• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - dsmol19

#3321


วันนี้ (15 ส.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด-19 และวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อใหม่ 535,817 ราย สะสม 207,446,049 ราย เสียชีวิตใหม่ 8,511 ราย สะสม 4,365,961 ราย ประเทศพบผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดยังเป็นสหรัฐอเมริกา รายใหม่ 44,660 ราย สะสม 37.4 ล้านราย อินเดีย 36,127 ราย สะสม 32.1 ล้านราย โดยหลายประเทศที่ฉีดวัคซีนป้องกันกว้างขวางแต่ยังพบการติดเชื้อใหม่จำนวนมาก แต่ผลของวัคซีนจะลดการเสียชีวิตให้น้อยลง ทั้งนี้ อัตราป่วยต่อจำนวนประชากร 1 ล้านคน พบว่า สหรัฐฯ ยังสูงสุด 112,362 ราย อังกฤษ 91,397 ราย มาเลเซีย 42,169 ราย ส่วนไทย 12,960 ราย ขณะเดียวกัน อัตราตายต่อจำนวนประชากร 1 ล้านคน พบว่า อังกฤษ 1,917 ราย สหรัฐ 1,913 ราย และไทย 108 ราย

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า วันนี้รายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มใหม่ 21,882 ราย ตั้งแต่การระบาดปี 2563 สะสม 907,157 ราย หายป่วยกลับบ้าน 21,106 ราย เป็นวันที่มีการติดเชื้อเกิน 2 หมื่นอีกครั้งและหายป่วยอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม หลายประเทศดูจุดสำคัญนอกจากตัวเลขติดเชื้อใหม่ คือ ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก โดยเฉพาะประเทศทางตะวันตกที่มีการติดเชื้อจำนวนมาก แต่ผู้ที่มีอาการป่วยจนเข้าโรงพยาบาล(รพ.) หรือเสียชีวิตจะเป็นตัวบอกแนวโน้มสำคัญ ซึ่งไทยมียอดผู้ป่วยปอดอักเสบ 5,615 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,172 รายในจำนวนนี้อยู่ในกรุงเทพมหานคร(กทม.) 362 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตใหม่ 209 ราย สะสมในการระบาดรอบเดือนเม.ย.64 รวม 7,458 ราย คิดเป็น 0.85% เป็นตัวเลขต่ำกว่า 1% ที่เป็นค่าเฉลี่ยทั่วโลก

นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า ผู้เสียชีวิต 209 ราย อยู่ในกทม. 83 ราย ใน5จังหวัดปริมณฑล 58 ราย รวมกันเป็น 141 รายซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของผู้เสียชีวิตโดยรวม เป็นเพศชาย 117 ราย เพศหญิง 92 ราย ค่ากลางอายุที่ 68 ปีจะเห็นว่าจุดสำคัญคือผู้สูงอายุ โดยข้อมูลผู้เสียชีวิตอายุ 60 ปีขึ้นไปมี 137 รายคิดเป็น 66% และน้อยกว่า 60 ปี พบว่า โรคเรื้อรัง/โรคประจำตัว 48 รายคิดเป็น 23% ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วสูงถึง 89% ซึ่งเป็นเหตุผลที่เน้นย้ำให้มีการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ขณะที่ หญิงตั้งครรภ์ พบ 2 รายที่ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวานและภาวะอ้วน โรคประจำตัวอื่นๆ

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า กองระบาดวิทยา ได้รวบรวมผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค.-14 ส.ค. 6,758 ราย พบว่าเป็นกลุ่มอายุ 60-69 ปีขึ้นไป 24% อายุ 70 ปีขึ้นไป 42% รวมกันสูงถึง 68% ซึ่งต้องติดตามต่อเนื่องเพื่อระบุความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตให้ชัดเจนเพื่อเน้นการเข้าถึงวัคซีนป้องกัน ภาพรวมสถานการณ์ไทย การติดเชื้อยังรายงานอยู่ในระดับสูงและคงตัวอยู่ เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งเกิดจากมาตรการที่เข้มข้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ส.ค. พื้นที่ต่างจังหวัด เดิมจะน้อยกว่ากทม.และปริมณฑล และช่วงหลังการกระจายออกไปเยอะ จึงเป็นส่วนที่มากขึ้นมาก

เมื่อถามว่าผู้ป่วยที่รักษาโควิด ประมาณ 10-14 วัน แต่กลับมาในชุมชนจะเสี่ยงหรือไม่ เนื่องจากประชาชนในชุมชนยังกังวล นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สำหรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยมาจากคณะผู้เชี่ยวชาญทุกฝ่าย ซึ่งยังยึดครบ 14 วันนับจากวันเริ่มป่วยวันแรก ดังนั้น หากเริ่มป่วยไปรักษาในรพ. 14 วัน แต่อาการดีขึ้นประมาณ 10 วันก็สามารถกลับมารักษาต่อที่บ้านจนครบ 14 วันได้ แต่เมื่อครบ 14 วันก็ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ เหมือนเช่นเดิม ส่วนที่ระบุว่าต้องตรวจให้เจอว่ามีเชื้อหรือไม่ แนวทางชัดเจนว่าไม่ได้แนะนำว่าต้องตรวจ เพราะการตรวจอาจเจอซากเชื้อปริมาณน้อยๆได้ สิ่งสำคัญต้องยึดมาตรการนิวนอร์มอลเช่นเดิม
#3322


นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี–แลนด์ กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเขตกรุงเทพฯ ตอนใต้ พระราม 2–สมุทรสาคร โซนภาคตะวันออก และโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก รวมถึงคอมมูนิตี้มอลล์ "พอร์โต้ ชิโน่" และจุดแวะพักครบวงจร "พอร์โต้ โก" กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด–19 ส่งผลให้ผู้บริโภควิตกกังวลในเรื่องของความปลอดภัย รวมทั้งการลดกิจกรรมนอกบ้านและมาตรการล็อกดาวน์ เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายโดยหันมาซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ถือเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านค้า รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าหันมาปรับเปลี่ยนการขายสู่การทำการตลาดออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น

ทั้งนี้จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ระบุว่า มูลค่าการตลาด e-Commerce ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเป็นสื่อในการนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ ในประเทศไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในปี 2563 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 16% และคาดการณ์ว่าปี 2564 จะเพิ่มขึ้นเป็น 18% ปี 2565 เพิ่มขึ้น 20% และปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 22% และความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์นั้นจะกลายเป็นช่องทางการซื้อที่สำคัญมากขึ้นสำหรับผู้บริโภค แม้เป็นยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด–19

นายศิริพงษ์ กล่าาว่า บริษัทมองเห็นโอกาสขยายฐานการตลาดในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจค้าออนไลน์ที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดโปรโมชัน "อาคารพาณิชย์ดีที่สุด" ผ่านโครงการ "บ้านดี เดอะมอนเทอเรย์ ศรีราชา–อัสสัมชัญ" ท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่นและสวยงาม บนเนื้อที่รวมประมาณ 11 ไร่ ใจกลางเมืองศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในรูปแบบอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น สไตล์ American Cottage ขนาดที่ดิน 16.5 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 95 ตร.ม. กับฟังก์ชัน 1 ร้านค้า 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ภายในโครงการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งพื้นที่สีเขียวร่มรื่น American Courtyard ขนาดใหญ่ด้านหน้าโครงการ สวนขนาดย่อมกระจายอยู่รอบโครงการ คลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ คีย์การ์ดสำหรับเข้า–ออกโครงการ และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV ในราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท* พร้อมเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลังสามารถเข้าอยู่ได้ทันที ไม่ต้องตกแต่งเพิ่ม

"บ้านดี เดอะมอนเทอเรย์ อีกหนึ่งโครงการคุณภาพจากดี–แลนด์ กรุ๊ป ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ใจกลางเมืองศรีราชา การเดินทางสะดวกสบาย สามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองชลบุรี–ระยอง–พัทยา หรือจะใช้เส้นทางจากถนนอัสสัมชัญเชื่อมต่อเข้าสู่ถนนสุขุมวิทก็สะดวก โดยอาคารพาณิชย์ในโครงการบ้านดี เดอะมอนเทอเรย์ มีพื้นที่สำหรับขายหน้าร้านและขายออนไลน์ พร้อมฟังก์ชัน 1 ร้านค้า 2 ห้องนอน ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องไลฟ์สดขายของ หรือห้องสต๊อกสินค้า และซื้อ 1 ได้ถึง 2 กับห้องนอนที่พร้อมปล่อยเช่าได้ทันที นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้กับบริษัทขนส่ง อาทิ ไปรษณีย์ไทย เคอรี่ แฟลช และเจแอนด์ที สะดวกต่อการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.49 ล้านบาท ตอบครบทุกความต้องการสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่กำลังองหาอาคารพาณิชย์ที่ดีที่สุดและตอบโจทย์การลงทุนในอนาคตที่คุ้มค่า" นายศิริพงษ์ กล่าว
#3323


นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 1,250.88 ล้านบาท  กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.08 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี กำไรสุทธิรวม 1,052.57 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.75 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 198.31 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้น 18.84%

​โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บมจ.ทิพยประกันภัย สามารถทำเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 13,338.12 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2563 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 11,615.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,722.58 ล้านบาท หรือ 14.83% ประกอบด้วย เบี้ยประกันอัคคีภัย 1,119.90 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 245.37 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 2,718.98 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 9,253.87 ล้านบาท

นายสมพร กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทิพยประกันภัย ได้ประกาศนโยบายสำคัญจะก้าวเป็นผู้นำตลาดประกันภัยในยุคดิจิทัล (TIP Digital Insurance) ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา จะเห็นได้จากเมื่อเกิดวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทฯ สามารถปรับแผนการดำเนินงาน ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคภายใต้รูปแบบวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อให้เกิดเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯในการช่วยเหลือสังคมและอยู่เคียงข้างคนไทยไม่ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ใด ๆ ก็ตาม

​นอกจากนี้ บมจ.ทิพยประกันภัย ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางมากขึ้น อาทิ การร่วมกับ "ทรูบิสิเนส" จัดแพคเกจสนับสนุน "SMEs ไทย สู้วิกฤตโควิด-19" ภายใต้แคมเปญ SMEs Go Online ด้วยแผนประกันภัยไซเบอร์ เสริมความมั่นใจให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะได้รับความคุ้มครองการถูกโจรกรรมเงินจากบัญชีส่วนตัวผ่านช่องทางออนไลน์ และการถูกฉ้อโกงจากการซื้อสินค้าออนไลน์ หรือการร่วมกับ ShopeePay มอบประกันภัยแพ้วัคซีนป้องกันโควิด-19 คุ้มครองลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ฟรี เป็นต้น

อีกทั้ง การสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นับเป็นภารกิจสำคัญหนึ่งของ "ทิพยประกันภัย" จึงได้จัดโครงการ "TIP ห่วงไทย สู้ภัยโควิด" เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนรับสิทธิฟรี เพื่อรับความคุ้มครองกรณีเกิดผลข้างเคียง ภาวะรุนแรงจากการแพ้วัคซีนป้องกันโควิด-19 สูงสุดถึง 1แสนบาท ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างล้นหลาม มีผู้มาลงทะเบียนรับสิทธิกว่า 2,600,000 คน


​สำหรับความคืบหน้าแผนการปรับโครงสร้างการบริหารงานในฐานะบริษัทโฮลดิ้งส์ นั้น นายสมพร กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดตั้งบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการจัดทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer) ทั้งหมดของ TIP ด้วยการแลกหุ้นในอัตราส่วน หุ้น TIP 1 หุ้น ต่อ TIPH 1 หุ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2564 รวม 45 วันทำการ หลังจากนั้นจะนำหุ้นสามัญของ TIPH เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนหุ้นสามัญของ TIP ที่จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันเดียวกัน โดยคาดว่าจะเสร็จเรียบร้อย ภายในเดือนกันยายน 2564 นี้

​"หลังจาก บมจ.ทิพยประกันภัย ปรับโครงสร้าง และยกฐานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ ภายใต้ชื่อบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) คณะผู้บริหารของบริษัทฯ ก็พร้อมจะเดินหน้านโยบายสำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานที่มีความยืดหยุ่นและกว้างขวางมากขึ้น รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งและก้าวขึ้นเป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน"
#3324


กรณีรัฐบาลจีนได้แต่งตั้ง นายหาน จื้อเฉียง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย หลังจากที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งนี้มานานนับปีนั้น ได้ทำให้ภาคนักธุรกิจ โดยเฉพาะหอการค้าทางภาคเหนือของไทยเฝ้าจับตาดูบทบาทว่าจะนำพาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ/เศรษฐกิจไทย-จีนไปในทิศทางใด โดยเฉพาะนโยบายเกี่ยวกับแม่น้ำโขง เส้นทางคมนาคมทางเรือเชื่อมการค้า การท่องเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำ ชายแดนเชียงราย-พม่า-สปป.ลาว มณฑลยูนนาน สป.จีน ที่หยุดชะงักลง เนื่องจากจีนปิดท่าเรือกวนเหล่ย เมืองท่าหน้าด่านสำคัญริมฝั่งโขงมานาน

น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ยุคที่เศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวซบเซาอันเกิดจากวิกฤตโควิด-19 ภาคการค้าชายแดนไม่ได้เงียบเหงาตามไปด้วย การส่งออกสินค้าตามช่องทางชายแดนของไทยไปประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างของ จ.เชียงรายมีจุดการค้า 4 จุดใหญ่ๆ คือ จุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา, จุดผ่านแดนถาวรท่าเรือแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน และจุดผ่านแดนถาวร อ.เชียงของ เชื่อมกับแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งมีการค้าทั้งกับประเทศเพื่อนบ้าน (พม่า-ลาว) และ สป.จีน คิดเป็นมูลค่ามหาศาลต่อปี ซึ่งหากได้รับการส่งเสริมผลักดันก็จะสามารถนำมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันได้

อย่างไรก็ตาม แม้ช่องทางการค้าชายแดนส่วนใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่การค้าทางเรือแม่น้ำโขงกลับได้รับผลกระทบ เนื่องจากทางการจีนได้สั่งปิดท่าเรือกวนเหล่ย เมืองหล้า เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านของจีนมาตั้งแต่เกิดวิกฤตโรคระบาดที่เมืองอู่ฮั่นจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 2 ปีแล้ว จนทำให้การค้าทางเรือซบเซาลงอย่างหนัก เรือสินค้ากว่า 400 ลำต้องจอดสนิท และผู้คนลุ่มน้ำโขงตกงานกันเป็นจำนวนมาก



รองประธานหอการค้า จ.เชียงรายกล่าวอีกว่า ในโอกาสที่ทางการจีนได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยคนใหม่ให้เข้ามาทำงาน จึงขอเสนอให้พิจารณารีบดำเนินการใน 3 เรื่องหลักๆ เพื่อให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย-จีน คือ 1. ขอให้ทางการจีนเปิดท่าเรือกวนเหล่ย ภายใต้มาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด อนุญาตข้ามแดนเฉพาะสินค้า โดยไม่อนุญาตคนเข้าออก

2. ให้มีการขุดลอกแม่น้ำโขงช่วงที่เรียกว่า "มองป่าแหลว" ชายแดนประเทศเมียนมา-สปป.ลาว ห่างจาก อ.เชียงแสนไปทางทิศเหนือประมาณ 53 กิโลเมตร เพราะช่วงฤดูแล้งเมื่อเขื่อนจิ่งหงในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาปล่อยน้ำจากเขื่อนในอัตราที่ต่ำกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้เกิดหาดทรายกว้างและตื้นเขินจนเรือสินค้าไม่สามารถแล่นผ่านได้ บางครั้งต้องใช้การชักลากและเรือเกิดติดค้างอยู่หลายวัน

เรื่องที่ 3 คือ ขอให้พิจารณาเปิดด่านรุ่ยลี่ที่ติดกับด่านมูเซของเมียนมาที่ทางการจีนปิดด่านเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 เช่นกัน แต่ควรเปิดโดยวางมาตรการไม่ให้มีคนเข้าออกเหมือนด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อให้การค้าชายแดนไทย-เมียนมา-จีนขับเคลื่อนได้

"ดิฉันคาดหวังว่าเมื่อทางการจีนมีเอกอัครราชทูตคนใหม่มาประจำจะทำให้มีอำนาจอย่างเต็มที่ในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ได้"



น.ส.ผกายมาศกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ จ.เชียงรายยังมีจุดการค้าด้าน อ.แม่สาย ที่เป็นจุดผ่านแดนถาวรแห่งเดียวของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และติดกับประเทศไทย ซึ่งรัฐฉานมีพื้นที่มากกว่าประเทศกัมพูชาและมีประชากรมากกว่า สปป.ลาว จึงเป็นตลาดใหญ่ ปัจจุบันนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง เครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ และมีด่านมูเซ-รุ่ยลี่ที่มีมูลค่าการค้ามหาศาล มีสินค้าไทยส่งออกไปกว่า 50% นอกจากนี้ยังมีด้านถนนอาร์สามเอผ่าน อ.เชียงของ เข้าไปยัง สปป.ลาว และจีนตอนใต้

ดังนั้น เพื่อให้การค้าชายแดนช่วยฉุดดึงเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตในยุควิกฤตโควิด-19 รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศจึงควรผลักดันการเจรจากับประเทศจีนเรื่องท่าเรือกวนเหล่ยโดยเร็ว ส่วนกระทรวงคมนาคมควรเร่งพัฒนาท่าเรือเชียงแสน โดยเฉพาะการจัดหาอุปกรณ์ยกสินค้าที่ได้มาตรฐาน

ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องผลักดันให้มีพิธีสารเพื่อส่งออกผักและผลไม้ไปยังท่าเรือกวนเหล่ยได้ เพราะปัจจุบันยังไม่มีข้อตกลงดังกล่าวทำให้ส่งออกสินค้าประเภทนี้ไปทางเรือไม่ได้ ทั้งๆ ที่ท่าเรือกวนเหล่ยอยู่ในเมืองหล้ามีองค์กรตรวจสอบมาตรฐานผักและผลไม้แบบเดียวกันกับด่านโมฮานที่ติดกับเมืองบ่อเต็น สปป.ลาว บนถนนอาร์สามเอ ซึ่งรับสินค้าผักและผลไม้ไทยไปจาก อ.เชียงของ
 
#3325


ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชำนาญด้านโครงการและแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนและ ท่าอากาศยานได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ -Drsamart Ratchapolsitte โดยมีเนื้อหาดังนี้...รถไฟฟ้าลอดใต้เจ้าพระยา เจาะอุโมงค์เหมือนกัน แต่ทำไมประมูลต่างกัน ?

เวลานี้มีรถไฟฟ้าวิ่งลอดใต้เจ้าพระยาแล้ว 1 สาย นั่นคือสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และกำลังจะมีเพิ่มอีก 2 สาย ประกอบด้วยสายสีส้มส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ และสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ซึ่งอยู่ในระหว่างการประมูล แต่เชื่อมั้ยครับว่าเกณฑ์ประมูลกลับถูกเปลี่ยนจากเกณฑ์เดิมที่ใช้กับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งมีการเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาได้ผลดีมาแล้ว?



รฟม.ใช้เกณฑ์อะไรในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งต้องเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาครั้งแรก?

ในการประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค ซึ่งต้องก่อสร้างอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และต้องขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาครั้งแรก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ใช้เกณฑ์ประมูลโดยพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคก่อน หากผู้ยื่นข้อเสนอผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้านเทคนิคก็จะพิจารณาข้อเสนอด้านราคาต่อไป ใครเสนอราคาต่ำสุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล ซึ่งเกณฑ์นี้เป็นที่ยอมรับและยึดถือปฏิบัติกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของ รฟม. และของหน่วยงานอื่น

ปรากฏว่าผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลไม่เคยมีประสบการณ์ในการขุดเจาะอุโมงค์ในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อน เพิ่งมีโอกาสจากโครงการนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็สามารถทำการก่อสร้างจนสำเร็จลุล่วงเป็นไปตามความต้องการของ รฟม. และได้เปิดใช้ในปี 2562 ชี้ให้เห็นว่าเกณฑ์ประมูลนี้เป็นเกณฑ์ที่ใช้ได้ผลดี

ADVERTISEMENT


รฟม.เปลี่ยนใจไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก ซึ่งต้องเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาเช่นเดียวกัน

รฟม.ได้เปิดประมูลหาผู้ร่วมลงทุน (หรือผู้รับสัมปทาน) ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และจัดหารถไฟฟ้ารวมทั้งให้บริหารจัดการเดินรถตลอดเส้นทาง ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยใช้เกณฑ์ประมูลเหมือนกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย นั่นคือต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคก่อน หากผู้ยื่นข้อเสนอผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้านเทคนิค ก็จะพิจารณาข้อเสนอด้านผลตอบแทน ("ผลตอบแทน" ใช้สำหรับการหาผู้รับสัมปทาน ส่วน "ราคา" ใช้สำหรับการหาผู้รับเหมา) ต่อไป ใครเสนอผลตอบแทนสูงสุดก็จะชนะการประมูล

แต่ก่อนถึงวันยื่นข้อเสนอ รฟม.ได้ประกาศเปลี่ยนไปใช้ "เกณฑ์ใหม่" ซึ่งต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทน โดยให้คะแนนด้านเทคนิค 30% และคะแนนด้านผลตอบแทน 70% ใครได้คะแนนรวมสูงสุดก็จะชนะการประมูล ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการลดทอนความสำคัญข้อเสนอด้านเทคนิคลงจากเดิมที่มีคะแนนเต็ม 100% เหลือ 30% เท่านั้น

ทั้งนี้ รฟม.อ้างว่าเหตุที่ต้องเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลเนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตกเป็นโครงการร่วมลงทุนขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง โดยเฉพาะการก่อสร้างสถานีและอุโมงค์ใต้ดินผ่านพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน รวมทั้งจะต้องก่อสร้างอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย จึงจำเป็นต้องได้ผู้รับสัมปทานที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งผมเห็นว่าถ้าเป็นไปตามข้ออ้างดังกล่าวจริง รฟม.ควรใช้เกณฑ์เดิม เพราะเป็นเกณฑ์ที่ให้ความสำคัญข้อเสนอด้านเทคนิคถึง 100%

รฟม.คงลืมไปว่าในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ซึ่งต้องขุดเจาะอุโมงค์ในพื้นที่ชุมชนหลายแห่งเป็นระยะทางใต้ดิน 13.6 กิโลเมตร จากระยะทางทั้งหมด 22.5 กิโลเมตร รฟม.ก็ใช้เกณฑ์ประมูลเดิมหรือเกณฑ์ที่ใช้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ไม่ได้ใช้เกณฑ์ใหม่ ปรากฏว่าใช้ได้ผลดีทำให้การก่อสร้างมีความคืบหน้าถึงวันนี้ (13 สิงหาคม 2564) ประมาณ 85%

รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งต้องเจาะอุโมงค์ลอดใต้เจ้าพระยาเช่นเดียวกัน

ขณะนี้ รฟม.กำลังประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟาสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ หรือสายสีม่วงใต้ ซึ่งต้องก่อสร้างอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย

แต่ รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ซึ่งใช้ได้ผลดีมาแล้ว กลับไปใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก ซึ่งพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทน ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจทำให้ รฟม.ต้องเสียค่าก่อสร้างมากกว่า และที่สำคัญ อาจถูกกล่าวหาว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมารายใดรายหนึ่งหรือไม่?

เหตุที่ รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้นั้น รฟม.อ้างเหตุผลทำนองเดียวกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก โดยอ้างว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนและต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ประกอบกับมีเส้นทางผ่านเขตชุมชนหนาแน่น พื้นที่ที่มีความอ่อนไหวสูง เช่น พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องได้ผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์และสมรรถนะสูง

ข้ออ้างของ รฟม. ย้อนแย้งกับข้อเท็จจริงหรือไม่?

รฟม.อ้างว่าเหตุที่ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก และรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เพราะต้องขุดเจาะอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวและมีความซับซ้อน และต้องขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ทำให้ต้องใช้ผู้รับสัมปทานหรือผู้รับเหมาที่มีความสามารถสูง

จะเห็นได้ว่าข้ออ้างของ รฟม.ย้อนแย้งกับข้อเท็จจริง กล่าวคือในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายก็ต้องขุดเจาะอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์และอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกัน ซึ่ง รฟม.ได้ใช้เกณฑ์ประมูลที่ทำให้สามารถคัดเลือกผู้รับเหมาที่มีความสามารถก่อสร้างอุโมงค์ในพื้นที่ดังกล่าวได้สำเร็จสมบูรณ์ โดยไม่ได้นำคะแนนด้านเทคนิคมารวมกับคะแนนด้านราคาเพื่อพิจารณาหาผู้ชนะการประมูลแต่อย่างใด

ข้อเท็จจริงนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยีในการขุดเจาะอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้มีความพิเศษสลับซับซ้อนถึงขนาดต้องใช้เกณฑ์ประมูลที่แตกต่างไปจากการประมูลโครงการอื่นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่อยากให้ทุกคนได้รับรู้ก็คือ การขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ใช่เป็นการขุดเจาะในแม่น้ำ แต่เป็นการขุดเจาะในดินใต้ท้องน้ำประมาณ 10 เมตร หรือใต้ผิวน้ำประมาณ 30 เมตร

สรุป

การที่ รฟม.ไม่ใช้เกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายสำหรับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และสายสีม่วงใต้ แต่ใช้เกณฑ์พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา อาจทำให้มีข้อเสียดังนี้

1. ในกรณีรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก รฟม.อาจไม่ได้รับผลตอบแทนสูงสุด ส่วนในกรณีรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ รฟม.อาจต้องเสียค่าก่อสร้างมากกว่า การพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา อาจทำให้ผู้ยื่นข้อเสนอที่เสนอผลตอบแทนสูงสุด หรือเสนอราคาต่ำสุดไม่ได้รับการคัดเลือก เพราะเขาอาจได้คะแนนรวม (ด้านเทคนิค+ด้านผลตอบแทนหรือราคา) น้อยกว่า
2. อาจถูกกล่าวหาว่าต้องการล็อกผู้รับสัมปทานหรือผู้รับเหมา หากกรรมการคัดเลือกต้องการช่วยผู้ยื่นข้อเสนอรายใดรายหนึ่งสามารถทำได้ง่าย เนื่องจากเกณฑ์นี้พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา หากเห็นว่าผู้ยื่นข้อเสนอรายนั้นเสนอผลตอบแทนต่ำหรือเสนอราคาค่าก่อสร้างสูง ซึ่งจะทำให้ได้คะแนนด้านผลตอบแทนหรือราคาต่ำกว่า ก็จะเพิ่มคะแนนด้านเทคนิคให้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงอาจทำให้ รฟม.ถูกกล่าวหาว่าต้องการให้ผู้ยื่นข้อเสนอบางรายได้รับคะแนนสูงกว่าผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่นหรือไม่?

ดังนั้น หาก รฟม.คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งความสำเร็จของโครงการอย่างแท้จริง ก็ควรพิจารณาใช้เกณฑ์ประมูลเดิมที่พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคแยกกับข้อเสนอด้านผลตอบแทนหรือราคา ซึ่งใช้ได้ผลดีเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว แต่เหตุใด รฟม.จึงไม่ใช้เกณฑ์ประมูลเดิมเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนดังที่ได้ยึดถือปฏิบัติกันมา
เห็นชัดๆ กันอย่างนี้แล้ว รฟม.จะว่าไง?

ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง

 
#3326


บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า  ภาพรวมกำไรสุทธิในงบการเงินรวมสำหรับไตรมาส2/2564และครึ่งปี2564 มีจำนวน 1,703 ล้านบาท และ 3,352 ล้านบาท เติบโต 19%  เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน 

โดยเป็นกำไรส่วนที่เป็นของบริษัท เคทีซี สำหรับไตรมาส2/2564  จำนวน 1,680 ล้านบาท เติบโต  46.2% และมีกำไรสุทธิครึ่งปี2564  3,314 ล้านบาท เติบโต 18.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน 

ด้วยผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ระลอกที่ 3 ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา กระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้าและการจัดหาลูกค้าใหม่ของบริษัทที่ทำได้ยากขึ้น เป็นผลให้จำนวนบัตรใหม่ที่เข้ามาชะลอตัวลง และส่งผลสืบเนื่องต่อการเติบโตของพอร์ตรวมและปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทที่ขยายตัวไม่มากนัก

ดังนั้นเพื่อสร้างโอกาสสู่การเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคแบบครบวงจร บริษัทจึงมีแผนสร้างโมเดลธุรกิจที่จะขยายตัวไปยังสินเชื่อมีหลักประกันมากขึ้น อกจากบริษัทจะให้ความสำคัญกับ "สินเชื่อเคทีซีพี่เบิ้ม" ที่เน้นในด้านการจำนำทะเบียนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์เป็นหลักประกัน เพื่อขยายขอบเขตธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันให้หลากหลายยิ่งขึ้นแล้ว

ในปลายเดือนพฤษภาคม 2564เคทีซีได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด หรือ KTBL จำนวนทั้งสิ้น 75,050,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 75.05% ของจ านวนหุ้นทั้งหมดของ KTBL จาก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB โดยชำระราคาซื้อขายในสัดส่วน 50% ของราคาซื้อขายหุ้นที่ตกลงกัน ด้วยจำนวนเงิน 297.2 ล้านบาท และบริษัทจะชำระราคาซื้อขายหุ้นส่วนที่เหลือ ซึ่งอาจมีการปรับราคาซื้อขายหุ้นต่ำลงหรือสูงขึ้นให้แก่ KTB ภายหลังการตรวจสอบตามเงื่อนไขเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 ส่งผลให้KTBL ถือเป็นบริษัทย่อยของเคทีซี

ดังนั้นในการวิเคราะห์ผลดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาสสอง ปี 2564 เป็นต้นไป จะเป็นการอธิบายจากงบการเงินรวมที่รวมบริษัทย่อยแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่างบการเงินรวมปี 2563 ที่นำมาแสดงเปรียบเทียบ จะแสดงเป็นงบการเงินที่ปรับปรุงรายการเสมือนว่าการรวมธุรกิจได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันต้นงวดในงบการเงินในปีก่อนที่นำมาแสดงเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการบัญชีสำหรับการรวมธุรกิจภายใต้การควบคุมเดียวกัน ที่ออกโดยสภาวิชาชีพบัญชี แต่ในคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการจะเปรียบเทียบผลดำเนินงานไตรมาสสองปี 2564 นี้ กับ ผลดำเนินงานไตรมาสสองปี 2563 ซึ่งเป็นของเดิมก่อนการปรับปรุงรายการ เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบถึงผลการดำเนินธุรกิจตามสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น

ผลการดำเนินงานในรอบครึ่งปี 2564 เคทีซีมีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 89,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% (yoy) ส าหรับงวดหกเดือนแม้ว่ารายได้รวมของเคทีซีลดลง -2.5% (yoy) แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการ ค่าใช้จ่ายรวมให้ลดลงไป -12.9% (yoy) โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายทางการเงินและมีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงไปในอัตรา -6.1% และ -31.3% ตามลำดับ ตลอดจนมีรายได้หนี้สูญได้รับคืนอยู่ในระดับที่ดีขึ้น 

พอร์ตรวมขยายตัว มีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวมเท่ากับ 89,444 ล้านบาท ขยายตัว 7.1%(yoy) โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิต 4.6%(yoy) และเพิ่มจากยอดลูกหนี้ตามสัญญาเช่าจาก KTBL มีมูลค่า 4,255 ล้านบาท ที่เข้ามารวมในไตรมาสนี้ ขณะที่เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลลดลงเล็กน้อย -2.5%(yoy)

ด้านปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรขยาย แม้ฐานสมาชิกบัตรลด สำหรับไตรมาสสองและครึ่งปี 2564 ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทมีอัตราขยายตัวที่ 13.1% และ 3.9% หรือมีมูลค่า 45,739 ล้านบาท และ 94,160 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมขยายตัวที่ 1.7%  โดยบริษัทมีฐานสมาชิกบัตรลดลง -4.3% (yoy) หรือมีจำนวนฐานสมาชิกทั้งสิ้น 3.3 ล้านบัญชี แบ่งเป็น บัตรเครดิต 2,544,573 บัตร -2.3% (yoy)และสินเชื่อบุคคลจ ำนวน 802,971 บัญชี-10.0% (yoy )

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบอัตราการเปลี่ยนแปลงรายเดือนสำหรับไตรมาสสองปีนี้พบว่า ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน ที่ 38.0% 12.6% และ -0.4% ตามลำดับ ขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัท ในเดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน มีอัตราขยายตัวที่ 41.3% 9.6% และมีอัตราลดลงที่ -3.0% ตามลำดับ เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ในเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา

โดยมี NPL อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงเดิม ภายใต้สถานการณ์ที่มีปัจจัยผันแปรมากยิ่งขึ้น จึงเป็นผลให้ไตรมาสสองนี้บริษัทมี สัดส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวมต่อรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย มีกำไรก่อนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงที่ -5.1% (yoy) ทั้งนี้ การที่พอร์ตลูกหนี้มีคุณภาพดี ทำให้ความจำเป็นในการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นน้อยลงไปด้วย

อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (% ของ NPL) ของบริษัท ในไตรมาสสองเท่ากับ 4.4% เพิ่มขึ้นจากการนับรวมพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อจาก KTBL เข้ามา ขณะที่ NPL ของธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 1.5% และ 3.0% ตามลำดับ สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา ซึ่ง NPL ของบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลเท่ากับ 1.4% และ 2.9% ตามลำดับ

ทั้งนี้หากพิจารณาถึงมูลค่าสินเชื่อด้อยคุณภาพเฉพาะของบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของบริษัทในไตรมาสสองปี 2564 ที่มีจำนวน 1,678 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสหนึ่งที่มีค่าเท่ากับ 1,661 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากสิ้นปี 2563 ที่มีจำนวน 1,598 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงพอร์ตของบริษัทที่ยังคงคุณภาพไม่แตกต่างไปจากเดิม
#3327


กระแสความสนใจของประชาชน วันนี้ กรณีการแจกเงินเยียวยา ให้แก่ประชาชนแรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ที่ประกาศ ล็อกดาวน์ โดยประกันสังคม เปิดลงทะเบียนผ่าน www.sso.go.th สำหรับผู้ประกันตนตาม มาตรา 33 (ม.33) , มาตรา 39 (ม.39) และมาตรา 40 (ม.40) ดังนี้


ผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 9 ประเภทกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ คลิกตรวจสอบสิทธิ์

แรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงมีมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการ "ล็อกดาวน์หวยออนไลน์" ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เพิ่มเติม จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา ครอบคลุม 9 ประเภทกิจการ นั้น ได้แก่ กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร นั้น

สำหรับความคืบหน้าการเยียวยากลุ่มนายจ้างมาตรา 33 จำนวน 3,000 บาท ต่อลูกจ้างไม่เกิน 200 คน นั้น ขณะนี้มีนายจ้างได้ทยอยยื่นขอรับเงินชดเชยเข้ามาในระบบ e -service โดยในพื้นที่ 13 จังหวัดนั้นมีนายจ้างทั้งหมดประมาณ 180,000 ราย

ทั้งนี้ รมว.แรงงาน ยังได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม เร่งประชาสัมพันธ์กระตุ้นเตือนไปยังนายจ้างที่ยังไม่ได้ยื่นขอรับค่าชดเชยเยียวยาสามารถยื่นความประสงค์ขอรับเงินได้ที่ ระบบ e – service ของประกันสังคม จากนั้นปริ้นข้อมูลแบบรับการเยียวยาแล้วกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์ม ส่งกลับมาให้ประกันสังคมโดยถ้าเป็นนายจ้างที่เป็นนิติบุคคลต้องแนบเลขบัญชีธนาคารกลับมาด้วย แต่ถ้าเป็นนายจ้างบุคคลธรรมดาให้นายจ้างผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนเพื่อประกันสังคมจะได้โอนเงินให้โดยเร็ว


ผู้ประกันตนมาตรา 39 และผู้ประกันตนมาตรา 40 คลิกตรวจสอบสิทธิ์


เช้าวันนี้ ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ย้ำว่าผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ตรวจสิทธิรับเงินเยียวยาได้แล้ว ประกันสังคม เปิดให้ ผู้ประกันตน มาตรา 39 และ มาตรา 40 (29 จังหวัดแดงเข้ม 9 กลุ่มกิจการ) ตรวจสอบสิทธิ รับเงินเยียวยา รายละ 5,000 บาท ได้แล้ว คลิกตรวจสอบสิทธิ์


ทั้งนี้ การสมัครมาตรา 40 ไม่เกี่ยวข้องกับสิทธิรักษาพยาบาลร่วมกับบัตรทอง (สปสช.) รวมทั้งสิทธิประโยชน์สวัสดิการแห่งรัฐต่างๆ แต่อย่างใด และสิทธิที่เคยได้รับยังเหมือนเดิม และมีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย หรือสิทธิประโยชน์กรณีเสียชีวิตจากสำนักงานประกันสังคมเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ส่วนสิทธิประโยชน์ของมาตรา 40 แต่ละทางเลือกขึ้นอยู่กับทางเลือกที่ผู้ประกันตนสมัคร

กระทรวงแรงงาน ย้ำยื่นก่อนได้ก่อน รับเงินเยียวยานายจ้าง ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ
นายจ้างที่อยู่ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม และอยู่ใน 9 ประเภทกิจการที่ถูกควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
จะได้รับเงินเยียวยา 3,000 บาทต่อลูกจ้าง 1 คน (สูงสุดไม่เกิน 200 คน) สำนักงานประกันสังคมจะเริ่มโอนเงินเข้าบัญชี ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2564 นี้ เป็นต้นไป

ที่มา - สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
#3328


ก่อนหน้านี้ คงเคยได้ยินเรื่องของสินเชื่อเงินทอนหรือว่าการขอสินเชื่อธนาคารเกินวงเงินหรือเกินมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่นำมาเป็นหลักประกัน ซึ่งเกิดขึ้นมากมายจนถึงกับมีโค้ชเปิดสอน หรือมีคนรับทำแบบนี้จนธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ต้องออกมาเตือน

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัทฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนคอนซัลแทนซี่ จำกัด อธิบายว่า เรื่องสินเชื่อเงินทอน กลายเป็น 1 ในปัจจัยสำคัญ ที่ธปท.ออกเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่หรือที่เรียกกันสั้นๆ ง่ายๆ ว่า LTV (Loan To Value) โดยกำหนดให้ผู้ที่จะซื้อที่อยู่อาศัยทุกคนที่ขอสินเชื่อธนาคารจะได้วงเงินสินเชื่อจากธนาคารมาที่ 80 – 90% ไม่ใช่ 100% แบบก่อนหน้านี้

โดยคนที่จะได้สินเชื่อ 90% คือคนที่ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นครั้งแรก หรือสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เคยขอมาก่อนหน้านี้มีระยะเวลาเกิน 3 ปีแล้ว แต่เรื่องของสินเชื่อเงินทอนนี้ก็ไม่ได้หายไปจากตลาดอสังหาริมทรัพย์

แม้ว่าจะมีมาตรการ LTV ออกมาควบคุมสินเชื่อธนาคารได้ 2 ปีกว่าแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องของสินเชื่อเงินทอนยังคงมีอยู่ให้เห็นหรือมีคนเล่าให้ฟัง อีกทั้งยังมีการโฆษณาให้เห็นต่อเนื่องในช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ทันที ผู้ที่สนใจซื้อจะสามารถเข้าชมบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จนั้นได้ทันที จากนั้นก็ดำเนินเรื่องการขอสินเชื่อกับทางพนักงานขายหรือเจ้าหน้าที่ของโครงการ 

โดยเรื่องของ สินเชื่อเงินทอน ที่เกิดขึ้นหลังจากที่มี LTV ควบคุมอยู่ก็ยังสามารถทำได้ เพราะหลายโครงการของหลายผู้ประกอบการมีการลดราคาขายของยูนิตในโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ โดยเป็นการลดราคาขายลงมามากถึง 20 – 30% จากราคาขาย และเมื่อเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ ก็ต้องเป็นโครงการที่มีราคาประเมินราชการพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งราคาขายที่ฝั่งของโครงการเสนอให้กับผู้ซื้อนั้น ต่ำกว่าราคาประเมินราชการ และแม้ว่ามีเกณฑ์ LTV มาควบคุมวงเงินสินเชื่อ ผู้จะซื้อที่ขอสินเชื่อธนาคารก็ยังคงได้รับสินเชื่อธนาคารในวงเงินที่มากกว่าราคาซื้อขายจริง ที่พวกเขาได้รับการนำเสนอจากฝั่งของโครงการเพราะอ้างอิงจากราคาประเมินราชการ ซึ่งวงเงินที่เกินมานี้อาจจะไม่มากแต่ก็หลักแสนบาท เป็นวงเงินที่ทางผู้ซื้อพอใจ และเป็นวงเงินที่ทางธนาคารก็พอใจเช่นกัน

ช่วงปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ผู้ประกอบการหลายรายพร้อมใจกันลดราคาขายที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จพร้อมอยู่ของพวกเขาซึ่งหลายโครงการที่พวกเขาลดราคานั้นเป็นโครงการที่มีราคาขายสูงมาก หรือเป็นโครงการที่ผู้ประกอบการตั้งราคาขายไว้สูงกว่าราคาขายเฉลี่ยในทำเลนั้นๆ นอกจากนี้ยังเป็นโครงการที่มีต้นทุนเดิมทั้งเรื่องของราคาที่ดิน และต้นทุนการก่อสร้าง เพราะเป็นโครงการที่เปิดขายก่อนหน้านี้ 2 – 3 ปี แต่ตั้งราคาขายไว้สูงกว่าราคาเฉลี่ยแบบที่กล่าวไปแล้ว เพราะฝั่งของผู้ประกอบการก็ต้องการวงเงินสินเชื่อสูงๆ จากธนาคารในการก่อสร้างโครงการเช่นกัน เพราะมูลค่าของโครงการก็อ้างอิงจากราคาขายของทุกยูนิตในโครงการรวมกัน ซึ่งเมื่อโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ ราคาประเมินราชการที่จะตั้งสำหรับแต่ละโครงการนั้นก็อ้างอิงหรือสอดคล้องกับราคาขายที่ผู้ประกอบการตั้งไว้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นผู้ซื้อจะเกิดปัญหาได้ ผู้ประกอบการจึงได้รับประโยชน์จากการที่โครงการมีราคาประเมินสูงๆ และมีช่องในการลดราคาเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ซื้อ ด้วยการลดราคาขายลงมา และบอกว่าผู้ซื้อสามารถขอสินเชื่อธนาคารได้โดยอ้างอิงจากราคาประเมินราชการ 

ฝั่งของธนาคารเองก็ไม่ได้เข้มงวดในจุดนี้มากนัก เพราะพวกเขาได้ประโยชน์จากวงเงินสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และมีอสังหาริมทรัพย์ค้ำประกันอยู่ ฝั่งของผู้ซื้ออาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตอนโอนกรรมสิทธิ์ และจดจำนองกับทางธนาคาร เพราะคิดตามวงเงินสินเชื่อ

ผู้ซื้อบางราย อาจจะขอสินเชื่อธนาคารพร้อมกันหลายยูนิต ซึ่งถ้าทุกยูนิตที่พวกเขายื่นขอสินเชื่อธนาคารได้รับเงินส่วนต่างจากเรื่องนี้ตลอด จะมีผลให้พวกเขาได้เงินมาเป็นจำนวนไม่น้อยเลย

แม้ว่าสุดท้ายแล้ว ผู้ที่ขอสินเชื่อเหล่านี้จะต้องรับผิดชอบเงินสินเชื่อที่ได้รับจากธนาคารก็ตาม แต่ในมุมมองของธปท.คือ การก่อภาระหนี้สินที่มีความเสี่ยง และสร้างความเสี่ยงให้กับภาคธนาคารด้วยเช่นกัน เพราะผู้ซื้อบางส่วนไม่ได้ต้องการที่จะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้จริงๆ พวกเขาแค่ต้องการเงินส่วนเกินนี้เท่านั้นเอง และต้องการขายอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ทันทีไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าของในระยะยาว ซึ่งผู้ขอสินเชื่อกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจับตามองสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น แต่ช่วงนี้อาจจะกู้ธนาคารกันยากกว่าช่วงเวลาที่สถานการณ์ปกติ

ตัวอย่างจากธปท.

สมมุติซื้อบ้านที่ผู้ขายบอกราคา 3 ล้านบาท แต่ในทางปฏิบัติสามารถต่อรองได้ เช่น ลดเหลือ 2.5 ล้านบาท แต่สถาบันการเงินเอา 3 ล้านบาทไปเป็นราคาทำสัญญา และให้เงินกู้บวกไปอีกเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ ค่าตกแต่ง ดังที่เรียกกันว่าเงินกู้เอนกประสงค์ บวกไปอีก 10% เป็นกู้ทั้งหมด 3.3 ล้านบาท ในขณะที่จ่ายจริง 2.5 ล้านบาท คนกู้เหลือเงินสด 8 แสนบาท สำหรับใช้จ่าย ซึ่งสมมติว่าถ้าคนที่กู้ 4 สัญญา (4 ยูนิต) พร้อมกัน เขาก็ได้เงินจากสินเชื่อเงินทอนถึง 3.2 ล้านบาท.
#3329


บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นที่รู้จักกันดีจากธุรกิจค้าปลีกขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม เช่น ปลาหมึกแผ่นแบรนด์เบนโตะ, โลตัสขาไก่, ขนมเวเฟอร์ช็อกกี้ และเครื่องดื่มอย่างแบรนด์เจเล่ เช่น เจเล่ไลท์, เจเล่บิวตี้

แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 แต่ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จ ในการผลักดันรายได้ทั้งจากการขายในประเทศและต่างประเทศ และมีอัตราการทำกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นจากฐานธุรกิจที่พัฒนาขึ้นมาตลอดช่วง 5 ปีหลัง ส่งให้บริษัทมีความเข้มแข็ง

ชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบัญชีและการเงิน (CFO) บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง กล่าวว่า ผลการเงินรวมของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2564 บริษัททำรายได้รวม 2,312.1 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 2,170.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิตลอดครึ่งปีที่ 254.7 ล้านบาท และในด้านการเงินได้ปรับเปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีโดยไม่ได้รวมรายได้หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเงินลงทุนของบริษัทฯ ในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศอีกต่อไป ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ลดลง

ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 เป็นผลการดำเนินงานที่สะท้อนให้เห็นศักยภาพในธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าที่มีฐานธุรกิจในประเทศที่เข้มแข็งพร้อมที่จะเติบโตต่อไปในต่างประเทศในอนาคต ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว มีคุณภาพและแบรนด์เป็นหนึ่งในใจของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย

"ในช่วงโควิด-19 เราก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกับธุรกิจอื่นๆ แต่เราได้เตรียมพื้นฐานรองรับไว้คลอดช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ทั้งการออกกลุ่มสินค้าแบบใหม่ พัฒนาช่องทางในการกระจายสินค้า การเปิดตลาดที่ประเทศอื่น โฟกัสทั้ง Modern trade และTraditional Trade ซึ่งการเตรียมตัวมานานทำให้เราไปได้ มีเครื่องมือ เพื่อที่จะฝ่าฟัน ให้มันเกิดขึ้นไปได้"

ชยุตม์ กล่าวว่า แม้จะยังไม่สามารถคาดการณ์ตัวเลขผลกำไรในไตรมาส 3 ที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ที่ดำเนินอยู่มีปัจจัยให้พิจารณาแตกต่างกันไปแต่ละช่วงสถานการณ์ แต่ฐานรากของศรีนาพรฯ ค่อนข้างเข้มแข็ง และคิดว่าช่วงปลายปีก็น่าจะกลับมาดีขึ้นได้และจะดีขึ้นกว่าปี 2019 -2020 พร้อมกันนี้บริษัทยังมองตลาดต่างประเทศ เช่น ตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV โดยจะขยายฐานการผลิตจากในไทย ไปกัมพูชาและเวียดนาม ซึ่ง 2 ประเทศนี้นอกจากมีตลาดขนาดใหญ่แล้ว ส่วนสำคัญมีวัตถุดิบที่มีคุณภาพและตรงกับที่ศรีนานาพรฯ ต้องการ ซึ่งคาดว่าโรงงานผลิตจะทยอยเปิดในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ บริษัทยังได้หาพาร์ทเนอร์และได้ร่วมทุนกับแบรนด์ใหญ่ เช่น การร่วมลงทุนกับ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ในบริษัท สิริ โปร จำกัด ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการกระจายสินค้าเข้าถึงร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งดั้งเดิมได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น มุ่งขยายช่องทางจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
#3330


จากกรณีหน่วยงานป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ หรือ ซีดีซี (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ยกระดับคำเเนะนำต่อพลเมืองสหรัฐในการเดินทางมายังประเทศไทย โดยยกระดับให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงมากต่อการระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐยังได้ปรับคำเตือนสูงสุดขั้นที่ 4 สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 70 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ 4 เช่นเดียวกับไทย อาทิ บราซิล ชิลี อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เบื้องต้น ททท.มองว่าจากกรณีดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวไทยบ้าง แต่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก โดย ททท.ต้องพยายามทำความเข้าใจกับประเทศต่างๆ ว่าประเทศไทยไม่ได้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดทุกพื้นที่ แต่เป็นการเปิดเฉพาะจังหวัดหรือพื้นที่นำร่อง (แซนด์บ็อกซ์) ที่มีความปลอดภัยสูงสุดเท่านั้น สะท้อนได้จากผู้ที่เดินทางเข้ามา ไม่มีชาวต่างชาติมาติดเชื้อในไทย และไม่มีคนไทยติดเชื้อจากชาวต่างชาติด้วย

ทั้งนี้การยกระดับคำเตือนดังกล่าว ไม่ได้ถือเป็นการห้ามเดินทาง แต่เป็นเพียงการแนะนำเท่านั้น ซึ่งสหรัฐไม่ได้เป็นประเทศแรกที่ยกระดับคำเตือนหรือคำแนะนำในการเดินทางมาประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยที่ผ่านมามีสหภาพยุโรปได้ถอดรายชื่อประเทศไทยออกจากลิสต์ประเทศที่ปลอดภัย (EU White List) จากการระบาดของโควิด-19 แต่ก็เห็นว่ายังมีพลเมืองในสหภาพยุโรปเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะคนกลุ่มนี้มั่นใจเรื่องภูมิคุ้มกันหลังได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ รวมถึงเมื่อชาวต่างชาติมาเที่ยวไทย ก็ไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวพื้นที่ที่มีการระบาดสูงได้

"ถือเป็นจุดที่ ททท.จะต้องประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศมากที่สุดและเร็วที่สุด ด้วยการแยกพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทยออกมาจากภาพรวมทั้งประเทศไทย เพื่อทำความเข้าใจแก่ชาวต่างชาติว่าพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ มีความปลอดภัยจริงๆ" ผู้ว่าการ ททท.กล่าว
#3331


วันนี้ (12 ส.ค. 64) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีชมรมแพทย์ชนบททักท้วงเรื่องคุณภาพของชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit (ATK) ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ดำเนินการจัดหาเพื่อใช้แจกให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 ส.ค.64) คณะอนุกรรมการจัดทำแผนการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการฯ ภายใต้บอร์ด สปสช. จะมีการประชุมด่วนเพื่อหารือข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว

เนื่องจากต้องการให้ชุดตรวจ ATK ที่จะแจกให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงใช้ตรวจโควิดด้วยตนเองนั้น ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากล ซึ่งการแจกชุดตรวจ ATK ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเป็นแนวทางหนึ่งในการลดการระบาดของโรคโควิด-19 แยกผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า สำหรับงบประมาณจัดหาชุดตรวจ ATK ให้หน่วยบริการแจกจ่ายประชาชนทุกคนทุกสิทธินั้น เป็นการใช้จ่ายจากงบประมาณตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ โดยให้เครือข่าย รพ.ราชวิถี จัดหาชุดตรวจผ่าน องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561 ที่รับทราบเรื่องการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์การแพทย์ตามโครงการพิเศษที่ให้ รพ.ราชวิถี ซึ่งเป็นตัวแทนหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดซื้อยากับทางองค์การเภสัชกรรม (อภ.) แทน สปสช.
#3332


กลุ่มบางจากฯ โดยบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ร่วมจัด โครงการปันกันอิ่ม เฟสพิเศษ ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ สนับสนุนภารกิจกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มอบอาหารกล่องแก่ชุมชนรวม 57 แห่ง ในพื้นที่ 9 เขตในกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและผู้ด้อยโอกาส

และสนับสนุนอาหารจากผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยและร้านพันธมิตรในสถานีบริการน้ำมันบางจากอย่างต่อเนื่อง รวมกว่า 20,000 อิ่ม ระหว่างวันที่  12-15 สิงหาคม 2564

ก่อนหน้านี้ บริษัท บางจากฯ ได้จัดโครงการบางจากฯ ปันกันอิ่มเฟสที่ 1 และขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการเฟสที่ 2 และยังมีโครงการปันกันอิ่มในพื้นที่พระโขนง – บางนา ปันกันอิ่มให้แคมป์คนงานก่อสร้าง และปันกันอิ่มรอบโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ช่วยอุดหนุนเจ้าของธุรกิจและช่วยบรรเทาภาระแก่ผู้รับที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

โดยระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม ถึง 15 สิงหาคม ได้สนับสนุนร้านอาหารในพื้นที่รอบโรงกลั่น ในพื้นที่เขตพระโขนง-บางนา รวมถึงร้านอาหารและผู้ประกอบการรายย่อยและร้านพันธมิตรในสถานีบริการน้ำมันบางจากในกทม. ปริมณฑล รวมเกือบ 100 ร้าน และส่งมอบอาหารรวมกว่า 40,000 อิ่ม ผ่านทุกโครงการ
#3333
ข้าวเพื่อสุขภาพ  ข้าวกล้องออแกนิคส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /  ข้าวมะลินิลเกษตรอินทรีย์ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารกข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลิ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ปลูกข้าวปะกาอำปึลออแกนิคเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22cs9b8acu9b9a7a3hub5cc1c.life/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
2. ข้าวกล้องหอมมะลิเพื่อสุขภาพ
3.  ขายข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ข้าวสุขภาพผสมหลายสายพันธุ์สุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออร์แกนิค6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิค


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 
 
#3334


นพ.ฆนัท ครุธกูล นายกสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ (HEC) ผู้ร่วมริเริ่มก่อตั้งโครง Covid-19 Home Care เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางโครงการฯ ได้มีการหารือกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพื่อนำระบบ Line OA ชื่อ Covid-19 Home Care ไปปรับใช้ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งกักตัวอยู่ที่บ้านหรือ Home Isolation (HI) เพื่อเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารกับผู้ป่วย ทั้งการติดตามอาการและการส่งความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ทั้งยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ที่จำเป็น

"ท่านรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะตรงกับนโยบายของทางกระทรวงที่ต้องการสนับสนุนให้มีการนำระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยในการแก้ปัญหาโควิด-19 จึงได้ประชาสัมพันธ์ไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งมีหลายแห่งสนใจเข้ามาขอติดตั้งเพื่อนำไปใช้งานในการดูแลคนไข้" นพ.ฆนัทกล่าว


สำหรับ ระบบ Line OA ดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดยบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เมื่อได้ใช้งานจริงแล้วจึงมีการหารือกันว่าระบบนี้น่าจะเกิดประโยชน์กับหน่วยงานอื่นหรือโรงพยาบาลอื่น ๆ ด้วย เพราะปัจจุบันยังไม่มีระบบรองรับการดูแลผู้ป่วยกักตัวที่บ้าน รวมทั้งระบบการเบิกจ่ายตามสิทธิการรักษาพยาบาลอาจจะยังไม่ลงตัว เพราะเป็นเรื่องใหม่ ดังนั้นระบบที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะช่วยแก้ปัญหาในการทำงานของโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้

"กระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช. ออกเงื่อนไขในการเบิกจ่ายมาแล้ว แต่ขั้นตอนวิธีการปฏิบัติทุกอย่างมันแล้วแต่โรงพยาบาล โรงพยาบาลใหญ่ ๆ ก็อาจมีระบบของเขาอยู่บ้างแล้วก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ แต่บางโรงพยาบาลหรือหากเป็นโรงพยาบาลเล็กก็ไม่มีอะไรเลย หากจะไปพัฒนาระบบเองค่าใช้จ่ายก็สูง เราก็เลยประสานตรงส่วนนี้ให้ เพื่อจะใช้เป็นเครื่องมือในการดูแลคนไข้ได้มากขึ้น" นพ.ฆนัทกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลของโครงการ Covid-19 Home Care กว่า 2,000 คน โดยระบบ Line OA ดังกล่าวสามารถช่วยให้การทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยมีความสะดวกและมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ป่วยโควิดสามารถติดต่อโครงการได้ทางไลน์ @covidhomecare หรือทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ 'We care network – เครือข่ายเราดูแลกัน'
#3335


ราคาน้ำมันขยับขึ้น 2% ในวันอังคาร(10ส.ค.) ดีดตัวจากดิ่งลงแรงเมื่อเร็วๆนี้ ท่ามกลางสัญญาณอุปสงค์ฟื้นตัวในสหรัฐฯ แม้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน หลังวุฒิสภาเห็นชอบแพ็คเกจโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้าน ขณะที่ทองคำก็ปรับขึ้นเช่นกัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.81 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

การแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตาของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ผลักให้เคสผู้ติดเชื้อและผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน

อย่างไรก็ตามด้วยการจ้างงานขยายตัวขึ้นในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้น ช่วยส่งเสริมการบริโภคน้ำมันเบนซิน สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ(อีไอเอ) ระบุในรายงานประจำเดือน

อีไอเอประมาณการว่าการบริโภคน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 8.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2021 เพิ่มขึ้นจากระดับ 8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2020 แต่กระนั้นเชื่อว่าการบริโภคน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯจะยังคงต่ำกว่าระดับปี 2019 ไปจนถึงปี 2022 สืบเนื่องจากประชาชนจำนวนมากยังคงทำงานจากที่บ้าน

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดผสมผสานในวันอังคาร(10ส.ค.) แต่ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดตลอดกาล ได้แรงหนุนจากหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ หลังวุฒิสภาสหรัฐฯลงมติเห็นชอบแพ็คเกจโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ภายใต้การสนับสนุนจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 162.82 จุด (0.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,264.67 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.40 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,436.75 จุด แนสแดค ลดลง 72.09 จุด (0.49 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,788.09 จุด

ร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเวลานี้มุ่งหน้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏร อาจเปิดทางสำหรับการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในรอบหลายทศวรรษ ทั้งถนน สะพาน สนามบินและเส้นทางน้ำ ขณะเดียวกันวุฒิสภาก็จะเริ่มโหวตในแพ็คเกจงบประมาณ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ทางเดโมแครตวางแผนไว้ว่าจะยกมือเห็นชอบโดยไม่จำเป็นต้องได้รับแรงหนุนใดๆจากรีพับลิกัน

ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร(10ส.ค.) ปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน จากแรงช้อนซื้อหลังจากร่วงลงหนักก่อนหน้านี้ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 5.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,731.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(ที่มา:รอยเตอร์)
#3336


The 1 ผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์มอันดับ 1 ของไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ผนึกกลยุทธ์ Omnichannel ร่วมกับเครือเซ็นทรัล เดินหน้ามอบความสะดวกสบายและความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับสมาชิกกลุ่ม The 1 Exclusive ลูกค้าคนพิเศษของ The 1 ในช่วงโควิด ด้วยฟีเจอร์ล่าสุด ปุ่มโทรออกถึง Personal Shopper ติดต่อผู้ช่วยช้อปส่วนตัวได้โดยตรงในคลิกเดียว

เพียงสมาชิก The 1 Exclusive ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น The 1 แล้วกดปุ่มโทรออกที่หน้าโปรไฟล์หรือหน้า The 1 Exclusive Hub แอปฯ จะทำการโทรออกถึงผู้ช่วยส่วนตัวที่ The 1 ได้มอบหมายให้ดูแลคุณโดยเฉพาะไว้ก่อนหน้าโดยไม่จำเป็นต้องบันทึกเบอร์โทรศัพท์ พิเศษยิ่งกว่า! เฉพาะสมาชิก The 1 Exclusive ที่ช้อปผ่านผู้ช่วยช้อปส่วนตัว จะได้รับคะแนน The 1 เพิ่มเป็น 3 เท่า สำหรับทุกการสั่งซื้อที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2564 - 31 สิงหาคม 2564

สัมผัสประสบการณ์พิเศษจาก The 1 Exclusive ได้แล้ววันนี้ โดยสมาชิก The 1 สามารถอัปเกรดสถานะสมาชิกเป็น The 1 Exclusive ในเดือนถัดไปหลังจากเพียงสะสมยอดใช้จ่ายในกลุ่มเซ็นทรัลตั้งแต่ 250,000 บาทขึ้นไป หรือ 400,000 บาทเมื่อรวมกับยอดใช้จ่ายจากร้านค้าผู้เช่าในศูนย์การค้าเซ็นทรัลและเซ็นทรัล เอ็มบาสซีที่เข้าร่วม ผ่านการยื่นใบเสร็จ ณ จุดแลกของสมนาคุณทุกสาขา โดยสามารถเช็คยอดใช้จ่ายสะสมแบบ Real Time ได้ผ่านแอปพลิเคชั่น The 1 ซึ่งจะเแสดงผลยอดซื้อสะสม ทั้งแบบเฉพาะเครือเซ็นทรัล รีเทล และแบบรวมยอดทั้งเครือเซ็นทรัล รีเทล และร้านค้าผู้เช่าในศูนย์การค้าเซ็นทรัล และเซ็นทรัล เอ็มบาสซีที่เข้าร่วม

อัพเดต / ดาวโหลด แอป The 1 เวอร์ชั่นใหม่ ได้แล้ววันนี้ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ดีกว่าได้ทุกวัน ทั้งบน App Store, Play Store และ Huawei AppGallery
https:// go.the1.co.th/UohD/78f4c04
#3337


การระบาดของโควิด 'เดลดา' ในไทย ทำให้มีผู้ป่วยรายใหม่สูงสุดมากกว่าสองหมื่นราย เสียชีวิตเพิ่มสองร้อยกว่าราย และคาดว่ายังไม่ถึงจุดสูงสุด ปรากฏการณ์ดังกล่าวคล้ายๆ กับหลายประเทศที่กลับมาระบาดอีกครั้งหลังเดลตากระจาย 132 ประเทศทั่วโลก

เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งกระจาย 132 ประเทศทั่วโลก ไม่เพียงแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์อัลฟา 60% แต่มีหลักฐานว่าก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงและอันตรายมากกว่าสายพันธุ์เดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน นอกจากนี้ ยังพบผู้ที่มีอาการรุนแรงในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยลง ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบไม่ว่าชนิดไหน มีโอกาสติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ ไม่แตกต่างจากผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แต่อาการมักไม่รุนแรง


ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (CDC) ได้ออกแนวปฏิบัติล่าสุด 27 ก.ค. แก้ไขจากแนวคิดเดิม เนื่องจากสหรัฐ มีการแพร่ระบาดของเดลตา ขณะเดียวกัน การฉีดวัคซีนยังไม่ไปถึงจุดที่ควรจะเป็น โดยแนะนำ เร่งฉีดวัคซีนโควิดให้เร็วมากขึ้นและกลับมาแนะนำว่าขอให้ประชาชนอเมริกัน ไม่ว่าจะไปที่ใดขอให้พิจารณาเรื่องการใส่หน้ากาก จากที่ก่อนหน้านี้บางรัฐส่งสัญญานว่าไม่ต้องใส่หน้ากาก เนื่องจากผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น 5 เท่า จากปลายเดือน มิ.ย. เฉลี่ย 12,000 ราย เฉลี่ยนเป็น 60,000 รายในปลายเดือน ก.ค. และ 50 รัฐ มีการกระจายเดลตากว่า 80%


การแพร่ระบาด อาจนำไปสู่การกลายพันธุ์

วานนี้ (10 ส.ค. 64) ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์  วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงอัปเดตสถานการณ์การรับมือกับ สายพันธุ์ เดลตา จากทั่วโลก ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ Mahidol Channel โดยระบุว่า สัดส่วนของประชากรที่ได้รับวัคซีนที่มากพอ จะมีส่วนสำคัญในการลดการแพร่ระบาดและอัตราการเสียชีวิต แต่ไม่ควรเป็นข้อบ่งชี้ในการยกเลิกหรือผ่อนคลายการระวังตนเอง คือ ใส่หน้ากาก รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล หมั่นทำความสะอาดมือ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมากในพื้นที่ ที่จำกัด


"การแพร่ระบาดในกลุ่มคนจำนวนมาก อาจนำสู่การเกิดการกลายพันธุ์ และสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดเร็ว จะทดแทนสายพันธุ์เดิมหรือสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดช้ากว่า ขณะที่ ความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ในประเทศใดประเทศหนึ่ง ขึ้นกับสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อในโลก"


ฉีดวัคซีน ลดเสียชีวิต ยังแพร่เชื้อได้
ขณะนี้ ประเทศไทยขณะนี้ (10 ส.ค. 64)  ฉีดวัคซีนไปแล้ว 21,171,110 โดส ใน 77 จังหวัด "ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์" ระบุว่า  วัคซีนยังครอบคลุมเดลตาได้ระดับหนึ่ง โดยยังคงเร่งฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค คนอ้วน ซึ่งถ้าน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัมก็ฉีดได้เลยไม่จำกัดอายุ รวมไปถึงเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด เพราะตัวเลข 60-70% ของผู้เสียชีวิตเป็นคนอายุเกิน 60 ปี ขณะที่ CDC ระบุว่า การฉีดวัคซีนยังสามารถลดความรุนแรงกับการเสียชีวิตได้ แต่โอกาสการลดการแพร่กระจายลดลงไปเยอะ เพราะอย่างสหรัฐก็ออกมายอมรับเรื่องนี้เช่นกัน

ติดตามมาตรการหลัง สหรัฐ เริ่มกลับมาใส่หน้ากาก
ขณะเดียวกันมาตรการของไทยในขณะนี้ ต้องติดตาม และต้องมีการปรับเปลี่ยน เหมือน CDC สหรัฐ เมื่อฉีดได้ดีก็เริ่มจะให้ยกเลิกการใส่หน้ากากอนามัย แต่เมื่อระบาดขึ้นอีก 11 สัปดาห์ให้หลังก็ต้องกลับมาใส่หน้ากากใหม่อีกครั้ง ทุกประเทศเหมือนกัน ดังนั้น จึงต้องติดตามมาตรการ หากตัวเลขไม่ลงอย่างที่ควรจะเป็น ก็ต้องมาเข้มมาตรการ แต่หากตัวเลขเริ่มนิ่ง ป้องกันปัจจัยรอบข้างได้ เร่งฉีดวัคซีน ก็จะเกิดคุมไวรัสได้ ซึ่งอาจผ่อนมาตรการลงได้ในเวลาที่เหมาะสม


"ส่วนประชาชนให้ความร่วมมือก็ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีรายงานให้เห็นการทำกิจกรรมบางอย่าง  เช่น กิจกรรมทางศาสนา ทำให้มีการรวมกลุ่มจำนวนมาก จนกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่ ยังมีโรงงานที่อยากทำบับเบิ้ล แอนด์ ชิล แต่ระบบอาจยังทำไม่ได้มาก ทำให้ยังมีคลัสเตอร์ที่อาจควบคุมได้ไม่เต็มที่ แต่สังคมโดยรวมอย่าง กทม. เท่าที่เห็นการ์ดยังไม่ตก และเริ่มเห็นการติดเชื้อใหม่มีแนวโน้มลดลง หากรักษาระยะแบบนี้ได้ และเร่งฉีดวัคซีนจะช่วยได้"

"โดยปัจจุบันไทยฉีดได้ราว 22% ของทั้งประเทศ คาดว่าจะได้ 25% ภายใน ส.ค. และไต่ยอดไปเรื่อยๆ ช่วง ก.ย.-ต.ค. น่าจะเห็นจุดที่วัคซีนมากพอ คู่ขนานกับมาตรการต่างๆ คาดว่าจะเห็นตัวเลขลดลง แต่ต้องไม่มีสิ่งใดเข้ามาก่อให้เกิดการแพร่กระจายมากขึ้น"

ไทยยังไม่ถึงจุดพีค
ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงจุดพีค เพราะตัวเลขของกราฟ ไม่ว่าในกทม. หรือต่างจังหวัด ยังขึ้นอยู่ เพียงแต่บางพื้นที่ขึ้นด้วยความชันน้อยลง ขณะเดียวกัน ช่วงเวลานี้ไปจนถึงปลายปียังมีการแย่งวัคซีนในแต่ละประเทศ การผลิตให้มากไม่สามารถทำได้ทัน ประกอบกับสายพันธุ์ที่กระจายเร็วซึ่งทำให้วัคซีนรุ่นแรกๆ ประสิทธิภาพลดลง ด้าน องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่แนะนำเข็ม 3 เพราะอยากให้ทั่วโลกได้รับวัคซีนให้เยอะพอ แต่ก็ขึ้นอยู่กับบริบท ความจำเป็นของของแต่ละประเทศ


สิ่งสำคัญต้องดูสถานการณ์โลกควบคู่กับประเทศไทย ตราบใดที่ทั่วโลกร้อน ไทยไม่มีทางเย็น เพราะวัคซีน ยา และสิ่งอื่นๆ ยังต้องแย่งกัน เป็นสิ่งที่หลุดจากสิ่งคาดการณ์เดิม เดลตาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้สิ่งที่จัดการได้ จัดการไม่ได้ เช่น สหรัฐ หรืออิสราเอล หากไม่ช่วยกัน หากมีการแพร่ระบาดมาก และโชคร้ายมีสายพันธุ์ใหม่อีก ตอนนั้นจะยิ่งเดือดร้อน ตอนนี้จึงต้องเร่งหยุดการแพร่กระจายให้เร็วที่สุด
เข้มมาตรการ เร่งฉีดวัคซีน สกัดโควิด 

"ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์" กล่าวต่อไปว่า การลดความเสียหายที่เกิดจากวิกฤตที่เกินศักยภาพของระบบการดูแลสุขภาพ โดยการเร่งลดโอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อ ขึ้นอยู่กับ 3 มาตรการ สำคัญ คือ 1. มาตรการทางการปกครอง 2. มาตรการทางการสาธารณสุข คือ การบริหารจัดการควบคุมโรค การพัฒนา ศักยภาพการตรวจหาผู้ติดเชื้อ การบริหารจัดการเตียง สถานพยาบาล และ 3.มาตรการส่วนบุคคล และทางสังคม


รวมถึง การเร่งฉีดวัคซีนเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ได้แก่ กลุ่มเสี่ยง สูงวัย 7 โรคเรื้อรัง และ ตั้งครรภ์ มากและเร็ว การเร่งค้นหาผู้เสี่ยงติดเชื้อและแพร่เชื้อ (ATK; RT-PCR) การได้รับยาที่เร็ว (แจ้งลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบ) พัฒนาศักยภาพการดูแลผู้ติดเชื้อ (Home Isolation, Community Isolation)

รวมถึงการเร่งฉีดวัควีน ป้องกันการติดเชื้อ ผู้เสี่ยง สูงวัย 7 กลุ่มโรค หญิงตั้งครรภ์ ให้มากและเร็ว ขณะเดีวกัน การเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อและเสี่ยงแพร่เชื้อ ซึ่งขณนี้มี Antigen Test Kit (ATK) ในการตรวจได้เร็ว ยี่ห้อต่างๆ มีความแม่นยำดีระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะความไวและจำเพาะกว่า 90% การตรวจ ATK  จะสามารถค้นหาคน ควบคุม เข้ากระบวนการรักษา ให้เร็ว และให้ยาเร็ว ตอนนี้มีนโยนบายออกมาแล้ว ในกลุ่มที่เสี่ยงจะอาการรุนแรง มีการแจกยา แต่ต้องลงทะเบียนเข้าสู่ระบบเพื่อติดตาม รวมถึง การพัฒนาศักยภาพ การดูแลผู้ติดเชื้อ Home Isolation และ Community Isolation
#3338


นายพุน ฉง กิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO) กล่าวว่า ไตรมาสแรกของงวดปี 64/65 บริษัทมีผลการดำเนินงานเชิงบวกเมื่อเทียบปีต่อปี แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจโฆษณา 201 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.3% คิดเป็นสัดส่วน 33.3% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งมาจากรายได้ของธุรกิจโฆษณาในประเทศ 170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.5% ผลมาจากการรับรู้ค่าตอบแทนขั้นต่ำรายไตรมาสจาก บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) และรายได้ธุรกิจโฆษณาในต่างประเทศ 30 ล้านบาท ลดลง 35.7% จากวิกฤตโควิด-19

ด้านรายได้จากงานด้านระบบครบวงจรเพิ่มขึ้น 9.5% คิดเป็นสัดส่วน 66.7% ของรายได้ทั้งหมด หรือ 402 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นของการบริหารโครงการ

รวมถึงในไตรมาสนี้บริษัทมีต้นทุนขายลดลงจากการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานสื่อโฆษณาของสนามบินในประเทศมาเลเซีย 437 ล้านบาท คิดเป็น 3.6% ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 27.6% จาก 11.4% และมีรายได้อื่นอยู่ที่ 200 ล้านบาท จากการกลับรายการค่าสัมปทานสนามบินในมาเลเซีย จำนวน 188 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่ไม่เกิดขึ้นประจำดังกล่าวเป็นผลจากการเจรจากับทางการสนามบินมาเลเซียเพื่อขอลดค่าสัมปทานสำหรับงวดปี 63/64 ได้ประสบความสำเร็จ

สำหรับทิศทางดำเนินงานและพัฒนาการสำคัญของกลุ่มบริษัท VGI MACO (Singapore) Private Limited และ Trans.Ad Solution Co.,Ltd. สามารถเข้าลงทุนในประเทศเวียดนามเพิ่มเติมได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย จากความสำเร็จในครั้งนี้จะทำให้ MACO สามารถเดินตามกลยุทธ์ได้อย่างเต็มกำลัง ทั้งในส่วนของธุรกิจโฆษณาและงานด้านระบบครบวงจร ผ่านการดำเนินงานโดย VGI Vietnam Joint Stock Company และ Transad Vietnam Joint Stock Company และนอกจากนี้ ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ ได้เติบโตอย่างมีศักยภาพในอุตสาหกรรมโฆษณาของเวียดนามที่นับเป็นเส้นทางสำคัญของการก้าวไปสู่การเป็นผู้นำสื่อโฆษณานอกบ้าน (OOH) ในประเทศเวียดนามได้ตามทิศทางที่วางไว้อีกด้วย

แม้ทั่วโลกจะเริ่มได้รับวัคซีนโควิด-19 แต่วิกฤตการแพร่ระบาดยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง สร้างความไม่แน่นอนไปทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในอาเซียนซึ่งเป็นตลาดหลักของเรา อย่างไรก็ตาม MACO ยังคงยืนหยัดในแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ดังเช่นการเจรจาธุรกิจในต่างประเทศที่ได้บรรลุผลสำเร็จดังที่กล่าวไปในข้างต้น นอกจากนี้ ข้อตกลงร่วมกันระหว่างบริษัทฯ กับ PLANB สำหรับการชำระค่าตอบแทนขั้นต่ำล่วงหน้าทั้งปีนั้นได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นข้อตกลงที่ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในประเทศของบริษัทฯ ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอยเช่นนี้

สำหรับความมั่นคงทางการเงิน บริษัทฯ ดำเนินงานภายใต้การบริหารต้นทุนและสร้างสภาพคล่องของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านกระแสเงินสดและเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร ให้พร้อมรับมือกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่ยังคงมีความยืดเยื้อ สุดท้ายนี้เราได้เรียนรู้บทเรียนอันล้ำค่าจากวิกฤตดังกล่าว ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการท่ามกลางภาวะหยุดชะงักของการดำเนินงานในครั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำพาบริษัทผ่านพ้นสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปได้ และกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งเมื่อตลาดกลับสู่ภาวะปกติ
#3339


บรรยากาศโรงเรียนต่างๆ ในรัฐฟลอริดา เปิดการเรียนการสอนเป็นวันแรกเมื่อวันอังคาร (10 ส.ค.) ท่ามกลางการถกเถียงเรื่องควรให้นักเรียนสวมหน้ากากป้องกันหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้น รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน เป็นผู้ที่ตั้งแง่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 มาโดยตลอด คราวนี้ถึงขนาดออกกฎห้ามโรงเรียนบังคับการสวมหน้ากาก ขณะที่รัฐฟลอริดากำลังกลายเป็นรัฐที่โควิด-19 ระบาดหนักที่สุดในสหรัฐฯเวลานี้



หน่วยงานหลักในการต่อสู้โรคติดต่อของสหรัฐฯ เตือนคนอเมริกันงดเดินทางมาไทย อิสราเอล ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ และอีกหลายประเทศที่โควิด-19 กำลังระบาดรุนแรง ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในอเมริกาพุ่งขึ้นวันละแสนต่อเนื่อง 3 วันติด แถมอัตราการป่วยรุนแรงสูงขึ้น 40% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 18% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้านเพนตากอนเตรียมขอไบเดนอนุมัติการฉีดวัคซีนให้กำลังทหารมะริกัน ภายในเดือนหน้า

ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) หน่วยงานหลักในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (9 ส.ค.) ประกาศยกระดับคำเตือนเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สู่ระดับ 4 ซึ่งหมายถึง "สูงมาก" สำหรับไทย อิสราเอล เขตเวสต์แบงก์ กาซา อารูบา และเฟรนช์โปลีนีเซีย

หลังจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกคำแนะนำ "ระดับ 4: ห้ามเดินทาง" สำหรับฝรั่งเศส ไทย และไอซ์แลนด์ โดยอิงจากคำแนะนำของซีดีซี

แต่สำหรับในอเมริกาเอง สถานการณ์การระบาดล่าสุดก็อยู่ในระดับรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยตามรายงานของรอยเตอร์ จำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 100,000 คนติดต่อกัน3 วันซ้อน หรือเพิ่มขึ้น 35% จากสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ ลุยเซียนา ฟลอริดา และอาร์คันซอส์ เป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่อัตราการป่วยรุนแรงทั่วประเทศสูงขึ้น 40% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 18% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อาซา ฮัตชินสัน ผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน เผยว่า จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลรายวันพุ่งทำสถิติสูงสุดและขณะนี้ทั้งรัฐเหลือเตียงผู้ป่วยวิกฤตเพียง 8 เตียง

ฮัตชินสันยังเรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด ขณะที่ผู้คนมากมายยังลังเลเนื่องจากได้รับข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับวัคซีน

ส่วนที่เทกซัส เกร็ก แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐขอให้โรงพยาบาลต่างๆ เลื่อนการผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วนออกไปก่อนเพื่อสงวนทรัพยากรไว้สำหรับผู้ป่วยโควิด

แอ็บบอตต์ที่ออกคำสั่งห้ามรัฐบาลท้องถิ่นบังคับสวมหน้ากากป้องกันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำทับว่า จะเพิ่มจำนวนคลินิกเพื่อให้ผู้ป่วยโควิดเข้ารับการฉีดแอนติบอดี้

ด้านฟลอริดา รัฐที่กำลังระบาดหนักที่สุดในเวลานี้ เมื่อวันอาทิตย์ (8) รายงานเคสใหม่รายวันทำสถิติสูงสุดที่ 28,317 คน ขณะที่จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทุบสถิติ 8 วันซ้อน

นักเรียนส่วนใหญ่ในรัฐฟลอริดายังมีกำหนดกลับเข้าเรียนตามปกติในสัปดาห์นี้ โดยที่เขตการศึกษาบางแห่งยังถกเถียงกันว่า ควรบังคับให้นักเรียนสวมหน้ากากป้องกันหรือไม่ เนื่องจากรอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน ออกคำสั่งห้ามโรงเรียนของรัฐ ตลอดจนถึงภาคธุรกิจ และหน่วยงานรัฐ บังคับการสวมหน้ากาก โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติและปกป้องความเป็นส่วนตัว

ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ป่วยเด็กในอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระบุว่า เป็นผลจากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาที่มีแนวโน้มทำให้เด็กติดเชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์อัลฟาที่ระบาดหนักในอเมริกาก่อนหน้านี้

วิกฤตไวรัสที่กลับมาส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของชาวอเมริกันอีกครั้ง ผลักดันให้มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่ยังลังเลรอบใหม่

ในวันจันทร์ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศผ่านบันทึกภายในฉบับหนึ่งว่า จะขออนุมัติจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้บังคับกำลังพลฉีดวัคซีนในช่วงกลางเดือนกันยายน ถึงแม้สำนักงานอาหารและยา (เอฟดีเอ) ยังไม่ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิดได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าตัวไหนก็ตาม

การใช้วัคซีนในสหรัฐฯเวลานี้ ก็เช่นเดียวกับในประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ หน่วยงานกำกับตรวจสอบเพียงแค่อนุมัติสำหรับการใช้ฉุกเฉินเท่านั้น สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทางกองทัพยังไม่บังคับให้กำลังพลฉีดเหมือนวัคซีนตัวอื่นๆ เพราะอาจเปิดช่องให้มีการฟ้องร้องทางกฎหมาย เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากไบเดนก่อนเท่านั้น โดยที่ทางประมุขทำเนียบขาวแถลงแสดงท่าทีแล้วว่า พร้อมสนับสนุนการตัดสินใจของเพนตากอนเต็มที่

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนเชื่อว่า เอฟดีเอจะอนุมัติอย่างสมบูรณ์ให้แก่วัคซีนโควิด อย่างน้อยก็ของไฟเซอร์ ภายในต้นเดือนกันยายนนี้

(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)