• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Naprapats

#3361



นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า เอ็กโก กรุ๊ป โดย บริษัท เอ็กโก ลินเดน ทู บริษัทย่อยที่ เอ็กโก    ถือหุ้นทั้งหมด ซึ่งได้ลงทุนในบริษัท ลินเดน ทอปโก้ (Linden Topco) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น "ลินเดน โคเจน" ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ในสหรัฐอเมริกา ได้บรรลุข้อตกลงในการรับก๊าซที่เกิดจากกระบวนการผลิตของโรงกลั่นที่มีองค์ประกอบเป็นไฮโดรเจนจากบริษัท ฟิลิปส์ 66 (Phillips 66) โรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผสมในการผลิตไฟฟ้า

ทั้งนี้ บริษัท ลินเดน ทอปโก้ จะปรับปรุงเครื่องกังหันก๊าซของโรงไฟฟ้าลินเดน หน่วยที่ 6 ให้สามารถรองรับก๊าซ    ที่เกิดจากกระบวนการผลิตของโรงกลั่นที่มีองค์ประกอบเป็นไฮโดรเจน จากโรงกลั่นน้ำมันเบย์เวย์ (Bayway Oil Refinery) ของบริษัท ฟิลิปส์ 66 ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน เพื่อนำมาผสมเป็นเชื้อเพลิงร่วมกับก๊าซธรรมชาติที่ใช้อยู่เดิม การปรับปรุงเครื่องกังหันก๊าซดังกล่าวมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2565 ซึ่งจะส่งผลให้โรงไฟฟ้าลินเดน หน่วยที่ 6 สามารถรองรับการเผาไหม้เชื้อเพลิงผสมที่มีไฮโดรเจนผสมอยู่ได้สูงสุดถึง 40% ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่โรงไฟฟ้าลินเดน หน่วยที่ 6 ปลดปล่อยปกติในแต่ละปี


ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมพลังงานและเชื้อเพลิง อย่างบริษัท เจร่า อเมริกา จำกัด (JERA Americas Inc.) ซึ่งเป็นพันธมิตรของเราในบริษัท ลินเดน ทอปโก้ กำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกสำหรับการผลิตไฟฟ้าและการขนส่ง

นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ยังได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงกังดง ในเกาหลีใต้ ซึ่งใช้ไฮโดรเจนเป็นสารตั้งต้นหลักในการผลิตไฟฟ้าและความร้อน การลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ทั้งโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน และโรงไฟฟ้ากังดงนั้น เอ็กโก กรุ๊ป มีเป้าหมายที่จะสั่งสมความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศของบริษัทในอนาคต เมื่อเทคโนโลยีด้านนี้พัฒนาเต็มที่


"เอ็กโก กรุ๊ป เป็นบริษัทลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ที่ส่งเสริมและสนับสนุนแผนการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงสะอาดสำหรับการผลิตไฟฟ้าของประเทศ บริษัทมุ่งมั่นส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงสะอาดมาผลิตไฟฟ้าและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง" นายเทพรัตน์ กล่าว


สำหรับ โรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าลินเดน หน่วยที่ 1-5 กำลังผลิตรวม 800 เมกะวัตต์ ซึ่งขายไฟฟ้าและให้บริการเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้าแก่ระบบและโครงข่ายไฟฟ้าในรัฐนิวยอร์ก (NY-ISO Zone J) และโรงไฟฟ้าลินเดน หน่วยที่ 6 กำลังผลิต 172 เมกะวัตต์ ซึ่งขายไฟฟ้าให้แก่ตลาดซื้อขายไฟฟ้า พีเจเอ็ม พีเอส นอร์ธ (PJM PS North) ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ทั้งโครงข่ายไฟฟ้าในรัฐนิวยอร์กและตลาดซื้อขายไฟฟ้าพีเจเอ็ม พีเอส นอร์ธ เป็นตลาดไฟฟ้า 2 แห่งที่มีความต้องการไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้าสำรองสูงที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา

ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน ยังขายไอน้ำและไฟฟ้าภายใต้สัญญาระยะยาวแก่โรงกลั่นน้ำมันเบย์เวย์ ที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน โดยโรงกลั่นฯ เป็นผู้รับซื้อรายใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่น่าลงทุน ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ฟิลิปส์ 66 (Phillips 66)

นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน ยังมีความได้เปรียบด้านการจัดหาเชื้อเพลิง เนื่องจากตั้งอยู่ในเมืองลินเดน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งเป็นบริเวณที่สามารถเข้าถึงแหล่งก๊าซธรรมชาติได้หลายแห่ง ผู้ถือหุ้นของบริษัท ลินเดน ทอปโก้ ประกอบด้วย JERA Americas (50%) เอ็กโก กรุ๊ป (28%) DBJ (12%) และ GS-Platform Partners (10%)
#3362



ชื่อของ "เเซม" เศวต เศรษฐาภรณ์ น้อยคนนักที่จะรู้จัก แม้เจ้าตัวจะเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่คว้าสิทธิ์มาแข่ง โอลิมปิก โตเกียว เกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น หนนี้ก็ตาม

ส่วนหนึ่งเพราะเจ้าตัวเล่นกีฬาที่ไม่ใช่ประเภทกระแสนิยมอย่างยิงเป้าบินแทร็ป แถมอายุอานามของ "พี่แซม" ตอนนี้ก็ปาเข้าไป 58 ปีแล้ว

แต่หลายคนน่าจะเคยได้ยินยิ่งแก่ยิ่งเก๋ายิ่งมากประสบการณ์ "พี่แซม" ทำคะแนนรอบคัดเลือกเป้าบินแทร็ปบุคคลชาย 74 คะแนน (เต็ม 75) แถมคะแนนเท่าอันดับ 1 แต่เป็นรองจากกฏการนับคะแนนแบบถอยหลัง จากนี้วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคมนี้ช่วงเช้าจะแข่งขันรอบคัดเลือกอีก 2 รอบเพื่อหา 6 คนสุดท้ายเข้าไปยิงรอบชิงชนะเลิศต่อไป

"พี่แซม" เลือกเล่นกีฬาเป้าบินตอนอายุ 41 ปีหรือ 17 ปีก่อน โดยปลีกเวลาจากการดูแลธุรกิจในฐานะผู้บริหารของ บริษัท เอลต้า จำกัด ผู้ผลิตผลิตสิ่งทอรายใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทถุงเท้า

ซึ่งการที่เริ่มต้นช้ากว่าคนอื่นน ทำให้เจ้าตัวยิ่งต้องทุ่มเทฝึกซ้อมมากขึ้นหลายเท่า จนกระทั่งคว้ารองแชมป์การแข่งขันยิงเป้าบินชิงแชมป์โลก "เวิลด์ คัพ 2019" ที่เมืองอัลไอน์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) อันหมายถึงโควต้าโอลิมปิก

จากนั้นปลายปี 2019 "พี่แซม" ประสบความสำเร็จจากการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ที่ประเทศฟิลิปปินส์

อย่างที่ทราบกันดีว่ากีฬายิงปืนนั้นอุปกรณ์แพงมากแถมต้องควักเงินส่วนตัวด้วย แถมการที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวผลงานยังไม่โดดเด่น ทำให้ สมาคมฯ ต้องเจียดเงินไปให้คนอื่นมากกว่าอีกด้วย แต่ว่านักธุรกิจหนุ่มใหญ่ก็ยอมจ่าย 4-5 แสนต่อเดือนไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทางไปแข่งนานาชาติและจ้างโค้ชต่างชาติชาวอิตาลี มาร์โก คอนติ

ไม่ใช่แค่ลงเงินเจ้าตัวต้องลงเวลาด้วย เพราะการเป็นนักธุรกิจทำให้มีเวลาในการฝึกซ้อมช่วงวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น แต่ก็โชคดีมีคู่ชีวิตคือ ฐิติธัญ เศรษฐาภรณ์ เป็นนักกีฬาเหมือนกัน ทำให้เข้าใจกันเป็นอย่างดีและมักเดินทางด้วยกันเสมอๆ

"พี่แซม" กล่าวก่อนมาแข่งว่า "เป้าหมายในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ของผมไม่ใช่การคว้าเหรียญรางวัล แต่ต้องการไปแสดงให้เห็นว่านักยิงเป้าบินไทยก็สามารถทำผลงานได้ดีในระดับโลกไม่แพ้นักยิงเป้าบินยุโรป ซึ่งตัวผมก็รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโอลิมปิก"

อย่างที่ทราบกันดีว่ากีฬายิงปืนนั้นพลิกผันได้ตลอดเวลาเพียงแค่กระสุนนัดเดียว ขณะที่ "พี่แซม" นั้นก็คงใช้จุดเด่นคือความนิ่งเละประสบการณ์ที่ผ่านอะไรมามากมายในชีวิต ออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองในสถานการณ์จริงมากที่สุด...
#3363



ญี่ปุ่นเผชิญการระบาดของโควิดระลอกที่ 5 ทั่วประเทศมีผู้ติดเชื้อรายวัน 7,629 คน เฉพาะกรุงโตเกียว 2,848 คน สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว

ทางการกรุงโตเกียวยืนยันยอดผู้ติดเชื้อโควิดวันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2,848 คน เป็นตัวเลขรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนในจังหวัดอื่นก็มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก คือ จังหวัดคานางาวะ 758 คน, จังหวัดโอซากา 741 คน, จังหวัดไซตามะ 593 คนสูงสุดเป็นประวัติการณ์, จังหวัดชิบะ 405 คน, จังหวัดโอกินาวา 354 คนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งประเทศญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้ 7,629 คน

นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกฯญี่ปุ่น ยอมรับว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากญี่ปุ่นเพิ่งผ่านช่วงวันหยุดยาว 4 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุดฤดูร้อนและเทศกาล "โอบง" ที่ประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อสักการะบรรพบุรุษ

ผู้นำญี่ปุ่นเรียกร้องให้ประชาชนชมการแข่งขัน "โตเกียวโอลิมปิก" ทางโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน และงดออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น

การระบาดระลอกใหม่นี้สร้างความกังวลมากขึ้น เมื่อมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาเพิ่มมากขึ้นคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 30 ของผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด แต่ทว่าจำนวนผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตยังค่อนข้างน้อย เมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย และมีผู้ป่วยหนัก 514 ราย

คณะแพทย์เตือนว่า เชื้อสายพันธุ์เดลตาติดต่อได้รวดเร็ว และลุกลามสู่ปอดได้เร็ว ทำให้ผู้ติดเชื้อกลุ่มคนหนุ่มสาวก็อาจมีอาการหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและใช้เครื่องช่วยหายใจ คณะแพทย์เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเพิ่มจำนวนเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วย และสร้างระบบติดตามผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้าน

หนุ่มสาวยังไม่ได้วัคซีน ติดเชื้อเพียบ

การระบาดระลอกนี้ผู้ติดเชื้อเกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาววัย 20-40 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ส่วนผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปพบผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 2% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด

ญี่ปุ่นเร่งการฉีดวัคซีนได้มากกว่าวันละ 1,600,000 เข็ม แต่ขณะนี้การจัดสรรวัคซีนเผชิญปัญหาหยุดชะงัก ทางการท้องถิ่นหลายแห่งระงับการฉีดวัคซีนเข็มแรก โดยฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับผู้สูงอายุเท่านั้น ขณะนี้ผู้สูงอายุในญี่ปุ่นได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วราว 68.2% ส่วนประชากรทั้งหมดได้รับวัคซีนครบแล้วราว 25.5% .

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นได้รับวัคซีนแล้ว แต่กลุ่มหนุ่มสาวยังไม่ได้วัคซีน ภาพรวมทั้งประเทศมีผู้ฉีดเข็มแรก 36.9% ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 25.5%
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นได้รับวัคซีนแล้ว แต่กลุ่มหนุ่มสาวยังไม่ได้วัคซีน ภาพรวมทั้งประเทศมีผู้ฉีดเข็มแรก 36.9% ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 25.5%
#3364


โตโยต้ามอเตอร์ ต้องหยุดการผลิตโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในไทยชั่วคราว เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด ขณะที่โรงงานในญี่ปุ่นก็ต้องระงับการผลิตบางส่วนเพราะขาดแคลนชิ้นส่วนจากเวียดนามที่กำลังเผชิญการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดใหญ่ของโควิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้โตโยต้ามอเตอร์ ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ต้องเผชิญปัญหาในการผลิต ทางบริษัทต้องระงับการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในประเทศไทย เนื่องจากผู้ป้อนอะไหล่ในท้องถิ่นหยุดการผลิตเพราะสถานการณ์โควิด

โรงงาน 3 แห่งเป็นโรงงานหลักของโตโยต้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นฐานการผลิตในต่างประเทศที่ใหญ่รองจากจีน และสหรัฐ สามารถผลิตรถยนต์ได้ราว 750,000 คันต่อปี โรงงานทั้ง 3 แห่งได้ระงับการผลิตตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าจะดำเนินการอีกครั้งหลังวันที่ 29 กรกฎาคม



ขณะเดียวกัน โรงงาน "โตโยต้าออโตบอดี้" ในญี่ปุ่นที่จังหวัดไอจิ ก็ต้องระงับสายการผลิต 5 วัน ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคมนี้ เพราะขาดแคลนอะไหล่จากผู้ผลิตในเวียดนาม ที่กำลังรับมือการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดของโควิดได้ซ้ำเติมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เดิมก็เผชิญปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในรถยนต์ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งต้องระงับการผลิตมาก่อนหน้านี้.
โตโยต้ามอเตอร์ ต้องหยุดการผลิตโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในไทยชั่วคราว เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด ขณะที่โรงงานในญี่ปุ่นก็ต้องระงับการผลิตบางส่วนเพราะขาดแคลนชิ้นส่วนจากเวียดนามที่กำลังเผชิญการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดใหญ่ของโควิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้โตโยต้ามอเตอร์ ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ต้องเผชิญปัญหาในการผลิต ทางบริษัทต้องระงับการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่งในประเทศไทย เนื่องจากผู้ป้อนอะไหล่ในท้องถิ่นหยุดการผลิตเพราะสถานการณ์โควิด

โรงงาน 3 แห่งเป็นโรงงานหลักของโตโยต้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นฐานการผลิตในต่างประเทศที่ใหญ่รองจากจีน และสหรัฐ สามารถผลิตรถยนต์ได้ราว 750,000 คันต่อปี โรงงานทั้ง 3 แห่งได้ระงับการผลิตตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าจะดำเนินการอีกครั้งหลังวันที่ 29 กรกฎาคม



ขณะเดียวกัน โรงงาน "โตโยต้าออโตบอดี้" ในญี่ปุ่นที่จังหวัดไอจิ ก็ต้องระงับสายการผลิต 5 วัน ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคมนี้ เพราะขาดแคลนอะไหล่จากผู้ผลิตในเวียดนาม ที่กำลังรับมือการระบาดของโควิดเช่นกัน

การระบาดของโควิดได้ซ้ำเติมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เดิมก็เผชิญปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในรถยนต์ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งต้องระงับการผลิตมาก่อนหน้านี้.
#3365




พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านระบบ   Video Conference ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

โดยวาระการประชุมที่น่าสนใจในวันนี้ 27 ก.ค. กระทรวงศึกษาธิการ จะเสนอ 4 มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ปกครอง นักเรียน ให้คณะรัฐมนตรีพิจาณา

มาตรการที่ 1 การให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ทั้งสายสามัญศึกษาและสายอาชีพ ในสถานศึกษาของรัฐและเอกชน รวมประมาณ 10.8 ล้านคน ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน รวมเป็นเงินประมาณ 21,600 ล้านบาท โดยใช้ฐานข้อมูลเรียนฟรี 15 ปี

มาตรการที่ 2 เป็นการขอความร่วมมือจากโรงเรียนเอกชน ให้ลด หรือตรึงค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากผู้ปกครอง ในโรงเรียนเอกชนกลุ่มที่ไม่รับการอุดหนุนจากรัฐ และกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ ให้เท่ากับปีการศึกษา 2563 เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในโรงเรียนเอกชน ทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อพิจารณาสั่งการเป็นรายกรณี อย่างไรก็ตามหลังจาก ศธ.ได้ออกประกาศแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ปีการศึกษา 2564

มาตรการที่ 3 เป็นการลดช่องว่างการเรียนรู้ (Learning Gaps) และลดผลกระทบด้านความรู้ ที่ขาดหายไป (Learning Loss) โดยให้สถานศึกษาสามารถถัวจ่ายเงินที่ได้รับจัดสรรตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ใน 5 รายการ ได้แก่ ค่าเล่าเรียน หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อใช้จัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดในปีการศึกษา 2564 ได้ และจัดสรรค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้สถานศึกษาอีกส่วนหนึ่ง เพื่อใช้จัดการเรียนรู้และแก้ปัญหาความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของสถานศึกษา และจัดทําสื่ออุปกรณ์การเรียนรู้หลากหลายที่เหมาะสมกับวัย ลดการเรียนรู้จากสื่อออนไลน์โดยเฉพาะกลุ่มผู้เรียน อนุบาล-ป.3 ขณะเดียวกัน ศธ.จะจัดเช่าอุปกรณ์ (Devices) พร้อมสัญญาน จํานวน 200,000 ชุด สําหรับให้นักเรียน/นักศึกษา กลุ่ม ป.4 – ม.6 และ อาชีวศึกษา ใช้ยืมเรียน รองรับการเรียนแบบออนไลน์


มาตรการที่ 4 เป็นการช่วยเหลือผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างงาน โดยจะมีการจัดฝึกอบรมด้านอาชีพสําหรับผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นการอบรมฟรีรัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน พร้อมทั้งประสานเชื่อมโยงกับแหล่งทุนเพื่อจัดหาทุนเริ่มต้นประกอบอาชีพ

พร้อมกับคาดการณ์ว่า กระทรวงการคลัง จะเสนอแผนกู้เงิน 200,000 ล้านบาท หลังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 2

โดยจะมีการขยายกรอบก่อหนี้ใหม่เพิ่มเติมอีก 100,000-200,000 ล้านบาท เป็นการทำแผนกู้เงินเพิ่มมารองรับมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์ 13 จังหวัดในช่วงนี้ ซึ่งแผนกู้เพิ่ม 100,000-200,000 ล้านบาท ดังกล่าว อยู่ภายใต้กรอบ พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 500,000 ล้านบาท

ซึ่งจะต้องดำเนินการกู้ภายในสิ้นเดือน กันยายนนี้ เนื่องจากขณะนี้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ใช้วงเงินหมดแล้ว
#3366
น้ำมันว่านเศรษฐีเรียกลาภ  ขวดละ 299 บาท



หุงจากว่านด้านเมตตา โชคลาภ 4 ชนิด ว่านรวยไม่เลิก ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนใน ว่านรางเงินพร้อมใส่ตะกรุดหัวใจพระสีวลีให้ทุกขวด ส่งเสริม เรื่องเมตตา โชคลาภ ค้าขายว่านเศรษฐีเรือนในเป็นว่านที่มีคุณทางเมตตามหานิยม มีโชคลาภและวาสนาทรัพย์สินเงินทองมากมายว่านเศรษฐีเรือนนอก เป็นว่านให้ผลในทางคุ้มครองป้องกันภัย มีโชคลาภและฐานะเจริญรุ่งเรืองว่านรวยไม่เลิกเป็นว่านให้ผล ในเรื่องความร่ำรวยตลอดไปเหมือนชื่อต้น มีโชคลาภว่านรางเงิน เป็นว่านะดีเด่นในเรื่องของเมตตามหานิยม และโชคลาภ

 คาถาบูชาตั้ง นะโม 3 จบสีวะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทาสีวะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทาสีวะลี เถระคุณัง เอตัง โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เมฯ(ท่องคาถาแล้วอธิษฐาน)

ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว

 ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา
ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/products/-i792070635-s1584866736.html?search=store?spm=a2o4m.10453683.0.0.10b96d16q6OJEJ&search=store 
#3367
3in1 led 36pcs 1w led flat par light DJ DMX512 Stage Lighting   

ไฟเวที LED FLAT PAR สุดคุ้มการใช้ ปาร์ตี้, ดิสโก้, KTV, ผับ, ร้านอาหาร, สวน, สวนสาธารณะ, พลาซ่า เพิ่มความตื่นตาตื่นใจ ด้วยชุดไฟ วิบวับ  แค่ 990 บาท 

- 1 หลอดมีหลาย สี  RGB MiXED COLOR
- วัตต์: ประมาณ 36 x  วัตต์
- แรงดันไฟฟ้า: 110-220 - v
-แหล่งพลังงาน: AC
- สามารถใช้ได้กับเครื่องควบคุมสัญญาณไฟ DMX512 
- รูปแบบไฟเปลี่ยนได้ถึง 7 แบบ ได้แก่ ปล่อยอัตโนมัติ เปลี่ยนตามจังหวะดนตรี master-slave
- รับประกัน 1 เดือน

สนใจ ติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้า
โทร : 094-5102033
LINE :@gentech
หรือคลิก https://lin.ee/eYs6pVN


#ป้ายNeonflex #ป้ายไฟสั่งทำ #ป้ายเชียร์ #ป้ายร้าน #ป้ายไฟดัด #ป้ายไฟled
#lighting #ไฟled #ledonhome #ป้ายไฟ #ป้ายไฟร้าน #ราคาป้ายไฟ #อุปกรณ์ไฟ
#โคมไฟ #ไฟตกแต่ง #ไฟประดับ #ไฟดาวไลน์led #วิธีเปลี่ยนหลอดled #วิบวับ #laser






#3368



นายบรรยง​ วิทยวีรศักดิ์​ อดีตนายกสมาคมตัวแทนและที่ปรึกษาการเงิน(Thaifa)​ และอดีตประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก (APFinSA) ได้โพสต์บนเพจเฟสบุ๊คส่วนตัว"เปิดเบื้องลึก ทำไมผู้ป่วยโควิดที่มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย จึงหาเตียงได้ง่ายกว่า" อย่างน่าสนใจว่า

ทุกคนเรียกร้องความเท่าเทียมกัน แต่ในโลกของความเป็นจริง มันมักจะโหดร้าย ไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอ

บิล เกต เจ้าของบริษัทไมโครซอฟท์ เคยกล่าวไว้ว่า "ชีวิตมักจะไม่แฟร์ ทำความคุ้นเคยกับมันซะ" เช่นเดียวกับการหาเตียงในโรงพยาบาลเมื่อติดเชื้อโควิด-19 ตอนนี้ ต้องบอกว่าหายากมากๆ และมีความเหลื่อมล้ำในการหาเตียงครับ

เมื่อผู้ป่วยมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ขณะที่จำนวนเตียงมีจำกัด ทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล รัฐบาลพยายามจัดให้มีโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลเอกชนใช้ hospitel มาช่วยขยายเตียง แต่ก็ยังไม่พอกับความต้องการ

จนล่าสุด รัฐบาลต้องประกาศให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่มาก ให้กักตัวและพักรักษาตัวที่บ้าน เป็น home isolation

แต่ถามจริงๆ ใครอยากรักษาตัวที่บ้าน เพราะเราไม่รู้ว่าเชื้อจะลงปอดเมื่อไร กว่าจะรู้ ปอดก็เป็นฝ้าขาว สุ่มเสี่ยงต่อการที่เนื้อเยื่อปอดจะถูกทำลายแล้ว

โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หากเชื้อลงปอด โอกาสรอดก็น้อยลงจนน่าตกใจ หลายๆคนที่เคยรู้จัก โดยเฉพาะเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในเยาวราชนับสิบคน ต่างจากไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ยังแข็งแรง ทำงานได้ปกติ

เมื่อเราป่วย ทุกคนล้วนอยากเข้ารพ.เอกชน เพราะดูแลดีกว่า ห้องกว้างขวาง สะดวกสบาย อุปกรณ์ใช้สอยครบครัน แต่ต้องไม่ลืมว่า โรงพยาบาลเอกชนตั้งขึ้นมาเพื่อหากำไร ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทำเงินของเขา

ตามปกติ ค่ารักษาในรพ.เอกชนมักจะแพงกว่ารพ.ของรัฐ 1-3 เท่าตัว ช่วงแรก คนทั่วไปมักไม่กล้าไปใช้บริการที่รพ.เอกชน คงมีแต่คนรวยหรือคนที่เบิกประกันสุขภาพได้ไปใช้บริการ

จนเมื่อทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประกาศรับผิดชอบค่าตรวจรักษาโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั้งหมด โดยผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งยังสั่งให้โรงพยาบาลห้ามเรียกเก็บเงินเพิ่มจากผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นค่ายา ค่ารถส่งต่อ ค่าตรวจแล็บ หรือห้องความดันลบ

ปัญหาคือ ราคาที่ สปสช.จ่ายนั้นต่ำกว่าราคาเต็ม ที่โรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บจากลูกค้าหรือบริษัทประกันชีวิตแบบครึ่งต่อครึ่ง ดังนั้น รพ.เอกชนจึงไม่เต็มใจรับลูกค้าที่มาใช้สิทธิบัตรทองหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่รพ.รัฐรับกัน

ยิ่งรัฐบาลออกกฎว่า ตรวจเจอโควิด 19 ที่รพ.ไหน ให้แอดมิต(เข้ารักษา)ที่นั่น เท่ากับมัดมือชก ให้รพ.เอกชนต้องรับรักษาผู้ป่วยโควิดในราคาถูก รพ.เอกชนจึงหาทางออกด้วยการอ้างว่า อุปกรณ์ตรวจเชื้อโควิดหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรักษาผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง

แต่จากข่าววงในจะทราบว่า รพ.เอกชนยังมีการสำรองเตียงให้คนมีฐานะ ด้วยการแจ้งคนที่ต้องการเข้ารักษาว่า ถ้าสามารถโอนเงินมาให้โรงพยาบาลก่อน 300,000 บาท หรือ 500,000 บาท รถพยาบาลจะวิ่งไปรับผู้ป่วยถึงที่เลย ตรงนี้แสดงให้เห็นชัดถึงความเหลื่อมล้ำ ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะรพ.เอกชนก็สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับคนมีฐานะอยู่แล้ว

แต่ระยะหลังเริ่มมีข่าวว่ารพ.เอกชนโดนเท โดนลูกค้าหักหลัง กล่าวคือ ลูกค้าที่โอนเงินไปก่อนเมื่อรักษาหายแล้ว ก็ไปร้องเรียนกระทรวงสาธารณสุขว่าถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงิน ขอให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย กระทรวงสาธารณสุขต้องโทรไปสั่งให้โรงพยาบาลเอกชนคืนเงินให้กับลูกค้า แล้วให้ไปเก็บเงินกับ สปสช.แทน

แต่ในราคาที่หายไปกว่าครึ่ง แถมกว่าจะได้รับเงิน ต้องรอ 3-6 เดือน

รพ.เอกชนเริ่มเรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้น จึงเปลี่ยนนโยบายมารับลูกค้าที่มีประกันสุขภาพแทน เนื่องจากได้ราคาและวางบิล 2 สัปดาห์ก็ได้เงิน เพียงแต่เขาระบุชัดเจนไปเลยว่า ต้องมีประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่เบิกได้ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป

เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคโควิดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 150,000 บาท จึงต้องมั่นใจว่าลูกค้ามีปัญญาจ่ายแน่ ไม่อย่างนั้น จะกลับไปปัญหาเดิม คือลูกค้าต้องออกเงินส่วนเกิน และไปร้องขอคืนจากกระทรวงสาธารณสุขอีก

ความจริงค่าใช้จ่าย 150,000 บาทนี้ เฉพาะกรณีลูกค้าผู้ป่วยสีเขียวหรือสีเหลืองที่ไม่มีอาการหนักมาก เพียงแค่พักฟื้น 14 วันก็หายได้เอง โดยไม่มีเชื้อลงปอด เพราะถ้ามีอาการหนักหรือมีโรคแทรกซ้อน ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5 ล้านบาททีเดียว

จึงไม่แปลกใจที่ระยะหลัง จะได้ยินข่าวว่า เมื่อเราติดต่อรพ.เอกชนเพื่อหาเตียงให้คนไข้โควิด รพ.จะแจ้งสเปกลูกค้าที่เขาต้องการว่า

1. เป็นผู้ป่วยอายุไม่เกิน 60 ปี
2. มีประกันสุขภาพเหมาจ่ายวงเงิน 5 แสนบาทขึ้นไป
3. น้ำหนักตัวไม่เกิน 100 กก.
4. เป็นผู้ป่วยสีเขียว

พอจะเข้าใจได้ว่า ชั่วโมงนี้ รพ.เอกชนเป็นคนเลือกลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้าเลือกโรงพยาบาล เคยได้ข่าวว่า ผู้ป่วยบางคนเริ่มจากการเลือกรพ.เกรด A เมื่อไม่ได้ เปลี่ยนมาเป็นเกรด B ครั้นยังไม่ได้ ก็ขอเปลี่ยนเป็น hospitel ก็ยังหาเตียงไม่ได้ สุดท้ายอาจจะต้องไปจบที่โรงพยาบาลภาคสนาม หรือไม่ก็ต้องกักตัวที่บ้าน ชั่วโมงนี้เลือกไม่ได้จริงๆครับ

มาถึงวันนี้ เมื่อคนป่วยล้นจริงๆ บางคนมีประกันสุขภาพเหมาจ่ายก็อาจจะยังไม่สามารถหาห้องได้เลย แต่ถ้ามีห้องว่างเมื่อไหร่ ผู้ป่วยที่มีประกันเหมาจ่ายมักจะได้รับการเลือกจากรพ.เอกชนก่อนเสมอ

คำถามคือ เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

หาคำตอบยากใช่ไหมครับ สิ่งที่ทำได้ และอยากแนะนำให้ทุกท่านทำคือ

1. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
2. ใส่แมส เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ
3. ฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนก็ได้ให้เร็วที่สุด
4. มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย

นาทีนี้ อะไรที่ช่วยรักษาชีวิตให้รอดได้ ต้องเลือกเอาไว้ก่อนครับ
#3369



วันนี้ (26ก.ค.) พันโทหญิง พัชรินทร์ บุศยกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา กองทัพบกระดมสรรพกำลัง ทั้งกำลังพล สิ่งอุปกรณ์ ยานพาหนะ และยุทโธปกรณ์สนับสนุนรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดบุคลากรทางการแพทย์ของกองทัพบก ทำหน้าที่ ดูแลรักษากำลังพล ครอบครัวและประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 เพื่อลดภาระงานของกระทรวสาธารณสุข ถือเป็นการระดมกำลังพลเหล่าแพทย์ครั้งใหญ่ของกองทัพบก ทั้งส่วนกลาง จากกรมแพทย์ทหารบกโดย รพ.พระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นกำลังหลักในการทำหน้าที่และเพิ่มเติมด้วยกำลังพลจากหน่วยขึ้นตรงของกรมแพทย์ทหารบก ซึ่งไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยตรงแต่เป็นผู้มีความรู้เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ซึ่งเรียกว่ากำลังพลสายแพทย์ แถว 2 ได้แก่ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์พระมงกุฎเกล้า, โรงเรียนเสนารักษ์ กรมแพทย์ทหารบก, วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก, สถาบันพยาธิวิทยา และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แพทย์ทหาร  

ทั้งนี้เป็นการนำความรู้และทักษะในวิชาชีพ แพทย์ พยาบาล เทคนิคการแพทย์ และเภสัชกร มาทำหน้าที่เสริมให้กับส่วนอื่นๆที่มีความต้องการบุคลากรทางการแพทย์มาทำหน้าที่ อาทิสนับสนุนศูนย์ห่วงใยคนสาคร รพ.สนามวัฒนาแฟคตอรี่, รพ.สนามบางขุนเทียน กทม., รพ.สนามกองทัพบก เกียกกาย และ รพ.สนามกองทัพบก กรมยุทธศึกษาทหารบก ปัจจุบัน ในส่วนของรพ.สนามกองทัพบกทั้ง 2 แห่ง รับดูแลผู้ติดเชื้อ จำนวน 224 ราย (25 ก.ค.64) ล่าสุด ได้จัดชุดตรวจเชิงรุกเคลื่อนที่ดำเนินการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี Rapid test ให้กับกำลังพลและครอบครัวอย่างเร่งด่วน ในเขตพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ตามนโยบายของกองทัพบก ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ วันที่ 11 ก.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ดำเนินการตรวจไปแล้ว จำนวน 23,567 ราย (25 ก.ค.64)  

นอกจากนี้ สนับสนุนการขับเคลื่อนภารกิจ"วาระแห่งชาติ ฉีดวัคซีนโควิค"  ซึ่งจำเป็นต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก โดยเฉพาะวิชาชีพพยาบาลเพื่อเร่งฉีดวัคซีนโควิดสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประชาชนโดยเร็ว กองทัพบกจึงได้จัดกำลังพลที่มีขีดความสามารถ แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ในหน่วยแพทย์ (กำลังพลแถว 3) ที่สมัครใจและมีจิตอาสาช่วยเหลือประชาชน จำนวน 85 นาย มาทำหน้าที่ฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชน ณ รพ.พระมงกุฎเกล้า ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.64 เป็นต้นมา และปัจจุบันได้เข้าร่วมการฉีดวัคซีนให้กับศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด ณ สถานีกลางบางซื่ออีกด้วย  

พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความสำคัญและเห็นถึงความทุ่มเท เสียสละของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มขีดความสามารถมาโดยตลอด พร้อมกำชับให้หน่วยทหารทุกแห่งสนับสนุนงานของรัฐบาลในทุกเรื่อง ทั้งนี้กองทัพบกขอส่งกำลังใจให้บุคลากรทางแพทย์ทั่วประเทศ ที่เสียสละทำงานอย่างหนักตลอด 24 ชม.และพร้อมสนับสนุนเคียงข้าง เพื่อช่วยเหลือดูแลประชาชนและประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤติโควิดไปได้อย่างปลอดภัย
#3370


คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ออกมาเผยว่าจะมีการผ่อนปรนกฎด้วยการอนุญาตให้นักกีฬาที่ขึ้นโพเดียมรับเหรียญรางวัลในศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สามารถถอดหน้ากากอนามัยชั่วคราวไม่เกิน 30 วินาที เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้ หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งออกมายืนยันว่าทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดด้วยการสวมน้ากากอนามัยตลอดเวลา

ก่อนหน้านั้นในวันอาทิตย์ มาร์ค อดัมส์ โฆษก ไอโอซี เพิ่งออกมาย้ำเตือนว่านักกีฬาทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตามมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดเวลา หลังมีนักกีฬาว่ายน้ำหลายคนที่ถอดหน้ากากออกขณะขึ้นรับเหรียญรางวัลในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ไอโอซี ตัดสินใจที่จะผ่อนปรนกฎดังกล่าว โดยระบุว่าเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักกีฬาได้ถ่ายภาพเพื่อเก็บอารมณ์และความทรงจำในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตนักกีฬาเอาไว้ แต่ทั้งนี้ต้องมีการเว้นระยะห่าง และจะสามารถถอดหน้ากากได้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ตอนจะถ่ายรูปเดี่ยวเท่านั้น ส่วนการถ่ายรูปหมู่ที่มีความใกล้ชิด ทุกคนยังคงต้องสวมหน้ากากตามเดิม

เครดิตภาพ : REUTERS
#3371


สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ปรับแผนการจัดงาน งานรับสร้างบ้าน Online 2021 หวังเพิ่มช่องทางการตลาดให้สมาชิกสมาคมฯ หลังได้เลื่อนการจัดงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021" จากเดิมจะจัดในเดือนสิงหาคมไปเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี "วรวุฒิ กาญจนกูล" เผยผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภค 400 รายพบ 72% โควิด-19 กระทบต่อการตัดสินใจสร้างบ้าน และกว่า 60% ใช้เวลามากกว่า 6 เดือนขึ้นไปในการคิดและตัดสินใจจะปลูกสร้างบ้านพร้อมเข้าอยู่

นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่า สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (สมาคมฯ) ได้ตัดสินใจเลื่อนการจัดงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021" จากเดิมจะจัดในเดือนสิงหาคม ไปเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือสมาชิกสมาคมฯ จึงได้จัดงาน งานรับสร้างบ้าน Online 2021 ในรูปแบบ Virtual Online Exhibition เน้นสร้าง Data Base ผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านกลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้นโดยจะกำหนดการจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม - 6 กันยายน 2564 นี้ ขึ้นมาก่อน ซึ่งคาดหวังว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นนี้จะกระตุ้นการตลาดและการขายก่อนการจัดงานในช่วงปลายปี ขณะเดียวกันผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวกต่อการเข้าชม ป้องกันการระบาดของโรคระบาด โดยเฉพาะโควิด-19 อีกทั้งยังสร้างมิติใหม่ช่วยให้ภาพลักษณ์ของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านมีความทันสมัยมากขึ้น รวมถึงกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านต่างจังหวัด จะมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับสมาคมฯ ได้มากขึ้นเช่นกัน

การแทรกช่องว่างด้วยการจัดกิจกรรมผ่านงาน งานรับสร้างบ้าน Online 2021 ก่อนการจัดงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021" นั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการสำรวจและทำแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคจำนวนกว่า 400 ราย พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านมากถึง 72% ส่วนที่เหลือ 28% ไม่มีผลต่อการตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้าน ข้อมูลดังกล่าวคาดว่าเป็นกลุ่มบ้านราคาแพงซึ่งตลาดยังพอไปได้ต่างจากบ้านขนาดเล็กหรือตลาดทั่วไป (Mass) ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลต่อการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านมาก ด้วยเหตุนี้อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านที่เดิมเน้นตลาดทั่วไป (Mass) ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ได้ขยับมาจับตลาดบ้านราคาแพงตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

 เมื่อถามว่าต้องการจะปลูกสร้างบ้านพร้อมเข้าอยู่ใช้เวลาในการปลูกสร้างกี่ปีนั้น พบว่าพร้อมปลูกสร้างไม่เกิน 6 เดือนคิดเป็นสัดส่วน  24% และใช้เวลามากกว่า 6 เดือนถึง 2 ปีคิดเป็นสัดส่วน 65% และ ใช้เวลา 2-3 ปี คิดเป็นสัดส่วน 11% ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการสร้างบ้านส่วนใหญ่ จะไปสร้างบ้านในปี 2565- 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าจะคลายตัวลงแล้ว

ส่วนทำเลที่เลือกปลูกสร้างบ้านนั้น 3 ทำเลที่ต้องการปลูกสร้างมากสุดคือ อันดับหนึ่งยังเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑลคิดเป็นสัดส่วน 37% อันดับสองและอันดับสามคือ ภาคกลาง และภาคใต้ คิดเป็นสัดส่วน 18% จากสัดส่วนนี้แสดงให้เห็นว่าความต้องการของลูกค้ากลุ่มรับสร้างบ้านกว่า 55% ยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงภาคกลาง

พร้อมกันนี้นายวรวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า จากแบบสอบถามที่ได้จากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังตัดสินใจในการปลูกสร้างบ้านกับบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ถึง 84.2% นั้นสะท้อนภาพได้ว่าผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่น ดังนั้น สมาคมฯ จึงปรับปรุงช่องทางการเข้าถึงระหว่างสมาชิกกับผู้บริโภคผ่านทางเว็บไซต์ของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านคือ www.hba-th.org เพื่อให้เว็บไซต์ของสมาคมฯ เป็นศูนย์กลางให้กับผู้ที่สนใจจะสร้างบ้านได้เข้ามาหาข้อมูลและเข้าถึงแบบบ้านต่างๆ พร้อมโปรโมชั่นของสมาชิกของสมาคมได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น อีกทั้งมีการโปรโมทเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกและผู้บริโภค

"ปี 2564 เป็นอีกปีที่ภาคธุรกิจรับสร้างบ้านต้องเผชิญกับปัจจัยลบรอบด้านทำให้บริษัทต่างๆ ต้องปรับตัวกัน แต่หากคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่อยู่ภาคธุรกิจคงเหนื่อยอีกยาว ส่วนผู้บริโภคที่เดิมคิดจะปลูกสร้างบ้านก็ต้องชะลอออกไป " นายวรวุฒิ กล่าวให้ความเห็นในตอนท้ายว่า ในเดือนกรกฎาคม 2564 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ดีขึ้น มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 หมื่นคนต่อวัน ทางสมาคมฯ คงต้องดูสถานการณ์การระบาด พร้อมกับมาตรการของรัฐบาลที่จะมีการประกาศออกมาแบบวันต่อวัน เพื่อนำมาประเมินสถานการณ์ในการทำกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมต่อไป
#3372

ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีมานี้ เชื่อว่าคงไม่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติคนไหนไม่รู้จัก "ฉลอง เบย์" (Chalong Bay) รัมระดับโลกที่ผลิตขึ้นที่ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เมื่อมาเยือนภูเก็ตจะต้องแวะเวียนมาสัมผัสประสบการณ์ที่ ฉลอง เบย์ สักครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งที่นี่มีทั้งศูนย์การเรียนรู้ บาร์ และร้านอาหาร


"เล็ก - ชินวิช รัตนชินกร" หุ้นส่วน ฉลอง เบย์ ประเทศไทย เหล้ารัมสัญชาติไทยที่โด่งดังในระดับโลก เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนที่เป็นร้านอาหารและบาร์ ได้ปิดให้บริการลูกค้าไปและจะยังไม่เปิดให้บริการในช่วงนี้ แต่ในส่วนที่เป็นศูนย์การเรียนรู้เรื่องการผลิตเหล้ารัมในประเทศไทย เปิดให้นักท่องเที่ยวที่มาเป็นหมู่คณะ ได้เข้ามาเยี่ยมชมพื้นที่ได้เป็นปกติ เพียงแค่ต้องติดต่อล่วงหน้าไว้ก่อน ดังนั้น ในวันที่เริ่มนโยบายเปิดเกาะนี้ ภายในศูนย์เรียนรู้แทบไม่ต้องเตรียมความพร้อมอะไรเลย เพราะที่ผ่านมาได้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขทุกประการอยู่แล้ว


"ถึงแม้ว่าร้านอาหารเราจะปิดให้บริการ แต่ก็มีการเช็ดถูทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อตลอดเวลา โดยเฉพาะ ที่ศูนย์การเรียนรู้การผลิตเหล้ารัม ซึ่งเราได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นปกติ เพียงแค่เปลี่ยนจากการวอล์กอินเข้ามา เป็นการแจ้งการเข้าเยี่ยมชมล่วงหน้า และปรับเป็นการเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้ปฏิบัติตามหลักนิวนอร์มอลทุกประการอยู่แล้ว ที่สำคัญ พนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ดังนั้น นักท่องเที่ยวทุกคนจึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย"


ชินวิชเล่าต่อว่า เมื่อ 7 ปีที่แล้วอาจจะมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่รู้จัก "ฉลอง เบย์" (Chalong Bay) เพราะแนวคิดในการผลิต "ฉลอง เบย์" เกิดขึ้นมาจากผู้หญิงชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ที่เคยติดอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งในภูเก็ต ช่วงที่ประเทศไทยประสบกับภัยพิบัติสึนามิ ซึ่งเธอได้รับความช่วยเหลือและดูแลจากคนไทยเป็นอย่างดี จึงเกิดความประทับใจต่อคนไทยเป็นอย่างมาก และคิดว่าอยากตอบแทนคนไทยด้วยการทำอะไรสักอย่าง จึงเริ่มผลิตเหล้ารัมแบรนด์ของคนไทยขึ้นมา และที่ผ่านมามีชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวชมวิธีการผลิตจำนวนมาก แต่ช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ลดลง ขณะเดียวกัน กลับมีนักท่องเที่ยวชาวไทยสนใจมาศึกษาการผลิตเหล้ารัม และการผสมเครื่องดื่มค็อกเทลมากขึ้น

"ก่อนหน้านี้ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาศึกษาการผลิตเหล้ารัมเป็นจำนวนมาก จนต้องจัดคิวในการเข้าชมแต่ละวัน เพราะส่วนใหญ่อยากมาชมการผลิตเหล้ารัมที่มีส่วนผสมธรรมชาติ 100% เราได้คัดเลือกน้ำอ้อยออร์แกนิคมาเพียงแค่สายพันธุ์เดียว และส่วนผสมอื่นจากประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยวัตถุดิบทุกชนิดล้วนมาจากเกษตรกรในท้องถิ่น โดยยึดเทคนิคและกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม พิถีพิถันและใส่ใจในทุกกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนตามแบบงานฝีมือ แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวชมเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังโชคดีที่ยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยบางกลุ่ม ที่สนใจเรื่องการมิกซ์เครื่องดื่มเข้ากับรัมในหลากหลายรสชาติมาเรียนรู้บ้าง จึงทำให้เรายังคงเปิดศูนย์การเรียนรู้เรื่อยมา แม้จะมีนักท่องเที่ยวบางตาไปกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก"

เพราะเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จึงทำให้ ฉลอง เบย์ ไม่สามารถทำการโปรโมทส่งเสริมการขาย ดึงดูดลูกค้าให้มาเที่ยวชมได้เหมือนสินค้าอื่นทั่วไป แต่เขาได้จับมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทำการโปรโมทการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ภายในศูนย์การเรียนรู้ ที่เน้นกระบวนการผลิตรัมจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ


"เมื่อก่อนเราจะโปรโมทสินค้าผ่านทางร้านอาหารเป็นหลัก แต่ตอนนี้ร้านอาหารปิดเราจึงโปรโมทศูนย์การเรียนรู้ของเราผ่านทางโซเชียลต่างๆ โดยเฉพาะ การร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทำสกู๊ปประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ภายในศูนย์ที่เน้นการดูแลจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ซึ่งเราจะเน้นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเรา ที่ได้นำผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ โดยเฉพาะ ภายในชุมชน มาเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องดื่มทุกชนิด อันเป็นการแสดงออกถึงความเคารพต่อสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนของชุมชน (Sustainable) ในระยะยาว โดยหลอมรวมมรดกอันล้ำค่าจากสองซีกโลก ด้วยการนำวัฒนธรรมอันยาวนานในการเพาะปลูกต้นอ้อยของไทย ผสมผสานกับกรรมวิธีและความเชี่ยวชาญในการผลิตสุราอันเลื่องชื่อจากฝรั่งเศส"



ท่ามกลางแสงสว่างรำไรกำลังจะก่อตัวขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ ในรูปแบบภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ชินวิชคาดหวังว่าจะเห็นเศรษฐกิจประเทศไทย โดยเฉพาะ การท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัว เป็นสัญญาณที่ดีให้อีกหลายจังหวัดได้นำไปปรับใช้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกันต่อไป



"เราอยากให้การเปิดเกาะภูเก็ตในครั้งนี้ เป็นต้นแบบให้อีกหลายจังหวัดนำไปปรับใช้กันในรูปแบบต่างๆ ต่อไป เราไม่ได้คาดหวังว่า การเปิดประเทศรอบนี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวหนาตาเหมือนดังแต่ก่อน เพราะช่วงนี้ภาคใต้อยู่ในช่วงโลว์ซีซันส์ เป็นฤดูฝน ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเข้ามาหนาตาอยู่แล้ว ช่วงที่ไฮซีซันส์ของบ้านเราจะอยู่ประมาณเดือนตุลาคมถึงธันวาคม แต่การที่ได้ทดลองเปิดเกาะก็เป็นนิมิตหมายอันดี ที่ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ช่วงแรกอาจมีปัญหาบ้างแต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นทุกอย่างก็จะเริ่มต้นไม่ได้"
#3373


"MONOMAX" (โมโนแมกซ์) ผู้นำดูหนังออนไลน์แบบถูกลิขสิทธิ์ ในเครือ โมโน เน็กซ์ ชวนคอหนังสดุดีเหล่าวีรชนคนกล้าไปกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดแนวมหันตภัย "คนกล้าไฟนรก ONLY THE BRAVE (GRANITE MOUNTAIN NO EXIT)" ที่ได้สองนักเขียนบท "เคน โนแลน" และ "อีริค วอร์เรน ซิงเกอร์" มาร่วมกันดัดแปลงบทความจากนิตยสาร GQ หยิบยกเรื่องจริงของเหล่านักผจญเพลิงที่ออกปฏิบัติภารกิจยับยั้งไฟป่ายาร์เนล เมื่อปี 2013 จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ต้องสูญเสียนักดับเพลิงชาวสหรัฐอเมริกาสูงถึง 19 นายจากทั้งหมด 20 นาย ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว!



ภาพยนตร์ "คนกล้าไฟนรก ONLY THE BRAVE (GRANITE MOUNTAIN NO EXIT)" เป็นเรื่องจริงของกลุ่มนักผจญเพลิง แกรนิต เมาท์เท่น ฮอตช็อตส์ ที่ต้องรับมือกับไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดแห่งประวัติศาสตร์อเมริกาที่เกิดขึ้น ณ เมืองเพรสคอตต์ รัฐอริโซน่า ที่พร้อมจะเปลี่ยนผืนป่าขนาดใหญ่ให้เป็นนรกบนดิน พวกเขาต้องออกลุยปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องผู้คนและเมืองอริโซน่าด้วยชีวิตของพวกเขา จนกลายเป็นตำนานวีรบุรุษที่ทุกคนต้องกล่าวขานเมื่อพลังแห่งมิตรภาพ ความเสียสละ และความกล้าหาญ ผลักดันให้พวกเขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัว ชุมชน และเมืองอันเป็นที่รักให้รอดพ้นจากเพลิงมรณะและใช้เวลานานกว่า 12 วันกว่าจะควบคุมเพลิงไว้ได้!

ติดตามชมเรื่องราวความกล้าหาญของเหล่านักผจญเพลิงได้ในภาพยนตร์ "คนกล้าไฟนรก ONLY THE BRAVE (GRANITE MOUNTAIN NO EXIT)" นำแสดงโดย จอช โบรลิน (รับบท อีริค มาร์ช), ไมล์ส เทลเลอร์ (รับบท เบรนแดน แม็คโดนัฟ), เจฟฟ์ บริดเจส (รับบท ดูแอน สไตน์บริงค์) และ เทเลอร์ เคิร์ธ (รับบท อแมนด้า มาร์ช) ผ่านทาง MONOMAX (โมโนแมกซ์) พากย์ไทยครบทุกเรื่อง! เพียงเดือนละ 250 บาท รับชมได้พร้อมกัน 5 คน สามารถสมัครผ่าน www.monomax.me  โทรสอบถามรายละเอียด 02-100-7007
#3374


ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ในปัจจุบัน ถือเป็นภาวะวิกฤตที่ทุกประเทศในโลก ต้องจัดหาวัคซีน และยารักษา เป็นอันดับสำคัญ ถือเป็นการก้าวเท้าซ้ายขวาที่ต้องเดินไปพร้อมกัน โดยต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนให้รวดเร็ว และครอบคลุมมากที่สุด ทั้งนี้ เมื่อความต้องการวัคซีนทั่วโลกมีสูง การจัดซื้อวัคซีนต้องใช้กระบวนการในภาวะฉุกเฉินแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) เท่านั้น ย้ำว่า เอกชนไม่สามารถจัดซื้อโดยตรงได้ แม้กระทั่งวัคซีนทางเลือกก็ต้องให้ภาครัฐเป็นตัวกลางในการจัดซื้อ ดังนั้นภาครัฐถือว่า เป็นแกนหลักในการจัดหาและบริหารวัคซีนที่ต้องคล่องตัวและโปร่งใส โดยเฉพาะในภาวะวิกฤต ประชาชนเกิดความสับสนและลังเล ดังนั้น ภาครัฐจึงต้องเปิดแผนว่า รัฐจัดหาวัคซีนตัวไหนมาเมื่อไร ใครจะได้ฉีดก่อนหลัง เพื่อให้ประชาชนสบายใจ และเกิดความเชื่อมั่น

วันนี้ (25 ก.ค.)ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงสูงขึ้นไปถึง 15,335 คน และยอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 129 คน การจัดหาวัคซีนทั่วโลก ถือเป็นความท้าทายของทุกประเทศ ในขณะที่ประเทศไทยยังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นหลายประการ อาทิ ประการแรก การจัดสรรวัคซีนของแอสตร้าเซเนกา ในปัจจุบันมีจำนวนแตกต่างจากที่รัฐคาดการณ์ไว้ โดยประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ทำจดหมายเปิดผนึก ชี้แจงวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทว่าจะส่งมอบให้ไทยได้เพียง 5-6 ล้านโดสต่อเดือน ประการที่สอง ความต้องการวัคซีน mRNA มีมาก ทำให้ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนประเภทนี้ยังคงรอบนสภาวะความไม่แน่นอน และต้องการความมั่นใจจากภาครัฐในการจัดสรรวัคซีน และประการสุดท้าย การสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมจากประเทศจีน ทำให้ประชาชนบางส่วนอาจเกิดความไม่สบายใจว่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ทำไมจึงสั่งวัคซีนซิโนแวคเพิ่มในจำนวนมากกว่าที่รัฐเคยประกาศไว้ ประเด็นเหล่านี้ รัฐควรชี้แจงให้ชัดเจน โปร่งใส



โดยที่ผ่านมาเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้แถลงการณ์ไปแล้วหลายครั้ง ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าวัคซีนซิโนแวคของรัฐบาล แต่เมื่อยังคงมีกระแสบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิด ทำให้ซีพี ต้องออกมายืนยันอีกครั้งว่า การจัดหาวัคซีนดังกล่าวเป็นไปภายใต้การพิจารณาของรัฐบาล และเป็นการดำเนินการแบบรัฐต่อรัฐ โดย เครือซีพีไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งทางตรงและทางอ้อม ยืนยันตามแถลงการณ์เดิมว่า เห็นด้วยต่อการนำเข้าวัคซีนที่หลากหลาย

ทั้งนี้ล่าสุดเครือซีพี ได้ใช้งบประมาณของบริษัทจัดหาวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์มผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มาจัดฉีดให้กับพนักงานด่านหน้า และในอนาคตหากมีการนำเข้าวัคซีนประเภท mRNA เข้ามาในประเทศไทย ซีพีก็พร้อมจัดซื้อวัคซีนประเภท mRNA วัคซีน Viral Vector และวัคซีนแบบเชื้อตาย จากผู้นำเข้า เพื่อมาเสริมให้กับพนักงานตามความมั่นใจของพนักงานเช่นเดียวกัน
#3375
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

แฟนเพจ https://web.facebook.com/porntaywa
เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  
#3377

"เสนาฯ" ตั้งศูนย์พักคอย รองรับพนักงานติดโควิด ที่เป็นผู้ป่วยสีเขียวที่รอเตียงโรงพยาบาล "ออริจิ้น" จัดทีมดูแลลูกบ้านเพื่อโฮม ไอโซเลชั่น หวังแบ่งเบาภาระบุคคลกรทางการแพทย์ หลังากที่มีผู้ติดเชื้อใหม่ทะลุหมื่นราย
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวทางการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดบริษัทขณะนี้ให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานทั้งในแง่การป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนและพนักงานกรณีที่ติดโควิด เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้น เพิ่มขึ้นทำให้เตียงในโรงพยาบาลไม่เพียงพอ เสนาฯ จึงมีแนวทางในการดูแลพนักงานที่ติดโควิด ที่มีอาการไม่มาก หรือไม่มีอาการด้วยการทำ"ศูนย์พักคอย"แต่ยังไม่มีโรงพยาบาลไหนมาเป็นพาสเนอร์ เพื่อช่วยเหลือพนักงานให้ได้รับการดูแลและปลอดภัยมากที่สุด

" หลังจากที่ตั้งวอร์วูมในการทำงานพบว่า มีพนักงานส่วนหนึ่งติดโควิด เราพยายามส่งไปโรงพยาบาลแต่ส่วนใหญ่ไม่มีเตียง แทนที่จะปล่อยเข้าให้อยู่ที่บ้านก็ให้เขามาพักที่ที่เราจัดไว้และมีเครื่องมีเครื่องวัดออกซิเจนในกระแสเลือด ท่านสามารถวัดเองได้และคอยเช็คโรงพยาบาลต่างๆว่ามีเตียงว่าไหม เชื่อว่า หลายบริษัทมีพนักงานติดโควิดเป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับและต้องให้การช่วยเหลือ ไม่ใช่ปล่อยเขาเผชิญความยากลำบากลำพัง"

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (​มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้ได้จัดทีมจำนวน500คนเข้าไปในหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมที่เป็นโครงการของออริจิ้นทั้งหมดเพื่อดูแลลูกบ้านที่ติดโควิดเพื่อทำ"โฮม ไอโซเลชั่น"(Home Isolation)โดยพร้อมประสานหน่วยงานภาครัฐ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)เพื่อดูแลผู้ป่วยสีเขียว ที่มีอาการไม่มาก หรือไม่มีอาการ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลปฐมพยาบาลเบื้องต้นผ่านเทเลเมดิซีน

"ฝากรวมถึงลูกค้าอื่นๆที่ไม่ใช่ลูกค้าเราที่ติดโควิดอยู่ในคอนโดอยู่ในระดับสีเขียวว่า อย่าไปรังเกียจคนที่ติดโควิด เราสามารถอยู่กันได้แบบห้องใครห้องมัน ใช้ชุดพีพีอีไปส่งข้าวส่งน้ำและส่งยาได้ โดยมีแพทย์ดูแลผ่านเทเลเมดิซีน ได้ วิธีการนี้จะเป็นการแบ่งเบาภาระบุคคลกรทางการแพทย์ เพราะวันนี้มีผู้ติดเชื้อใหม่ทะลุวันละหมื่นรายซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่รีบแก้ไข จัดการให้เร็วที่สุด "
#3378


ผลพวงนโยบายรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน สะท้อนต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าปัจจุบันรวม 45 สตางค์ต่อหน่วย และผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศต้องมีส่วนร่วมรับภาระดังกล่าว ขณะที่กระทรวงพลังงาน คาดหวังว่า อนาคตภาระนี้จะลดลงตามการแข่งขันและเทคโนโลยีที่ถูกลง

การส่งเสริมผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านการให้เงินสนับสนุนทั้งในรูปแบบการกำหนดส่วนเพิ่มอัตรารับซื้อไฟฟ้า (Adder) และการใช้เงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง (Feed-in-Tariff) หรือ FiT ตามนโยบายภาครัฐ

ล่าสุดในงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2564 คิดเป็นต้นทุนสะท้อนผ่านค่าไฟฟ้าที่ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องจ่าย อยู่ที่ 31.13 สตางค์ต่อหน่วย หรือ เป็นวงเงินรวม 18,302 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2564 ที่กระทบค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 33.28 สตางค์ต่อหน่วย หรือ คิดเป็นวงเงิน 19,934 ล้านบาท

อีกทั้ง ในงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2564 ที่อุดหนุน 31.13 สตางค์ต่อหน่วยดังกล่าว เป็นในส่วนของค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) และยังมีการอุดหนุนพลังงานหมุนเวียนก่อนหน้านี้ที่ถูกคำนวณรวมอยู่ในค่าไฟฟ้าฐานอีก 14.30 สตางค์ต่อหน่วย (คำนวณไว้เมื่อปี 2558 รวมเป็นเงิน 8,284 ล้านบาท)

เท่ากับว่าในงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2564 ประเทศไทย มีต้นทุนการอุดหนุนค่าไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องจ่ายรวม 45.43 สตางค์ต่อหน่วย ( คิดเป็นเงินประมาณ 26,586 ล้านบาท )​ จากค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ย 3.61 บาทต่อหน่วย

โดยการอุดหนุนพลังงานหมุนเวียนที่มีแนวโน้มลดลงจากช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค.2564 เนื่องจากมีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเข้าระบบน้อยลง รวมทั้งความผันผวนของสภาพอากาศทำให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนไม่เสถียรและลดลง ประกอบกับโครงการเดิมที่ได้รับเงินส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder)ในอัตราสูง ก็เริ่มทยอยหมดอายุลง

คมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่าในปี 2564-2565 ยังมีโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่จะทยอยเข้าระบบเพิ่มเติม คือ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา สำหรับกลุ่มโรงเรียน สถานศึกษา โรงพยาบาลและสูบน้ำเพื่อการเกษตร(โครงการนำร่อง) จำนวน 50 เมกะวัตต์ กำหนดผลิตไฟฟ้าเข้าระบบ (SCOD) ภายใน 31 ธ.ค. 2564 ซึ่งโครงการนี้จะมีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าน้อย เนื่องจากเป็นการกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าต่ำ

รวมถึง ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก นำร่อง 150 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการนี้อาจมีผลกระทบต่อค่าไฟบ้าง แต่ก็เกิดประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายภาครัฐ

ทั้งนี้ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่ได้รับเงินส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ในอัตราที่สูงถึง 8 บาทต่อหน่วย ที่มีสัญญาระยะ 10 โดยกลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับ Adder ซึ่งมีการผลิตไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2557 ที่ผ่านมา จะหมดอายุสัญญาในปี 2567 และจะช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนลดลงได้อีก

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน ระบุว่า การส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนในอนาคตจะมีผลพวงต่อค่าไฟฟ้าน้อยลง เนื่องจากต้นทุนเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มถูกลง และภาครัฐจะใช้นโยบายแข่งขันด้านราคาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น

"ต่อไปพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลก ที่สอดรับกับพลังงานสะอาด จะมีต้นทุนถูกลง เพื่อให้แข่งขันได้กับเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งจะไม่เป็นภาระต่อผู้ใช้ไฟฟ้าอีกต่อไป หรือ มีภาระน้อยลงมาก"

อย่างไรก็ตาม  โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า ของประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ปัจจุบัน ในบิลเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือน จะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ค่าไฟฟ้าฐาน, ค่าไฟฟ้า Ft (ค่าเอฟที) และภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ในอนาคตอันใกล้ ในบิลค่าไฟฟ้า จะปรากฏข้อมูล "ประมาณการค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐ (Policy Expense : PE)" เข้าไปแสดงให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้เห็นถึงรายจ่ายฯที่สะท้อนต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าในอนาคตด้วย 

เนื่องจาก การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2564 มีมติเห็นชอบนโยบายการกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทยในระยะ 5 ปีข้างหน้า(ปี พ.ศ. 2564 – 2568) และกรอบแนวทางการจัดทำโครงสร้างอัตราค่าไฟ เพื่อให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไปจัดทำรายละเอียดในการกำกับดูแลและกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงาน ให้เกิดความชัดเจน พร้อมนำกลับมาเสนอต่อที่ประชุม กพช. ภายในปี 2565

โดยมติดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้การกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสะท้อนต้นทุนในการให้บริการของกิจการไฟฟ้าอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อทั้งผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่ม เพื่อให้โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงบริบทของอุตสาหกรรมไฟฟ้า ที่เกิดจากนโยบายและยุทธศาสตร์ของประเทศ

รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทาง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต และเพื่อให้โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้ามีความเกื้อหนุนต่อการรักษาประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศโดยรวม
#3379
GoldSpotClub ทำเงินกับกองทุนทองคำ รับกำไรรายสัปดาห์ กองทุนทอง Profit

เริ่มต้นขั้นต่ำ 100$ รับรายได้ 5-7% ต่อสัปดาห์ รับค่าการตลาดสูงถึง 10%

รับรายได้ต่อเนื่องรายสัปดาห์กับเรา

เว็บไซต์ :: https://goldspot.club/

ติดต่อสอบถาม :: https://m.me/Goldspotclub

กลุ่มไลน์ :: https://line.me/R/ti/g/PSxgfgxCaz








#3380


วานนี้ (16 ก.ค.) ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ออกประกาศ ด่วนที่สุด! ถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ระบุถึงหลักเกณฑ์การฉีด "วัคซีนไขว้" หรือการฉีดวัคซีนสลับชนิดกัน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า และประชาชน โดยรายละเอียดมีดังนี้

ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบการคิดเชื้อไวรัสสายพันธุ์กลายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์เดลตา เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งมีการศึกษาโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะต้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งประเทศไทย (ไบโอเทค) พบว่า

การฉีดวัคซีน Sinovac เป็นเข็มที่ 1 และฉีควัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มที่ 2 สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสให้อยู่ในระดับที่สูงได้เร็วมากขึ้น โดยสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีใกล้เคียงกับ Astrazeneca 2 เข็ม ซึ่งคาดว่าจะมีผลตีต่อการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตา และไม่พบอาการข้างเคียงรุนแรงภายหลังได้รับวัคชีน

จากกรณีดังกล่าว การประชุมคณะกรรมการโรคติตต่อแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 และการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 (ปค.ส5) ครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม

มีมติเห็นชอบการฉีดวัดซีนโควิด-19 สลับชนิด (ฉีดวัคซีน Sinovac เป็นเข็มที่ 1 และตามด้วยวัดซีน AstraZeneca เป็นเซ็มที่ 2) และการฉีดวัคซีนโควิด-19 กระตุ้นภูมิคุ้มกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า แล้วนั้น

กระทรวงสาธารณสุข จึงขอแจ้งแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิดสำหรับประชาชน และการฉีดวัคชีนโควิด-19 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ดังนี้

1. การฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิด สำหรับประชาชน

1.1) ให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 1 ด้วยวัคซีนโคโรนาแวค (Coronavac) ของบริษัท Sinovac Biotech จำกัด และเข็มที่ 2 เป็นวัคชีน AstraZeneca ของบริษัท AstraZeneca จำกัด โดยมีระยะห่างระหว่างเข์ม 3-5 สัปดาห์ หากเกินกว่าระยะห่างที่กำหนด ขอให้ฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา

โดยจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสให้อยู่ในระดับที่สูงใกล้เคียงกับผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca 2 เข็ม แต่ใช้ระยะเวลาสั้นกว่า เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์ของโรค ในระยะที่มีวัคซีนจำนวนจำกัด

1.2) ในกรณีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เป็น AstaZeneca กำหนดให้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นวัคซีน AstraZeneca เช่นเดิม โดยมีระยะห่างระหว่างเข็ม 12 สัปดาห์


2. การฉีดวัคซีนโควิด-19 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

2.1) กำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เช่น บุคลากรที่ปฏิบัติงานแผนกผู้ป่วยโควิด-19 แผนกผู้ป่วยนอก คลินิกทางเดินหายใจ ห้องฉุกเฉินแผนกผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลสนาม เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่กักกัน และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานใน Hospitel ที่ได้รับวัคซีนโคโรนาแวค (Coronavac)  ของบริษัท Sinovac Biotech จำกัด ครบ 2 เข็มแล้ว จะได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยการรับวัคซีน AstraZeneca หรือวัคซีนชนิด messenger Ribonucleic Acid (mRNA) จำนวน 1 เข็ม โดยมีระยะห่างระหว่างเข็มที่ 2 และเข็มกระตุ้น อย่างน้อย 4 สัปดาห์

หากเกินกว่าระยะห่างที่กำหนด ขอให้ฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสให้อยู่ในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca ครบ 2 เข็มนั้น เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังอยู่ในระดับที่สูงเพียงพอ จึงยังไม่ต้องฉีดเข็มกระตุ้นในระยะนี้

ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นๆ จะได้รับการจัดสรรวัคนเข็มกระตุ้นในระยะถัดไป

2.2)  ขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำรวจรายชื่อบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด 19 พร้อมทั้งเสนอรายชื่อดังกล่าว ต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อพิจารณาตรวจสอบ ยืนยันสถานะของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขแต่ละคน

และส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข (MOPH IC White Ist) เพื่อฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ที่ได้รับวัคซีนโคโรนาแวค (Coronavac) ของบริษัท Sinovac Biotech จำกัด ครบ 2 เข็มแล้ว และมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อโควิด 19 จากการปฏิบัติงานประจำในการดูแลผู้ป่วย เพื่อธำรงไว้ซึ่งระบบบริการสาธารณสุขของประเทศไทย

อนึ่ง หากท่านมีข้อสอบถามเพิ่มเติม สามารถติตต่อได้ที่ นางปียดา อังศุวัชรากร ตำแหน่งแพทย์ปฏิบัติการ และนางสาวนพรัตน์ วิหารทอง ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ โทร. 02-590-3196 (ประเด็นแนวทางการให้วัคซีนโควิด 19) นายชัตติย อุตม์อ่าง ตำแหน่งเภสัชกรชำนาญการ และนางสาวปิยะนาถ เชื้อนาค ตำแหน่งเภสัชกรปฏิบัติการ โทร. 02-590-3222 (ประเด็นการบริหารจัดการวัคชีนโควิด 19)