• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chanapot

#9151
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#9152


แม้ว่าปัจจุบัน "อินเดีย" จะสามารถควบคุมโรคโควิด-19 ได้ดีขึ้นมาก จากเคยมียอดผู้ติดเชื้อใหม่ระลอก 2 เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทำนิวไฮสูงถึงระดับ 4 แสนคนต่อวัน ลดลงเหลือระดับ 2-4 หมื่นคนต่อวันแล้วก็ตาม

แต่ด้วย "การรับรู้" (Perception) ของคนไทยที่มีต่อการระบาดของโควิด-19 ในอินเดียยังค่อนข้างเป็นลบอยู่ ทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์ "เดลตา" ที่กำลังแพร่ระบาดหนักทั่วไทย นับเป็นความท้าทายของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการกู้ความเชื่อมั่นของเจ้าบ้านกลับคืน!

ชลดา สิทธิวรรณ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานมุมไบ กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวอินเดียมีความต้องการมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น แต่เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดหนักในอินเดียเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ของไทยหยุดการออกใบอนุญาตการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry : COE) แก่นักท่องเที่ยวอินเดียมานานกว่า 4 เดือนแล้ว ตอนนี้อนุญาตให้เฉพาะชาวอินเดียที่เป็นนักธุรกิจที่มีถิ่นพำนัก มีใบอนุญาตทำงาน และมีครอบครัวในไทยเดินทางเข้ามาได้เท่านั้น

ขณะที่ข้อมูลล่าสุดระบุว่าชาวอินเดียได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วจำนวนมาก ประกอบกับที่ผ่านมามีการติดเชื้อกันมากจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้นักท่องเที่ยวอินเดียเริ่มมีดีมานด์ออกท่องเที่ยวต่างประเทศอีกครั้ง โดยปัจจุบันอินเดียมีการทำข้อตกลง "Air Bubble Agreement" กับอีก 28 ประเทศ เช่น สหรัฐ อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซีย มัลดีฟส์ ศรีลังกา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้มีเที่ยวบินเข้าออกอินเดียได้ และพบว่าจุดหมายที่นักท่องเที่ยวอินเดียนิยมไปมากที่สุดขณะนี้คือมัลดีฟส์ รองลงมาคือดูไบ

ระหว่างนี้ ททท.ต้องจับตาดูผลการเดินทางเข้าไทยของชาวอินเดียที่มีธุระจำเป็นในช่วง 2-3 สัปดาห์นับจากนี้ว่าเป็นอย่างไร พร้อมประเมิน "ความรู้สึก" (Sentiment) ของคนไทยไปด้วย เพราะจากการรับรู้ของคนไทยที่มีต่อการระบาดของโควิด-19 ในอินเดียช่วงที่ผ่านมา พบว่ายังไม่ค่อยมั่นใจนัก ทั้งยังเป็นที่มาของสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดหนักในไทย จึงต้องรอศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณาอีกทีว่าจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวอินเดียมาเที่ยวไทยได้เมื่อไร

"ถ้ามีสัญญาณดีจาก ศบค.อนุญาตให้นักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าไทย ทางเอเย่นต์ท่องเที่ยวก็พร้อมขายแพ็คเกจท่องเที่ยว โดยจากการสำรวจความเห็นของเอเย่นต์ท่องเที่ยว 300 กว่าราย ส่วนใหญ่ 94% ระบุว่ามีดีมานด์จากนักท่องเที่ยวอินเดียไปไทยแน่นอน ทั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาในการทำตลาดอีก 1 เดือนครึ่งหาก ศบค.ไฟเขียว เช่น จัดเตรียมเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) เริ่มจากเมืองหลัก เช่น นิวเดลี และมุมไบ เข้าประเทศไทย"

แต่ประเด็นคือนักท่องเที่ยวอินเดียยังต้องการมาเที่ยวไทยระยะสั้นแค่ 7 วันแบบไม่กักตัว และคาดหวังว่าจะสามารถขอ "วีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง" (Visa on Arrival : VoA) ได้แบบเดิมเหมือนก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ซึ่งทาง ททท.ต้องสื่อสารให้นักท่องเที่ยวอินเดียเข้าใจว่าการเดินทางมาเที่ยวไทยมีขั้นตอนมากขึ้นตามมาตรการใหม่ด้านสาธารณสุข และการเดินทางเข้าแต่ละพื้นที่นำร่องก็มีเงื่อนไขแตกต่างกันไป

วชิรชัย สิริสัมพันธ์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานนิวเดลี กล่าวเสริมว่า แม้ว่าประเทศไทยจะพบยอดผู้ติดเชื้อใหม่ระดับ 2 หมื่นคนต่อวัน แต่ในมุมมองหรือความรู้สึกของคนอินเดียแล้ว ไม่ได้มีผลหรือ "หวั่นไหว" นัก อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งชาวอินเดียผ่าน "จุดพีค" ของการระบาดมาแล้ว!

"ที่ประเทศอินเดียเริ่มมีการทยอยฉีดวัคซีนเมื่อกลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา และเร่งสปีดฉีดเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเผชิญการระบาดระลอก 2 เดือน เม.ย. ทำให้ตอนนี้มีคนอินเดียได้รับการฉีดวัคซีนรวมกว่า 600 ล้านโดสแล้ว โดยเข็มแรกอยู่ที่ 35% ของประชากรทั้งหมด 1.4 พันล้านคน ส่วนเข็มที่ 2 อยู่ที่ 10.3% และคาดว่าในเดือน ต.ค.นี้ประชากรที่เป็นผู้ใหญ่จะได้รับวัคซีนครบโดสอีกจำนวนมาก สร้างความพร้อมให้กับตลาดอินเดียในการเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศอีกครั้ง หลังจากเมื่อปี 2562 มีคนอินเดียเดินทางต่างประเทศจำนวน 26.92 ล้านคน เติบโต 2.3% เมื่อเทียบกับปี 2561"

ทั้งนี้ ททท.ได้ประมาณการนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทยช่วงไตรมาส 4 ตั้งแต่ ต.ค.-ธ.ค.นี้ แบบไม่กักตัว ไว้ 2 กรณีด้วยกัน ได้แก่ ซีนาริโอที่ 1 เที่ยวบินพาณิชย์กลับมาบินใน 6 เมืองหลัก ได้แก่ นิวเดลี มุมไบ กัลกัตตา เชนไน ไฮเดอราบัด และบังกะลอร์ สัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน เที่ยวบินละ 250 ที่นั่ง รวม 14 สัปดาห์ เท่ากับ 21,000 ที่นั่ง
ประมาณการเดินทางเข้าไทยสัปดาห์ละไม่เกิน 1,500 คน รวม 14 สัปดาห์ ประมาณ 21,000 คน สร้างรายได้ 938,448,000 บาท

ส่วนซีนาริโอที่ 2 ไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์ จัดชาร์เตอร์ไฟลต์สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ใน 2 เมืองหลัก ได้แก่ นิวเดลีและมุมไบ เที่ยวบินละ 150 ที่นั่ง รวม 14 สัปดาห์ เท่ากับ 2,100 ที่นั่ง ประมาณการณ์นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยสัปดาห์ละ 300 คน รวม 14 สัปดาห์ ประมาณ 4,200 คน สร้างรายได้ 187,689,600 บาท

ทั้งนี้เมื่อปี 2562 ตลาดอินเดียเที่ยวไทยสร้างรายได้ 80,039 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.96% เมื่อเทียบกับปี 2561 จากฐานนักท่องเที่ยวอินเดีย 1,961,069 คน เพิ่มขึ้น 25.48% กระโดดจากอันดับ 6 ของประเทศที่ส่งออกนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยสูงสุดเมื่อปี 2561 ขึ้นมาครองอันดับ 3 เมื่อปี 2562 ก่อนยอดจะร่วงลงในปี 2563 เหมือนกับทุกๆ ตลาดเมื่อโรคโควิด-19 ระบาดหนักทั่วโลก ปิดยอดปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทยเพียง 261,777 คนเท่านั้น ติดลบกว่า 80%
#9153


ที่สนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า ประเทศเยอรมัน ในการแข่งขันฟุต.บุนเดสลีก้า ดูกาล 2021-2022 คืนวันที่ 28 ส.ค.64 ระหว่างทีม 'บาเยิร์น มิวนิค' พบกับทีม 'แฮร์ธ่า เบอร์ลิน' เริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งเวลาแรก ในนาทีที่ 6 บาเยิร์น ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ กนาบรี้ แย่ง.ได้กลางสนามหลบมาแล้วเปิดขึ้นหน้า มูเซียล่า สะกิดให้ เดวีส ถึงเขตโทษก่อนไหลไปทางเสาสอง เลวานฯ วิ่งข้ามปล่อยให้ มุลเลอร์ ด้านหลังยิง.เรียดเข้าประตูไป นาทีที่ 35 บาเยิร์น ได้ประู 2-0 จากการโต้กลับมา โกเร็ทซ์ก้า ไหลให้ กนาบรี้ ทางขวาในเขตโทษเปิดมาตรงกลาง เลวานฯ โหม่งชนคานลอยโด่งก่อนจะตามไปโหม่งซ้ำเข้าประตูไป


เริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง ในนาทีที่ 49 บาเยิร์น ได้ประตู 3-0 จากการตัด.ได้อีกแล้ว มุลเลอร์ ทางซ้ายของกรอบเขตโทษจ่ายเข้าในมาที่ มูเซียล่า โยกหลอกกองหลังทีนึงก่อนยิงเข้าไป นาทีที่ 70 เสือใต้ มาบวกประตู 4-0 จากจังหวะที่ ซาเน่ ทางซ้ายเลี้ยงตัดมาแล้วทำชิ่งกับ มุลเลอร์ เข้าเขตโทษก่อนไหลมาให้ เลวานฯ ตรงกลางยิงเข้าไปง่ายๆ และนาทีที่ 84 เสือใต้ ได้ปรตู 5-0 และเป็นแฮตทริกของ เลวานฯ ด้วย กับเตะมุมทางซ้ายเปิดมาลึกถึงเสาไกลมี เนียงซู โหม่งชงเข้ากลางจบด้วย เลวานฯ โหม่งจ่อๆหน้าประตูเข้าไป จบเกม บาเยิร์น ชนะ แฮร์ธ่า 5-0
#9154
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#9156


 จากข้อมูลวิจัยบริษัทไนท์แฟรงค์ประเทศไทย เผยว่า ตลาดคอนโดช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ยังคงหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลัง 2563  ผลกระทบของโควิด-19 ยังคงแผ่ขยายอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งแรกของปี 2564  ตลอดจนการติดเชื้อที่แพร่ระบาดจากคลื่นลูกใหม่ของโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่งผลให้กำลังซื้อคอนโดมิเนียมจากผู้ซื้อชาวไทยยังคงลดลงและกำลังซื้อจากชาวต่างชาติยังคงไม่กลับมา 
ผู้พัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ต้องเลื่อนหรือชะลอการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เป็นไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ขณะที่หันมาเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบเพื่อรองรับกลุ่มผู้ซื้อที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริงมากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย


• อุปทานสะสมของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 652,081 หน่วย  ช่วงครึ่งปีแรก 2564  โดยมี 6,293 หน่วย ที่มาจาก 20 โครงการที่เปิดตัวในครึ่งปีแรก 2564  โดยอุปทานใหม่ในครึ่งปีแรก 2564 ลดลง 38.7% เมื่อเทียบกับอุปทานใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563

• จำนวนคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในเขตชานเมืองกรุงเทพฯ คิดเป็น 66% ของอุปทานใหม่ทั้งหมดที่เปิดตัวในครึ่งแรกของปี 2564 ขณะที่พื้นที่รอบนอกศูนย์กลางธุรกิจ (City Fringe) คิดเป็น 29% และพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจคิดเป็น 5%

• จากจำนวน 6,293 หน่วยของอุปทานใหม่ มีเพียง 2,333 หน่วยที่ขายได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ คิดเป็นอัตราการขายที่ 37.1% ซึ่งสะท้อนถึงอัตราการขายที่เพิ่มขึ้น 13.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 • ราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมย่านศูนย์กลางธุรกิจอยู่ที่ 240,609 บาทต่อตร.ม. ลดลง 4.3% จากครึ่งปีหลัง 2563 คอนโดมิเนียมย่านรอบนอกศูนย์กลางธุรกิจ (City Fringe) อยู่ที่ 116,225 บาทต่อตร.ม. ลดลง 5.9 % จากครึ่งปีหลัง 2563  และคอนโดมิเนียมย่านชานเมืองกรุงเทพฯ อยู่ที่ 64,390 บาทต่อตร.ม. ลดลง 6.6% จากครึ่งปีหลัง 2563 


ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้หันไปเน้นการพัฒนาตลาดแนวราบสำหรับบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ แม้ว่าตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯจะมีผลประกอบการที่ลดลงอย่างรวดเร็ว แนวโน้มการทำงานจากที่บ้าน (work from home) ได้รับแรงผลักดันจากความจำเป็นที่เกิดขึ้น  โควิด-19 ได้เปลี่ยนความคาดหวังของผู้ซื้อมาเป็นความต้องการบ้านขนาดใหญ่หรือมีจำนวนห้องเพิ่มเพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำงาน ซึ่งยังช่วยผลักดันให้เกิดความความต้องการบ้านในพื้นที่ชานเมืองของกรุงเทพฯ ซึ่งมีราคาถูกกว่า


• ตลาดบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปถือเป็นตลาดบ้านระดับลักชัวรี ซึ่งยังคงเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเล็กและมีความต้องการจำกัด

• ใบอนุญาตจัดสรรที่ดินสำหรับบ้านราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีทั้งสิ้น 578 หน่วย

• มีโครงการบ้านจัดสรรพร้อมขายจำนวน 224 โครงการ โครงการเหล่านี้มีหน่วยทั้งหมดรวมกัน 20,018 หน่วย โดยขายได้แล้วที่ประมาณ 13,276 หน่วย จาก 20,018 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ 66%

 • หากจำแนกตามระดับราคา พบว่าบ้านที่มีความต้องการสูงที่สุดมีราคาขายระหว่าง 10 ถึง 20 ล้านบาท โดยมียอดขายสะสม 7,218 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ 61% ส่วนบ้านราคาขายระหว่าง 21 ถึง 30 ล้านบาท และ 31 ถึง 40 ล้านบาท มีความต้องการอยู่ที่ 2,612 หน่วย และ 1,871 หน่วย ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการขายที่ 77% และ 73% ตามลำดับ 

• หน่วยขายได้ใหม่ในช่วงครึ่งปีแรก 2564 มีจำนวน 1,610 หน่วย แสดงให้เห็นว่ามีจำนวนหน่วยขายใหม่ที่ขายได้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ที่มีจำนวนหน่วยใหม่ที่ขายได้เฉลี่ยเพียง 2,500 หน่วยต่อปีเท่านั้น
#9159


THE ONE life bangna บ้านโครงการใหม่ เปิดให้ชมบ้านแบบ New Normal ครั้งแรก!! ผ่านรูปแบบของ Video call "คุณแชทมา เราพาชม" เพื่อความปลอดภัย ลดการเดินทาง เพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าเหมือนมาชมบ้านด้วยตัวเอง

บริษัท นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เจ้าตลาดอสังหาริมทรัพย์คุณภาพย่านบางนา ผู้พัฒนาโครงการ THE ONE life bangna บ้านโครงการใหม่หน้าโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 บางนา กม.8 เปิดให้ชมบ้านแบบ New Normal ครั้งแรก!! กับโครงการที่ออกแบบบนท่วงทำนองของความสุขท่ามกลางธรรมชาติอย่างลงตัว ทุกพื้นที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รองรับทุก Generation ในครอบครัว ออกแบบสวนส่วนกลางและคลับเฮ้าส์ให้คุณได้ฟิตแอนด์เฟิร์มทุกวัน

ทั้งนี้อุ่นใจไร้กังวลกับระบบรักษาความปลอดภัย Triple security,Double Gate เข้า-ออก ด้วยระบบ Easy Pass,CCTV รอบโครงการ,Home Security ทั้ง Magnetic Sensor และ Motion Sensor

THE ONE life bangna พร้อมพาชมบ้านทั้ง 2 แบบบ้าน 2 สไตล์เลือกได้ตามใจคุณ แบบบ้าน Vanda บนที่ดิน 50.9 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 161 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาพิเศษเพียง 8.04 ล้านบาท (จากราคาปกติ 8.84 ล้านบาท) และแบบบ้าน Ivy บนที่ดิน 36.80 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 141 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาพิเศษเพียง 5.9 ล้านบาท (จากราคาปกติ 6.82 ล้านบาท) พิเศษ!! จองบ้านผ่านการรับชมแบบ New Normal รับเพิ่ม!! ฟรีแอร์และฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน เพิ่มเป็นเพื่อนกับ THE ONE life bangna เพื่อรับชมโครงการแบบ New Normal ได้ที่ @theonelifebangna หรือคลิก https://lin.ee/iUtWb95 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https:// www.theonebangna.com/theonelife.php หรือนัดหมายเข้าชมโครงการโทร 02-740-9999
#9160


ในที่สุด รัฐบาลก็ได้ทำคลอดมาตรการทวงถามหนี้ที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน เพื่อคุมค่าใช้จ่ายการติดตามทวงถามหนี้ (collection fee) เสียที แต่งานนี้ส่อวุ่นเพราะธุรกิจติดตามหนี้ - จำนำทะเบียนรถ ครวญรายได้หายกำไรหด ยิ่งหากแบงค์หันมาติดตามหนี้เอง เมินจ้างเอาต์ซอร์ซหลายบริษัทจ่อเลิกจ้าง - ปิดกิจการ รวมทั้ง อาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นการทดแทน"

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นประชาชนถูกเอารัดเปรียบจากการติดตามทวงหนี้โหด โดยเฉพาะลูกหนี้ผู้ประสบวิกฤตทางการเงินค้างชำระค่างวดทราบกันดี โดนเรียกเก็บค่าทวงหนี้สูงเกินความเป็นจริง บางรายค่าทวงถามราคาสูงว่าค่างวดที่ต้องจ่ายจริงเสียด้วยซ้ำ แถมร้องเรียนผ่านช่องทางของรัฐก็ไม่เป็นผล ยังไงก็ต้องหาเงินมาชำระหนี้ก่อน หรือหากไม่มีไม่หนี้ไม่จ่ายก็เตรียมโดนยึดขายทอดตลาด

 นายอนุชา บูรพชัยศรี เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลได้รับข้อร้องเรียนเรื่องการเรียกเก็บค่าทวงถามหนี้ที่ไม่เป็นธรรม ปีละหลายพันเรื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาหนี้สินที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนรายย่อยโดยตรงซึ่งความเดือดร้อนที่พบสามารถแบ่งได้ 3 ส่วน ดังนี้

 1) การเรียกเก็บค่าทวงถามหนี้ในอัตราสูงมากและแพงเกินสมควร โดยเฉพาะค่าทวงถามหนี้ภาคสนามสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อ ลูกหนี้จำนวนไม่น้อยถูกเรียกเก็บ 2 - 4 หมื่นบาทต่อครั้ง

2) การเก็บค่าทวงถามหนี้แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง ผู้ให้บริการจะเรียกเก็บค่าทวงถามหนี้กี่งวดก็ได้ ทำให้ลูกหนี้บางรายถูกเรียกเก็บค่าทวงถามหนี้เป็นสิบๆ งวด

3) ความเดือดร้อนที่พบส่วนใหญ่จะตกอยู่กับประชาชนที่จ่ายค่างวดไม่สูงนัก กลายเป็นว่าค่าทวงถามหนี้อาจจะใกล้เคียงหรือบางครั้งสูงกว่าค่างวดที่ไปทวงเสียอีก 

ทั้งนี้ ภายใต้คณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ ที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานได้เร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เร่งเครื่องกำหนดมาตรการทวงถามหนี้ที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน ดำเนินงานร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย

ล่าสุด วันที่ 14 ส.ค. 2564 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม - ค่าใช้จ่ายในการทวงถามหนี้ใหม่ มีผลบังคับหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 30 วัน เป็นต้นไป โดยจะเป็นประโยชน์ต่อลูกหนี้รายย่อยกว่า 12.24 ล้านบัญชี โดยกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ในการทวงถามหนี้ ดังนี้

1) อัตราค่าทวงถามหนี้กรณีทั่วไปรวมจำนำทะเบียน ให้คิดค่าทวงถามหนี้ไม่เกิน 50 บาทต่อรอบการทวงถามหนี้ ในกรณีลูกหนี้มีหนี้ค้างชำระ 1 งวด และให้คิดไม่เกิน 100 บาทต่อรอบการทวงถามหนี้ ในกรณีลูกหนี้มีหนี้ค้างชำระมากกว่า 1 งวด

2) อัตราค่าทวงถามหนี้ภาคสนามจะเก็บเพิ่มเติมสำหรับกรณีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ สำหรับค่าใช้ลงพื้นที่ติดตามทวงถามหนี้ตามที่เกิดขึ้นจริง ไม่เกิน 400 บาทต่อรอบการทวงถามหนี้ และจะเก็บได้ต่อเมื่อลูกหนี้มีหนี้ค้างชำระมากกว่า 1 งวด

3) การยุติการเรียกเก็บค่าทวงถามหนี้ เพื่อแก้ปัญหาการเก็บค่าทวงถามหนี้หลายสิบงวดแบบไม่มีข้อจำกัด คณะกรรมการฯจึงกำหนดให้การเรียกเก็บค่าทวงถามหนี้จะยุติเมื่อผู้ให้บริการได้รับชำระหนี้ครบตามจำนวน หรือ มีหนังสือบอกเลิกสัญญา แล้วแต่เหตุการณ์ใดเกิดขึ้นก่อน

4) การกำหนดค่างวดที่ต่ำกว่า 1,000 บาท ไม่ให้มีการเก็บค่าทวงถามหนี้ เพื่อคุ้มครองประชาชนรายย่อยที่จ่ายค่างวดจำนวนน้อย ๆ ไม่ให้ต้องจ่ายค่าทวงถามหนี้แพงเกินไปเช่น สมมติมีค่างวดรถมอเตอร์ไซค์ 750 บาท ถ้าลูกหนี้ค้างชำระค่างวด 1 งวด ไม่ให้มีการเรียกเก็บค่าทวงถามหนี้ แต่ถ้าเกิดค้างชำระอีกเป็น 2 งวดค่างวดค้างชำระสะสมจะเท่ากับ 1,500 บาท กรณีเช่นนี้สามารถเก็บค่าทวงถามหนี้ได้ 50 บาท

 ทั้งนี้ อัตราค่าทวงถามหนี้ที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกหนี้ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเหมือนสภาวะสุญญากาศที่เจ้าหนี้สามารถเรียกเก็บค่าทวงถามหนี้กี่บาทก็ได้ และกี่ครั้งก็ได้ แต่ในอนาคตจากนี้ไป การทวงถามหนี้จะมีกติกาที่ชัดเจนขึ้น เช่น ในกรณีสินเชื่อทั่วไป ถ้ามีการผิดนัดชำระหนี้ 4 งวด จะเก็บค่าทวงถามในแต่ละงวดเพียง 50, 100, 100, 100 บาทรวมเป็น 350 บาท ในขณะที่ถ้าเป็นกรณีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่มีค่าทวงถามหนี้ภาคสนามจะอนุญาตให้เก็บค่าทวงถามหนี้ภาคสนามได้ไม่เกินงวดละ 400 บาท โดยเริ่มเก็บได้ในงวดที่ 2 และต้องหยุดเมื่อมีการบอกเลิกสัญญา 

อย่างไรก็ตาม สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ไทย ระบุว่ารัฐการกำหนดอัตราค่าทวงถามหนี้ต่ำมากเกินไป ทั้งๆ ที่ผ่านมามีการหารือแนวทางร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ประกาศดังกล่าวสะท้อนว่ารัฐเพิกเฉยข้อเสนอและรายละเอียดต้นทุนของภาคธุรกิจทวงถามหนี้

ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทย และสมาคมเช่าซื้อ ได้สำรวจต้นทุนการทวงหนี้ของสินเชื่อเช่าซื้อและจำนำทะเบียนของสมาชิก เสนอให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ ธปท. ไปแล้ว โดยค้างชำระงวดที่ 1 เก็บที่ 80 - 100 บาท งวดที่ 2 - 4 งวดละ 100 บาท และค่าลงพื้นที่ 400 บาท เป็นต้น

ประกาศดังกล่าวส่งผลต่อธุรกิจติดตามทวงนี้อย่างหนัก ต้องทำความใจก่อนว่าธนาคารและบริษัทเช่าซื้อส่วนใหญ่ใช้ช่องทางว่าจ้าง  บริษัท ติดตามทวงถามหนี้ หรือ โอเอ (Outsource Agent : OA)  ทำหน้าที่ติดตามหนี้แทน โดยบริษัทโอเอมีระบบในการบริหารจัดการในรูปบริษัท มีการลงทุนพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ ห้องเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบการบันทึกเสียง เพื่อรองรับการทำงานเป็นมืออาชีพ ซึ่งการกำหนดอัตราค่าทวงถามต่ำมาก อาจทำให้ผู้ประกอบการแบกรับภาระไม่ไหว

รวมทั้ง ธนาคารและบริษัทเช่าซื้ออาจดึงงานติดตามทวงหนี้กลับไปทำเอง เพื่อลดต้นทุนให้บริษัทอยู่ได้ ดังนั้น ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อบริษัทโอเอซึ่งมีจำนวนพนักงานทั่วประเทศประมาณ 20,000 คน ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดต้นทุนอาจต้องลดพนักงานประมาณ 5,000 - 6,000 คน กล่าวคือ 1 ใน 3 ของพนักงานโอเอจะต้องตกงาน

 นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล นายกสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (VTLA) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ ยอมรับว่าประกาศกำหนดอัตราการค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ในการทวงถามหนี้ฉบับดังกล่าว มีผลกระทบต่อรายได้ที่เคยได้รับจากการติดตามทวงถามหนี้ (collection fee) สัดส่วนประมาณ 2% ของรายได้ค่าธรรมเนียมทั้งหมด โดยบริษัทต้องเปลี่ยนนโยบายการติดตามทวงถามหนี้ที่ปัจจุบันมีการจ้างบริษัทโอเอมาเป็นดำเนินการเอง

แน่นอนว่าต้องมีการปรับวิธีการติดตามทวงหนี้ใหม่ให้สอดคล้องกับต้นทุน โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์ไม่หลากหลายจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จนอาจจะส่งผลให้ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป

ขณะที่  นายเตชินท์ ดุลยฤทธิรงค์  ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายพัฒนาการตลาดและบริหารความสัมพันธ์สินเชื่อยานยนต์ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ให้สัมภาษณ์ในทิศทางเดียวกัน ระบุความว่า

"สุดท้ายหากแบงก์และผู้ประกอบการทำแล้วไม่คุ้ม อาจจะต้องเด้งผ่านต้นทุนไปยังดอกเบี้ยรถใหม่ที่ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ 1.99% ทำให้ต้นทุนไหลเพิ่มไปสู่คนที่จ่ายได้ เพื่อชดเชยให้กับคนที่จ่ายไม่ได้ เพราะเกณฑ์ใช้ไม้บรรทัดเดียวกับทุกคน"

 ดังนั้น บทสรุปยังคงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด 
#9162
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#9165


ช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน เรามีทริคในการขี่มอเตอร์ไซค์ในช่วงหน้าฝนจาก BMW Motorrad Experience Program มาฝาก

1. ลดความเร็ว เมื่อถนนลื่นอย่าประมาท อย่าลืมว่าไม่ว่ายางจะดีแค่ไหนการลื่นไถลก็เกิดขึ้นได้เสมอ

2. เพิ่มระยะห่าง ช่วงฝนตกวิสัยทัศน์มักจะไม่ดี ห่างกันไว้ปลอดภัยกว่า

3. เผื่อระยะเบรก เมื่อมีทั้งน้ำทั้งโคลนบนท้องถนน ระยะการเบรกจะยาวขึ้นกว่าปกติ



4. งดแซง การเร่งความเร็วอาจทำให้รถเสียการควบคุมได้ง่าย เลี่ยงการแซงไว้ดีที่สุด

5. ใช้เบรกหน้าและเบรคหลังพร้อมกัน ช่วยกระจายแรงเบรกทำให้รถไม่เสียหลัก

6. เปิดไฟต่ำ เพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นเราได้ง่ายขึ้น ควรเปิดไฟต่ำไว้เพื่อความปลอดภัย

7. ไม่ไหวอย่าฝืน หากฝนตกหนักจอดพักดีกว่า เพราะการควบคุมรถทำได้ยาก



ไม่ว่าจะขี่ทางใกล้หรือทางไกล ต้องปลอดภัยเสมอ สำหรับคนที่สนใจฝึกสกิลการขี่มอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ เพิ่มทักษะการควบคุมรถในสถานการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ปกติไปจนถึงสถานการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน รวมถึงออฟโรด สามารถอัปเดทการจัดกิจกรรม On-Road Training และ Off-Road Training ได้ทาง LINE @bmwmotorradowners ( https://lin.ee/9xpben5 )



คอร์สเทรนนิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ BMW Motorrad Experience Program ซึ่งมีกิจกรรมขี่มอเตอร์ไซค์หลากหลายประเภท ทั้งการอบรมการขับขี่ Rider Training และการออกเดินทางกันเป็นกลุ่มทั้งระยะไกลระยะใกล้ เช่น Tour Experience และ Morning Ride



และไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะบีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราดให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 อย่างโปรแกรมทริป BMW Motorrad Tour Experience ทางบีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราดจัดเต็มทั้งรถเซอร์วิสและมาร์แชล ที่ได้รับการรับรองจาก BMW Motorrad International Tour Guide Academy ส่วนการเทรนนิ่ง ก็จัดโดยผู้ฝึกสอนที่ได้รับการรับรองจากสถาบัน BMW Motorrad International Instructor Academy (IIA)



ยิ่งกว่านั้น ทางบีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราดยังอุดหนุดค่าใช้จ่ายบางส่วนให้ผู้เป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูสำหรับการเข้าร่วม BMW Motorrad Experience Program ด้วย ตัวอย่างเช่น กิจกรรมเทรนนิ่งที่ให้ส่วนลดมากถึง 50% ในการเข้าร่วมกิจกรรมและค่าเช่ารถราคาพิเศษ

ยังมีคลิป Tips and Tricks เทคนิคการขี่มอเตอร์ไซค์ดี ๆ ให้ดูอีกมากมาย ติดตามได้ที่ Youtube Playlist : Tips and Tricks



และสำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู รวมถึงความเคลื่อนไหวของโปรแกรม BMW Motorrad Experience Program สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ BMW Motorrad Thailand , Facebook : BMW Motorrad Thailand และ Youtube : BMW Motorrad Thailand

#BMW #BMWMotorrad #BMWMotorradTH #BMWMotorradExperienceProgram #BMWMotorradOwners #MakeLifeARideTH