• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - hs8jai

#2581
รมว.พลังงาน ยันตรึงดีเซลยาวตามเงินกองทุนฯ,หารือคลัง-สภาพัฒน์ออกมาตรการเสริม
 
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวในการชี้แจงสถานการณ์ราคาพลังงานว่า รัฐบาลยืนยันว่าจะดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ตามความสามารถของเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหลังจากที่ได้ขยายเพดานการกู้เงินเป็น 4 ล้านบาท ส่วนจะตรึงได้ยาวนานแค่ไหนต้องขึ้นกับสถานการณ์

ในระหว่างนี้กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) อยู่ระหว่างการหารือเพื่ออกมาตรการเสริมหากราคาพลังงานยังคงปรับตัวสูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในส่วนค่าไฟฟ้า ยอมรับว่าอาจจะมีการปรับขึ้นบ้าง แต่ก็จะพยายามดูแลให้อยู่ภายใต้กรอบที่คณะกรรมการกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ แบบขั้นบันได ประมาณ 16 สตางค์/งวด Ft แต่ราคาดังกล่าวเป็นการคำนวณตามสมมติฐาน ณ ช่วงเวลานั้น

ในส่วนราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) หลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคา 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ในวันที่ 31 มี.ค.65 จะทยอยปรับขึ้นราคา 1 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 333 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอยู่ระหว่างหามาตรการในการช่วยเหลือดูแลกลุ่มเปราะบางทั้งในเรื่องของค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม

ส่วนกรณีของผู้ใช้เบนซินอยู่ระหว่างพิจารณาในรายละเอียดต่างๆ

"ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ ทำให้ราคาพลังงานสูงสุดในรอบ 14 ปี แม้จะลงไปบ้างแล้ว แต่ยังประมาทไม่ได้ คนไทยต้องช่วยกันประหยัดพลังงาน การลดใช้น้ำมัน ไฟฟ้าลง 10% ไม่ยาก โดยอยากให้ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อลดภาระประเทศ สร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้ดี"
#2582
รัฐบาลเตรียมยกสถานะ 3 กองทุน 'กบข.-กอช.-กยศ.' เป็นนิติบุคคล

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เวียนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 1 มี.ค. 65 ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (กพม.) เสนอ

โดยเห็นชอบให้จำแนก กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร ประเภทกองทุนที่เป็นนิติบุคคล

ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) มีความเห็นว่าทั้ง 3 กองทุน มีลักษณะการดำเนินภารกิจที่มีภาครัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทั้งหมด ตั้งแต่การจัดตั้ง รูปแบบการแต่งตั้งบุคลากรระดับสูง การกำกับดูแลของรัฐ กิจกรรม การได้รับงบประมาณ/ รายได้ของหน่วยงาน สถานะบุคลากร วิธีการและระบบกฎหมายที่ใช้ในการทำกิจกรรม และความเป็นเจ้าของ และการบริหารจัดการ
#2583
'เจพีมอร์แกน' ประกาศถอนตัวจากรัสเซีย ตอบโต้ส่งกำลังทหารบุกยูเครน

เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ประกาศยุติการดำเนินธุรกิจในรัสเซีย

นางทาชา เปลิโอ โฆษกของธนาคารระบุว่า 'เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของรัฐบาลทั่วโลก เราได้ยุติการดำเนินธุรกิจในรัสเซีย และจะไม่ทำธุรกิจใหม่ในรัสเซียเพิ่มเติม'

รายงานระบุว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซียส่งผลให้บริษัทด้านเทคโนโลยี การชำระเงิน และร้านค้าปลีกระดับโลกต่างยุติธุรกิจในรัสเซีย ท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่มุ่งใช้แรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย

การประกาศยุติการดำเนินธุรกิจของเจพีมอร์แกนสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของโกลด์แมน แซคส์ ที่ประกาศถอนตัวจากรัสเซียก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนมีพนักงานไม่ถึง 200 รายในรัสเซีย ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานในสำนักงานและวาณิชธนกิจของบริษัท

ไทยประกันชีวิต จัดงานประชุมใหญ่ประจำปี 2565

ยไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) แถลงนโยบายขับเคลื่อนองค์กรเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เพื่อเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงิน พร้อมประกาศเป้าหมายการดำเนินงานให้แก่บุคลากรฝ่ายขายทั่วประเทศ ในงานประชุมใหญ่ประจำปี 2565 ซึ่งในปีนี้จัดงานในรูปแบบ Virtual Conference เพื่อให้สอดรับกับวิถีใหม่ ณ อาคารไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่

 
#2584
ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่งกว่า 20 ดอลลาร์ หลุด $1,980 รับถ้อยแถลง 'ปูติน'
 
ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 20 ดอลลาร์ หลุดระดับ 1,980 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนขายทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน

ณ เวลา 19.17 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 22.20 ดอลลาร์ หรือ 1.1% สู่ระดับ 1,978.20 ดอลลาร์/ออนซ์

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวในวันนี้ว่า เขาเห็นความคืบหน้าในการเจรจากับยูเครน

'เจ้าหน้าที่รัสเซียแจ้งผมว่าขณะนี้การเจรจาเริ่มมีสัญญาณบวก โดยการเจรจามีขึ้นแทบทุกวัน' ปธน.ปูตินกล่าวต่อประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ผู้นำเบลารุส

นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกกดดันจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%
#2585
'แคร์รี ลัม' ชี้ยกเลิกคำสั่งห้ามบินเข้าฮ่องกงหลังคุมโควิดได้เท่านั้น

นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เผยในวันนี้ (10 มี.ค.) ว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะยกเลิกคำสั่งห้ามเที่ยวบินจาก 9 ประเทศบินเข้ามายังฮ่องกง รวมถึงสหรัฐและอังกฤษ โดยฮ่องกงจะกลับมาเปิดเมืองก็ต่อเมื่อหลังจากที่รัฐบาลควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้แล้ว

'ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะยกเลิกคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากจะมีคนจำนวนมากแห่มายังฮ่องกง ซึ่งจะทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก และกดดันระบบการรักษาในโรงพยาบาลรัฐ' นางลัมกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การแสดงความเห็นของนางลัมมีขึ้นหลังจากที่เธอได้ประกาศเปลี่ยนแปลงแนวทางการรับมือโควิด-19 ของรัฐบาลเมื่อวานนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การฉีดวัคซีนแก่ผู้สูงอายุเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตแทน

แม้ฮ่องกงได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีมาตรการสกัดโควิด-19 ที่เข้มงวดมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่ข้อมูลของเว็บไซต์ Our World in Data ระบุว่า ฮ่องกงนั้นมีอัตราการเสียชีวิตจากโควิดมากที่สุดในโลก เมื่อเทียบต่อประชากรหนึ่งล้านคนในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 7 มี.ค. โดยยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิดในฮ่องกงจนถึงขณะนี้อยู่ที่ 600,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 2,800 คนส่วนใหญ่อยู่ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
#2586
จำหน่าย ชุดดัมเบลพร้อมชั้นวาง ดัมเบลน้ำหนัก ชั้นวางดัมเบล

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงท่าเล่นด้วยดัมเบลน้ำหนัก ผมขอฝากอุปกรณ์ฟิตเนสของผมสักหน่อยนะครับ ชุดดัมเบมพร้อมชั้นวาง เป็นอุปกรณ์ในการเล่นฟิตเนสที่จำเป็นในการเล่น 8 ท่าเล่นที่ผมกำลังจะพูดถึงและที่สำคัญราคาเอื้อมถึง คุณภาพเยี่ยม รองรับจากบริษัทเราเองโดยตรง 8 ท่าเล่นด้วยดัมเบลน้ำหนักที่ผมกำลังจะพูดถึงแต่เราไม่ค่อยได้เล่นกันและที่สำคัญเลยท่าเหล่านี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เราจะใช้ในการเพิ่มกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ

  • อุปกรณ์นำเข้า หลายเกรดคุณภาพฟิตเนส ให้คุณเลือก
  • สินค้ารับประกันทุกชิ้นส่วน
  • ผ่อนจ่ายได้ตามความสะดวกของลูกค้า
  • บริการออกแบบด้วย ระบบ 3D สมจริง
  • บริการซ่อมบำรุงหลังการขาย ระดับมืออาชีพ
  • บริการจัดส่งทั่วไทย ส่งฟรี กทม ปริมณฑล
  • ให้คำปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
สนใจสอบถามข้อมูล ทางนี้เลย
Tel: 089-750-7380

 
#2587
วงเงินสำหรับรับผ่อนโทรศัพท์ ทำให้ท่านได้ใช้สินค้าก่อน แล้วจึงจ่ายคราวหลังด้วยระบบการผ่อนเสมือนมีบัตรเครดิตไว้ใช้งาน ซึ่งเป็นบริการใหม่จากเปย์ทันเด้อ (วงเงินพร้อมผ่อน ไม่ต้องมีบัตรเครดิต)





เปย์ทันเด้อรับผ่อนโทรศัพท์และก็สินค้าให้คุณ..





วงเงินเปย์ทันเด้อเหมาะกับผู้ที่สนใจผ่อนสินค้า/บริการ
• สัญชาติไทย อายุอยู่ในช่วง 20-65 ปี
• มีรายรับจากงานประจำ หรืออาชีพอิสระ
• ไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือน (ใช้สเตทเม้นท์จากแบงค์)

ข้อมูลรายละเอียดเปย์ทันเด้อ ซื้อก่อนผ่อนทีหลัง
• วงเงินสูงสุด 40,000 บาท
• ดอกเบี้ยเทียบเท่า 2.08% ต่อเดือน (25% ต่อปี)
• ผ่อนชำระสูงสุด 12 เดือน
• ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
• สินเชื่อผ่อนสินค้า ผ่อนของ ไม่เสียค่ามัดจำ ไม่ต้องค้ำประกัน.

รับผ่อนสินค้า โทรศัพท์ แล้วก็สินค้าอื่นๆกับร้านที่ร่วมรายการ เป็นวงเงินพร้อมผ่อนสินค้า ทั้งจุใจ สบายใจผ่อนนาน 12 เดือน ทันใจรู้ผลใน 15 นาที ใช้งานง่ายไม่ต้องใช้บัตรเครดิตก็ผ่อนผลิตภัณฑ์ได้กับเปย์ทันเด้อ (ถ้าราคาของสูงกว่าวงเงิน สามารถจ่ายส่วนต่างเพิ่มได้) สินเชื่อที่ให้คุณซื้อก่อนผ่อนทีหลัง
#2588
CEYE นับหนึ่งไฟลิ่ง จ่อขาย IPO 70 ล้านหุ้น เทรด mai บุกธุรกิจครีเอทีฟ-คอนเทนต์โฆษณา

"ตาชำนิ หรือ CEYE" หุ้นน้องใหม่ IPO ดีกรีผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อโฆษณา ระดับบริษัทบิ๊กเนมทั้งในประเทศ-ต่างประเทศเชื่อมั่น รวมทั้ง เป็นเจ้าของธุรกิจสตูดิโอไม้ยืนต้น และสื่อออนไลน์ ที่สนับสนุนเรื่องความเท่าเทียม และความหลากหลายทางเพศอันดับต้นๆ ในชื่อ Spectrum กางแผนโตครบวงจร ล่าสุด สำนักงานก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่งเดินหน้าระดมทุน 70 ล้านหุ้น อัพฐานธุรกิจสู่การเติบโตครั้งใหม่ เตรียมโรดโชว์ให้ข้อมูลต่อนักลงทุน วางแผนเทรด mai ไตรมาส 2/2565

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัดในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE เปิดเผยว่า ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของ CEYE ที่ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ (service) ในช่วงไตรมาส 2/2565

ปัจจุบัน CEYE มีทุนจดทะเบียน 135,000,000 บาท ทุนที่เรียกชำระแล้ว 100,000,000 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบธุรกิจให้บริการผลิตภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณา สื่อโทรทัศน์และภาพยนตร์ และบริการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยมีบริษัทย่อย คือ บริษัท ไม้ยืนต้น จำกัด ให้บริการเช่าสตูดิโอโรงถ่ายภาพยนตร์ โฆษณาและรายการโทรทัศน์ โดยมีกลุ่มลูกค้าครอบคลุมทั้งลูกค้าเอเจนซีโฆษณา (Advertising Agency) และเจ้าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

CEYE มีจุดเด่น จากทีมผู้บริหารและผู้ก่อตั้งมีชื่อเสียง และประสบการณ์กว่า 30 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในวงการโฆษณา ไม่หยุดนิ่งในการมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพของการให้บริการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว รวมถึง กลยุทธ์ในการต่อยอดสื่อโฆษณาที่บริษัทมีความแข่งแกร่ง ไปยังแพลตฟอร์มหรือช่องทางใหม่ๆ รับเทรนด์ผู้บริโภคและเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยชูความครีเอทีฟและคุณภาพงานเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจ มีฐานลูกค้าเป็นองค์กรมีชื่อเสียงถึงแม้ภายใต้สถานการณ์โควิด แต่เทรนด์สื่อโฆษณายังเป็นที่น่าจับตามอง

อย่างไรก็ดี มองว่าสถานการณ์โควิดในปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว จากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และมาตรการการจำกัดการรวมตัวกัน อย่างไรก็ดี CEYE มีการปรับตัวให้เข้ากับฐานวิถีชีวิตใหม่ (New normal) มากขึ้น จึงทำให้กลุ่มบริษัทมีปริมาณงานเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีมาตรการ Lockdown สะท้อนจากผลประกอบการช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 โดย CEYE เริ่มเติบโตในอัตราเร่งและมีรายได้รวมไตรมาส 4/2564 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 ถึง 3/2564 จึงคาดว่า แนวโน้มในปี 2565 เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวจากการใช้จ่ายในประเทศที่สำคัญ ตามความเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง CEYE จึงพร้อมนำเงินระดมทุนเสริมโอกาสการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันบริษัทฯ เตรียมนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2565

นางสาวสุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE เปิดเผยว่า แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายบริการให้ครบวงจร เป็น One stop services creative and production solution และลงทุนในส่วนขั้นตอนภายหลังการผลิต ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และโปรดักชันแพลตฟอร์ม เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมครีเอทีฟ และการให้บริการด้านผลิตคอนเทนต์ ให้มีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของการตลาดในยุคต่อไป และความพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ แบบไร้ขีดจำกัด โดยแบ่งประเภทธุรกิจเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ (1) บริการผลิตภาพนิ่งสำหรับสื่อโฆษณา (2) บริการผลิตภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณา (3) บริการตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์ (4) บริการให้เช่าสตูดิโอ และ (5) บริการอื่นๆ ได้แก่ (5.1) ผลิตสื่อออนไลน์ 5 สื่อ ประกอบด้วย Spectrum, Shifter, Love Like Laugh, Myanmar Good Friend และLandmark ผ่านช่องทาง Facebook, Youtube, Instagram, Website, Twitter และ TikTok และ (5.2) ให้บริการบริหารสื่อออนไลน์ให้แก่ลูกค้า เช่น Facebook

วัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้ลงทุนโครงการในอนาคต รองรับโอกาสในการขยายไปยังกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความสามารถในการเติบโต และสร้างผลตอบแทนสูงสุดต่อผู้ถือหุ้น โดยนำไปใช้ลงทุนโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ พื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร และโครงการลงทุนในส่วนอุปกรณ์การผลิต โดยลงทุนในอุปกรณ์การถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ นอกจากนี้ นำไปชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน

สำหรับภาพรวมผลประกอบการงวดประจำปี 2564 มีรายได้รวม 272.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.53% และมีกำไรสุทธิ 28.45 ล้านบาท เติบโต 101.89% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีรายได้เติบโตขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการผลิตภาพนิ่ง 50.07% ผลิตภาพเคลื่อนไหว 26.73% รายได้จากการให้บริการตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์ 11.50% รายได้จากการให้เช่าสตูดิโอ 3.82% และรายได้จากการให้บริการอื่นๆ ได้แก่ บริหารสื่อออนไลน์ (Social Media Management) และผลิตสื่อออนไลน์ (Online Media) อยู่ที่ 5.50% ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ที่น่าจับตามอง เพราะกำลังจะต่อยอดไปสู่รูปแบบบริการ และกิจกรรมใหม่ๆ ที่บริษัทมั่นใจว่าจะเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่จะสามารถสร้างความเติบโตได้ในระยะยาว และมีรายได้อื่นอีก 2.38%

นอกจากนี้ในไตรมาส 4/2564 มาตรการผ่อนคลายของรัฐบาลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2563 ถึงไตรมาส 3/2564 ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Lockdown และมาตรการการจำกัดการรวมกลุ่ม ส่งผลให้ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2564 ของ CEYE ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก โดยมีรายได้รวม 87.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.95%จากไตรมาสก่อน และกำไรสุทธิ 15.30 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1,430.00% จากไตรมาสก่อน ดังนั้นแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มบริษัทมีทิศทางสดใสมากขึ้น สอดรับกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2565 อีกทั้ง การผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และมาตรการการจำกัดการรวมกลุ่ม ทำให้กระบวนการผลิตสื่อโฆษณาสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ
#2589
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกงฮั่งเส็งปิดลบ 336.47 จุด วิตกเงินเฟ้อ-วิกฤตยูเครน

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี รวมทั้งรายงานที่ว่าการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความล้มเหลว

ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 20,553.79 จุด ลดลง 336.47 จุด หรือ -1.61%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.9% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 7.8%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากการเจรจาระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน ไม่มีความคืบหน้า โดยทั้งสองฝ่ายประสบความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว หรือการกำหนดเส้นทางปลอดภัยสำหรับชาวยูเครนที่จะอพยพออกจากประเทศ ซึ่งการเจรจาดังกล่าวจัดขึ้นที่ตุรกีเมื่อวานนี้ และใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง
#2590
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตก ECB เล็งยุติ QE เร็วกว่าคาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (10 มี.ค.) แตะระดับต่ำสุดของวัน หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการส่งสัญญาณเร่งยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วกว่าคาด ขณะที่การเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความล้มเหลว

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 427.12 จุด ลดลง 7.33 จุด หรือ -1.69%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,207.20 จุด ลดลง 180.63 จุด หรือ -2.83%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,442.10 จุด ลดลง 405.83 จุด หรือ -2.93% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,099.09 จุด ลดลง 91.63 จุด หรือ -1.27%

ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมในวันพฤหัสบดี (10 ม.ค.) ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในยูเครน

นอกจากนี้ ECB ยังส่งสัญญาณยุติการซื้อพันธบัตรในไตรมาส 3 ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยจะปูทางสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากพุ่งขึ้น 5.8% ในเดือนก.พ. สูงกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2%

ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วง 2.9% แม้ขานรับการตัดสินใจของ ECB ที่จะยุติการซื้อสินทรัพย์ในไตรมาส 3 และตลาดคาดว่า ECB จะเดินหน้าลดการซื้อพันธบัตรในไตรมาสหน้า

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดัน หลังมีรายงานว่า รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียและยูเครนไม่มีความคืบหน้าหลังการเจรจา ขณะที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้ว

บรรดานักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากการที่สหรัฐห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้ที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน

ทั้งนี้ วิกฤตในยูเครนถ่วงดัชนี STOXX 600 ลดลงเกือบ 12% แล้วในปีนี้

หุ้นริโอ ทินโต ร่วงลง 5.2% หลังเป็นบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่แห่งแรกที่ตัดความสัมพันธ์กับธุรกิจต่าง ๆ ในรัสเซีย

หุ้นคาร์ลสเบิร์กของเดนมาร์ก ร่วง 6.2% หลังระงับคาดการณ์ผลประกอบการ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับตลาดเบียร์ขนาดใหญ่ในรัสเซีย

หุ้นฮูโก้ บอส บริษัทแฟชั่นของเยอรมนี ร่วง 9.5% หลังประการยุติการทำธุรกิจชั่วคราวในรัสเซีย
#2591
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#2592
SME D Bank ติดอาวุธเอสเอ็มอีไทย ยกระดับข้ามผ่านอุปสรรค จัด 8 โปรแกรมเสริมแกร่ง เติมความรู้ หนุนเพิ่มรายได้ ขยายตลาดเติบโต
 
นายโมกุล โปษยะพิสิษฐ์ รองกรรการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank รับผิดชอบ กลุ่มงานกลยุทธ์ พัฒนาธุรกิจและผู้ประกอบการ เผยว่า จากปัจจุบันที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ต้นทุนราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นสูง เป็นต้น SME D Bank ในฐานะธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทยที่ให้บริการการเงินคู่การพัฒนา เดินหน้าสนับสนุนยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะเพิ่มศักยภาพ สามารถจะปรับตัว และก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี โดยในเดือนมีนาคม 2565 ได้จัด 8 กิจกรรมอบรมออนไลน์ ช่วยเติมความรู้ เพิ่มรายได้ ขยายตลาดเติบโต ได้แก่

หลักสูตร "การขึ้นทะเบียนจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ รุ่นที่ 2" พา SMEs เข้าถึงตลาดภาครัฐที่มีมูลค่าถึง 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี จัดในวันที่ 16 มี.ค.65 เวลา 10.00-12.00 น.
หลักสูตร "สร้างบัญชี รู้ภาษี ระบบดีดีกับ AccRevo" เรียนรู้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ยกระดับธุรกิจทันยุคดิจิทัล จัดในวันที่ 16 มี.ค. 65 เวลา 13.00-15.30 น.
หลักสูตร "TikTok For Business" ครั้งที่ 2 วิทยากร ภญ.โสภา พิมพ์สิริพานิชย์ (โค้ชโซอี้) มอบความรู้การทำตลาดออนไลน์ด้วยแอปพลิเคชั่น TikTok กับเทคนิคการเขียน Content Marketing รวมถึงอัดคลิปและตัดต่อคลิปได้ง่าย ๆ จัดในวันที่ 22 มี.ค.65 เวลา 10.00-12.00 น.
หลักสูตร "เปิดตลาดออนไลน์ฟรี! กับ FTIeBusiness" สร้างร้านค้าออนไลน์ง่าย ๆ เพียง 7 ขั้นตอน บนแพลตฟอร์ม B2B ภาคอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดในประเทศ เปิดโอกาสจับคู่ธุรกิจกับผู้จัดจำหน่ายชั้นนำระดับประเทศ จัดในวันที่ 24 มี.ค.65 เวลา 14.00-16.00 น.
หลักสูตร "Reboot ธุรกิจ ทำน้อยแต่ได้ 100%" รุ่นที่ 3 วิทยากร นายสุเมธ สุภา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาบุคลากรดิจิทัล สถาบันพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลแห่งประเทศไทย สอนเทคนิคเพิ่มการรับรู้ การมองเห็นใน Facebook และสร้างคอนเทนท์ให้น่าติดตาม จัดในวันที่ 25 มี.ค.65 เวลา 9.00-12.00 น.
หลักสูตร "เพิ่มพลังให้แบรนด์ด้วย Packaging Design และ GS1 Standard" เผยเคล็ดลับการออกแบบผลิตภัณฑ์ เสริมภาพลักษณ์ให้สินค้าและแบรนด์ของคุณ จัดในวันที่ 25 มี.ค.65 เวลา 13.30-15.30 น.
หลักสูตร "สร้างยอดขายออนไลน์ ด้วย Food Delivery" วิทยากร นายศุภอรรถ อ่อนละมัย ที่ปรึกษาด้านธุรกิจอาหารและบริการ "CT Training Development Co.,Ltd." เติมความรู้การบริหารธุรกิจการจัดส่งอาหาร Delivery แบบครบวงจร ในวันที่ 29 มี.ค.65 เวลา 9.00-12.00 น.
หลักสูตร "Alibaba the next Gen.7 แนะนำทางรอดยุคโควิดโดยผู้เชี่ยวชาญจากอาลีบาบาดอทคอม" พบกับการเจาะลึกภาพรวมตลาดออนไลน์ รวมทั้งเทคนิคและเครื่องมือการขายบน Platform Alibaba พิเศษสุด! สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ ลุ้นรับสิทธิ์โพสต์ขายฟรี 1 สินค้าบน Platform Alibaba นาน 6 เดือน จัดในวันที่ 29 มี.ค.65 เวลา 13.30-16.00 น.
ทุกกิจกรรมสมัครเข้าร่วมได้ฟรี! เพียงสแกน QR Code ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ หรือติดต่อฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการ โทร. 02-265-4494 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357
#2593
หลุมหลบภัยท่ามกลางวิกฤติราคาน้ำมันพุ่งสูง
 
จังหวะนี้อะไรๆ ก็แพงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งพรวดชนิดหยุดไม่อยู่ แต่ในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ หนึ่งในโอกาสสำหรับนักลงทุนคือ "บมจ. บีบีจีไอ" ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพตัวจริงเสียงจริง เพราะนอกจากจะผลิตเอทานอลและไบโอดีเซลได้อย่างครบวงจร ยังมีฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากการนำเข้าน้ำมันที่มีต้นทุนสูง แถมยังแอบได้ยินแว่วๆ มาว่ากำลังจะเข้าตลาดฯ ในอีกไม่ช้า ใครที่สนใจบริษัทเพื่ออนาคตก็เตรียมตัวกันได้เลย

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดเช้าพุ่ง 950.32 จุด ราคาน้ำมันลดคลายวิตกศก.ชะลอตัว
 

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดเช้าพุ่งขึ้นในวันนี้เกือบ 4% โดยสัญญาน้ำมันดิบพลิกร่วงลงเมื่อคืนวานนี้หลังพุ่งขึ้นจากวิกฤตยูเครน ส่งผลให้นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าวันนี้ที่ระดับ 25,667.85 จุด พุ่งขึ้น 950.32 จุด หรือ +3.84%

หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวขึ้นเช้านี้ยกเว้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยหุ้นบวกนำตลาดได้แก่กลุ่มขนส่งทางอากาศ รวมถึงกลุ่มสินเชื่อผู้บริโภค

ดัชนี SET ต้นภาคเช้าพุ่งกว่า 10 จุด ตามตลาดตปท.หวังสงครามยูเครนคลี่คลาย


ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าพุ่งกว่า 10 จุด ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ คาดหวังสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอาจมีทางออกหลังจากการเจรจามีความคืบหน้าเชิงบวก และสัญญาณดีจากการที่ยูเครนออกมาระบุว่าจะไม่เข้าร่วมกลุ่มนาโต

เมื่อเวลา 9.57 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,654.44 จุด เพิ่มขึ้น 10.80 จุด (+0.66%)
#2595
Top Exclusive Talk กับ "คุณนันทวรรณชยา ภาจิตประพันธ์" กับการทำธุรกิจบนปณิธานช่วยเหลือสังคม

.หากกล่าวถึงธุรกิจสมุนไพรในประเทศไทย หลายคนต้องรู้จักยาแคปซูลสมุนไพรตรา M HERBS ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการแผนไทยหรือคนรักสุขภาพมาอย่างยาวนาน แต่จะรู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังความสำเร็จของยา M HERBS มาจาก CEO หญิงหัวใจแกร่งคนนี้ ที่ทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของผู้รอความหวัง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ดำเนินธุรกิจด้านสมุนไพร เรามีปณิธานที่แน่วแน่ในการช่วยเหลือสังคม โดยมุ่งหวังให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นางนันทวรรณชยา ภาจิตประพันธ์  เผยว่า "บุคลากรหนึ่งคน กว่าจะเติบโตขึ้นมาได้ต้องลงทุนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ ความรู้ การศึกษา ซึ่งเรามองเห็นคุณค่าของทุกชีวิต เพราะฉะนั้นเราจึงอยากตอบแทนให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น เพียงเท่านี้ก็ทำให้เรามีความสุข และกำลังใจที่จะช่วยเหลือสังคมอีกต่อไป ซึ่งนั่นคือปณิธานที่เราได้ยึดมั่นในการทำธุรกิจ"

แรงผลักดันที่หันมาทำธุรกิจด้านสมุนไพร

"กว่า 10 ปีที่ผ่านมา ที่เราอยู่เบื้องหลังการแจกยาสมุนไพรให้ผู้รอความหวัง ที่จังหวัดปราจีนบุรี เราเห็นรอยยิ้ม และสายตาของหลายหมื่นชีวิตที่เราได้มีโอกาสดูแลจึงทำให้เกิดความผูกพันธ์ และเรามั่นใจว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงยาสมุนไพร เราจึงหันมาทำธุรกิจด้านสมุนไพร เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ และมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยการคิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสุมนไพรไทย รวมไปถึงการศึกษาวิจัยเพื่อให้เป็นยารักษาโรคที่ทรงประสิทธิภาพให้ทั่วโลกยอมรับ สู่ระดับสากล โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง เพื่อดูแลสุขภาพให้กับประชาชน ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายใต้ชื่อแบรนด์ M HERBS" นางนันทวรรณชยา กล่าว

นางนันทวรรณชยา ขยายความต่อไปว่า เป็นความผูกพันทางใจที่เราดูแลมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้สถานการณ์ของโรคระบาด โควิด-19 เรายังไม่หยุดการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย โดยเปิดลงทะเบียนออนไลน์เพื่อให้ทีมงานจัดส่งยาสมุนไพรให้ถึงบ้าน ซึ่งในแต่ละเดือนมีหลายหมื่นคน อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่เราทำธุรกิจบนปณิธานช่วยเหลือสังคม รู้สึกภาคภูมิใจแม้จะสวนกระแสกับหลาย ๆ ธุรกิจ ที่เรามุ่งเน้นการช่วยเหลือสังคมมากกว่าผลกำไร ทำให้เราได้รับรางวัลด้านทำคุณประโยชน์เพื่อสังคมรวมไปถึงรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยม ในทุก ๆ ปี และรางวัลที่ทำให้เราและลูกค้าภูมิใจมาก ๆ นั่นก็คือรางวัล "ผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ" เมื่อปี 2564 ที่ได้รับการคัดเลือกจากกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก จากกระทรวงสาธารณะสุข ซึ่งนั่นคือความภาคภูมิใจ และเป็นกำลังใจที่จะมุ่งมั่นช่วยเหลือสังคมต่อไป

ปัจจุบันยาแคปซูลสมุนไพรตรา M HERBS ที่เน้นความเป็นตำรับยาไทยรวบรวมสรรพคุณสมุนไพรหลายตัว อาทิ เห็ดกระถินพิมาน ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ และตัวยาอื่น ๆ บริษัทได้ร่วมมือกับทีมวิจัยภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อประสิทธิภาพเชิงลึก และให้ได้รับการยอมรับในด้านการรักษาโรคในอนาคตได้

โดยนางนันทวรรณชยา ได้ให้คำจำกัดความของยาสมุนไพร M HERBS ทิ้งท้ายสั้น ๆ ว่า "M HERBS เป็นสมุนไพรเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต"
#2596
DRT ชูแนวคิด Circular Economy รับมือราคาพลังงานโลกพุ่งรอบ 10 ปี มั่นใจอัตราเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปี 80-90% ช่วยกดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำ รักษาอัตราทำกำไรขั้นต้นให้เป็นไปตามแผน

'บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT' เปิดแผนรับมือความเสี่ยงจากต้นทุนพลังงานพุ่ง ชูแนวคิด Circular Economy มุ่งบริหารจัดการทรัพยากรและพลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมมุ่งรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรทั้งปี 80-90% คุมต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำ หวังรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 27-29%

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูป ร้านกาแฟสำเร็จรูป (DIAMOND Cafe) และบริการติดตั้งโครงหลังคาและกระเบื้องหลังคา ภายใต้เครื่องหมายการค้า 'ตราเพชร' เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 10 ปี จากความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายต้องเร่งบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งในส่วนของ DRT นั้น บริษัทฯ ได้ยึดหลัก Circular Economy เพื่อบริหารจัดการด้านทรัพยากรและพลังงานหมุนเวียนอย่างคุ้มค่า ด้วยแนวคิด 3R หรือ Reduce Reuse Recycle เป็นแกนหลักในการดำเนินงานสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีการติดตั้ง Solar Rooftop ของโรงงานอิฐมวลเบา จังหวัดสระบุรี และโรงงานที่จังหวัดขอนแก่น ที่มีขนาดรวม 420 กิโลวัตต์ และโครงการเปลี่ยนหลอดไฟแสงสว่างมาเป็นหลอด LED ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า การนำไอน้ำที่เกิดจากการผลิตกลับมาใช้ซ้ำที่ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรสูงสุด

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่มีการติดตั้งหุ่นยนต์ Robotic, การนำระบบออโตเมชั่น (Automation) และ IoT เข้ามาช่วยยกระดับโรงงานสู่ Smart Factory เพื่อทดแทนการเพิ่มแรงงาน ควบคู่การมุ่งรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่า 80-90% ให้มีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำ สนับสนุนศักยภาพด้านการทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ 'สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง' ให้แก่ผลิตภัณฑ์ 'ตราเพชร' ที่มีจุดแข็งด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลังและการบริหาร Product Mix จากแผนพัฒนาสินค้าใหม่ที่ชูจุดเด่นด้าน Function และ Fashion ที่เน้นผลิตภัณฑ์ที่ติดตั้งง่าย สะดวก รวดเร็ว มีรูปแบบและสีสันสวยงาม รองรับการฟื้นตัวของตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้

"ความเสี่ยงจากปัจจัยลบด้านต้นทุนพลังงานเร่งตัวขึ้น แต่เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถบริหารจัดการได้ โดยมีแผนงานปีนี้ที่มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สูงสุดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแผนบริหารจัดการด้าน Product Mix มุ่งเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าในกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี เพื่อมุ่งรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 27-29% และผลักดันการเติบโต 5% ตามแผนที่วางไว้" นายสาธิต กล่าว
#2597
เดี๋ยวจะว่า 'AQUA' ไม่เตือน!!! ตลาดฯเตรียมขึ้นเครื่องหมาย XW สิทธิรับ 'AQUA-W3' ฟรี 2:1 วันศุกร์ที่ 11 มี.ค.นี้
 
เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA รายงานผลประกอบการปี 64 ที่สร้างรายได้รวมกว่า 819 ล้านบาท คิดเป็นกำไรโตจุกๆ 280% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านบอร์ด AQUA ยังใจดี เคาะแจก WARRANT (AQUA-W3) ฟรีๆ ในอัตรา 2:1

แต่! แต่!! ของฟรีต้องมีกำหนดเวลา วันศุกร์ ที่ 11 มี.ค.นี้ ตลาดฯเตรียมขึ้นเครื่องหมาย XW (Excluding Warrant) โดยบริษัทฯกำหนดวัน Record Date คือวันที่ 14 มีนาคมนี้แล้วจ้า งานนี้เสี่ยฉาย บุญนาค รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บอกเองเลยว่าใครช้าโดน XW ไม่รู้ด้วยน๊า?.

แถมข่าวล่าสุด เจอแน่!! Mega Trend การลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ AQUA กำลังซุ่มทำดีลอย่างดุเดือด เพราะจะไม่ยอมให้ผู้ถือหุ้นตกเทรนด์กับกระแสแห่งอนาคต เตรียมแถลงแผนธุรกิจเร็วๆนี้ ใครพลาดหุ้นดีๆกับการลงทุนน่าสนใจขนาดนี้ อย่าหาว่า AQUA ไม่เตือน ?.

หทัยรัตน์ จุฬางกูร เก็บหุ้น NNCL เข้าพอร์ตอีก 0.0745% รวมถือ 5.0362%
 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแบบรายงานการได้มาหุ้นของ บมจ.นวนคร (NNCL) โดย นางหทัยรัตน์ จุฬางกูร ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา คิดเป็น 0.0745% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 5.0362% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

BBL ขายหุ้น UT ออกทั้งหมด 6.5%


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแบบรายงานการจำหน่ายหุ้นของ บมจ.ยูเนี่ยนอุตสาหกรรมสิ่งทอ (UT) โดยธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย คิดเป็น 6.5% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
#2598
RSP ส่ง Converse x Joshua Vides วางจำหน่ายอีกครั้ง หลังกระแสรอบแรกดีเกินคาด

กระแสความนิยมสำหรับคอลเลคชั่น "Converse x Joshua Vides" เตรียมคืนฟอร์มอีกครั้ง หลังได้รับความนิยมอย่างมากในการเปิดตัวรอบก่อน โดย บริษัท ริชสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายแบรนด์สินค้า Converse เตรียมนำสินค้าลิมิเต็ดเอดิชั่น รุ่น Converse Chuck 70 กลับมาผลิตและวางจำหน่ายเป็นครั้งที่ 2 หลังรอบก่อนกระแสดีเกินคาด โดย Joshua Vides ศิลปินนักวาดภาพชาวกัวเตมาลา-อเมริกัน วาดลวดลายเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการใช้ลายเส้น 2 มิติสีขาว-ดำ ผลงานศิลปะเชิงแนวคิดโดดเด่นด้วยกราฟิกในรูปแบบศิลปะป๊อปอาร์ต มาผสมผสานกับ Chuck 70, Weapon CX, Pro Leather รองเท้าผ้าใบในตำนาน โดดเด่นที่ความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยเอกลักษณ์บ่งบอกตัวตนของผู้สวมใส่อย่างชัดเจน จับมาแมทชิ่งให้มีสไตล์ ครองใจสายสตรีทแวร์ ที่ต้องมีไว้ในครอบครอง

สำหรับคอลเลคชั่น Converse x Joshua Vides พร้อมเปิดจำหน่ายในวันที่ 10 มี.ค. 2565 นี้ ณ ร้าน Converse สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่ และร้าน Carnival, Siwilai และช้อปออนไลน์ผ่านทาง Lazada ติดตามคอลเลคชั่นใหม่ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Converse, LINE Official Converse TH, LINE ID : @conversethai

CHUCK 70 JOSHUA VIDES HI WHITE/BLACK ราคา 4,500 บาท
PRO LEATHER JOSHUA VIDES OX CREAM/BLACK ราคา 3,500 บาท
WEAPON CX JOSHUA VIDES HI BLACK ราคา 4,700 บาท
#2599
วว. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เสริมแกร่งเกษตรกร ผู้ประกอบการไทย ด้วย วทน.

การขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG อยู่บนพื้นฐานของ 4 + 1 ประกอบด้วย 4  สาขายุทธศาสตร์ คือ 1. เกษตรและอาหาร  2. สุขภาพและการแพทย์  3. พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และ 4. การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์  โดยรัฐบาลกำหนดแผนยุทธศาสตร์ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG  พ.ศ. 2564-2569  ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่

ยุทธศาสตร์ที่ 1  สร้างความยั่งยืนของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพ  ด้วยการจัดสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ธรรมชาติ ไม่ใช่เพียงทรัพยากรหรือปัจจัยการผลิตที่ใช้แล้วหมดไป แต่ธรรมชาติจะเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตและทุกสรรพสิ่งบนโลก เป็นพื้นฐานของความอยู่ดีกินดีของมนุษย์ รวมถึงการนำกลับมาใช้ซ้ำตามหลักการหมุนเวียน

ยุทธศาสตร์ที่ 2  การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง  ด้วยทุนทรัพยากร อัตลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้ศักยภาพของพื้นที่โดยการระเบิดจากภายใน เน้นการตอบสนองความต้องการในแต่ละพื้นที่เป็นอันดับแรก ใช้ประโยชน์จากความเข้มแข็งของ "ความหลากหลายทางชีวภาพ" และ "ความหลากหลายทางวัฒนธรรม" มาต่อยอดและยกระดับมูลค่าในห่วงโซ่การผลิตสินค้าและบริการให้มีมูลค่าสูงขึ้น

ยุทธศาสตร์ที่ 3  ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้เศรษฐกิจ BCG ให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน นำความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมายกระดับประสิทธิภาพการผลิต ลดความสูญเสียในกระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์ การหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ หรือการนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ยกระดับมาตรฐานและให้ความสำคัญกับระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นลักษณะเศรษฐกิจแบบ "ทำน้อยได้มาก" แทน

ยุทธศาสตร์ที่ 4 เสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เน้นการสร้างภูมิคุ้มกัน และสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเท่าทันเพื่อบรรเทาผลกระทบ ด้วยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปเพิ่มศักยภาพของชุมชน ผู้ประกอบการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต/บริการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด สร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อนำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ในฐานะหน่วยงานวิจัยและพัฒนาของประเทศ มีภารกิจสำคัญในการวิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ปัจจุบันดำเนินงานก้าวสู่ปีที่ 60 ตอบสนองนโยบายรัฐบาลและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยนำนโยบายเศรษฐกิจ BCG เป็นกรอบการดำเนินงาน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจทั้งระบบ เพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ กระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างชุมชนเข้มแข็ง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากการดำเนินงานของ วว. ประสบผลสำเร็จในการผลิตผลงาน ดังนี้

โครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลางตะวันตกด้วย BCG โมเดล สนับสนุนทุนวิจัยจาก สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ภายใต้โครงการตาม พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ดำเนินงานจำนวน 2 โครงการ คือ

โครงการศูนย์นวัตกรรมผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร (ICPIM)   เป็นคลังหัวเชื้อจุลินทรีย์กว่า 10,000  ชนิด  สร้างผู้ประกอบการได้  41  ราย  ชดเชยการนำเข้าหัวเชื้อจุลินทรีย์ได้ 30%  ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ  380  ล้านบาท และส่งผลกระทบทางสังคม 110  ล้านบาท   ประสบผลสำเร็จ  ดังนี้  1)  ขยายการผลิตจุลินทรีย์เพิ่มขึ้นได้ 25,000 ลิตรต่อปี  2) พัฒนานวัตกรรมจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่โดดเด่น 15 สายพันธุ์ที่มีศักยภาพตามมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขึ้นทะเบียนสายพันธุ์จุลินทรีย์โพรไบโอติกกับ อย.  จำนวน 8 สายพันธุ์ อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียน 7 สายพันธุ์  3) พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เสริมโพรไบโอติก  ได้แก่  ไอศกรีม  นมอัดเม็ด ปลาร้าผง  น้ำพริกพร้อมทาน เครื่องดื่มชงเย็น  jelly  และอาหารเสริมสูตรฟังก์ชั่นสำหรับลดน้ำหนัก  สร้างภูมิคุ้มกัน  ลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน  กระตุ้นการทำงานของสมอง และปรับสมดุลร่างกาย  4) พัฒนานวัตกรรมการยืด Shelf  life ของโพรไบโอติกในผลิตภัณฑ์ต่างๆ   5) นวัตกรรมลดต้นทุนการผลิตโพรไบโอติกเพื่อการแข่งขันด้านราคากับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ   และ 6) นวัตกรรม synbiotics และ post-biotics  เพื่อเสริมภูมิสุขภาพและป้องกันโรค NCDs

โครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลางตะวันตกด้วย BCG โมเดล ส่งผลให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจำนวน 370 ล้านบาท ดังนี้ 1) ผลิตสารชีวภัณฑ์จำนวน 5 สายพันธุ์ นำไปสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานพื้นที่ "กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัด" รวมจำนวน 1.3 ล้านลิตร เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชทดแทนสารเคมีทางการและลดการนำเข้าสารเคมี โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสารชีวภัณฑ์ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และอยุธยา ครอบคลุม 4 กลุ่มพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ไม้ผล พืชไร่ (ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง) พืชสมุนไพรและพืชผัก 2) พัฒนากระบวนการขยายชีวภัณฑ์ทั้งในระดับห้องปฏิบัติการเพื่อขยายสู่การผลิตเชิงพาณิชย์และระดับชุมชน 3) จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมผลิตเชื้อจุลินทรีย์ทางการเกษตร (Innovative Center for Production of Microorganisms Used in Agro- Processing Industry, ICAP) มีกำลังการผลิต 115,000 ลิตรต่อปี

นอกจากนี้ วว. ยังประสบผลสำเร็จในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ร่วมขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ BCG ในสาขาอื่นๆ ที่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นรูปธรรม ดังนี้

โครงการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้กับชุมชนกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับด้วยนวัตกรรมเกษตร โดยใช้แนวทางมาลัยวิทยสถาน อว. สนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อร่วมสนับสนุนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ด้วยการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ พร้อมทำหน้าที่เป็นวิทยสถานแห่งปัญญา พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สร้างแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรม ตลาดไม้ดอกไม้ประดับและผลิตภัณฑ์ นำร่องส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการไม้ดอกไม้ประดับในพื้นที่จังหวัดเลยและลำปาง สามารถรวมกลุ่มผู้ประกอบการได้จำนวน 6 กลุ่มเป็นคลัสเตอร์ ประกอบด้วย คลัสเตอร์ไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ นครราชสีมา เลย สุพรรณบุรี นครนายก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 90 ล้านบาทต่อปี

โครงสร้างพื้นฐานธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน (Community Seed Bank) ณ สถานีวิจัยลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา มีศักยภาพอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์พืช 20-50 ปี เก็บรักษาตัวอย่างเมล็ดพืชสูงสุด 10,000 ตัวอย่าง มุ่งขับเคลื่อน 3 มิติ คือ สำรวจ-อนุรักษ์ วิจัย-นำไปใช้ประโยชน์และให้บริการชุมชน

โครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมและนวัตกรรมอาหารปลอดภัยประสบผลสำเร็จพัฒนาและทดสอบ "ข้าวสมุนไพรที่มีสารสำคัญถั่งเช่า" มีคุณสมบัติเด่นช่วยต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย พร้อมต่อยอดแปรรูปเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพร "ชาใบข้าว" เพื่อสุขภาพ และพัฒนาต่อยอดด้านบรรจุภัณฑ์ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อช่วยรักษาคุณภาพและลดความสูญเสียสินค้า รวมทั้งให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการส่งออกสินค้า

โครงการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ประสบผลสำเร็จพัฒนานวัตกรรมน้ำตาลที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้สมดุล และถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต "น้ำตาลพาลาทีน" ให้แก่ บริษัทน้ำตาลราชบุรี โดยมีกำลังการผลิต 60 ตันต่อปี มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ 10 ล้านบาทต่อปี และมีแผนการส่งออกในอนาคต

โครงการพัฒนาเทคโนโลยีสกัดโปรตีนเข้มข้นจากพืชฐานชีวภาพของไทยระดับห้องปฏิบัติการ โดยร่วมกับบริษัทไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สำหรับผลิตเป็นอาหารฟังก์ชั่นสู่เชิงพาณิชย์ (Plant Based Meat) ที่ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ เป็นต้นแบบผลิตภัณฑ์อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์เทียม

โครงการพัฒนาสมุนไพรอัตลักษณ์ประจำถิ่น  โดยการทดสอบคุณภาพ  ประสิทธิภาพ  และส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนจังหวัดน่านผลิตสารสกัดสมุนไพรส่งให้บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรตรีผลา มีมูลค่าการตลาด  50 ล้านบาทต่อปี และส่งเสริมสมุนไพรอัตลักษณ์อื่นๆ เช่น ใบหมี่ และมะไฟจีน เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากทรัพยากรภายในประเทศ

โครงการวิจัยและพัฒนาสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตจากแพะ (การสกัดแยกกลิ่นและศึกษา Male Pheromone จากขนแพะเหลือทิ้ง) สนับสนุนทุนวิจัยโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประสบผลสำเร็จวิจัยพัฒนานวัตกรรมการสกัดขนแพะพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำหอมได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์มีกลิ่นเฉพาะตัว โดดเด่น และลอกเลียนแบบยาก สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมน้ำหอมและเครื่องสำอางในอนาคต เป็นการส่งเสริมนโยบาย BCG ในการเป็น Circular Economy ที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับวัสดุเหลือทิ้ง และทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ มีคุณค่า

โครงการพัฒนาไบโอเมทานอลจากวัสดุเหลือทิ้ง เพื่อต่อยอดการสร้างโรงงานไบโอเมทานอลต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทยและลดการนำเข้าเมทานอล 100% โดย บริษัท BLCP นำผลงานวิจัยระดับห้องปฏิบัติการไปขยายผลและต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โครงการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและขยะพลาสติกในชุมชนเพื่อการบูรณาการอย่างยั่งยืน ณ ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ภายใต้ "ตาลเดี่ยวโมเดล" เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ดำเนินงานครอบคลุมพื้นที่ 4 ภูมิภาค ได้แก่ สระบุรี ชลบุรี เชียงราย และหนองคาย สร้างรายได้ให้หน่วยงานท้องถิ่นกว่า 10 ล้านบาทต่อปี พร้อมมุ่งขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นๆ ของประเทศต่อไป

การดำเนินงานตามนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของ วว. ดังกล่าว เป็นผลงานที่สำเร็จเป็นรูปธรรมและนำไปใช้จริงทั้งในบริบทเชิงเศรษฐกิจและเชิงสังคม มุ่งมั่นขยายผลโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่การใช้ประโยชน์ตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและมุ่งวิจัยพัฒนาผลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ให้บริการเบ็ดเสร็จครบวงจร ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคอุตสาหกรรมและวิสาหกิจชุมชน เพื่อความเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนของประเทศไทย
#2600
TM ลุยขายสินค้าผ่าน 'TM CARE SHOP' ปั้มรายได้โต 700-750 ลบ.

นายมานิต วงศ์ไพศาลลักษณ์ (ขวา) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขายและการตลาด พร้อมด้วยนางสาวปรางฉาย จรรโลงบุตร (ซ้าย) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.เทคโนเมดิคัล (TM) ร่วมนำเสนอข้อมูลบริษัทฯ ภายในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) โชว์ศักยภาพการดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ปี 2564 เติบโตแข็งแกร่งทำให้มีรายได้(งบการเงินเฉพาะกิจการ) 698.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ(งบการเงินเฉพาะกิจการ) 62.15 ล้านบาท ประกาศเดินหน้าปั้มรายได้เติบโตปี 65 โตต่อเนื่อง 5-10% เป็น 700-750 ล้านบาท โดยเน้นหาพันธมิตรผู้ผลิตสินค้า OEM ภายใต้แบรนด์ TM เพื่อเพิ่มยอดขาย และศักยภาพในการแข่งขัน และการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 'TM CARE SHOP' หนุนยอดขายทั้งในกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้แล้วทิ้ง อุปกรณ์ฆ่าเชื้อ อุปกรณ์ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น พร้อมปูทางการให้บริการในกลุ่มผู้สูงอายุ จากการเปิดธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง ภายใต้โครงการ 'THE PARENTS' ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้ ณ สำนักงานใหญ่ บมจ.เทคโนเมดิคัล เมื่อเร็วๆ นี้