• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chanapot

#3361


ลิเวอร์พูล ลงสนามอุ่นเครื่องปรีซีซั่น เตรียมความพร้อมก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ ที่สต๊าด กามิลล์ ฟูร์นิเยร์ เมืองเอวิยอง ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา พบ โบโลญญ่า ทีมในกัลโช เซเรีย อา อิตาลี

เกมนี้เป็นการลงเล่นแบบมินิแมตช์ ฟาดแข้งกันแค่ 60 นาที "หงส์แดง" ส่ง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังที่เพิ่งหายบาดเจ็บ ลงเล่นเป็นตัวจริง ขณะที่ในแดนหน้า ใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก โชตา และซาดิโอ มาเน่ เป็น 3 ประสาน

ปรากฎว่า ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะ โบโลญญ่า ไปด้วยสกอร์ 2-0 จากการทำประตูของ ดิโอโก โชตา ในนาที่ 7 และซาดิโอ มาเน่ ในนาทีที่ 13

สำหรับโปรแกรมต่อไป ลิเวอร์พูล จะลงเล่นเกมอุ่นเครื่องอีก 2 นัด พบ แอธเลติก บิลเบา วันที่ 8 สิงหาคม และพบ โอซาซูน่า วันที่ 10 สิงหาคมนี้ ที่รังแอนฟิลด์ และจะปล่อยให้แฟน.เข้าชมเกมในสนามได้ 75 เปอร์เซนต์ของความจุ

รายชื่อ 11 ตัวจริงของลิเวอร์พูล : ควีวิน เคลเลเฮอร์ (GK), เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิตา, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก โชตา, ซาดิโอ มาเน่
#3362


"เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์" ตอกย้ำความเชื่อมั่นการคุ้มครองโควิด-19 ยืนยันให้ความคุ้มครองลูกค้าทุกรายที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ปัจจุบันจ่ายสินไหมแก่ลูกค้าที่ป่วยจากไวรัส โควิด-19 แล้วกว่า 560 ราย ล่าสุดขานรับนโยบาย คปภ เตรียมความพร้อมในการพิจารณาจ่ายสินไหม กรณี Home Isolation และCommunity Isolation พร้อมยืนหยัดอยู่ดูแลลูกค้าทุกช่วงเวลาของชีวิต

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์กล่าวว่า "จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ที่ยังมีการติดเชื้อในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกรณีความไม่แน่นอนในการรับประกันภัยบางแห่งที่ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าที่ได้ทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตไว้เกิดความกังวลใจและสอบถามเข้ามาเป็นอย่างมากในภาวะวิกฤตนี้ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ยังคงยึดมั่นให้ความคุ้มครองลูกค้าทุกรายที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพของบริษัทฯ โดยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและไม่มีนโยบายในการยกเลิกสัญญาในกรมธรรม์แต่อย่างใด ซึ่งเจนเนอราลี่พร้อมคุ้มครองลูกค้าทุกราย ตามสิทธิในกรมธรรม์ ทั้งการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่าง ๆ และการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการจ่ายสินไหมแล้วกว่า 560 เคส เป็นสินไหมมรณกรรมให้แก่ลูกค้าประกันชีวิตที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว 10 ราย และสินไหมค่ารักษาพยาบาลในส่วนของประกันสุขภาพ ให้กับลูกค้าที่ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วกว่า 550ราย โดยผู้เอาประกันสามารถเข้ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยใน โดยไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่ายได้ที่โรงพยาบาลในเครือข่ายของบริษัท"



สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพของเจนเนอราลี่นั้นครอบคลุมการเจ็บป่วยตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ รวมถึงการคุ้มครองการติดเชื้อโควิด-19 ทั้ง

การคุ้มครองการตรวจ การคุ้มครองการเข้ารับการรักษา ตามผลประโยชน์ความคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม (Field Hospital) และหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) โดยล่าสุดได้ขยายความคุ้มครองการเข้ารับการรักษาพยาบาลแบบการดูแลตนเองที่บ้าน (Home Isolation) และการดูแลตนเองในระบบชุมชน(Community Isolation) ตามกฎเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ประกาศกำหนด ซึ่งเงื่อนไขและหลักปฏิบัติจะอ้างอิงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง โดยลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่​https://generali.co.th/services/covid-19-faq/ หรือติดต่อทางศูนย์ลูกค้า
สัมพันธ์ โทร 1394

"เจนเนอราลี่จะขอให้ความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าทุกคน ตามความมุ่งมั่นที่จะเป็น "Lifetime Partner" เพื่อส่งมอบความคุ้มครองดูแลให้แก่ลูกค้าในทุกช่องทาง
และพร้อมยืนหยัดดูแลลูกค้าทุกช่วงเวลาของชีวิต และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้น
จากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 นี้ไปด้วยกัน" นายบัณฑิต กล่าวทิ้งท้าย

หมายเหตุ เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และตามประกาศ
ของกระทรวงสาธารณสุข
#3363


นายพูน พานิชพิบูลย์  นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.27 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.24 บาทต่อดอลลาร์ เป็นการอ่อนค่าสูงสุดในรอบ2ปี9เดือน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.25 - 33.35 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าอยู่จากปัญหาการระบาดของโควิด-19 รวมถึงแรงซื้อดอลลาร์จากฝั่งผู้นำเข้าที่อาจเข้ามาเร่งปิดความเสี่ยงเนื่องจากกังวลว่า เงินบาทอาจจะอ่อนค่าเร็วและแรง

เรามองว่า ในระยะสั้น อาจเห็นเงินบาทอ่อนค่าไปได้ถึง 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก หากสถานการณ์การระบาดยังคงเลวร้ายต่อเนื่อง และ เงินดอลลาร์ยังคงมีโมเมนตัมขาขึ้นอยู่ ซึ่งอาจจะหนุนด้วยถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ต่างออกมาสนับสนุนการทยอยลดคิวอีในปีนี้ หรือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ พลิกกลับมาดีกว่าคาด ในขณะที่ แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะ ยุโรป อาจชะลอตัวลง จากปัญหาการระบาดของโควิด-19

นอกจากนี้ เรายังมองไม่เห็นโอกาสที่เงินบาทจะพลิกกลับเทรนด์มาแข็งค่าได้ในเร็วนี้ ทำให้ ค่าเงินบาทยังเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้อย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์การระบาดจะเริ่มมีทิศทางดีขึ้น ซึ่งก็อาจจะต้องรอในช่วงต้นเดือนกันยายน

ตลาดการเงินโดยรวมกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง จากแรงหนุนของรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ต่างออกมาดีกว่าคาด ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดก็เริ่มคลายความกังวลปัญหาการระบาดของเดลต้าหลังยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ล่าสุด ปรับตัวลดลง สู่ระดับ 3.84 แสนราย ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดล้วนมีความหวังว่า รายงานข้อมูลตลาดแรงงานในวันนี้ อาทิ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อาจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน ซึ่งทั้งผลกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาดและความกังวลต่อปัญหาการระบาดเดลต้าที่ลดลง ก็หนุนให้ ดัชนี Dowjones พลิกกลับมาปิดบวก+0.78% เช่นเดียวกันกับ ดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวขึ้นราว +0.60% ขณะเดียวกัน หุ้นเทคฯ ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ หลังบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังทรงตัวในระดับต่ำต่อไปและผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคฯก็ยังคงสดใส หนุนให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปิดบวก +0.78%


ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป ปรับตัวขึ้น +0.38% นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังรายงานผลปะกอบการของหุ้นกลุ่มเทคฯ ยังคงออกมาดีต่อเนื่อง SAP +2.19%, Infineon +2.02%, Adyen +1.57% ขณะเดียวกันแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ได้หนุนการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่ม Cyclical อาทิ หุ้นกลุ่มการบินและกลุ่มธนาคาร Airbus +1.92%, Safran +1.90%, Allianz +1.67%, ING +1.20%


ทางด้านตลาดบอนด์ ผู้เล่นในตลาดบอนด์เริ่มทยอยขายทำกำไรการถือบอนด์ระยะยาวมากขึ้น หลังตลาดการเงินโดยรวมก็กลับมาเปิดรับความเสี่ยง ขณะเดียวกัน บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดคิวอีได้ในปีนี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้นตามคาด ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 4bps สู่ระดับ 1.22% ซึ่งก็ยังคงเป็นระดับที่ต่ำนับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา


ส่วนในฝั่งตลาดค่าเงิน ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าเฟดที่ออกมาสนับสนุนนโยบายการเงินที่เข้มงวด อย่าง การทยอยลดคิวอีภายในปีนี้ รวมถึงการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังคงช่วยพยุงให้ เงินดอลลาร์สามารถทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก แม้ว่าตลาดจะกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นก็ตาม โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 92.30 จุด กดดันให้ ค่าเงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลง สู่ระดับ 1.183 ดอลลาร์ต่อยูโร ส่วนค่าเงินเยน(JPY) ก็อ่อนค่าลงแตะระดับ 109.8 จุด ในขณะที่ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) กลับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 1.393 ดอลลาร์ต่อปอนด์ หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) แสดงความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น และมองว่านโยบายการเงินที่เข้มงวดอาจมีความจำเป็นมากขึ้น ซึ่ง BOE ก็พร้อมจะลดการอัดฉีดสภาพคล่องในอนาคต

สำหรับวันนี้ ตลาดจะติดตามแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ เป็นสำคัญ โดยการจ้างงานอาจได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่บ้าง แต่โดยรวม ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนกรกฎาคม จะเพิ่มขึ้นกว่า 8 แสนตำแหน่ง หนุนให้อัตราว่างงานลดลงเหลือ 5.7% นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งและดีกว่าคาดจะช่วยพยุงบรรยากาศการลงทุนได้

ส่วนในฝั่งเอเชีย ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ จะส่งผลให้เศรษฐกิจในโซนเอเชียมีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะสั้น กดดันให้บรรดาธนาคารกลางในเอเชียเลือกที่จะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป โดย ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ก็มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Repurchase Rate) ที่ระดับ 4.00% ต่อไป แม้ว่าสถานการณ์การระบาดจะเริ่มดีขึ้น หลังเกิด Natural Herd Immunity แต่ก็แลกมาด้วยความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล
#3364


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การสำรวจโรงงานหลายระลอกในสัปดาห์นี้ชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ดิ่งลงอย่างรวดเร็วในเดือน ก.ค. ตรงข้ามกับในเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมแถบเอเชียตะวันเฉียงเหนือและตะวันตก ที่แม้ภาคธุรกิจเติบโตชะลอลงแต่ก็ยังขยายตัว

เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประชากร 600 ล้านคน สะดุดลงเพราะโควิดระบาด ถูกซ้ำเติมด้วยการฉีดวัคซีนช้า รัฐบาลนานาประเทศดิ้นรนหาวัคซีนและออกมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้โรงงานหลายแห่งร้างไร้คนงาน กระทบไปถึงเศรษฐกิจของภูมิภาค ที่ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ฟื้นตัวเร็วแห่งหนึ่งของโลก หลังจากที่ต้านทานวิกฤติเศรษฐกิจโลกอันหลายหลายในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมาได้ เนื่องจากมีการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งเป็นวงกว้าง และอยู่ติดกับจีน

นักเศรษฐศาสตร์จากเอชเอสบีซีเตือนว่า อัตราการฉีดวัคซีนต่ำในอินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย รวมถึงประสิทธิภาพที่ไม่แน่นอนของวัคซีนที่ฉีดทำให้ประเทศเหล่านี้ตกอยู่ในความเสี่ยง

"นี่หมายความว่า ประชากรในประเทศเหล่านี้อาจยังคงเสี่ยง ไม่เพียงแค่กับการระบาดปัจจุบัน แต่ยังเสี่ยงกับการกลายพันธุ์ของไวรัสที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ข้อจำกัดการเดินทางมีแนวโน้มคงอยู่ต่อไป ส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะสั้น" เอชเอสบีซีระบุ

สำหรับผู้ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ความสามารถในการแข่งขันส่วนใหญ่มาจากต้นทุนค่าแรงถูก และเข้าถึงวัตถุดิบได้ ผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ที่มีต่ออุปทานแรงงานส่งผลให้เกิดคอขวดในการผลิตครั้งใหญ่

ในไทยผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของเอเชีย และเป็นฐานการผลิตให้กับแบรนด์ใหญ่ระดับโลก เมื่อเดือน ก.ค.โตโยต้ามอเตอร์คอร์ป ระงับการผลิตที่โรงงานสามแห่งเนื่องจากอะไหล่ขาดแคลนเพราะโควิดระบาด


บริษัทสยามอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร ผู้ส่งออกผลไม้แปรรูปของไทย ซึ่งต้องพึ่งพาแรงงานข้ามชาติสูงมาก โดยเพิ่งหาคนงานได้ 400 ตำแหน่งจาก 550 ตำแหน่งเท่านั้น เนื่องจากคนงานกลับประเทศไปแล้วยังมาไทยไม่ได้เพราะยังไม่เปิดพรมแดน

"แต่ละวันมีผลไม้ถึง 350 ตันแต่เราแปรรูปได้แค่ 250 ตัน เพราะแรงงานไม่พอ ความต้องการในตลาดส่งออกอย่างสหรัฐ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักมีสูงมาก แต่ปัญหาตอนนี้อยู่ที่การผลิต" กัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานกรรมการบริษัทกล่าว

ในเวียดนาม ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานบริษัทระดับโลกหลายแห่ง อาทิ ซัมซุง ฟ็อกซ์คอนน์ และไนกี้ บริษัทที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจำเป็นต้องกักตัวคนงาน ด้วยการให้นอนค้างที่โรงงานยามค่ำคืนไม่ต้องออกไปที่อื่น

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติรัฐบาลเวียดนามเมื่อสัปดาห์ก่อน พบว่า การควบคุมการเดินทางอย่างเข้มงวดในหลายเมืองและหลายจังหวัดทางตอนใต้เมื่อเดือน ก.ค. ทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงอย่างรวดเร็ว

ในมาเลเซีย ที่ผลิตถุงมือยางป้อนตลาดโลกราว 67% การล็อกดาวน์ทำให้ต้องระงับการผลิตในเดือน มิ.ย.และ ก.ค.

สมาคมผู้ผลิตถุงมือยางมาเลเซียต้องร้องขอต่อรัฐบาลให้กลับมาผลิตได้อีกโดยให้เหตุผลว่า เป็นห่วงผู้ซื้อทั่วโลก รัฐบาลจึงยอมผ่อนคลายอนุญาตให้คนงานกลับมาทำงานได้ 60% ตอนนี้สมาชิกเรียกร้องขอกลับมาปฏิบัติการเต็มรูปแบบ

ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นแล้วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายในที่อื่นๆ ด้วย เช่น อินฟินอนเทคโนโลยีส์ บริษัทผลิตชิพจากเยอรมนี คาดว่าต้องเสียหายหลายสิบล้านดอลลาร์จากการปิดโรงงานในมาเลเซีย ส่งผลต่อเนื่องไปถึงลูกค้าผลิตรถยนต์ของบริษัท

แดเนียล เบิร์นเบค ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) หอการค้าและอุตสาหกรรมมาเลเซีย-เยอรมนี กล่าวว่า ระเบียบกักตัวอันเข้มงวดของมาเลเซียยังทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่จำเป็นมากในบริษัทเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์เข้ามาเลเซียได้ยาก นักวิเคราะห์เตือนว่า ความเสี่ยงนี้จะสร้างความเสียหายมากยิ่งกว่าแค่การผลิต

ด้านมูดีส์อินเวสเตอร์เซอร์วิส กล่าวว่า เขตเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกที่มีโครงสร้างเศรษฐกิจกระจุกตัวและสถาบันต่างๆ อ่านแอจะได้รับความเสียหายหนักสุด ได้แก่ เขตเศรษฐกิจที่มีรายได้น้อย-ปานกลาง ความเสียหายร้าวลึกมีแนวโน้มเพิ่มความเสี่ยงทางสังคม

"ในเขตเศรษฐกิจเหล่านี้บางแห่ง การมีภาระหนี้สูงทำให้รัฐบาลมีพื้นที่ทางการคลังรับมือการแพร่ระบาดได้อย่างจำกัด" มูดีส์ย้ำ

ด้านวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานเมื่อวันจันทร์ (2 ส.ค.) อ้างข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ว่า ขณะที่ประชากรในเขตเศรษฐกิจพัฒนาแล้วฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเกือบ 40%เขตเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ยังฉีดได้ไม่ถึงครึ่งของตัวเลขดังกล่าว

บางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังต่ำกว่านั้นด้วยซ้ำ เช่น อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วราว 8% ในไทยราว 6%

"กลยุทธ์สกัดโควิดปี 2563 เป็นกลยุทธ์ไม่ยั่งยืนเมื่อเวลาผ่านไป เพราะทำได้แค่ซื้อเวลาเท่านั้น" จินห์ เหวียน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากธนาคารเพื่อการลงทุน Natixis ในฮ่องกงกล่าว

เมื่อต้นเดือน มิ.ย. มาเลเซียสั่งปิดโรงงานในภาคส่วนไม่จำเป็น เช่น โรงงานเสื้อผ้า หลังเกิดโควิดระบาดในสถานประกอบการหลายระลอก

ตัน เทียนโปห์ ประธานบริษัทผลิตเสื้อผ้าเอเชียแบรนด์ส จำกัด กล่าวว่า ระเบียบดังกล่าวหมายถึงเขาไม่สามารถผลิตเสื้อผ้าได้ถึงสองเดือน การส่งมอบให้ผู้ซื้อต่างชาติต้องล่าช้าถ้าเป็นเช่นนั้นลูกค้าก็อาจเปลี่ยนไปหาซัพพลายเออร์จากประเทศอื่นแทน

"ความไม่แน่นอนนี้ส่งผลกระทบกับพวกเราอย่างรุนแรงมากๆ" นักธุรกิจมาเลเซียกล่าวทิ้งท้าย
#3365


รายงานข่าวจาก หัวเว่ย เผยว่า ช่วยสนับสนุนสิงคโปร์ในการสร้างศูนย์กลางด้านสตาร์ทอัพแห่งแรกของเอเชีย-แปซิฟิกมาตั้งแต่ปี 2563 และได้ขยายโครงการไปยังฮ่องกง ไทย มาเลเซีย 

โดยจากนี้จะเน้นความสำคัญไปที่การพัฒนาศูนย์กลางด้านสตาร์ทอัพเพิ่มเติมอีกสี่แห่งในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา และเวียดนาม มีเป้าหมายในการรวบรวมสตาร์ทอัพกว่า 1,000 ราย โดยสตาร์ทอัพ 100 รายจากในจำนวนนี้จะได้รับการต่อยอดสู่โครงการ Spark Accelerator

สำหรับประเทศไทย ได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) สำนักงานนวัตกรรแห่งชาติ (NIA) และพันธมิตรที่มีชื่อเสียงอีกหลายราย จัดการแข่งขัน "Spark Ignite 2021 – Thailand Startup Competition" เมื่อเดือนมิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา เพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทั่วประเทศเข้าร่วมการแข่งขันชิงรางวัล ครั้งนี้มีสตาร์ทอัพศักยภาพสูงกว่า 10 รายจากทั่วประเทศเข้าร่วม 


นอกจากนี้ เปิดตัวโครงการเกี่ยวกับสตาร์ทอัพอีกสามโครงการประกอบด้วยโครงการ Spark Developer Program ที่มุ่งฟูมฟักอีโคซิสเต็มนักพัฒนาในเอเชีย-แปซิฟิกผ่าน HUAWEI CLOUD, โครงการ Spark Pitstop Program ที่ออกแบบมาเพื่อดูแลและให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพในระบบ HUAWEI CLOUD ให้สามารถเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ และโครงการ Spark Innovation Program (SIP) ที่เน้นด้านการอำนวยความสะดวกด้านนวัตกรรมธุรกิจองค์กรผ่านอีโคซิสเต็มสตาร์ทอัพภายใต้โครงการ Spark

แคทเธอรีน เฉิน รองประธานอาวุโสและคณะกรรมการบริหาร หัวเว่ย กล่าวว่า เราต่างทราบดีถึงศักยภาพของสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี ที่เป็นทั้งนักประดิษฐ์คิดค้น นักปฏิรูป และผู้บุกเบิกของยุคสมัย โดยธุรกิจเหล่านี้สร้างการจ้างงานคิดเป็นสัดส่วนถึงสองในสามจากทั้งโลก สร้างงานใหม่ทั้งหมดกว่าสองในสามจากทั้งโลก ทั้งยังได้สร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของโลกได้กว่า 50% 

เมื่อ 34 ปีที่แล้ว หัวเว่ยเองก็เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าการจดทะเบียนเพียง 5,000 ดอลลาร์เท่านั้น  จึงมีแนวคิดว่าจะสามารถใช้ประสบการณ์และทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อช่วยสนับสนุนสตาร์ทอัพอื่นๆ ก้าวข้ามความท้าทายได้อย่างไร 

โดยคาดว่าความช่วยเหลือนี้จะสามารถช่วยให้สตาร์ทอัพคว้าโอกาสที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุตดิจิทัล ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ และพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อโลกได้มากขึ้น

เจาง ผิงอัน (Zhang Ping'an) ประธานกลุ่มธุรกิจคลาวด์ หัวเว่ย กล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้ไปจะยกระดับการสนับสนุนแก่ธุรกิจสตาร์ทอัพผ่านนโยบายใหม่ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อการทำงานผสานกันระหว่างคลาวด์กับคลาวด์ (cloud-plus-cloud collaboration) การสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง บริการคลาวด์ทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น และอีโคซิสเต็มที่มีคุณภาพสูงสำหรับธุรกิจ 

หัวเว่ยเปิดตัวโครงการ Cloud-plus-Cloud Collaboration and Joint Innovation Program เพื่อให้การสนับสนุนธุรกิจสตาร์อัพด้วยทรัพยากรมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์  โดยเงินลงทุนครึ่งหนึ่งมาจาก HUAWEI CLOUD และอีกครึ่งหนึ่งมาจาก Huawei Mobile Services (HMS)

ปี 2564 มีแผนสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพให้ถึง 200 รายในด้านอีโคซิสเต็ม HMS รวมทั้งแบ่งปันช่องทางจากเครือข่าย ของเรากับนักพัฒนาทั่วโลก ซึ่งต่างทำงานเพื่อรองรับผู้ใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยกว่า 1,000 ล้านคน นอกจากนี้ เรายังจะเปิดศูนย์ HMS Developer Innovation Center เพื่อสนับสนุนนักพัฒนา HMS Cloud กว่า 100,000 รายโดยเฉพาะ
#3366












ขายที่ดิน ต.บ่อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เอกสารสิทธิ์ตามหน้าโฉนดครุฑแดง 
เนื้อที่ 5 ไร่ ขายไร่ละ 800,000 บาท  ขายรวม 4 ลบ.
สามารถแบ่งขายได้  ที่ดินอยู่ใกล้สถานที่สำคัยมากมาย 
แปลงนี้ข้อดี จุดน่าสนใจ บรรยากาศดี วิวดี 
ได้วิวธรรมชาติ พื้นที่สวยอากาศดีโล่งโปร่งสบาย เหมาะแก่การทำการเกษตร
เกษตรสวนผสม หรือสร้างบ้านหรือที่พักอาศัยได้ 
อยู่ใกล้โรงเรียนวืทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ใกล้สำนักงานโภชนาจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย
ใกล้ถนนสำคัญหลายสาย ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจที่ดินทำเล ไม่ไกลกรุงเทพ 
การคมนาคมสะดวกสบาย บรรยากาศธรรมชาติ เหมาะแก่การลงทุน
หรือซื้อไว้ทำที่อยู่อาศัย ทำการเกษตรก็ได้ บรรยากาศสดชื่น ดูร่มรื่น น่าอยู่ น่าอาศัย 
ทำเลดีมาก วิวสวย บรรยากาศปลอดโปร่งบริสุทธิ์ ใกล้ถนนทางหลวงชนบท
ไปเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญ อื่น ๆ ได้อีกหลายสาย ทำให้สะดวกสบายในก ารเดินทาง เข้า-ออก 
ใกล้โรงเรียน ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับผู้มีบุตรยังอยู่ในวัยกำลังเรียน ทั้งยังอยู่ใกล้กับเมืองปทุมธานี 
ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งๆ ขึ้นในการเดินทางสัญจร 
เหมาะกับผู้ที่หาที่ดิน ทำเลสไตล์ ค่าใช้จ่ายวันโอนคนละครึ่ง

โทร 083-712-4115
Line id : 0837124115

ปักหมุด
ใกล้ ตำบล สิงหนาท อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
https://maps.app.goo.gl/TYZRf2azZMHC1Dds5

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=122524909845052&id=100062626307647
 
#3367


วันที่ 4 ส.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยรายชื่อจังหวัดที่มีคำสั่ง และประกาศให้มีการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากนอกพื้นที่รวม 62 จังหวัด จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2564 เวลา 15.00 น. ประกอบด้วย

• ภาคเหนือ 17 จังหวัด

1. กำแพงเพชร

2. เชียงราย

3. เชียงใหม่


4. ตาก

5. นครสวรรค์

6. น่าน

7. พะเยา

8. พิจิตร

9. พิษณุโลก

10. เพชรบูรณ์

11. แพร่

12. แม่ฮ่องสอน

13. ลำปาง

14. ลำพูน

15. สุโขทัย

16. อุตรดิตถ์

17. อุทัยธานี

• ภาคกลาง-ตะวันออก 14 จังหวัด

1. กาญจนบุรี

2. จันทบุรี

3. ฉะเชิงเทรา

4. ชัยนาท

5. นครนายก

6. ประจวบคีรีขันธ์

7. ปราจีนบุรี

8. ระยอง

9. ราชบุรี

10. ลพบุรี

11. สระบุรี

12. สิงห์บุรี

13. สุพรรณบุรี

14. อ่างทอง

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

• ภาคใต้ 11 จังหวัด

1. กระบี่

2. ชุมพร

3. ตรัง

4. นครศรีธรรมราช

5. พังงา

6. พัทลุง

7. ยะลา

8. ระนอง

9. สงขลา

10.สตูล

11. สุราษฎร์ธานี

• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด

1. กาฬสินธุ์

2. ขอนแก่น

3. ชัยภูมิ

4. นครราชสีมา

5. นครพนม

6. บึงกาฬ

7. บุรีรัมย์

8. มหาสารคาม

9. มุกดาหาร

10. ยโสธร

11. ร้อยเอ็ด

12. เลย

13. ศรีสะเกษ

14. สกลนคร

15. สุรินทร์

16. หนองคาย

17. หนองบัวลำภู

18. อำนาจเจริญ

19. อุดรธานี

20. อุบลราชธานี
#3368


เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 64 มาตรการการล็อกดาวน์ของ ศบค. ส่งผลให้การบริโภคไข่ไก่เพิ่มสูงขึ้นกว่าสถานการณ์ปกติ ล่าสุดกรมปศุสัตว์ได้เตรียมแผนรองรับในเรื่องนี้

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์จึงได้กำหนดมาตรการปรับสมดุล Demand – Supply โดยได้แจ้งให้เกษตรกรเจ้าของฟาร์มไก่ไข่ทั่วประเทศ สามารถยืดอายุการเลี้ยงแม่ไก่ไข่ยืนกรงออกไปตามที่แต่ละฟาร์มเห็นว่าเหมาะสม จากเดิมที่กำหนดให้ปลดแม่ไก่ยืนกรงที่อายุ 80 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มปริมาณไข่ไก่เข้าสู่ตลาด จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

มาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ปริมาณไข่ไก่มีเพียงพอสอดคล้องกับความต้องการบริโภคภายในประเทศ และสามารถรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงพออยู่ได้ไม่ขาดทุน ไม่ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อน


คาดว่าจะทำให้ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ในตลาดภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นเฉลี่ยวันละ 2–3 ล้านฟอง จากเดิมที่มีผลผลิตวันละ 40 ล้านฟอง จึงขอให้ประชาชนผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าปริมาณผลผลิตไข่ไก่จะมีเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์อย่างแน่นอน
#3369


ธนาคารเกียรตินาคินภัทร โดยสายงานสินเชื่อธุรกิจ วิเคราะห์การระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 เริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจน  โดยเฉพาะในกลุ่มกำลังซื้อที่เป็นกลุ่มตลาดโรงงาน อีกทั้งภาพรวมการเปิดโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีปริมาณลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ การปรับตัวและมองหาช่องว่างของตลาดยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในสถานการณ์การระบาดที่ยังไม่เห็นบทสรุป

การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 เริ่มมีผลกระทบชัดเจน ในพื้นที่ที่กำลังซื้อหลักเป็นพนักงานในนิคมอุตสาหกรรมหรือกลุ่มโรงงานซึ่งมีโอกาสที่จะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลกระทบโดยตรงจากรายได้ที่ไม่แน่นอนและการระบาดของคลัสเตอร์ใหม่ในกลุ่มโรงงาน สะท้อนให้เห็นจากยอดการโอนกรรมสิทธิ์ของบ้านใหม่ (นิติบุคคล) ในไตรมาสแรกปีนี้ของกลุ่มสินค้าทาวน์เฮ้าส์ ที่ปรับตัวลดลงมากในจังหวัดนครปฐม (-88%)  สมุทรสาคร (-45%) และ สมุทรปราการ (-28%)  
ส่วนภาพรวมการเปิดโครงการใหม่พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลในไตรมาสแรกปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 โดยมีจำนวนยูนิตเปิดใหม่รวม 12,985 ยูนิต ลดลง 7,212 ยูนิต (-35%) จากการที่ผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวโดยจับกลุ่มเป้าหมายที่ยังมีกำลังซื้อและได้รับผลกระทบจากโควิด-19  ไม่มาก พบว่ากลุ่มสินค้าที่มียูนิตเปิดขายสูงสุดคือคอนโดมิเนียม โดยมียูนิตขายใหม่เข้ามาในตลาด 5,857 ยูนิต ลดลง (-15%) จากไตรมาสแรก 2563 ซึ่งกลุ่มนี้เริ่มเห็นภาพการชะลอเปิดตัวตั้งแต่ต้นปี 2563  รองลงมาคือ กลุ่มทาวน์เฮ้าส์มียูนิตเปิดขายใหม่ 4,159 ยูนิต ลดลง (-56%) จากไตรมาสแรก 2563 ส่วนบ้านเดี่ยวมียูนิตเปิดขายใหม่ 1,274 ยูนิตลดลง (-44%) จากช่วงเดียวกัน  

กลุ่มโครงการที่เปิดใหม่และขายดี เป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยในระดับราคา 3-5 ล้านบาท และกลุ่ม 5-10 ล้านบาท ซึ่งถ้าเจาะลึกลงไปในรายสินค้าจะเห็นว่ากลุ่มทาวน์เฮ้าส์เป็นสินค้าเปิดใหม่ที่ขายดีที่สุด โดยกลุ่มระดับราคาที่ขายดีเป็นช่วงระดับราคา 3-4 ล้านบาท (ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น) และระดับราคา 5-7 ล้านบาท (ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น) และที่น่าสนใจคือ บ้านแฝดในระดับราคา 5-7 ล้านบาทในพื้นที่เมืองรอบนอก ซึ่งเป็นสินค้าทดแทนบ้านเดี่ยวที่ขยับราคาสูงขึ้นเป็น 8-10 ล้านบาท โดยพื้นที่ที่ทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝดมีการเปิดขายใหม่มากที่สุด คือโซนฝั่งบางนา-ศรีนครินทร์ รามอินทรา รังสิต-ลำลูกกา (ไม่เกินแนววงแหวนตะวันออก) ส่วนกลุ่มคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่และขายดีมีแนวโน้มที่จะปรับราคาลดลงเป็นกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังไม่แน่ชัดว่ายาวนานเพียงใด ปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าการฉีดวัคซีนที่ล่าช้าและอาจจะไม่ได้ตามเป้าหมายในปี 2564  การติดเชื้อโควิด-19 ที่กระจายเพิ่มในกลุ่มแรงงานก่อสร้างและภาคอุตสาหกรรม สัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น กลุ่มกำลังซื้อใหม่ยังมีอัตราการว่างงานสูง กลุ่มกำลังซื้อต่างชาติที่ยังไม่กลับมาในปีนี้  หรือการอนุมัติสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยที่เข้มงวดขึ้น จะเป็นอุปสรรคที่ชะลอความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้ตลาดมีแนวโน้มหดตัวลงเป็นกลุ่มกำลังซื้อที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น และเกิดการแข่งขันแย่งตลาดที่ยังมีกำลังซื้อดังกล่าว  


ด้วยเหตุนี้ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร โดยสายงานสินเชื่อธุรกิจ เห็นว่าการปรับตัวและมองหาโอกาสจากช่องว่างของตลาดเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่อุปสงค์ชะลอตัว อาทิ การเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบน้อย การกำหนดเซ็กเมนต์โดยนำเสนอสินค้าที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น

 การสร้างรูปแบบบริการที่รองรับสถานการณ์การใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มัล การบริหารสภาพคล่องของกระแสเงินสด การบริหารจัดการต้นทุนและความสมดุลของสต็อคบ้านที่ก่อสร้างกับอัตราการขายที่เหมาะสม การกำหนดแผนสำรองกรณีกลุ่มเซ็กเมนต์เดิมไม่สร้างยอดขาย การปรับรูปแบบสินค้าได้เร็ว การมองหาโอกาสในทำเลใหม่ๆ และกลุ่มเซ็กเมนต์ที่อุปทานในพื้นที่มีเหลือไม่มากหรือมีคู่แข่งขันน้อย

รวมทั้งการพัฒนาสินค้าใหม่ในทำเลซึ่งได้ประโยชน์จากการปรับปรุงผังเมืองกรุงเทพมหานคร จะเป็นช่องสำหรับเติมเต็มความต้องการสินค้าในบางระดับราคาที่ไม่สามารถเป็นไปได้ตามผังเมืองเดิม และเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ระหว่างสถานการณ์ที่โควิด-19 ยังไม่เห็นบทสรุป
#3370


นับเป็นการแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ด้วยสีหน้าที่ "เคร่งเครียด" อย่างมาก สำหรับแม่ทัพอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองไทยอย่าง ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา  ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หลังเผชิญมรสุมครั้งใหญ่ เมื่อศาลปกครองมีคำพิพากษา เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ "แอชตัน อโศก" มูลค่า 6,481 ล้านบาท ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทลูกอย่าง "บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นอาคารชุด 51 ชั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 666 ยูนิต ห้องชุดส่งมอบแล้ว 87% มูลค่ากว่า 5,639 ล้านบาท และมีจำนวนครัวเรือนอยู่อาศัย 578 ครอบครัว เป็นคนไทย 438 ราย และลูกค้าต่างชาติ 140 รายจากทั้งสิ้น 20 ประเทศ 

คำสั่งศาลปกครองกลาง ที่พิพากษาถอนใบอนุญาตก่อสร้าง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมาก รวมถึง "ลูกบ้าน" แสดงความกังวลใจให้ผู้บริหารรับทราบผ่านการประชุมออนไลน์เมื่อคืนนี้ โดยมีคำถามมากมายประเดประดังเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น..เราคือคนที่มาซื้อคอนโด เพื่ออยู่อาศัยนะ ไม่ได้มาเพื่อเก็งกำไรแล้วมีปัญหาก็มาโวยวาย, เค้าจะทุบหมดเลยใช่ไหม, จะครบ 3 ปีจะรีไฟแนนซ์ได้ไหม เป็นต้น ซึ่งผู้บริหารเองก็มืดแปดด้าน และเร่งหาทางออก แต่ระหว่างทางยืนยันจะอยู่เคียงข้างลูกบ้าน 

นอกจากการออกตัวอยู่เคียงข้างลูกค้าที่ซื้อโครงการ สิ่งที่บริษัทจะดำเนินการต่อจากนี้ คือเตรียมข้อมูล หลักฐานต่างๆ เพื่อยื่นอุทรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ภายใน 30 วัน ซึ่งตามกระบวนการศาลคาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี เร็วสุดอาจเป็น 2 ปี 

ขณะเดียวกัน บริษัทได้ถือโอกาสชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า กระบวนการพัฒนาโครงการ มีการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ เช่น อนุมัติจาก 8 หน่วยงานราขการ ทั้งสำนักงานนโยบายและแผนพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) สำนักงานเขตวัฒนา กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมที่ดิน เป็นต้น


และได้รับใบอนุญาต 9 ฉบับ เช่น ใบอนุญาตใช้ทางของรฟม. ใบอนุญาติเชื่อมทางสาธารณะ ใบรับแจ้งการก่อสร้างตามมาตรา 39 ทวิ 3 ใบ ฯ นอกจากนี้ ยังขอความเห็นก่อนดำเนินการ 7 หน่วยงาน เช่น รฟม. กองควบคุมอาคาร สำนักการจราจร สำนักงานที่ดินฯ ผ่านความเห็นชอบจาก 5  คณะกรรมการ เช่น คณะกรรมการ รฟม. คณะกรรมการ พิจารณาแบบของสำนักงานควบคุมอาหาร ว่าแบบก่อสร้างถูกต้อง เป็นต้น

ขณะที่ทางเข้า-ออก โครงการ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ เดิมที่ดินของโครงการนั้นมีทางเข้าออกถนน แต่ภายหลังถูกเวนคืน ตามพ.ร.บ.เวนคืนที่ดิน เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณะ ซึ่งส่งผลให้บริษัทและรฟม.สามารถใช้ที่ดินสำหรับเป็นทางเข้า-ออกโครงการเทียบเท่าสาธารณะได้ กรณีนี้บริษัทได้เสนอค่าตอบแทนให้แก่รฟม.มูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท ด้วยการสร้างอาคารจอดรถสูง 7 ชั้น เพื่อรองรับการบริการรถไฟฟ้า 

"บริษัทฯ ดำเนินงานอย่างระมัดระวัง รอบคอบให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องของการซื้อที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีการศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ทางเข้า-ออก ของ รฟม. จากโครงการอื่นๆด้วย" 

พร้อมกันนี้ บริษัทให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โครงการ แอชตัน อโศก ไม่ใช่รายแรกที่ใช้ทางเข้า-ออกของ รฟม. รวมถึงเรื่องการดำเนินงานขออนุมัติใบอนุญาตต่างๆ ทุกขั้นตอนอย่างถูกต้องภายใต้กฎระเบียบและข้อบังคับของภาครัฐอย่างเคร่งครัด และได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากส่วนงานราชการที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน จึงทำให้บริษัทฯ มั่นใจอย่างยิ่งว่าในกระบวนการดำเนินโครงการแอชตัน อโศก ที่ผ่านมาทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องและสุจริต ชอบด้วยกฎหมายทุกขั้นตอน

ทว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากโครงการแอชตัน อโศก ถือเป็นหน้าเป็นตาขององค์กร 

"แอชตัน อโศก เป็นโครงการเรือธงของบริษัท กรณีที่เกิดขึ้น เหมือนเราโดนเสียบหัวใจ อยากให้เราตายเลย ลูกค้า นักลงทุน จะคิดกับเรายังไง"
#3371
บริการให้เช่ารถไม่ใช้บัตรเครดิต
รถดี สะอาด ง่าย ถูก คุ้มค่า
 
700-1200 บาทต่อวัน

วีออส ยาริส  ซิตี้  อัลเมร่า แคมรี่  อัลติส ซีวิค กระบะมิตซูไททั้น  ตู้Volkswagen
รับรถจุดบริการ แยกแคราย ใกล้สถาบันโรคทรวงอก  
ส่งถึงที่ ค่าส่งเริ่มที่ 500 แล้วแต่ระยะทาง 
ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นและจำนวนวันที่เช่า 
เช่าหลายวันยิ่งได้ส่วนลด 
รถเล็กทั่วไปเช่นวีออส ยาริส อัลเมร่า ซิตี้ 

Deposit เงินประกัน 5,000 ได้คืนตอนคืนรถ 4,000  เก็บตรวจสอบค่าจราจร 1,000  ครบ 30 วัน คืนหากมีใบสั่งปรับตามจริง

ประกัน ‭4000‬ บาท 
จอง/แจ้งเช่า 087-048-6085‬ 
สำเนาเอกสารที่ใช้
ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน
ใบขับขี่ สลิปอื่นๆ
โทร 087-048-6085 คนคุมรถ , 
0837124115  ,  
086-521-3573 

Line id : 0837124115
www.รถเช่าดี.com
#3372


บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน รุกทำการตลาดแบบนิวนอร์มัล ส่ง E-Loyalty Gamification Program "แรลลี่พิชิตดวง" กิจกรรมสนุกสร้างความผูกพันกับแบรนด์ ไม่ว่าจะช้อปออนไลน์หรือหน้าร้านค้าในเครือเซ็นทรัล รับอีแสตมป์สุดคูลออกแบบโดย Benzilla ศิลปินแนวสตรีทชื่อดัง ผ่านแอป UChoose สะสมเพื่อรับเครดิตเงินคืน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน 2564 หวังกระตุ้นยอดใช้จ่ายช่วงล็อคดาวน์ คาดยอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์แตะ 12,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2564

นายอธิศ รุจิรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน เปิดเผยว่า สภาวะตลาดในปัจจุบัน ได้รับผลกระทบจากการระบาดที่รุนแรงของโควิด-19 ส่งผลให้หลายธุรกิจ รวมถึงห้างสรรพสินค้าไม่สามารถเปิดให้บริการผ่านช่องทางหน้าร้านได้ ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจบัตรเครดิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน จึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรแบบ omni channel เน้นทั้งช่องทางออนไลน์และหน้าร้าน ซึ่งจะเป็นการทำการตลาดแบบนิว นอร์มัล โดยเน้นการสร้างสีสันผ่านแคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่ ผ่านความร่วมมือพันธมิตรหลักเครือเซ็นทรัลที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพสูง ดังจะเห็นได้จากการเติบโตของยอดใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน แยกตามธุรกิจในเครือเซ็นทรัลในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ธุรกิจที่มีการเติบโตสูงที่สุด ได้แก่ ท็อปส์ (+75%), เพาเวอร์บาย (+69%), JD (+55%) และ Central Online (+34%)

ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านบัตรทั่วเครือเซ็นทรัล ทั้งช่องทางออนไลน์และหน้าร้าน บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน จึงได้ออกแคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่ "แรลลี่พิชิตดวง" ซึ่งเป็นกิจกรรม e-Loyalty Gamification ชวนสมาชิกบัตรสะสมอีแสตมป์คอลเล็คชั่นพิเศษ ที่ออกแบบโดยศิลปินแนวสตรีทชื่อดัง "Benzilla" ปริญญา ศิริสินสุข ผ่านแอปพลิเคชั่น UChoose โดยสามารถรับอีแสตมป์ เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรไม่ว่าจะผ่านช่องทางออนไลน์ หรือหน้าร้านในเครือเซ็นทรัลที่ร่วมรายการตามเงื่อนไข โดยอีแสตมป์นี้สามารถแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุดถึง 300 บาท ตั้งแต่ 1 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน 2564 พร้อมชวนสมาชิกบัตรร่วมสนุกกับกิจกรรมผ่านเพจ Central The 1 Credit Card ใน Facebook เพื่อลุ้นรับหมวกแรลลี่ Limited Edition จาก T1 X Benzilla

"คาดว่า กิจกรรมการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียดังกล่าว จะช่วยสร้างสีสันทางการตลาด และสร้างความผูกพันกับแบรนด์บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวันได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องอยู่บ้านหรือทำงานจากที่บ้าน รวมทั้งช่วยกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ของบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวันให้เติบโตเพิ่มขึ้นอีกด้วย"

โดยสมาชิกบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน สามารถร่วมสนุกกับแคมเปญ แรลลี่พิชิตดวง ได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2564 ถึง 30 กันยายน 2564 เพียงลงทะเบียนผ่านแอปที่หน้า UChallenge เพื่อร่วมกิจกรรม และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ช่องทางออนไลน์ หรือหน้าร้านในเครือเซ็นทรัลที่ร่วมรายการ ยอดใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไปต่อเซลล์สลิป รับแสตมป์ 1 ดวงต่อ 1 ร้านค้า (นับรวมสาขาทุกสาขา ทุกแบรนด์ และทุกช่องทางออนไลน์เป็น 1 ร้านค้า) สะสมครบ 3 ดวง รับเครดิตเงินคืน 100 บาทสะสมครบ 6 ดวง รับเครดิตเงินคืนรวม 300 บาท (เครดิตเงินคืนสูงสุด 300 บาทต่อหมายเลขบัญชีบัตรหลักตลอดรายการ)

ร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล,โรบินสัน, ท็อปส์, ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, ร้านอาหารในเครือ CRG และร้านค้าในเครือ CMG (ทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางหน้าร้าน) ข้อมูลเพิ่มเติม www.centralthe1card.com

นายอธิศกล่าวอีกว่า นอกจากแคมเปญแรลลี่พิชิตดวง ซึ่งมุ่งสร้างความผูกพันกับแบรนด์ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นยอดใช้จ่ายในเครือเซ็นทรัลแล้ว บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ เช่น ช้อปออนไลน์ บริการส่งอาหาร เกมและความบันเทิงออนไลน์ จัดทำโปรโมชั่นต่าง ๆตลอดทั้งปี เช่น โปรโมชั่น "ยิ่งสั่ง ยิ่งคุ้ม กับ 4 แอปดัง" เพื่อช่วยกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า ด้วยแคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่ ที่ปรับให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ในปัจจุบัน จะช่วยกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ของบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ให้เติบโต +30 % เทียบกับปี 2563 โดยตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ 12,000 ล้านบาท ภายในปี 2564
#3373


เป็นระยะเวลา 16 เดือนแล้ว ที่วิกฤติโควิด-19 ยังอยู่กับคนทั้งโลก รวมถึงประเทศไทย และสร้างความเสียหายต่อสุขภาพ ประชากรกว่า 198 ล้านคนต้องติดเชื้อไวรัส และกว่า 4.2 ล้านคนต้องเสียชีวิต

ส่วนประเทศไทย ผู้ติดเชื้อล่าสุด ณ วันที่ 1 สิงหาคม ยอดพุ่งทยานแตะ 18,000 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 133 ราย จนรัฐต้องประกาศขยายพื้นที่สีแดงเข้มเพิ่ม 16 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด พร้อมยืดระยะเวลา "ล็อกดาวน์" ออกไปอีก 14 วัน เพื่อบริหารจัดการการแพร่ระบาดของไวรัส 

ความสูญเสียครั้งนี้ไม่จำกัดวงแค่สุขภาพ แต่ทำลายล้าง "เศรษฐกิจ" หรือจีดีพีของทั้งโลกและไทยกลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ซึ่งความหวังเดียวที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องถึงการกู้ชีพจรเศรษฐกิจได้ ต้องแก้ที่ต้นตอ นั่นคือการ "ฉีดวัคซีน" โดยเร็วและทั่วถึง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เมื่อคนแข็งแรง ย่อมมีพลังไปพลิกฟื้นเรื่องปากท้องได้อีกครั้ง 

ประเทศไทยมี "เครื่องยนต์" สำคัญที่ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ จากอุตสาหกรรมหลายเซ็กเตอร์ แต่หนึ่ง "ฮีโร่" ต้องมี "อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว" อยู่ในทำเนียบ เพราะไม่เพียงดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกมาเยือน ยังสร้างรายได้มหาศาล โดยปี 2562 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเยือนไทยร่วม 40 ล้านคน ทำเงินให้ประเทศมูลค่าราว 3 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 20% ของจีดีพี 

ทว่า นับต้ังแต่วินาทีที่โรคระบาดลามโลก ได้ "ชัตดาวน์" เศรษฐกิจทุกประเทศ และ "ดับเครื่องยนต์" เซ็กเตอร์ "การท่องเที่ยว" ให้จอดสนิท ทั้งห่วงโซ่ธุรกิจเสียหายสาหัส โรงแรมปิดให้บริการ สายการบินต้องหยุดบิน ทำให้ขาด "รายรับ" แต่ต้อง "แบกภาระรายจ่าย" รอบด้านทำให้ผู้ประกอบการต้อง "ขาดทุน" 

ส่วน "แรงงาน" ในภาคการท่องเที่ยวนับ "ล้านคน" ต้องตกงาน ว่างงาน หยุดงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน ฯ ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้าย เชื่อว่าไม่มีใครปล่อยให้วิกฤติครั้งนี้ผ่านไปอย่างไร้ค่า ดั่งที่อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร "เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล" เคยทิ้งวรรคทองให้โลกจำ "Never let a good crisis go to waste."  

"เนชั่น ทีวี ช่อง 22" จัดฟอรั่มออนไลน์ หยิบหัวข้อ "ไทยพร้อม...เปิดประเทศ ฟื้นท่องเที่ยว" เชิญตัวแทนภาครัฐ เอกชน ภาคการท่องเที่ยวมาช่วยระดมสมองเพื่อพลิกฟื้นท่องเที่ยวระยะสั้น และปลดล็อกกับดักดีใจกับ "ตัวเลข" นักท่องเที่ยวปีละหลายสิบล้าน สู่การแสวงหาโอกาส ตลาด นักเดินทางกลุ่มใหม่หลังโควิด-19 คลี่คลาย

++กล้าปลดล็อกอุปสรรค

แก้ "คอขวด" ท่องเที่ยว

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ไทยควรใช้ห้วงเวลาที่โรคโควิดระบาดซ่อมบ้านหรือปรับปรุงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ดี ไม่ใช่แค่จังหวัดที่มีเศรษฐกิจอิงการท่องเที่ยวหรือเมืองหลัก แต่ต้องขยายสู่เมืองรองด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงทางเดิน ชายหาด ฯ  

 นอกจากนี้ ท่ามกลางการบริหารจัดการไวรัส มีการกระจายฉีดวัคซีน จึงเห็นว่าการเปิดเผยข้อมูลด้านสาธารณสุขต้องกระจ่างแจ้งเพื่อสร้างความสบายใจให้กับทุกฝ่าย เพราะนาทีนี้ วัคซีนเป็นทรัพยากรหายาก และเงินงบประมาณที่นำไปใช้จ่ายมีอยู่จำกัด 

ขณะเดียวถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องมี "ความกล้า" ในการแก้ไขกฏระเบียบที่เป็น "คอขวด" กติกาที่เป็นอุปสรรค สร้างความไม่สะดวก ช่วยลดภาระให้กับประชาชน ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้ใช้ชีวิตยากลำบากอยู่แล้ว

"ใช้วิกฤติให้เกิดโอกาสใหม่ ต้องกล้าผ่าตัด รื้อกฎระเบียบ ใช้ปากกาแก้ไขกฎกระทรวง ค่าธรรมเนียมต่างๆ ตอนนี้มีประชุมเยอะ ก็ประชุมออนไลน์ซะ"   

ส่วนการปั๊มชีพจรผู้ประกอบการท่องเที่ยวระยะสั้น รัฐควรพิจารณากระบวนการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ จากปีก่อนพูดไม่ถนัด เพราะยังไม่เห็นผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ที่ยังทำ "กำไรมาก" 

"ตอนนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกำลังอ่อนแอ หลังจมน้ำมานาน แต่การพิจารณาให้สินเชื่อสามารถช่วยคนที่กำลังขึ้นจากน้ำ และดึงผู้ประกอบการในห่วงโซ่หรือซัพพลายเชนให้พ้นน้ำได้ทั้งระบบ"  


++4D คัมภีร์ดึงดูดนักเดินทาง

ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ฉายภาพธุรกิจท่องเที่ยวของไทยที่ผ่านมา ผู้ประกอบการมีความสุขกับตัวเลขนักท่องเที่ยวร่วม 40 ล้านคนต่อปี แต่โลกภายใต้โควิด ยากจะเห็นจำนวนคนมากมายเดินทางเช่นเดิม เพราะผ่านพ้นครึ่งปีแรก นักท่องเที่ยวมาไทยกว่า 34,000 คนเท่านั้น หลังเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อ้าแขนรับนักเดินทางไปเกือบครึ่งหนึ่ง 


นอกจากนี้ โลกวิถีปกติใหม่(New Normal) แผนการเดินทางของนักท่องเที่ยวไม่เหมือนเดิม เพราะการจองทริปเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น ไม่เตรียมการนานเหมือนในอดีต เพราะมีเงื่อนไขสถานการณ์โรคระบาดของแต่ละประเทศให้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต มีผลต่อตารางการท่องเที่ยวทั้งสิ้น 

ท่ามกลางตัวแปรที่หลากหลาย แต่ภารกิจของททท. คือต้องผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เติบโต จึงผ่อนเกียร์ในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์การท่องเที่ยวไม่ได้ มุ่งผนึกกับสำนักงานทั้ง 29 ประเทศ ดึงนักเดินทางให้กลับมาเยือนไทย สื่อสารให้เข้าใจไทยมีภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พัก อาศัย เที่ยวในเกาะได้ หากอยู่ครบตามเงื่อนไข ไร้ความเสี่ยงโรคระบาด อาจได้ขยายพื้นที่เที่ยวยังจุดอื่นๆได้ขึ้นภายใต้สถานการณ์และการควบคุมโรคระบาด  

ขณะที่การทำตลาดจะยึดสูตรเดิมไม่ได้ เพราะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยน จึงต้องปรับตัวเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย คัมภีร์ 4D ลุยตลาด ได้แก่ Demand ผู้ประกอบการต้องฟังความต้องการของนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย(Stakeholders)ที่ทำงานร่วมกัน อย่างยุคนี้มาเที่ยวโรงแรม ที่พักต่างๆต้องปลอดภัย เมื่อมาต้องตรวจเชื้อโควิด-19 ทำให้กินเวลานานขึ้น มีผลต่อเวลาเช็คอิน เช็คเอาท์ จึงต้องปรับให้เหมาะสม ไม่ยึดกฏเหล็กนับ 24 ชั่วโมง เช่น หากมาเช็คอิน 08.00 น. แล้วต้องเช็คเอาท์ เวลาใกล้เคียงกัน แขกเข้าพักต้องตื่นเช้าเพื่อออกจากโรงแรม อดมื้อเช้า เหล่านี้ต้องยืดหยุ่นได้ อย่าคำนึงถึงแค่ผลทางธุรกิจ

"กลยุทธ์เดิมอาจพัฒนาสินค้าดีขึ้นห้างขาย ประเทศไทยสวยหล่อเลือกได้ นักท่องเที่ยวมาเยือน 40 ล้านคน Enjoy มานาน แต่ยุคนี้ต้อง Demand Driven ทำตลาดต้องฟังเสียงลูกค้า ตอนนี้นักท่องเที่ยวพาครอบครัว คนรักมาเที่ยวจะมองหาสถานที่เที่ยวแล้วมั่นใจ ปลอดภัย"

Data Driven ข้อมูลขับเคลื่อนธุรกิจ ทำตลาดต้องรู้สถานการณ์แต่ละประเทศมีเงื่อนไขเกี่ยวกับโรคโควิด-19 อย่างไร ไทยอยู่ในโซนสีไหนของแต่ละประเทศ เพราะมีผลต่อการพัก กักตัวของนักท่องเที่ยวเมื่อกลับประเทศเหล่านั้น Digital โรคระบาดเป็นปัจจัยเร่งให้ดิจิทัลทรงพลังมากขึ้นและเปลี่ยนทุกสิ่งทั้งการติดต่อกัน อีเวนท์แบบกายภาพหรือ Physical ลดลง หากนักท่องเที่ยวไม่ต้องการใช้จ่ายเงินสด โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ต้องมีเทคโนโลยี บริการอิเล็กทรอนิกส์รองรับ และควรใช้เวลานี้ปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง เพราะยังมีเวลาก่อนนักเดินทางกลับมาเยือนไทยอีกครั้ง

  Domestic กลับมาพึ่งการตลาดในประเทศ เมื่อคนไทยหยุดเชื้อเพพื่อชาติเป็นเวลานาน หากนโยบายเปิดประเทศ สถานการณ์โควิดคลี่คลาย การกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทย เป็นกลไกฟื้นเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ "จีน" เป็นกรณีศึกษาน่าสนใจ เมื่อรัฐยังไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ ประชากรจำนวนมากเดินทางเที่ยวในประเทศทำสถิติเท่ากับปี 2562 การพักที่จุดหมายปลายทางต่างๆนานขึ้น เช่น ไปมาเก๊า 5 วัน จากปกติ 1-2 วันเท่านั้น 

++ เที่ยวเชิงสุขภาพ 

New S-Curve เติบโต   

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย อดีตเคยมีนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพจากยุโรป สหรัฐฯ เข้ามาพักผ่อนเป็นเวลาหลายวัน กระทั่ง "มังกรผงาด" จีนยุคใหม่ต่างพากันตบเท้าออกนอกประเทศเพื่อชมโลกกว้าง ไม่เพียงเท่านั้น ยุคโลกไร้พรมแดน ทำให้มีนักท่องเที่ยวอิสระ(FIT)ทั่วทุกมุมโลกออกเดินทางมากขึ้น ทำให้กลุ่มเป้าหมายของแต่ละตลาดเปลี่ยน รวมถึงไทยที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลมามหาศาล 

ทว่า จากนี้ไปตัวเลข ไม่ใช่เป้าหมายสำคัญสุดอีกต่อไป เพราะผู้ประกอบการตีโจทย์ใหม่ ป้องกันความเสี่ยงจากตลาดเดียว และขยายตลาดเพิ่มขุมทรัพย์รายได้ ซึ่งหลายส่วนเห็นพ้องว่าหลังโรคโควิดระบาด การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) รวมถึง การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์(Medical Tourism) จะมีบทบาทยิ่งขึ้น 

กิตติศักดิ์ ปัทมะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจมนทาระ ฮอสพิตาลิตี้ กรุ๊ป ผู้บริหาร ตรีสรา รีสอร์ต ภูเก็ต หยิบข้อมูลย้อนหลังปี 2560 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วโลกมีมูลค่าถึง 6.4 แสนล้านดอลลาร์ ขนาดใหญ่กว่าจีดีพีไทยมาก และมีอัตราการเติบโตราว 7% ขยายตัวเร็วกว่าเศรษฐกิจหลายประเทศด้วยซ้ำ 

ทั้งนี้ หากธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตที่พึ่งพาชาวต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะจีน รัสเซีย ซึ่งยังไม่กลับมาในเร็วๆนี้ ทำให้ต้องปรับตัวหาตลาดใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวให้ได้

นอกจากนี้ การติดตามสถานการณ์โรคระบาด และศึกษาข้อมูลต่างๆ ทำให้กรณีที่น่าสนใจ อย่างสหรัฐฯ มีผู้ป่วยนับล้าน หากไม่มีโรคเรื้อรังอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 14% หากมีโรคเรื้อรัง อัตราจะเพิ่มเป็น 45% หรือราว 3 เท่าตัว และมีผลต่อการเสียชีวิตจาก 5% เป็น 20% หรือเพิ่ม 4 เท่าตัว ผลกระทบไม่ได้เกิดกับร่างกายเท่านั้น แต่มีผลต่อสภาพจิตใจของคนในครอบครัวด้วย 

ขณะที่พฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังสูง 2-4 เท่าตัว และใช้เวลาทำกิจกรรม พักผ่อนยาวนานเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวทั่วไป ส่วนการเดินทางยังไปพร้อมครอบครัว พ่อแม่ ลูกฯ 

"โควิดทำให้คนตระหนักเรื่องสุขภาพ และกระตุ้นตลาดความต้องการตลาดสุขภาพทั่วโลก wellness tourism จึงเป็นโอกาสในวิกฤติ" 

ทั้งนี้ บริษัทจึงพัฒนาโครงการ "ตรีวนันดา" บนพื้นที่ 600ไร่ มีโซนที่พักอาศัย และรีสอร์ท รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยจุดเด่นโครงการไม่เพียงรองรับนักท่องเที่ยว แต่ยังตอบโจทย์การลงทุนด้วย เพื่อให้ลูกค้าที่ลงทุนสามารถปล่อยเช่าได้ผลตอบแทน ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้กลับเข้ามาลงทุนส่งเสริมเครื่องยนต์เศรษฐกิจภูเก็ตและประเทศต่อไป

"ระยะยาว Wellness Tourism ตอบโจทย์การผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตในอนาคต เพราะคนทัวโลกต้องการมีสุขภาพดี ประเทศไทยมีทรัพยากร วัฒนธรรม บุคลากรตอบโจทย์" 

 ศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) เห็นพ้องว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ถือเป็นปัจจัยสร้างการเติบโตใหม่หรือ New S-Curve ของภาคท่องเที่ยว เพราะโควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องรักษาชีวิต รักสุขภาพ หันมาสร้างภูมิป้องกันโรคต่างๆมากขึ้น 


หากมองดูประเทศไทย มีจุดแข็งมากมายที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพ ทั้งมีทรัพยากรสมุนไพร การปลดล็อกกัญชาเพื่อทางการแพทย์ และเชิงพาณิชย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ บริษัทนำไปต่อยอดในโครงการมายโอโซน เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโต ยกระดับเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางเหมือนการไปดื่มไวน์ณ เมืองต่างๆในประเทศฝรั่งเศส 

"โควิดทำให้คนโหยหามากสุดคือสุขภาพ เพราะมีเงินก็ตาย ขณะที่การส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เมดิคัล ฮับต่างๆ ไม่ยาก เพราะไทยมีจุดแข็งอยู่แล้ว หากทำได้เชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาเร็ว"

พัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่จะยั่งยืน ต้องหันพึ่งพาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และไม่แค่การรักษาพยาบาล แต่มองถึงการเป็นแหล่ง "ดิจิทัล ดีท็อกซ์" ใช้พื้นที่อับสัญญาณโทรศัพท์ พัฒนารีสอร์ท เพื่อให้นักเดินทางมาปรับคุณภาพชีวิต กลับมาตั้งสติมากขึ้น 

นอกจากนี้ จะยกระดับการท่องเที่ยวเชิงอาหาร Agro Gastronomy เชื่อมโยงการเกษตรกับอาหารแบบครบวงจร มีลายแทงร้านเด็ดดี ปราศจากสารเคมี ดึงนักเดินทางให้มาเที่ยวแล้วได้เรียนรู้ศาสตร์การทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพติดตัวกลับไป เป็นต้น  

ภูเก็ต จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวสำคัญของไทย แต่ละปีโกยนักเดินทางจำนวนมาก เศรษฐกิจท้องถิ่น 95% พึ่งพาการท่องเที่ยว แต่โควิดทำให้ต้องคิดใหม่ ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต บอกว่า ระยะยาวการฟื้นเศรษฐกิจภูเก็ต ต้องไม่ยึดติดกับท่องเที่ยว ต้องสร้างเครื่องยนต์ใหม่ เช่น การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การศึกษา สมาร์ทซิตี้ฯ เพื่อกระจายความเสี่ยง แต่ยอมรับว่าจะก้าวไปสู่จุดดังกล่าว เป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะต้องใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อย พัฒนาระบบขนส่ง ดูแลการท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อมให้ดี

"เพื่อไม่ต้องพึ่งพางบประมาณภาครัฐ  ควรหานวัตกรรมทางการเงินเพื่อให้ภูเก็ตเดินหน้าต่อได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนมองระยะยาว ต้องเอาตัวรอดปัจจุบันก่อน หากติดหล่มการจัดการโรคระบาด อนาคตคงเป็นแค่ฝัน"
#3374


แม่ฮ่องสอน - เครือข่าย "สะพานบุญครูหนึ่ง" ผนึกชาวแม่ฮ่องสอน ร่วมลงขัน-ลงแรงทำ "น้ำพริกคั่ว" เมนูที่ขาดไม่ได้ของชาวไต แพ็คส่งช่วยเหลือพี่น้องชาวไทใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดระบาดฟรีทั่วประเทศ

สถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดรุนแรง สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนจำนวนมากอยู่ในขณะนี้ มีผู้ได้รับความเดือดร้อนมากมาย โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้มที่จะต้องใช้มาตรการเข้มงวดทั้งล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว เพิ่มเป็น 29 จังหวัด

และแน่นอนว่าตามจังหวัดเหล่านี้..มีพี่น้องชาวไทใหญ่หรือแรงงานชาวไต ทั้งจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ ที่ได้รับผลกระทบอยู่ด้วย ประกอบกับมาตรการในการกักตัวหรือระหว่างการรักษาตัวก็จะมีเรื่องอาหารการกินเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ ทำให้ที่ผ่านมาก็จะมีการติดต่อกับญาติพี่น้องในภูมิลำเนาเพื่อขอให้จัดส่งสิ่งของหรืออาหารไปให้เป็นระยะ

โดยหนึ่งในเมนูบนสำรับกับข้าวของพี่น้องชาวไทใหญ่ หรือพี่น้องไต ที่ขาดไม่ได้คือ "น้ำพริกไทใหญ่หรือน้ำพริกคั่ว" ซึ่งผู้คนที่ต้องกักตัวตามต่างจังหวัดก็จะลำบากที่ไม่สามารถหาซื้อวัตถุดิบมาทำได้

ล่าสุดชาวบ้านในจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็ได้ประสานความร่วมมือกับ "สะพานบุญครูหนึ่ง" ที่มีนายชาติชาย น้อยสกุล หรือครูหนึ่ง โต๊ะอิหม่ามหรือผู้นำศาสนาอิสลามของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองการศึกษา เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นฟันเฟืองหลักผสานความร่วมมือกับคริสตจักรและวัดต่างๆ ในรูปแบบภาคี 3 ศาสนา คือ พุทธ คริสต์ อิสลาม เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้ด้อยโอกาส และตอนนี้ยังรวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบตามแนวชายแดนมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

พร้อมกับรวบรวมวัตถุดิบที่จะต้องใช้ในการทำน้ำพริกคั่วไทใหญ่ และระดมกำลังของชาวบ้านหรือผู้ที่ว่างงาน มาช่วยกันลงมือปรุงน้ำพลิกคั่วไทใหญ่ทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้รสชาดแบบดั้งเดิมของชาวไตในแม่ฮ่องสอน



ซึ่งการทำน้ำพริกคั่วไทใหญ่นั้น วัตถุดิบหลักๆก็จะมีหอมแดง กระเทียม ปลาเกล็ดขาวเล็ก กุ้งแห้ง พริกแห้ง เครื่องปรุงรสต่างๆ เกลือ น้ำมันพืชและที่ขาดไม่ได้คือถั่วเน่า (ถั่วเหลืองหมักและแปรรูปเป็นแผ่นตากแห้ง เป็นเครื่องปรุงรสเหมือนกับปลาร้าหรือกะปิ)

แต่ละคนจะต้องมาช่วยกันทั้งแกะและซอยหอมแดง กระเทียมหลังจากแกะเปลือกแล้วก็จะต้องตำให้แหลก ส่วนถั่วเน่าที่ถือว่าเป็นวัตถุดิบหลักของน้ำพริกคั่วก็ต้องนำมาย่างให้หอมแล้วนำมาตำให้ละเอียด

ขั้นตอนที่ยากและต้องใช้เวลามากก็คือต้องนำวัตถุดิบทั้งกระเทียมตำละเอียดกับหอมแดงที่ซอยไว้นั้นมาทอดในน้ำมันให้หอม ก่อนที่จะนำมาพักให้หายร้อนและสะเด็ดน้ำมัน เช่นเดียวกับปลาเกล็ดขาวเล็กก็ต้องนำมาทอดเช่นเดียวกัน ส่วนกุ้งแห้งหลังจากนำมาทอดพอหอมแล้วนำมาโขลกพอหยาบ พริกแห้งก็ต้องนำมาคั่วให้แห้งและโขลกให้ละเอียด

จากนั้นก็จะเป็นวิธีการนำทุกอย่างที่เตรียมไว้พักให้เย็นแล้ว นำมาคลุกเคล้าเข้าด้วยกันในอัตราส่วนที่พอดีตามสูตรของชาวไทใหญ่ ก่อนที่จะบรรจุใส่ถุงและแพ็คใส่กล่องไปรษณีย์ส่งไปยังปลายทางตามที่มีผู้ป่วย หรือผู้กักตัวได้ร้องขอมา โดยส่งให้ฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

นายชาติชาย น้อยสกุล แกนนำเครือข่ายสะพานบุญครูหนึ่ง บอกว่า ตอนนี้พี่น้องชาวไใหญ่ที่อยู่ในหลายจังหวัดต้องการน้ำพริกคั่วไทใหญ่มากขึ้น ต้องระดมทั้งคนและวัตถุดิบต่างๆ มาทำ พอทำเสร็จก็จะทยอยส่งไปเรื่อยๆ คาดว่าจะต้องทำไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายและเป็นอาหารที่ถูกปากของชาวไทใหญ่อยู่แล้ว เป็นอีกหนึ่งกำลังใจของชาวแม่ฮ่องสอนส่งไปให้กับผู้ได้รับความเดอืดร้อนในขณะนี้

ทั้งนี้ "สะพานบุญครูหนึ่ง" เริ่มต้นช่วยเหลือผู้อื่นจากทุนทรัพย์ของตนเอง ปัจจุบันนี้องค์กรในนามสะพานบุญครูหนึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้คนช่วยกันบริจาคทั้งเงิน สิ่งของเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ไม่เพียงแต่ผู้คนในแม่ฮ่องสอนเท่านั้น ในขณะนี้มีผู้ใจบุญร่วมกันบริจาคมาจากทั่วประเทศและมีบางรายอยู่ต่างประเทศ

และที่ผ่านมา ชาวแม่ฮ่องสอนจะเห็นภาพ สะพานบุญครูหนึ่ง ทำหน้าที่รับบริจาค รวบรวมสิ่งของจำพวกข้าวสาร อาหารแห้ง ผ้าอ้อมสำเร็จรูปของเด็กและผู้ใหญ่ เสื้อผ้า ยา ขนม และสิ่งที่จำเป็นในยุคนี้ก็คือหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล วัสดุทางการแพทย์จำพวกชุด PPE เพื่อมอบแก่ทีมแพทย์และพยาบาล รวมไปถึงการก่อสร้างที่พักให้แก่ผู้ที่ไร้บ้าน ผู้พิการ พร้อมไปกับการเข้าไปดูแลอย่างต่อเนื่องในรายที่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงแบบถาวร
#3375


"กระต่าย พรรณนิภา" ควง ผู้จัดการส่วนตัวแถลง ยอมรับอยู่กินกันผัวเมียจนมีลูกด้วยกัน ยอมรับผิดศีลข้อ 3 เล่าย้อนอดีต 3 ปีที่แล้ว ฝ่ายชายคลอนแคลนกับเมีย ยอมรับผิดทำงานใกล้ชิดกับกระต่าย จนมีความรู้สึกดีต่อกัน แต่พึ่งมาเริ่มใช้ชีวิตด้วยกันจริงๆ จังๆ เมื่อปี 63 ขอโทษแฟนๆ ขอให้ติดตามผลงานต่อไป

เมื่อ 3 ปีที่แล้ว "กระต่าย พรรณนิภา" เจ้าของเพลงสันดานเก่า 217 ล้านวิว, เพลงเจ็บคอ 130 ล้านวิว ตกเป็นข่าวฉาวมือที่สาม ทำให้ "อาจารย์ไพบูลย์ แสงเดือน" ผู้บริหารค่ายจ้วดจ้าด สตูดิโอ และผู้จัดการส่วนตัวของกระต่าย ต้องเลิกรากับภรรยา มาตอนนี้ก็เจอข่าวท้องและมีลูกกับอาจารย์ไพบูลย์ ทำเอาทั้งคู่ถูกโจมตีอย่างหนัก แฟนคลับบางคนถึงขั้นแบนจะไม่ติดตามผลงานของกระต่ายอีก ล่าสุด ทั้งคู่ก็ได้เปิดแถลงข่าวผ่านช่องยูทูบ จ้วดจ้าด Official ยอมรับว่า กระต่ายได้ท้องและมีลูกกับอาจารย์ไพบูลย์จริง โดยทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว ยอมรับว่า ผิดศีลข้อ 3

เนื่องด้วยจังหวัดเลยของเรา มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ค่อนข้างจะสูง แล้วเราติดต่อหาสถานที่มันยาก และลงไม่ได้ เลยตัดสินใจมาที่พื้นที่ของเรา เลยจัดแถลงข่าวผ่านช่องทางส่วนตัวของเรา และให้ทางน้องกระต่าย ตัวผมเอง และน้องๆ ทีมงานแชร์ในส่วนนี้ ให้เอฟซีที่สนใจและอยากฟังความจริงจากพวกเรา ที่จะมานำเสนอในวันนี้ อาจจะไม่ถูกใจหรือไม่ถูกใจใครหลายคน เราก็ต้องกราบขออภัยและต้องขอโทษ

ก็ต้องกราบขออภัยด้วยนะครับ สาเหตุที่ต้องมาเล่าหรือแถลง ณ ที่ตรงนี้ เอาตรงๆ เราก็คนๆ หนึ่งที่มีความรู้สึก เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีการด่า หรือคำที่รุนแรง ผมในฐานะเจ้าของโพสต์เอง ต้องกราบขอโทษด้วย มีบางทีควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ มีการโต้ตอบแฟนเพลง หรือเอฟซีที่เข้ามาคอมเมนต์ แต่ในบางส่วนก็แรงเกินไป เกินที่เราจะรับได้ ต้องกราบเรียนอย่างนี้ว่า เราขอโทษและนับจากนี้ไป เราจะสร้างแต่สิ่งดีๆ ที่เคยทำมา

คำถามแรกที่เป็นประเด็นดราม่าเลย คือ คุณไพบูลย์เลิกกับเมียก่อนที่จะมาหาน้องกระต่ายหรือเปล่า หรือเลิกกับเมียเพราะน้องกระต่ายหรือเปล่า อันนี้ผมยอมรับผิดคนเดียวเลยว่า ในสภาวะช่วงนั้นผมกับแฟนก็คลอนแคลนกันผมจะพูดให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบบุคคลที่ 3 หรือบุคคลอื่นในเรื่องเก่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมอยากบอกว่าเราหย่ากันเมื่อ 3 ปีที่แล้ว นี่คือหลักฐานข้อมูลทะเบียนหย่าที่มีเอกสารบอกว่า แฟนผมอนุญาติหรือยืนยันผมเป็นคนดูแลและเลี้ยงบุตรตั้งแต่ที่เราหย่าร้างกัน

ไม่ขอพาดพิงและไม่พูดถึงเรื่องนี้ซ้ำอีก เพราะตอนนั้นผมออกมาเอง และเราก็หย่ากันด้วยดี ผมก็ให้ค่าเลี้ยงดูในส่วนที่เขาเรียกร้อง และเราก็ดูแลกันเสมอมา ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางหรือทะเลาะอะไรกัน ส่วนเรื่องลูกผมเลี้ยงและเวลามีโอกาส แฟนเก่าของผมก็สามารถมารับลูกไปเล่นด้วนหรือไปอยู่ด้วยก็ได้ ซึ่งตอนนี้เขาก็มีครอบครัวใหม่ที่สมบูรณ์และมีความสุขแล้ว ผมขออนุญาตพูดสั้นๆ เพียงเท่านี้

ส่วนคำถามที่ 2 กระต่ายท้องกับผม กับไพบูลย์จริงมั้ย ผมเรียนตรงนี้ ด้วยความเป็นลูกผู้ชายจริง จริงครับ อีกครั้งนะครับ กระต่ายท้องกับอาจารย์ไพบูลย์จริงมั้ย ผมยืนยันและด้วยความเป็นลูกผู้ชายว่าจริง

สาเหตุที่ทำไมไม่ออกมาพูดหรือออกมาแถลงข่าวเลย คือ เราเซฟโซนในส่วนของลูกเราเองด้วย เขาเพิ่งเกิดและสถานการณ์ตรงนี้ด้วย เราไม่อยากให้เกิดความแตกแยกหรือความรู้สึกเฟลกับแฟนเพลงที่เขาบอกว่า ทำไมศิลปินต้องมีลูกหรือครอบครัว เอาตรงๆ นะครับ ช่วงแรกๆ ที่ผมหย่ากับแฟนเก่าของผม เรายังไม่ได้ตกลงที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน หรือเป็นแฟนกัน ตอนนั้นก็แค่คุยกัน และน้องกระต่ายเองก็มีคนคุยของเขาอยู่แล้ว ณ ตอนนั้น และคนในวงก็รู้ดีอยู่แล้วว่าผมกับน้องแบ่งพาร์ตชีวิตกันอย่างไร

ทำงานด้วยกัน แต่ด้วยความใกล้ชิดและเมื่อปี 63 ช่วงโควิดปีที่แล้ว เราเลยคุยกันว่า ถ้าสถานการณ์ยังเป็นโควิดอยู่ ไม่มีคอนเสิร์ต เรามาเริ่มชีวิตครอบครัวกันมั้ย ซึ่งปี 63 เราจดทะเบียนสมรสกันครับ อันนี้เป็นเรื่องจริง แต่เนื่องด้วยมีเหตุผลบางอย่างเรื่องธุรกรรมของผม ก็เลยต้องได้หย่ากันก่อน เพื่อที่จะคลอดลูกกันก่อน แล้วค่อยจดทะเบียนกันใหม่ และทำให้มันถูกต้อง น่าจะชี้แจงให้เอฟซีได้เห็น

กระต่าย : กระต่ายท้องกับ อ.ไพบูลย์ จริงนะคะ กระต่ายก็ต้องขอโทษแฟนเพลงทุกคนด้วยนะคะ (ยกมือไหว้) ที่ไม่ได้แจ้งและก็ไม่ได้บอกแฟนเพลง เพราะว่ากระต่ายเป็นห่วงความรู้สึกของแฟนเพลงทุกๆ ท่าน

ไพบูลย์ : ผมในฐานะที่เป็นผู้จัดการและผู้ดูแลค่าย ก็ขอโทษแฟนเพลงและทุกคนที่ติดตามและคาดหวังว่าน้องกระต่ายจะไม่มีแฟนหรือลูก เราไม่ได้ปฏิเสธตั้งแต่เบื้องต้นอยู่แล้ว เอาตรงๆ ว่า รูปที่โพสต์ไปเป็นลูกชายของเรา ชื่อน้องเพลินเพลงพิณ น้ำหนักแรกคลอด 2.94 กิโลกรัม เป็นที่น่ายินดีและผมก็โพสต์ก็ดีใจ เป็นความสุขของเราอีกรอบนึงเป็นลูกคนที่ 2 ของผม ความสุขที่เขาเกิดมาจากความรัก ที่เราพร้อมอยากเริ่มต้นและสร้างครอบครัวใหม่ที่ดี

เราจะไม่พูดเรื่องอดีตแล้วสิ่งที่ผมเสียใจและที่ผมได้ทำไปเบื้องต้นก่อนหน้านี้ การโพสต์ หรือด่ากันในคอมเมนต์ตรงนี้ผมต้องขอโทษ ผมก็เป็นบุคคลธรรมดาคนนึงที่มีความรู้สึกและก็แค่อยากระบายบ้างในส่วนที่เราโดนมาเยอะ แต่นับจากนี้ไปสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวของน้องกระต่ายเองแล้วก็ลูก ครอบครัวของเรานะครับ ตอนนี้เรามีความสุข เราทำงานด้วยความสุข ถึงแม้ต่อจากนี้งานเพลงเรา แฟนเพลงส่วนหนึ่งอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ต้องขอบคุณแฟนเพลงที่ยังอยู่เคียงข้าง คอยติดตาม สิ่งที่ผมทำได้กับน้องคือสร้างผลงานในฐานะศิลปิน และดูแลครอบครัวทำหน้าที่แม่และพ่อของลูก

เราอยากขอโทษจากใจจริง เราไม่มีเจตนาจะปิดบังแต่อย่างใด เราจะออกมาชี้แจงในมุมนี้อยู่แล้ว แต่เราขอเวลาก่อน เพราะน้องก็เพิ่งคลอด ยังไม่แข็งแรงมากพอจะทำกิจกรรมต่างๆ ได้คล่อง แต่ด้วยกระแสและโซเชียล มันไปเร็วเกินกว่าจะรอ วันนี้ก็เลยเคลียร์ให้เอฟซีเข้าใจ และกราบขอโทษอีกครั้งนึงที่ทำให้หลายๆ คนผิดหวัง

ประเด็นพรากผู้เยาว์ ผมต้องแจ้งอย่างนี้ว่ากรณีที่มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการฟ้องกันหรือเปล่า อันนี้ตามมุมที่ผมเข้าใจนะ แต่ว่าสำหรับเราและครอบครัว ที่จริงแล้วกระต่ายบรรลุนิติภาวะแล้วนะครับ หลังจากที่จดทะเบียนสมรสด้วยกันเมื่อต้นปีที่แล้ว ประเด็นพรากผู้เยาวืเลยไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราแล้ว

ประเด็นผิดศีลธรรมหรือเปล่า อันนี้เรายอมรับ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ ล้วนแล้วแต่ผิดศีลธรรม เรายอมรับ เราขอผิดศีลข้อ 3 แต่เราจะไม่ผิดศีลข้อ 4 เราผิดข้อ 3 ซึ่งหมายความว่าตอนนั้น ซึ่งเราย้อนไป 3 ปี ผมพยายามพูดให้น้อยที่สุด ไม่พาดพิงใครก็แล้วแต่ ไม่พาดพิงบุคคลที่3 ตอนนั้นมันมีกระแสจริงๆ โซเชียลแรงในเรื่องของผมหย่ากับแฟน เลิกกับแฟนแล้วมาคบกับน้องกระต่ายเหรอ อันนี้เป็นประเด็นดราม่าในระลอกแรกที่เราเจอ แล้วก็บอกว่าถ้าบอกว่าผมจะออกออกมายอมรับว่า ผมออกมาเพราะว่าเราคลอนแคลนกันอยู่แล้ว

แล้วน้องมีส่วนเกี่ยวข้องไหม ผมเป็นผู้ชายผมรับเอง น้องไม่ได้เกี่ยวข้อง ทุกอย่างมันเกิดจากผม ถ้าถามว่าเรามีความรู้สึกดีด้วยกันก็ต่อเมื่อเราได้มาทำงานด้วยกันเพิ่มมากขึ้น ตอนนั้นเราเดินทาง ไปคอนเสิร์ต ในระหว่างนั้นเขาก็มีแฟน มีคนคุยอยู่แล้ว เราก็รู้กันอยู่ในวงอยู่แล้ว แต่เราเพิ่งจะมาคุยกันเป็นครอบครัว ตั้งหลักกันใหม่ ก็ปลายๆ ปี 2562 และปี 2563 ก็คุยกันว่าถ้ามีลูกเราคงจะมีลูกในช่วงโควิดที่ไม่มีคอนเสิร์ต เพราะว่าอยากให้เขาเกิดมาแล้วได้ดื่มนมแม่ และได้ดูแลเขาเต็มที่ ครอบครัวเราไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการเลี้ยงดูเลยครับ

กระต่าย : กระต่ายขอโทษแฟนเพลงทุกท่านด้วยนะคะ ขอให้ทุกคนติดตามกระต่ายเหมือนเดิม กระต่ายจะสร้างสรรค์ผลงานเพลงให้ได้ฟังเหมือนเดิมนะคะ ขอบคุณค่ะ
#3376



"โรคไขมันในเลือดสูง" เป็นโรคหนึ่งที่นำไปสู่โรคร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองอุดตันเกิดอัมพฤกษ์อัมพาต และโรคหลอดเลือดหัวใจ เนื่องจากการมีไขมันสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจนไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ตามปกติ จึงเป็นอีกโรคที่ควรรู้จัก เพื่อจะได้หาทางป้องกันและดูแลตนเองตั้งแต่เนิ่นๆ

โรคไขมันในเลือดผิดปกติ คืออะไร

ตามปกติในการตรวจเลือดจะมีการวัดระดับไขมันหลักๆ 4 ตัว คือ คอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol) ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ไลโปโปรตีนที่มีความหนาแน่นตํ่า หรือไขมันเลว (Low Density Lipoprotein : LDL) และไลโปโปรตีนที่มีความหนาแน่นสูง หรือไขมันดี (High Density Lipoprotein : HDL)

การที่จะได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ คนคนนั้นจะต้องมีระดับคอเลสเตอรอลรวมมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือมีระดับไตรกลีเซอไรด์มากกว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือมีระดับไขมันเลว (LDL) มากกว่า 130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือมีระดับไขมันดี (HDL) น้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร แต่การพิจารณาการให้ยาลดไขมันนั้น แพทย์มักจะตัดสินจากระดับไขมัน LDL รวมถึงระดับไตรกลีเซอไรด์มากกว่าระดับคอเลสเตอรอลรวม


นอกจากนี้ ในคนไข้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เช่น คนไข้โรคเบาหวาน คนที่มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือหลอดเลือดหัวใจตีบมาก่อน ควรรักษาระดับไขมันเลว (LDL) ให้น้อยกว่า 100 ลงไปอีก จึงจะป้องกันการเกิดซ้ำของโรคได้

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงหลักของการเป็นโรคไขมันในเลือดสูง คือ กรรมพันธุ์และอาหาร ส่วนน้อยอาจเกิดจากโรคประจำตัว เช่น ภาวะอ้วน การขาดฮอร์โมนไทรอยด์ เบาหวาน เป็นต้น

อาหารที่มีผลให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูง เช่น เนื้อสัตว์แดงติดมัน เครื่องในและไขมันจากสัตว์ อาหารที่ใช้น้ำมันผัด ของทอดต่างๆ ปลาหมึก หอยนางรม รวมทั้งอาหารที่มีไขมันทรานส์ซึ่งอยู่ในมาการีน หรือเนยเทียมที่ใช้ในการทำเบเกอรี่ และอาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ เช่น โดนัท พิซซ่า เฟรนช์ฟราย เป็นต้น

ส่วนปัจจัยที่ทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์สูง คือ การกินอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลปริมาณมากๆ เช่น เครื่องดื่มบรรจุขวดต่างๆ น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลฟรุกโตส รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย


นอกจากนี้ หากพบว่ามีกรรมพันธุ์ในเรื่องของไขมันในเลือดสูงก็จะยากที่จะลดด้วยการคุมอาหารเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องกินยาช่วย เพราะระดับไขมันจะสูงมาก จนสามารถทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตันได้ตั้งแต่คนไข้อายุยังน้อย

อาการ

โรคไขมันในเลือดสูง เป็นภัยเงียบที่ในระยะแรกไม่มีอาการ หากไม่ได้ตรวจเลือด ก็จะไม่ทราบเลยว่ามีระดับไขมันในเลือดสูง ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา สุดท้ายจะมีอาการที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองอุดตันในที่สุด แต่ในผู้ป่วยที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงมาก คือ เกิน 500 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร อาจก่อให้เกิดอาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งเป็นภาวะที่อันตราย โดยคนไข้จะมาด้วยอาการปวดท้องรุนแรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ทะลุไปด้านหลัง ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลทันที

การวินิจฉัย

วินิจฉัยโดยดูจากผลเลือด โดยก่อนเจาะเลือดควรงดน้ำและอาหาร อย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ผลเลือดที่ถูกต้อง

อันตรายและภาวะแทรกซ้อน

การที่ร่างกายมีระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ที่สูงกว่าปกติ จะส่งผลให้มีไขมันไปเกาะตามผนังของหลอดเลือด ทำให้เลือดที่ส่งไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ น้อยลง โดยเฉพาะหัวใจและสมอง ซึ่งไขมันนี้จะค่อยๆ ก่อตัวและหนาขึ้นเรื่อยๆ ใช้เวลาหลายปีกว่าจะแสดงอาการให้เห็น ซึ่งหากไม่ได้รับการตรวจเลือดประจำปี ก็จะไม่รู้ว่ามีไขมันในเลือดสูง ดังนั้นในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี จึงควรได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อเช็กระดับไขมันในเลือดของตนเอง หากพบว่าสูง จะได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที


การรักษาและการป้องกัน

การรักษาหลัก คือ การใช้ยาลดไขมัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกชนิดและขนาดของยา ตามระดับความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดตีบในคนไข้แต่ละราย นอกจากนี้คนไข้จะต้องดูแลตนเอง โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน กล่าวคือ หลีกเลี่ยงอาหารที่ใช้น้ำมันผัดทอด เปลี่ยนไปกินอาหารต้ม นึ่ง ย่าง ตุ๋นแทน หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์แดงติดมัน รวมทั้งไขมันอิ่มตัว เปลี่ยนเป็นกินอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา ไม่กินอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์ ลดเครื่องดื่มรสหวานทุกชนิด ลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดกินอาหารแช่แข็ง อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงอย่างปลาหมึก ไข่ปลาหมึก หอยนางรม เป็นต้น

นอกจากการกินที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษแล้ว ยังจะต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่างน้อยวันละ 20-30 นาที และตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อเช็กระดับไขมันในเลือดของตนเองว่าสูงหรือไม่ โดยเฉพาะคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ ควรตรวจตั้งแต่อายุ 20 ปี เพื่อจะได้เตรียมการรักษาได้ทันท่วงที การเลิกสูบบุหรี่ การควบคุมอาหาร และลดน้ำหนักในคนที่มีน้ำหนักตัวเกิน สามารถช่วยลดไขมันคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้ รวมทั้งช่วยเพิ่มไขมันตัวดีได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หากเรากินอาหารประเภทไขมันให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ รักษาระดับน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้ห่างไกลจากภาวะไขมันในเลือดสูงได้

@@@@@@@@@@@@@@

แหล่งข้อมูล

ผศ.พญ.แสงศุลี ธรรมไกรสร ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
#3377



อาการนอนไม่หลับสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย มีหลายปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับ หากเป็นติดต่อกันนานๆ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและประสิทธิภาพในการทำงานของสมองลดลง ใครที่มีอาการดังกล่าวไม่ควรนิ่งนอนใจ หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นอาการนอนไม่หลับเรื้อรังได้ 

โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) มีหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกง่วงมากแต่นอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด นอนหลับตื้นแล้วตื่นกลางดึกบ่อยๆ หรือใช้เวลานานกว่าจะข่มตาหลับ หากรู้สึกว่าอาการเหล่านี้รบกวนคุณภาพของการนอน ก็เป็นไปได้ว่ามีความผิดปกติในวงจรการหลับ โดยแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้

นอนหลับยาก - ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะหลับ
หลับไม่ทน - ตื่นกลางดึกแล้วไม่สามารถนอนหลับต่อได้
หลับๆ ตื่นๆ - เคลิ้มๆ หลับเป็นพักๆ รู้สึกเหมือนไม่ได้นอนหลับเลยตลอดคืน

สาเหตุของการนอนไม่หลับ มีอะไรบ้าง?
ปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับในเวลากลางคืนมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งหากนอนไม่หลับติดต่อกันบ่อยๆ ก็จะทำให้รู้สึกอ่อนล้า เพลีย ไม่มีสมาธิ ความจำไม่ดี ส่งผลให้สมองไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการทำงานของร่างกาย อาจทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุระหว่างวันได้ สำหรับสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับ เกิดจากปัจจัยต่อไปนี้

ปัจจัยทางร่างกาย : มีไข้ มีอาการเจ็บป่วย เจ็บปวดบริเวณต่างๆ ของร่างกาย จนทำให้นอนหลับยาก
ปัจจัยทางจิตใจ : ความวิตกกังวล ความเครียด โรคไบโพลาร์ โรคซึมเศร้า ฯลฯ
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม : ห้องมีแสงสว่างมากเกินไป มีเสียงดังรบกวนการนอน ดื่มเครื่องดื่มกาเฟอีน เล่นเกมและเล่นมือถือก่อนนอน กินอาหารที่ย่อยยาก ออกกำลังกายหนักก่อนนอน เป็นต้น

วิธีแก้อาการนอนไม่หลับ ฝึกนิสัยการนอนใหม่ตั้งแต่วันนี้
นอนไม่หลับทำไงดี? หากเข้านอนแล้ว แต่หลังจากผ่านไป 30 นาที ก็ยังไม่สามารถข่มตาหลับได้ ให้ลุกขึ้นไปหากิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน เช่น ฟังเพลงสบายๆ อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่กระตุ้นความเครียดและความรู้สึกตื่นตัว เพราะจะทำให้นอนหลับยากกว่าเดิม และที่สำคัญควรปรับนิสัยการนอนเสียใหม่ เพื่อทำให้การนอนหลับพักผ่อนในแต่ละคืนมีคุณภาพมากขึ้น เช่น

ไม่ควรนอนกลางวันนานเกินไป หากต้องการงีบพักผ่อนก็ให้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ไม่ควรนอนกลางวันหลังเวลา 15.00 น. เป็นต้นไป เพราะจะทำให้นอนหลับยากในกลางคืน
ในวันหยุดก็ควรเข้านอนและตื่นนอนเวลาเดิมอยู่เสมอ 
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนในช่วงเย็น ช่วงหัวค่ำ และก่อนนอน
จัดห้องนอนให้มืดสนิท บรรยากาศเงียบไม่มีเสียงรบกวน
ฝึกเล่นโยคะ นั่งสมาธิ และผ่อนลมหายใจเข้า-ออก จะช่วยให้หลับง่ายขึ้น
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนนอน
ปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อไม่ให้เสียงแจ้งเตือนรบกวนการนอน

เครื่องดื่มช่วยให้นอนหลับ มีอะไรบ้าง?
นอนไม่หลับ ควรกินอะไรดี? หลายคนอาจจะเคยลองมาทุกวิธีแล้ว แต่ก็ยังนอนไม่หลับเหมือนเดิม ก็สามารถหันมาแก้ปัญหาด้วยการ "กิน" ได้เช่นกัน บางคนอาจรู้สึกหิวกลางดึกจนนอนไม่หลับ แต่ก็ไม่อยากลุกขึ้นมากินข้าวมื้อดึก ก็ให้เปลี่ยนมากินกล้วยสุก 1 ผล หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย เพื่อให้กลับไปนอนหลับสบายมากขึ้น

นอกจากนี้ ก็ยังมีอาหารอื่นๆ ที่หากกินก่อนนอน จะช่วยให้นอนหลับง่าย และส่งผลดีต่อระบบการย่อยอาหารอีกด้วย เช่น ชาคาโมมายล์  น้ำผึ้ง ซีเรียล ธัญพืช รวมถึงถั่วและอัลมอนด์ ซึ่งช่วยลดความเครียด ทำให้รู้สึกนอนหลับง่ายขึ้นนั่นเอง


อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการนอนไม่หลับของแต่ละคนมีวิธีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้รู้สึกนอนไม่หลับ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนนิสัยการนอนเสียใหม่ แต่หากโรคนอนไม่หลับรบกวนจิตใจ หรือส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ก็อาจจะต้องไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ที่มา : โรงพยาบาลเปาโล, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
#3378
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#3379



สาย Electro POP ห้ามพลาด! การผนึกกำลังของ "Dallas K" โปรดิวเซอร์มือทอง และซูเปอร์สตาร์สายอินดี้ป็อปคนสนิท "Lauv" กับเพลงใหม่ฟังเพลิน "Try Again"

"Dallas K" ศิลปิน โปรดิวเซอร์ และนักแต่งเพลง เจ้าของเพลง EDM POP อย่าง "All My Life", "Self Control", "I Know" และ "Sometimes" อีกทั้งเขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำเพลงดังของศิลปินระดับโลกหลายคน เช่น BTS, Tiësto, Fifth Harmony, Chromeo และ KSHMR ล่าสุด "Dallas K" ได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับเพื่อนศิลปินอินดี้ป็อประดับซูเปอร์สตาร์ "Lauv" กับซิงเกิลใหม่แนว Electronic POP ฟังสบาย อย่าง "Try Again" ซึ่งถือว่าเป็นซิงเกิลแรกของ Lauv ในปีนี้



"Try Again" เป็นเพลงที่ "Dallas K" ทำขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจกับ "Lauv" ตั้งแต่เมื่อปี 2016 ในช่วงที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน และร่วมเขียนเพลงดัง "Breathe" แต่หลังจากซิงเกิล "Breathe" ถูกปล่อยได้ไม่กี่เดือน "Lauv" ก็ได้กลายเป็นศิลปินป็อปชื่อดังไปในชั่วข้ามคืน ทำให้เพลง "Try Again" ที่พวกเขาได้ร่วมกันทำถูกพับเก็บไปถัดมาในปี 2020 "Dallas K" ยังคงได้ร่วมทำ และร่วมเขียนเพลง "Sad Forever" ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม "~how i'm feeling~" ของ "Lauv" อีกครั้ง

นอกจากนี้ ใน "Without You EP" ของ "Lauv" ที่ถูกปล่อยมาเมื่อปี 2020 ก็ได้ความร่วมมือจาก "Dallas K" อีกเช่นกันเนื่องด้วย "Try Again" เป็นเพลงแนวแดนซ์เพลงแรกที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตัวเองของทั้ง "Dallas K" และ "Lauv" เข้าด้วยกัน พวกเขาจึงรักเพลงนี้มาก ๆ ด้วยเหตุนี้ ระหว่างช่วงกักตัวเมื่อปีที่แล้ว "Dallas K" จึงได้ชวน "Lauv" มาอัดเพลง "Try Again" ใหม่อีกรอบ และปรับให้เพลงเน้นการเต้นมากขึ้น



"Lauv" ได้กล่าวว่า "Dallas K และผมได้ทำเพลงนี้ขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว พวกเราได้กลับมาทำร่วมกันอีกในช่วงกักตัวและตอนนี้เราก็พร้อมที่จะปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้รับฟังกันแล้ว" เชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงสนุกที่จะชวนทุกคนมาเต้น บรรเทาความเครียดในช่วงนี้ได้แน่นอน"Try Again" เป็นเพลงที่ "Dallas K" ทำขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจกับ "Lauv" ตั้งแต่เมื่อปี 2016 ในช่วงที่พวกเขาได้ร่วมงานกัน และร่วมเขียนเพลงดัง "Breathe" แต่หลังจากซิงเกิล "Breathe" ถูกปล่อยได้ไม่กี่เดือน "Lauv" ก็ได้กลายเป็นศิลปินป็อปชื่อดังไปในชั่วข้ามคืน ทำให้เพลง "Try Again" ที่พวกเขาได้ร่วมกันทำถูกพับเก็บไป

ถัดมาในปี 2020 "Dallas K" ยังคงได้ร่วมทำ และร่วมเขียนเพลง "Sad Forever" ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้ม "~how i'm feeling~" ของ "Lauv" อีกครั้ง นอกจากนี้ ใน "Without You EP" ของ "Lauv" ที่ถูกปล่อยมาเมื่อปี 2020 ก็ได้ความร่วมมือจาก "Dallas K" อีกเช่นกัน เนื่องด้วย "Try Again" เป็นเพลงแนวแดนซ์เพลงแรกที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตัวเองของทั้ง "Dallas K" และ "Lauv" เข้าด้วยกัน พวกเขาจึงรักเพลงนี้มาก ๆ ด้วยเหตุนี้ ระหว่างช่วงกักตัวเมื่อปีที่แล้ว "Dallas K" จึงได้ชวน "Lauv" มาอัดเพลง "Try Again" ใหม่อีกรอบ และปรับให้เพลงเน้นการเต้นมากขึ้น

"Lauv" ได้กล่าวว่า "Dallas K และผมได้ทำเพลงนี้ขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว พวกเราได้กลับมาทำร่วมกันอีกในช่วงกักตัวและตอนนี้เราก็พร้อมที่จะปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้รับฟังกันแล้ว" เชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงสนุกที่จะชวนทุกคนมาเต้น บรรเทาความเครียดในช่วงนี้ได้แน่นอน

สามารถฟัง "Try Again" ได้ที่ : https:// umusicth.lnk.to/TryAgainPR
#3380



ซัมซุงแนะนำ Galaxy Tab S7 FE แท็บเล็ตรุ่นใหม่ ที่รวมฟีเจอร์สุดโปรดของเหล่าแฟนๆ จากแท็บเล็ตรุ่นแฟลกชิปไว้ในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ปากกา S Pen ในกล่อง "ไม่ต้องซื้อเพิ่ม" และ "ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรีให้เสียเวลา"


S Pen เพื่อชีวิต Multi-Tasking
S Pen เพิ่มความสะดวกในการเรียนออนไลน์ ทำโปรเจค เอกสาร ด้วยฟีเจอร์ Samsung Notes ที่ช่วยเปลี่ยนการจดด้วยลายมือให้กลายเป็นข้อความตัวพิมพ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษแบบเรียลไทม์

ทั้งนี้ สามารถจัดระเบียบบันทึกต่างๆ ด้วยแท็กอัตโนมัติ และการค้นหาอัจฉริยะเพื่อการใช้งานโน้ตที่ต้องการได้ทันที รวมถึงฟีเจอร์ Multi-Active Window เพื่อการใช้งานหลายหน้าต่างพร้อมกัน และฟีเจอร์ Multi instance เพื่อจับคู่แอพพลิเคชั่นและสร้าง Shortcut ให้สามารถทำงานพร้อมกันได้ถึงสามแอพพลิเคชั่นในหน้าจอเดียว ไม่ว่าจะท่องอินเทอร์เน็ต จดโน้ต หรือแม้แต่การรับชมวีดิโอสตรีมมิ่งในเวลาเดียวกัน

พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปอีกขั้น ด้วยการเปลี่ยนให้ Galaxy Tab S7 FE เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนตัวผ่าน Samsung DeX ที่ทำงานร่วมกับ Tab S7 FE Keyboard Coverทำให้การทำงานง่ายยิ่งขึ้น พร้อมการแชร์ไฟล์ผ่าน Quick Share ตลอดจนการคัดลอกและวางข้อความหรือรูปภาพจากสมาร์ทโฟนตระกูลกาแลคซี่สู่ Galaxy Tab S7 FE

เต็มที่ทั้งเรื่อง เล่น เรียน ทำงาน

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าตำแหน่งตรงกลางจอความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และระบบเสียงอันคมชัดจาก Dolby Atmos พร้อมไมโครโฟนสามตำแหน่ง ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้เหมาะกับการ VDO Conference เพื่อการเรียนหรือทำงานออนไลน์

รุ่นนี้ยังโดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว พร้อมขอบจอบางเฉียบให้ภาพที่ละเอียดคมชัดเต็มตา พร้อมใช้งานได้ยาวนานตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ขนาด 10,090 mAh ที่ให้ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอได้ต่อเนื่องถึง 13 ชั่วโมงรวมถึงการรองรับระบบ Super-Fast Charging สูงสุด 45W

ด้วย Galaxy Ecosystem เมื่อใช้งานผ่านหูฟัง Galaxy Buds Pro ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจากซัมซุงได้ง่ายดายและลื่นไหลยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการตั้งค่าใดๆ โดยมีฟีเจอร์ Auto Switch ทำหน้าที่ช่วยหยุดวีดิโอชั่วคราว แล้วสลับไปรับสายโทรศัพท์ผ่าน Galaxy Buds Pro ให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อวางสาย ก็จะสลับกลับมาเล่นวีดิโอบนแท็บเล็ตได้อย่างต่อเนื่อง


-ใช้งาน Clip Studio Paint แอพพลิเคชั่นวาดภาพระดับโปร ฟรี 6 เดือน
-ใช้งาน Canva Pro แอพพลิเคชั่นออกแบบงานกราฟฟิกและสื่อต่างๆ ฟรี 30 วัน
-ใช้งาน Noteshelf แอพพลิเคชั่นเพิ่มประสิทธิภาพการจดโน้ต ฟรี
-รับสิทธิ์ YouTube Premium ดูวีดิโอแบบไม่มีโฆษณาคั่น ฟรี 4 เดือน
-รับสิทธิ์ Galaxy Butler Silver บริการช่วยเหลือหลังการขายแบบพิเศษสำหรับอุปกรณ์กาแลคซี่ อาทิ ฟรีบริการเครื่องสำรองหลังซ่อม ผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง ฯลฯ


Galaxy Tab S7 FE มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ประกอบด้วย Mystic Green, Mystic Pink, Mystic Silver, และ Mystic Black โดย Galaxy Tab S7 FE LTE วางจำหน่ายใน ราคา 19,990 บาท