก่งและมีวิสัยทัศน์สูงๆ รู้ว่าเทคโนโลยีนี้จะตอบโจทย์เอกชนยังไงและใครจะเป็นพาร์ทเนอร์ในเชิงธุรกิจ งานวิจัยจะไม่จบแค่องค์ความรู้พื้นฐาน แต่จะถูกผลักดันให้กลายมาเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน หรือแม้แต่ออกมาสู้กับวิกฤตต่างๆ ได้

ไบเดนมีแผนจะตั้งอาร์พา-เอช (ARPA-H) เพื่องานวิจัยด้านสุขภาพ ภายใต้ร่มของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ (National Institute of Health, NIH) เพราะมีพันธกิจตรงกันคือ "เพื่อค้นหาองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติและพฤติกรรมของระบบชีวิตและการประยุกต์ใช้องค์ความรู้นั้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพ เพิ่มอายุขัย และลดการเจ็บป่วยและพิการ" โดยในปี 2022 นี้จะมีแผนการจะสนับสนุนงบประมาณจำนวน 6.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ เกือบๆ สองแสนสองหมื่นล้านบาทเพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์แบบล้ำยุค อย่างวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอต้านมะเร็ง อุปกรณ์สวมใส่(wearable) เพื่อติดตามอาการโรคเบาหวานและอัลไซเมอร์แบบเรียลไทม์ ระบบพัฒนาวัคซีนภายใน 100 วัน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งก็คงต้องลุ้นต่อไปว่าจะแนวคิดการบริหารจัดการโครงการวิจัยแบบนี้จะไปได้ไกลถึงฝั่งฝันอย่างทีดาร์พาเคยทำไว้ได้หรือเปล่า

"การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในช่วงสิบปีข้างหน้าจะเห็นได้ชัดเจนกว่าที่เคยพบเจอมาในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมารวมกันเสียอีก เห็นได้จากความไวในการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และอีกหลายๆ เทคโนโลยี" ไบเดน กล่าว "ผมไม่เห็นการลงทุนอะไรที่จะคุ้มค่ามากไปกว่านี้ และผมก็นึกไม่ออกว่าจะมีอะไรที่ทุกฝ่ายจะเห็นชอบร่วมกันได้แบบนี้อีก และมันอยู่ในขอบข่ายที่เราจะทำได้"

นอกจากอาร์พา-เอช เพื่อสุขภาพแล้ว สหรัฐยังมีโครงการอาร์พา-อี (ARPA-E) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน และอาร์พา-ซี (ARPA-C) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มต้นได้อย่างสวยงามและดูมีอนาคตไกล แต่จะไปได้ไกลแค่ไหน แล้วจะมีอุปสรรคอะไร อย่างไรบ้าง คงต้องติดตามดูต่อไป

ในเวลานี้ หลายประเทศได้ริเริ่มองค์กรให้ทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศน์งานวิจัยใหม่แนวๆ เสี่ยงสูง กำไรงามแบบเดียวกับดาร์พากันบ้างเเล้ว เช่นสำนักงานวิจัยและประดิษฐ์ขั้นสูง (Advanced Research and Invention Agency) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าเอเรีย (ARIA) ในสหราชอาณาจักร โครงการมูนช๊อต (moonshot) ของญี่ปุ่น และโครงการ SPRIN-D ของเยอรมนี

นี่อาจจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจในการผลักดันเทคโนโลยีดีปเทคให้ไปได้ไกลกว่าที่เคยทำมา การสร้างระบบนิเวศน์วิจัยและวิชาการที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการผลักดันงานวิจัยนวัตกรรมให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีใหม่อุตสาหกรรม
#3454


"สหรัฐอเมริกา" ถือเป็นประเทศต้นๆ ที่เริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาจนสามารถควบคุมโรคได้ ส่งผลให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวค่อนข้างดี

โดยปัจจุบันมีประชากรสหรัฐได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว 170.8 ล้านคน คิดเป็น 51.5% ของประชากรทั้งหมด 333 ล้านคน ส่วนประชากรที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกมี 201.4 ล้านคน คิดเป็น 60.7% ของประชากรทั้งหมด ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในยุคโควิด-19 เนื่องจากมีสัดส่วนผู้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วค่อนข้างสูง!

อย่างไรก็ตาม จากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ "สายพันธุ์เดลต้า" ในสหรัฐทำให้มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 7 วันล่าสุด เฉลี่ยสูงถึง 1.5 แสนรายต่อวัน ถือเป็นเรื่องที่ยังไว้ใจไม่ได้ และน่าเป็นห่วงสำหรับการตีกลับของไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าว ทำให้ภายในสหรัฐเริ่มมีการพูดถึงเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพิ่ม

สันติ แสวงเจริญ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนิวยอร์ก เล่าว่า ในช่วงหลังๆ อัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้รับวัคซีนในสหรัฐช้ามาก เพราะปัจจุบันควรจะมีสัดส่วนผู้ได้รับวัคซีน 70% ของประชากรทั้งหมดแล้ว จนรัฐบาลกลางภายใต้การนำของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่นต่างๆ ต้องออกมาตรการผลักดันทั้งส่งเสริมและบังคับให้ชาวสหรัฐรับการฉีดวัคซีนมากขึ้น เช่น ให้เงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อฉีดเข็มแรก ขณะที่ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจต้องฉีดวัคซีน หรือถ้าไม่ฉีด ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ทุกสัปดาห์

ส่วนกรณีที่หน่วยงานป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ หรือ ซีดีซี (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ประกาศเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ยกระดับคำเตือนให้ชาวสหรัฐหลีกเลี่ยงการเดินทางมายังประเทศไทย เนื่องจากไทยเป็น 1 ใน 7 ประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุด (Level 4) ต่อการระบาดของโรคโควิด-19

"ทั้งนี้ ททท.ขอย้ำว่าเป็นการยกระดับคำเตือนให้หลีกเลี่ยง ยังไม่ถึงขั้นห้ามเดินทางเข้าประเทศไทย ส่วนการตัดสินใจออกท่องเที่ยวนอกประเทศหรือไม่ ยังเป็นความต้องการส่วนบุคคลของชาวสหรัฐ เพราะไม่ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะตกต่ำ แต่ถ้าชาวสหรัฐตั้งใจ ก็ยังออกไปเที่ยวเหมือนเดิม"

โดยก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 นักท่องเที่ยวสหรัฐนิยมไปเที่ยวเม็กซิโก แคนาดา และประเทศในยุโรป แต่หลังโควิด-19 ระบาดมาสักระยะ ปัจจุบันเทรนด์ของนักท่องเที่ยวสหรัฐนิยมไปจุดหมายที่ต้องไม่มีการกักตัวเลย โดยเฉพาะ "หาดทราย ชายทะเล และแสงแดด" (Sea Sand Sun) ระยะใกล้ในแถบทะเล "แคริบเบียน" เช่น เม็กซิโก จาไมก้า โดมินิกัน และบาฮามาส ขณะที่จุดหมายระยะไกลคือมัลดีฟส์


สำหรับโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" เปิดพื้นที่นำร่องให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมาเที่ยวภายใน จ.ภูเก็ต แบบไม่ต้องกักตัว พบว่าตลอดเดือน ก.ค.ที่ผ่านมานับตั้งแต่เปิดโครงการฯวันที่ 1 ก.ค. มี "นักท่องเที่ยวสหรัฐ" เดินทางเข้าร่วมโครงการฯมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร อิสราเอล เยอรมนี และฝรั่งเศส

"และหลังจากสอบถามความคิดเห็นของทัวร์โอเปอเรเตอร์เกี่ยวกับการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และโครงการสมุย พลัส โมเดล พบว่าแม้จะรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้นกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทย เนื่องจากยังเป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยม แต่เรื่องมาตรการและเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศยังซับซ้อนมากเกินไป รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศไทยยังน่าเป็นห่วง"

นอกจากนี้ทัวร์โอเปอเรเตอร์ส่วนใหญ่ยังโฟกัสการขายแพ็คเกจทัวร์แบบ "Fully Opened" เหมือนจุดหมายในแถบทะเลแคริบเบียน คือต้องไม่มีเงื่อนไขเข้ารับการกักตัวเลย! ขณะเดียวกันทัวร์โอเปอเรเตอร์หลายรายยังถือว่าภาพใหญ่ของประเทศในภูมิภาคเอเชีย รวมประเทศไทย ยังถือว่ามีการปิดประเทศอยู่ ยังไม่ได้แยกแยะหรือลงลึกว่าประเทศไทยมีการเปิดพื้นที่นำร่องภูเก็ตแล้ว ซึ่ง ททท.พยายามโปรโมทว่าขณะนี้กำลังเปิดเมืองภูเก็ต (Reopening Phuket) เพื่อให้ทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการทัวร์รับรู้เรื่องนี้มาตลอด

ด้านรายงานข่าวจาก ททท. ระบุเพิ่มเติมว่า จากสถิติโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ณ วันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศสะสม 55 วันแรก ตั้งแต่ 1 ก.ค.-24 ส.ค.2564 จำนวน 24,190 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 24,120 คัดกรองพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 70 คน และเมื่อดูยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันมีจำนวน 158 คน แบ่งเป็นในประเทศ 156 คน และต่างประเทศ 2 คน

ส่วนยอดจองที่พักโรงแรมในภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ตลอดไตรมาส 3 นี้มี 427,972 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 190,843 คืน เดือน ส.ค. 175,685 คืน และเดือน ก.ย. 61,444 คืน และเมื่อรวมยอดจองห้องพักในช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือน ต.ค.2564-ก.พ.2565 อีกจำนวน 17,895 คืน ทำให้ในช่วงเดือน ก.ค.2564-ก.พ.2565 มียอดจองห้องพักในภูเก็ตรวม 445,867 คืน
#3455


เดลต้า ชูธงผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการจัดการพลังงานและความร้อน ประกาศลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement: "PPA") เป็นครั้งแรกกับบริษัท ทีซีซี กรีน เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (TCC Green Energy Corporation: "TCC") เพื่อจัดซื้อพลังงานสีเขียวในทุกๆ ปี ขนาดประมาณ 19 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ("kWh") ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่มีส่วนสนับสนุนความมุ่งมั่นของโครงการ RE100 ในการใช้พลังงานทดแทนถึง 100% รวมถึงความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) หรือการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์จากการดำเนินงานทั่วโลกภายในปีพ.ศ. 2573

โดย ณ ปัจจุบัน TCC ถือเป็นบริษัทที่มีกำลังการผลิตพลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน และเป็นผู้จัดหาพลังงานสีเขียวจากพลังงานลมให้แก่เดลต้าถึง 7.2 เมกะวัตต์ ("MW") ด้วย PPA ดังกล่าวและสถานะการเป็นสมาชิกในโครงการ RE100 เพียงบริษัทเดียวในประเทศใต้หวันที่มี PV อินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ล้ำสมัย รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนเวอร์เตอร์แปลงพลังงานลม นอกจากนี้ เดลต้ายังคงอุทิศตนเพื่อการพัฒนาพลังงานทดแทนทั่วโลกต่อไป

นายเจิ้ง ผิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเดลต้า กล่าวว่า "เราขอขอบคุณ บริษัท ทีซีซี กรีน เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น ที่ไม่เพียงแต่มอบพลังงานสีเขียวจำนวน 19 ล้าน kWh ให้กับเราในทุกๆ ปี แต่ยังรวมถึงการนำโซลูชันและการบริการของเดลต้ามาใช้ในพลังงานทดแทนเป็นจำนวนมาก โดยรวมแล้ว ข้อเสนอนี้คาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่า 193,000 ตัน* ซึ่งเทียบเท่ากับการสร้างสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทเปอย่าง Daan Forest Park ถึง 502 แห่ง และสอดคล้องกับพันธกิจของเดลต้าคือ มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้พลังงานสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่า"

"ต่อจากนี้ โมเดล PPA ดังกล่าวอาจถูกนำไปจำลองใช้ในสถานที่อื่นๆ ของเดลต้าทั่วโลกสำหรับเป้าหมายโครงการ RE100 ของเรา โดยเดลต้ามีความมุ่งมั่นมาตลอดที่จะมีส่วนร่วมและปกป้องสิ่งแวดล้อม หลังจากผ่านการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก (Science-based Targets: "SBT") ในปีพ.ศ. 2560 เดลต้ามีจุดมุ่งหมายที่จะลดความเข้มข้นของคาร์บอนลงถึง 56.6% ภายในปีพ.ศ. 2568 โดยได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องใน 3 ประการ ได้แก่ การอนุรักษ์พลังงานด้วยความสมัครใจ การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ภายในองค์กร และการซื้อพลังงานหมุนเวียน รวมถึงในปีพ.ศ. 2563 เดลต้าได้ลดความเข้มข้นของคาร์บอนลงแล้วกว่า 55% นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินการได้เหนือเป้าหมายประจำปีเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน และการใช้พลังงานทดแทนของการดำเนินงานทั่วโลกของเราอยู่ที่ประมาณ 45.7% ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ล้วนมีส่วนอย่างมากต่อเป้าหมายโครงการ RE100 ของเรา"

นายหวง ชุน-อี๊ ประธานบริษัท Taiwan Cogeneration Corporation (TCC) กล่าวว่า สอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาพลังงานทดแทน TCC มุ่งมั่นที่จะพัฒนาพลังงานดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานความร้อน ซึ่งถือเป็นองค์กรกลุ่มไฟฟ้าแห่งแรกในไต้หวันที่มีบริการครบวงจรตั้งแต่การลงทุนและพัฒนาพลังงานทดแทน การทำสัญญาด้านวิศวกรรม การดำเนินงานและการบำรุงรักษา ไปจนถึงความสามารถในการขายพลังงานสีเขียว สำหรับภาระการถ่ายโอนจะมาจากกังหันลมบนบกที่สร้างโดย Xingbao Wind Farm Group ด้วยกำลังการผลิตจำนวน 3.6 MW ต่อหน่วย โดยในปัจจุบันเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังงานลมเหล่านี้มีกำลังการผลิตมากที่สุดในไต้หวัน และเดลต้าจะได้รับพลังงานสีเขียวที่สะอาดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งสองบริษัทยึดมั่นการร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงอนาคต และทีซีซี กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทต่างๆ ที่กำลังแสวงหาการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเต็มที่ ดังนั้น บริษัทปรารถนาที่จะร่วมสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และทำงานเพื่อลดการปล่อยมลพิษต่อไป

เนื่องในโอกาสที่เดลต้าประกาศตัวเป็นสมาชิกกลุ่ม RE100 ผู้ริเริ่มด้านพลังงานหมุนเวียนระดับโลก เดลต้าให้คำมั่นสัญญาว่าภายในปีพ.ศ. 2573 บริษัทจะใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินการผลิตทั้งหมด พร้อมทั้งลดการปล่อยคาร์บอนอย่างสิ้นเชิง โดยเดลต้าเป็นบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีรายแรกในไต้หวันที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะบรรลุเป้าหมายของกลุ่ม RE100 ภายในปี 2573 เดลต้ามีศูนย์การผลิตอยู่ในทั้ง 5 ทวีป ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำตามเป้าหมายของ RE100 ให้สำเร็จ เดลต้ามุ่งเน้นในเรื่องของการอนุรักษ์พลังงาน การผลิตและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการลงทุนในโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทน ควบคู่ไปกับการประเมินความพร้อมของตลาดพลังงานสีเขียวในพื้นที่ท้องถิ่นเพื่อทำสัญญา PPA หรือการซื้อใบอนุญาตพลังงานทดแทน (Renewable Energy Certificates: "RECs")

โดยในปีพ.ศ. 2563 โรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของเดลต้าสามารถผลิตพลังงานได้ประมาณ 25.3 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในขณะที่พลังงานไฟฟ้า 285 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ยังถูกซื้อผ่านทาง RECs ซึ่งการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตหลักๆ มีสัดส่วนประมาณ 55.1% ของการใช้พลังงานทั้งหมด โดยนับเป็นสัดส่วนประมาณ 45.7% ของการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตของการดำเนินงานทั้งหมดทั่วโลก ดังนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อพลังงานสีเขียว เดลต้าจึงจัดตั้ง "ทีมเดลต้า กรีน เอนเนอร์ยี่" (Delta Green Energy Team) ในช่วงต้นปีพ.ศ. 2564 โดยทีมฯ มีหน้าที่ในการคัดเลือกโครงการผลิตไฟฟ้าที่ตอบสนองความยั่งยืนและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด พร้อมทั้งดำเนินการตรวจสอบและลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์จริงเพื่อนำข้อมูลไปพิจารณาการทำสัญญา PPA ระยะยาว

เพื่อตอบสนองต่อการบังคับใช้กฎระเบียบผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ตามพระราชบัญญัติการพัฒนาพลังงานทดแทน ประกอบกับข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการสำหรับห่วงโซ่อุปทานในการใช้พลังงานสีเขียวสำหรับระบบการผลิตของลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ ความต้องการในการผลิตพลังงานหมุนเวียนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตลาดพลังงานหมุนเวียนที่กำลังพัฒนาและขยายตัวอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดการขาดแคลนพลังงานสีเขียวในระยะสั้น เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายนี้ นอกเหนือจากการประเมินสัญญา PPA สำหรับพลังงานทดแทนอย่างกระตือรือร้นของเดลต้า บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโซลูชันการประยุกต์ใช้พลังงานทดแทนต่างๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจผลิตไฟฟ้าใช้พลังงานทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยกตัวอย่าง ระบบกักเก็บพลังงานที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีหลักของเดลต้าสามารถทำให้การใช้และผลิตพลังงานหมุนเวียนมีความสอดคล้องกันมากขึ้นผ่านการควบคุมอย่างชาญฉลาดในการคายประจุและการชาร์จแบตเตอรี่ โดยโซลูชันพลังงานทดแทนของเดลต้าได้รับการตอบรับอย่างแพร่หลายจากโรงไฟฟ้าสีเขียวทั่วโลก รวมถึง TCC ที่นำโซลูชันไปประยุกต์ใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านการนำ PV อินเวอเตอร์ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 เฟส (Three phase) ของเดลต้าไปใช้ในโรงไฟฟ้าหลายแห่ง รวมถึงสถานีที่ให้กำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ที่ใหญ่ที่สุดของ TaiPower ในเมืองไถหนานทางใต้ของไต้หวัน นอกจากนี้ ทั้งสององค์กรยังได้วางแผนความร่วมมือในระยะยาวสำหรับการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

*อ้างอิงจากการประมาณการของสภาการเกษตร ซึ่งพื้นที่ป่า 1 เฮกตาร์อาจดูดซับการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 15 MTs ในแต่ละปี ดังนั้นสวนสาธารณะ Daan Forest Park หนึ่งแห่งที่มีขนาด 25.8 เฮกตาร์ จะมีการลดคาร์บอนต่อปีที่ 384.6 MTs
#3456
 ขายที่ดินท่าอิฐขายถูกกว่าทั่วไป นนทบุรี  ขนาด 1 ไร่ ใกล้ถนนราชพฤกษ์ ใกล้รถไฟฟ้า สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ ขายถูกกว่าทั่วไป 30,000 บาท/ตร.วา ทำเลดี ราคาถูกกว่า ทั่วไป



ที่ดินท่าอิฐขายถูก30000/วา ขนาด 1 ไร่ ใกล้ถนนราชพฤกษ์ ใกล้รถไฟฟ้า ขายถูกกว่าทั่วไป ใกล้เคียงเพียง 30,000 บาท/ตร.วา  ขายที่ดินท่าอิฐ12
ขายถูกกว่าทั่วไปใกล้เคียง ขายที่ดินท่าอิฐซอย12  เพียง 30,000 บาท/ตร.วา

 ขายที่ดินท่าอิฐซอย12
ลักษณะเด่น :
ที่ดินเปล่า ขนาด 1 ไร่ รูปสี่เหลี่ยมพื้นผ้า หน้ากว้าง 35 เมตร
ในซอยท่าอิฐ 12 ห่างจากถนนราชพฤกษ์เพียงกิโลครึ่ง
เดินทางสะดวก เข้าออกได้ 2 ทาง 
ทั้งทางถนนราชพฤกษ์ หรือออกทางรัตนาธิเบศร์
ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ
ที่สวย ทำเลดี ราคาถูกกว่าทั่วไป

ที่ดินใกล้สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ ที่ดินทำเลทอง สะดวก น้ำประปา, มีไฟฟ้า ใกล้ระบบคมนาคมขนส่ง, ใกล้หน่วยงานราชการใกล้แหล่งชุมชน ใกล้สถานีรถไฟฟ้า/รถไฟฟ้าใต้ดิน, ใกล้ห้างสรรพสินค้า, ใกล้โรงพยาบาล/คลีนิค, ใกล้โรงเรียน/มหาวิทยาลัย
ที่ตั้ง ซอยท่าอิฐ 12 ถนนราชพฤกษ์ ต.ท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
เนื้อที่ 1 ไร่ รูปสี่เหลี่ยม หน้ากว้าง 35 ม.  ลึก 45 ม.


สถานที่ ใกล้เคียง
– ใกล้ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์
– ใกล้ เซ็นทรัล เวสต์เกต
– ใกล้ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน
– ใกล้ สถานีรถไฟฟ้า สถานีท่าอิฐ (บางซื่อ-บางใหญ่)
– ในซอยมีร้านสะดวกซื้อ 7-11

ที่ดินซอยท่าอิฐ12 ขาย 12,000,000 บาท (30,000 บาท/ตร.วา) ค่าโอนออกคนละครึ่ง
สนใจ ติดต่อ คุณวิน 0621959053
ไลน์: ravinm23


รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.rubpostban.com/ขายที่ดินท่าอิฐซอย12/

คำค้น
ขายที่ดินท่าอิฐ,  ขายที่ดินท่าอิฐซอย12,  ขายที่ดินท่าอิฐนนทบุรี ขายที่ดินท่าอิฐ1ไร่ใกล้ถนนราชพฤกษ์, ขายที่ดินท่าอิฐใกล้รถไฟฟ้า, ขายที่ดินท่าอิฐขายถูกกว่าทั่วไป, ที่ดินท่าอิฐขายถูก30000/วา,
#3457


(ภูเก็ต ประเทศไทย) เผยโฉมสุดยอดโครงการรักษ์โลก "จำปา" ร้านอาหารแนวคิดใหม่ที่ผสมผสานนวัตกรรมเข้ากับอาหารและเครื่องดื่ม สร้างสรรค์เมนูรสเลิศจากวัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่น เน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ พร้อมยึดหลัก Zero Waste ไม่สร้างขยะให้แก่โลก ณ ตรีวนันดา คอมมูนิตี้เพื่อสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมกลางเกาะภูเก็ต ภายใต้การดูแลของ มนทาระ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ที่เคยคว้ามาหลายรางวัลระดับโลก ได้แก่ "พรุ" ร้านอาหารรางวัลมิชลิน สตาร์ 1 ดาว แห่งเดียวนอกเขตกรุงเทพฯ "ซีฟู้ด แอท ตรีสรา" ร้านอาหารแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รางวัลมิชลิน กรีน สตาร์ และ "พระยา ไดนิ่ง" ที่ได้รับมิชลิน เพลท อันทรงเกียรติ เปิดปฐมฤกษ์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป 

"จำปา เป็นโครงการที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเราให้ความสำคัญกับวัตถุดิบจากท้องถิ่น ใช้ไฟฟืน ยึดแนวคิดการปรุงอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดขยะ ถือเป็นบทบาทหลักของ ตรีวนันดา คอมมูนิตี้ เฮ้าส์" เควนทิน ฟูเกอรูซ์ (Quentin Fougeroux) ผู้อำนวยการ ด้านอาหารและเครื่องดื่มกล่าว "เนื่องจากเป็นศูนย์กลางคอมมูนิตี้ ที่นี่จึงเป็นพื้นที่เพื่อการแบ่งปัน เรียนรู้ และให้ความสำคัญกับชีวิตที่ดี รวมไปถึงยึดหลักการความเป็นอยู่แบบพึ่งพาตนเอง นับว่าเป็นสถานที่ซึ่งผสานอาหารและงานฝีมือเข้าด้วยกัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด" 

ชื่อ "จำปา" (JAMPA) มาจากชื่อของดอกแมกนิโอเลีย จัมพากา (Magniolia Champaka) ซึ่งเป็นดอกไม้เฉพาะถิ่นที่มีกลิ่นหอมพบได้ทั่วไปในภูเก็ต และมาจากชื่อของหมู่บ้านเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของฟาร์มของกรุ๊ป ที่เรียกกันว่า "พรุจำปา" ครึ่งแรกของชื่อหมู่บ้านได้นำมาตั้งเป็นชื่อร้านอาหาร "พรุ" ร้านชนะรางวัลมิชลินของมนทาระ และใช้ชื่อครึ่งหลังสำหรับคอนเซปต์ใหม่นี้
ทีมอาหารของจำปามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ร้านอาหารแห่งนี้ก้าวไปสู่แถวหน้าของนวัตกรรมอาหารในเกาะภูเก็ต โดยการใช้ไฟจากฟืนเท่านั้น ในการรังสรรค์วัตถุดิบท้องถิ่นให้กลายเป็นอาหารอันน่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมเน้นเมนูที่ดีต่อสุขภาพ สร้างความสมดุลให้ร่างกาย ซึ่งส่งผลดีงามต่อจิตใจ 

ทีมจำปามี เชฟริค ดิงเกน (Chef Rick Dingen) เป็นหัวหน้าทีม เขาเคยประจำอยู่ที่ร้านอาหารเมดิสัน ในกรุงเทพฯ และยังผ่านการทำงานในร้านอาหารระดับมิชลิน สตาร์ ในประเทศไทยและเนเธอร์แลนด์บ้านเกิดของเขา ซึ่งรวมถึงร้านอินเตอร์ สกาลเดส ร้านระดับมิชลิน สตาร์ 3 ดาว และร้านอาหาร เดอ คาส ที่ขึ้นชื่อเรื่องนำของสดจากฟาร์มมาปรุงอาหาร เชฟทุ่มเทให้กับการเลือกสรรวัตถุดิบสดใหม่ที่เก็บเกี่ยวได้ในวันนั้น ใช้วิธีปรุงอาหารด้วยไฟจากฟืน เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ทางธรรมชาติของวัตถุดิบแต่ละชนิด 

"สำหรับเราแล้ว เป็นเรื่องสำคัญมากในการเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและอยู่ในฤดูกาลมาปรุงด้วยวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้" เชฟริคกล่าว "การทำอาหารคืองานฝีมือ ประกอบกับบริการและบรรยากาศของสถานที่ นับเป็นหนึ่งในศิลปะที่สวยงามที่สุด เราต้องการให้แขกของเราได้สัมผัสถึงอารมณ์ของเชฟ ได้รับรู้ว่าทำไมเราจึงคัดสรรวัตถุดิบเหล่านี้ ทำไมเราจึงเลือกวิธีปรุงอาหารแบบนี้ และอยากให้ได้ร่วมเรียนรู้จากเรา ที่ร้านไฮด์อะเวย์ บาย จำปา ร้านป๊อปอัพของเรา ทุกสัปดาห์เรามักจะทำอาหารกลางแจ้งด้วยไฟฟืน ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้วัตถุดิบใหม่ ๆ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เราทดลองหลาย ๆ สิ่ง เราหัวเราะมีความสุขกับมัน เป็นประสบการณ์ที่แขกของเราสามารถมีส่วนร่วมได้เช่นกัน" 

ร้านอาหารจะตั้งอยู่ที่ ตรีวนันดา คอมมูนิตี้ เฮ้าส์ เป็นอาคารแสนสวยที่ออกแบบโดย ฮาบิตา อาร์คิเท็คท์ บริษัทออกแบบมือรางวัลและสถาบันศิลปะอาศรมศิลป์ ออกแบบตกแต่งภายในโดย อาฟโรโค่ ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในบริษัทออกแบบที่ล้ำสมัยที่สุดในวงการ ล้อมรอบไปด้วยเนินทรายและภูมิทัศน์ที่สวยงาม อาคารคอมมูนิตี้ เฮ้าส์ แห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของ ตรีวนันดา เวลเนส คอมมูนิตี้ ที่ซึ่งผู้พักอาศัยสามารถมาพบปะแลกเปลี่ยนมุมมองกัน ทั้งผู้พักประจำและผู้มาเยือนจะสามารถร่วมพลังกันในโครงการต่าง ๆ ของชุมชนที่เน้นเรื่องความยั่งยืน เรื่องโภชนาการ และความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำโดยทีมของตรีวนันดา 

ร้านอาหารได้รับการกล่าวถึงในหัวข้อ "ร้านเปิดใหม่ล่าสุด" ของเวปไซต์ "Top 25 Restaurants Phuket" โดย อเมซิ่ง ไทยแลนด์ ยังมีบาร์ที่ทันสมัยนำเสนอเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ร่างกาย และจิตใจ เสิร์ฟมาในรูปแบบที่คุ้นเคยของนักดื่ม รวมทั้งมีแนวคิด zero waste ลดขยะเป็นศูนย์ นำเสนอของสดเก็บใหม่ในวันนั้น ขนมปังอบใหม่ และอาหารชั้นดีชนิดอื่น ๆ ให้กับผู้พักอาศัยและแขกผู้มาเยือน 

สำหรับแนวคิดลดขยะเป็นศูนย์ (The Zero Waste) สิ่งสำคัญของคอมมูนิตี้นี้ คือ อาหารและข้าวของต่าง ๆ จะไม่ใช้พลาสติก ผู้พักอาศัยและแขกสามารถเลือกสรรสินค้าโฮมเมด ผลไม้ ผัก และสมุนไพร ที่เก็บมาสด ๆ ขนมปังอบใหม่ที่ยังอุ่น ๆ จากเตาฟืน ชีสท้องถิ่น ชีสวีแกน และสินค้าอื่น ๆ ในรีฟิล สเตชั่น ยิ่งไปกว่านั้น เชฟทุกคนพร้อมให้คำแนะนำหรือเกร็ดความรู้ในการใช้ประโยชน์จากผลิตผลนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

ร้านอาหารก็มุ่งมั่นที่จะเป็นร้านแรกบนเกาะภูเก็ตที่ปรุงอาหารตามแนวคิดลดขยะเป็นศูนย์เช่นเดียวกัน "เราต้องการลดผลกระทบต่อโลกให้มากที่สุดและเราแยกขยะในครัวของเราทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เหลือสิ่งใดกลับไปสู่พื้นดิน" เควนทิน กล่าว "เราจะแยกขยะ โดยอาหารที่เหลือจะนำไปเป็นอาหารสัตว์หรือทำเป็นปุ๋ยใช้ในฟาร์มของเรา ขยะและของที่ย่อยสลายได้จะถูกนำมาใช้เป็นปุ๋ยปลูกผักเพื่อทำให้วงจรของชีวิตสมบูรณ์" 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ +66 76 310 100 หรือเยี่ยมชมที่ jamparestaurant.com
Facebook : https:// www.facebook.com/JampaRestaurant/
Instagram : https:// www.instagram.com/jamparestaurant/?hl=en
Line : @jamparestaurant ​
#3458


วันนี้ (23 ส.ค.) เฟซบุ๊ก "โฆษกกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข" ของ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (รก.11) และ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ กระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความหัวข้อ "เรารับใช้ประชาชนบนหลักวิชาการ" ระบุว่า "มีข้อสงสัยกันมากกับการตัดสินใจในหลายเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข ผมขอเรียนย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุข ไม่เคยอยู่ใต้อคติของใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

เรายืนหยัดทำงาน รับใช้ประชาชนบนหลักวิชาการเท่านั้น และเราเข้มแข็งพอที่จะต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คนที่ทำงานที่นี่ได้ เพราะยอมรับในหลักการเดียวกัน การตัดสินใจของเรา จะเกิดขึ้น เมื่อมีผลการศึกษาที่เชื่อถือได้มารองรับเท่านั้น การทำงานของเรา มิได้อยู่บนมโนคติ เราไม่กล้าเอาสมมุติฐาน มาตัดสิน เพื่อดำเนินการ เรากล้านำเสนอผลงานของเรา และเราทำทุกอย่าง อย่างโปร่งใส เรามิได้กระทำการใดด้วยเพราะ "เชื่อว่า" แต่เราจะปฏิบัติ เมื่อ "มีผลการศึกษา จาก ..... ออกมาว่า ......" และผลการศึกษานั้น จะต้องไม่ใช่หน่วยงานเดียว แต่ต้องออกมาจากหลายหน่วยงาน เพราะเราต้อง Cross Check ด้วย

เรื่องการให้บริการวัคซีนสูตร SA หรือ SINOVAC ต่อด้วย แอสตร้าเซนเนกา มีหลายทีมที่ศึกษาเรื่องนี้ ทุกทีมล้วนเป็นสถาบันการแพทย์ชั้นแนวหน้าของประเทศ และทุกทีม มีผลการศึกษาตรงกันว่า สูตรนี้ สร้างภูมิคุ้มกันได้สูง ในระยะเวลาที่เร็วขึ้น ต้องขอบคุณเหล่าอาจารย์แพทย์ และผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน ซึ่งผลักดันการสาธารณสุขไทยไปข้างหน้า ท่านยังทำงาน แม้จะมีแรงเสียดทานมากเหลือเกิน เราชาวกระทรวงสาธารณสุข ขอยืนยันว่า การทำงานของเรานั้น เป็นไปด้วยความสุจริต ไร้อคติครอบงำ "เรารับใช้ประชาชนบนหลักวิชาการ" #ความในใจชาวสธ
#3459


อิเกีย เพิ่มความสะดวกและความคุ้มค่าให้กับลูกค้าชาวไทยในช่วงล็อกดาวน์ ช้อปเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านผ่านอิเกีย ออนไลน์ ที่ IKEA.co.th ให้การใช้ชีวิตในบ้านเป็นไปอย่างปลอดภัยและตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ในราคาประหยัด และง่ายยิ่งขึ้น ได้แก่ ค่าส่งพัสดุ 99 บาท จุได้ถึง 24 กิโลกรัม ราคาเดียวทุกพื้นที่จัดส่ง, บริการจัดส่งโดยรถบรรทุก เริ่มต้น 290 บาท (เฉพาะพื้นที่ที่ร่วมรายการ) ไม่จำกัดจำนวน, บริการ Click & Collect ช้อปออนไลน์ แล้วไปรับที่สโตร์ ไม่มีค่าใช้จ่าย, บริการออกแบบออนไลน์ และบริการผ่อน 0% นาน 10 เดือน พบกับบริการและข้อเสนอสุดพิเศษจากอิเกียออนไลน์ ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2564

บริการและข้อเสนอต่างๆ จากอิเกีย
- โปรโมชั่นค่าส่งแบบพัสดุ 99 บาท (จากปกติ 149 บาท) ช้อปจุใจได้ถึง 24 กิโลกรัม สำหรับสินค้าที่มีปริมาตรไม่เกิน 76 ลิตร และสินค้าแต่ละชิ้นมีความยาวไม่เกิน 1.4 เมตร
- โปรโมชั่นค่าจัดส่งโดยรถบรรทุก เริ่มต้น 290 บาท* (ปกติ 570 บาท) ช้อปเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ได้จุใจ *เฉพาะพื้นที่จัดส่งที่ร่วมรายการ
- บริการ Click & Collect ช้อปออนไลน์สะดวกและปลอดภัยจากที่บ้าน แล้วมารับสินค้าได้ที่จุดรับสินค้าที่สโตร์อิเกีย บางนา และอิเกีย บางใหญ่ พร้อมให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 19:00 น.
- บริการออกแบบออนไลน์ ฟรี! สำหรับลูกค้าที่ต้องการออกแบบตู้เสื้อผ้า PAX เพิ่มความสะดวกออกแบบตู้เสื้อผ้าโดยผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อได้ที่ IKEA.TH.planning@ikano.asia
- บริการผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ และมียอดซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท

ทั้งนี้ อิเกีย บางนา และอิเกีย บางใหญ่ ปิดให้บริการชั่วคราวตามประกาศของ ศบค. และหวังว่าจะได้ต้อนรับทุกคนที่สโตร์อีกครั้งในเร็วๆ นี้
#3460


อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ นักหวดชาวเยอรมัน ต้อน อังเดรย์ รูเบลฟ 2 เซตรวด ผงาดซิวแชมป์ที่ซินซินเนติ ไปครองได้สำเร็จ คว้าแชมป์รายการที่ 17 ในชีวิต

ศึกเทนนิส เอทีพี ทัวร์ มาสเตอร์ส 1000 รายการ เวสเทิร์น แอนด์ เซาเทิร์น โอเพ่น 2021 ที่เมืองซินซินเนติ สหรัฐอเมริกา ชิงเงินรางวัลรวม 5,404,435 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 180 ล้านบาท วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564 เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ

ประเภทชายเดี่ยว อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ นักหวดมือ 5 ของโลกชาวเยอรมัน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะ อังเดร รูเบลฟ มือ 7 ของโลกจากประเทศรัสเซีย 2-0 เซต 6-2, 6-3 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้เป็นสมัยแรก รับเงินรางวัลไป 391,240 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 13 ล้านบาท

โดย อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ กลายเป็นนักเทนนิสจากเยอรมนี คนที่ 2 ต่อจาก บอริส เบ็คเกอร์ เมื่อปี 1985 ที่คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้สำเร็จ ถือเป็นแชมป์ที่ 17 ในชีวิตของเจ้าตัว และเป็นแชมป์รายการที่ 2 ในปฏิทินปี 2021 ต่อจาก "มาดริด โอเพ่น" เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

"ต้องขอชื่นชม รูเบลฟ ที่เล่นดีมาตลอดทั้งอาทิตย์ ถึงแม้เขาจะยิ้มอยู่ตอนนี้แต่เขาคงรู้สึกผิดหวัง เพื่อนคนนี้เป็นยอดฝืมือ ผมรู้จักเขามาตั้งแต่อายุ 11 ปี เขามีศักยภาพที่ดีพอที่จะคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้แน่ๆ ในอนาคต"

"นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณพ่อของผม และพี่ชายของผม ที่สนับสนุนผมมาตลอด ที่สำคัญคือการได้เห็นแฟนๆ เข้ามาเชียร์ในสนาม ผมหวังมาตลอดว่าแฟนๆ จะกลับเข้าสู่สนามได้แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ขอบคุณฝ่ายจัด และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน" ซเวเรฟ กล่าว