• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Naprapats

#3341


มูลนิธิธนินท์-เทวี เจียรวนนท์, มูลนิธิอริยวรารมย์, มูลนิธิพุทธรักษา, โรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์, MQDC, อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค และทีแอนด์บี มีเดีย โกล. ร่วมกับจิตอาสา CPF และซีพี อินเตอร์เทรด เปิดตัวโครงการ "ครัวปันอิ่ม" ส่งมอบอาหารอุ่นร้อนพร้อมรับประทาน เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ กาแฟ และหน้ากากอนามัย ให้แก่ชาวบางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในภาวะวิกฤตโควิด รวมทั้งเป็นกำลังใจและแบ่งเบาภาระการจัดเตรียมอาหารแก่บุคลากรทางการแพทย์ รพ.สนามแสงแห่งใจ บางนา-ตราด

"ครัวปันอิ่ม" เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนกว่า 100 องค์กรพันธมิตรในการมอบข้าวกล่อง 2 ล้านกล่อง นาน 2 เดือน ใน 40 จุดทั่วกรุงเทพฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเบาภาระให้แก่ประชาชนในหลายชุมชนที่ขาดรายได้ในระหว่างกักตัว

โดยนำอาหารกล่องและสิ่งของจำเป็นที่ประกอบด้วย ข้าวกะเพรากุ้ง เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ กาแฟ และหน้ากากอนามัยซีพีไปมอบแก่ชาวบางพลีชุมชนบางแก้ว ชุมชนคลองอาจารย์เกตุ และโรงพยาบาลสนามแสงแห่งใจ บางนา-ตราด เพื่อเป็นกำลังใจ แทนคำขอบคุณให้แก่บุคลากรทางการแพทย์
#3342


นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า สำหรับแผนการเพิ่มทุนมูลค่า  30,000 ล้านบาท  เพื่อรองรับการเติบโตใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568 )หนุนกำลังการผลิตที่10,000 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน คาดว่าแล้วเสร็จได้ภายในต้นปี2565

ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศหลายโครงการ ขนาดกำลังผลิตเกิน 100 เมกะวัตต์ขึ้นไป โดยขณะนี้มี 2  ดีล ทีี่มีความชัดเจน คาดสรุปหรือปิดดีลอย่างน้อย 1 ดีลในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศ คาดใช้เงินลงทุนราว 4,000-5,000 ล้านบาท 

ส่วนอีก 1 ดีล คาดปีดดีลได้ในกลางปี 2565 เป็นโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ทั้งพลังงานทดแทนและก๊าซธรรมชาติ คาดใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก จึงจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มทุนดังกล่าว และยังใช้เวลาเจรจรพอสมควร

"แผนขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศสอดคล้องกับแผน 5 ปี มุ่งขยายโครงการโรงไฟฟ้าในอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก เรา สนใจลงทุนเพิ่มเติมในไต้หวันและเกาหลีใต้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา จากปัจจุบันได้ลงทุนในเวียดนาม ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ แล้ว"   


ขณะที่งบลงทุนในปีนี้และปีหน้า บริษัทเตรียมไว้ปีละ ่ 15,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงินอีกราว 40,000-45,000 ล้านบาท และสามารถระดมทุนออกหุ้นกู้ในและต่างประเทศ ในจังหวะที่เหมาะสมได้อีก พร้อมรองรับการลงทุนในช่วงดังกล่าว 

สำหรับงบลงทุนปีนี้ที่ 15,000ล้านบาท เป็นลงทุนในโครงการเดิม 8,000 ล้านบาท และโครงการใหม่ 7,000 ล้านบาท โดยครึ่งหลังปีนี้ยังเหลืออีกราว 9,560 ล้านบาท ไว้รองรับการลงทุนโครงการใหม่และเดินหน้าโครงการลงทุนที่มีอยู่ ทั้งโรงไฟฟ้า และไม่ใช่โรงไฟฟ้า 

"ธุรกิจระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ธุรกิจเกี่ยวเนื่องพลังงาน และธุรกิจด้านสุขภาพ กำลังขับเคลื่อนโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาให้ไปสู่การร่วมทุนและดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการร่วมทุนนวัตกรรมด้านไฟฟ้ากับกลุ่ม กฟผ.โครงการจัดตั้งโรงงานผลิตชีวมวลอัดแท่งในประเทศและสปป. ลาว ด้านสุขภาพขยายการลงทุนร่วมกับ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เป็นต้น" 

นายกิจจา กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังคาดดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่กำไรพุ่ง 72%  โดยครึ่งปีหลังในแง่ของรายได้พยายามบริหารจัดการ โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ให้พร้อมจ่ายไฟให้มากที่สุด  ถ้าโรงไฟฟ้าพร้อมจ่ายผลตอบแทนก็เป็นไปตามเป้า จึงเชื่อมั่นว่าที่ตั้งไว้จะเป็นไปตามเป้าหรือมากกว่าเป้าหมาย เพราะครึ่งปีแรกยังทำได้ดีกว่าเป้าหมายค่อนข้างมาก             

ขณะที่กำลังผลิตในปีนี้มั่นใจว่าเป็นไปตามเป้าวางไว้ที่ 8,874เมกะวัตต์ จากครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 8,290.34 เมกะวัตต์  และปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 7,053เมกะวัตต์ คาดครึ่งปีหลังนี้จะ COD เพิ่มอีก 160 เมกะวัตตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว อินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม ที่จะ COD ในไตรมาส 4ปีนี้ รวมสิ้นปีจะมีโรงไฟฟ้า COD แล้ว 7,213เมกะวัตต์ 
#3343
อพาร์ทเม้นท์รามคำแหง1รายเดือน ห้องพัก-หอพัก-อพาร์ทเม้นท์รายเดือนรามคำแหง1

อพาร์ทเม้นท์รามคำแหง1รายเดือน "หอพัก ห้องพัก ที่พักรายเดือน ย่านรามคำเเหง" ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1 บอกเลยว่าที่นี่ดีจริง อยู่ติดถนนใหญ่ อพาร์ทเม้นท์รามคำแหงรายเดือนตรงข้ามมหาลัยรามคำเเหง1

อพาร์ทเม้นท์รามคำแหง1รายเดือน ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1 ใกล้รถไฟฟ้าAirport Link, อพาร์ทเม้นท์รายเดือนตรงข้ามมหาลัยรามคำเเหง1
อพาร์ทเม้นท์รามคำเเหง อพาร์ทเม้นท์รายเดือนตรงข้ามมหาลัยรามคำเเหง1 Natnicha Place อพาร์ทเม้นท์รามคำเเหง ใครกำลังหา "หอพัก ห้องพัก ที่พัก ย่านรามคำเเหง" บอกเลยว่าที่นี่ดีจริง อยู่ติดถนนใหญ่
อพาร์ทเม้นท์ ติดท่าเรือรามคำเเหง 29ไม่ต้องเข้าซอยลึก ติด Big C Huamark Supercenter เดินทางง่าย ใกล้รถไฟฟ้า Airport Link เพียงเเค่ 10 นาที (6 km) ติดท่าเรือรามคำเเหง 29 อยู่ตรงข้ามม.รามคำเเหง 1

อพาร์ทเม้นท์รามคำแหงรายเดือน ใครกำลังหา "หอพัก ห้องพัก ที่พัก ย่านรามคำเเหง" บอกเลยว่าที่นี่ดีจริง อยู่ติดถนนใหญ่
อพาร์ทเม้นท์รายเดือนรามคำเเหง1 ลักษณะที่พัก หอพักร่มรื่น ล้อมรอบด้วยต้นไม้ มีที่จอดรถยนต์ เเละรถมอเตอร์ไซค์ ห้องพักสตูดิโอขนาด 25-34 ตรม. มีระเบียง

ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1 อพาร์ทเม้นท์รายเดือนรามคำแหง1 ติด Big C Huamark Supercenter เดินทางง่าย ใกล้รถไฟฟ้า Airport Link ติดท่าเรือรามคำเเหง 29
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้อง
– ห้องนอน 1 ห้อง ขนาดเริ่มต้นที่ 25-34 ตรม.
– ห้องน้ำภายในห้อง มีเครื่องทำน้ำอุ่น
– มีเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน
– เครื่องปรับอากาศทุกห้อง
– โต้ะทำงาน
– อินเตอร์เนตไร้สาย
– บริการทำความสะอาด/ เครื่องดูดกำจัดไรฝุ่น/ ฉีดพ่นฆ่าเชื้อ
– เช่าทีวี/ตู้เย็นได้

ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1
สิ่งอำนวยความสะดวกภายนอกห้อง
– ลิฟต์ + เครื่องกรองอากาศในลิฟต์โดยสาร
– รถเข็นโรงเเรมสำหรับขนของ
– บริการขนย้ายสัมภาระ
– บริการเรียกรถ Taxi
– ที่จอดรถ
– บริการรับ-ฝากพัสดุ
– เครื่องซักผ้า
– ตู้กดน้ำ
– ร้านค้าภายในอาคาร (ร้านกาเเฟ, ร้านอาหารตามสั่ง, ร้านเย็บผ้า, ร้านซักรีด, ร้านดอกไม้, ร้านกิฟช็อป, ร้านนวดเเผนไทย, ร้านสักคิ้ว, ร้านรองเท้า, ฯลฯ)

ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1
หมายเหตุ ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามา เเละห้ามสูบบุหรี่ภายในห้อง

รายละเอียดการเข้าพัก
รายเดือน : สัญญาขั้นต่ำ 3 เดือน + เงินประกัน 4,000 บาท
– ห้องมาตราฐาน : 5,900 บาท
– ห้องริม/ ห้องมุม : 6,300 บาท
– ห้องใหญ่ : 8,300 บาท
1 ห้อง สามารถพักได้สูงสุด 3 ท่าน


ห้องพักรายเดือนรามคำแหง1
โปรโมชั่น วันแม่

เเทนคำว่ารัก มอบที่พักดีๆให้กับคนพิเศษ อยู่เเล้วอบอุ่นใจ??
จากการสำรวจ คุณเเม่ของผู้พักอาศัยหลายๆท่านค่อนข้างมั่นใจเเละวางใจที่จะให้บุตรหลานพักอาศัยอยู่กับ Natnicha Place...เพราะที่นี่เดินทางสะดวก สะอาด ปลอดภัย พนักงานอัธยาศัยดี เเละ หลายๆท่านก็จองห้องพักอยู่ด้วยกันกับคุณเเม่เช่นกันค่ะ
ตอนนี้ทางอาคารฯ มีจัดโปรโมชั่นวันเเม่อยู่นะคะ รีบจองเลย! รับสิทธิพิเศษก่อนใคร ก่อนหมดโปร ??

ระยะเวลาโปรโมชั่น : วันนี้ – 31 ส.ค. 64 เท่านั้น

*ของขวัญมีจำนวนจำกัดนะคะ


รายละเอียดเพิ่มเติม
https://hawpak.com/อพาร์ทเม้นท์รามคำแหงรา/

คำค้น
อพาร์ทเม้นท์รามคำแหงรายเดือน ,หอพักอพาร์ทเม้นท์รายเดือนใกล้รถไฟฟ้าAirport Link, อพาร์ทเม้นท์รายเดือนติดท่าเรือรามคำเเหง29, อพาร์ทเม้นท์รายเดือนตรงข้ามมหาลัยรามคำเเหง1


 
#3344


นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวแดนลบเป็นส่วนใหญ่เฉลี่ย 0.7% หลักๆ จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ญี่ปุ่นขยายล็อกดาวน์ และตัวเลขเศรษฐกิจของจีนหลายตัวออกมาชะลอกว่าที่ตลาดคาดไว้

ส่วนตลาดบ้านเราได้แรงขายจากหุ้นขนาดกลางและเล็กอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศที่ยังไม่ดีขึ้น และมีประเด็นการเมืองมารบกวนอีก ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าด้วย แม้วันนี้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/64 โต 7.5% ดีกว่าตลาดคาด แต่ยิ่งทำให้กังวลว่าไตรมาส 3/64 อาจลงลึกเมื่อเทียบ QoQ เป็นผลจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดรุนแรง อีกทั้งสภาพัฒน์ยังปรับลดประมาณการ GDP ปี 64 ลงด้วยเป็นแรงกดดันเพิม

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้ และการชุมนุมทางการเมืองในระยะนี้อย่างใกล้ชิด ส่วนวันที่ 18 ส.ค.นี้ให้ติดตามคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 27-28 ก.ค.

ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,521.86 จุด ลดลง 6.46 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.42% มูลค่าการซื้อขายราว 43,883 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดได้ลงมาทดสอบแนว 1,515 จุด และมีแรงซื้อเข้ามา ทำให้อาจได้เห็นการฟื้นตัวได้บ้างแต่ยังอยู่ในกรอบจำกัด อีกทั้งบ่ายนี้ต้องติดตามผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เรื่องการขยายล็อกดาวน์ และการผ่อนปรน 4 กิจการ ต้องรอดูว่าจะช่วยหนุน Sentiment ตลาดได้มากน้อยแค่ไหน พร้อมให้แนวรับ 1,515-1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,525-1,530 จุด
#3345


รู้จัก "ทุ่งกะมัง" ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ ที่ได้รับสมญานามว่า แดนสวรรค์ของสัตว์ป่า แหล่งอาหารชั้นดีและบ้านสุดปลอดภัย โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง


เฟซบุ๊กเพจประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า ทุ่งกะมัง เป็นที่ราบทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงต้องการให้มีการอนุรักษ์สัตว์ป่าและนำสัตว์ป่ากลับคืนถิ่น โดยมีการจัดการทุ่งหญ้าด้วยวิธีการตัด และเผา อย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดหญ้าระบัดเป็นแหล่งอาหารให้สัตว์ป่า


ทุ่งกะมังถือเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเหล่าสัตว์ป่านานาชนิด และเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์ป่า จึงทำให้ผู้ที่เข้าไปศึกษาธรรมชาติสามารถพบเห็นสัตว์ป่านานาชนิด ที่ออกมาหาอาหารบริเวณทุ่งกะมังได้ง่ายในช่วงเวลากลางวัน โดยเฉพาะเนื้อทราบ สัตว์ป่าที่ประสบผลสำเร็จในการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ

ชื่อเรียกในอดีต "ทุ่งกำวาง" มาจากในอดีต มีราษฎรเข้ามาจับจองอยู่อาศัยทำกินในทุ่งแห่งนี้ แต่เนื่องจากพื้นที่อยู่ห่างไกลความเจริญ เส้นทางทุรกันดาร และโรคภัย จึงมีราษฎรที่จับจองที่อยู่อาศัยทำกินต้องละทิ้งที่ทำกิน ออกไปหาที่อยู่อาศัยทำกินแห่งใหม่ จึงเป็นที่มาของชื่อ "ทุ่งกำวาง"

ต่อมาชาวไทคอนสาร จากอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อพยพย้ายถิ่นมาอยู่อาศัยทำกิน ในท้องที่อำเภอคอนสารปัจจุบัน ได้เข้ามาพบเห็นภูมิประเทศลักษณะเป็นแอ่ง ๆ คล้ายกะละมัง จึงเรียก "ทุ่งกะมัง" ตามภาษาท้องถิ่นไทคอนสาร

ภาพถ่าย : อภิรัฐ ทัดกลาง / เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว Phu Khieo Wildlife Sanctuary/ปชส.
ที่มา : สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา)
#3346


วันนี้ (15ส.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึง กล่าวถึงการจัดซื้อ Antigen test kit หรือ ATK ของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสปสช.จำนวน 8.5 ล้านชุด ให้กับคนไทยทั่วประเทศได้ตรวจฟรี ว่า ตนรู้สึกสนับสนุนในการนำงบประมาณมาใช้ในส่วนนี้ แต่กลับเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างชมรมแพทย์ชนบท องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเด็นข้อถกเถียงเรื่อง คุณภาพของชุดตรวจ ATK ที่ผลิตโดยบริษัท Beijing Lepu Medical Technology จากประเทศจีนที่ชนะการประกวดราคา ไม่ผ่านการรับรองของหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายต่างก็มีความปรารถนาดีต่อประเทศ แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นกับเรื่องเร่งด่วนที่ต้องตัดสินใจโดยเร็วที่สุด

"ผมขอเสนอทางออกให้นำชุดตรวจ ATK ของประเทศจีนที่ชนะการประกวดราคา จำนวน 1,000 ชุดมาทำการทดสอบใหม่โดยโรงพยาบาลของรัฐที่มีมาตรฐาน 5 รพ.ๆละ 200 ชุด เช่น รพ.จุฬา รพ.ศิริราช รพ.ธรรมศาสตร์ รพ.บำราศฯ และ รพ.วชิระ ให้ทำการทดสอบอย่างเร่งด่วน โดยตรวจควบคู่กับวิธี RT-PCR (Polymerase chain reaction) ผมคาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 3 วันจะได้ผลตรวจทั้งหมด ถ้าพิสูจน์แล้วว่า ชุดตรวจ ATK มีคุณภาพ ก็สามารถสั่งซื้อตามขั้นตอนได้เลย และชมรมแพทย์ชนบทก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าคุณภาพชุดตรวจ ATK ของบริษัทนี้ไม่มีมาตรฐาน องค์การเภสัชก็ควรจะยกเลิกการประมูลในครั้งนี้ได้ โดยที่บริษัทจากจีนจะไม่สามารถฟ้องร้องได้"นพ.ระวี กล่าว
#3347


รวมถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ในเดือน ก.ค. 2564 ลดลง 0.5 จุด เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง

ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้นำปัจจัยเหล่านี้ มาวิเคราะห์ทางเทคนิคราคาน้ำมันดิบICE Brentระยะสั้นสัปดาห์นี้ จะอยู่ระหว่าง 72– 77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แม้ว่าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปีนี้ จะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ในระยะสั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินว่า คงยังขึ้นไปแตะระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไม่ง่ายนัก

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า กระทรวงพลังงาน ยังติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด และพยายามรักษาเสถียรภาพราคา โดยยังยึดหลักการของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการเข้ามาดูแลราคา ซึ่งหากราคาน้ำมันสูงเกินระดับที่ตั้งไว้ก็จะใช้กลไกกองทุนฯเข้าไปดูแล เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้น้ำมัน

ขณะที่เรื่องของค่าไฟฟ้า ภาครัฐก็ยังดูแลให้ ผ่านมาตรการส่วนลดค่าไฟ และเรื่องของก๊าซหุงต้ม(LPG) ที่ 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ก็ยังดูแลราคาต่อไป รวมถึงการช่วยเหลือราคาพลังงานผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ยังดูแลเช่นกัน

"การกู้เงินของกองทุนน้ำมันฯ เพื่อนำมาดูแลเสถียรภาพราคาในอนาคต ก็อยู่ในอำนาจอยู่แล้ว ไม่ได้มีประเด็นอะไร แต่ขอดูระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะตอนนี้ ราคา LPG เป็นขาขึ้น ก็ต้องดูว่าจะลากยาวอย่างไร"

ส่วนความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลามาตรการช่วยส่วนลดค่าไฟฟ้าที่จะสิ้นสุดในสิ้นเดือนส.ค.นี้ ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ดำเนินการได้ แต่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลคาดหวังให้การควบคุมโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และรัฐบาลพร้อมออกมาตรการเยียวยาผลกระทบให้กับประชาชน



ส่วนแนวทางในการลดการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 10 สตางค์ต่อลิตร เพื่อนำไปลดต้นทุนราคาน้ำมันนั้นในอนาคตนั้น ก็ยังมีความเป็นไปได้ ซึ่งยังต้องรอเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการฯ (บอร์ดกองทุนฯ) ในเร็วๆนี้ เพื่อพิจารณาลดการจัดสรรเงินกองทุนฯในปี 2565 แต่ในส่วนนี้ ก็ต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของการเก็บเงินที่จะต้องไม่กระทบต่อแผนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้ได้ไม่น้อยกว่า 30% ด้วย

ก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงาน ได้สั่งกำชับให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันและLPGอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงาน ยังยึดหลักการดูแลราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้เกิดภาระต่อประชาชนผู้ใช้น้ำมันและต้นทุนการขนส่งสินค้า

อีกทั้ง ทาง สกนช. ยังได้เตรียมแผนการกู้เงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับรับมือกรณีที่กองทุนน้ำมันฯต้องรับภาระดูแลราคา LPG และราคาน้ำมัน จนส่งผลกระทบต่อสถานะกองทุนฯในอนาคตด้วย 


คมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. ระบุว่า การดูแลค่าไฟฟ้าไม่ให้เป็นภาระต่อประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด-19 นั้น กกพ.ได้มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2564 โดยให้เรียกเก็บที่ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังคงจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดิมในอัตรา 3.61 บาทต่อหน่วย ต่อไปจนถึงสิ้นปี

"ราคาก๊าซฯ ขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณความต้องการการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์การเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงก็เป็นผลลบต่อราคาพลังงาน"

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2565 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกแล้ว ประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะราคาพลังงานขาขึ้น ทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที)ในปี 2565 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ดังนั้น การบริหารค่าเอฟทีในปี 2565 จะเป็นไปในทิศทางเพื่อสร้างให้ค่าไฟฟ้ามีเสถียรภาพ โดยขณะนี้ กกพ.ยังมีเงินเหลืออีกกว่า 2,000 ล้านบาท ที่จะนำมาบริหารจัดค่าไฟฟ้าในอนาคต แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเพียงพอหรือไม่ เพราะยังต้องดูหลายปัจจัยในขณะนั้นด้วย 

ดับ 304 ศพสังเวย'แผ่นดินไหวเฮติ'
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังหนัก! พบติดเชื้อเพิ่ม 21,882 ราย เสียชีวิต 209 ราย ไม่รวม ATK อีก 1,586 ราย
'เดินเร็ว' ออกกำลังกายยอดฮิตวัยทำงาน ช่วงโควิด-19

ฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า แม้โควิด -19 จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย แต่การส่งออกสินค้าเกษตรไทย ยังขยายตัวได้ดี ตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ถือว่าเป็นอีกแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2564 (เดือนม.ค.- มิ.ย.)มีมูลค่า716,581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1 % สินค้าสำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ยางพารา เนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ กุ้งและผลิตภัณฑ์ และน้ำมันปาล์ม โดย ตลาดส่งออกหลักที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ผลกระทบโควิด-19พบว่าภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับ ภาคอื่น ๆโดย

ผลกระทบที่ได้รับมีสาเหตุหลักมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคต่อสินค้าเกษตรที่อ่อนตัวลง เพราะมาตรการ ที่ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19โดยผลวิเคราะห์พบว่ากรณีโควิด-19 กระทบ 5 เดือน (เม.ย.-ส.ค. 2564) มูลค่าทางเศรษฐกิจการเกษตรในส่วนของการบริโภคสินค้าเกษตรในประเทศ จะลดลงรวมทั้งสิ้น13,895 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อสาขาการผลิตทางการเกษตร 5 อันดับแรก (กรณี 5 เดือน) พบว่าสาขาการผลิตที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ การทำสวนผัก มูลค่าทางเศรษฐกิจลดลง 3,049 ล้านบาท รองลงมา คือ การทำสวนผลไม้ มูลค่าลดลง 2,061 ล้านบาท การทำนา มูลค่าลดลง 2,038 ล้านบาท การประมงทะเลและการประมงชายฝั่ง มูลค่าลดลง 1,007 ล้านบาท และการเลี้ยงสัตว์ปีก มูลค่าลดลง 908 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากโครงสร้างการบริโภคของประเทศไทย มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการบริโภค ผัก ผลไม้ และข้าว มากที่สุด


อย่างไรก็ตาม ภาคเกษตร เป็นภาคสำคัญที่รองรับการย้ายคืนถิ่นในช่วงการระบาดโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานเมือง และความรู้และเทคโนโลยี จึงถือเป็นการสร้างโอกาสการเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตรและเร่งกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคให้เกิดขึ้นจริงได้ เพราะกลุ่มแรงงานคืนถิ่นรุ่นใหม่กลุ่มนี้ จะเพื่อเป็นกำลังสำคัญทั้งการสร้างมูลค่าใหม่ทางการเกษตร มูลค่าเพิ่มจากการแปรรูปเกษตรอย่างง่าย รวมทั้งพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและสุขภาพ

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เตรียมแนวทางดำเนินนโยบายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ตลอดจนผลักดันนโยบายดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการพัฒนาและปรับทักษะแรงงาน (upskill/reskill) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล (Smart Farm) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ (economic shocks) ในอนาคตได้

"โควิดระลอกนี้เสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวช้าลง จะขยายตัวเพียง 0.7% เท่านั้นขณะที่ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร(จีดีพี เกษตร)ในไตรมาส 2 ปี 2564 สศก. พบว่า ขยายตัว 1.2% "
#3348


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ พาไปส่อง "รายได้" และ "กำไร" ของกลุ่มแบงก์ ที่เป็น "แบงก์พาณิชย์" หรือธนาคารพาณิชย์ของไทยในช่วงครึ่งแรกปี 2564 ที่มีการรายงานผลกำไรตั้งแต่ต้นปี 2564 ถึง 30 มิถุนายน 2564 ว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

    

 ธนาคารกสิกรไทย 
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ "KBANK" แจ้งผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2564 มีกำไรสุทธิ 19,520.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.40 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,550.22 ล้านบาท

ส่วนรายได้จากการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2564 อยู่ที่ 80,882 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.09% หรือ 79,227 ล้านบาท

โดยในงวดครึ่งปีแรกปี 2564 ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss: ECL) ลดลง 39.32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยงวดครึ่งปีแรกของปีก่อนธนาคารและบริษัทย่อยได้ตั้งสำรองฯ ในระดับที่สูงเป็นจำนวนถึง 32,064 ล้านบาท ภายใต้หลักความระมัดระวัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อันเป็นวิกฤติการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในลักษณะนี้มาก่อน


 ธนาคารไทยพาณิชย์ 
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ "SCB" และบริษัทยย่อยรายงาน ผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2564 ธนาคารมีกําไรสุทธิจํานวน 18,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17,610 ล้านบาท 

ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานครึ่งปี 2564 อยู่ที่ 74,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 73,917

ทั้งนี้ จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ไทยพาณิชย์ได้ตั้งเงินสํารองจํานวน 10,028 ล้านบาท สําหรับไตรมาส 2 ของปี 2564 และจํานวน 20,036 ล้านบาทสําหรับครึ่งปีแรกไว้ด้วย ส่วนอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพณสิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ทรงตัวจากไตรมาสที่ผ่านมาที่ 3.79%


 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ "BAY" และบริษัทในเครือเผยผลประกอบการ ครึ่งแรกของปี 2564 กำไรสุทธิจำนวน 21,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 13,540 ล้านบาท หลังออกมาตรการเพื่อช่วยบรรเทาภาระทางการเงินแก่ลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่รายได้ช่วงครึ่งปี 2564 อยู่ที่ 66,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 13.15% หรือ 58,629 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย จากการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นในบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (เงินติดล้อ) ในไตรมาสสองของปี 2564


 ธนาคารกรุงไทย 
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ "KTB" รายงานกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 11,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.4% ที่ 10,221 ล้านบาท ขณะที่รายได้ครึ่งปี 2564 อยู่ที่ 57,523 ล้านบาท ลดลงจากครึ่งปีก่อนหน้า 9.27% ที่ 63,403 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับรองรับรองรับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าซึ่งรวมถึงการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ด้วย

 ธนาคารกรุงเทพ 
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ "BBL" รายงานรายได้ครึ่งปีแรก 2564 มีกำไรสุทธิ 13,279.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,765.49 ล้านบาท

ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานในครั้งปี 2564 อยู่ที่ 64,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.25% ที่ 58,679 ล้านบาท

ทั้งนี้ หลักๆ มีส่วนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 4.8% จากผลของการรวมธนาคารเพอร์มาตาตั้งแต่เดือน พ.ค. 2563 ด้วย


 ธนาคารทหารไทยธนชาต 
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ "ttb" รายงานกำไรครึ่งปีแรกของปี 2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 5,316 ล้านบาท ลดลง 26.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,258 ล้านบาท

ส่วนรายได้จากการดำเนินกิจการหลังควบรวม ธนาคารทหารไทย และธนาคารธนชาต เป็น ธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb) มีรายได้ครึ่งแรกปี 2564 อยู่ที่ 32,743 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.08% หรือ 58,679 ล้านบาท

 ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ "CIMBT" รายงานกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก 2564 อยู่ที่ 954.76 ล้านบาท ลดลง 31.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,385.87 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานที่ลดลง 8% และมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 

สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 7,284.1 ล้านบาทลดลง 644.2 ล้านบาท หรือ 8.1% จากรายได้ครึ่งแรกปี 2563 ที่ 7,928 ล้านบาท

สาเหตุหลักเกิดจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 อยู่ที่ 1,956.10 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ตั้งสำรอง 1,642.15 ล้านบาท เป็นผลจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและโอกาสที่คุณภาพสินเชื่อของลูกค้าที่จะแย่ลงจากผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของโควิด-19

 ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ​
ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ รายงานกำไรสุทธิช่วงครึ่งแรกของ ปี 2564 อยู่ที่ 3,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,738 ล้านบาท

ขณะที่รายได้จากการขายเท่ากับ 15,605.26 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน (2563) มีรายได้จากการขายเท่ากับ 12,278.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,326.75 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 27.09%

 ธนาคารทิสโก้ 
ธนาคารทิสโก้ รายงานผลการดำเนินงานรวมงวดครึ่งแรกของปี 2564 กำไรสุทธิสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2564 มีจำนวน 3,430.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ขณะที่รายได้โดยรวมของทิสโก้ ในช่วงครึ่งแรกปี 2564 อยู่ที่ 9,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 9,274 ล้านบาท

ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทหารไทยธนชาต 
#3349


โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสขวัญใจแฟนๆ ตลอดกาล ฉลองวันเกิดอายุ 40 ปีไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก่อนบอกข่าวร้ายว่ายังไม่มีกำหนดกลับคืนสังเวียนเทนนิสเร็วๆ นี้

เฟเดอเรอร์ เพิ่งลงสนามไปเพียง 13 แมตช์ ในปี 2021 หลังมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องเข้ารับการผ่าตัด และไม่ได้ลงแข่งมหกรรมโอลิมปิก 2020 ให้กับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์

ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นแตะหลัก 4 ทำให้ "เฟดเอ็กซ์" ต้องยอมรับความจริงว่าการฟื้นฟูร่างกายนั้นไม่เร็วเท่าสมัยหนุ่ม จนไม่สามารถบอกแน่ชัดได้ว่าจะกลับมาลงสนามหวดแร็กเก็ตได้เมื่อไหร่

"ผมสบายดี ได้หยุดพักผ่อน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมาสักพักแล้วเพราะอาการที่หัวเข่า ดังนั้นผมเลยต้องหยุดทำทุกอย่างตั้งแต่จบศึกวิมเบิลดัน ซึ่งสัปดาห์นี้ต้องไปพบแพทย์และทีมงาน แล้วมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งทุกอย่างก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน"

"ทุกอย่างมันต่างไปจากเดิม คำถามก็มีแต่เรื่องง่ายๆ อันดับโลกของผมเป้นยังไง แล้วจะกลับมาแข่งรายการไหน ผมรู้สึกอย่างไรเมื่อจะได้กลับไปซ้อม เป้าหมายคืออะไร ถึงจะกระตือรือร้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็ตอบได้ยากอยู่เหมือนกัน"
#3350


หนึ่งในนวัตกรรมที่ถ่ายทอดสปิริต "ความยั่งยืน" ของ Tokyo Olympic 2020 คือเตียงนอนนักกีฬาที่ทำจากกระดาษแข็งรีไซเคิล และที่นอนจากเส้นใยโพลิทีลีนที่สามารถรีไซเคิลได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

Airweave บริษัทเครื่องนอนของญี่ปุ่นได้สร้างเตียงและที่นอนจำนวน 18,000 เตียง สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ โดย 8,000 เตียง จะถูกนำมาใช้ใหม่อย่างแน่นอนในพาราลิมปิกเกมส์ และหลังจบการแข่งขันแล้วก็จะนำไปบริจาคให้กับองค์กรระดับชาติต่อไป

โครงเตียงนั้นทำจากกระดาษแข็งรีไซเคิล ส่วนฟูกนอนทำจากเส้นใยโพลีเอทีลีนที่สปริงตัวได้ ออกแบบแยกกันเป็นสามชั้นแบบโมดูลาร์ โดยมีความแน่น 4 ระดับ สำหรับปรับแต่งความกระชับที่ช่วงไหล่ เอว และขา เพื่อให้ได้ท่านอนที่เหมาะกับสรีระ
ทั้งนี้นักกีฬาสามารถขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการจัดวางที่นอนในหมู่บ้านโอลิมปิก หรือส่งรูปถ่ายและระบุสัดส่วนของตนเองผ่านแอปพลิเคชันของ Airweave เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกที่นอนที่เหมาะสม
#3351


ชมรมแพทย์ชนบท  ออกมาเปิดเผย รายงานการวิจัยการประเมินคุณภาพ ของ ชุดทดสอบ Lepu Medical SARS CoV2 Antigen Test ใน Nasopharyngeal swab และ Saliva เปรียบเทียบกับวิธีมาตรฐาน Real Time PCR ในประเทศปากีสถาน
ได้รับการตีพิมพ์ ในวารสาร Virology Journal เมือวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 วารสาร Virology Journal นี้เป็นวารสารที่มีชื่อเสียงระดับโลกและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับจากนักวิจัยทั่วโลกอีกด้วย

วิธีวิจัย

การวิจัยนี้ผู้เขียนคือนักวิจัย ในนามสถาบัน Isalamabad Diagnostics Center โดยทําการวิจัยที่เมือง Isalamabad และ Ralwalpindi
เมื่อวันที่ 3-10 ตุลาคม 2563 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการประเมิน
คุณภาพและประสิทธิภาพของชุดทดสอบโควิดแอนติเจนยี่ห้อ Lepu Medical SARS CoV 2 antigen ในสิ่งส่งตรวจ Nasopharyngeal swab และ นํ้าลาย โดยทําการทดสอบในประชากรกลุ่มเสี่ยง, บุคลากรทางการแพทย์,ผู้ต้องขัง ,ช่างตัดผม,กลุ่มสัมผัสใกล้ชิด และประชากรทั่วไป ทั้งหมดจํานวน 33,000 คน เป็นผู้ติดเชื้อโควิดที่ให้ผลบวก 100 คน ที่ยืนยันโดยวิธี Real Time PCR แบบ 3 gene ที่ได้รับมาตรฐาน USFDA approval โดย
ผลการวิจัยนี้จะนํามาซึ่งข้อมูลประสิทธิภาพการใช้ชุดตรวจนี้ในโครงการคัดกรองการติดเชื้อในระดับประเทศในลําดับถัดไป

ผลการวิจัย

พบว่าชุดทดสอบ Lepu Medical SARS CoV 2 antigen ให้ผลความไว 52% เมื่อตรวจ กับ Nasopharyngeal Swab ซึ่งให้ผลลบปลอมที่ 48% และมีความไวที่21% เมื่อตรวจในนํ้าลายโดยมีผลลบ
ปลอมที่ 79% โดย มีผลลบปลอมอยู่ที่ 100% เมื่อใช้ตรวจในนํ้าลายเด็ก เปรียบเทียบผลกับวิธีมาตรฐาน RealTime PCR ซึ่งให้ผล False negative ที่มีนัยสําคัญ


สรุปผลการวิจัย

พบว่า การใช้ชุดทดสอบ Lepu Medical SARS CoV 2 antigen ที่ตรวจใน Nasopharyngeal swab จะให้ผลความถูกต้องมากว่าการตรวจจากนํ้าลายมากถึง 2.5เท่า โดยชุดทดสอบ นี้ให้ผล ความไว ที่ 52 % เมื่อ
ทดสอบกับ Nasopharyngeal swab หมายถึงชุดทดสอบมีโอกาสเกิดผลลบปลอมที่ 48% ซึ่งผู้วิจัยพบว่า
โรงงานผู้ผลิตมีการรายงานความไวชุดทดสอบไว้ที่ 90% ดังนั้นพบว่าชุดทดสอบให้ผลระดับความไวตํ่ากว่าตัวเลขความไวที่รายงานโดยบริษัทผู้ผลิตเองซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยในประเทศจีน ( งานวิจัยชื่อDiagnosis of AcuteRespiratory Syndrome Coronavirus 2 infection by detection Nucleocapsid Protein:2020 ) ที่ให้ผลความไวการทดสอบที่ 68% เท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่าชุดทดสอบมีความไว ที่ 21% เมื่อใช้ตรวจกับนํ้าลาย
ผู้ใหญ่ และ มีความไว 0% เมื่อใช้ตรวจกับนํ้าลายเด็ก ซึ่งให้ผลลบปลอมสูงถึง 79%-100%

บทสรุปจากงานวิจัย

ทําให้ทาง ประเทศปากีสถานมีความหวาดกลัวและคิดว่า ATK ยี่ห้อ Lepu Medical SARS CoV 2 antigen ไม่เหมาะที่จะนํามาใช้ในโครงการการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อในประเทศด้วยเหตุผลที่ชุดทดสอบให้ความไวตํ่าที่จะ
นํามาซึ่งผลลบปลอมที่สูงมากทั้งการตรวจใน Nasopharyngeal swab และตรวจในนํ้าลาย เมื่อนํามาใช้งานภาคสนามจริงๆ
#3352


ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2564 มีกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 1,022 ล้านบาท หากไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,011 ล้านบาท เติบโต 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 56.5% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นสู่ 3,524 ล้านบาท เติบโต 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมีปัจจัยสำคัญจากปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 47.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 831 กิกะวัตต์-ชั่วโมง จากหลายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรถยนต์ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และกลุ่มก๊าซอุตสาหกรรม ควบคู่กับการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 21.2 เมกะวัตต์ ในช่วงไตรมาส 2/2564 หรือ 31.5 เมกะวัตต์ ในครึ่งปีแรก จากเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 40 เมกะวัตต์ในปีนี้

นอกจากนี้ กำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชาเมื่อเดือนธันวาคม 2563 และการเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 จำกัด (ABPR1) และบริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 2 จำกัด (ABPR2) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 รวมถึงประสิทธิภาพในการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 17.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติได้ปรับตัวลดลง 8.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด บี.กริม เพาเวอร์ ได้ประกาศ 7 ยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่มุ่งสร้างพลังให้สังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี (Empowering the World Compassionately) เพื่อสร้างคุณค่าให้สังคมในรูปแบบของ Sustainable Utility Solution Provider ด้วยการผลิตพลังงานที่มีคุณภาพสูงและบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ส่วนความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีนี้ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมบ่อทอง วินด์ฟาร์ม 1&2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 16 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดมุกดาหาร มีกำหนดการ COD ในเดือนสิงหาคม 2564

ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 48 โครงการ โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตจาก 3,058 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2563 เป็นมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 7,200 เมกะวัตต์ในปี 2568 และมุ่งสู่ 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 ด้วยมีเป้าหมายรายได้ต่อปีกว่า 100,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 0.15 บาทต่อหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 26 สิงหาคม 2564 และวันที่จ่ายปันผล 10 กันยายน 2564
#3353


เมื่อเร็วนี้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 2/2564 ในส่วนประเด็นการแก้ไขเรื่องการทับซ้อน รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และรถไฟไทย-จีนช่วงบางซื่อ ถึง ดอนเมืองซึ่งเป็นช่วงที่ต้องใช้แนวเส้นทาง และจำเป็นต้องมีโครงสร้างโยธาเสาและฐานรากร่วมกัน (โครงสร้างโยธาร่วม) แต่ระยะเวลาการก่อสร้าง และมาตรฐานเทคนิคทั้งสองโครงการไม่สอดคล้องกัน


ดังนั้น สกพอ. กระทวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) จะเจรจากับเอกชนคู่สัญญา จัดทำข้อเสนอการแก้ไขสัญญาร่วมทุน เพื่อให้เอกชนเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างช่วงบางซื่อ ถึง ดอนเมือง โดยจะเจรจาให้เอกชนรับพื้นที่และเริ่มงานก่อสร้างโยธาให้ได้มาตรฐานเร็วกว่ากำหนด เพื่อให้โครงการรถไฟฯ ไทย-จีน สามารถใช้เส้นทางดอนเมืองบางซื่อได้ภายในเดือน ก.ค. 2569 และให้ยึดข้อตกลงทั้งมาตรฐานและระยะเวลาของ รถไฟไทย-จีนเป็นหลัก เพื่อแก้ปัญหาความไม่สอดคล้องระยะเวลา และด้านเทคนิคให้สามารถรองรับทั้งสองโครงการได้
#3354


วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม 2564 จะมีการส่งมอบศูนย์พักคอยเพื่อรอการส่งต่อโควิด เขตลาดพร้าว 2 ซึ่งเป็นการส่งมอบในนามโครงการ Save Thai Fight Covid ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม วุฒิสภา บริษัทในเครือ RBS group

ศูนย์พักคอยเพื่อรอการส่งต่อเขตลาดพร้าว 2 มีเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้ ทั้งหมด 176 เตียง แบ่งเป็นเตียงสําหรับผู้หญิง 88 เตียง และเตียงสําหรับผู้ชาย 87 เตียง

ทั้งนี้ ศูนย์พักคอยเพื่อรอการส่งต่อโควิด เขตลาดพร้าว 2 เป็นศูนย์พักคอยได้รับการช่วยเหลือด้านสถานที่จาก บริษัทในเครือ RBS group ซึ่งได้มีการนํานวัตกรรมเทคโนโลยีต่าง ๆ มาสนับสนุนในด้านการสร้างระบบ เพื่ออํานวยความสะดวกให้กับทั้งผู้ป่วย และบุคคลากรทางการแพทย์ภายในศูนย์

ด้วยเหตุผลข้างต้นนี้ ผู้จัดทําโครงการจึงเชื่อว่าศูนย์พักคอยเพื่อรอการส่งต่อโควิด เขตลาดพร้าว 2 จะเป็นศูนย์พักคอยเพื่อการส่งต่อที่ดีที่สุดในประเทศ โดยวัดจากปัจจัยตามมาตรฐานสากล และ ระบบที่ใช้สําหรับการจัดการภายในศูนย์

จึงขอเรียนสื่อมวลชนร่วมทําข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม 2564 พิธีการส่งมอบเริ่มในเวลา 10.30 น. ผู้ป่วยคนแรกเดินทางเข้าศูนย์ในเวลา 13.00 น. ณ RBS Warehouse 8, 8.1, 8/2, 8/3, 8/4 ช.ประเสริฐมนูกิจ 29 (แยก 4) ถ.ประเสริฐมนูกิจ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ

ติดต่อ : 0813558181 สรวง สิทธิสมาน ที่มประชาสัมพันธ์โครงการ Save Thai Fight Covid
#3355


รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า หลังจากเปิดโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" รับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเดินทางเข้ามาเที่ยวภูเก็ตแบบไม่กักตัว พบว่าในช่วง 40 วันแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-9 ส.ค.2564 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการฯสะสม 18,654 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 18,602 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 52 คน เฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าโครงการฯวานนี้ (9 ส.ค.) มี 387 คนจากจำนวนเที่ยวบิน 4 เที่ยวบิน ไม่พบผู้ติดเชื้อ

ด้านยอดจองห้องพักโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA+ พบว่าตลอดไตรมาส 3/2564 มีจำนวน 353,529 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 190,843 คืน เดือน ส.ค. 143,566 คืน และเดือน ก.ย. 19,120 คืน ส่วนยอดการจองในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นตั้งแต่เดือน ต.ค.2564-ก.พ.2565 มีจำนวน 9,797 คืน

ขณะที่เช้าวันนี้ (10 ส.ค.2564) เวลา 11.00 น. สายการบิน "คาเธ่ย์ แปซิฟิค" เริ่มทำการบินเส้นทาง ฮ่องกง-ภูเก็ต ให้บริการไฟลต์ปฐมฤกษ์ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตวันนี้เป็นวันแรก โดยทำการบินทุกวันอังคาร และวันอาทิตย์ วันละหนึ่งเที่ยวบิน สำหรับไฟลต์ปฐมฤกษ์มีผู้โดยสารเดินทางมาทั้งสิ้น 134 คน มาจากตลาดฮ่องกง 56 คน นอกจากนั้นเป็นผู้โดยสารจากตลาดสหรัฐอเมริกา แคนาดา และจีน
#3356

  • ไฟตกหมึกใต้น้ำ แบบใช้หย่อนลงในน้ำ
  • โคมไฟใต้น้ำรุ่นนี้จะมีหลอดไฟLEDทั้งหมด 180LED มีกำลังวัตต์ประมาณ18w ให้แสงสีเขียว ใช้งานง่ายโดยนำสายไฟมาต่อขั้วบวกและลบเข้าแบตเตอรี่แล้วจุ่มไฟลงในน้ำ เพียงเท่านี้ก็เปิดล่อหมึกได้แล้ว แสงสีเขียวจะสว่างส่องในทิศทางรอบตัวโคม ซึ่งจะกระจายแสงได้ดี อีกทั้งแสงสีเขียวของโคมนั้นสามารถทะลุทะลวงชั้นผิดน้ำทะเลได้ดีอีกด้วย
  • การหย่อนโคมไฟลงใต้น้ำควรคำนึงถึงแรงกดอากาศด้วย ยิ่งหย่อนลงลึกเท่าไหร่แรงกดอากาศจะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น (แนะนำควรใช้งานไม่เกินความลึกที่2เมตร)
  • คุณสมบัติไฟตกหมึกใต้น้ำ 15W 12V แสงสีเขียว
  • -หลอด LED สีเขียว ความสว่าง 900 Lumens
  • -ใช้แรงดันไฟ 12 v 18 Watts.
  • -ประกอบด้วยหลอด LED ทั้งหมด 180 หลอด
  • -ใช้สำหรับล่อปลา ล่อหมึก
  • -การใช้งานหย่อนลงใต้น้ำล่อปลา ปลาหมึกใต้น้ำ ใต้ท้องเรือ
  • สายยาว 5 เมตร
สั่งซื้อ https://bit.ly/2VBceGl

 
#3357


หัวเว่ย ยังมั่นใจประเทศไทย ย้ำชัด คือ ยังเป็นตลาดกลยุทธ์หลักของหัวเว่ย เร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มที่ ขยายส่วนธุรกิจพลังงานดิจิทัลเป็นครั้งแรกในไทย ลงทุนต่อเนื่อง 5G คลาวด์ พัฒนาทักษะดิจิทัลในประเทศ สวมบทป๋าดัน หนุนไทยสู่ดิจิทัลฮับแห่งอาเซียน และผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอาเซียน

เจย์ เฉิน รองประธานหัวเว่ยเอเชียแปซิฟิก กล่าวถึงเทรนด์ เทคโนโลยีทั่วโลกที่น่าสนใจในยุคนิวนอร์มอล ว่า สองปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับทุกคน การรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดในขณะนี้ทำให้เราเห็นว่าทุกประเทศหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น

ข้อมูลจากรายงาน Global Connectivity Index ฉบับล่าสุดของหัวเว่ยระบุว่า ประเทศที่มีความพร้อมทางด้าน ICT มากกว่าประเทศอื่นจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้น้อยกว่า ทั้งในแง่ของภาคสังคมและภาคเศรษฐกิจ รวมทั้งยังสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือตลาดประเทศไทย ที่สถานการณ์ระบาดในตอนนี้ทำให้เห็นว่าการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ICT และเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มที่ในช่วงก่อนหน้านี้ มีผลเป็นอย่างยิ่งกับการช่วยให้ประเทศยังคงฟื้นตัวและเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติ

3 เรื่องดันไทยขึ้นดิจิทัลฮับอาเซียน

เจย์ เฉิน ระบุว่า ประเทศไทยค่อยๆ ก้าวขึ้นเป็นดิจิทัลฮับในภูมิภาคอาเซียนจากหลายองค์ประกอบ เรื่องแรก คือ ไทยได้พัฒนาแผนเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการเดินตามวิสัยทัศน์ไทยแลนด์ 4.0

เรื่องที่สองคือข้อมูลอ้างอิงจาก Speedtest Global Index 2020 ระบุว่าประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับหนึ่งใน 176 ประเทศในแง่ของความเร็วอินเทอร์เน็ตแบบฟิกซ์บรอดแบนด์ ซึ่งทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในแง่การวางโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเทคโนโลยี 5G

เรื่องที่สามคือประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ในภาคเกษตรกรรม กาคสาธารณสุข ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และการสร้างอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัล

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านการบ่มเพาะบุคลากรด้านดิจิทัล ซึ่งหัวเว่ยได้มีส่วนสนับสนุนผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น Huawei ASEAN Academy ซึ่งตั้งเป้าบ่มเพาะบุคลากรในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคให้ได้ถึง 300,000 คนภายในระยะเวลาห้าปี และจะมีสัดส่วนในการฝึกอบรมบุคลากรในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสามจากจำนวนบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมทั้งหมด

อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า หัวเว่ยยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและพลังงานดิจิทัลมาเนิ่นนาน ซึ่งได้รับการนำไปประยุกต์ใช้ในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาค โดยส่วนธุรกิจพลังงานดิจิทัลของหัวเว่ยได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ทั้งในแง่ของผลประกอบการและส่วนแบ่งตลาด ทั้งในส่วนธุรกิจ Prefabricated Modular Data Center, Smart PV และ Site Power Facility ที่หัวเว่ยถือว่าเป็นผู้นำส่วนแบ่งตลาดในระดับโลก

สำหรับส่วนธุรกิจ mPower หัวเว่ยถือเป็นบริษัทแห่งแรกในโลกที่ส่งมอบนวัตกรรมใหม่ในชื่อว่า X-in-1 ePowertrain ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานให้แก่รถยนต์พลังไฟฟ้า นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ Modular Power ประสิทธิภาพสูงเป็นจำนวนมากกว่า 300 ล้านชิ้นทั่วโลก โดยในปี 2563 หัวเว่ยทำยอดขายในส่วนธุรกิจพลังงานจากทั่วโลกได้มากกว่า 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้บริการประชากรถึง 1 ใน 3 จากทั่วโลก

นั่นทำให้หัวเว่ยตัดสินใจขยายส่วนธุรกิจพลังงานดิจิทัลสำหรับตลาดประเทศไทยในปีนี้ โดยปัจจุบัน หัวเว่ยได้ให้บริการลูกค้าระดับองค์กรธุรกิจมากกว่า 1,000 รายในตลาดประเทศไทย ทั้งนี้ องค์กรธุรกิจ 35 แห่งจาก 50 แห่ง ได้เลือกหัวเว่ยเป็นพาร์ทเนอร์ในด้านพลังงานดิจิทัล

"หัวเว่ยกำลังสร้างเครือข่ายพาร์ทเนอร์สำหรับด้านการบริการ การติดตั้ง และด้านโซลูชันมากกว่า 50 รายในประเทศไทย โดยหัวเว่ยคาดว่าการขยายส่วนธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยสร้างงานในทางอ้อมได้มากกว่า 1,000 ตำหน่งในประเทศไทย ซึ่งหัวเว่ยทีมกับพาร์ทเนอร์หวังว่าเทคโนโลยีชั้นนำและกรณีตัวอย่างการใช้งานในระดับโลกจะสามารถช่วยส่งเสริมประเทศไทยในการขึ้นเป็นผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอาเซียนได้"



ลงทุน 4 ด้านหลักต่อเนื่อง

อาเบล เติ้ง ย้ำด้วยว่า ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดสำคัญของหัวเว่ย ซึ่งหัวเว่ยจะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยใน 4 ด้าน อันได้แก่ ด้านเทคโนโลยี 5G ด้านดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ ด้านพลังงานดิจิทัล และด้านการพัฒนาทักษะดิจิทัล โดยมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นดิจิทัลฮับของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งบรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศผู้นำด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภูมิภาคนี้ให้จงได้

"ในด้านเทคโนโลยี 5G ประเทศไทยได้ขึ้นเป็นผู้นำในเรื่องการริเริ่มติดตั้งเครือข่าย 5G ในระดับภูมิภาคไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ให้บริการเครือข่ายรายต่าง ๆ ในไทยที่ช่วยผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปีนี้ ประเทศอื่น ๆ ก็จะเริ่มตามทันไทยในแง่ของการขยายเครือข่าย 5G ต้องการจะเอาชนะในยก 2 ต่อจากนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องผลักดันให้มีอัตราการใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุด เพื่อสร้างงานและโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงช่วยเพิ่มสัดส่วนที่เศรษฐกิจดิจิทัลจะมีผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ซึ่งหัวเว่ยจะสนับสนุนประเทศไทยผ่านการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านนวัตกรรม 5G และเสริมสร้างอีโคซิสเต็มในประเทศ" คุณอาเบลกล่าว

ทั้งนี้ หัวเว่ยได้ลงทุนเป็นเงิน 475 ล้านบาทในโปรเจ็ค 5G EIC เพื่อพัฒนานวัตกรรม 5G สำหรับใช้งานในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม สร้างโมเดลธุรกิจใหม่ และเพิ่มทักษะให้แก่สตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี โดยหัวเว่ยยังได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อจัดงานประชุมสุดยอด 5G Summit ในไทยในปีนี้ เพื่อช่วยวางรากฐานให้แก่อุตสาหกรรมและอีโคซิสเต็มของ 5G ในประเทศ

ซึ่งหัวเว่ยเชื่อว่างานประชุมสุดยอดในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลในประเทศไทยด้วยการประยุกต์ใช้ 5G ในอุตสาหกรรมแนวดิ่ง นอกจากนี้ หัวเว่ยยังจะได้รับการสนับสนุนจากดีป้าในการสร้างอีโคซิสเต็มของพาร์ทเนอร์เพื่อก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรด้าน 5G และเพื่อสร้างอีโคซิสเต็มสำหรับนวัตกรรมและแอปพลิเคชัน 5G ในภาคอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์

"ที่สำคัญคือหัวเว่ยจะยังคงมุ่งมั่นสร้าง อีโคซิสเต็มของ 5G ในประเทศไทยต่อไป เพื่อสร้างนคร 5G ระดับแนวหน้า และมีมาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานของโครงข่าย 5G ในขั้นสูง เสริมแกร่งแอปพลิเคชันรวมทั้งนวัตกรรมด้าน 5G เพื่อสร้างโมเดลและคุณค่าใหม่ทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยมีศักยภาพสูงพอที่จะขึ้นเป็นเมือง 5G แห่งภูมิภาคอาเซียน รองรับการเป็นเจ้าภาพเอเปคในปี 2565 ของไทยที่จะจัดขึ้นในจังหวัดกรุงเทพมหานคร พัทยา และเชียงใหม่" เขากล่าวเสริม

ปีนี้ หัวเว่ยจะลงทุนเป็นเงิน 700 ล้านบาท สำหรับศูนย์ข้อมูลการให้บริการคลาวด์แห่งที่สามในประเทศไทย ซึ่งทำให้หัวเว่ยเป็นผู้ให้บริการ HUAWEI CLOUD ระดับโลกในไทยเพียงรายเดียวที่มีศูนย์ข้อมูลในประเทศถึงสามแห่ง

โดยหัวเว่ยต้องการสนับสนุนด้านการวางจุดยืนให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ดูน่าลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในด้านการตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) และการลงทุนในครั้งนี้ยังช่วยสร้างงานใหม่กว่า 200 ตำแหน่ง ด้วยความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในไทยกว่า 200 ราย

ทั้งนี้ หัวเว่ยต้องการจะผลักดันให้ประเทศไทยดูน่าดึงดูดและน่าลงทุนมากขึ้นในสายตาขององค์กรธุรกิจข้ามชาติ ที่ต้องการจะตั้งศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคนี้

หัวเว่ยยังเชื่อว่าหัวใจสำคัญของการผลักดันการพัฒนาด้านดิจิทัลนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล ซึ่งทางบริษัทได้ผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ผ่านการบ่มเพาะบุคลากรในไทย เพื่อช่วยลดช่องว่างเรื่องการขาดจำนวนบุคลากรด้านดิจิทัลในประเทศไทย ด้วยโครงการพัฒนาอย่าง Huawei ASEAN Academy ประเทศไทย ซึ่งตั้งเป้าฝึกอบรมบุคลากรที่ทำงานด้านไอทีในไทยให้ได้รับทักษะในระดับโลกเป็นจำนวน 100,000 คนภายในเวลา 5 ปีนี้
#3358


เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ประจำวัน ว่า เมื่อวานนี้ (8 ส.ค. 64) ได้มีการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้สัมผัสหรือผู้เสี่ยงสูง จำนวน 1,123 ราย พบผู้มีผลบวก 24 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.14 ที่เหลือเป็นผู้ที่มีผลการตรวจจากต่างจังหวัด และขอกลับเข้ารับการรักษาตัวที่ภูมิลำเนา สำหรับปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ หลัก ๆ ยังคงเป็นการนำเชื้อเข้ามาจากต่างจังหวัด ส่วนการสัมผัสในสถานที่ทำงานพบสูงขึ้นจากคลัสเตอร์ "น้ำพุร้อนสันกำแพง" ส่วนการสัมผัสในครอบครัว และชุมชนลดลง

การตรวจเชิงรุกในกลุ่มผู้เดินทางเข้ามาในจังหวัด ในช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ ไม่มีเที่ยวบินเข้ามา ส่วนที่สถานีรถไฟ ตรวจไป 118 ราย พบผู้มีผลบวก 1 ราย สถานีขนส่งอาเขต 11 ราย ไม่พบผู้มีผลบวก รถยนต์ส่วนตัว 75 ราย ทั้งหมดผลเป็นลบ และการตรวจคนขับรถบรรทุกและผู้ติดตาม ที่ด่านอำเภอสารภี จำนวน 274 ราย พบผู้มีผลบวก 2 ราย ในส่วนของการตรวจเชิงรุก เมื่อวานนี้ทีมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ตรวจที่ฟาร์มกล้วยไม้ แม่ออน 96 ราย พบผลเป็นลบทุกคน ทีมควบคุมโรคแม่ออน ตรวจที่ "น้ำพุร้อนสันกำแพง" อำเภอแม่ออน 131 ราย พบผู้มีผลบวก 9 ราย และการตรวจคัดกรองเชิงรุก (ATK) โดยเทศบาลนครเชียงใหม่ 265 ราย พบผลเป็นลบทั้งหมด


ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 34 รายในวันนี้ เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัดจำนวน 14 ราย จากคลัสเตอร์น้ำพุร้อนสันกำแพง 10 ราย ครอบครัวที่ตำบลช้างคลาน 1 ราย และสัมผัสกับผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า 3 ราย 

สำหรับผู้ติดเชื้อ 20 รายที่เหลือ เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด โดยมาจากกรุงเทพมหานคร 8 ราย อยุธยา 3 ราย ราชบุรี 3 ราย ตาก 2 ราย ปทุมธานี 2 ราย นนทบุรี 1 ราย และสมุทรปราการ 1 ราย 


โดยขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ มีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด 11 คลัสเตอร์ มีเพียงคลัสเตอร์เดียวที่ยังพบผู้ติดเชื้ออยู่ ซึ่งประกาศให้เป็นคลัสเตอร์ใหม่ คือคลัสเตอร์ที่ "น้ำพุร้อนสันกำแพง" อำเภอแม่ออน เป็นการติดเชื้อในที่ทำงาน และกระจายออกสู่ชุมชน โดยผู้ติดเชื้อรายแรก CM 6051 เป็นพนักงานขับรถที่สัมผัสกับลูกค้าจำนวนมาก ไปรับประทานอาหารประจำที่ร้านเจ้าจันทร์ บริเวณหน้าน้ำพุร้อน พบติดเชื้อ 5 คน พบผู้ติดเชื้อที่ร้านบัวเวียง 3 คน และพบผู้ติดเชื้อในน้ำพุร้อน 5 คน ต่อมาผู้ติดเชื้อจากร้านเจ้าจันทร์ 1 ราย ไปขายลูกชื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยปก และเกิดการติดต่อไปอีก 2 ราย สัมผัสร่วมบ้าน 8 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรวม 27 ราย โดยกระจายอยู่ในหมู่ 2 ตำบลบ้านสหกรณ์ 3 ราย, หมู่ 3 จำนวน 8 ราย ,หมู่ 4 จำนวน 1 ราย, หมู่ 6 จำนวน 1 ราย, หมู่ 7 จำนวน 8 ราย ,หมู่ 8 จำนวน 4 ราย ,หมู่ 7 ตำบลออนกลาง 1 ราย และที่หมู่ 11 ตำบลยุหว่า 1 ราย 


คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จึงมีมติให้ออกคำสั่งที่ 106/2564 เรื่อง ปิดสถานที่เสี่ยงเป็นการชั่วคราว โดยให้ปิดน้ำพุร้อนสันกำแพง ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านสหกรณ์ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 14 วัน พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้ประชาชน งดการเดินทางเข้าไปในพื้นที่น้ำพุร้อนสันกำแพง โดยไม่มีเหตุจำเป็น เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค และให้ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอแม่ออน ดำเนินการจัดระเบียบ ระบบ และควบคุม ติดตามผู้ที่เดินทางเข้า-ออก เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งให้นายอำเภอแม่ออนในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอแม่ออน กำกับและควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย


ทั้งนี้ จึงประกาศให้ผู้ที่เข้าไปเที่ยวและใช้บริการที่ "น้ำพุร้อนสันกำแพง" ระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม – 7 สิงหาคม 2564 ให้สังเกตอาการตนเอง หากพบอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมบอกประวัติเสี่ยง และสำหรับผู้ที่เดินทางกลับเข้ามารักษาตัวในจังหวัด ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 มีจำนวน 257 ราย คิดเป็นร้อยละ 51.81 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด มากที่สุดที่ กรุงเทพฯ 125 ราย, ปทุมธานี 42 ราย, ชลบุรี 16 ราย,สมุทรสาคร 14 ราย, และสมุทรปราการ 13 ราย 


ข้อมูลการฉีดวัคซีน วันนี้มีผู้ได้รับการฉีดไปแล้ว 296,213 ราย คิดเป็นร้อยละ 25 ของกลุ่มเป้าหมายที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ โดยตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป จังหวัดเชียงใหม่จะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มอายุ 18-59 ปี ขณะเดียวกันในส่วนของกลุ่ม 608 คือกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี / 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ยังคงมีการรณรงค์การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของวัคซีน Pfizer สำหรับบุคลากรทางการแพทย์นั้น จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการจัดสรรมารวมทั้งสิ้น 10,320 โดส และเริ่มทยอยฉีดแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนประชาชนกลุ่มอื่นๆ จะเป็นการฉีดเฉพาะพื้นที่เสี่ยงใน 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเดิมก่อน สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ยังไม่มีนโยบายในการจัดสรรให้กับกลุ่มประชาชนทั่วไปในจังหวัด หากได้รับการจัดสรรรมาแล้ว จะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป
#3360


นายดีเค อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจ Combined PET, IOD และ Fibers บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2564 D/E จะลดลงต่ำกว่าระดับ 1.2 เท่า จาก ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ระดับ 1.27 เท่า เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทผ่านกลยุทธ์การควบรวมกิจการ (M&A)

ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัท อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัท Ultrapar เพื่อเข้าซื้อกิจการของบริษัท Oxiteno S.A. ประเทศบราซิล โดย Oxiteno เป็นผู้ผลิตสารลดแรงตึงผิวแบบบูรณาการในทวีปอเมริกาและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกา เบื้องต้นประเมินมูลค่าดีลซื้อกิจการเบื้องต้น 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 5 หมื่นล้านบาท)


อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าจากการเตรียมความพร้อมทั้งกระแสเงินสดและ D/E ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน อีกทั้งมูลค่าการซื้อขายมีโอกาสน้อยกว่าที่เคยแจ้งนักลงทุนเอาไว้

นอกจากนี้ IVL ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เบื้องต้นคาดว่ายอดขายจะเติบโต 9% โดยมาจากธุรกิจออกไซด์และอนุพันธ์แบบบูรณาการ (Integrated Oxide and Derivatives: IOD) ที่คาดว่าจะฟื้นตัว จากช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่ถูกผลกระทบโควิด-19 สภาพอากาศหนาวจัด (Polar Vortex) และโรงงานก๊าซแครกเกอร์ใน Lake Charles ประเทศสหรัฐที่จะกลับมาเดินเครื่องครึ่งแรกในไตรมาส 3 ปี 2564 หลังปิดซ่อมบำรุงจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าตั้งแต่เดือน ส.ค.2563

ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนของไทยจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงกว่า 10% นั้น มองเป็นผลบวกต่อบริษัท เนื่องจากมีสัดส่วนกำไรในต่างประเทศที่สูง โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป ขณะที่สัดส่วนพอร์ตในเอเชียที่ 8-9% มาจากหลายประเทศไม่เฉพาะไทยเท่านั้น เมื่อแปลงกำไรในสกุลเงินอื่นๆ กลับเข้ามาในประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากค่าเงินเพิ่มขึ้น