• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Joe524

#9710
" BOOM COLLAGEN PLUS "  คอลลาเจน+วิตามินผิว 36 ชนิด



เติมความสดชื่น ผิวลื่นไปอีกก !!  หอม อร่อย สดชื่น ปังมาก

Boom Collagen+

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยดูแลสุขภาพผิว ผม เล็บ  ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง

ให้คุณดูดีจากภายในสู่นอก ด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีมากถึง 36 ชนิด



นำเข้าจากต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก คุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี ให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่น

 ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แน่นเนียนกระชับ ลดริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์ 



เสริมสร้างสุขภาพได้ง่ายๆ

- นอกจากช่วยให้ผิวสวยแล้ว ยังช่วยบำรุงข้อกระดูก ช่วยลดอาการเสื่อมของข้อต่อ

-เสริมสร้างคอลลาเจน เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ...ดื่มทุกวัน ดีทุกวัน...

ผิวบูมได้ทุกวัน ง่ายๆ

อย่างครบวงจร ให้คุณดูดีจากภายในสู่ภายนอก

ด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีมากถึง 36 ชนิด

นำเข้าจากต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก



Collagen คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

คอลลาเจนเป็นโปรตีนมีอยู่ในสัดส่วน 30 % ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย

โดยพบมากที่สุดที่ผิวหนัง

ด้วยคุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี ให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่น

ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แน่นเนียนกระชับ ลดริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์



ผิวบูมได้ทุกวัน

เพื่อให้ทุกวันของคุณเป็นวันที่พร้อม เปล่งประกาย

เพียงแค่ดื่ม BOOM วันละ 1-2 ซอง

ผิวของคุณก็จะค่อยๆดูดีขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้น

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Boom

ช่วยในการดูแลสุขภาพผิวให้แข็งแรงจากภายใน

สู่ความสวยใสเปล่งประกาย สู่ผิวพรรณภายนอก

ผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา

ขึ้นทะเบียน เลขที่ 13-1-01760-5-0104

ราคา 590 บาท


สนใจติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ

Tel. 0846623662

Line id : teerapat999



รายละเอียดเพิ่มเติม  http://porntaywa99.lnwshop.com/p/1232


#ปัญหาฝ้า #กระ #จุดด่างดำ #ผิวหมองคล้ำ #ดูดซึมง่ายทันที #พกพาสะดวก  #ขาวใส
#9711
สนใจติดต่อคุณเป้ง 087-347-6299

สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  สำนักงานบัญชีไทรน้อย  สำนักงานบัญชีปากเกร็ด  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีพิมลราช  สำนักงานบัญชีบางคูรัด  สำนักงานบัญชีบางรักพัฒนา  สำนักงานบัญชีบางแม่นาง  สำนักงานบัญชีบางกร่าง  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีตลาดขวัญ  สำนักงานบัญชีบางตะไนย์  สำนักงานบัญชีบางพลับ  สำนักงานบัญชีบางรักน้อย  สำนักงานบัญชีมหาสวัสดิ์  สำนักงานบัญชีศาลากลางนนทบุรี  สำนักงานบัญชีอ้อมเกร็ด  สำนักงานบัญชีแจ้งวัฒนะ  สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีถนนบางไกรใน  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีบางคูเวียง  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#9712
สำนักงานบัญชี เอทีเอส บริการบัญชีและภาษี
1158/14  ซอยจันทน์ 37/1  ถนนจันทน์  แขวงทุ่งวัดดอน  เขตสาทร  กรุงเทพฯ 
สนใจติดต่อคุณสมบูรณ์ 089-793-5707 , 02-212-3064
Email : ats_audit@hotmail.com

สำนักงานบัญชี , รับทำบัญชีถนนจันทน์ , รับทำบัญชีบางคอแหลม , รับทำบัญชียานนาวา , รับทำบัญชีพระราม 3 , รับทำบัญชีสาทร , รับทำบัญชีบางรัก ,รับทำบัญชีทุ่งมหาเมฆ , รับทำบัญชีสีลม , รับทำบัญชีศาลาแดง , รับทำบัญชีพระราม1 , รับทำบัญชีสยาม , รับทำบัญชีเพลินจิต , รับทำบัญชีชิดลม , รับทำบัญชีปทุมวัน , รับทำบัญชีเซ็นหลุยส์ , รับทำบัญชีสาธุประดิษฐ์ , รับทำบัญชี , รับทำบัญชีรายเดือน , รับทำบัญชีรายปี , ตรวจสอบบัญชี , ตรวจสอบบัญชีบริษัทจำกัด , ตรวจสอบบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด
#9713


นางสาวอรมงคล ตันติธนาธร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า  ในวันนี้ (10 ส.ค)  บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์(GULF) จะมีการประชุมกับนักวิเคราะห์ ซึ่งยังต้องรอติดตามว่าจากนี้ GULF จะส่งสัญญาณเข้าถือหุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เพิ่มเติมอีกหรือไม่หลังทำคำเสนอซื้อถือเป็น42.25% โดยหากมีการเข้าถือหุ้นเพิ่มอีก ฝ่ายวิจัยมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของGULF อีกครั้ง จากวันศุกร์(6ส.ค.) ที่่ผ่านมาได้มีการปรับกำไรขึ้นไปแล้วจากรับรู้กำไรจากสัดส่วนถือหุ้น
ทั้งนี้หากถือหุ้นเกิน50% ในอนาคตทำให้มีการรวบงบการเงินของ INTUCH เข้ามา ซึ่งจะทำให้งบดุลของGULFขยายใหญ่ขึ้น เพราะINTUCHเป็นบริษัทที่มีสถานะเงินสดสุทธิ

สำหรับวันศุกร์ที่ผ่านมา บล.กสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของGULF 2564-2566 ขึ้น 10% 22% และ 22% เป็น 8.4 พันล้านบาท 1.40 หมื่นล้านบาท และ 1.53 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ จากเดิมคาดไว้ที่  7.4 พันล้านบาท 1.14 หมื่นล้านบาทและ1.25 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนถึงการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในหุ้นINTUCH รวมถึงเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 42.75 บาทจาก 42.25 บาท


นายพิสุทธิ์  งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิรไทย  กล่าวว่า การที่กัลฟ์เข้ามาถือหุ้นอินทัชเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ฟรีโทลท หุ้นอินทัชลดลงมาอยู่ที่  30%  ถือว่า ยังไม่ต่ำ แต่อาจถูกปรับลดน้ำหนักเข้ามาคำนวณน้ำหนักในดัชนีต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และกลับมีผลบวกต่อราคาหุ้นอินทัชยังปรับขึ้นได้  บล.กสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 67.69 บาท จากเดิมที่ 65 บาทซึ่งเป็นราคาเดียวกับในวันทำ Tender Offer เชื่อว่ามีโอกาสที่จะมีปันผลเพิ่มและการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่ม โดยประเมินจากค่าความเป็นไปได้เพียง 30% และหากราคาปรับลดลงคาดเคลื่อนไหวที่ 63-65 บาท 

    สำหรับการประชุมนักวิเคราะหฺ์ของกัลฟ์ในวันนี้ หากมีความชัดเจนของกลยุทธ์ จนทำให้เพิ่มค่าความเป็นไปได้เป็น100% ก็มีโอกาสที่จะปรับราคาเป้าหมายหุ้นอินทัชขึ้นเป็น 70 บาท  แต่หากไม่มีความชัดจน โดยเฉพะไม่มีการซื้อหุ้นอินทัชเพิ่มแล้ว โดยคืนวงเงินกู้ไปแล้วหมด น่าจะเห็นราคาหุ้นอินทัช ต่ำกว่า 60 บาท  และหากราคาหุ้นแอดวานซ์ยังทรงตัว บล.กสิกรไทย ถึงจะเป็นคำแนะนำมาซื้อหุ้นอินทัช สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นอินทัชเลย จากปัจจุบันที่แนะนำเช่นเดิมว่า สลับเปลี่ยนซื้อหุ้นแอดวานซ์ เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มสื่อสาร จะคุ้มค่ากว่า

 แต่สำหรับนักลงทุนที่ถือหุ้นอินทัชอยู่แล้วยังสามารถถือต่อไปได้ เพราะการเข้ามาลงทุนครั้งนี้ของกัลฟ์ต้องสร้างผลตอบแทนที่ดีคุ้มค่าความเสี่ยงแน่นอน โดยมองโอกาสราคาหุ้นปรับลดลง ยังคาดเคลื่อนไหวที่ 63-65 บาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส  กล่าวว่า  เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยได้เพิ่มประมาณการกำไรสุทธิและกำไรปกติของGULFปี 2564  เพิ่มขึ้น 25.45% จากเดิมมาอยู่ที่ 9.8 พันล้านบาท เติบโต 120% จากปีก่อน ขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ พร้อมปรับราคาเป้าหมายปีนี้ที่40.50บาท จากเดิมที่ 38.50 บาท

ทั้งนี้ หากการประชุมนักวิเคราห์วันนี้ หากมีการส่งสัญญาณถือหุ้น INTUCH เพิ่มอีก จะทำให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรเพิ่มได้อีก เพราะจะมีส่วนแบ่งรายได้ที่มากกว่ารายได้เดิมที่มาจากเงินปันผล  อีกทั้งหากมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการบริหาร อาจมีการรวมงบการเงินก็ได้ และการยังมีโอกาสเกิดการซินเนอร์ยี่ในระยะยาว ถือเป็นส่วนเพิ่มที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ ดังนั้น ยังแนะนำหาจังหวะทยอยซื้อสะสม 

 ทางด้านหุ้นอินทัชที่มีฟรีโฟลทลดลงและอาจถูกปรับลดน้ำหนักการคำนวณเข้าลงทุนในดัชนีต่างประเทศ  คาดว่าอาจเกิดแรงขายระยะสั้นเท่านั้น ถือเป็นภาวะปกติ  และปัจจัยพื้นฐานธุรกิจยังไม่ถูกกระทบ ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นอินทัชต่ำกว่า 65 บาท หรือลงราว 10 %จากระดับ 65 บาท เป็นโอกาสเข้าลงทุนได้ เพื่อรับเงินปันผลที่ดีในอนาคต ปัจจุบันเฉลี่ยที่4% ต่อปี     

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์การลงทุนบล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า MSCI และ FTSE ประกาศลดน้ำหนัก INTUCH ระหว่างกาล จากปริมาณหุ้นหมุนเวียน (ฟรีโฟลท) ที่ลดลงมีผลราคาปิดวันนี้(10ส.ค.) คิดเป็นเม็ดเงินไหลออก( Outflow )69.33 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,317 ล้านบาท และ 51 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,704 ล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้เป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นระยะสั้น แต่แนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว เพราะเป็นบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สูงปีนี้ที่3.5% ปีหน้า 3.8%
#9716


นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (AMATA) ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง EXIM BANK และ AMATA โดยมีนายอาสา สารสิน ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ ซิตี้ ระยอง จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์และแสดงความยินดีในความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยในนิคมอุตสาหกรรมกลุ่ม AMATA และพันธมิตรในเครือข่ายธุรกิจสามารถขยายการส่งออกและลงทุนภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เพิ่มมากขึ้น ผ่านการประชุมออนไลน์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ภายใต้ MOU นี้ EXIM BANK จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมกลุ่ม AMATA และพันธมิตรในเครือข่ายธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนและโอกาสใหม่ ๆ ทางการค้าและการลงทุนภายในและระหว่างประเทศ โดยสอดคล้องกับภารกิจของ EXIM BANK ที่จะเร่ง "ซ่อม สร้าง เสริม" ผู้ประกอบการไทย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในภาวะวิกฤตโควิด-19 ภายใต้บทบาทที่มุ่งจะเป็น "ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย" กล่าวคือ EXIM BANK จะ 'ซ่อม' ภาคอุตสาหกรรมที่ประสบวิกฤต 'สร้าง' อุตสาหกรรมใหม่สู่อนาคต เช่น อุตสาหกรรมสีเขียว ดิจิทัล และสุขภาพ (Green, digital, health : GDH) และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) และ 'เสริม' ความสมดุลของการส่งออกและการลงทุนของไทยในตลาดเดิมและตลาดใหม่ซึ่งรวมถึง CLMV เพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย เชื่อมโยงกับการส่งออกและการลงทุนของไทยทั้งในและต่างประเทศ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว


"ความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK กับ AMATA ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเติมเต็มช่องว่างทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการทุกระดับในนิคมอุตสาหกรรมกลุ่ม AMATA ตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงรายกลางและรายใหญ่ตลอดทั้ง Supply Chain ให้มีความพร้อมที่จะยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาธุรกิจส่งออกและลงทุนให้มีความแข็งแกร่ง เชื่อมโยงการลงทุนภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมถึงโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระดับภูมิภาคและโลกโดยรวม"
#9719

กระทรวงสาธารณสุข เผย ส่งวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ร้อยละ 50-75 ตามข้อมูลสำรวจจากแต่ละโรงพยาบาล พร้อมให้สำรวจจำนวนที่ต้องการอีกครั้ง เนื่องจากบางโรงพยาบาลมีบุคลากรด่านหน้าจบใหม่ หรือได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้าเพิ่มขึ้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า ยืนยันส่งครบตามสำรวจแน่นอน

วันนี้ (8 ส.ค.) นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ว่า การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ 7 แสนโดส เริ่มทยอยจัดส่งวัคซีนตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564 ไปยังโรงพยาบาลใหญ่ครบ 170 แห่ง ทั้ง 77 จังหวัดภายใน 3 วัน โดยเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ถือว่าเร็วกว่ากำหนดที่วางไว้ 5 วัน ขณะนี้ฉีดแล้ว 5.7 หมื่นโดส จากการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ พบอาการปวด บวม ร้อน และไข้เล็กน้อย ไม่มีอาการรุนแรง

"การจัดส่งวัคซีนไปโรงพยาบาลใหญ่ เนื่องจากมีศักยภาพในการเก็บรักษาควบคุมอุณหภูมิและควบคุมติดตามการฉีดได้ง่ายกว่ากระจายไปจุดย่อยๆ เนื่องจากเมื่อเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส วัคซีนจะมีอายุ 31 วัน จึงต้องเร่งฉีดให้หมด โดยวัคซีน 1 ขวดฉีดได้ 6 โดส หากกระจายไปหลายจุดเมื่อเปิดใช้ 1 ขวดอาจไม่ถึง 6 คนจึงต้องรวมไว้ที่โรงพยาบาลใหญ่ก่อนในช่วงแรก" นายแพทย์โสภณ กล่าว

นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนที่ส่งไปล็อตแรกประมาณร้อยละ 50-75 นั้น เนื่องจากได้สำรวจความต้องการฉีด พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนฉีดบูสเตอร์โดสด้วยแอสตร้าเซนเนก้าแล้วกว่าร้อยละ 20 ต้องการฉีดไฟเซอร์ประมาณร้อยล 70 ซึ่งการบริหารจัดการด้วยวิธีการทยอยส่งเป็นล็อตทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากส่งไปทั้งหมด 100% ของจำนวนบุคลากร บางพื้นที่อาจได้เกินหรือขาด เนื่องจากมีบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ารายใหม่ที่ยังไม่เคยฉีดมาก่อน เช่น ผู้ที่จบใหม่ หรือบุคลากรด่านหลังที่ได้รับมอบหมายมาทำงานด่านหน้า เพราะว่าในพื้นที่มีโควิดระบาดเพิ่มขึ้น เป็นต้น สามารถแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติมล็อตถัดไปในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะจัดส่งครบจำนวนบุคลากรด่านหน้าตามการสำรวจเพิ่มอย่างแน่นอน

นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้น ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปในพื้นที่ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 645,000 โดส รวมถึงชาวต่างชาติกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนไทยเดินทางไปต่างประเทศ 1.5 แสนโดส จะทยอยส่งวัคซีนไปยังโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมนี้ เริ่มจัดบริการได้กลางสัปดาห์ โดยจะฉีดในคนที่ยังไม่เคยได้วัคซีนโควิดตัวอื่นมาก่อนมีการติดตามอาการหลังฉีด 30 นาที 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน โดยกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคเรื้อรังแพทย์ที่รักษาจะประเมินว่าพร้อมรับวัคซีนหรือไม่ และจะติดตามอาการหลังฉีด โดยรายงานผ่านระบบหมอพร้อม ซึ่งเด็กวัยนี้ใช้แอปพลิเคชันได้ หรือให้ผู้ปกครองช่วยรายงาน หลังฉีดวัคซีนหากมีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่นหายใจไม่สะดวก สงสัยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ให้รีบมาโรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคนี้รักษาให้หายได้ ทั้งนี้ เคยมีรายงานจากสหรัฐอเมริกาที่ประชาชนฉีดวัคซีน mRNA เป็นหลักมีโอกาสพบอาการดังกล่าวได้ประมาณ 4 รายต่อล้านเข็ม โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี และเพศชาย ยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต ส่วนในประเทศไทยยังไม่พบอาการเหล่านี้หลังการฉีดวัคซีน

สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ จะมีวัคซีนโควิด 10 ล้านโดส ที่จะทยอยส่งสัปดาห์ละ 2 ล้านโดส โดยจะส่งไปต่างจังหวัดกว่าร้อยละ 80 จำนวนนี้ครึ่งหนึ่งจะส่งไปยัง 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีการระบาดเกิดขึ้นอยู่ โดยเน้นฉีดกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ โดยให้ฉีดเร็วที่สุดเพื่อให้ครอบคลุมร้อยละ 70 อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองสวมหน้ากาก ล้างมือเว้นระยะห่าง หากต้องไปสถานที่คนจำนวนมากอาจใส่หน้ากากสองชั้น อยู่ในบ้านก็ต้องระวังผู้สูงอายุติดเชื้อจากลูกหลานที่ออกไปนอกบ้าน ดังนั้น จึงควรออกนอกบ้านให้น้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงไปรับเชื้อนอกบ้านแล้วนำมาติดสมาชิกในครัวเรือน และให้พาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนตามนัดหมายของโรงพยาบาล
#9720


"คอปเปอร์ ไวร์ด "กวาดรายได้รวม 944.83 ล้านบาท โตกว่า 60% กำไรสุทธิ 6.95 ล้านบาท เติบโต 494% แม้ต้องรับมือสถานการณ์โควิดระบาดรุนแรง  สินค้ากลุ่ม Apple โดดเด่น ได้รับการตอบรับต่อเนื่องจากปลายปีก่อน  ขณะ มีสาขาภายใต้การบริหารแล้ว 45 สาขา และช่องทางออนไลน์ที่เติบโตแรงกว่า 90% จับตาครึ่งปีหลังแรงรับไฮซีซั่น หนุนเป้าหมายรายได้ปีนี้วางไว้โต 20% 

นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 2/2564 ของบริษัทฯ และบริษัทฯ ย่อย มีรายได้รวมอยู่ที่ 944.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 353.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 59.78 และมีกําไรสุทธิ 6.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 5.78 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 494.02 สะท้อนสินค้าเทคโนโลยีเติบโตอยู่ในกระแสความต้องการของผู้บริโภค และการบริหารจัดการภายในทำได้มีประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19)

สำหรับรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 944.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกัน ของปีก่อน 356.97 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 60.72 เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้า คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ และสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้า Apple เป็นจำนวนร้อยละ 83.07 ของรายได้และบริการสุทธิ เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 80.51 ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ มีสัดส่วนร้อยละ 32.71 ของรายได้จากการขายและบริการสุทธิ เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 37.79

"ในไตรมาสสองของปีนี้สินค้ากลุ่ม Apple มีการเติบโตที่ดีขึ้น จากยอดขาย iPhone 12 รวมทั้ง iPad และ MacBook ที่วางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีมากในปัจจุบัน รวมทั้งกระแสการทำงานที่บ้าน (Work from Home) หรือการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ สนับสนุนความต้องการสินค้า และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่มากยิ่งขึ้น ขณะที่ สินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์แม้จะปรับลดลงในไตรมาสนี้ แต่จะกลับมาสร้างการเติบโตได้อีกมาก จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G IoT AR และ VR คาดจะเข้ามากระตุ้นตลาดให้คึกคัก" นายปรเมศร์ กล่าว

ทั้งนี้ รายได้จากช่องทางออนไลน์มีสัดส่วนร้อยละ 11.64 ของรายได้จากการขายและบริการ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 92.97 จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยบริษัทฯ จะพยายามขยายการเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อเป็นอีกช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่ง

ขณะที่ ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีร้านค้าปลีกภายใต้การบริหารงานจํานวน 45 สาขา (จากไตรมาส 2/2563 มีจำนวน 44 สาขา) ประกอบด้วย ร้าน .life (ดอทไลฟ์) จํานวน 23 สาขา ร้าน Apple Brand Shop จํานวน 17 สาขา (แบ่งเป็น iStudio by copperwired จํานวน 13 สาขา U-Store by copperwired จํานวน 3 สาขา และ Ai_ จํานวน 1 สาขา) และศูนย์บริการ iServe จํานวน 5 สาขา สืบเนื่องจากมาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2563 ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2564 บริษัทฯ ได้ปิดร้านค้าปลีกจํานวน 2 สาขา เป็นการชั่วคราว (ใน 6 เดือนแรกของปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม ถึง 16 พฤษภาคม 2563 บริษัทฯ ได้ปิดร้านค้าปลีกจํานวน 41 สาขา)

สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,983.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 607.98 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 44.20 และมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 31.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้้นจากปีก่อนจำนวน 19.16 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 149.92 อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.61 จากร้อยละ 0.93 ในงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจเป้าหมายรายได้ในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน 20% ตามที่วางไว้ โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่สินค้าใหม่ทยอยเปิดตัวและวางจำหน่าย รวมทั้ง การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ และช่องทางการจำหน่ายให้มีประสิทธิภาพ นำออนไลน์เสริมทัพ โดยในปีนี้วางแผนเปิดสาขาใหม่ 7 สาขา ยังคงตามแผนเดิม และส่วนใหญ่จะเร่งเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากต้องระมัดระวัง และคำนึงถึงโอกาสอันเหมาะสม ควบคู่การจับมือพันธมิตรชั้นนำอย่างเอไอเอส เพิ่มความได้เปรียบในการจัดทำแผนการตลาดร่วมกัน และตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วยการใช้ชีวิตแบบ Smart Living ได้อย่างสมบูรณ์

ล่าสุด บริษัทฯ ได้ประกาศซื้อกิจการ IBIZ Plus รุกตลาดร้านโทรศัพท์มือถือ-อุปกรณ์เสริม มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเดือนกันยายนนี้ เพื่อขยายช่องทางการจำหน่าย และเพิ่ม Product Mix ในมือ ภายใต้แบรนด์ AIS, Telewiz, Buddy, Samsung และ Xiaomi ในประเทศไทย เสริมจากการเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่สินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และแบรนด์ Apple คาดจะเป็นปัจจัยสำคัญรับโอกาสยุคเทคโนโลยีบูมในปี 2565 ให้มีสาขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด