เพิ่มอรรถรสในการดูหนัง ฟังเพลงด้วยหูฟังดีๆ
หูฟัง (https://www.homepro.co.th/c/TVA10) กลายเป็นไอเท็มสำคัญในการดูหนัง ฟังเพลงอีกอย่างหนึ่งไปแล้ว เพราะนอกจากจะช่วยไม่ให้รบกวนคนรอบข้าง หูฟังยังช่วยให้เราสามารถเก็บรายละเอียดของเสียงได้มากขึ้น เพิ่มอรรถรสในการดูหนังฟังเพลง หรือแม้แต่การเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น
วิธีเลือกหูฟังเพื่อดูหนังฟังเพลงแบบมีอรรถรส
1. เลือกแนวทางการใช้งาน
หูฟังแต่ละแบบถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน เราควรกำหนดแนวทางการใช้งานให้ชัดเจนก่อนจะได้เลือกหูฟังที่ถูกประเภทของการใช้งาน หูฟังบางรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อการฟังเพลง แต่ถ้าเน้นไปที่การเล่นเกมต้องจำแนกทิศทางของเสียงการเคลื่อนไหวทั้งซ้ายและขวาก็ควรเลือกหูฟังเกมมิ่ง (https://www.homepro.co.th/c/TVA10) ซึ่งหูฟังสำหรับดูหนังก็สามารถเลือกใช้หูฟังเกมมิ่งได้
(https://lh3.googleusercontent.com/pw/AM-JKLXtxgdjrtSAuaDhLTH_B-fEkpr1Slo2l_eDo-qPpLQQxoUQR8jTs05Ncw58BfUU0sIMgW8fv_3tgHhnNbO9UfiHdOuvPTUmaKbf0E1DnDChRbyRGNXC90Kql7omsuSy0-Z14Qo5CSg_hzP-zJv4Tovi=w449-h519-no?authuser=0)
2. เลือกประเภทของหูฟังให้เหมาะกับตัวเรา
หูฟังแต่ละประเภทถูกออกแบบมาให้แตกต่างกันและใช้งานต่างกัน โดยเราแบ่งหูฟังตามประเภทได้ 4 ประเทภคือ
- Earbuds เป็นหูฟังที่ไม่ได้เสียบเข้าไปในหูโดยตรงทำให้มีเสียงเล็ดรอดออกมา และทำให้รายละเอียดของเสียงบางอย่างหายไป แต่มีข้อดีคือ สวมใส่สบาย ไม่อึดอัดเจ็บหู หากใครนึกไม่ออก APPLE EARPODS ก็เป็นหูฟังประเภทนี้
- In-Ear หูฟังยอดนิยม มีลักษณะการสวมใส่แบบยัดเข้าไปในรูหู โดยมักใช้เป็นจุกยาง ช่วยป้องกันเสียงจากภายนอก ทำให้รายละเอียดของเสียงต่างๆ ไม่หายไป แต่ข้อเสียคือ ค่อนข้างอึดอัดและในบางคนถึงขั้นมีอาการปวดหรือเจ็บในหูสำหรับคนที่ไม่เคยใส่มาก่อน
- Full-Size เป็นหูฟังแบบครอบปิดใบหูมิดชิด ทำให้สามารถรักษารายละเอียดของเสียงไว้ได้ครบถ้วน แต่ข้อเสียคือ ขนาดที่ให้และมีน้ำหนักค่อนข้างมากทำให้หลายคนไม่ค่อยชอบนัก
- On-Ear หูฟังประเภทนี้มีลักษณะคล้ายหูฟังแบบ Full-Size แต่ไม่ได้ปิดครอบหูทั้งหมด เป็นการเอาหูฟังไปวางบนหนู แม้จะสามารถ่ายทอดรายละเอียดของเสียงได้ดี แต่หากต้องใส่ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จะทำให้เกิดกาอรการปวดหูเพราะการกดทบและก้านที่บีบเข้ามา
(https://lh3.googleusercontent.com/pw/AM-JKLURb031bAFYeYNvPUVridfXoeV_KKO888vCTlxEl62mDGquNEzsIYm-zD8fjWlkolnW8pBK_f1f0ehb5k2d_HqdcjlcAkWxwlQjyHjwxTRPPsqecfKJDNg5GshElGJ7c81jkfCZ-D2OmG-EJntbGQLa=w459-h574-no?authuser=0)
3. เลือกแบบมีสายหรือไร้สาย
หูฟังไร้สาย (https://www.homepro.co.th/c/TVA10)มีข้อดีตรงความสะดวกในการเคลื่อนไหว ขนย้าย แต่หูฟังแบบมีสาย มีจุดเด่นตรงที่สามารถให้คุณภาพเสียงที่ดี เก็บรายละเอียดและความคมชัดได้ดีกว่า
(https://lh3.googleusercontent.com/pw/AM-JKLVK4vHWUqFMAw47jKwXtcfNG9ey8loqEIxGwohVTk0I7Ju74EMVHUi9a8YzyIuro0yGhc8ghBuSphdOHF1DRoWsxVhE3SKDd2txJGERpNezrw6lrJNvHx0OPJxY5ldJJT8hWHy2cHIbSfjCBMTri5Pr=w566-h329-no?authuser=0)
4. เลือกหูฟังที่มีระบบ Stereo
หูฟังแบบ Stereo จะมีการแยกชาแนลของหูฟัง ทำให้เสียงที่ได้ยินมีมิติของเสียงที่มากขึ้น เราสามารถสังเกตว่าหูฟังอันไหนที่น่าจะมีระบบ Stereo .ให้สังเกตจากตัวอักษร L และ R ที่ปรากฏอยู่บนหูฟัง
ถ้าใครยังลังเลหรือยังไม่แน่ใจ ลองใช้ 4 ข้อด้านบนนี้เป็นตัวช่วยหรือไกด์ไลน์ในการเลือกซื้อหูฟังดีๆ ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูหนังฟังเพลงของคุณมากยิ่งขึ้น