• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Panitsupa

#3341


รัสเซลล์ เฮนลีย์ นักกอล์ฟมือ 56 ของโลกชาวอเมริกัน รักษาเก้าอี้ผู้นำศึก วินด์แฮม แชมเปียนชิพ อย่างเหนียวแน่นด้วยสกอร์ 14 อันเดอร์พาร์ ขณะที่ กิรเดช อภิบาลรัตน์ หนึ่งเดียวจากเมืองไทย ผ่านตัดตัวเข้าไปลุยต่อจนจบ

ศึกกอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ รายการ วินด์แฮม แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 6.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 212 ล้านบาท) ณ สนาม เซดเกฟิลด์ คันทรี คลับ ระยะ 7,127 หลา พาร์ 70 สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา เข้าสู่การดวลสวิงวันที่สอง

ปรากฏว่า รัสเซลล์ เฮนลีย์ สวิงชาวอเมริกัน ยังเกาะตำแหน่งผู้นำต่อ หลังออกไปตีเพิ่มอีก 6 อันเดอร์ รวมสกอร์เป็น 14 อันเดอร์พาร์ เหนือกว่า รอรี ซับบาตินี, เว็บบ์ ซิมป์สัน, สกอตต์ เพียร์ซี อันดับ 2 ร่วมทั้ง 3 คนอยู่ 4 สโตรก

ด้านสวิงมือดังคนอื่นๆ จัสติน โรส จอมเก๋าชาวอังกฤษ เก็บได้อีก 5 อันเดอร์ สกอร์ขยับเป็น 9 อันเดอร์พาร์ ขึ้นมาที่ 5 ร่วม ตามด้วย ทอมมี ฟลีตวูด ขวัญใจชาวเมืองผู้ดี สกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ อยู่อันดับ 23 ร่วม

ส่วนฝั่งของ "โปรอาร์ม" กิรเดช อภิบาลรัตน์ หนึ่งเดียวจากไทย รอบนี้ตี 3 เบอร์ดี เสีย 1 โบกี จบวันได้มา 2 อันเดอร์ สกอร์เพิ่มเป็น 6 อันเดอร์พาร์ อยู่อันดับ 23 ร่วม ได้เชียร์กันต่อในอีกสองวันที่เหลือจากนี้
#3342


วันที่ 13 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุก Bangkok Comprehensive Covid-19 Response Team (Bangkok CCRT) โดยสำนักอนามัย สำนักงานเขต ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง บูรณาการความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) อาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) จิตอาสาพระราชทาน 904 และภาคประชาชน จัดทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 Bangkok CCRT ลงพื้นที่ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2564

สำหรับการดำเนินการของ CCRT ทำหน้าที่ดังนี้ 1.สำรวจชุมชนเพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคและหญิงตั้งครรภ์ 2.ให้บริการตรวจคัดกรองค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชน ด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK)

3.ให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้นก่อนส่งต่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยการจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และให้คำแนะนำในการแยกกักที่บ้าน Home Isolation (HI) และมอบชุด HI แก่ผู้ป่วยที่สามารถกักตัวที่บ้านได้ สำหรับผู้ที่ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ทีมจะนำผู้ป่วยนำส่งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ Community Isolation (CI)

4.ดำเนินการกักกันผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่บ้าน และมอบชุด Home Quarantine (HQ) หรือส่งเข้า Local Quarantine (LQ) ตามความเหมาะสม 5.ให้บริการฉีดวัคซีนกับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค หญิงตั้งครรภ์ และ 6.สื่อสารทำความเข้าใจ ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ตลอดจนการปฏิบัติตนให้ห่างไกลจากโรคโควิด-19

สำหรับผลการดำเนินงาน Bangkok CCRT ระหว่างวันที่ 15 ก.ค.-10 ส.ค.2564 ลงพื้นที่ชุมชนแล้ว 2,623 แห่ง มีประชาชนเข้ารับบริการ 140,391 คน ให้บริการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์ 97,697 ราย ให้บริการตรวจ Antigen Test Kit แก่ประชาชน 31,400 ราย ผลไม่พบเชื้อ 27,773 ราย และผลพบเชื้อ 3,627 ราย นำส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา 115 ราย นำส่งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ Community Isolation 70 ราย และแยกกักตัวที่บ้าน Home Isolation 3,442 ราย พร้อมมอบชุดกักตัว ยาฟ้าทะลายโจร ยาลดไข้ ยาแก้ไอ และยาละลายเสมหะให้แก่ผู้ที่แยกกักตัวที่บ้านได้ใช้ในการดูแลตนเอง
#3343


โรเมลู ลูกากู กองหน้าร่างยักษ์ชาวเบลเยียม กลับสู่บ้านหลังเก่าเป็นคำรบสอง หลังจัดการเปิดตัวชูเสื้อเป็นดาวยิงของ เชลซี อย่างเป็นทางการ ด้วยค่าตัว 98 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,510 ล้านบาท)

หัวหอกชาวเบลเยียม ก่อนหน้านี้โชว์ฟอร์มเฉิดฉายกับ อินเตอร์ มิลาน จนคว้าโทรฟี กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ซีซั่นที่ผ่านมา ก่อนจะย้ายกลับมาเล่นที่ พรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง และเป็น เชลซี ที่ได้ตัวกลับมา

แข้งวัย 28 ปี ปรากฏตัวที่สนามบิน บิกกิน ฮิลล์ เมื่อกลางสัปดาห์ ก่อนเข้ารับการตรวจร่างกาย และสะบัดหมึกเซ็นสัญญาเป็นนักเตะ "สิงห์บลูส์" คำรบสอง หลังเคยอยู่กับทีมเมื่อปี 2011-2014

"ผมมีความสุขมากที่ได้กลับมายังสโมสรที่ยอดเยี่ยมแห่งนี้ ถือเป็นการเดินทางอันยาวนาน ผมเคยอยู่ที่นี่ในฐานะเด็กที่ยังอ่อนประสบการณ์ แต่ตอนนี้ผมโตเป็นผู้ใหญ่และมีประสบการณ์มากขึ้นแล้ว"

"ผมเป็นแฟน เชลซี ตั้งแต่เด็ก และการกลับมาครั้งนี้เพื่อช่วยให้พวกเขาคว้าแชมป์รายการต่างๆ ก็เป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ แนวทางของทีมสอดคล้องกับความทะเยอะทะยานของผมในวัย 28 ปี ซึ่งหวังว่าเราจะประสบความสำเร็จด้วยกันมากกว่านี้"
#3344


หลายคนอาจมองว่า การทำความดีนั้นเป็นเรื่องยาก การทำไม่ดีนั้นดูเหมือนจะง่ายกว่า แต่ความจริงแล้วการทำความดี เป็นเรื่องง่ายที่ทุกคนสามารถทำได้ นอกจากจะเกิดผลดีกับตนเองแล้ว อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมได้อีกมากมาย แล้วจะดีแค่ไหน ถ้ามีช่องทางให้เราได้ส่งต่อความดีแบบง่าย ๆ เพียงแค่ปลายนิ้วคลิก

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง องค์กรสาธารณกุศล ที่มุ่งมั่นบรรเทาทุกข์ และบำรุงสุขให้แก่เพื่อนมนุษย์ ภายใต้ปณิธาน "ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต" อยู่เคียงคู่ชีวิตคนไทยมายาวนาน 110 ปี ได้จัดทำต้นไม้แห่งความดี ในรูปแบบดิจิตอล "110 ปี ล้านความดี ป่อเต็กตึ๊ง" เพื่อให้คนไทยได้ร่วมกันสืบสานความดีให้ครบ 1,100,000 ความดี ในโอกาสครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ผู้ที่ต้องการเข้าไปร่วมส่งต่อปณิธานความดี สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงคลิกเข้าไปที่ www.ต้นไม้แห่งความดี.com เมื่อเข้ามาแล้วจะเห็นโลโก้ "110ปี ล้านความดี ป่อเต็กตึ๊ง" ถัดลงมาจะมีฟีเจอร์ 3 ปุ่มด้านล่างให้คลิก ได้แก่ เรื่องราวความดี สะสมความดี สร้างบัญชี สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกใหม่ เริ่มต้นตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

•คลิกที่ปุ่มสร้างบัญชี กรอกรายละเอียดและข้อมูลพร้อมตั้งรหัสผ่าน เพื่อเข้าสู่การสะสมความดี หรือเลื่อนลงมาที่แถบล่างก็สามารถกดลิงก์เพื่อเชื่อมการลงทะเบียนผ่าน Facebook หรือ Gmail ได้อีกทางหนึ่ง

•เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วระบบจะเข้าสู่หน้าหลัก และคลิกไปที่ปุ่มสะสมความดี เพื่อทำการสะสมความดีผ่านช่องทางที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้ว และสามารถเลือกหมวดสะสมความดี "11 รากแก้วแห่งความดี" ที่มีอยู่ทั้งหมด 11 หมวด

•จากนั้นพิมพ์ชื่อและความดีที่ทำลงในใบโพธิ์ไม่เกิน 150 ตัวอักษร โดยขั้นตอนนี้สามารถบันทึกภาพลงในมือถือหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ และยังสามารถส่งต่อความดีในหน้า Facebook ของเราได้อีกด้วย

มาร่วมกันส่งต่อปณิธานความดี จะเป็นสิ่งใดก็ได้ที่ทำด้วยความตั้งใจ ความดีจาก 1 ใบโพธิ์เล็ก ๆ จะผลิใบเจริญงอกงาม กลายเป็นต้นโพธิ์ใหญ่แผ่ร่มเงา เปรียบเสมือนหลายล้านความดีรวมกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยต่อไป
#3345


หุ้นเช้าปิดลบ 3.01 จุด ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัยคาดหวังเร่งฉีดวัคซีนหนุนคลายล็อก-เปิดประเทศ ช่วงนี้จึงได้เห็นการเริ่มปรับพอร์ต ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัย อย่างกลุ่มโรงพยาบาล, กลุ่มชิปปิ้ง เป็นต้น หันมาเก็บหุ้น Domestic play และหุ้นที่ราคาลงไปจากผลกระทบโควิด ก็สามารถหาจังหวะในการซื้อได้ คาดว่า 3-4 เดือนข้างหน้าหลังคลายล็อกดาวน์แล้วหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะกลับมา

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่มเห็นการชะลอมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยดัชนีฯขึ้นไปแถว 1,550 จุดจากนั้นย่อตัวลงมา แม้ดาวโจนส์ทำนิวไฮตอบรับวุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงาน โดยตลาดฯขึ้นต่อไปได้ไม่นานก็ย่อตัวลงในเวลาต่อมา

แต่บ้านเรามีปัจจัยหนุนจากการเร่งฉีดวัคซีนได้มากขึ้นเกิน 4 แสนโดสต่อวัน จึงเกิดความคาดหวังจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู้เร็วขึ้น นำไปสู่การคลายล็อกดาวน์และการเปิดประเทศได้เร็วตามมา ช่วงนี้จึงได้เห็นการเริ่มปรับพอร์ต ขายทำกำไรหุ้นปลอดภัย อย่างกลุ่มโรงพยาบาล, กลุ่มชิปปิ้ง เป็นต้น หันมาเก็บหุ้น Domestic play และหุ้นที่ราคาลงไปจากผลกระทบโควิด ก็สามารถหาจังหวะในการซื้อได้ คาดว่า 3-4 เดือนข้างหน้าหลังคลายล็อกดาวน์แล้วหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะกลับมา

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบอย่างไร้ทิศทาง พร้อมแนะติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป

ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,539.61 จุด ลดลง 3.01 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.20% มูลค่าการซื้อขายราว 50,980 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายพิชัย กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ แนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 จุด
#3346


เออร์โรล สเปนซ์ จูเนียร์ กำปั้นชาวอเมริกัน ถอนตัวจากไฟต์พบ แมนนี ปาเกียว จาก ฟิลิปปินส์ หลังได้รับบาดเจ็บที่ตา และต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

สเปนซ์ มีโปรแกรมป้องกันเข็มขัด รุ่นเวลเตอร์เวต ของ สภามวยโลก (WBC) และ สหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF) ปะทะ "เดอะ แพ็คแมน" วันที่ 21 สิงหาคมนี้

ทว่า เจ้าของสถิติชนะรวด 27 ไฟต์ (21 น็อกเอาท์) แจ้งข่าวร้ายเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่า จำเป็นต้องถอนตัว

ทำให้ ยอร์เดนิส อูกัส นักชกคิวบาวัย 35 ปี ถูกเรียกมาขึ้นสังเวียนแทน สเปนซ์ เพื่อ.เข็มขัด สมาคมมวยโลก (WBA) เส้นเดียวกับที่ริบคืนจาก ปาเกียว ช่วงต้นปี 2021 เนื่องจากไม่ป้องกันตำแหน่งภายในระยะเวลาที่กำหนด

สเปนซ์ วัย 31 ปี กล่าว "ผมผิดหวังมากที่ผมไม่สามารถชกกับ แมนนี ปาเกียว วันที่ 21 สิงหาคม ผมตื่นเต้นที่จะขึ้นสังเวียนไฟต์นี้"

"โขคร้ายเหลือเกิน แพทย์พบรอยฉีกตรงตาซ้าย แล้วบอกว่าผมจำเป็นต้องผ่าตัดด่วนที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ไม่มีทางที่ผมจะขึ้นสังเวียนด้วยการบาดเจ็บตา ผมขอโทษทุกๆ คน ผมจะกลับมาโดยเร็วที่สุด เราจะกลับมาจากจุดที่แย่สุด"

ปาเกียว วัย 42 ปี ไม่มีคิวชกตั้งแต่เอาชนะ คีธ เธอร์แมน วัย 32 ปี คว้าแชมป์ของ WBA เดือนกรกฎาคม 2019 เนื่องจากสถานการณ์ โควิด-19 ระบาด จึงเก็บตัวอยู่บ้าน ที่กรุงมะนิลา
#3347
เพื่อให้เจ้าของกิจการ รอดผ่านวิกฤติ โควัด ไปด้วยกัน โพสต์ธุรกิจของท่านได้ฟรี ที่ https://bizzmotive.net/

สร้างโปรไฟล์ และโพสต์ธุรกิจของคุณได้ ฟรี https://bizzmotive.net/add-listing/ 
หรือ โพสต์ประกาศได้ที่ https://forum.bizzmotive.net/ 

ไม่เสียค่าใช้จ่ายไดๆ ทั่้งสิ้น 
ถ้าติดปัญหรือ ต้องการแนะนำ ติดต่อเข้ามาได้ https://bizzmotive.net/contact/
หรือ email info@bizzmotive.net

ศึกษาวิธีการใช้งานได้ที่ https://bizzmotive.net/how-it-works
#3348


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 10 ส.ค. 2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ปิดทำนิวไฮ ขานรับข่าววุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงานในสหรัฐ โดยข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค และหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งรวมถึงหุ้นสายการบินและธุรกิจเรือสำราญ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,264.67 จุด เพิ่มขึ้น 162.82 จุด หรือ +0.46% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,436.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.40 จุด หรือ +0.10% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,788.09 จุด ลดลง 72.09 จุด หรือ -0.49%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยบวกขึ้นเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนได้พากันเข้าซื้อหุ้นขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 472.32 จุด เพิ่มขึ้น 1.64 จุด หรือ +0.35%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,820.21 จุด เพิ่มขึ้น 7.03 จุด หรือ +0.10%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,770.71 จุด เพิ่มขึ้น 25.30 จุด หรือ +0.16% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,161.04 จุด เพิ่มขึ้น 28.74 จุด หรือ +0.40%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคอังกฤษที่ปรับตัวดีขึ้น และการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ช่วยหนุนตลาดด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,161.04 จุด เพิ่มขึ้น 28.74 จุด หรือ +0.40%

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหลังจากราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,731.7 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 12.3 เซนต์ หรือ 0.53% ปิดที่ 23.392 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 16.1 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 987 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 47.90 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 2,650 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งข่าววุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.81 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 68.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.59 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 70.63 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า ข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.12% แตะที่ 93.0569 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.57 เยน จากระดับ 110.28 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9228 ฟรังก์ จากระดับ 0.9200 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2526 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2572 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1721 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1741 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3839 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3852 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7349 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7335 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 35,264.67 จุด เพิ่มขึ้น 162.82 จุด, +0.46%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,436.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.40 จุด, +0.10%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,788.09 จุด ลดลง 72.09 จุด, -0.49%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,161.04 จุด เพิ่มขึ้น 28.74 จุด, +0.40%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,820.21 จุด เพิ่มขึ้น 7.03 จุด, +0.10%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,770.71 จุด เพิ่มขึ้น 25.30 จุด, +0.16%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 54,554.66 จุด เพิ่มขึ้น 151.81 จุด, +0.28%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,088.41 จุด ลดลง 39.05 จุด, -0.64%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,623.23 จุด ลดลง 9.34 จุด, -0.14%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,207.36 จุด เพิ่มขึ้น 30.18 จุด, +0.95%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 26,605.62 จุด เพิ่มขึ้น 322.22 จุด, +1.23%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,529.93 จุด เพิ่มขึ้น 35.30 จุด, +1.01%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,323.64 จุด ลดลง 161.51 จุด, -0.92%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,243.19 จุด ลดลง 17.23 จุด, -0.53%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,888.15 จุด เพิ่มขึ้น 68.11 จุด, +0.24%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,562.60 จุด เพิ่มขึ้น 24.20 จุด, +0.32%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,830.40 จุด เพิ่มขึ้น 26.10 จุด, +0.33%

ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวานนี้ (10 ส.ค.) เนื่องในวัน Awal Muharram (Maal Hijrah)
#3349


บมจ.เอกชัยการแพทย์ หรือ EKH อวดผลงานงวดไตรมาส 2/64 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 65.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 30,090% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 0.22 ล้านบาท อานิสงส์ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น รวมทั้งวิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่ ดันยอดผู้ใช้บริการเข้ารับการตรวจหาเชื้อคึกคัก ขณะที่ศูนย์บริการทางการแพทย์ครบวงจรสดใสไม่แพ้กัน ด้านบอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 8 กันยายน 64 "นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร" เผยแนวโน้มครึ่งปีหลังยังคงขยายตัวอย่างโดดเด่นทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยยังคงเพิ่มขึ้นจากการระบาดที่ยังคงรุนแรง มั่นใจหนุนรายได้โต พร้อมปรับเป้ารายได้ปี 64 โตไม่ต่ำกว่า 40%

นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการ บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) (EKH) ผู้ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนในจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2/2564 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564) มีกำไรสุทธิ 65.98 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 30,090% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 0.22 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 248.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.37 ล้านบาท หรือ 108.81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่118.89 ล้านบาท

สาเหตุที่ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) ที่เข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น และยังมีรายได้จากการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงมีผู้เข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ธุรกิจการรักษาพยาบาลทั่วไปในโรงพยาบาล เช่น ศูนย์ฉุกเฉิน ศูนย์กุมารเวช ศูนย์สูติ-นรีเวช ยังมีผู้เข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คณะกรรมการบริษัทจึงได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ให้ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท จำนวน 600 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 72 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 กันยายน 2564

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่ามีโอกาสขยายตัวอย่างโดดเด่นทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยยังคงเพิ่มขึ้นจากการระบาดที่ยังคงรุนแรง และการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คาดว่าจะผลักดันรายได้ปี 2564 เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งปรับเป้ารายได้จากเดิมโต 20% เป็นเติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อนได้อย่างแน่นอน

"ที่ผ่านมา บริษัทฯ เดินหน้ารุกขยายเปิดบริการตรวจเชื้อโควิด-19 อย่างเข้มข้น ประกอบกับการให้บริการทางการแพทย์ในด้านต่างๆ ยังสามารถเติบโตในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และมีผู้ป่วย OPD และผู้ป่วย IPD เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้จัดตั้งหอผู้ป่วยเฉพาะกิจโควิด-19 หรือ Hospitel เพิ่ม จึงเป็นสัญญาณบวกต่อภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังของ EKH ที่จะเติบโตอย่างโดดเด่น" นายแพทย์อำนาจ กล่าวในที่สุด
#3350


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 106.66 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 35,101.85 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 4.17 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 4,432.35 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 24.41 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 14,860.18 จุด

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อวันศุกร์แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ดีเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ท่ามกลางการทรุดตัวของราคาน้ำมัน หลังจากที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้นานาชาติยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและถ่านหิน ขณะที่ภาวะโลกร้อนกำลังใกล้เข้าสู่ระดับวิกฤต

ทั้งนี้ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็นเรียกร้องให้นานาชาติยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและถ่านหิน รวมทั้งพลังงานอื่นๆที่ปล่อยมลพิษในระดับสูงโดยทันที หลังจากที่รายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ระบุว่า ระดับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศในขณะนี้สูงพอที่จะส่งผลเสียต่อสภาพภูมิอากาศไปอีกหลายสิบปีหรือหลายร้อยปีข้างหน้า

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพุธ และเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ในวันพฤหัสบดี

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี

นักลงทุนกังวลว่า หากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) รวมทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ส่งสัญญาณในการกล่าวถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอีภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด" นายแคลริดากล่าว

"หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้" เขากล่าว

คำกล่าวของนายแคลริดาสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด โดยนายวอลเลอร์ระบุว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.
#3351


นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (8 สิงหาคม 2564) ธอส. ได้จัดงาน "8/8 GHBank NPA Double Sale" ประมูลบ้านมือสองออนไลน์ (Stay Home Online Auction) ผ่าน Application : GH Bank Smart NPA เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยคัดทรัพย์เด่นทั่วประเทศมาเปิดประมูลระหว่างเวลา 10.00-10.30 น. ปรากฏว่าสามารถขายได้ถึง 43 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 47 ล้านบาท แบ่งเป็นทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 8 รายการ และทรัพย์ในส่วนภูมิภาค 35 รายการ

โดยทรัพย์ที่มีราคาประมูลต่ำสุดที่มีผู้ประมูลซื้อได้ในครั้งนี้ คือ ทรัพย์ประเภทห้องชุด ชั้น 5 ขนาดเนื้อที่ 22.75 ตารางเมตร ในโครงการพรอนันต์ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ปิดประมูลขายได้ในราคาเพียง 65,000 บาทเท่านั้น ส่วนทรัพย์ที่ประมูลขายได้ในราคาสูงที่สุด คือ ทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดเนื้อที่ 52 ตารางวา ในโครงการ Glory House อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปิดประมูลในราคา 2,920,000 บาท

ส่วนทรัพย์รายการเด่นที่ขายได้ในครั้งนี้ เช่น คอนโดมิเนียม ขนาด 29.95 ตารางเมตร ชั้นที่ 3 ในโครงการอัสสกาญจน์เพลส รามคำแหง-วงแหวน ซอยรามคำแหง 147/2 กรุงเทพฯ และทรัพย์ประเภทบ้านแฝด 1 ชั้น ขนาด 35.40 ตารางวา ในหมู่บ้านเทพบุรี (รัษฎานุสรณ์) อำเภอเมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ปิดประมูลในราคาตั้งต้นที่ 2,680,000 บาท  

ทั้งนี้ สำหรับลูกค้า 8 ลำดับแรกของรายการทรัพย์ใน กทม. และปริมณฑล รวมถึง 8 ลำดับแรกของลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ในภูมิภาคที่เสนอราคา และชนะประมูล หากทำสัญญาจะซื้อจะขายภายในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ได้รับฟรี!! สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดเกล็ดดาว มูลค่า 5,000 บาท ซึ่งสามารถลุ้นรับรางวัลมูลค่าสูงสุดถึง 1 ล้านบาททุกเดือน รวมถึงหากโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 29 ตุลาคม 2564 จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 10% จากราคาที่ปิดประมูลและเลือกใช้โปรโมชั่นผ่อนดาวน์ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 4 ปี หรือ 48 เดือนได้อีกด้วย 

สำหรับการประมูลครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 9/9 หรือวันที่ 9 กันยายน 2564 สอบถามรายละเอียดและดูข้อมูลทรัพย์ NPA ของธนาคารได้ที่ www.ghbhomecenter.com กรณีทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โทร 0-2202-1016, 0-202-1582 ส่วนทรัพย์ในภูมิภาค โทร 0-202-1170 หรือ 0-202-2036 และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
#3352


รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวว่า ทิศทางค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าทะลุระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ในช่วงไตรมาสสี่ปีนี้ จากดุลบัญชีเดินสะพัดที่มีแนวโน้มอาจติดลบในปีนี้ โดยในไตรมาสแรกปี 2564 ดุลบัญชีเงินสะพัดขาดดุลแล้ว 2.6 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าในไตรมาสสองและสามจะยังคงขาดดุลต่อเนื่อง ดุลการค้าเกินดุลลดลง คาดว่าปีนี้ดุลบัญชีเงินทุนมีเงินไหลออกสุทธิไม่ต่ำกว่า 3-4 พันล้านดอลลาร์ โดยมีทั้งการไหลออกของเงินลงทุนโดยตรงและการลงทุนในหลักทรัพย์ในตลาดการเงิน ปีที่แล้วเงินทุนไหลออกสุทธิประมาณ 3.59 พันล้านดอลลาร์ อัตราการค้าปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากราคานำเข้าสินค้าเพิ่มสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาส่งออก

ทางด้านเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทั้งตัวเลขการเพิ่มขึ้นของการจ้างงาน ตัวเลขตำแหน่งงานเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นถึง 943,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานลดลงต่อเนื่อง การกระเตื้องขึ้นของดัชนีภาคการผลิตและการบริการ ดัชนีค้าปลีกและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาท นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐอาจทยอยลดวงเงินในการทำ QE ลงในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า           

แม้นการอ่อนค่าของเงินบาทเป็นภาพสะท้อนของภาวะเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอลงอย่างมาก แต่ผลของการอ่อนค่าของเงินบาทเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวม จะช่วยกระตุ้นภาคส่งออก การจ้างงานและรายได้จากการท่องเที่ยวหากสามารถเปิดประเทศได้ ผลกระทบในทางลบที่มีต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจและแรงกดดันเงินเฟ้อจะไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่จำนวนมาก และอัตราการใช้กำลังการผลิตโดยรวมยังต่ำอยู่เฉลี่ยอยู่ที่ 66-67% ไม่ว่าพิจารณาปัจจัยทางด้านอุปสงค์หรืออุปทานไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นมาก

ขณะที่การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ในสหรัฐ ยุโรป หรือญี่ปุ่น จะทำให้ธนาคารกลางของประเทศเหล่านี้จะใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำพิเศษไปอีกอย่างน้อยหนึ่งถึงสองปี ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การเร่งตัวของเงินเฟ้อและเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงินบรรเทาลง อัตราดอกเบี้ยจะต่ำไปอีกนาน จึงขอให้ "คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน" ของธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาอย่างจริงจังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เหลือ 0% หรืออย่างน้อยต้องลดลงให้เหลือ 0.10% ในการประชุมครั้งต่อไปเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจที่จะทรุดตัวลงในปลายไตรมาสสามต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2565 หากตัดสินใจช้าจะไม่สามารถประคับประคองเศรษฐกิจได้ทันการณ์ และดูเหมือนว่าประเทศคงจำเป็นต้องมีการล็อกดาวน์อยู่เป็นระยะๆ และคาดว่ามาตรการคลังมีข้อจำกัดจากเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีที่น่าจะทะลุเพดาน 60% อย่างแน่นอน

ส่วนการปรับลดความคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อสถาบันการเงิน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.นี้นั้นจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจและระบบสถาบันการเงินมีเสถียรภาพและมีความมั่นคงมากขึ้น รวมทั้งลดภาระต่อเงินสาธารณะในกรณีเกิดปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินขึ้นในอนาคตหรือธนาคารถูกเพิกถอนใบอนุญาต อัตราขยายตัวของการฝากเงินของประชาชนและกิจการต่างๆ ก็ปรับตัวลงอย่างมากในช่วงวิกฤตการณ์เศรษฐกิจโควิด-19 คนฝากเงินในระบบสถาบันการเงินที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทในแต่ละธนาคารมีอยู่ประมาณ 2% ของทั้งระบบ 97-98% ของผู้ฝากเงินมีเงินฝากต่ำกว่า 1 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเงินฝาก e-money มากขึ้นตามลำดับ จึงควรขยายวงเงินฝากให้ครอบคลุมเงินฝาก e-money และควรขยายวงเงินคุ้มครองเงินฝากจาก 1 ล้านเป็น 2-3 ล้านบาทเมื่อบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองวงเงิน 1 ล้านไปเป็นระยะ 1-2 ปีแล้ว เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางการเงินอาจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม


นอกจากนี้ เขา มองว่า การขยายเวลาและขยายพื้นที่ล็อกดาวน์ไม่ได้ผลในการลดการติดเชื้อ และจำนวนผู้เสียชีวิตมากนัก ควรเปลี่ยนวิธีการให้ดำเนินชีวิตได้ตามปรกติมากที่สุดและเดินหน้าเปิดประเทศหลังจากระบบสาธารณสุขสามารถรองรับผู้ป่วยหนักได้เต็มที่แล้ว จุดประสงค์ของการล็อกดาวน์ คือ ป้องกันไม่ให้ระบบสาธารณสุขล่มสลาย ไม่ให้จำนวนผู้ป่วยล้นเกินไป เพราะล็อกดาวน์ไม่ได้ทำให้โรคหายไป เราจะต้องอยู่กับโควิด-19 ไปอีกนาน ฉะนั้นเราต้องมีวิธีการจัดการใหม่ คือ อยู่กับมันเหมือนเราอยู่กับโรคไข้หวัดใหญ่ หรือ โรคเอดส์ โดยเน้นให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุขเคร่งครัด ฉีดวัคซีนในอัตราเร่งเดือนละ 10 ล้านโดสเป็นอย่างต่ำ หรือ วันละสามแสนสามหมื่นสี่พันโดสเป็นอย่างน้อย เป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ 50 ล้านคน (70% ของประชากร) ได้ฉีดเข็มแรกภายในเดือนตุลาคมก็จะบรรลุผลและเดินหน้าเปิดประเทศได้ รวมทั้งต้องเน้นฉีดกลุ่มคนทำงานที่ต้องสัมผัสกับผู้คนมากๆ ก่อนเพื่อลดการแพร่ระบาด เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ตำรวจ รปภ กลุ่มวินมอเตอร์ไซด์ กลุ่มคนขับรถเมล์ คนขับแท็กซี่ พนักงานบริการต่างๆ เป็นต้น การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันมีต้นทุนที่ถูกกว่าการปล่อยให้คนติดเชื้อแล้วค่อยรักษามาก หากปล่อยให้คนติดเชื้อและอยู่ในระหว่างการรักษาเกิน 400,000 คนในแต่ละช่วงเวลา ต้นทุนทางเศรษฐกิจจะสูงมากและอัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มเฉลี่ยเกิน 200 คนต่อวันได้

การควบคุมการระบาดในระยะนี้ต้องเน้นไปที่มิติความสัมพันธ์ของคนมากกว่าคุมพื้นที่ เช่น คนงานติดเชื้อที่โรงงาน ไม่ใช่เน้นไปคุมพื้นที่โดยรอบโรงงานหรือปิดโรงงาน ต้องเอา "คนติดเชื้อ" ออกมา แล้วให้โรงงานเปิดการทำงานได้ตามปรกติ แล้วเน้นไปควบคุมว่าคนงานติดเชื้อนั้นไปมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้างมากกว่า การดำเนินการแบบนี้จึงไม่ทำให้เศรษฐกิจเสียหายไปมากกว่านี้ สิงคโปร์ ไต้หวัน ก็ทำแบบนี้ นอกจากนี้ยังต้องจัดสรรงบประมาณให้ระบบสาธารณสุขมีความเพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วยหนัก
#3353


สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า คณะกรรมการจัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก เปิดเผยในวันนี้ ว่า พบผู้ที่เกี่ยวข้องกับมหกรรมกีฬาระดับโลกติดโควิด-19 เพิ่มอีก 26 รายในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของมหกรรมโอลิมปิก ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ 430 ราย นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.

นับเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ไม่พบนักกีฬาติดเชื้อโควิด-19 โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 26 รายนั้น ประกอบด้วยผู้รับเหมา 16 ราย สื่อมวลชน 5 ราย อาสาสมัคร 3 ราย เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการแข่งขัน 1 ราย และพนักงานคณะกรรมการจัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก 1 ราย โดยทั้งหมดไม่ได้พักอยู่ในหมู่บ้านักกีฬา และ 19 คนในจำนวนนี้เป็นพลเมืองญี่ปุ่น
#3354


สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐเท็กซัส สหรัฐฯ ว่าในพื้นที่ออสติน เมืองที่มีประชากรเกือบ 2.4 ล้านคน เหลือเตียงไอซียูเพียงแค่ 6 เตียงและเหลือเครื่องช่วยหายใจ 313 เครื่อง

"สถานการณ์วิกฤต" เดสมาร์ วอลค์ส ผู้อำนวยการด้านการแพทย์แห่งสำนักงานสาธารณสุขออสเตินระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์(7ส.ค.) ขณะที่มีการแจ้งเตือนสถานการณ์เลวร้ายผ่านข้อความมือถือ อีเมล์และโทรศัพท์สายตรงถึงประชาชนของเมือง

"โรงพยาบาลของเราอยู่ในภาวะตึงเครียดอย่างรุนแรง และเราแทบทำอะไรไม่ได้เลย ในการบรรเทาภาระของพวกเขาที่ต้องรับมือกับเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด" วอลค์สกล่าว

คำเตือนนี้มีขึ้นเพียง 2 วันหลังจากสำนักงานสาธารณสุขของเมืองยกระดับความเสี่ยงสู่ขั้นสูงสุดระดับ 5 สืบเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก รวมถึงเร่งเร้าประชาชนให้เข้าฉีดวัคซีน หยุดอยู่บ้านและสวมหน้ากากแม้ว่าพวกเขาจะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม

ความเคลื่อนไหวยกระดับความเสี่ยงนี้มีขึ้นหลังจากค่าเฉลี่ย 7 วันของผู้เข้ารักษาตัวรายใหม่ในโรงพยาบาลต่างๆในเมืองออสติน เพิ่มขึ้นมากกว่า 600% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่วนคนไข้ในห้องไอซียูเพิ่มขึ้นถึง 570%

สำนักงานสาธารณสุขของเมืองออสติน ระบุด้วยว่าคนไข้โควิด-19 ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นเป็น 102 รายจนถึงวันเสาร์(7ส.ค.) จากระดับเพียงแค่ 8 รายในวันที่ 4 กรกฎาคม และคาดหมายว่าจำนวนผูู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจะเพิ่มขึ้นกว่านี้ เนื่องจากเคสผู้ติดเชื้อในพื้นที่ออสตินเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า

"เตียงคนไข้ที่เหลืออยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆและการดูแลผู้ป่วยวิกฤต ในระบบโรงพยาบาลของเรา อยู่ในขั้นจำกัดสุดๆ" นายแพทย์วอลค์ส กล่าว พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันสกัดหายนะครั้งนี้

นอกจากเมืองออสตินแล้ว พบเห็นเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วประเทศเช่นกัน ค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯพุ่งขึ้นเหนือ 100,000 คนต่อวัน หวนคืนสู่ระดับเดียวกับเมื่อ 6 เดือนก่อน ครั้งที่ประเทศแห่งนี้เผชิญการแพร่ระบาดรุนแรงในช่วงฤดูหนาว

เคสผู้ติดเชื้อรายสัปดาห์จนถึงวันศุกร์(6ส.ค.) เพิ่มขึ้นเหนือ 750,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ็อปกินส์ ทั้งนี้เคสผู้ติดเชื้อที่พุ่งทะยานเกิดขึ้นแม้ว่าอัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯเริ่มดีดตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากชะลอตัวมาหลายเดือน

รายงานของบลูมเบิร์กระบุต่อว่าค่าเฉลี่ยผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายวัน เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในเดือนที่ผ่านมา แต่ยังคงต่ำกว่าระดับที่พบเเห็นในช่วงฤดูหนาวปีก่อนค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามพวกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่าอัตราการติดเชื้อใหม่ที่พุ่งสูง อาจกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ของไวรัสที่อันตรายร้ายแรงกว่าเดิม

บลูมเบิร์กรายงานว่าทั่วทั้งรัฐเทกซัส ซึ่งมีประชากรราว 29 ล้านคน เหลือเตียงไอซียูแค่ 439 เตียงและเครื่องช่วยหายใจ 6,991 เครื่อง
ในพื้นที่ฮิวสตัน ซึ่งมีประชากร 6.7 ล้านคน เหลือเตียงไอซียูแค่ 41 เตียง ส่วนพื้นที่ดัลลัส ซึ่งมีประชากรมากกว่า 8 ล้านคน เหลือเตียงไอซียู 110 เตียง

จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในเทกซัส มีมากถึง 23,096 คนในวันศุกร์(6ส.ค.) สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และแม้ตัวเลขลดลงเหลือ 11,072 รายในวันเสาร์(7ส.ค.) แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะมีการตรวจเชื้อน้อยลงในช่วงสุดสัปดาห์

(ที่มา:บลูมเบิร์ก)
#3355


Google ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่คนไทยสนใจค้นหาบน Google Search ในเทศกาลวันแม่ที่กำลังจะถึงในเดือนสิงหาคม 2564  ซึ่งปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่คนไทยยังต้องฉลองเทศกาลต่างๆ แบบเว้นระยะห่าง   แต่สิ่งที่ผู้คนนิยมมากขึ้นคือความสนใจในการค้นหาไอเดีย ของขวัญ และสิ่งต่างๆ ทางออนไลน์  โดย Google ได้รวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน Google Trends ซึ่งสะท้อนสิ่งที่คนไทยกำลังมองหาและต้องการในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบธุรกิจเพื่อช่วยให้คนไทยฉลองเทศกาลวันแม่ได้ดีที่สุด 

โดยคำค้นหาที่ได้รับความสนใจในช่วงเทศกาลวันแม่แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสินค้าเพื่อแม่ และกลุ่มสินค้าเพื่อลูก  

และเนื่องด้วยสถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้การค้นหาประเภทร้านอาหารและการท่องเที่ยวน้อยลง โดยลูกๆ ต่างมองหากิจกรรมทดแทนและข้อเสนอพิเศษต่างๆ สำหรับของขวัญในวันแม่ โดยการค้นหาเหล่านี้มักเริ่มขึ้น 2 สัปดาห์ก่อนถึงเทศกาลวันแม่

สำหรับคำค้นหาที่คนไทยให้ความสนใจ "กลุ่มสินค้าเพื่อแม่" คือ
• วิธีทำการ์ด วันแม่ เพิ่มขึ้น 200%
• ดอกไม้ พวงมาลัยมะลิ เพิ่มขึ้น 90%
• โปร วันแม่ เพิ่มขึ้น 35%

โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มสินค้าเพื่อแม่นี้เป็นตัวเลขในช่วงเดือนสิงหาคม 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อนหน้า

นอกเหนือจากลูกๆ จะหากิจกรรมพิเศษเพื่อแม่แล้ว กลุ่มคุณแม่ก็ยังมองหา "กลุ่มสินค้าเพื่อลูก" สำหรับทำกิจกรรมร่วมกับลูกเช่นกัน สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อเด็ก เป็น กลุ่มที่มีการค้นหาเพิ่มสูงขึ้นมาก

• แบบฝึกหัด อนุบาล 2 เพิ่มขึ้น 250%
• รถไฟฟ้าเด็ก เพิ่มขึ้น 140%
• ยาสำหรับลูก เพิ่มขึ้น 100%

โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มสินค้าเพื่อลูก เป็นตัวเลขระหว่างช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2654 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว  นอกจากนี้ สามารถค้นหาบทความข้อมูลเชิงลึกผู้บริโภค กลยุทธ์ และเครื่องมือสำหรับนักการตลาดเพิ่มเติมได้ที่ https:// www.thinkwithgoogle.com/th
#3356


จากกรณีที่ประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีน "ไฟเซอร์" จากประเทศสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดส โดยได้จัดส่งถึงประเทศไทย พร้อมกับให้ดำเนินการจัดสรรให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศนั้น  

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า เวลา 14.00 น. ณ สำนักงานควบคุมป้องกันโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น นายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นรับมอบ "วัคซีนไฟเซอร์" ล็อตแรก 9,840 โดส โดยกองโรคติดต่อทั่วไปจัดส่งวัคซีนโควิด 19 ไฟเซอร์ รอบต้นเดือนสิงหาคม 2564 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อลดการป่วยรุนแรงและอัตราการเสียชีวิต และปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ



โดยมอบหมายให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาเร่งรัดการให้วัคซีนกับกลุ่มเป้าหมาย ภายในอาทิตย์ นี้ เบื้องต้นมีบุคลากรด่านหน้าแจ้งความประสงค์ ฉีด 17,000 คน แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้

ประเภทที่ 1


บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทุกคนที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโควิด 19 จากการปฏิบัติงานทั่วประเทศ รวมทั้งนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโควิดจากการปฏิบัติงาน เช่น แผนกผู้ป่วยนอก แผนกผู้ป่วยใน คลินิกทางเดินหายใจ ห้องฉุกเฉิน แผนกผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลสนาม เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่กักกัน หรือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 อื่นๆ ตามการพิจารณาของสถานพยาบาล/หน่วยงานต้นสังกัด 


โดยมีหลักการให้วัคซีน ดังนี้

1.1 บุคลากรที่ได้รับวัคซีน Sinovac หรือ Sinopharm ครบ 2 เข็ม อย่างน้อย 1 เดือนพิจารณาให้วัคซีน Pfizer กระตุ้น 1 เข็ม 
1.2 บุคลากรที่ได้รับวัคซีนใดๆ มาแล้วเพียง 1 เข็ม พิจารณาให้วัคซีน Pfizer เป็นเข็มที่ 2 โดยกำหนดระยะห่างระหว่างโดส ตามชนิดของวัคซีนเข็มที่ 1 เป็นหลัก
1.3 บุคลากรที่เคยติดเชื้อโควิด 19 และไม่เคยได้รับวัคซีน พิจารณาให้วัคซีน Pfizer 1 เข็ม โดยมีระยะห่างจากวันที่พบการติดเชื้ออย่างน้อย 1 เดือน
ประเภทที่ 2

บุคลากรที่ไม่เคยได้วัคซีนใดๆ มาก่อน พิจารณาให้วัคซีน Pfizer 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ทั้งนี้เนื่องจากวัคซีนจะเก็บอยู่ในอุณหภูมิ  2 -  8 องศาเซลเซียส ได้เพียง 1 เดือน ดังนั้น กองโรคติดต่อทั่วไป  จะส่งวัคซีน Pfizer สำหรับผู้รับวัคซีนเข็ม 2 ในกลุ่มเป้าหมายประเภท 2 ประมาณกลางเดือนสิงหาคม 2564  และหากจังหวัดได้ตรวจสอบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีคุณสมบัติตามกลุ่มเป้าหมายประเภทที่ 1  และ 2 เพิ่มเติมสามารถแจ้งขอรับการสนับสนุนวัคซีนเพิ่มเติมได้ที่กรมควบคุมโรค


ต่อมา วานนี้ (7 ส.ค.) องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น ได้ออกแถลงการณ์เรื่องการขอวัคซีน "ไฟเซอร์" ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโรงพยาบาลขอนแก่น ความว่า ตามที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเซอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดส และจะมีการจัดสรรให้กับบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด -19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ

โรงพยาบาลขอนแก่นนับเป็นโรงพยาบาลหลักในการดูแลผู้ป่วยโควิดทุกความรุนแรงของจังหวัดขอนแก่นตั้งแต่ผู้ป่วยคลัสเตอร์ฟันน้ำนม คลัสเตอร์แรงงาน คลัสเตอร์เรือนจำและทัณฑสถาน ไปจนถึงผู้ป่วยหนักอาการวิกฤตสำหรับโควต้าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์มีบุคลากรทางการแพทย์ลงชื่อรับวัคซีนไฟเซอร์เป็นจํานวน 1,400 คน แต่โรงพยาบาลขอนแก่นกลับได้รับการจัดสรรวัคซีนเป็นจำนวนเพียง 700 โดสเท่านั้น ทั้งที่เป็นการขอตรงตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดทุกประการองค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นจึงขอเรียกร้องให้มีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้เพียงพอต่อจำนวนบุคลากรด้านหน้าของโรงพยาบาลขอนแก่นเพื่อเป็นการปกป้องชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ทุ่มเทรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถมาโดยตลอด
#3357
มาฟัง ดร.สมโชค เดชะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออสซี่ออยล์ จำกัด ทางรายการ กรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อเรื่อง ออสซี่ออยล์แตกไลน์ 'น้ำมันแกลลอน' สู้ศึกโควิด
โอกาสมาถึงแล้ว..คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจลงทุนวันนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าในวันข้างหน้าหากสนใจทักแชทได้เลยนะคะ
Aussie oil ผู้เชียวชาญด้านธุรกิจพลังงานที่เราอยากแนะนำให้กับคุณ ...
ปรึกษาหรือสอบถามฟรี
สอบถามรายละเอียดได้ที่ :
Tel : 02-1114-7334  line: @aussieoil
(สามารถติดต่อได้ 9.00 - 17.00 น.)
https://youtu.be/cZRFXCcpzo0
#3358


การ์มิน ประเดิมตลาดครึ่งปีหลังด้วยการเปิดตัว "Garmin tactix Delta Solar Edition" คอนเซ็ปต์ BUILT FOR THE LONG MISSION นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นนี้มากับระบบจีพีเอส แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 120 วัน ในโหมดประหยัดพลังงาน ด้วยระบบชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ ดีไซน์เรียบหรูด้วยวัสดุพรีเมียม แข็งแรงตามมาตรฐาน MIL-STD-810 ของกองทัพสหรัฐ 

พร้อมฟีเจอร์และเทคโนโลยีที่เรียกใช้งานได้ง่าย ออกแบบมาเพื่อการปฏิบัติภารกิจลับ การฝึกซ้อมแบบยุทธวิธี พร้อมยกระดับประสบการณ์กิจกรรมกลางแจ้งด้วยฟีเจอร์ออกกำลังกายและติดตามสุขภาพแบบจัดเต็ม เอาใจผู้ที่หลงใหลในความคล่องตัว และสายเอาท์ดอร์แอดเวนเจอร์ วางจำหน่ายในราคา 37,390 บาท 

การ์มิน ระบุว่าเตรียมรุกเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการทำมิชชั่นมีการใช้งานแบบเฉพาะตัวมากขึ้น กับจุดเด่นในเรื่องของแฟชั่นการดีไซน์ที่ทำให้ดูคล่องตัว มาตรฐานในการเลือกใช้วัสดุ ความง่ายในการเรียกใช้งานของแต่ละฟีเจอร์ และเทคโนโลยีการชาร์จด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่ช่วยให้ระยะเวลาการใช้งานของสมาร์ทวอทช์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น



Garmin tactix Delta Solar Edition มาพร้อมหน้าจอเลนส์แซฟไฟร์ และกรอบเคลือบคาร์บอนคุณสมบัติแข็งแกร่งคล้ายเพชรช่วยป้องกันรอยขีดข่วน หน้าจอดิสเพลย์ขนาดใหญ่ 1.4 นิ้ว ถือได้ว่าเป็นนาฬิกาหน้าปัดกลมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของการ์มิน ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการใช้งานในทุกสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ตามมาตรฐาน MIL-STD-810 ของกองทัพสหรัฐ

อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ยุทธวิธีสำหรับการฝึกซ้อมและปฏิบัติภารกิจลับ ไม่ว่าจะเป็น โหมด Night Vision Capacity โหมดการใช้งานที่ทำให้สามารถมองเห็นหน้าจอได้เมื่อสวมใส่ Night Vision Goggles โหมด Stealth เพื่อการหยุดบันทึกและแชร์ตำแหน่ง GPS รวมถึงหยุดการเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้สาย ฟีเจอร์ Kill Switch ลบข้อมูลเพื่อความปลอดภัย โหมด Jumpmaster โหมดการคำนวนความสูง นำทาง และคำนวนจุดปล่อยตัวและลงจอดเพื่อการกระโดดร่ม

รวมไปถึงโหมด Dual-Format GPS ระบุตำแหน่งพร้อมกัน 2 ค่าที่มาพร้อมแผนที่ topographic เพื่อการระบุตำแหน่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งยังมาพร้อมกระจกแซฟไฟร์ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 120 วัน ในโหมดประหยัดพลังงาน


นอกเหนือไปจากความสามารถในการซัพพอร์ตการฝึกซ้อมและการปฏิบัติภารกิจลับ ยังเป็นสมาร์ทวอทช์จีพีเอสระดับพรีเมียมที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็น ปีนเขา วิ่งเทรล ปั่นจักรยาน กอล์ฟ สกี และดำน้ำ รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่สำคัญ เช่น ฟีเจอร์วัดค่าการใช้ออกซิเจนของร่างกายเมื่อออกกำลังอย่างเต็มกำลัง (VO2 max)

ฟีเจอร์ติดตามและแนะนำการวิ่ง PacePro ฟีเจอร์ติดตามการเต้นของหัวใจ Heart Rate Tracking และ ฟีเจอร์ติดตามระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด Pulse Ox Blood Sensor สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับเพื่อรับการแจ้งเตือนการโทรเข้าออก ข้อความ และปฏิทินนัดหมาย จัดเก็บเพลงโปรด รวมทั้งเชื่อมต่อ Garmin Pay เพื่อการชำระเงินแบบปราศจากการสัมผัส (Contactless)

ด้านการออกแบบมาในรูปลักษณ์ดีไซน์เรียบหรูวัสดุพรีเมียม และยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงทนทาน หน้าจอและปุ่มกดขนาดใหญ่ จึงทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวก มาพร้อมสายรัดข้อมือไนลอนและสายซิลิโคนสีดำ ให้ผู้ใช้เลือกใช้งาน ตอบโจทย์การใช้งานแบบสมบุกสมบันทุกภารกิจ ด้วยสีดำทั้งตัวเรือนสามารถเข้าได้กับการแต่งตัวทุกลุค
#3359


กรุงเทพฯ 5 ส.ค. 2564 –ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดตัวประกันชีวิตควบการลงทุน "ทีทีบี เฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค" (ยูนิตลิงค์) ตอบโจทย์ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจ ที่ต้องการความคุ้มครองสูงและต่อเนื่องระยะยาว ควบคู่กับโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน ชูจุดเด่นคุ้มครองยาว 99 ปี คุ้มครองชีวิตสูงถึง 120 เท่า ของเบี้ยประกันภัยหลัก คุ้มครองเพิ่มเป็นสองเท่า สูงสุดรวม 240 เท่า ของเบี้ยประกันหลักภัย กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และปรับเปลี่ยนได้ในแต่ละช่วงของชีวิต

ทีเอ็มบีธนชาต มุ่งมั่นสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทั้งวันนี้และอนาคต โดยสนับสนุนให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญและเล็งเห็นความจำเป็นของการมีประกันชีวิตที่เพียงพอและเหมาะสม เพื่อเป็นตัวช่วยรองรับความเสี่ยง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ธนาคารจึงร่วมกับบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต "ทีทีบี เฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค" (ยูนิตลิงค์) ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ที่ต้องการมีหลักประกันความคุ้มครองสูงในระยะยาวให้กับตนเองและครอบครัว โดยมอบหลักประกันความคุ้มครองสูงสุดนาน 99 ปี คุ้มครองชีวิตสูงถึง 120 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลัก คุ้มครองเพิ่มเป็นสองเท่า สูงสุดรวม 240 เท่า ของเบี้ยประกันภัยหลัก กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และให้ความมั่นใจ ด้วยสิทธิคุ้มครองต่อเนื่อง 10 ปีแรก แม้มูลค่าบัญชีกรมธรรม์ไม่เพียงพอชำระค่าธรรมเนียมกรมธรรม์ก็ตาม (เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด)

นอกจากนี้ ทีทีบี เฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค (ยูนิตลิงค์) ยังมีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับช่วงชีวิตในแต่ละช่วง หากไม่อยากชำระเบี้ยฯ ยาวนาน สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตามความต้องการที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงชีวิต ด้วยการวางแผนจ่าย หรือหยุดพักชำระเบี้ยฯ หลักได้ มีน้อยจ่ายน้อย มีมากจ่ายมากขึ้น เพื่อลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม เจ้าของธุรกิจจึงมั่นใจได้ว่าจะมีหลักประกันที่แน่นอนให้กับครอบครัวที่รักและธุรกิจที่สร้างมากับมือ มีทั้งความคุ้มครองชีวิต พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งเป็นการสร้างรากฐานชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้แก่ตนเองและครอบครัวได้ต่อไป

ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ ทีทีบีเฟล็กซี่ อัลติเมท โพรเทค (ยูนิตลิงค์) สามารถสอบถามข้อมูลได้จาก ที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนส่วนบุคคลของท่าน หรือ ttb ทุกสาขา และเว็บไซต์ ttbbank.com/th/personal/insurance/detail/flexi-ultimate-protect
#3360


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 4 ส.ค. 2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่น่าผิดหวังในเดือนก.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,792.67 จุด ลดลง 323.73 จุด หรือ -0.92% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,402.66 จุด ลดลง 20.49 จุด หรือ -0.46% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,780.53 จุด เพิ่มขึ้น 19.24 จุด หรือ +0.13%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ขณะที่ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ยังคงช่วยหนุนตลาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 468.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.84 จุด หรือ +0.61%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,746.23 จุด เพิ่มขึ้น 22.42 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,692.13 จุด เพิ่มขึ้น 137.05 จุด หรือ +0.88% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,123.86 จุด เพิ่มขึ้น 18.14 จุด หรือ +0.26%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน และการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในอังกฤษ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,123.86 จุด เพิ่มขึ้น 18.14 จุด หรือ +0.26%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 70 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยสัญญาน้ำมันปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 2.41 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 68.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 70.38 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าคาด อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,814.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 12.1 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 25.461 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 25.6 ดอลลาร์ หรือ 2.45% ปิดที่ 1,021.3 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 2,651.70 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) หลังจากนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.21% แตะที่ 92.2686 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.46 เยน จากระดับ 109.11 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9063 ฟรังก์ จากระดับ 0.9041 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2551 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2537 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1838 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1863 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3887 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3915 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7382 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7393 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 34,792.67 จุด ลดลง 323.73 จุด, -0.92%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,402.66 จุด ลดลง 20.49 จุด, -0.46%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,780.53 จุด เพิ่มขึ้น 19.24 จุด, +0.13%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,123.86 จุด เพิ่มขึ้น 18.14 จุด, +0.26%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,746.23 จุด เพิ่มขึ้น 22.42 จุด, +0.33%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,692.13 จุด เพิ่มขึ้น 137.05 จุด, +0.88%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 54,369.77 จุด เพิ่มขึ้น 546.41 จุด, +1.02%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,159.04 จุด เพิ่มขึ้น 28.46 จุด, +0.46%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,491.33 จุด ลดลง 8.93 จุด, -0.60%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,585.21 จุด เพิ่มขึ้น 25.15 จุด, +0.38%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,182.90 จุด เพิ่มขึ้น 33.65 จุด, +1.07%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 26,426.55 จุด เพิ่มขึ้น 231.73 จุด, +0.88%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,477.22 จุด เพิ่มขึ้น 29.23 จุด, +0.85%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,623.89 จุด เพิ่มขึ้น 70.13 จุด, +0.40%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,280.38 จุด เพิ่มขึ้น 43.24 จุด, +1.34%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,584.08 จุด ลดลง 57.75 จุด, -0.21%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,503.20 จุด เพิ่มขึ้น 28.70 จุด, +0.38%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,778.70 จุด เพิ่มขึ้น 28.20 จุด, +0.36%