• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Fern751

#3381


วันนี้ (23 ส.ค.) อาจารย์ นพ.อนวัช เสริมสวรรค์ รองคณบดี คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ดร.เกรียงศักดิ์ ขาวเนียม ผอ.ฝ่ายวิจัยและพัฒนา บจก.สยามไพรพัฒนา ผู้วิจัยและผลิตฟ้าทะลายโจรขนาดนาโนที่ทำให้สารแอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide) สามารถละลายน้ำได้ 100% และคุณนิวัฒน์ จุมวงษ์ กรรมการผู้จัดการ บจก.เมดิคอล เทลลิเจ้นซ์ ที่เข้ามาสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการวิจัยทางคลินิกเพื่อนำตำรับยาฟ้าทะลายโจรขนาดนาโน จากพืชฟ้าทะลายโจรชนิดพ่นเข้าปอดรักษาภาวะปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ซึ่งขณะนี้ได้ทำการวิจัยในผู้ป่วยโควิด-19 ที่ติดบ้านเนื่องจากไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ ผู้ป่วยจำนวนกว่า 100 รายที่อยู่ในสถานะเขียว เหลือง มีผลการรักษาดีทุกราย ส่วนผู้ป่วยสีแดงที่มีภาวะปอดอักเสบ ความเข้มข้นของออกซิเจนต่ำกว่าร้อยละ 95 จำนวนกว่า 20 รายก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นกัน ทางคณะผู้วิจัยได้พบปัญหาแทรกซ้อนที่น่าสนใจคือผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรนาโนร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์ มีอาการคลื่นไส้อาเจียนรุนแรง และกลับทำให้อาการทางปอดแย่ลง เมื่อหยุดยาฟาวิพิราเวียร์จึงมีอาการดีขึ้น และภาวะปอดอักเสบทุเลาลงใน 5 วัน

การใช้ยาร่วมกันระหว่างฟาวิพิราเวียร์กับฟ้าทะลายโจรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปทั้งในโรงพยาบาลสนามและที่บ้าน (home isolation) แต่ผลข้างเคียงอาจจะไม่พบมากนัก ทั้งนี้เนื่องจากการใช้ฟ้าทะลายโจรชนิดกินทั่วไป ไม่ละลายน้ำและดูดซึมน้อยกว่าร้อยละ 5 แตกต่างจากฟ้าทะลายโจรขนาดนาโนซึ่งมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ที่ละลายน้ำและดูดซึมได้ดีกว่ามาก ทำให้มีระดับยาสูงและทำให้ปฏิกริยาต่อกันกับยาฟาวิพิราเวียร์แสดงออกชัดเจน คณะผู้วิจัยจึงได้สืบค้นข้อมูลที่อาจเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว และพบว่าเอนไซม์ในตับซึ่งมีหน้าที่เปลี่ยนแปลงสารเคมีหลายชนิดเพื่อการทำลายพิษของยาหรือสารเคมีอาจจะถูกยับยั้งโดยสารแอนโดรกราโฟไลด์ที่มีอยู่ในยาฟ้าทะลายโจร ซึ่งจะส่งผลให้ระดับยาฟาวิพิราเวียร์คั่งค้างสูงผิดปกติจนระดับยาส่วนเกินเพิ่มสูงในกระแสเลือดมากกว่าที่ควรจะเป็น อันเป็นเหตุให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามกลไกของการทำให้มีปฏิกิริยาต่อกันของยาทั้งคู่เป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ผู้วิจัยต้องการแจ้งเตือนต่อผู้ป่วยและแพทย์ที่มีการใช้ยาคู่เพื่อความมุ่งหวังผลช่วยเหลือการรักษา อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย และไม่แนะนำให้มีการใช้ยาฟ้าทะลายโจรร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์เพื่อการรักษาโควิด-19

นอกจากนี้สมุนไพรที่ใช้กันมากในบ้านเราเช่น ขมิ้น (curcumin) หรือพืชตระกูลขิงก็มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่อาจส่งผลให้ระดับยาฟาราพิราเวียร์สูงกว่าที่ควรที่จะเป็นด้วย ทางคณะผู้วิจัยจึงไม่แนะนำให้ใช้สมุนไพรดังกล่าวร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์ แต่อาจใช้ในภายหลังเพื่อผลการป้องกันการติดเชื้อในอนาคต การใช้ยาลักษณะหลายชนิดหรือ cocktail treatment จึงควรมีการศึกษาปฏิกิริยาต่อกันของยาหรือที่เรียกเป็นทางการว่าอันตรกิริยาระหว่างยาอย่างถี่ถ้วนก่อนจะนำมาให้กับผู้ป่วย
 
#3382


วันนี้ ( 22 ส.ค.) หลังจากมีกระแสข่าวว่ามีผู้ใจบุญเป็นคนไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศ บริจาคเงินจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเพื่อให้มีภูมิคุ้มกัน โรคโควิด- 19 ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว



นายเกียรตินิยม ขัวญใจพุทธิศา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ขนงพระ อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา ให้ข้อมูลว่า เป็นเรื่องจริงที่มีผู้ใจบุญบริจาคเงินเพื่อซื้อวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนชาว อ.ปากช่องได้ฉีด โดยผู้ใจบุญท่านนี้ มีภูมิลำเนาเป็น ชาว ต. ขนงพระ อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันนี้ พี่ชาย และ ญาติ พี่น้องก็ยังอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งผู้ใจบุญได้แต่งงานมีสามีเป็นนักธุรกิจ ชาวฝรั่งเศส

โดยได้มอบเงินจำนวน 20 ล้านบาท ให้กับ โรงพยาบาลมกุฏคีรีวันเขาใหญ่ (ปากช่องนานา) เพื่อดำเนินการจัดวัคซีน ฉีดให้กับประชาชนฟรี ประกอบด้วย วัคซีนชิโนฟาร์ม จำนวน 10,000 โดส เป็นเงิน 8,000,000 บาท และวัคซีน MRNA จำนวน 4,000 โดส เป็นเงิน 6,800,000 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 14,800,000 บาท ส่วนจำนวนเงินที่เหลือ เตรียมไว้ซื้อวัคซีน MRNA เพิ่มเป็นเข็มกระตุ้น ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า



ทั้งนี้วัคซีนจำนวนดังกล่าว ได้ฉีดให้ประชาชนในพื้นที่ ต.ขนงพระ เป็นอันดับแรก ซึ่งมีทั้ง พระภิกษุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งผู้ใจบุญ เป็นห่วงชาวปากช่องหลังเห็นข่าวว่าชาวปากช่อง ติดเชื้อโควิด-19 กันเป็นจำนวนมาก

นายเกียรตินิยม กล่าวอีกว่า นอกจากมีวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับบริจาคดังกล่าว แล้ว ทาง อบต. ขนงพระ ยังจัดสรรงบประมาณ 15 ล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีนฉีดให้ประชาชนชาวตำบลขนงพระ ซึ่งมีทั้งชาวบ้าน แรงงานต่าง ๆ รวมทั้งผู้ที่มาประกอบธุรกิจในพื้นที่นี้ โดยดำเนินการลงทะเบียนผ่านองค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ อ.ปากช่อง ซึ่งขณะนี้ได้มีการเปิดรับลงทะเบียนแล้ว พร้อมเร่งสำรวจผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลย หากตำบลขนงพระ ปูพรมฉีดวัคซีนจนครบ 100% แล้ว จะกระจายวัคซีนไปสู่พื้นที่ ตำบลข้างเคียงจนกว่าวัคซีนจะหมด ซึ่งชาวปากช่องต่างดีใจที่มีผู้ใจบุญบริจาคเงินซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับชาวบ้าน
#3383
A

'อกริเพียว โฮลดิ้งส์' หนึ่งในธุรกิจของ 'โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ' กำลังเนื้อหอม รายได้โตโดดเด่นนักลงทุนสนใจเพียบ !! ทายาทรุ่น 2 'สุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ' เร่งเพิ่มไลน์ผลิต ป้อนค้าปลีกระดับโลก 'วอลมาร์ท' ตั้งเป้า 5 ปี สัดส่วนแบรนด์ 'เทสตี้' เพิ่มเป็น 25%

เลิกลงทุนหุ้นหลังพอร์ตขาดทุนตลอด !! นี่อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ 'สุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ' ทายาทของ 'โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ' เป็นลูกไม้หล่นไกลต้น แต่ในบทบาทของ 'นักธุรกิจ' ถือว่าประสบความสำเร็จ สะท้อนผ่านพลิกธุรกิจจากขาดทุนเป็นกำไร ซึ่งคุณพ่อ โกมลวางใจให้บริหารและตัดสินใจทั้งหมด และมักจะถูกวางตัวให้ไปลุยงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง 'ตอนนี้พ่อไม่เข้าออฟฟิศมา 2-3 ปีแล้ว...แกอาจจะกำลังสนุกกับการลงทุนในตลาดหุ้น'  

ในแวดวงตลาดหุ้นทุกคนรู้จัก 'โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ' นักลงทุนรายใหญ่ที่ปรากฎรายชื่อในหุ้นหลายตัวมูลค่าพอร์ตหลัก 'พันล้าน' และประธานกรรมการบริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตรองเท้าแบรนด์ แอร์โรซอฟท์ (Aerosoft) ม้ามืดสร้างเซอร์ไพร์สในการคว้าซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ฟุต.ยูโร 2020 มูลค่า 310 ล้านบาท ก่อนการถ่ายทอดสดจะเริ่มขึ้นไม่กี่ชั่วโมง 

อีกหนึ่งธุรกิจของ 'โกมล' ปัจจุบันยกหน้าที่ดูแลกิจการให้ 'สุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ' ลูกชายคนที่ 2 ใน บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE ผู้ประกอบการธุรกิจบริษัทลงทุน (Holding Company) ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทย่อยซึ่งดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแปรรูป ประเภทข้าวโพดบรรจุกระป๋อง ผัก ผลไม้สด และเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด 

ปัจจุบัน APURE ถือเป็นหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวหวือหวา ซึ่งราคาหุ้นล่าสุดอยู่ที่ 8.60 บาท (19 ส.ค.) จากปี 2563 ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.12 บาท (30 ธ.ค.63) โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมากว่า 305.66% หลังนักลงทุนมองภาพธุรกิจมีโอกาสสร้างเติบโตโดดเด่นในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 สะท้อนผ่านผลประกอบการปี 2563 มีกำไรสุทธิ 319.62 ล้านบาท จากปี 2562 กำไรสุทธิ 29.14 ล้านบาท และล่าสุดไตรมาส 2 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 86.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.04% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน 

'สุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ' ประธานกรรมการ APURE ให้สัมภาษณ์พิเศษ 'หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ' ว่า ยอมรับมีนักลงทุนรายใหญ่หลายรายติดต่อขอซื้อหุ้น APURE ซึ่งเท่าที่ทราบจะติดต่อผ่านคุณพ่อ เพราะตัวเองไม่ถนัดเรื่องหุ้นจะเน้นเรื่องการบริหารงานมากกว่า ดังนั้น โจทย์ที่บอกพ่อหากจะมีการนักลงทุนเข้ามาถือหุ้นอยากได้เป็นนักลงทุนที่เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์และช่วยสร้างการเติบโตของธุรกิจไปด้วยกัน ไม่อยากได้นักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรในแง่ของราคาหุ้นอย่างเดียว หรือแม้แต่ผู้ประกอบการที่อยู่ในแวดวงธุรกิจเดียวกันมาเป็นพันธมิตรส่งเสริมและโตไปด้วยกัน 

11 ปีก่อน 'สุเรศพล' ถูกวางตัวเข้ามารับหน้าที่ดูแลบริษัท ซึ่งตอนนั้นมองเห็นว่าธุรกิจสามารถทำกำไรได้ แต่การบริหารไม่สามารถสร้างกำไร (ธุรกิจขาดทุน) จากต้นทุนบริหาร-วัตถุดิบสูง และผลิตภัณฑ์ไม่ตอบโจทย์ความต้องการ (ดีมานด์) ของตลาดที่แท้จริง ในยุคปัจจุบันได้ ทำให้บริษัทปรับโมเดลธุรกิจใหม่ด้วยการออกแพคเกจจิ้ง (Packaging) ใหม่ ในรูปแบบ ถุงสุญญากาศ , ถ้วยตักรับประทานได้ทันที จากเดิมที่เป็นข้าวโพดบรรจุกระป๋องอย่างเดียว 

สำหรับ แพ็คเกจจิ้งในรูปแบบใหม่บริษัทลงทุนผ่านการทำตลาดข้าวโพดหวานบรรจุถุงสูญญากาศและถ้วยภายใต้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ตัวเองอย่าง แบรนด์ 'เทสตี้' เนื่องจากแพคเกจจิ้งที่เป็นรูปแบบถุงสุญญากาศและถ้วย เป็นแพคเกจจิ้งที่กระบวนการผลิตยากมีเพียงผู้ประกอบ 4 รายใหญ่ที่ทำได้ ทำให้สินค้าดังกล่าวมี 'มาร์จินสูง' ดังนั้น บริษัทต้องการให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นตัวเปิดตลาดภายใต้แบรนด์ของบริษัท 

โดยเป้าหมายแผนธุรกิจ 3-5 ปีข้างหน้า (2564-2568) ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ตัวเองเพิ่มเป็น 25% จากปัจจุบันที่ 10% และสัดส่วนรายได้มาจากรับจ้างผลิต (OEM) 80-90% โดยกำลังการผลิตสินค้าใหม่อยู่ที่ 800 ตู้คอนเทนเนอร์ ขณะนี้มียอดขาย 300-400 ตู้คอนเทนเนอร์ ตลาดส่งออกหลักๆ เช่น ญี่ปุ่น ,สหรัฐ และในตอนนี้อยู่ระหว่างทำตลาดกลุ่มแพ็คเกจจิ้งใหม่ในยุโรป เจรจากับตัวแทนจำหน่ายหลักที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยเริ่มส่งสินค้าไปเมื่อปลายปีก่อน ได้รับกระแสตอบรับที่ดี หลังสินค้าได้ลองว่างจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตเกาหลีใต้ 3-4 แห่ง 

รวมทั้งกำลังศึกษานำสินค้าข้าวโพดหวานแพ็คเกจจิ้งใหม่ภายใต้แบรนด์ของตัวเองขยายตลาดเข้าไปในสหรัฐและยุโรปด้วย โดยเบื้องต้นมี 2 แนวทางคือ 1.ลงทุนสร้างโรงงานใหม่ที่สหรัฐ และ 2.จำหน่ายเข้าไปผ่านตัวแทน ซึ่งคาดว่าความเป็นไปได้มากสุดจะเป็นการจำหน่ายเข้าไปผ่านตัวแทนเนื่องจากใช้เวลาไม่นาน ดังนั้น คาดว่าในปี 2565 จะมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว 

เขา บอกต่อว่า ในผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องบริษัทจะเน้นเพิ่มส่วนแบ่งตลาดมากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง อย่าง ญี่ปุ่น , เกาหลีใต้, ไต้หวัน รวมทั้งขยายตลาดไปยัง สหรัฐ และ สหภาพยุโรป เนื่องจากในกลุ่มประเทศดังกล่าวมีความต้องการสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเฉพาะในสหรัฐหลังบริษัทได้เซ็นสัญญากับคู้ค้ารายใหญ่ อย่าง 'วอลมาร์ท' (Walmart) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่จากสหรัฐที่มีความต้องการซื้อสูง ปัจจุบันบริษัทส่งสินค้าข้าวโพดบรรจุกระป๋องขนาด 15 ออนซ์ 

โดยบริษัทเริ่มทยอยส่งออเดอร์ตั้งแต่ปลายปีก่อน จากออเดอร์ 100 ตู้คอนเทนเนอร์ ก่อนขยับเป็น 300 ตู้คอนเทนเนอร์ และล่าสุดจำนวน 1,400 ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็นรายได้ราว 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำลังการผลิตที่บริษัททำได้ตอนนี้ จากครั้งแรกวอลมาร์ทเปิดวอลุ่มมาคือ 4,400 ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็นรายได้ราว 2,200 ล้านบาท แต่บริษัทเจรจาขอส่งออเดอร์ให้วอลมาร์ท 2,200 ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็นรายได้ราว 900 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถส่งออเดอร์ดังกล่าวได้ในปี 2565 

หลังปี 2564 บริษัทลงทุนเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายไลน์การผลิตเพิ่มอีก 2,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งในอนาคตกำลังผลิตที่เหลือคาดว่าจะส่งออเดอร์ให้วอลมาร์ทในประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นแผนการกระจายความเสี่ยงที่ไม่อยากพึ่งพาคู่ค้ารายใหญ่เพียงรายเดียว 


จากการศึกษาตลาดสหรัฐ พบว่า ผู้บริโภคชื่นชอบรสชาติของข้าวโพดบรรจุกระป๋อง ทำให้ตอนนี้บริษัทมีคู่ค้ารายใหญ่ที่เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าส่ง-ปลีกขนาดใหญ่ (โฮลเซล) หลายรายติดต่อเข้ามา จากการสำรวจความต้องการข้าวโพดกระป๋องในตลาดสหรัฐคาดราว 70,000-80,000 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยสัดส่วน 70% มาจากข้าวโพดภายในสหรัฐ และอีก 30% หรือราว 30,000-40,000 ตู้คอนเทนเนอร์ นำเข้าจากต่างประเทศซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัท เนื่องจากบริษัทได้เปรียบที่ข้าวโพดของไทยราคาต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด 

รวมทั้งเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในประเทศอังกฤษ จากความต้องการต่อปีอยู่ที่ประมาณ 5,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทส่งออกไปตลาดอังกฤษแค่ 300-400 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งอนาคตมองว่าจะส่งออกไป 1,200-1,500 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือราว 30% ของตลาดอังกฤษ 


สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20-30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,991 ล้านบาท บริษัทมีออเดอร์ล่วงหน้ามากกว่า 3,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งสูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรก 20% เนื่องจากดีมานด์บรรจุอาหารประเภทกระป๋อง มีความต้องการสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ต้องมีการปรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในประจำวัน เพื่อลดความเสี่ยงการติดโควิด-19 

ท้ายสุด 'สุเรศพล' ทิ้งท้ายไว้ว่า ในอนาคตระยะยาวบริษัทจะมีแพคเกจจิ้งใหม่ๆ อีก รวมทั้งขายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตัวเองในตลาดต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จินสูงซึ่งจะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่น
#3384


ซีรี่ส์เรื่อง Sex Education ของ Netflix เป็นที่โปรดปรานของใครหลายๆคนตั้งแต่เปิดตัวเป็นครั้งแรก ซึ่งตอนนี้ซีซั่นที่ 3 กำลังจะกลับมา Netflix จึงได้ร่วมกับ H&M เปิดตัวคอลเลกชั่นที่ได้แรงบันดาลใจจากการเริ่มต้นเทอมการศึกษาใหม่ ความร่วมมือครั้งพิเศษนี้ H&M ได้สร้างสรรค์แคมเปญขึ้นมาโดยเน้นช่วงเวลาที่ใครๆต่างก็คุ้นเคยและน่าจดจำ สื่อถึงพลังแห่งผู้หญิง การรักตัวเอง และความโปร่งใส โดยการนำฉากดังจากซีรี่ส์ของซีซั่นก่อนกลับมารังสรรค์ใหม่



คอลเลกชั่นนี้พบกับเสื้อผ้าสไตล์นักศึกษาอเมริกัน มาพร้อมกับสีแดงเข้มและโลโก้ชื่อเมืองมัวร์เดลจากซีรี่ส์เรื่องนี้ ซึ่งให้ความรู้สึกย้อนยุคนิดๆ โดยได้แรงบันดาลใจจากตัวละครที่มีความโดดเด่น และตัวละครเหล่านี้ก็ปรากฏอยู่บนลายพิมพ์ของเสื้อผ้าบางชิ้นอีกด้วย คอลเลกชั่นนี้จะวางจำหน่ายที่ร้าน H&M และช่องทางออนไลน์ th.hm.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
#3385


ภาพจาก https://hanako.tokyo/
คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"

สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ช่วงโควิดแบบนี้อาจจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอย่างเก่าไม่ได้ แต่ก็มีเรื่องสนุกให้ทำได้จากบ้านมากมาย อย่างการทำ "คาเฟ่ที่บ้าน" นอกจากจะทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้ใช้โอกาสนี้พักผ่อนคลายเครียดด้วยนะคะ

ที่ญี่ปุ่นมีร้านคาเฟ่อยู่ทั่วไป และเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในหมู่สาว ๆ เวลาเปิดหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่เน้นกลุ่มผู้อ่านผู้หญิง จึงมักจะเจอร้านคาเฟ่แนะนำอยู่ในนั้นด้วยเสมอ ร้านคาเฟ่เหล่านี้ไม่ได้เน้นขายเฉพาะเครื่องดื่มกับขนมหวานเท่านั้น แต่ยังขายอาหารเป็นมื้อแบบไม่หนักท้องเกินไป และมีบรรยากาศที่น่านั่งเพลิน ๆ ด้วย

จุดเด่นของคาเฟ่ที่ญี่ปุ่นคือ การออกแบบภายในร้านที่สวยงาม สะอาดสะอ้าน โล่ง สว่าง ให้บรรยากาศสบาย ๆ เปิดเสียงดนตรีที่ให้ความรู้สึกสดใสรื่นเริง บางร้านก็มีที่นั่งริมทะเลหรือริมระเบียงด้วย แต่ละร้านจะมีลักษณะเฉพาะในการจัดและออกแบบร้านที่ชวนให้จดจำ อีกทั้งลักษณะการให้บริการของพนักงานก็ยังมีส่วนสร้างบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครให้กับทางร้านอีกด้วย


เมนูอาหารตามคาเฟ่ทั่วไปอาจจะเน้นชากาแฟ แซนวิช พาสต้า ขนมหวาน ของว่าง แต่ถ้าเป็นคาเฟ่ที่ดีหน่อยจะเน้นไปที่อาหารหรือเครื่องดื่มเฉพาะของร้าน เช่น มีเมนูสูตรเด็ดที่ทางร้านคิดขึ้นมาเอง ไม่มีขายที่อื่น หรืออาจใช้วัตถุดิบคัดสรร อย่างเช่น วัตถุดิบเฉพาะของท้องถิ่น วัตถุดิบออแกนิก ใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขาว เป็นต้น รวมทั้งอาจมีเมนูเฉพาะกิจซึ่งมีให้สั่งได้แค่เฉพาะช่วงเวลาสั้น ๆ ด้วยเช่นกัน

ฉันจำได้ว่าตอนไปเที่ยวโอกินาวา เคยไปคาเฟ่แห่งหนึ่งที่ขายข้าวแกงกะหรี่สูตรพิเศษ ร้านนั้นตั้งอยู่ในมุมเล็ก ๆ ภายในตึกขายสินค้าท้องถิ่น มีที่นั่งเพียง 3-4 โต๊ะเท่านั้น แม้ว่าอาหารและกาแฟร้านนั้นจะอร่อยมาก แต่หลังจากนั้นฉันกลับจำบรรยากาศร้านได้ดีกว่าอาหารเสียอีก อาจเพราะเขาใช้จานและถ้วยที่ทำจากดินเผาซึ่งเป็นสินค้าพื้นเมืองของโอกินาวา แถมยังมีรูปร่างและสีสันแปลกตา อีกทั้งบรรยากาศร้านก็นั่งสบายเสียจนลืมไปเลยว่าร้านนี้เป็นเพียงมุมหนึ่งในตึกธรรมดาเท่านั้นเอง


คงเพราะคาเฟ่เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศแสนสบายอย่างนี้เอง คนญี่ปุ่นจึงหันมาทำ"โอะอุจิคาเฟ่" (おうちカフェ) หรือ 'คาเฟ่ที่บ้าน' กันมาก กิจกรรมนี้มีมาหลายปีก่อนที่จะเริ่มมีโควิดเสียอีก แต่พอโควิดมาเยือน คนต้องอยู่ติดบ้านกันมากขึ้น กระแสคาเฟ่ที่บ้านเลยยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นไปอีก

พจนานุกรมญี่ปุ่นให้นิยาม "โอะอุจิคาเฟ่" ว่าหมายถึง 'การสร้างบรรยากาศแบบคาเฟ่ในบ้านตนเอง จุดเด่นอยู่ที่การใช้อาหาร เครื่องดื่ม ของกระจุกกระจิก และดนตรี เป็นต้น เพื่อสร้างบรรยากาศหรูและสบาย ๆ แบบคาเฟ่' พูดง่าย ๆ ก็คือ จำลองบรรยากาศแบบคาเฟ่ภายในบ้านนั่นเอง

ฉันเข้าใจว่าการใช้คำว่า "คาเฟ่ที่บ้าน" น่าจะเริ่มมาจากการที่ร้านสะดวกซื้อ Lawson ในญี่ปุ่นออกสินค้าขนมภายใต้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อ "Uchi Café SWEETS" (ขนมหวานคาเฟ่ที่บ้าน) เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 ภายใต้คอนเซ็ปต์ทำบ้านให้เป็นคาเฟ่
แต่เดิม Lawson ก็ทำขนมหวานของตัวเองออกมาวางขายอยู่แล้ว แต่ที่หันมาทำแบรนด์ใหม่ "Uchi Café SWEETS" ก็เพราะทำสำรวจกลุ่มลูกค้าแล้วพบว่า สตรีอายุ 20-30 ปีซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ให้ความสนใจสูงกับเรื่องขนมหวาน มักจะยุ่งกับการทำงานหรือไม่ก็การเลี้ยงลูก และได้รับประทานขนมหวานช่วงเย็นหรือช่วงดึก บริษัทจึงออกความคิดว่าอยากให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับขนมอร่อย ๆ และช่วงเวลาสบาย ๆ แบบคาเฟ่ภายในบ้านหรือที่ทำงาน ก็เลยทำขนมแบรนด์นี้ขึ้นมา ส่วนใหญ่หน้าตาขนมจะดูดีแบบขนมตามร้านคาเฟ่ หรือใช้วัตถุดิบดีหน่อย แต่ราคาไม่แพงมาก ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจาก Lawson แล้ว แฟมิลี่มาร์ทและเซเว่นอีเลเว่นของญี่ปุ่นก็ทำขนมหวานของตัวเองออกมาเช่นกัน เพียงแต่อาจจะไม่ได้เรียกชื่อว่า "คาเฟ่ที่บ้าน" เหมือน Lawson แต่หลายอย่างก็ดูดีและรสชาติใช้ได้ ที่น่าสนใจคือร้านสะดวกซื้อเหล่านี้จะคอยผลัดเปลี่ยนทำสินค้าขนมหน้าตาใหม่ ๆ ออกมาอยู่เรื่อยตามฤดูกาล บางอย่างก็มีขายเฉพาะในบางท้องถิ่นเท่านั้น ทำให้ลูกค้าไม่เบื่อกับขนมหน้าตาซ้ำซากจำเจ

ต่อมาก็มีคนทำคาเฟ่ที่บ้านด้วยการลงมือเข้าครัวทำอาหาร ขนม และเครื่องดื่มเอง จากนั้นก็แปะรูปลงสื่อโซเชียลต่าง ๆ ทำให้กระแสทำคาเฟ่ที่บ้านบูมขึ้นเรื่อย ๆ มีการใช้แฮชแท็ค #おうちカフェ (คาเฟ่ที่บ้าน) ในอินสตาแกรมถึง 6.4 ล้านครั้งเลยทีเดียว (ณ สิงหาคม พ.ศ. 2564)

การที่คาเฟ่ที่บ้านได้รับความนิยมน่าจะมาจากสาเหตุหลายประการ อาทิ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าไปรับประทานที่ร้าน สามารถทำเองได้ไม่ยาก จะต่อเติมเสริมแต่งอะไรเข้าไปให้ดูไม่ซ้ำใครก็ได้ อีกทั้งยังได้สนุกกับช่วงเวลาตระเตรียมของจนกระทั่งทำเสร็จได้รับประทาน แถมใครชอบเล่นโซเชียลก็ได้โอกาสลงรูปกันสนุกอีก


ช่วงนี้คนเครียดกันเยอะแยะ หลายคนก็อยู่บ้านจนเซ็ง ลองหาเวลาทำคาเฟ่ที่บ้านให้ตัวเองหรือคนในครอบครัวกันดีไหมคะ จะได้ถือโอกาสพักผ่อนหย่อนใจบ้าง เผลอ ๆ อาจได้เจองานอดิเรกหรือความชอบใหม่ ๆ ด้วยนา

แน่นอนว่าคอนเซ็ปต์ของคาเฟ่ที่บ้านไม่ได้อยู่ที่การมีของกินและเครื่องดื่มเป็นอันจบ แต่อยู่ที่การสร้างบรรยากาศสบาย ๆ แบบคาเฟ่ เพราะฉะนั้นหากนึกอยากพักผ่อนจิบน้ำชารับของว่าง เพื่อน ๆ ก็อาจจะตระเตรียมอะไรบ้างนิดหน่อยให้ดูดี และสร้างบรรยากาศไปด้วยในตัว

ขั้นแรกก็ต้องเตรียมพื้นที่กันก่อน อาจจะเลือกมุมหนึ่งของห้องหรือของบ้านมาสักมุม แล้วหาโต๊ะเล็ก ๆ มาวาง ใช้แผ่นรองแก้วหรือแผ่นรองจานอาหารสวย ๆ เอาดอกไม้ปักแจกันเก๋ไก๋มาแต่งเสียหน่อย แค่นี้ก็เริ่มได้บรรยากาศร้านคาเฟ่หน่อย ๆ แล้ว

แต่ถ้าใครไม่มีอุปกรณ์ครบครัน ก็ไม่ต้องถึงขนาดไปหาซื้อให้สิ้นเปลืองนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวพอเลิกเห่อแล้วจะมีอะไรก็ไม่รู้เต็มบ้านไปหมด แค่เอาของที่มีในบ้านมาพลิกแพลงใช้ก็ได้แล้ว ถ้าไม่มีโต๊ะ อาจจะหาถาดมาใส่ของกินกับเครื่องดื่มวางแทนโต๊ะ แล้วนั่งกับพื้น แคร่ ตั่ง เฉลียง ชาน หรือบนพื้นหญ้า อย่างนี้ก็ได้ ลองนึกดูว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความรู้สึกพิเศษและสบายอารมณ์ยิ่งกว่าการรับประทานอาหารหรือของว่างในบ้านตามปกติ ก็คงมีไอเดียผุดขึ้นมามากมายให้สนุกกันละค่ะ


บ้านฉันที่ไทยมีเฉลียงอยู่ติดกับบ่อน้ำเล็ก ๆ แม่เคยปลูกบัวในบ่อน้ำนี้อยู่หลายกระถางดูสวยเพลินตาดี เมื่อก่อนฉันชอบมานั่งอ่านหนังสืออยู่แถวเฉลียงที่ว่า ถ้าจะทำคาเฟ่ที่บ้านฉันก็คงจะเลือกมุมนี้แหละ แล้วหาถาดหรือผ้าลายสวย ๆ มาปูที่พื้นเฉลียง แล้วค่อยวางจานของกินกับแก้วเครื่องดื่ม นั่งชิลล์เพลิน ๆ ได้

จานชามก็มีส่วนสร้างบรรยากาศได้นะคะ แต่ถ้ามันไม่ได้สะสวยอย่างที่ใจต้องการ ก็อาจจะใช้วิธีจัดวางอาหารให้ดูเก๋ไก๋ เอาใบตองหรือกระดาษเช็ดปากมีลวดลายมาวางบนจาน แล้วค่อยวางขนมลงไป แค่นี้ก็น่ามองแล้ว อาจจะดูคลาสสิกกว่าใช้จานชามสวย ๆ อีก

หากใครไม่ถนัดทำอาหารและเครื่องดื่ม ก็อาจจะหาซื้อหรือสั่งซื้อเอาก็ได้ เดี๋ยวนี้คนทำขนมขายออนไลน์กันเยอะแยะ มีให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว จะได้ถือโอกาสอุดหนุนกันในยามยากด้วยนะคะ แต่ถ้าใครอยากลองทำเองฉันก็เชียร์เต็มที่ คือจากประสบการณ์แล้วฉันเคยคิดว่าของกินหรือขนมอร่อย ๆ นี่มันคงต้องทำยากมาก แต่พอได้ลองทำขึ้นมาสักอย่างแล้ว จึงได้อุทานในใจว่า... "ไฮ้! ง่ายปานนี้เชียวรึ ??"  แถมเวลาได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ก็เพลินดี ได้ลับสมองเป็นของแถม แล้วยังได้ลุ้นด้วยเพราะไม่รู้ว่ามันจะออกมาหน้าตาอย่างไร กินได้ไหม ก็เป็นบรรยากาศสนุกไปอีกแบบนะคะ


อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือดนตรี โดยมากร้านคาเฟ่จะเปิดดนตรีแจ๊สหรือบอสซาโนวา คงเพราะให้ความรู้สึกแจ่มใสรื่นเริง และสร้างบรรยากาศสบาย ๆ ได้ง่าย เดี๋ยวนี้มี BGM ทางยูทูปให้ฟังฟรีมากมาย สามารถเปิดคลอไปได้เรื่อย ๆ ตัวฉันเองก็มักเปิดเพลงแจ๊สฟังเวลาทำงาน เพราะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกราวกับบรรยากาศรอบตัวคลายความร้อนลง คงเพราะปกติจะได้ยินเพลงแจ๊สเวลาอยู่ในร้านกาแฟหรือร้านคาเฟ่เย็น ๆ เลยพลอยรู้สึกเหมือนอยู่ในที่เย็น ๆ ไปด้วย ถ้ามีชาหรือกาแฟสักถ้วย หรือโกโก้เย็นสักแก้วละก็ ยิ่งได้บรรยากาศคล้ายนั่งทำงานในร้านกาแฟเลย ทั้งที่ตัวอยู่บ้านนี่แหละ

ฉันคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับช่วงเวลาทำคาเฟ่ที่บ้าน ก็คือการที่เราได้พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางบรรยากาศที่บรรจงเสกสรรค์ขึ้นมา เพราะฉะนั้นจึงน่าจะเป็นการดีกว่ากันมากหากเพื่อน ๆ จะวางมือถือหรือแท็บเบล็ตลง ปิดโทรทัศน์ ใช้เวลานี้อยู่กับตัวเอง อยู่กับคนที่นั่งอยู่กับเรา สนทนากัน เพลิดเพลินกับอาหารเครื่องดื่มตรงหน้า และดนตรีสบาย ๆ ภายในช่วงเวลาอันร่มรื่นนี้ แล้วช่วงเวลาของคาเฟ่ที่บ้านจะมีความหมายกว่าที่คิดเยอะเลย ลองดูนะคะ
#3386
 
 
 
 
 
ข้าวอินทรีย์ (Organic Rice)ข้าวออแกนิคสำหรับทารก เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโต สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผล ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นปลูกข้าวออแกนิค(Organic Rice) เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมและสารกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผลข้าวหอมมะลิปลอดสารที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
 
       ประเภทของข้าวอินทรีย์
   1. ข้าวอินทรีย์รับรองมาตรฐาน Certified Organic เป็นระบบการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีป้องกันศัตรูพืช มีการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากหน่วยงานอิสระ โดยมีทั้งภาครัฐ เอกชนและหน่วยงานจากต่างประเทศ มีตราสัญลักษณ์ติดที่ผลิตภัณฑ์ และจะต้องมีการตรวจเพื่อต่ออายุใบรับรองทุกปี
 
   2. ข้าวอินทรีย์ระยะปรับเปลี่ยน In-conversion เป็นข้าวที่อยู่ในช่วงระยะเวลาที่เริ่มทำเกษตรอินทรีย์ในปีแรกก่อนจะได้รับการรับรองผลผลิตว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ โดยระยะปรับเปลี่ยนเป็นการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและความอุดมสมบูรณ์ของดิน
 
   3. ข้าวอินทรีย์แบบยังไม่รับรอง Non Certified เป็นการปลูกข้าวอินทรีย์แบบพึ่งตนเอง ส่วนใหญ่เป็นการทำเกษตรแบบพื้นบ้านหรือปลูกในระบบผสมผสานหรือในไร่หมุนเวียน ไม่มีการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานใดๆ เกษตรกรกลุ่มนี้อาจเป็นกลุ่มที่ทำการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือนและนำผลผลิตส่วนเกินมาจำหน่ายผ่านระบบตลาดท้องถิ่น ทั้งนี้อาจมีการรับรองกันเองในระบบกลุ่มหรือชุมชนข้าวอินทรีย์สุรินทร์ ข้าวปลอดสารพิษสุรินทร์ คือ ข้าวที่ได้จากการผลิตภายใต้ระบบการผลิตข้าวอินทรีย์ซึ่งมีการจัดการการผลิตข้าวที่เกื้อกูลต่อระบบนิเวศรวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุดิบสังเคราะห์และมีการจัดการกับผลิตภัณฑ์โดยเน้นการแปรรูปด้วยความระมัดระวังเพื่อรักษาสภาพการเป็นข้าวอินทรีย์และคุณภาพที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ 
ขั้นตอนการผลิตข้าวอินทรีย์   กลุ่มข้าวอินทรีย์ส่งทั่วไทย ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
ข้าวอินทรีย์วิถีพื้นบ้าน
เป็นระบบการผลิต ข้าวorganicส่งทั่วไทย ที่ไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด เช่น ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตสารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรคแมลงและสัตว์ศัตรูข้าวตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ การผลิตข้าวอินทรีย์นอกจากจะทำให้ผลผลิตข้าวมีคุณภาพ ปลอดภัยจากสารพิษแล้วยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน
ข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล
การผลิตข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล มีกระบวนการผลิตการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตภัณฑ์อินทรีย์ และห้ามใช้สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์ในกระบวนการผลิตและแปรรูปข้าวอินทรีย์ ซึ่งผู้ผลิตและผู้ประกอบการต้องผฏิบัติตามเพื่อให้ได้รับการรับรอง มีขั้นตอนการปฏิบัติเป็นลำดับขั้น ดังนี้
1.เกษตรกรจะต้องมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการผลิตข้าวอินทรีย์ (  ปรับเปลี่ยนปลูกข้าวอินทรีย์ )
2.เกษตรกรจัดทำบันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต โดยแสดงแหล่งที่มาและปริมาณการใช้
3.สมัครขอรับรองต่อกรมการข้าว เกษตรกรต้องแสดงข้อมูลต่อไปนี้
- ประวัติการใช้พื้นที่
- ประวัติการใช้สารเคมี และผลการวิเคราะห์สารพิษตกค้างในดินและน้ำ (ถ้ามี)
- แผนที่และแผนผังแปลงนาที่ขอการรับรองและพื้นที่ข้างเคียง
- แผนการผลิตในทุกขั้นตอน
- บันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต
- บันทึกกิจกรรมในแปลงนา และข้อมูลอื่นๆ

เครือข่ายข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์    โครงการข้าวอินทรีย์ 277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook :https://www.facebook.com/Hor.Organic
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวหอมมะลิออแกนิก
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิก
3. ข้าวปะกาอำปึลออแกนิคคือ #ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์
4.  ข้าวอินทรีย์ผสมหลายสายพันธุ์จังหวัดสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์
6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์
7. ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์
#ข้าวออแกนิคสุรินทร์
#ข้าวออแกนิกสุรินทร์
#ข้าวอินทรีย์สุรินทร์
#ข้าวคุณภาพสุรินทร์


 

 

 

 

 
 
#3387


บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ผู้นำด้านดิจิทัลในธุรกิจประกัน เดินหน้าเสริมแกร่งช่องทางตัวแทน จัดงาน AL Seminar ACTIV 21 งานสัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ อินเตอร์แอคทีฟ ครั้งแรก มุ่งติดอาวุธทางปัญญา จุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริหารตัวแทนรุ่นใหม่ โดยได้รับความสำเร็จท่วมท้น มีผู้บริหารตัวแทนจากทั่วประเทศร่วมกว่า 1500 คน ด้วยคะแนนความพอใจห้าดาวจากผู้ร่วมงาน พร้อมเปิดตัว CAO Trip Challenge คุณวุฒิกระตุ้นยอดขาย ดันเบี้ยปีแรกช่องทางตัวแทนแตะ 3.1 พันล้านภายในสิ้นปี


วิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า จากสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ทำให้สภาพตลาดประกันยังมีสภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขจากสมาคมประกันชีวิตไทย ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดประกันชีวิตมีการขยายตัวเพียง 3% สำหรับช่องทางตัวแทนของอลิอันซ์ อยุธยา ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยตัวเลข 7 เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยปีแรก (ANP) 1,271 ล้านบาท  เติบโตถึง 9 % ความสำเร็จที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง เกิดจากการดำเนินกลยุทธ์ที่ถูกต้อง โดยปีนี้ เรา มุ่งเน้นไปที่รูปแบบเฟรนไชส์ นำโมเดลที่ประสบความสำเร็จไปใช้พัฒนาตัวแทนกลุ่มอื่นๆ รวมถึงการมุ่งแบ่งปันความรู้และแรงบันดาลใจจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้ง ยังมีการกระตุ้นการสร้างยอดด้วยกิจกรรมและการแข่งขันให้ตัวแทนพิชิตเป้าหมายซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเสมอ


ล่าสุด อลิอันซ์ อยุธยา ได้จัดงาน  AL Seminar ACTIV 21 งานสัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรก มีผู้บริหารตัวแทนจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานกว่า 1500 คน มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดการสัมมนาให้มีความ Interactive มากขึ้น ทั้งในส่วนของแอปพลิเคชัน Activ 21 ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ร่วมงานได้รับความรู้จาก podcast ตอบquiz เพื่อเก็บคะแนนสะสมล่วงหน้าก่อนงานเป็นเวลา 1 เดือน ส่วนในวันงาน เน้นหลักสูตรเพื่อการบริหารทีมงาน จุดประกายให้เห็นความสำคัญของการทำงานเป็นทีม การส่งเสริมทัศนะคติเชิงบวก มองถึงโอกาสดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการให้ความสำคัญกับตัวแทนรุ่นใหม่ในการเติบโตอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า" โดย คุณก๊อต จิรายุ ตันตระกูล ดารานักแสดง นักคิดที่มีมุมมองการใช้ชีวิตอย่างชัดเจน สัมภาษณ์เจาะลึก โดย คุณสง่า พิชฌังกูร โค้ชผู้เปลี่ยนแปลงชีวิต งานครั้งนี้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากจากตัวแทน ได้รับคะแนนความพอใจจากผู้เข้าร่วมงานในระดับ 5 ดาว ถึง 4.7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน

 

"บริษัทยังมีการประกาศการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ นั่นคือ CAO Trip Challenge เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างผลงานของตัวแทนในทุกระดับ โดยการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันด้วยระยะเวลาทั้งสิ้น 5 เดือนเต็ม (ตั้งแต่ ส.ค. – ธ.ค. 64) โดยผู้พิชิตคุณวุฒิในการแข่งขันนี้ จะได้เดินทางร่วมทริปไปซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยบริษัทตั้งเป้าการเดินทางในปีหน้า ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระตุ้นการสร้างผลงานแล้วเพื่อพิชิตเป้าในปีนี้แล้ว ยังเป็นกำลังใจให้ทุกคนมองถึงอนาคตที่กำลังจะมีสิ่งดีดีเกิดขึ้น เมื่อวิกฤตการณ์ผ่านพ้นไป"

รับชม VDO งานAL Seminar สัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรกได้ทาง  https://youtu.be/xzrWg4N7kCs
#3388

ยังคงเป็นประเด็นเชิงเศรษฐกิจที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดสำหรับ 'พื้นที่เขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก' ซึ่งย่อมาจาก Eastern Economic Corridor (EEC)

ยังคงเป็นประเด็นเชิงเศรษฐกิจที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดสำหรับ 'พื้นที่เขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก' ซึ่งย่อมาจาก Eastern Economic Corridor (EEC) แผนยุทธศาสตร์ภายใต้ ไทยแลนด์ 4.0 ที่ภาครัฐเร่งผลักดันอย่างต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกได้กำหนดโซนอีอีซี จำนวน 5 พื้นที่ เช่น โซนการบินภาคตะวันออก สนามบินอู่ตะเภา, โซนส่งเสริมนวัตกรรม EECi, โซนส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล, โซนอุตสาหกรรม Smart Park และ โซนอุตสาหกรรมเหมราช ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง

สิ่งที่คนจับตามองเป็นอันดับต้นๆ คงเป็นเรื่อง รายละเอียดของกฎหมายต่างๆ และสิทธิประโยชน์ โดยหากมองจาก "พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก" หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า "พ.ร.บ. อีอีซี"จะพบว่า พื้นที่โซนอีอีซีได้มีกฎหมายแยกออกมาจากกฎหมายปกติเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินการต่างๆ ประกอบด้วย

1. กฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน 2.กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร 3.กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนเครื่องจักร 4.กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข 5.กฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เฉพาะเพื่อการอนุญาตให้คนต่างด้าวตามมาตรา 45(1) หรือ (2) อยู่ต่อในราชอาณาจักร 6.กฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์ 7.กฎหมายว่าด้วยโรงงาน และ 8.กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หากกฎหมายกำหนดให้ผู้ดำเนินการหรือผู้กระทำต้องได้รับอนุมัติใบอนุญาต ก็ให้ถือว่าเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายอีอีซี เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติ

ขณะที่สิทธิประโยชน์ที่ให้กับผู้ลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ลงทุนต่างชาติ ถือว่าให้สิทธิประโยชน์ที่ค่อนข้างมากทั้งสิทธิ์ทางด้านการเงิน การลงทุน ความยืดหยุ่นในการพาต่างด้าวเข้ามาอยู่อาศัย และกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จนนักวิชาการในแวดวงอสังหาฯ เป็นกังวลว่าให้มากเกินไปหรือไม่ โดยเฉพาะกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ที่เปิดโอกาสให้ต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หรือห้องชุดในโซนอีอีซี ทั้งเพื่อประกอบกิจการและเพื่ออยู่อาศัยได้ จากประมวลกฎหมายที่ดินปกติแล้ว จะไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ได้โดยตรง

นอกจากนี้ สิทธิประโยชน์ด้านระยะเวลาการเช่าที่ให้ยาวถึง 50 ปี ต่อได้อีก 49 ปี รวมแล้วเท่ากับ 99 ปี ก็ถือเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมาก เพราะสิทธิการเช่าปกติของไทย เท่ากับ 30 ปี ซึ่งหากย้อนกลับไปเรื่องการขยายสิทธิการเช่า มีความพยายามในการนำเสนอเรื่องขยายเวลาเช่าเป็น 99 ปี ให้เหมือนกับหลายประเทศ แต่ก็ถูกต่อต้านตกไปในทุกครั้ง แต่เพราะภาครัฐต้องการสร้างสิทธิประโยชน์ที่ดึงดูดใจนักลงทุนต่างชาติมาก จึงใช้กลยุทธ์ให้เช่า 50 ปี ต่อได้อีก 49 ปี เพื่อจูงใจต่างชาติ และลดแรงต่อต้าน เพราะไม่ได้ใช้ 99 ปีแบบตรงๆ

ข้อดีของสิทธิประโยชน์อีอีซี

1. ข้อดีที่เห็นได้ชัดๆ คงเป็นเรื่องการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซี ซึ่งภาครัฐมองว่า จะส่งผลบวกไม่เพียงแต่ในพื้นที่อีอีซีเท่านั้น แต่ยังกระจายไปยังพื้นที่ใกล้เคียง และภาพรวมของประเทศไทย

2. เศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะขยายตัวจากการลงทุนใหม่ๆ ในอีอีซี

3. ความยืดหยุ่นเรื่องการเข้ามาของคนต่างด้าว โดยเฉพาะคนต่างด้าวที่มีทักษะความสามารถ ความเชี่ยวชาญที่จะส่งผลบวกให้กับประเทศ ก็จะทำให้ประเทศไทยได้รับ Knowhow ใหม่ๆ เข้าสู่ประเทศ

ข้อเสียของสิทธิประโยชน์อีอีซี

1. นโยบายบริหารจัดการพื้นที่อีอีซีที่จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงกับประเทศไทยยังไม่ชัดเจน จากหลายบทเรียนที่ประเทศไทยดึงต่างชาติเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการใหญ่ๆ หลายโครงการ เราไม่สามารถให้ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนแบ่งปัน Knowhow ใหม่ๆ เหล่านั้นให้กับบุคลากรของไทยที่ไปร่วมงานกับต่างชาติได้ ซึ่งนอกจากสิทธิประโยชน์ที่มอบให้อย่างล้นหลามแล้ว ไทยควรมีข้อกำหนดเรื่องการแบ่งปัน Knowhow ให้กับบุคลากรของไทยด้วย


2. ผังเมืองโซนอีอีซี ยังมีความล่าช้า และควรออกมาก่อนที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ เพื่อใช้ผังเมืองเป็นเครื่องมือในการวางระบบสาธารณูปโภค น้ำ ไฟ การเดินทาง เพื่อให้เมืองอีอีซี เป็นเมืองที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง รวมถึง ใช้ผังเมืองในการส่งเสริมการใช้พื้นที่ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของอีอีซี ไม่เพียงแต่กำหนดพื้นที่อีอีซีเท่านั้น แต่ยังต้องวางผังเมืองให้กับพื้นที่ใกล้เคียงด้วย เพื่อส่งเสริมกันและกัน และชุมชนรอบข้างได้รับประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่อีอีซี

3. ขาดการวางแผนระบบสาธารณูปโภคที่สอดคล้องกับเมืองที่ภาครัฐมองว่ากำลังจะเติบโต โดยหากมองกลับมายังพื้นที่ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทราในปัจจุบัน คือ ระบบสาธารณูปโภคไม่เพียงพอ น้ำขาดแคลน เพราะมีความต้องการใช้ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน ซึ่งการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมแบบปกติในพื้นที่เหล่านี้ ยังส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำ หากมีการสนับสนุนให้เกิดโซนอีอีซีโดยขาดแผนรองรับ จะยิ่งก่อให้เกิดปัญหานี้มากขึ้น

4. ไม่ได้เปิดพื้นที่ใหม่ๆ ให้กับการลงทุน อีกหนึ่งความน่าเสียดายของแผนส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ นั่นก็คือ ยังคงกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ที่มีความเป็นอุตสาหกรรมอยู่แล้ว ไม่ได้กระจายไปยังพื้นที่ใหม่ๆ จังหวัดใหม่ๆ ซึ่งสิ่งที่พอจะแก้ปัญหาได้ ต้องใช้ผังเมืองโยงการใช้ประโยชน์ให้ครอบคลุมไปยังพื้นที่ใกล้เคียงด้วย

ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

กรรมสิทธิ์ในการให้ต่างชาติครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ได้ รวมถึงระยะเวลาการเช่ายาว 99 ปีนั้น หากภาครัฐดำเนินการอย่างถูกต้อง รอบคอบ ป้องกันการกว้านซื้อที่ดินทำกินจากชาวบ้านเพื่อให้ต่างชาติได้ และควรกำหนดอัตราจัดเก็บภาษีการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อให้ภาษีเข้าสู่ท้องถิ่น ทดแทนประโยชน์การใช้ที่ดินผืนนี้ในระยะยาว เพราะหากรัฐไม่เปิดให้ดำเนินการได้อย่างถูกต้อง ปัจจุบันในหลายพื้นที่ชลบุรี ระยอง และในอีกหลายจังหวัดเศรษฐกิจ ต่างชาติก็หาช่องว่างในการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินอยู่แล้ว ดังนั้น หากจะเปิดให้ต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ได้ เช่าที่ดินในระยะยาวๆ ก็ควรมีเกณฑ์ที่ภาคท้องถิ่นได้ประโยชน์ระยะยาวด้วย

จากการรวบรวมข้อมูล นโยบาย "พื้นที่เขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก" หรืออีอีซี ย่อมเป็นแนวคิดที่ดีในการส่งเสริมเศรษฐกิจให้กับประเทศ ซึ่งในทุกนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจย่อมมีทั้งข้อดี ข้อเสีย ผู้ที่ได้รับประโยชน์ และผู้ที่เสียประโยชน์ สิ่งสำคัญ คือ สิ่งที่ภาครัฐยอมเสียไป ได้ผลกลับคืนมาคุ้มค่าหรือไม่ และมีการวางแผนปิดจุดอ่อนอย่างรอบคอบมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้เป็นประโยชน์กับท้องถิ่นและประเทศได้มากที่สุด

ขณะที่ในมุมของผู้บริโภคหรือคนท้องถิ่นแล้ว จะมองว่า สิทธิประโยชน์ที่ภาครัฐนำเสนอให้กับนักลงทุนโซนอีอีซี ก่อเกิดประโยชน์กับเขาด้วยหรือไม่นั้น ก็เป็นสิ่งที่ภาครัฐ ควรต้องเริ่มฟังเสียงคนรอบพื้นที่อีอีซีเพิ่มเติมด้วย
#3389


สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส2ปี 2564ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ส่วนใหญ่ประกาศออกมาแล้ว ซึ่งรอตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ประกาศอย่างเป็นทางการ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ทิสโก้ เผย กำไรไตรมาส2/64ของ บจ. (จำนวน 626 บริษัทจากทั้งหมด 650 บริษัทใน SET) อยู่ที่ 2.75 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 118% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น3% เมื่อเทียบกับไตรมาส1ปี2564 

ทั้งนี้หลายกลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรเติบโตสูง เพราะ ฐานกำไรไตรมาส 2 ของปีที่แล้วที่ต่ำมาก เพราะเจอการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ แต่กลุ่มที่ยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนอยู่คือ กลุ่ม TOURISM เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์   

สำหรับบจ.ที่มีกำไรสูงสุด 10 อันดับแรก "กรุงเทพธุรกิจ"ได้รวบรวมข้อมูลดังนี้

1.บมจ.พีทีที โกล. เคมิคอล(PTTGC) มีกำไรสุทธิ 25,034.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,398% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,670.74 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 61% อยูที่ 111,793 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี69,271 ล้านบาท เป็นผลมาจากราคาขายของทุกผลิตภัณฑ์ที่ปรับขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง รวมทั้กลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และฟีนอล จากอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ตามสภาพเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นและราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับเพิ่มขึ้น รับรู้กำไรสต็อกน้ำมัน และรายการพิเศษขายหุ้น บมจ. โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC)

2.บมจ.ปตท.(PTT) มีกำไรสุทธิ 24,578.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103.91%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12,053.29 ล้านบาท เนื่องจากปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA เพิ่มขึ้น 58,958 ล้านบาทหรือมากกว่าร้อยละ 100 โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น โดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมีที่มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ที่ปรับตัวสูงขึ้นและธุรกิจการกลั่น ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ธุรกิจน้ำมัน มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

3.บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) มีกำไรสุทธิ 17,136.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.61% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,383.86 ล้านบาท สาเหตุหลักจากส่วนต่าง ราคาสินค้าเคมีภัณฑ์และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้น 39% สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์และเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ขณะที่มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 39% สาเหตุหลักจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น


4.บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส(IVL) มีกำไรสุทธิ 8,339.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,332.62% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 153.51 ล้านบาท ซึ่ง ในไตรมาส 2/64 บริษัทมี Core EBITDA เท่ากับ 477 ล้านดอลลาร์ (ผลการดำเนินงานของ IVOL 18 ล้านดอลลาร์ถูกปรับปรุงไปยังรายการพิเศษ) โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการกระจายตัวทั่วโลกขนาดและการเป็นผู้นำของบริษัท ในทั้งสามกลุ่มธุรกิจ รายได้จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทุกภูมิภาค โดย Core EBITDA ของทวีปอเมริกาและยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) เพิ่มขึ้น 59% ในครึ่งแรกของปี 64 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี2563 ในขณะที่ทวีปเอเชียเพิ่มขึ้น 15%.ในปี2563 ธุรกิจของบริษัทได้ผ่านบททดสอบความยืดหย่นต่อสถานการณ์ต่างๆ และในครึ่งปีแรกได้แสดงให้เห็นการสร้างมูลค่าจากแพลตฟอร์มของบริษัท


5.บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) มีกำไรสุทธิ 7,280.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 590.5% จากช่วงเดียวกันที่มีกำไรสุทธิ 1,054.35 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 164.7% มาอยู่ที่ 12,967.7 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 4,899.7 ล้านบาท 

6.บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) มีกำไรสุทธิ 7,139.60 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  4,322.86 ล้านบาท  เนื่องจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 164.7% มาอยู่ที่ 12,967.7 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 4,899.7 ล้านบาท เพราะริมาณการขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 36%ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 21%


7.บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC) มีกำไรสุทธิ 7,040.82 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 0.6%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไรสุทธิ 7,001.11 ล้านบาท   จากรายได้รวมเพิ่มขึ้น 1.2% ขณะที่ต้นทุนการดำนเนินงานเพิ่มขึ้น 4.4%

8.บมจ.การบินไทย (THAI) มีกำไรสุทธิ 5,562.50 ล้านบาท

9. บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) มีกำไรสุทธิ 5,043.71 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 361%  จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  1,093.70 ล้านบาท  จากทั้งราคาขายและปริมาณการขายที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นตามการฟื้นตัว
ของเศรษฐกิจโลกและความต้องการในการบริโภคจากผู้ผลิตยางล้อ 

10. บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) มีกำไรสุทธิ 4,737.30 ล้านบาท  ลดลง21% จากช่วงเดียวปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,028.51 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายลดลง10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากการเปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วมของบริษัท chia Tai Investment Co.,Ltd.(CTI) เมื่อเดือนธ.ค.2563 ทั้งนี้ หากไม่นับผลกระทบจากรายการดังกล่าว รายได้จากการขายในไตรมาส2ปี 2564 เพิ่มขึ้น 14% จากการขยยงานและราคาผลิตภัณฑ์ในหลายประเทศที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รวมถึง ประเทศฟิลิปปินส์ กัมพูชา และรัสเซีย เป็นต้น
#3390


ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสซูเปอร์สตาร์ชายขวัญใจแฟนๆ ประกาศขอหยุดพักตลอดฤดูกาล 2021 ไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงขอไม่ลงแข่ง แกรนด์ สแลม ยูเอส โอเพน เพื่อเอาเวลาไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขา

นักหวดมือ 4 โลกจากสเปน บาดเจ็บที่ขาซ้ายมาตั้งแต่ลงแข่ง แกรนด์ สแลม เฟรนช์ โอเพน รอบรองชนะเลิศ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหายตัวไปเยียวยาอาการบาดเจ็บ และไม่ส่งสัญญาณคัมแบ็กใดๆ ทั้งที่ ยูเอส โอเพน จะเริ่มวันที่ 29 สิงหาคมนี้

กระนั้น นาดาล ให้คำตอบกระจ่างผ่าน ทวิตเตอร์ ว่าจะไม่ลงสนามแล้วในปีนี้ เพื่อโฟกัสกับการรักษาอาการบาดเจ็บจนกว่าจะหายดี ซึ่งหมายความว่าจะไม่ลงแข่ง แกรนด์ สแลม ที่มหานครนิวยอร์ค ด้วยเช่นกัน

"สวัสดีทุกคน ผมอยากแจ้งข่าวไม่ค่อยดีว่าผมได้ปิดฉากฤดูกาล 2021 แล้ว พูดตามตรงว่าผมทรมานกับอาการที่เท้ามากเกิน 1 ปีแล้ว และอยากใช้เวลาแก้ไขอาการบาดเจ็บ หรืออย่างน้อยก็ทำให้มันดีขึ้นเพื่อให้ลงเล่นได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า"

"ผมจะทำทุกทางด้วยความกระตือรือร้น เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และกลับมาแข่งขันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของผม ทุกอย่างจะสำเร็จตามเป้าหากขาของผมหายดี ผมสัญญาว่าจะทำงานอย่างหนักเพื่อลงเล่นกีฬานี้ต่อไป" นาดาล ระบุ
#3391


ยอร์เดนิส อูกาส กำปั้นชาวคิวบา กล่าวด้วยความมั่นใจว่าจะโชว์ฟอร์มจัดการ แมนนี ปาเกียว นักชกรุ่นใหญ่จากฟิลิปปินส์ จนอีกฝ่ายไปไม่เป็น และเชื่อว่าจะไม่โดนนักชกรุ่นพี่น็อกคาสังเวียนแน่นอน

อูกาส มีคิวถือเข็มขัดรุ่นซูเปอร์ เวลเตอร์เวต ป้องกันแชมป์กับ ปาเกียว ที่สังเวียน ที โมบายล์ อารีน่า สหรัฐอเมริกา วันที่ 22 สิงหาคมนี้ ตามเวลาเมืองไทย ซึ่งก่อนขึ้นชกทั้งคู่ก็มาเผชิญหน้ากันในงานแถลงข่าว

ปาเกียว ห่างหายการขึ้นชกอาชีพไปนาน 2 ปีหลังเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ขณะเดียวกัน ด้วยความที่เจ้าตัวพิชิตคู่แข่งด้วยการชนะคะแนนในช่วงหลังหลายไฟต์ ทำให้ อูกาส วัย 35 ปี มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางน็อกตนเองได้แน่

อูกาส เผยว่า "ผมมั่นใจ 100 เปอร์เซนต์เลยว่าเขาไม่มีทางน็อกผมได้แน่นอน ผมเตรียมงานของตัวเองเสร็จแล้ว และฝึกซ้อมมาอย่างดีตลอด 6 ปี และผมก็ไม่คิดว่า แมนนี ปาเกียว จะน็อกผมได้"

"ผมเตรียมตัวมาอย่างดีสำหรับการชก 12 ยก มันต้องออกมาสูสีแน่ ถ้านี่จะเป็นไฟต์สุดท้ายของตำนานที่ชื่อ แมนี ปาเกียว เขาก็จะได้เผชิญหน้ากับชายที่ทำให้เขาต้องเค้นทุกสิ่งทุกอย่างออกมาสู้ในฐานะยอดนักชกระดับโลก" อูกาส ระบุ

สำหรับ ปาเกียว น็อกคู่ต่อสู้คนสุดท้ายต้องย้อนกลับไปในปี 2018 ซึ่งครานั้นชนะน็อกใส่ ลูคัส มาธิสเซ่ จากอาร์เจนติน่าในยก 7 อย่างไรก็ตาม "แพ็คแมน" ก็ยังเชื่อว่าตัวเองพร้อมและมั่นใจกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

"ผมรู้สึกว่าตัวเองยังหนุ่มอยู่เลย อายุสัก 24 ได้ (ยิ้ม) ผมแฮปปี้กับสิ่งที่ทำ การชกมวยคือสิ่งที่ผมหลงใหล ผมสนุกกับการซ้อมและตื่นเต้นที่ได้ขึ้นเวที ผมไมใช่หมอดู แต่อยากให้มาดูกัน ผมจะทำให้ดีที่สุด" ปาเกียว ทิ้งท้าย
#3392


นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ดูแลธุรกิจ SCG HOME Retail & Distribution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า SCG HOME เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ประกอบการขนาดเล็กมีส่วนในการเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง และเป็นรากฐานที่ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต จึงมุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีอยู่เกือบหนึ่งแสนรายทั่วประเทศ ยังต้องการการเข้าถึงโอกาสและช่องทางในการพัฒนาศักยภาพ พร้อมทั้งต้องการเครื่องมือการตลาดแนวใหม่ เพื่อยกระดับการเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ SCG HOME ได้จับมือร่วมกับกองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมสัมมนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ 'ติดอาวุธพัฒนาสินค้า บริการ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล' จุดประกายความคิดให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็ก และนำองค์ความรู้ไปพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มช่องทางตลาดออนไลน์ และแนวทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ไปยังผู้บริโภค ตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อที่ผู้ประกอบการรายย่อยจะสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพิ่มทางเลือกสินค้าให้มีความหลากหลายกับผู้บริโภค

รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ขยายฐานของกลุ่มลูกค้าออกไปในวงกว้างมากขึ้น และผลักดันการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเสริมศักยภาพรูปแบบการจัดจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ที่จะเป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้าในอนาคต ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังสามารถพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารธุรกิจ และองค์ความรู้ในการพัฒนาสินค้าและปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น และนอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยด้วยกันเอง แบ่งปันองค์ความรู้ นำไปต่อยอดเป็นธุรกิจ และพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น

สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจประเภทใด ก็สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการพัฒนาศักยภาพของตนให้เข้มแข็งได้ ดังเช่น วิสาหกิจชุมชน ดังนี้

วิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมไทบุราณศิลป์ ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดบูชา พานตั้งโต๊ะ และพวงมาลัยคริสตัล นำโดย นางขนิษฐา อุทิศวรรณกุล กล่าวว่า ถึงแม้ว่าทางกลุ่มฯ เพิ่งเข้าร่วมอบรมสัมมนาออนไลน์กับทาง SCG HOME เป็นครั้งแรก แต่ได้รับประโยชน์มาก สามารถนำองค์ความรู้กลับมาพัฒนาศักยภาพได้จริง เช่น การพัฒนาต่อยอดสินค้าใหม่ ๆ โดยนำเศษผ้าไหมที่เหลือทิ้งมาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ให้มากขึ้น เนื่องจากช่วงโควิด – 19 แพร่ระบาด ทำให้ไม่สามารถออกบูธจำหน่ายสินค้า และขายผ่านหน้าร้านตามปกติได้ เนื่องจากจำเป็นต้องปิดร้านที่สนามหลวง 2 ไปชั่วคราว และหาช่องทางการจำหน่ายช่องทางออนไลน์แทน อาทิ อี-มาร์เก็ตเพลส ช่องทางโซเชียล เน็ตเวิร์คต่าง ๆ

วิสาหกิจชุมชนภูมิปัญญาไทยบ้านโพธิ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายไข่เค็มชาร์โคล น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างเครื่องประดับ และสบู่นมแพะ จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นางปรียาพร เทียนหล่อ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มฯ มีความเชี่ยวชาญในการนำสมุนไพรไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน หลังจากได้เข้าร่วมอบรมกับทาง SCG HOME ช่วยให้มีกระบวนการคิดและบริหารธุรกิจอย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่น ในสถานการณ์โควิด-19 การจะลงทุนทำอะไรเพิ่มต้องคิดและวิเคราะห์มากขึ้น ทั้งสามารถต่อยอดและพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เช่น การนำกากของผลมะกรูดที่เหลือจากการผลิตสบู่ มาต้มต่อและผลิตเป็นน้ำยาล้างจาน แทนที่จะทิ้งให้สูญเปล่า รวมทั้ง ยังได้รับเทคนิคในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อใหม่ ๆ อาทิ การสร้างเพจ การโพสต์รูปสินค้า และยังได้กลุ่มเพื่อนใหม่จากการเข้าร่วมอบรม มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กันและบอกต่อผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มค้าใหม่ๆ

วิสาหกิจชุมชนกลิ่นเอมนาโน กลุ่มผู้ผลิตเวชสำอางค์ ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากสารสกัดออร์แกนิคธรรมชาติ 100% ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไทยทั้งสิ้น ที่มีสมาชิกกลุ่มตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำ ไปจนถึงนักวิชาการ และโรงงานผลิต โดยนางสุวิภา เสริมบุญสร้าง มองว่า การจัดสัมมนาออนไลน์ของทาง SCG HOME เป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์อย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 แพร่ระบาด ไม่สามารถไปออกบูธขายสินค้าได้เหมือนแต่ก่อน จนมามองเห็นโอกาสในการขยายตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล ได้ความรู้และทักษะในการขายของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้จากเดิมที่ลูกค้าห่างหายไป หลังจากเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ ลูกค้าที่เคยซื้อกลับมาซื้อซ้ำและยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่ม

วิสาหกิจชุมชนกาแฟรัษฎาและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จากจังหวัดตรัง ผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่วแบบดั้งเดิม สบู่กาแฟ และชาดอกกาแฟ ซึ่ง นางกนกวรรณ คำเนตร ให้ความเห็นว่า โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็ก ของ SCG HOME เป็นโครงการที่เห็นความสำคัญของชุมชน และช่วยเหลือชุมชนโดยตรง ทั้งยังให้โอกาสกับกิจการขนาดเล็กของชุมชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ซึ่งถือว่าให้ประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ประกอบการ เช่น ด้านการขยายช่องทางออนไลน์ ทำให้ตอนนี้ทางกลุ่มฯ สามารถขยายช่องทางออนไลน์ไปในหลายแพลตฟอร์ม ตอบรับกับในขณะนี้ไม่สามารถเปิดหน้าร้านจำหน่ายสินค้าไม่ได้ก็ต้องอาศัยช่องทางออนไลน์ และในอนาคตก็หวังว่าอยากให้มีสัดส่วนขายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า SCG HOME รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก ให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมอบรมสัมมนาไปใช้ได้จริง และจะเดินหน้าโครงการที่เป็นประโยชน์แก่สังคมและชุมชนนี้ไปอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เพียงมีส่วนช่วยประคับประคองธุรกิจขนาดเล็กในช่วงที่ภาวะตลาดยังมีความผันผวนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่จะเป็นภูมิคุ้มกันและเสริมรากฐานช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจรายย่อยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย.
#3393


caverta ราคา ถูก ของแท้ ออกฤทธิ์ภายใน 30 นาที คาเวอร์ต้า อาหารเสริมผู้ชาย แข็งตัวต่อเนื่อง ต่อรอบได้หลายรอบ ส่งฟรี เก็บเงินปลายทาง

caverta ราคา
1 แผง 4 เม็ด

ส่งฟรี เก็บเงินปลายทาง

1 แผง ราคา 200 บาท / แผงละ 200 บาท

3 แผง ราคา 450 บาท / แผงละ 150 บาท

5 แผง ราคา 700 บาท / แผงละ 140 บาท

7 แผง ราคา 910 บาท / แผงละ 130 บาท

9 แผง ราคา 1,080 บาท / แผงละ 120 บาท

25 แผง ราคา 2,500 บาท / แผงละ 100 บาท

50 แผง ราคา 4,500 บาท / แผงละ 90 บาท

100 แผง ราคา 8,000 บาท / แผงละ 80 บาท

วิธีรับประทาน
ทาน 1 เม็ด ขณะท้องว่าง ดีที่สุด.
ยาจะออกฤทธิ์ ประมาณ 12 ชม
ดื่มน้ำตามเยอะๆเป็นน้ำอุ่นจะดี ยาออกฤทธิ์ไว.
ใน 1 วัน ห้ามทานยาเกิน 1 เม็ด (เพราะเป็นปริมาณยาที่ร่างกายสามารถขจัดได้เอง โดยไม่สะสมในร่างกาย).
ห้ามดื่มแอลกอฮอลล์ประสิทธิภาพของยาจะลดลง

caverta ให้ผลอย่างไร
ช่วยทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ดีขึ้น
ยืดเวลาการมีเพชสัมพันธุ์ ชะลอหลั่งไว
จะมีกิจกรรมตอนไหนก็ได้แค่มีการกระตุ้น
อาการข้างเคียง

สำหรับคนที่ร่างกายปกติ ที่เกิดจากทานยาไวอากร้า ก็มี ปวดหัว หน้าแดง ตาพร่า ใจเต้นแรง แล้วก็ตาแพ้แสงผลข้างเคียงนี้ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละบุคคล บางคนก็ไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ

คำเตือนยา คาเวอร์ต้า
ห้ามใช้ยากับเด็ก สตรีที่ให้นมบูตร
ห้ามใช้ยาปลุกเซ็กส์กับบุคคลที่เป็นโรคหัวใจ หรือโรคความดัน และมีโรคประจำตัวอื่นๆ
ไม่แนะนำให้ใช้ในเด็ก และไม่มีข้อบ่งใช้ในเพศหญิง

วิธีสั่งซื้อสินค้า คาเวอร์ต้า
1. ทัก ไลน์ หรือ ข้อความ แจ้งแอดมิน เลือกของที่ท่านอยากได้ บอกจำนวนสินค้า
2. รอรับสินค้า 1-2 วันทำการ ท่านสามารถรับสินค้าก่อน แล้วจ่ายเงินกับพนักงานขนส่งที่หน้าบ้านได้เลยครับ

Tags :: caverta ราคา,คาเวอร์ต้า ราคา,caverta เก็บเงินปลายทาง
#3394


นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ในประเทศไทยที่ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อโรค โควิด-19 อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อการให้บริการทางการแพทย์ ทำให้ผู้ป่วย โควิด-19 ไม่สามารถเข้าถึงระบบการรักษาพยาบาลได้อย่างทันท่วงที ภาครัฐจึงได้นำแนวทางการรักษาแบบ Home Isolation หรือการรักษาตัวเองจากที่บ้านมาใช้ เพื่อช่วยให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรือผู้ป่วย โควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่มีอาการไม่รุนแรง ได้เข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วขึ้น

ดังนั้นเพื่อเป็นการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ โควิด-19 ที่อยู่ในกลุ่มสีเขียวได้เข้าถึงการรักษาของแพทย์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน สมาคมประกันวินาศภัยไทย จึงได้มีแนวทางให้บริการกับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อ โควิด-19 และรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation ให้เข้าถึงบริการ Telemedicine ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในเบื้องต้นได้รับความร่วมมือจากสมาคมนายหน้าประกันภัยไทยในการประสานงานกับผู้ให้บริการ Telemedicine พร้อมทั้งมอบหมายให้คณะทำงานของสมาคมฯ ประกอบด้วย นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ เลขาธิการสมาคมฯ นายปิยะพัฒน์ วนอุกฤษฏ์ ประธานคณะกรรมการประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และ นายวาสิต ล่ำซำ ประธานคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจและวิชาการประกันภัย เพื่อดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ เลขาธิการ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้กล่าวถึงความร่วมมือกันระหว่าง สมาคมประกันวินาศภัยไทย ทรู ดิจิทัล และ Third Party Administration หรือ TPA ว่า เป็นบริการปรึกษาแพทย์ผ่านแอพพลิเคชัน True HEALTH สำหรับผู้เอาประกันภัยที่มีกรมธรรม์ประกันภัย โควิด-19 ที่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล หากติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัยสามารถเข้าถึงการดูแลรักษาของแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้ผู้เอาประกันภัยสามารถเบิกค่าสินไหมทดแทนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

สำหรับบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมในบริการ Telemedicine สำหรับผู้เอาประกันภัย โควิด-19 มีจำนวน 16 บริษัท ได้แก่
1. บมจ.กรุงเทพประกันภัย
2. บมจ.เจมาร์ท ประกันภัย
3. บมจ.เดอะ วัน ประกันภัย
4. บมจ.ทิพยประกันภัย
5. บมจ.เทเวศประกันภัย
6. บมจ.ไทยเศรษฐกิจประกันภัย
7. บมจ.ธนชาตประกันภัย
8. บมจ.นวกิจประกันภัย
9. บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์
10. บมจ.ฟอลคอนประกันภัย
11. บมจ.เมืองไทยประกันภัย
12. บมจ.วิริยะประกันภัย
13. บมจ.สินมั่นคงประกันภัย
14. บมจ.อาคเนย์ประกันภัย
15. บมจ.เอเชียประกันภัย 1950
16. บมจ.เอฟดับบลิวดีประกันภัย


ดร.อดิภัทร ชัยชนะสกุล กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พัฒนาแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ ทรู เฮลท์ เพื่อเพิ่มช่องทางให้คนไทยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ได้ง่าย ๆ จากทุกที่ทั่วประเทศ โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล พร้อมมอบประสบการณ์ดูแลสุขภาพในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบครบวงจร ทั้งพบหมอออนไลน์ รับยาที่บ้าน และ เคลมประกันได้ ไม่ต้องสำรองจ่าย ด้วยฟังก์ชันใหม่

ล่าสุด "เทเลเมดิเคลม" (TeleMediClaim+) ซึ่งความร่วมมือกับ สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ TPA ในครั้งนี้ ทรู เฮลท์ ต่อยอดฟังก์ชัน "เทเลเมดิเคลม" ไปอีกขั้น เพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วย โควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่มีกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ของบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการ สามารถปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากชีวีบริรักษ์คลินิกเวชกรรม ผ่านแอปพลิเคชัน True HEALTH ได้ทั้งในรูปแบบของการโทร แช็ต และวิดีโอคอล (VDO Call) พูดคุยกับแพทย์ได้จากทุกที่แบบเรียลไทม์

พร้อมมีบริการส่งยาตามใบสั่งแพทย์ถึงหน้าบ้านทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ และสามารถเคลมประกันเบิกค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ได้ทันที มั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งพลังในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยโรค โควิด-19 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ให้สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึง สะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลกับค่ารักษาพยาบาลและค่ายาด้วยความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัย โควิด19
#3395


การเข้ายึดอัฟกานิสถานของกลุ่มตาลีบัน ไม่ได้เป็นเพียงแค่การครอบครองอำนาจทางการเมืองเท่านั้น แต่เป็นการครอบครองแหล่งรายได้ที่ไม่อาจประเมินค่าได้ด้วยในฐานะที่อัฟกานิสถานเป็นแหล่งแร่ขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ของโลก

แม้ว่าอัฟกานิสถานจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีฐานะยากจนที่สุดในโลกแต่ในปี 2553 เจ้าหน้าที่ในกองทัพของสหรัฐและบรรดานักธรณีวิทยาเปิดเผยว่าอัฟกานิสถานซึ่งตั้งอยู่บนเส้นตัดผ่านของเอเชียกลางและเอเชียใต้เป็นแหล่งแร่ขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่อาจจะช่วยเปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจของประเทศนี้แบบพลิกฝ่ามือเลยก็เป็นได้

ปริมาณแร่ในอัฟกานิสถานที่รวมถึง แร่เหล็ก แร่ทองแดง และทองคำกระจัดกระจายไปทั่วจังหวัดต่างๆ และยังมีแร่หายากที่ถือว่าเป็นแร่ที่กำลังเป็นที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรมในขณะนี้เพื่อนำมาใช้ในการผลิตแบตเตอรีลิเธียม แบตเตอรีในรถยนต์ไฟฟ้า ในยุคที่ทั่วโลกกำลังลดการพึ่งพาพลังงานจากถ่านหินด้วยการหันมาใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

"อัฟกานิสถานเป็นหนึ่งในประเทศที่อุดมไปด้วยโลหะมีค่าที่เป็นที่ต้องการสำหรับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในศตวรรษที่21 "ร็อด ชูโนเวอร์ นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงซึ่งก่อตั้งอีโคโลจิคัล ฟิวเจอร์ส์ กรุ๊ป กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัฟกานิสถานจะมีแร่และแร่หายากจำนวนมาก แต่ความไม่มั่นคงทางการเมืองตลอดช่วง 40 กว่าปีที่ผ่านมา ทำให้แร่จำนวนมากในประเทศยังไม่ได้ถูกนำมาใช้

สำนักงานธรณีวิทยาของสหรัฐ(ยูเอสจีเอส)เคยทำการสำรวจแร่ในอัฟกานิสถาน พบว่า มีแร่เหล็กปริมาณมากถึง 2,000 ล้านตัน มีแร่ทองแดงไม่น้อยกว่า 60 ล้านตัน และมีแร่หายากไม่น้อยกว่า 1,400 ล้านตัน


นอกจากแร่ทั่วไปแล้ว แร่หายากในอัฟกานิสถานก็มีมากเช่นกันและแร่ชนิดนี้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิป ผลิตคอมพิวเตอร์ และผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีไฮเทคจำนวนมากที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน


ความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งแร่หายากในอัฟกานิสถาน ทำให้สหรัฐเรียกขานอัฟกานิสถานว่าเป็น"ซาอุดีอาระเบียแห่งลิเธียม"มานานกว่า10ปี ส่วนอัฟกานิสถานเองก็ตั้งกระทรวงเหมืองแร่และปิโตรเลียม ขึ้นมากำกับดูแลเหมืองแร่โดยเฉพาะ

ความท้าทายด้านความมั่นคง การขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานและภัยแล้งรุนแรงที่ยืดเยื้อยาวนานทำให้การขุดเหมืองแร่มีค่าที่สุดในอัฟกานิสถานชะงักงันไปในช่วงที่ผ่านมาและมีแนวโน้มว่าสถานการณ์จะไม่เปลี่ยนแปลงไปในทันทีที่กลุ่มตาลีบันเข้ามาปกครองอัฟกานิสถาน ทั้งยังมีประเทศต่างๆยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับการก่อตั้งรัฐบาล รวมถึงจีน ปากีสถาน และอินเดีย

แม้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐจะประกาศถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานในปีนี้แนวโน้มเศรษฐกิจของอัฟกานิสถานก็ยังคงมืดมน โดยข้อมูลของสำนักงานวิจัยของสภาคองเกรสสหรัฐ (ซีอาร์เอส) ระบุว่า นับจนถึงปี 2563 ตัวเลขประมาณการบ่งชี้ว่า 90% ของชาวอัฟกันยังคงดำเนินชีวิตต่่ำกว่าระดับความยากจนที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่วันละ 2 ดอลลาร์ ส่วนธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์)ระบุว่า เศรษฐกิจของอัฟกานิสถานยังคงเปราะบางและต้องพึ่งพาความช่วยเหลือ

"การพัฒนาของภาคเอกชนและควมหลากหลายทางเศรษฐกิจยังคงถูกจำกัดจากปัญหาความมั่นคง ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง สถาบันที่อ่อนแอ โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอ การคอร์รัปชันที่แพร่กระจายไปทั่ว และบรรยากาศการดำเนินธุรกิจที่ยากลำบาก"ข้อมูลของซีอาร์เอส ระบุ

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ(ไออีเอ) ระบุเมื่อเดือนพ.ค.ว่า ปริมาณลิเธียม ทองแดง นิกเกิล โค.ท์ และแร่หายากทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีสามประเทศคือ จีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและออสเตรเลียที่ครองสัดส่วน75% ของผลผลิตลิเธียม โค.ท์และแร่หายากทั่วโลก

ไออีเอ ระบุด้วยว่า โดยเฉลี่ยแล้ว รถไฟฟ้าต้องใช้แร่ในปริมาณที่มากกว่ารถทั่วไปถึง6เท่า ขณะที่ลิเธียม นิกเกิล และโค.ท์เป็นแร่สำคัญในกระบวนการผลิตแบตเตอรี

ส่วนการติดตั้งเครือข่ายระบบไฟฟ้าต้องการใช้แร่ทองแดงและอลูมิเนียมในปริมาณมาก ขณะที่แร่หายากก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตกังหันลม

รัฐบาลสหรัฐประเมินว่าแหล่งแร่ลิเธียมในอัฟกานิสถานอาจจะเทียบเท่ากับประเทศคู่แข่งอย่างโบลิเวีย ที่เป็นแหล่งแร่ที่ใหญ่ที่สุดของโลก
#3396


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในภูมิภาคยังสร้างความวิตกกังวลให้นักลงทุน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มปรับลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,442.51 จุด ลดลง 23.04 จุด หรือ -0.66%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,238.45 จุด ลดลง 42.72 จุด หรือ -0.16% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,241.32 จุด ลดลง 75.01 จุด หรือ -0.30%

ภาวะการซื้อขายในภูมิภาคยังคงถูกกดดันจากปัจจัยลบเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดยเมื่อวานนี้ ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เมืองหลวงของรัฐบางแห่งยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 ในประเทศ

รายงานระบุว่า ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 754 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศนับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาดมีจำนวนมากกว่า 41,000 ราย

ขณะที่เขตเมืองหลวงของออสเตรเลีย (ACT) ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ได้ขยายมาตรการดังกล่าวออกไปจนถึงวันที่ 2 ก.ย. และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 16 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่ในกรุงแคนเบอร์ราขณะนี้อยู่ที่ 83 ราย มาตรการดังกล่าวส่งผลให้กรุงแคนเบอร์ราเป็นเมืองใหญ่อีกแห่งของออสเตรเลียที่บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ เช่นเดียวกับซิดนีย์ และเมลเบิร์น

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาควันนี้ นักลงทุนยังจับตาธนาคารกลางจีน (PBOC) เตรียมประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี และประเภท 5 ปีในเช้าวันนี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี ไว้ที่ระดับ 3.85% และตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ไว้ที่ระดับ 4.65%

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (PPI) ของเกาหลีใต้และอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเดือน ก.ค.ในวันนี้ด้วย
#3397


สมาคมมีเดียฯ ปรับการคาดการณ์งบประมาณการใช้สื่อตลอดปี 2564 จะกลับไปติดลบอีก 2.7% ลดลงต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่ จากผลกระทบโดยตรงของการระบาดระลอกใหม่ที่มียอดคนติดเชื้อ Covid-19 เฉลียแตะวันละ 2 หมื่นคน โดยมีภาพรวมการใช้สื่ออยู่ที่ 101,738 ล้านบาท

สำหรับปี 2564 นี้ ดร. ธราภุช จารุวัฒนะ นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทยคนใหม่ (Media Agency Association of Thailand : MAAT) เปิดเผยถึงปัจจัยลบที่จะส่งผลให้ตัวเลขการใช้สื่อโฆษณาลดลงจากที่สมาคมฯ เคยคาดการณ์ว่าจะเป็นบวกจากงบการใช้สื่อในครึ่งปีแรกที่มีภาพบวกกว่า 5.2% โดยมีการคาดการณ์ปีนี้ว่าภาพรวมจะถดถอยลงไปไม่มากที่ 2.7% เทียบจากปีที่แล้วว่า "ภาพรวมสถานการณ์การระบาดระลอกล่าสุด ของ COVID-19 จะส่งผลกระทบที่ค่อนข้างชัดเจนในไตรมาส 3 และต่อเนื่องไปถึงต้นไตรมาสที่ 4 ที่เศรษฐกิจยังเผชิญกับการระบาดที่รุนแรงขึ้นจากสายพันธุ์เดลต้าจนโรงพยาบาลที่มีอยู่ไม่สามารถรองรับคนป่วยที่ติดเชื้อใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล อีกทั้งมาตรการควบคุมการระบาดที่จะต้องเข้มงวดขึ้น ทำให้หลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักมากขึ้น อีกทั้งการระบาดที่เริ่มแผ่ลามถึงภาคการผลิตและภาคบริการ ทำให้มีผลกระทบมาที่ทุกมีเดียเอเจนซี่ ที่ต้องมีการปรับแผนงานช่วยเหลือให้ลูกค้าเจ้าของสินค้าและบริการตามสถานการณ์ ปัญหาใหญ่จะอยู่ที่การควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศให้ลดลงโดยเร็ว ด้วยการร่วมมือของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนออกมาทำโรงพยาบาลสนามมากขึ้น ตลอดจนการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถค่อยๆ กลับมาดำเนินต่อได้มากขึ้นใกล้เคียงกับช่วงก่อนการระบาด"

นางสาวกนกกาญจน์ ประจงแสงศรี ที่ปรึกษาสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย เสริมว่า "เมื่อพิจารณางบประมาณการใช้สื่อในปี 2564 ประกอบกับภาพการระบาดอย่างต่อเนื่องของสายพันธุ์เดลต้า สื่อโฆษณาที่แทบทุกสื่อจะอยู่ในสภาพลบต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เป็นไปตามผลกระทบของ CODIV-19 ที่มีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค มาตรการเพื่อความปลอดภัย ที่ส่งผลให้ สื่อหลักอย่างสื่อโทรทัศน์ (รวมเคเบิ้ลทีวีและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม) ลดลงเพียงเล็กน้อยแค่ 3% สื่อกลางแจ้ง (Outdoor) ลดลงใกล้เคียงกันที่ 4% ในขณะที่สื่อโรงภาพยนต์ (Cinema) ลดลงอย่างต่อเนื่องจากปีแล้วอีก 26% รวมถึงสื่อเคลื่อนที่ (Transit) ที่ลดลง 18% และสื่อนิตยสาร (Magazine) 16% จากมาตรการล็อกดาวน์และนโยบายเวิร์คฟรอมโฮม ในขณะที่สื่ออินเทอร์เน็ตและสื่อออนไลน์ จะยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องอีก 14% และสื่อ ณ จุดขาย (In-Store) ที่จะกลับเป็นบวกที่ 4%



นางสาวกนกกาญจน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "ปัจจัยที่มีผลต่ออุตสาหกรรมโฆษณาปี 2564 โดยตรงคือ GDP ที่เติบโตแค่ 0.7% ส่งผลโดยตรงต่อสภาพคล่องการใช้จ่ายของประชาชนและธุรกิจโดยรวมถึงแม้จะมีการสนับสนุนจากภาครัฐต่างๆ และการใช้สื่อของนักการตลาดที่จะต้องมีความหลากหลายในการเลือกใช้กลยุทธเพื่อเข้าถึงการใช้ชีวิตแบบ new normal ของผู้บริโภค ประกอบกับการวัดผลของนักการตลาดที่หลากหลายมิติมากขึ้นในทุกแพลตฟอร์มโดยเฉพาะช่องทางออนไลน์และการใช้โซเชียลคอมเมอร์สให้เป็นประโยชน์กับกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงนี้"

นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ได้ประเมินการขยายตัวของค่าสื่อ (Media Inflation) ในครึ่งปีหลังของปี 2564 ค่าสื่อส่วนใหญ่ยังคงราคาไว้ที่ราคาเดิม จะมีเพียงสื่อโทรทัศน์โดยรวม ที่จะการปรับขึ้นประมาณ 3.6% ในขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์จะลดลงไปอีก 4%



ดร. ธราภุช ได้กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า "ถึงแม้ปี 2564 จะเป็นอีกปีที่ทุกธุรกิจยังจะต้องดำเนินต่อไปด้วยความลำบาก ที่ต้องเผชิญปัญหาที่ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทั่วโลก และทุกอุตสาหกรรม แต่เราต้องมองปัญหาในมุมใหม่เพื่อเป็นโจทย์ความท้าทายที่ นักการตลาด นักวางแผนสื่อ ที่ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวด้วยกลยุทธใหม่ๆ ที่เฉียบคม ด้วยความเข้าใจในผู้บริโภคและการวางแผนสื่ออย่างแยบยล บริหารจัดการเม็ดเงินที่มีให้ตรงกลุ่มเป้าหมายและคุ้มค่า ความเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ในยุค new normal ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที ทุกคนทั้งนักการตลาด และเอเจนซี่ต้องให้ความสำคัญของผู้บริโภคมาก่อน ถ้าผู้บริโภคอยู่ได้ แบรนด์ ธุรกิจ สื่อและเอเจนซี่ก็จะอยู่ได้ ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ"
#3398


นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "Innovation Beyond Business โอกาสนวัตกรรมเศรษฐกิจ" ในการสัมนา Virtual Forum  Thailand next#1 ว่าการพัฒนานวัตกรรมมีส่วนอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งการต่อสู้กับโรคระบาดอย่างโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ซึ่งเราเห็นตัวอย่างจากชาติตะวันตกที่มีความรู้เรื่องนวัตกรรมมีการสั่งสมองค์ความรู้ทางด้านการแพทย์ และวิทยาศาสตร์มาอย่างยาวนานก็สามารถที่จะผลิตวัคซีน-19 ได้ภายในระยะ 1 ปี จากปกติที่ต้องใช้เวลากว่า 8 ปี 

ประเทศไทยยังไม่มีการสั่งสมองค์ความรู้ที่เป็นนวัตกรรมมากนักที่ผ่านมาการลงทุนของภาคเอกชนมีมาอย่างต่อเนื่องและมีการลงทุนซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตโดยในช่วงที่ผ่านมาขนาดของเศรษฐกิจของไทยมีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน 

ส่วนนวัตกรรมที่บางส่วนเกิดจากการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไม่มากนัก โดยก่อนหน้านี้ระดับของ FDI ต่อจีดีพีของไทยอยู่ที่ 1-2% ของจีดีพีเท่านั้น 


อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร และด้านอื่นๆเพื่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติมของภาคเอกชนทั้งในและนอกประเทศ 

ขณะที่การปรับตัวเรื่องภาคส่วนต่างๆของเศรษฐกิจ เช่นการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 โดยเฉพาะในเรื่องของภาคการท่องเที่ยวที่จะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวในปริมาณที่ลดลงเน้นคุณภาพมากขึ้นและมีระบบสาธารณสุขรองรับเป็นอย่างดีซึ่งก็จะช่วยให้ประเทศไทยใช้เครื่องยนต์ทางการท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มากขึ้น 

ส่วนการเปิดรับนักลงทุนที่รัฐบาลพยายามเตรียมความพร้อมที่จะรับการลงทุนจากต่างประเทศนั้นมีการเตรียมความพร้อมโครงการต่างๆในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีการสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องเช่น เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ "EECi หรือ  เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand) หรือ "EECd" ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและการพัฒนานวัตกรรม 

นอกจากนั้นยังมีแนวนโยบายที่พัฒนาเศรษฐกิจสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกคือเรื่องของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยคาร์บอนไดร์ออกไซด์ สังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะมีการลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางนี้เช่นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น  
#3399


"ก.ล.ต."ส่งหนังสือ กำชับ"บอร์ด"บจ.ใช้ความระมัดระวังรอบคอบพิจารณา"ออก-เสนอขายวอร์แรนท์"  พร้อมเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน พบปีนี้บจ.แห่ออกเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากทั้งปีก่อน "ไทยพาณิชย์"ชี้เป็นประโยชน์กับนักลงทุน เพื่อรู้ถึงความเสี่ยง

"หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ"ได้รวบรวมข้อมูล บจ.ที่มีการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนท์)ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตั้งแต่ปีต้นปีถึง18 ส.ค.2564 ที่มีการขึ้นเครื่องหมาย(XRและXW)แล้วจำนวน 47 บริษัท เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว จากทั้งปี2563 ที่ได้มีการออกแรนท์  27 บริษัท

       สำหรับบริษัทที่เพิ่มทุนเพื่อรองรับการใช้สิทธิจากการออกวอร์แรนท์มากสุด 5 อันดับแรกปีนี้ คือ 1. บมจ. สกาย ทาวเวอร์ (STOWER) เดิมชื่อ บมจ. เอื้อวิทยา (UWC)  จำนวน 13,162.52 ล้านหุ้น 2.บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS )มูลค่า 4,608.85 ล้านหุ้น 3.บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป(BROOK)จำนวน 3,413.94 ล้านหุ้น 4. บมจ.บ้านปู (BANPU) จำนวน 3,383.05 ล้านบาท 5.บมจ.ณุศาศิริ(NUSA )จำนวน 1,910.27 ล้านหุ้น


             นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้ส่งหนังสือเวียนไปยังบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ทุกแห่ง เรื่องการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนท์)ที่จะซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) เนื่องจากที่ผ่านมาบจ.หลายแห่งได้ออกและเสนอขายวอร์แรนท์ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนและรองรับแผนการใช้ในอนาคต 

  รวมถึงเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุน โดยบางกรณีเป็นการเสนอขายวอร์แรนท์ควบคู่กับการออกหลักทรัพย์ประเภทอื่นเพื่อกระตุ้นหรือเพิ่มความน่าสนใจในการจองซื้อหลักทรัพย์ของผู้ถือหุ้นเดิมหรือกลุ่มผู้ลงทุนรายใหม่หรือเป็นการเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานเพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของบริษัทโดยรวมนั้น จากการออกและเสนอขาย warrant อาจส่งผลกระทบต่อราคาตลาดของหุ้นบริษัทจดทะเบียน(dilution effect) 


       ดังนั้นคณะกรรมการบริษัทจึงควรใช้ความระมัดระวังรอบคอบ (fiduciary duty)ในการพิจารณาออกและเสนอขายวอร์แรนท์ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของวอร์แรนท์ และเงื่อนไขการใช้สิทธิให้ชัดเจน เช่น ราคาเสนอขาย อายุและจำนวนวอร์แรนท์ ที่เสนอขาย ราคาใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิ เหตุและเงื่อนไขการปรับสิทธิที่เป็นธรรม โดยเฉพาะข้อมูลผลกระทบต่อราคาตลาดของหุ้น (price dilution) ส่วนแบ่งกำไรหรือสิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้น (control dilution) เป็นต้น

อย่างไรก็ตามบจ.ควรจะต้องระบุวัตถุประสงค์และแผนการใช้เงินในอนาคตให้ชัดเจนและสอดคล้องกับอายุวอร์แรนท์และช่วงเวลาการใช้สิทธิซื้อหุ้น รวมทั้งมูลค่าของวอร์แรนท์ (ส่วนต่างระหว่างราคาตลาดของหุ้นสามัญและราคาใช้สิทธิแปลงสภาพต่อหุ้น) เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนของผู้ลงทุนด้วย นอกจากนี้การออกและเสนอขายวอร์แรนท์ จะต้องเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

      นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานก.ล.ต.กล่าวว่า  การออกหนังสือเวียนดังกล่าว เพื่อต้องการให้บจ.ใช้ความระมัดระวังการออกและเสนอขายวอร์แรนท์ และเปิดเผยข้อมูลให้ครบถ้วน ถึงวัตถุประสงค์ความต้องการใช้เงินและแผนการใช้เงินที่ชัดเจน ราคาเสนอขาย dilutionหากมีการออก มูลค่าวอร์แรนท์ที่แท้จริงมีมูลค่าเท่าไร เพื่อให้นักลงทุนทราบข้อมูล เพื่อใช้พิจารณาการลงทุน

 "การออกเสนอขายวอร์แรนท์นั้นเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการระดมทุนของบจ.แค่อยากให้บจ.ใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาออก การเปิดเผยข้อมูล เงื่อนไขต่างๆ ผลกระทบราคาหุ้นถ้าออกมาแล้ว แผนการใช้เงินเมื่อไหร่ สอดคล้องอายุกับการออกวอร์แรนท์ฯลฯให้นักลงทุนทราบอย่างชัดเจน ซึ่งอยากให้บจ.เปิดเผยข้อมูลให้ครบตามที่ก.ล.ต.แจ้งในหนังสือเวียน"


นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน บริษัทไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIMAT กล่าวว่า กรณีที่ ก.ล.ต. ส่งหนังสือเวียนถึงบจ. เนื่องจากปีนี้อาจจะเป็นปีที่บจ.มีการเพิ่มทุนออกวอร์แรนท์กันจำนวนมาก  ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางของบจ.ในการระดมทุนเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ

    สำหรับประเด็นดังกล่าวบริษัทไม่มีความกังวล เนื่องจากบริษัทมีการจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) มาให้คำปรึกษาดำเนินการในเรื่องการออกวอร์แรนท์อย่างชัดเจน รวมทั้ง FA จะเป็นคนคอยประสานงานกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกรณีที่หากตลาดหลักทรัพย์ฯ มีข้อสงสัยในประเด็นใดๆ FA จะเป็นคนชี้แจ้งข้อสงสัยดังกล่าวทั้งหมด

ส่วนประเด็นผลกระทบต่อราคาdilution effect นั้น ความเห็นส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งราคาหุ้นจะปรับตัวลง ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่ที่อัตราการใช้สิทธิ  ซึ่งบริษัทมีหน้าที่ต้องชี้แจ้งแผนการใช้เงินระดมทุนดังกล่าวให้ละเอียด และนักลงทุนจะเป็นผู้พิจารณาในการลงทุนเอง ซึ่งในส่วนของบริษัทก็มีแผนการใช้เงินระดมทุนครั้งนี้ชัดเจนจึงไม่กังวลในประเด็นดังกล่าว

 อย่างไรก็ตามวานนี้หุ้นของบริษัทก็มีการขึ้นเครื่องหมาย  XW ซึ่งราคาหุ้นก็ปรับตัวลงมาถือว่าเป็นเรื่องปกติ

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการที่ก.ล.ต.ส่งหนังสือเวียนเรื่องการออกและเสนอขายวอร์แรนท์นั้น มองว่าเป็นผลดีแก่ผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยเฉพาะนักลงทุนสายเก็งกำไร เพื่อแจ้งนักลงทุนให้ทราบถึงความเสี่ยงผลกระทบต่อราคาหุ้น (Dilution Effect)

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิม​เอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า    คาดว่าประกาศของ ก.ล.ต.จะไม่ส่งผลต่อการออกวอร์แรนท์ในระยะถัดไป เนื่องจากบจ.มีการแจ้งรายละเอียด Dilution Effect ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นการแจ้งผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับกำไรต่อหุ้น (EPS) 

ขณะที่ผลกระทบต่อราคาบนกระดานมองว่าเป็นไปได้ยากที่จะประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ชัดเจน เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทในวันสุดท้ายก่อนที่วอร์แรนท์จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นได้

อย่างไรก็ดี ในกรณีปกติการออกวอร์แรนท์จะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น 3 ช็อตด้วยกัน ได้แก่ ช็อตแรก วันที่ประกาศข่าว หากบริษัทแจกวอร์แรนท์อย่างเดียว โดยไม่เพิ่มทุนเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนไปพร้อมกัน ราคาหุ้นจะปรับขึ้นตอบรับในเชิงลบไม่มาก อย่างกรณีของ บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT)แต่หากออกวอร์แรนท์พร้อมกับเพิ่มทุนเสนอขายหุ้นสามัญด้วย อย่างกรณีของ BANPU ราคาหุ้นจะปรับลงตอบรับเชิงลบมากกว่า  ส่วนช็อตสอง วันที่ขึ้นเครื่องหมาย XR หรือเครื่องหมาย XW ซึ่งจะกดดันราคาหุ้นทั้ง 2 กรณี

ขณะที่ช็อตสุดท้ายวันที่ลูกหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งปกตินักลงทุนมักซื้อไล่ราคาหุ้นบริษัทแม่ซึ่งเป็นหุ้นอ้างอิง เพื่อให้ราคาวอร์แรนท์สามารถซื้อขายในระดับที่สูง ส่งผลให้ภายหลังเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นราคาหุ้นแม่จึงปรับลดลง
#3400


นางสุดปรารถนา ดำรงชัยธรรม ผู้อำนวยการ - ทรัพยากรบุคคล "เคทีซี" กล่าวว่า "เนื่องจากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในวงกว้างรุนแรงมากขึ้น เคทีซีจึงได้ปรับแผนการเรียนการสอนของโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 ในรูปแบบออนไลน์ และบันทึกวีดิโอผ่านช่องทางของโรงเรียน โดยใช้หลักสูตรและสานต่อแนวคิดการแบ่งปันความรู้จากรุ่นสู่รุ่น (Train the Trainer) โดยวิทยากรภาษามือจากคุณครูและนักเรียนโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเคยเป็นผู้รับในปีทื่ 2 จะเป็นผู้ร่วมส่งต่อความรู้ในปีที่ 3 ให้กับเพื่อนๆ โรงเรียนโสตศึกษา นนทุบรี ซึ่งเป็นโรงเรียนการศึกษาพิเศษ สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 จำนวน 49 คน"

"ความสำเร็จของโครงการฯ สองครั้งที่ผ่านมา มีนักเรียนและครูที่เข้าร่วมในโครงการรวม 156 คน จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ และโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ โดยเคทีซีเน้นให้ความสำคัญกับการแบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์ให้แก่สังคม โดยเฉพาะการส่งเสริมให้คนในสังคมพัฒนาอาชีพสร้างรายได้เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ตลอดจนสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยให้มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม"

"โครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2562 ด้วยเชื่อมั่นว่าการบกพร่องทางกายของเยาวชนมิใช่อุปสรรคในการเรียนรู้ หากได้รับโอกาสในการพัฒนาที่เหมาะสม จึงได้นำการเรียนรู้เพาะเห็ด ออร์แกนิค ตามวิถีเกษตรพอเพียง และความรู้ทางการเงิน เข้ามาเป็นหลักสูตรการสอน โดยเน้นการลงมือปฏิบัติและพัฒนาความรู้ไปสร้างอาชีพ ตลอดจนสามารถส่งต่อเครือข่ายองค์ความรู้ให้กับสังคมต่อไป"

นายสมชาย บ้านไร่ ผู้อำนวยการ โรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า "โครงการเรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 นี้จะเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ได้ศึกษาเรียนรู้ในเรื่องการเพาะเห็ด และการทำผลิตภัณฑ์จากเห็ดเต็มรูปแบบ ทั้งการเพาะ การดูแล การแปรรูป การออกแบบผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย ซึ่งถือว่านักเรียนที่ได้เข้าร่วมโครงการจะสามารถนำความรู้พื้นฐานนี้ไปต่อยอดพัฒนาการเรียนรู้ในวิชาอื่นๆ และประกอบอาชีพต่อไป ขอขอบคุณเคทีซี โรงเรียนโสตทุ่งมหาเมฆ และฟาร์มเห็ดโพธิ์ทอง ที่ให้โอกาสและสนับสนุนนักเรียนได้เข้าร่วมโครงการนี้ ทางโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรีจะพยายามเรียนรู้ สร้างองค์ความรู้ ทักษะการประกอบอาชีพอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้นักเรียนได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้"

"นางจุฑารัตน์ เรืองเดช รักษาการผู้อำนวยการ โรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ กล่าวว่า "ในปีการศึกษา 2563 โรงเรียนได้รับเกียรติจากเคทีซี และโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ ส่งต่อโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน ปี 2" ซึ่งนอกจากโรงเรียนจะได้รับโรงเพาะเห็ดที่มีมาตรฐาน และก้อนเชื้อเห็ดที่มีคุณภาพแล้ว สิ่งที่มีคุณค่าและประโยชน์ยิ่งก็คือ การส่งมอบความรู้ ประสบการณ์ และกระบวนการจัดการ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียรและเคทีซี รวมถึงฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองที่เคทีซีจัดให้นักเรียนไปศึกษาดูงาน เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจ โดยตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการ นักเรียนได้เรียนรู้กระบวนการทำโรงเพาะเห็ด การบริหารจัดการโครงการ การดูแล-เก็บเกี่ยวผลผลิต การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารต่างๆ ก่อให้เกิดรายได้ ทั้งยังสร้างให้นักเรียนเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ มีภาวะผู้นำ เป็นประโยชน์โดยตรงแก่นักเรียน ในขณะที่คณะครูผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันจัดประสบการณ์ เพื่อผลักดันให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ จนทำให้ "เห็ด" เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของโรงเรียนที่สร้างรายได้ เป็นแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน และเป็นแนวทางสร้างอาชีพให้แก่นักเรียนได้เป็นอย่างดี และในปีนี้เป็นความยินดียิ่งของโรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆ ที่จะได้ส่งต่อโครงการที่มีประโยชน์นี้ให้กับเพื่อนต่างโรงเรียนคือ โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ "เรียนรู้ ต่อยอด ยั่งยืน" ปี 3 จะยั่งยืนส่งต่ออย่างต่อเนื่องไปอีกนานเท่านาน"

นางสาวเนตรนภา ขวัญสุข หนึ่งในทีมวิทยากรนักเรียนโรงเรียนโสตศึกษา ทุ่งมหาเมฆ สื่อสารผ่านล่ามภาษามือถึงประสบการณ์ตอนที่เข้าร่วมเรียนรู้ในโครงการฯ ครั้งที่ 2 ว่า "ตอนที่คุณครูบอกว่า เคทีซีจะมาสร้างโรงเพาะเห็ดให้โรงเรียนของเรา และคุณครูกับเพื่อนๆ หูหนวกจากโรงเรียนเศรษฐเสถียรจะมาเป็นวิทยากรให้ความรู้ พวกเรารู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก เพราะพวกเราไม่เคยเห็น ไม่เคยทำโรงเพาะเห็ดมาก่อน โรงเพาะเห็ดที่สร้างสวยงามมาก ติดตั้งระบบไฟฟ้า ระบบพ่นละอองน้ำพร้อมใช้งาน"

"เมื่อฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองมาส่งก้อนเชื้อเห็ดรอบแรก เราตกใจมาก ก้อนเชื้อเห็ดมีจำนวนมากถึง 1,800 ก้อน และเพื่อนๆ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร สอนให้เราเปิดปากถุง เรียงก้อนเชื้อเห็ด รดน้ำ จนวันที่เห็ดทั้งโรงพากันออกดอก เราตื่นเต้นมาก ทำไมมากมายขนาดนี้ เก็บขายครั้งละหลายกิโลกรัม เราขายกิโลกรัมละ 100 บาท โดยขายให้โรงครัวของโรงเรียน ชุมชนรอบโรงเรียน ตลาดสวนพลู และให้เป็นของที่ระลึกแก่ผู้มาบริจาค สัปดาห์ต่อๆ มาเรายังได้เรียนรู้การทำอาหารจากเห็ด สนุกและอร่อยมาก ทำบิ๊กบุ๊ค และพี่ๆ จากเคทีซียังมาสอนการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย คำนวณต้นทุน-กำไร รวมถึงออกแบบโลโก้เห็ดให้พวกเราด้วย ขอบพระคุณครูและเพื่อนๆ จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร พี่ๆ จากเคทีซี และครูรัตน์จากฟาร์มเห็ดโพธิ์ทองมาก ที่นำสิ่งดีๆ มาให้พวกเรา และยินดีมากที่ทราบว่าปี 2564 นี้จะได้มีโอกาสนำความรู้และประสบการณ์ของพวกเรา ไปถ่ายทอดให้เพื่อนๆ และน้องๆ ที่โรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดนนทบุรี เราจะทำให้ดีที่สุด ขอบคุณเคทีซีที่ให้โอกาส ให้ความรู้และประสบการณ์ดีๆ แก่พวกเรา"