• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Naprapats

#8118
รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอลการ์ดราคาส่ง
ราคาถูก ราคาเบา ราคาโรงงาน
มีเลขที่จดแจ้ง ได้มาตรฐาน 
ราคาเริ่มต้น 15 บาท/ชิ้น
สนใจติดต่อ  https://lin.ee/nXGuYwR
โทร. 0863754112
#8119
น้ำมันว่านเศรษฐีเรียกลาภ  ขวดละ 299 บาท


หุงจากว่านด้านเมตตา โชคลาภ 4 ชนิด ว่านรวยไม่เลิก ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนใน ว่านรางเงิน

พร้อมใส่ตะกรุดหัวใจพระสีวลีให้ทุกขวด ส่งเสริม เรื่องเมตตา โชคลาภ ค้าขาย

ว่านเศรษฐีเรือนใน

เป็นว่านที่มีคุณทางเมตตามหานิยม มีโชคลาภและวาสนาทรัพย์สินเงินทองมากมาย

ว่านเศรษฐีเรือนนอก 

เป็นว่านให้ผลในทางคุ้มครองป้องกันภัย มีโชคลาภและฐานะเจริญรุ่งเรือง

ว่านรวยไม่เลิก

เป็นว่านให้ผล ในเรื่องความร่ำรวยตลอดไปเหมือนชื่อต้น มีโชคลาภ

ว่านรางเงิน 

เป็นว่านะดีเด่นในเรื่องของเมตตามหานิยม และโชคลาภ 

คาถาบูชา

ตั้ง นะโม 3 จบ

สีวะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

สีวะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

สีวะลี เถระคุณัง เอตัง โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เมฯ

(ท่องคาถาแล้วอธิษฐาน)

ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://www.lazada.co.th/products/-i792070635-s1584866736.html?search=store?spm=a2o4m.10453683.0.0.10b96d16q6OJEJ&search=store

#8123


นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU  เปิดเผยว่า บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM  ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่ม TU คาดว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 2564 โดยมี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ "ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์"   จะเสนอขาย IPO จำนวน 109.3 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 90.0 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย TU จำนวน 19.3 ล้านหุ้น รวมทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 21.9% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ โดยจะนำเงินระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซียและปากีสถาน ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต

สำหรับเป้าหมายนำ "ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์" เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดการเติบโต 3-5  ปีข้างหน้าอย่างโดดเด่นและตลาดจะเริ่มพลิกฟื้นจากสถานการณ์โควิด  โดยจะเน้นการขยายในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก ประกอบกับการมองหาการลงทุนรูปแบบ M&A ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอาหารสัตว์ ที่สร้างโอกาสการเติบโตในอนาคต 

โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซียและปากีสถาน ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต 

สำหรับผลการดำเนินธุรกิจในปีนี้ นายฤทธิรงค์ มั่นใจว่า "ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์"ยังมีกำไรเติบโตได้สองหลัก แม้ในปีนี้มีแรงกดดันจากปัจจัยโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการบริโภคอาหารสัตว์ ทำให้ยอดขายอาหารสัตว์น้ำยังมีการชะลอตัวอยู่ ซึ่งกลุ่มอาหารสัตว์น้ำเป็นกลุ่มสินค้าที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุดของ TFM ที่ 90% ประกอบกับ ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งกระทบต้นทุนการผลิตของอาหารสัตว์ แต่บริษัทยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารสัตว์บางรายการ เพื่อช่วยลดผลกระทบของลูกค้า


โดยปัจจัยดังกล่าวกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรในปี 2564 บ้าง แต่ภาพรวมของผลการดำเนินงานในปีนี้ ถือเป็นจุดต่ำที่สุดก่อนจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวในช่วงปี 2565 เป็นต้นไป  ดังนั้นการเข้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงนี้ยังเป็นโอกาส รับการเติบโตอย่างมีศักยภาพใน 3 ปีข้างหน้า หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายลง และทำให้การบริโภคสัตว์น้ำกลับมาฟื้นตัว และราคาสัตว์น้ำจะเริ่มกลับมาดีขึ้น โดยคาดว่าจะเห็นยอดขายฟื้นตัวขึ้นสูงกว่าจากปี 2564 ที่มียอดขายทรงตัวที่ 4-5 พันล้านบาท

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมสัตว์น้ำของประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมประมงที่สำคัญของโลก จากปริมาณผลผลิตสัตว์น้ำที่มีเพียงพอสำหรับส่งออกไปยังตลาดสำคัญทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป เป็นต้น โดยผลผลิตสัตว์น้ำที่มีการส่งออกสูง ได้แก่ กุ้งสดแช่เย็น กุ้งสดแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์กุ้ง ส่งผลให้ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตกุ้งเป็นอันดับ 6 ของโลกในปี 2563

ขณะที่แหล่งที่มาของผลผลิตสัตว์น้ำในประเทศมาจาก 2 แหล่งที่สำคัญ คือ การจับสัตว์น้ำจากแหล่งธรรมชาติ และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีการนำเข้าสัตว์น้ำบางประเภทเพื่อนำมาแปรรูปและส่งออก โดยข้อมูลประมาณการของกลุ่มวิจัยและวิเคราะห์สถิติการประมงฯ ประเมินผลผลิตสัตว์น้ำของประเทศไทยในปี 63 ทั้งสิ้นกว่า 3,498,137 ตัน แบ่งเป็นผลผลิตที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ 2,553,101 ตัน และมาจากการเพาะเลี้ยงประมาณ 945,036 ตัน

สำหรับอุตสาหกรรมสัตว์น้ำมักจะประกอบไปด้วยหลากหลายภาคธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน เริ่มตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ ได้แก่ ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์น้ำ สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบให้กับธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ธุรกิจกลางน้ำ ได้แก่ ธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและธุรกิจประมง ซึ่งเป็นผู้จัดหาผลผลิตสัตว์น้ำนำส่งให้แก่ธุรกิจแปรรูปอาหารทะเล และธุรกิจปลายน้ำ เพื่อแปรรูปและเพิ่มมูลค่าอาหารทะเลสดให้อยู่ในรูปแบบที่พร้อมจำหน่ายและส่งออกไปยังตลาดหลักต่างๆ ของโลก

"ทุกธุรกิจที่กล่าวมานั้นล้วนเกี่ยวโยงกันในรูปแบบของ ซัพพายเชน ซึ่งกลุ่ม TU ให้ความสำคัญมากที่สุด เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับ ฟู้ดซับพายเชน  แก่อุตสาหกรรมอาหารในภูมิภาคเอเชีย"

นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่สำคัญ 3 แนวทางเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ประกอบด้วย การรักษาและพัฒนาความเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศ ผ่านความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรายเดิมและลูกรายใหม่ โดยเข้าไปศึกษาข้อมูลช่วยแก้ไขปัญหา หรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างเหมาะสม การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ผ่านการลงทุนและจัดหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นผู้นำธุรกิจอาหารสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน และขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต เริ่มจากประเทศอินเดีย ไปยังปากีสถาน และอินโดนีเซีย เพื่อเป็นตัวแทนของประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารสัตว์เศรษฐกิจเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคเอเชีย

บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจและผู้นำในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ โดยมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมานานกว่า 20 ปี สั่งสมองค์ความรู้รวมถึงมีการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการผลิตสินค้า ปัจจุบันมีการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ได้แก่ โปรฟีด (PROFEED) นานามิ (NANAMI) อีโก้ฟีด (EGOFEED) แอคควาฟีด (AQUAFEED) และดี-โกรว์ (D-GROW) เป็นต้น แบ่งเป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่

– อาหารกุ้ง มีส่วนแบ่งการตลาด 17% ของปริมาณอาหารกุ้งในไทยปี 63 และมีสัดส่วนรายได้จากการขายอาหารกุ้งในไตรมาส 1/64 ที่ 43.3%

– อาหารปลา (รวมอาหารกบและอาหารปู) แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ อาหารปลาทะเล เช่น อาหารปลากะพง ปลาเก๋า, อาหารปลาน้ำจืด เช่น อาหารปลานิล ปลาดุก, อาหารสัตว์น้ำวัยอ่อน สำหรับการอนุบาลลูกปลา และอาหารกบ โดย TFM เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำในกลุ่มตลาดอาหารปลากระพง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีราคาและอัตรากำไรค่อนข้างสูงกว่าอาหารปลาประเภทอื่นๆ ส่วนแบ่งการตลาดอาหารปลากะพง 24% ของปริมาณอาหารปลากระพงไทย ในปี 63 และมีสัดส่วนรายได้จากการขายอาหารปลา ณ ไตรมาส 1/64 ที่ 41.4%

– อาหารสัตว์บก แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ อาหารสุกร และอาหารสัตว์ปีก ได้แก่ อาหารไก่ อาหารเป็ด และอาหารนกกระทา โดยบริษัทเริ่มขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจอาหารสัตว์บกปลายปี 61 และปริมาณการขายอาหารสัตว์บกมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นที่น่าพอใจ โดยมีสัดส่วนรายได้ ณ ไตรมาส 1/64 ที่ 10.5%

บริษัทมีกำลังการผลิตอาหารสัตว์รวมทั้งหมด 288,000 ตัน/ปี แบ่งเป็นกำลังการผลิตอาหารกุ้ง 168,000 ตัน/ปี กำลังการผลิตอาหารปลา 90,000 ตัน/ปี และกำลังการผลิตอาหารสัตว์บก 30,000 ตัน/ปี ภายใต้ระบบการผลิตที่ทันสมัยทั้งแบบอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติที่ควบคุมและสั่งงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ สามารถแสดงคุณสมบัติและคุณภาพของสินค้าแต่ละขั้นตอนการผลิตที่สำคัญทั้งหมดในโรงงานจังหวัดสมุทรสาครและสงขลา จึงทำให้สามารถติดตามข้อมูลในระหว่างกระบวนการผลิตได้ทันที

"เรามีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ รวมถึงมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงมีศักยภาพเติบโตจากตลาดในประเทศ ผ่านการขยายธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ อาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ และตลาดต่างประเทศผ่านแนวทางต่างๆ เช่น การเข้าทำสัญญาความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น การเข้าจัดตั้งฐานการผลิตในต่างประเทศกับพันธมิตรท้องถิ่น ซึ่งเน้นขยายโอกาสไปสู่ประเทศที่มีการเติบโตสูง ทั้งอินเดียและอินโดนีเซีย เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต"
#8125


บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินหน้าส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานสัตว์น้ำบนพื้นฐานของความยั่งยืน โดยจับมือเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและทั่วโลกสนับสนุนแนวปฏิบัติที่ดีในการทำประมงที่ถูกกฎหมาย ได้มาตรฐานสากล ปลอดการใช้แรงงานบังคับ และช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ต่อยอดการจัดหาปลาป่นที่ตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาได้ 100% มีส่วนร่วมสร้างหลักประกันอาหารมั่นคงให้แก่ผู้บริโภคในทุกช่วงเวลา

นายไพโรจน์ อภิรักษ์นุสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในฐานะที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร มีบทบาทการสร้างความมั่นคงทางอาหาร จึงให้ความสำคัญต่อการใช้ผลผลิตทางธรรมชาติที่มีอยู่จำกัดอย่างเหมาะสมและใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในห่วงโซ่การผลิตกุ้งของซีพีเอฟในประเทศไทย ได้ดำเนินนโยบายใช้ปลาป่นที่มาจากผลพลอยได้จากโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ (by product) 100% สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งที่มาที่มีการจัดการอย่างยั่งยืน และได้รับรองมาตรฐาน MarinTrust ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สอดคล้องกับ Code of Conduct for responsible Fisheries ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)



ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเลตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อร่วมส่งเสริมการทำประมงที่ถูกต้อง ป้องกันประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing) และมีส่วนร่วมปกป้องระบบนิเวศ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยเป็นผู้นำร่องในการใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับของ Global Dialogue on Seafood Traceability (GDST) ตลอดห่วงโซ่อุปทานกุ้ง ตั้งแต่เรือประมง จนถึงโรงงานแปรรูปกุ้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคต่อการผลิตกุ้งที่ใส่ใจสังคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

"แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของเรือประมง บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของแนวปฏิบัติที่ดีของการประมงที่มีต่อระบบนิเวศและทรัพยากรทางทะเล ซึ่งเป็นต้นทางของห่วงโซ่อุปทานกุ้งที่ยั่งยืน จึงได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งในระดับประเทศ และระดับสากล โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนามาตรฐานการประมงตามหลักสากล ครอบคลุมด้านสิทธิมนุษยชน และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล เพื่อสร้างห่วงโซ่การผลิตกุ้งและอาหารทะเลของไทยที่ยั่งยืน และนำไปสู่ "ความมั่นคงทางอาหาร" สามารถรองรับความต้องการบริโภคอาหารที่ใส่ใจที่มาและกระบวนการผลิตและที่มาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" นายไพโรจน์กล่าว



อนึ่ง การส่งเสริมการประมงที่รับผิดชอบต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยซีพีเอฟได้ทำงานกับพันธมิตร และคณะทำงานทั้งในและต่างประเทศ สำหรับในประเทศไทย ซีพีเอฟ ร่วมกับ คณะพัฒนาระบบการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงไทย (Thai Sustainable Fisheries Roundtable : TSFR) ดำเนินโครงการปรับปรุงและพัฒนาการประมง (Fishery Improvement Project : FIP) สำหรับการประมงอวนลากในฝั่งอ่าวไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานการประมงตามมาตรฐาน MarinTrust (ชื่อเดิม IFFO RS) และได้จัดทำแผนการปรับปรุงและพัฒนาการประมง (Fishery Action Plan: FAP) ซึ่งได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการของ MarinTrust เข้าสู่ขั้นตอนการรับรองมาตรฐาน Improver Program (IP) ซึ่งเป็นมาตรฐานการจัดหาวัตถุดิบทางทะเลที่ร่วมรักษาความหลากหลายทางชีวภาพเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

อีกทั้งร่วมก่อตั้งและเป็นคณะทำงานร่วมในระดับอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเล (Seafood Task Force) เพื่อป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย แก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน และการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมประมงไทย โดยสนับสนุนการใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำที่ลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล การมีระบบติดตามเรือประมง (Vessel Monitoring System : VMS)



นายไพโรจน์กล่าวเสริมว่า ซีพีเอฟยังร่วมจัดตั้งศูนย์สวัสดิภาพและธรรมาภิบาลแรงงานประมง จังหวัดสงขลา ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อบูรณาการการขจัดปัญหาแรงงานบังคับ การใช้แรงงานผิดกฎหมายในอุตสาหกรรมประมงของไทย ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานประมงและครอบครัว

สำหรับความร่วมมือในระดับโลก บริษัทฯ เป็นสมาชิกในกลุ่มความร่วมมือ Seafood Business for Ocean Stewardship หรือ SeaBOS ตั้งแต่ปี 2560 เป็นความร่วมมือระดับนานาชาติในการพิทักษ์มหาสมุทรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเล สู่เป้าหมายการผลิตอาหารทะเลคุณภาพสูงอย่างเพียงพอ และรักษาจำนวนและความหลากหลายของสัตว์น้ำ โดยในปีนี้กลุ่ม SeaBOS ได้ผลักดันบริษัทสมาชิกไม่ทำประมงที่ผิดกฎหมาย หรือทำลายสัตว์ทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ และขจัดการใช้แรงงานผิดกฎหมาย พร้อมกำหนดให้บริษัทสมาชิกทั่วโลกผลิตสินค้ามาจากการทำประมงที่ปลอด IUU และปลอดการใช้แรงงานทาส ภายในเดือนตุลาคม ปีนี้



นายไพโรจน์กล่าวว่า จากความมุ่งมั่นและความพยายามของซีพีเอฟในการสนับสนุนการประมงยั่งยืน ส่งผลให้ซีพีเอฟได้รับคะแนนสูงสุดในหมวดสิทธิมนุษยชน และการบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน และมีผลคะแนนรวมด้านความยั่งยืนเป็นอันดับ 3 จาก 30 บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลก จากดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) ในครั้งที่ผ่านมา
#8128


นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อรองรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค พฤกษาฯมุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ของลูกค้าให้สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ด้วยการเพิ่มช่องทางการตลาด การบริการ และการขายผ่านออนไลน์ให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม โดยที่ผ่านมามีการผลักดันการขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ในหลากหลายช่องทาง พร้อมสร้างความเข้มแข็งด้วยการใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline) และได้เพิ่มบริการต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้า

ล่าสุดได้เพิ่มช่องทางใหม่เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า สามารถเลือกซื้อบ้านและคอนโดในช่วงล็อกดาวน์นี้ได้ ผ่านการคลิกจองบ้านออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ โดยได้คัดเลือกบ้านและคอนโดยูนิตพิเศษใน แคมเปญ "ลดปลดล็อค ช็อคราคา" ซึ่งแคมเปญนี้จะเป็น Hot Deal ที่รวบรวมทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดพร้อมอยู่ ที่คัดเลือกจากที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ มาจัดโปรโมชั่นพิเศษ มอบราคาและส่วนลด ของแถมต่าง ๆ มูลค่าสูงสุดกว่า 2 ล้านบาท พร้อมส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมจากปกติสูงสุดอีก 1 แสนบาท เฉพาะผู้จองบ้านและคอนโดผ่านเว็บไซต์ www.pruksa.com ที่จัดขึ้นเพียง 7 วันระหว่าง20-26 ส.ค.

ด้าน บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ LPN เผยว่า ได้จัดแคมเปญพิเศษสำหรับผู้จองซื้อ "บ้าน 365 พระราม 3" ด้วยแคมเปญ "LAST PRICE LAST CHANCE" "โอกาสสุดท้าย ราคาสุดท้าย" โอกาสทองที่จะได้สัมผัสและเป็นเจ้าของโครงการบ้านหรูพร้อมอยู่ใจกลางเมือง ในราคาพิเศษที่สุดแห่งปี เริ่มตั้งแต่วันนี้-15ก.ย.นี้ โดยบ้านเดี่ยวจะมีรูปแบบ 3 ชั้น แบ่งเป็น 3 สไตล์ ได้แก่ The Garden Villa พื้นที่ใช้สอย 340 ตารางเมตร (ตร.ม.) The Pool Villa พื้นที่ใช้สอย 490 ตร.ม.และ The Pavilion Villa พื้นที่ใช้สอย 520 ตร.ม.ขึ้นไป เป็นแปลงที่ดินพิเศษ ส่วนทาวน์โฮมนั้น มีพื้นที่ใช้สอย 310-320 ตร.ม.สูง 4 ชั้นครึ่ง ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องอเนกประสงค์ ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหารและครัวไทย



นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวล ลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่ยังมีกำลังซื้อบางส่วนที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
ทำให้บริษัทฯ มองเห็นสัญญาณบวกจากดีมานด์ดังกล่าว โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเรียลดีมานด์จึงได้จรัดแคมเปญพิเศษ "Ananda Breaking News" ด่วน!!ราคาดี ดีลพิเศษ ลดให้สุด ภายใต้แบรนด์คุณภาพทั้งคอนโด บ้านเดี่ยว และ ทาวน์เฮ้าส์รวม33 โครงการ เช่น แอชตัน / ไอดีโอ คิว / ไอดีโอ โมบิ / ไอดีโอ/ เอลลิโอ / ยูนิโอ / อาร์เทล / แอริ / เอโทล / เออร์บานิโอ และ ยูนิโอทาวน์ ราคาเริ่มต้น1.59 - 24.9 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสุด "อยู่ฟรี2 ปี* กู้เกิน100%* แต่งครบ* พร้อมอยู่" ซึ่งช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสและช่วงเวลาที่ดีของผู้ซื้อที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่อย่างแท้จริงทั้งด้านความคุ้มค่าและคุ้มราคาพร้อมเพิ่มความมั่นใจคุณภาพมากขึ้น ด้วยการขยายเวลารับประกันเพิ่ม12 เดือนสำหรับคอนโด และ6 เดือนสำหรับโครงการบ้าน และทาวน์เฮ้าส์

ด้าน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รายงานว่าเปิดให้ลูกค้าขาย โครงการโนเบิล แอมเบียนส์ สุขุมวิท42 คอนโดLow Rise พร้อมอยู่ สูง8 ชั้น259 ยูนิตขนาดห้องเริ่มต้น 27.24 – 61.19 ตารางเมตร สำหรับทั้ง1 และ2 ห้องนอน และฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นสัดส่วน ซึ่งมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกยูนิตครบทุกครันบนทำเลโครงการ สุขุมวิท42 ใกล้รถไฟฟ้าBTS สถานีเอกมัยเพียง350 เมตร เชื่อมต่อการเดินทางได้ทั้งถนนสุขุมวิทและพระราม4 โดยรอบรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์แหล่งธุรกิจ โรงเรียน และโรงพยาบาลชั้นนำ
#8129
รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอลการ์ดราคาส่ง
ราคาถูก ราคาเบา ราคาโรงงาน
มีเลขที่จดแจ้ง ได้มาตรฐาน 
ราคาเริ่มต้น 15 บาท/ชิ้น
สนใจติดต่อ  https://lin.ee/nXGuYwR
โทร. 0863754112