(https://d1baueb6wfhxkz.cloudfront.net/5fd054d94561d0014939b648/large/1610613544975188.webp#1659631773382)
โบท็อกซ์คืออะไร ?โบท็อกซ์ (Botox) คือ ชื่อที่เอาไว้เรียกทางการค้า ซึ่งจริง ๆ แล้วโบท็อกซ์เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่สกัดมาจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ในด้านของวงการความงามการฉีดโบท็อกซ์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปแล้วตัวยาจะเข้าไปจับกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัว และหดตัวลง ส่งผลให้ริ้วรอยที่เกิดจากอายุหรือพฤติกรรมต่าง ๆ ที่จะส่งผลให้ใบหน้าของคุณมีริ้วรอยนั้นลดลงไม่ว่าจะเป็นการการขมวดคิ้ว การขยี้ตา การหัวเราะ หรือการเคี้ยวอาหารข้างเดียว เมื่อผิวของคุณได้รับการฉีดโบท็อกซ์ จะทำให้ผิวบริเวณนั้นแลดูกระชับ เต่งตึง และดูอ่อนวัยเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งค่ะ
ฉีดโบท็อกซ์อันตรายไหมและควรฉีดกับใคร ?สำหรับใครที่ต้องการลดริ้วรอย และกระชับใบหน้าให้เข้ารูป การ
ฉีดโบท็อกซ์ถือเป็นทางเลือกที่เรียกได้ว่าปลอดภัยอย่างมาก เนื่องจากโบท็อกซ์เป็นสารสกัดที่มาจากธรรมชาติมีความบริสุทธิ์อย่างมาก จึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้ได้รับสาร และสามารถสลายได้เองโดยไม่มีสารตกค้าง แต่การฉีดโบท็อกซ์ (https://www.drchensurgery.com/)ก็ไม่ได้ปลอดภัยเสมอไปหากคุณไม่ได้ศึกษาข้อมูลก่อนฉีดซึ่งการฉีดสารต่าง ๆ เข้าไปในร่างกายจำเป็นที่จะต้องพิจารณาองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ประกอบการของคลินิกที่จะต้องมีความน่าเชื่อถือ และมีใบอนุญาตประกอบการที่ถูกกฎหมาย โบท็อกซ์ที่นำมาฉีดจะต้องมีคุณภาพ และเป็นของแท้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย และที่สำคัญแพทย์ที่มาฉีดโบท็อกซ์ให้แก่เราจะต้องเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการฉีดเพียงเท่านั้น เพราะการฉีดโบท็อกซ์ไม่ใช่แพทย์ทุกคนที่จะสามารถฉีดแล้วจะเห็นผล แต่จะต้องเป็นแพทย์ที่ชำนาญและมีเทคนิกเฉพาะอีกด้วย
ข้อควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกซ์การ
ฉีดโบท็อกซ์เป็นวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ดังนั้นก่อนไปฉีดโบท็อกซ์คุณควรที่จะศึกษาข้อมูล เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความสวยที่กำลังจะเกิดขึ้นดังนี้
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์
- ตรวจสอบสถานบริการและใบประกอบวิชาชีพของแพทย์
- ตรวจสอบโบท็อกซ์ว่าเป็นของแท้หรือไม่
- งดการใช้ยาบางกลุ่มที่จะก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด
- งดสครับใบหน้าเพื่อลดอาการเขียวและช้ำได้
- หากมีโรคประจำตัวควรเข้าไปปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง