• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Naprapats

#3321


เชื่อว่าภารกิจสำคัญของรัฐบาลหลายๆ ชาติ นอกจากจะควบคุมโรคระบาดจากเชื้อโควิด-19 ให้ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยเร็วที่สุดแล้ว คงเป็นเรื่องการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยเต็มตัว แต่แนวทางการพัฒนาของโลกยุคหลังโควิด-19 ไม่ควรย้อนรอยกลับไปสร้างความผิดพลาดแบบเดิมๆ ที่สร้างความหายนะทั้งทางสิ่งแวดล้อมและความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างแสนสาหัส

บทเรียนการพัฒนาที่มุ่งทำลายต้นทุนธรรมชาติและระบบนิเวศพิสูจน์แล้วว่าเปราะบางและพร้อมจะพังทลายลงได้ในบัดดลเมื่อพบกับเภทภัยระดับโลกเช่นนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการปกป้องสิ่งแวดล้อม (Green Stimulus) เป็นแนวทางที่นักวิชาการและนักสิ่งแวดล้อมหลายสำนักนำเสนอเพื่อใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และเตรียมรับมือกับภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่น่าจะส่งผลกระทบรุนแรงกว่าโรคระบาดครั้งนี้หลายเท่า



ย้อนกลับไปยังต้นตอของวิกฤตโรคระบาดระดับโลกครั้งนี้ อธิบดีกรมควบคุมและป้องกันโรคของจีนออกมายอมรับว่าเป็นไปได้อย่างมากที่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019-nCoV หรือ COVID-19 มีต้นกำเนิดมาจากตลาดค้าขายสัตว์ป่าผิดกฎหมายในเมืองอู่ฮั่น ที่มีประชากรราว 11 ล้านคน จนทำให้จีนต้องออกมาประกาศปิดตลาดค้าสัตว์ป่าทั่วประเทศชั่วคราวตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม อีกหนึ่งเดือนถัดมาคณะกรรมาธิการสภาประชาชนแห่งชาติของจีนมีมติให้การรับรองคำสั่งห้ามบริโภคสัตว์ป่าอย่างเด็ดขาด รวมทั้งประกาศจะปราบปรามตลาดค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายทั่วประเทศ เพื่อให้ความปลอดภัยด้านสาธารณสุขแก่ประชาชน และความมั่นคงทางด้านนิเวศวิทยา

หลายคนยังกังขาว่ารัฐบาลจีนจะเอาจริงแค่ไหนเพราะตอนที่เกิดเหตุโรคซาร์สระบาดเมื่อ ค.ศ.2003 ก็เคยมีนโยบายที่คล้ายคลึงกันออกมาเช่นกัน แต่เมื่อโรคระบาดหายไปไม่นาน ตลาดค้าสัตว์ป่าก็กลับมาค้าขายกันเหมือนเดิม และขยายตัวยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและช่องทางค้าขายออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น

ปัญหาการค้าสัตว์ป่าเป็นเพียงแค่ตัวอย่างเดียวของการใช้ประโยชน์ธรรมชาติอย่างล้างผลาญที่ส่งผลโดยตรงต่อการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสิ่งมีชีวิต หากลองสำรวจวิกฤตการณ์ที่ผ่านมาก็จะพบว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืนกำลังรุมเร้าและท้าทายการดำรงอยู่ของสังคมมนุษย์มากขึ้นทุกที ไม่ว่าจะเป็น มลพิษทางอากาศ สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันพิษ มลภาวะจากขยะพลาสติก อุณหภูมิที่สูงผิดปกติและภาวะเป็นกรดของมหาสมุทร ไปจนถึงระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากการละลายของน้ำแข็งแถบขั้วโลก

ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นจึงเป็นวิกฤตที่คู่ขนานไปกับภาวะฉุกเฉินทางด้านนิเวศวิทยาและสภาพภูมิอากาศ และความไม่เท่าเทียมอย่างสุดขั้ว ภาวะวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมและโรคระบาดเป็นปรากฏการณ์ที่ตอกย้ำให้เห็นว่าเราควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่แน่นอนถ้าไม่หันมาฟังคำเตือนของนักวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง และไม่กลับไปแก้ที่ต้นตอของปัญหา ทั้งระบบเศรษฐกิจที่บิดเบี้ยว การใช้ประโยชน์จากธรรมชาติแบบเอาแต่ได้ และการเมืองที่ยึดโยงอยู่กับผลประโยชน์
สิ่งที่จะทำให้เรารอดไปด้วยกันจึงไม่ใช่แค่เงินชดเชยรายได้ (ที่จำเป็นมากๆ สำหรับผู้มีรายได้น้อย) และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเพื่อหวนกลับไปสร้างความมั่งคั่งให้กับคนกลุ่มน้อยที่อยู่บนสุดของพีรามิดเศรษฐกิจเท่านั้น แต่รัฐบาลควรใช้วิกฤตครั้งนี้ทบทวนแผนการลงทุนขนาดใหญ่ หันมาให้น้ำหนักกับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนที่ส่งเสริมการรักษาต้นทุนธรรมชาติและกำหนดทิศทางใหม่ในการพัฒนาเพื่อเตรียมรับมือกับภัยพิบัติครั้งใหม่ในอนาคต
นักวิชาการได้นิยามการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการปกป้องสิ่งแวดล้อม (Green Stimulus) ว่ามีลักษณะสำคัญ 4 อย่างคือ 1) ทำให้เกิดการจ้างงานอย่างรวดเร็ว 2) เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 3) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน และ 4) เกิดผลด้านบวกต่อระบบนิเวศ หรือลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ แน่นอนว่าแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจจะถูกนำมาใช้เมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินเท่านั้น

ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 นักวิชาการและนักสิ่งแวดล้อมในสหรัฐอเมริกาได้มีการนำเสนอยุทธศาสตร์สำคัญ 4 ด้านของการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการปกป้องสิ่งแวดล้อมที่มีมูลค่ารวมถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่สอดคล้องกับข้อเสนอ Green New Deal โดยเนื้อหาใจความหลักสามารถนำมาปรับใช้กับบ้านเราได้เช่นกันคือ
การสร้างงานใหม่ๆ ในระดับชุมชนที่ส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว เช่น การขยายกำลังผลิตของภาคพลังงานหมุนเวียน การปรับปรุงอาคารและสิ่งก่อสร้างเพื่อลดการใช้พลังงาน การขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์อย่างเป็นระบบ การส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรในระดับท้องถิ่น การปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน การผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน การส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (เช่น สวนสาธารณะป้องกันน้ำท่วม ทางเชื่อมระหว่างผืนป่าให้สัตว์ข้ามไปมา) ปรับหลักสูตรในระดับอาชีวะและอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว

การลงทุนอย่างชาญฉลาดสำหรับโลกในอนาคต เช่น การปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา การเปลี่ยนรถเมล์เป็นรถไฟฟ้า การพัฒนาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในชนบท การเตรียมความพร้อมของครูและนักเรียนสำหรับการเรียนการสอนออนไลน์ รวมไปถึงการสร้างความหลากหลายในการพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน โดยเฉพาะชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาในอดีต และมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักในอนาคตจากสภาวะโลกร้อน (เช่น ชุมชนชายฝั่ง) ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ไม่พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งเป็นหลัก พัฒนาการท่องเที่ยวที่ช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติและมีกลไกการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกับชุมชน

การเพิ่มสิทธิความเป็นเจ้าของในกิจการสาธารณะ เช่น ยกระดับความรับผิดชอบขององค์การสาธารณะในภาวะวิกฤต อาทิ ขนส่งมวลชน การเคหะ การไฟฟ้า การประปา อุตสาหกรรมพลังงาน สายการบิน โรงเรียน โดยยึดโยงกับประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วน ปฏิบัติตามข้อตกลงปารีสที่พยายามรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลกระทบร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมไปถึงการพัฒนาแผนรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับชุมชนและภูมิภาคซึ่งจะช่วยกำหนดทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่เหมาะสม
ภายใต้ยุทธศาสตร์ทั้งสี่ รัฐบาลสามารถแตกย่อยแผนพัฒนาที่เป็นรูปธรรมให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละภูมิภาคได้ แน่นอนว่าแผนดังกล่าวต้องอาศัยวิสัยทัศน์และการลงทุนจำนวนมหาศาล แต่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากการอัดฉีดเงินเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ การจัดสรรงบประมาณลงไปในจุดที่จะเป็นการสร้างภูมิต้านทานภัยพิบัติในอนาคตก็ต้องถือเป็นการลงทุนที่เหมาะสม เราได้เป็นจักษุพยานของโลกที่ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความปั่นป่วน (disruption) และเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ระบบที่ยืดหยุ่นมีประสิทธิภาพและมีความสามารถในการปรับตัวสูงจึงกลายเป็นคุณสมบัติสำคัญของสังคมที่จะอยู่รอดต่อไปได้ในอนาคต

วิกฤตโควิด-19 ยังเป็นบทเรียนสำคัญถึงความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน อย่างที่เกรตา ธันเบิร์ก สาวน้อยนักเคลื่อนไหวด้านสภาพภูมิอากาศสะท้อนไว้อย่างน่าฟังว่า "ถ้าไวรัสแค่หนึ่งสายพันธุ์สามารถล้มระบบเศรษฐกิจของทั้งโลกได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ นั่นเป็นบทพิสูจน์ว่าสังคมเราแทบไม่มีภูมิต้านทานเลย แต่ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า ในภาวะฉุกเฉินเราสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมกันได้เร็วขนาดไหน" หากมองในมุมนี้ก็ทำให้พอมีความหวังว่าถ้าโลกตระหนักถึงความจำเป็นของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจังเพื่อความอยู่รอดและเพื่อรักษาชีวิต เราพิสูจน์แล้วว่าทำได้และจะได้เห็นโลกทั้งโลกร่วมมือกันอย่างรวดเร็วในยามที่เกิดวิกฤตร้ายแรง

ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องหาทางแก้ร่วมกัน แต่การแก้ปัญหาด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจทุนนิยมแบบเดิม ย่อมทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและความเหลื่อมล้ำมากมาย สุดท้ายกลายเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่รู้จบและยิ่งส่งผลร้ายกว่าเดิมในระยะยาว นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมจึงพยายามเสนอการแก้ปัญหาแบบใหม่ที่ย้อนกลับไปหาธรรมชาติ เรียนรู้การทำงานของระบบนิเวศที่สมดุล สมบูรณ์ ลงตัว ยกตัวอย่างง่ายๆ ในกระบวนการผลิตตามธรรมชาติมีประสิทธิภาพขนาดที่ไม่มีของเสียหรือของเหลือทิ้งเกิดขึ้นเลย หรือนวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ที่หันกลับไปลอกเลียนหลักการทำงานสุดเจ๋งของธรรมชาติในศาสตร์ชีวลอกเลียน (biomimicry)

หากนำเอาการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการฟื้นฟูธรรมชาติมาเป็นหัวใจในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาสุขภาพและสุขภาวะของคนในชาติน่าจะหมายถึงการเพิ่มพื้นสวนสาธารณะ เพิ่มจำนวนต้นไม้ใหญ่และพื้นที่ชุ่มน้ำธรรมชาติให้คนในเมืองได้มีโอกาสใช้ชีวิตกลางแจ้ง สร้างภูมิคุ้มกันด้วยแลกเปลี่ยนจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์และสร้างสมดุลในการใช้ชีวิต การปฏิรูปการศึกษาน่าจะหมายถึงการพัฒนาหลักสูตรเนื้อหาที่สอดคล้องกับนิเวศวิทยาท้องถิ่นและกระตุ้นให้เกิดความรักในการเรียนรู้จากธรรมชาติรอบตัว การสร้างความมั่นคงทางอาหารน่าจะหมายถึงการฟื้นฟูทะเล ฟื้นฟูป่า แหล่งผลิตอาหารที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก และส่งเสริมการเพาะปลูก การเพาะเลี้ยงสัตว์ การบริโภคอย่างยั่งยืนในทุกๆ สภาพแวดล้อม โดยเฉพาะในเมืองที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนกว่าครึ่งโลก

วิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ตอกย้ำความจริงที่ว่า "เงินทองคือมายา ข้าวปลาคือของจริง" เศรษฐกิจจะยั่งยืนต้องมาจากฐานทรัพยากรธรรมชาติที่ได้รับการปกป้องคุ้มครอง และเมื่อมนุษย์ยิ่งเรียนรู้ก็ยิ่งพบความจริงว่าทางออกของปัญหาต่างๆ ของสังคมนั้นมีอยู่แล้วในธรรมชาติ เราเพียงแต่ต้องเปลี่ยนวิธีคิดและเข้าใจว่า งานอนุรักษ์ไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มน้อยที่พยายามไล่คนให้กลับไปอยู่ถ้ำ แต่คือการอนุรักษ์ต้นทุนธรรมชาติเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ คือการปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐศาสตร์ให้สอดคล้องกับขีดจำกัดของระบบนิเวศ การอนุรักษ์คือการพัฒนาอย่างชาญฉลาด อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม

หากแยกย่อยเมนูสำหรับการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสีเขียว เราอาจจัดกลุ่มแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามหมวดหมู่ต่างๆ ได้ดังนี้

1. การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บ้านเรือนประหยัดพลังงาน เช่น ตั้งเป้าอาคารบ้านเรือนที่สร้างใหม่จะต้องปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายใน 10 ปี

2. การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีสูง เช่น ตั้งเป้าระบบขนส่งสาธารณะที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายใน 10 ปี

3. การปรับปรุงระบบการผลิตให้มีประสิทธิภาพ สร้างของเหลือให้น้อยที่สุด มีระบบสวัสดิการที่เป็นธรรมกับพนักงานและลูกจ้าง เช่น ตั้งเป้ามีระบบการจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพร้อยละ 80 ภายใน 10 ปี

4. การพัฒนาระบบพลังงานทางเลือก พลังงานหมุนเวียน และการประหยัดพลังงาน เช่น ตั้งเป้าหมายระบบพลังงานที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์อย่างน้อยร้อยละ 50 ภายใน 10 ปี

5. การสร้างระบบผลิตอาหารที่ยั่งยืน ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ตั้งเป้าสัดส่วนการผลิตภาคเกษตรอินทรีย์อย่างน้อยร้อยละ 50 ภายใน 10 ปี

6. การจัดการที่ดินและพื้นที่ชายฝั่งอย่างยั่งยืน อนุรักษ์ระบบนิเวศดั้งเดิม พัฒนาเครือข่ายพื้นที่คุ้มครองระดับภูมิภาคและประเทศ ขยายพื้นที่สวนสาธารณะในเมือง และส่งเสริมการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในระดับครัวเรือน (เช่น ป่าครอบครัว) เช่น ตั้งเป้าพื้นที่คุ้มครองทางบกไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และพื้นที่คุ้มครองทางทะเลไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ภายใน 10 ปี

7. การเงิน การธนาคารและกระบวนการจัดซื้อเพื่อความยั่งยืน เป็นแนวคิดที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ของธุรกิจและสังคมในระยะยาวมากกว่าผลตอบแทนในระยะสั้น โดยดำเนินการด้วยความรับผิดชอบ ต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี นำหลักการวิเคราะห์วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (product life cycle) มาใช้พิจารณาในกระบวนจัดซื้อ

8. เป็นแนวร่วมสำคัญในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกอย่างเข้มแข็ง ด้วยการปฏิบัติตามพันธกิจของอนุสัญญาระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ อนุสัญญาความหลากหลายทางชีวภาพ อนุสัญญาแรมซาร์ว่าด้วยการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ อนุสัญญาไซเตสว่าด้วยการค้าชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก อนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายและการกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดน อนุสัญญาว่าด้วยชนิดพันธุ์ที่มีการเคลื่อนย้ายถิ่น

บทความโดย ดร.เพชร มโนปวิตร

ข้อมูลอ้างอิง https:// www.the101.world/green-stimulus/


นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ที่ผ่านการทำงานในองค์กรสิ่งแวดล้อมระดับโลกหลายแห่ง ทั้ง IUCN, WWF และ WCS ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พร้อม ๆ กับเป็นนักเขียนและนักแปลบทความด้านสิ่งแวดล้อมและทางออกด้านการอนุรักษ์ ปัจจุบันขับเคลื่อนประเด็นเศรษฐกิจหมุนเวียน ขยะทะเลและการอนุรักษ์ปะการังกับ ReReef บริษัทสตาร์ทอัพที่เน้นการแก้ปัญหา
#3322


วันนี้ (23 ส.ค.) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมเคียงข้างสังคมไทยในวิกฤตโควิด-19 ขับเคลื่อนโครงการ "คนไทยไม่ทิ้งกัน" อย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ "ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19" ตามเจตนารมณ์ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยได้ส่งมอบครุภัณฑ์ทางการแพทย์ น้ำดื่ม สิ่งของที่จำเป็นให้โรงพยาบาลไปแล้วกว่า 50 แห่ง อีกทั้งยังร่วมมือผ่านมหาเถรสมาคมเข้าไปดูแลสุขภาพ สวัสดิภาพของภิกษุสามเณร ตลอดจนกลุ่มเปราะบาง ผู้ด้อยโอกาสที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด

ล่าสุด บริษัท ออลล์ เวลเนส จำกัด ในกลุ่มซีพี ออลล์ ร่วมกับ เอ็กซ์ต้า พลัส ร้านยาใกล้บ้านเพื่อชุมชน สนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการต่อสู้กับโควิด-19 ได้แก่ หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่ม ให้กองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของวิทยุ จส.100 เพื่อส่งมอบต่อไปยังบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพประชาชน โดยมี ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการหน่วยงาน eXta Health & Wellness บมจ. ซีพี ออลล์ เป็นผู้แทนส่งมอบให้กับ นางสาวกฤษณา กันจินะ Business Development & Digital Marketing Manager บริษัท แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้แทนรับมอบของ จส.100

ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ซีพี ออลล์ ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคม พร้อมอยู่เคียงข้าง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ชุมชนและสังคม ตามปณิธานร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากขณะนี้ บริษัทถือค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร เป็นแนวทางอย่างแน่วแน่ จึงถือเป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมกับพันธมิตรซึ่งมีเจตนารมณ์เดียวกันอย่าง จส.100 ที่ต้องการให้ประเทศไทยกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

"เรารู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีที่ได้ร่วมกับ จส.100 ซึ่งมีความมุ่งมั่นเดียวกันในการดูแลพี่น้องประชาชนไทยประหนึ่งคนในครอบครัวเสมอมา และทราบดีว่าสถานการณ์ที่ประเทศเรากำลังเผชิญตอนนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าสำคัญในการดูแลคนไทย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักโดยไม่ย่อท้อ ซีพี ออลล์ ก็ขอขอบคุณ และขอส่งแรงใจให้ทุกท่าน ตลอดจนคนไทยทุกคนให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน" ดร.อนุรักษ์ กล่าว
ด้าน นางสาวกฤษณา กันจินะ Business Development & Digital Marketing Manager บริษัท แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า 30 ปี จส.100 ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ร่วมสมทบทุนเข้ากองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 นำสิ่งของต่างๆ ไปส่งมอบให้กับบุคลากรทางแพทย์และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการหน่วยงาน eXta Health & Wellness บมจ. ซีพี ออลล์ นำสิ่งของต่าง ๆ ได้แก่ น้ำดื่ม หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ มาส่งมอบให้กับทาง จส.100 ร่วมสร้างกำลังใจส่งต่อสิ่งดีๆ ให้แก่กัน

"ทาง จส.100 ต้องขอขอบคุณ บมจ. ซีพี ออลล์ ที่ได้เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นในการดูแลสังคมไทยร่วมกัน และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการผนึกกำลังร่วมกับ ซีพี ออลล์ ในการดูแลประชาชน สิ่งของต่างๆ เหล่านี้จะได้รับการจัดสรรไปยังพื้นที่ต่างๆ อย่างเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้เราเชื่อว่าการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การส่งกำลังใจและสิ่งที่จำเป็นในยามนี้ จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการก้าวข้ามสถานการณ์ที่เลวร้าย และพาสังคมไทยกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง"

นอกจากนี้ บมจ. ซีพี ออลล์ และ จส.100 ยังขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสมทบทุนเข้ากองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 ด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee ซึ่งเป็นแอปพลิเคชัน ให้บริการคำปรึกษาโดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งทุกๆ การดาวน์โหลดที่มีการใส่รหัส "JS100" ซีพี ออลล์ จะร่วมสมทบ 10 บาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ผ่านกองทุนทุกชีวิตมีค่ากับ จส.100 โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ALL PharmaSee ในระบบ IOS ได้ที่ http://l.ead.me/bcGZ0p
และระบบ Android ได้ที่ https://l.ead.me/bcGZ14 ตั้งแต่วันนี้ถึง 22 ต.ค. 2564
#3323


วันนี้ (22ส.ค.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงปัญหาการจัดซื้อชุดตรวจโควิด 8.5 ล้านชุด มูลค่า 1,014 ล้านบาท แม้จะมีผู้ชนะการประมูลขององค์การเภสัชกรรมแล้วคือ บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด แต่ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในมติ ครม. วันที่ 17 สิงหาคม ว่า ชุดตรวจต้องได้รับการรับรองจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) จึงเป็นประเด็นว่า องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ยังไม่กล้าเซ็นสัญญากับบริษัทที่ชนะประมูล แต่รัฐต้องแข่งกับเวลา ทุกชั่วโมงที่ชัตดาวน์คือความเดือดร้อนของประชาชน เป้าหมายคือการกันตัวผู้ป่วยออกมาให้เร็ว การตรวจเชิงรุกสำคัญมากอย่าทำให้สะดุด

"ที่เถียงกันมันคือชุดตรวจ "เบื้องต้น" แบบ ATK เท่านั้น ไม่ใช่กรณีการตรวจละเอียดแบบ RT-PCR ท่านนายกฯ ต้องเข้าใจว่ายี่ห้อที่ได้ WHO มันมีน้อยและแพง ถ้าท่านเป็น "นักปฏิบัตินิยม" และเข้าใจว่านี่คือวิกฤตใหม่ที่ต้องการรับมือต้องทันต่อสถานการณ์ ผมเห็นว่า ควรไปวัดกันที่หน้างาน บริษัทไหนแน่ ไปทดลองกัน โดยเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ถ้าเสถียรพอๆ กัน ก็เอาอันที่ราคาถูกกว่าสิครับ จะได้กระจายให้ทั่วถึง" นายอรรถวิชช์ กล่าว

เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวต่อว่า ถ้าทดลองภาคสนามแล้ว ชุดตรวจที่ชนะการประมูลมีประสิทธิภาพเทียบเท่ายี่ห้อในรายการที่อนุญาตให้ใช้กรณีฉุกเฉินเร่งด่วน (Emergency Use Listing) ของ WHO ผมว่ามันก็ใช้ได้แล้ว อย่าติดยึด เพราะเวชภัณฑ์ใหม่ๆ ถูกพัฒนาให้ทันเชื้อโรคที่พัฒนาไปอยู่เรื่อย วัดกันที่หน้างานสำคัญกว่า
#3324


ในสถานการณ์ที่ส่อเค้า 'เลวร้าย' แสนสิริ และออริจิ้น 'ยักษ์ใหญ่' ในวงการอสังหาฯ ที่มีฐานะการเงินมั่นคงและมั่งคั่ง ที่มีเป้าหมายขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มองเห็น 'โอกาสลงทุนใหม่' ในธุรกิจให้เช่าโรงงาน-คลังสินค้า

โดย แสนสิริ ได้มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ กับ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาพื้นที่และประกอบธุรกิจประเภทกิจการคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา บนที่ดินทั้งหมด 145 ไร่ ประมาณ 110,000 ตร.ม.ตั้งอยู่ในทำเลอันเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ไม่ไกลจากนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงโครงการเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) หรือ อีอีซี โดยจะเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปีพ.ศ. 2564 และจะสามารถส่งมอบพื้นที่เฟสแรกภายในช่วงต้นปีพ.ศ. 2566

ขณะที่ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้ร่วมมือกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เตรียมเปิดตัวธุรกิจเพื่อการอุตสาหกรรมพร้อมบริการครบวงจร เนื่องจากโลจิสติกส์เป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนความสำเร็จทางเศรษฐกิจในยุคนิวนอร์มอลพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนมาซื้อสินค้าและบริการผ่านออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจกระจายสินค้ามีบทบาทเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้เนื่องจากธุรกิจให้เช่า"โรงงาน-คลังสินค้า"เป็นธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงสวนกระแสโควิด-19 มาตั้งแต่ปี2563 เพราะได้รับผลกระทบ"เชิงบวก"จากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมอร์ซที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น4แสนล้านบาท


"ภัทรชัย ทวีวงศ์ "ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสารคอลลิเออร์ส ประเทศไทย ระบุว่า ภาพรวมธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในช่วงครึ่งหลังปี2564 ยังสามารถเติบโตได้ดี เพราะมีความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละราย(Built-to-Suit)และ Warehouse Farm ซึ่งเป็นโครงการที่ให้บริการทั้งในรูปแบบ Built-to-Suit และแบบสำเร็จรูป (General Warehouse) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการต่างชาติยังมีความสนใจจะลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรมในประเทศไทย ประกอบกับความต้องการในภาคการส่งออกสินค้าหลายกลุ่ม เช่น ธุรกิจแปรรูปอาหาร ธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ ธุรกิจออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ อีกทั้งยังมีปัจจัยสำคัญจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาซื้อขายทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจทั้งซัพพลายเชนไม่ว่าจะเป็นอีคอมเมิร์ซ ระบบโลจิสติกส์ โรงงานและคลังสินค้าเติบโตตามไปด้วย แม้ว่าการระบาดโควิด-19 ในประเทศไทยจะยังคงมีแน้วโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แต่ธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานยังสามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดี


ภัทรชัย กล่าวว่า ภาพรวมซัพพลายคลังสินค้าและโรงงานครึ่งปีแรกเปิดบริการใหม่ยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 1.16% จากในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา จากการเปิดตัวคลังสินค้าและโรงงานใหม่ของ ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ที่เปิดตัวโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง แห่งที่ 2 บนพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 50,000 ตร.ม.มีผู้เช่าหลักเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มโลจิสติกส์เพื่อใช้เป็นศูนย์กระจายสินค้าสำหรับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน , ไวส์ โลจิสติกส์ เปิดตัวคลังสินค้าแห่งใหม่ ถ.บางนา–ตราด กม.18 ด้วยพื้นที่ทั้งหมด 10,000 ตร.ม.มีลูกค้าเข้าใช้บริการแล้ว 60%

ขณะที่เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล เปิดตัวเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางพลี 7โลจิสติกส์เซ็นเตอร์บนทำเลย่านบางพลี โดยโครงการดังกล่าวประกอบไปด้วยศูนย์กระจายสินค้า 3 อาคาร มีพื้นที่อาคารรวม 74,000 ตร.ม. มีลงนามเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ไปแล้วกว่า60% ก่อนเปิดตัวคลังสินค้าอาคารแรกอย่างเป็นทางการ และอยู่ระหว่างการการพัฒนาคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการแห่งใหม่ พื้นที่กว่า 34,000 ตร.ม. ตั้งอยู่ใน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค (วังน้อย 2) จ.พระนครศรีอยุธยาให้กับไทยเบฟเวอเรจ และยังมีแผนการพัฒนาพัฒนาพื้นที่ใหม่เพื่อเสริมสร้างพอร์ตโฟลิโออีกกว่า 1 ล้าน ตร.ม.ในอีก 5 ปีข้างหน้า

จากข้อมูลพบว่า ซัพพลายสะสมพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานในพื้นที่จ.สมุทรปราการยังคงสูงสุด คิดเป็น 38.00% หรือ 2,691,6022 ตร.ม. ตามมาด้วยในพื้นที่อีอีซี คิดเป็น 32.00 % หรือ 2,255,517 ตร.ม. และยังคงพบว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงพยายามขยายธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่า ทั้งปี2564 จะมีคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าเปิดบริการใหม่อีกกว่า 200,000 ตร.ม. โดยเฉพาะในพื้นที่จ.สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา และในพื้นที่อีอีซี(จ.ระยอง ชลบุรีและฉะเชิงเทรา)

ครึ่งแรกของปี2564 มีพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานในประเทศไทยถูกใช้ไปแล้วทั้งหมด 6.099 ล้านตร.ม.จากพื้นที่ทั้งหมด 6.963 ล้านตร.ม. ซึ่งคิดเป็น 87.60% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.10% จากในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา โดยพื้นที่กรุงเทพฯ ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเช่าสูงสุดอยู่ที่91.70% ของพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานทั้งหมด รองลงมาคือในพื้นที่จ.สมุทรปราการซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการทางด้านโลจิสติกส์ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการเชื่อมต่อกับศูนย์กลางการผลิตและการกระจายสินค้า โดยพบว่ามีอัตราการเช่าอยู่ที่91.00% ตามด้วยพื้นที่อีอีซี ที่มีอัตราการเช่าอยู่ที่ 77.80%

ส่วนราคาค่าเช่าเฉลี่ยสำหรับพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานทุกพื้นที่ในช่วงครึ่งแรกของปี2564 ที่ผ่านมาปรับตัวมาอยู่ที่ 155 บาทต่อตร.ม.เพิ่มขึ้นจากในช่วงครึ่งหลังของปีก่อนหน้า 3 บาท หรือคิดเป็น 1.97% ผู้พัฒนาส่วนใหญ่ปรับราคาค่าเช่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย พื้นที่กรุงเทพฯยังคงเป็นพื้นที่ที่มีราคาค่าเช่าเฉลี่ยสูงที่สุดที่ 180 บาทต่อตร.ม. ซึ่งคลังสินค้าให้เช่าบางแห่งในพื้นที่กรุงเทพฯ มีราคาเสนอเช่าสูงกว่า 200 บาท สัญญาเช่า 3 ปี ตามด้วยค่าเช่าในพื้นที่จ.สมุทรปราการอยู่ที่ 156 บาทต่อตร.ม. และในพื้นที่อีอีซี 153 บาทต่อตร.ม.
#3325


โดย พชร ธนภัทรกุล

ชาวแต้จิ๋วเรียกวันนี้ว่า ชิก-ง้วย-ปั่ว-โจ่ย (七月半节) แปลว่าวันสารทกลางเดือนเจ็ด มีบ้างที่เรียกว่า กุยโจ่ย (鬼) คือวันงานของผี ซึ่งตามปฏิทินจันทรคติจีนแล้ว จะตรงกับวันที่ 15 เดือนเจ็ดของทุกปี

ปกติแล้ว ไม่ว่าเทศกาลไหนของจีน ก็จะมีของกินที่เป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลนั้นๆ เช่น ตรุษจีน มีขนมเข่งขนมฟู วันเช็งเม้ง ชาวแต้จิ๋วในจีนมี จี-พก-ก้วย(积朴粿) แต่ชาวแต้จิ๋วในไทย ดูเหมือนจะไม่มีของกินประจำเทศกาลนี้ เทศกาลตวนอู่หรือวันไหว้บ๊ะจ่าง ก็มีบ๊ะจ่าง เทศกาลตังโจ่ยหรือขนมอี๊ ก็จะมีขนมอี๊ (คล้ายบัวลอย)

แต่เทศกาลสารทจีน สำหรับชาวแต้จิ๋วทั้งในจีนและในไทย ดูจะไม่มีของกินประจำเทศกาล คงมีเพียงของกินที่เป็นของเซ่นเครื่องไหว้เท่านั้น ซึ่งก็เป็นอะไรที่คล้ายๆกับของเซ่นเครื่องไหว้ในเทศกาลอื่น ไม่มีอะไรเด่นเป็นพิเศษ

ชาวจีนเชื่อกันว่า ตลอดเดือนเจ็ดของทุกปีตามปฏิทินจีน ประตูเมืองผีจะเปิดตั้งแต่วันแรกไปจนถึงวันสิ้นเดือน เพื่อให้บรรดาผีทั้งหลายได้มีโอกาสออกจากเมืองนรกกลับมายังโลกมนุษย์เป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อมา "เยี่ยม" ลูกหลาน มาดูว่า ในรอบปีที่ผ่านมา พวกเขาทำดีทำชั่วอะไรไว้ และอยู่ดีมีสุขกันไหม

การไหว้ผีไม่มีญาติ (ไม่จัดโต๊ะ) ขอบคุณภาพจาก http://www.chinalanguages.org/show_cy_lei.aspx?idxiaolei=%E4%B8%83%E6%9C%88%E5%8D%81%E4%BA%94
การไหว้ผีไม่มีญาติ (ไม่จัดโต๊ะ) ขอบคุณภาพจาก http://www.chinalanguages.org/show_cy_lei.aspx?idxiaolei=%E4%B8%83%E6%9C%88%E5%8D%81%E4%BA%94

เมื่อบรรดาผีบรรพชนอุตส่าห์เดินทางจากเมืองผี มา "เยี่ยม" ทั้งที คนบนโลกก็ควรมีพิธีต้อนรับขับสู้กันหน่อย ลูกหลานชาวจีนจึงเลือกเอาวันที่ 15 ของเดือนนี้ จัดเครื่องเซ่นของไหว้ มาเซ่นไหว้บรรพชน

แต่หากไม่มีการเซ่นไหว้ และพ้นวันนี้ไปแล้ว ผีบรรพชนที่ไม่ได้รับการเซ่นไหว้ ก็จะต้องกลายเป็นผีเร่ร่อนติดอยู่บนโลกมนุษย์ กลับไปเมืองผีไม่ได้ ต้องรอไปอีกหนึ่งปี เมื่อมีการเซ่นไหว้แล้วนั่นแหละ ถึงจะได้กลับไปเมืองผีกัน

ส่วนที่เลือกเซ่นไหว้ผีบรรพชนในวันที่ 15 เดือนเจ็ด ก็เพราะเป็นช่วงที่เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง พืชผลบางชนิด เช่น ข้าวโพด มันเทศ งาและถั่วต่างๆ พุดซาจีน สาลี่ ลูกท้อ ลูกพลับ แม้แต่ฝ้าย ก็เริ่มสุกแก่เก็บเกี่ยวได้แล้ว เพื่อบอกกล่าวถึงผลเก็บเกี่ยวที่ได้ให้บรรพชนได้รับทราบ

ที่เล่ามานี้ เป็นเค้าลางบอกที่มาของวันสารทจีนว่า มาจากอิทธิพลคำสอนของขงจื๊อที่สอนให้ชาวจีนยึดถือความกตัญญูกตเวทิตาเป็นที่ตั้ง คือรู้คุณและแทนคุณ

ต่อมา ทั้งฝ่ายเต๋าและฝ่ายพุทธ ได้มองเห็นว่า ชาวจีนให้ความสำคัญกับวันนี้กันมาก จึงได้กำหนดให้วันนี้เป็นวันสำคัญของฝ่ายตนบ้าง กล่าวคือ

ของเซ่นเต้าหู้ (จานตรงกลาง) ขอบคุณภาพจากhttp://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1
ของเซ่นเต้าหู้ (จานตรงกลาง) ขอบคุณภาพจากhttp://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1

ฝ่ายเต๋ากำหนดให้เป็นวันเกิดของเทพเจ้าผู้ดูแลเมืองผี มีชื่อยาวเหยียดว่า 中元二品七炁赦罪地官洞灵清虚大帝青灵帝君 (ขอไม่ถอดเสียงอ่าน เพราะมันยาวเยิ่นเย้อ) แต่ชาวจีนเรียกกันสั้นๆว่า "จง-หยวน-ตี้-กวน" (中元地官) จึงเรียกวันนี้ว่า จง-หยวน-เจี๋ย (中元节)

ไหนๆเป็นวันเกิดทั้งที ท่านเทพเจ้าแห่งเมืองผีเลยใจดี อภัยโทษชั่วคราวแก่ผีทั้งหลาย พร้อมเปิดประตูเมืองผี ให้บรรดาผีไม่มีญาติได้มีโอกาสไป "เที่ยว" บนโลกมนุษย์ ยาวนานถึงหนึ่งเดือนเต็ม กลายเป็นวันหยุดยาวของบรรดาผีทั้งหลาย แล้วเกิดเป็นประเพณีเซ่นไหว้ผีไม่มีญาติขึ้น แยกต่างหากจากการเซ่นไหว้ผีบรรพชน

ส่วนทางฝ่ายพุทธ (มหายาน) ก็กำหนดให้วันนี้เป็นวัน "หวี-หลัน-ผึน (盂兰盆节) หรืออุลลัมพัน (ullambana) บอกเล่าเรื่องราวที่ภิกขุมู่เหลียน (目莲) บุกเมืองผีช่วยแม่ให้พ้นจากขุมนรก มาเป็นต้นเรื่อง กลายมาเป็นงานประเพณี ที่ชื่อว่า หวี-หลัน-ผึน-หุ้ย (盂兰盆会) ที่ชาวแต้จิ๋วในไทยเรียก หู่-หลั่ง-เส่ง-หวย (盂兰盛会-เสียงแต้จิ๋ว) โดยในงานจะมีพิธี "โพว-โต่ว-ซิ-โกว" (普度施孤) หรือที่เรารู้จักกันว่า งานประเพณีทิ้งกระจาด จุดประสงค์เดิม คือการแจกทานแก่ผีไม่มีญาติ เพื่อนำพาผีเหล่านี้ให้พ้นจากห้วงทุกข์ ต่อมาก็เลยแจกทานให้ทั้งผีทั้งคน (เน้นคนจน)

จากที่เล่ามา ชาวจีนมีการเซ่นไหว้ผีสองกลุ่ม คือกลุ่มผีไม่มีญาติ กับกลุ่มผีบรรพชนของตัวเอง ซึ่งก็เซ่นไหว้ต่างกัน มาเริ่มกันที่การเซ่นไหว้ผีไม่มีญาติกันก่อน

ชาวแต้จิ๋วเลี่ยงไม่เรียกผีไม่มีญาติทั้งหลายว่า กุ้ย (鬼) ที่แปลว่า ผี โดยตรง แต่เลี่ยงไปใช้คำที่มีความหมายดีกว่า เช่น โกวเอี๊ย (孤爷) อันเป็นการเรียกยกย่องเปรียบผีไม่มีญาติเหล่านี้ เป็นเจ้าใหญ่นายโต หรือ ฮอเฮียตี๋ (好兄弟) ซึ่งเป็นการเรียกที่แสดงความสนิทชิดเชื้อความเป็นกันเอง และความนับถือพวกเขาเสมือนพี่น้องเครือญาติ ดังนั้น จึงเรียกพิธีเซ่นไหว้ผีไม่มีญาติเหล่านี้ว่า "ไป้โกวเอี๊ย" (拜孤爷) หรือ"ไป้ฮอเฮียตี๋" (拜好兄弟)

การเซ่นไหว้ผีไม่มีญาติจะทำกันหลังเที่ยงวันไปแล้ว มีบ้างที่ไหว้หลังบ่ายสามโมงหรือหลังห้าโมงเย็น ต่างกันตามประเพณีของแต่ละถิ่น ชาวแต้จิ๋วในไทยมักไหว้ผีไม่มีญาติกันหลังเที่ยงวัน

ขนมโซวเกี้ยว หรือเกี๊ยวกรอบ (คล้ายกะหรี่ปับ) ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1
ขนมโซวเกี้ยว หรือเกี๊ยวกรอบ (คล้ายกะหรี่ปับ) ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1

ข้อสำคัญในพิธีเซ่นไหว้ คือไม่จัดโต๊ะไหว้ แค่ปูเสื่อปูผ้าวางอาหาร ผลไม้และของเซ่นไหว้ไว้บริเวณริมทางหน้าประตูบ้านนอกตัวอาคารก็พอ

เวลาไหว้ให้หันหน้าออกนอกอาคาร ไม่หันหน้าเข้าหาอาคาร เพื่อไม่เป็นการเชื้อเชิญผีไม่มีญาติเหล่านี้เข้าบ้าน

กระถางธูปให้ใช้กระป๋องหรือกระบอกไม้ไผ่ ใส่ข้าวสารไว้สัก 7 ส่วนทำเป็น "กระถางลอย" คือไม่ต้องเขียนชื่อใดๆติดไว้ คงตั้งลอยไว้อย่างนั้น ตั้งเทียนจีนไว้สองข้างกระถาง พร้อมกะละมังใบใหม่ใส่น้ำครึ่งหนึ่งและผ้าใหม่หนึ่งผืนไว้ให้ "ผี" ล้างหน้าล้างตา และล้างมือก่อนรับอาหารเครื่องเซ่นไหว้

เครื่องเซ่นไหว้ให้จัดอาหารปรุงจากเนื้อเป็ด เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา และผัก รวม 5 อย่าง ทำเป็นอาหารต่างๆราว 6-10-12 ชาม บ้างก็เพิ่มชุดเนื้อสัตว์ 3 อย่างที่เรียกว่า ซาแซ (三牲) มีห่าน (หรือเป็ดไก่) 1 ตัว เนื้อหมูต้มสุก 1 ชิ้น ปลานึ่งสุก 1 ตัว เหล้า 3-5-7-9-11 จอก น้ำชา 3 จอก ข้าวสวยตามจำนวนจอกเหล้า ขนมโก๋ ขนมเปี้ย ขนมโซวเกี้ยว (คล้ายกะหรี่ปับ) ขนมอิ่วจุ๋ง (คล้ายขนมกรอบเกลียว) เส้นหมี่ ข้าวของเครื่องใช้ชุดใหม่ ของแห้ง เช่น เครื่องกระป๋อง น้ำขวด น้ำอัดลม ข้าวสาร และอื่นๆ ที่ขาดไม่ได้คือ เฮียงหู่ (香腐) หรือเต้าหู้แข็ง นัยว่าเต้าหู้นี้เป็นเสมือนพาสปอร์ตวีซ่าใช้ผ่านประตูผีกลับไปเมืองผีได้

ขนมอิ่วจุ๋ง (คล้ายขนมกรอบเกลียว) ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1
ขนมอิ่วจุ๋ง (คล้ายขนมกรอบเกลียว) ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1

สำหรับผลไม้ เลือกใช้ผลไม้ต่างๆตามฤดูกาล ยกเว้นกล้วย ลูกไหน สาลี่ ฝรั่ง มังคุด น้อยหน่า มะเขือเทศ ที่เป็นผลไม้ต้องห้าม เหตุผลน่าจะมาจากชื่อจีนของผลไม้เหล่านี้ ที่ผู้ไหว้คิดว่าไม่เป็นมงคลหรือไม่อยากให้เกิดผลตามชื่อนั้นๆ จึงงดเสียไม่นำมาไหว้ เรื่องของต้องห้ามเหล่านี้แตกต่างกันไปตามประเพณีแต่ละท้องถิ่น จึงเกิดสสภาพที่ ผลไม้อย่างเดียวกัน จีนถิ่นนี้ห้ามนาเซ่นไหว้ แต่จีนถิ่นโน้น เอามาเซ่นไหว้ได้ คือไม่มีข้อห้ามร่วมกันชัดเจน

สิ่งที่ต้องเตรียมอีกรายการคือ กระดาษไหว้ ที่คนแต้จิ๋วเรียกว่า จั๋วจี๊ /จั๊วงึ่ง (纸钱/纸银) ซึ่งเมื่อไหว้เสร็จจะเผาส่งไปให้ผีไม่มีญาติเหล่านี้นำกลับไปใช้ยังเมืองผี ที่ต้องเตรียมมีเสียงึ้ง (小银) เป็นกระดาษติดเงินเปลวใบเล็ก

โกวอี (孤衣) คือกระดาษไหว้พิมพ์ลายหรือตัดพับเป็นรูปข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในชีวิตประจำวัน เช่น เสื้อผ้า รองเท้า หมวก เป็นต้น

อวงแซจั้ว (往生钱) เป็นกระดาษไหว้ที่พิมพ์บทสวดให้กลับชาติไปเกิดใหม่ สี่มุมพิมพ์คำว่า แดนสุขาวดีตามความเชื่อของพุทธมหายาน

กิมงึ้งไฉ่ป้อ (金银财宝) เป็นกระดาษไหว้ที่พับเป็นเงินก้อนบ้าง ทองแท่งบ้าง

การไหว้เริ่มจากจัดวางตะเกียบให้ครบตามจำนวนจอกเหล้าและชามข้าวสวย จุดเทียนจีน รินน้ำชา รินเหล้า จุดธูปตามจำนวนของเซ่นไหว้บวกเพิ่มอีก 3 ดอก ไหว้แล้วปักธูป 3 ดอกไว้ในกระถางลอย ธูปที่เหลือปักไว้บนของเซ่นไหว้ให้ครบทุกที่ จากนั้นเผากระดาษไหว้โกวอีก่อน เสมือนหนึ่งให้ผีได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนมากินของเซ่น พอธูปหมดไปครึ่งดอก ให้เผากระดาษไหว้ "เสียงึ้ง" และ"กิมงึ้งไฉ่ป้อ" เรียงลำดับจากใหญ่ไปเล็ก เผาเสร็จ เอาเหล้าที่เซ่นไหว้เทใส่เถ้ากระดาษไหว้ บ้างมีการโปรยข้าวสารโปรยเกลือไปตามทางเดิน เพื่อขับไล่ความโชคร้าย แล้วไหว้ลา เสร็จพิธี

ผลไม้และขนม ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1
ผลไม้และขนม ขอบคุณภาพจาก http://blog.sina.com.cn/s/blog_4d9d9ecd0102wvht.html?tj=1

พิธีไหว้บรรพชนก็ทำคล้ายคลึงกัน ต่างกันที่ต้องจัดโต๊ะวางของเซ่นไหว้ มีป้ายชื่อบรรพชน และกระถางไหว้ประจำตระกูล (ไม่ใช่กระถางลอย) จำนวนกับข้าวจะมี 6-8-12 ชาม เวลาไหว้ต้องเริ่มก่อนเที่ยงราว 11 โมงเช้า ในระหว่างไหว้ อาจทอดเวลาออกไปได้ไม่เกินบ่ายโมง ขั้นตอนการไหว้นั้นเหมือนกัน เพียงไม่ต้องปักธูปไว้บนของเซ่นไหว้ กระดาษไหว้ใช้เหมือนกัน แต่ให้เปลี่ยนใช้ตั่วงึ้ง (กระดาษเงินใหญ่) แทนเสียงึ้ง และเพิ่มกิมจั้ว ส่วนธนบัตรกงเต๊กและของมีค่าอื่นๆจะเพิ่มด้วยหรือไม่ก็ได้ พอธูปหมดไปครึ่งดอก ให้จุดธูปไหว้รอบสองและสาม พอธูปรอบสามหมดไปหนึ่งในสามดอก ให้ยกกระดาษไหว้ขึ้นลา การเผาก็ไล่ลำดับเริ่มจากเผาโกวอี กิมจั้ว ตั่วงึ้ง และกิมงึ้งไฉ่ป้อ จากใหญ่ไปหาเล็ก เทเหล้าใส่เถ้ากระดาษไหว้ เก็บของเซ่นไหว้ เสร็จพิธีไหว้บรรพชน

วัฒนธรรมในเรื่องผีของชาวจีนมากด้วยเนื้อหา คงไม่อาจสรุปเอาง่ายๆว่าเป็นเรื่องงมงาย มีเรื่องราวเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมหยั่งรากลึกอยู่ในนั้น สอนในเรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจากทั้งฝ่ายเต๋าและฝ่ายพุทธ รวมทั้งความกตัญญูรู้คุณจากคำสอนของขงจื๊อ ซึ่งมีบทบาทอย่างสำคัญยิ่งในการจรรโลงคุณธรรมของสังคมชุมชนชาวจีน และช่วยสร้างคนดีให้กับครอบครัว สังคมชาวจีน และบ้านเมืองโดยรวม

ดังนั้น เมื่อละเนื้อหาส่วนที่งมงายเสีย ประเพณีสารทจีนจึงเป็นประเพณีที่ดีงามที่สมควรได้รับการสืบทอดต่อๆไปตราบนานเท่านาน
#3326


ศึกฟุต.ลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2021/22 วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2564 เกมที่น่าสนใจ บาร์เซโลน่า ยกพลไปเยือน แอธเลติก บิลเบา ที่สนามซาน มาเมส

บาร์เซโลน่า ของกุนซือโรนัลด์ คูมัน เกมที่แล้วเปิดบ้านเอาชนะ รีล โซเซียดัด 4-2 เกมนี้นำทัพมาโดย 3 แนวรุก อองตวน กรีซมันน์, เมมฟิส เดปาย และมาร์ติน เบรธเวต ส่วน แอธ.บิลเบา เกมที่แล้วเจ๊า เอลเช่ 0-0 เกมนี้นำทัพโดย อินากี วิลเลียมส์, โออิฮาน ซาสเชต์ และอีเคร์ มูเนียอิน

รูปเกมในครึ่งแรกค่อนข้างสูสี โดยเป็นเจ้าถิ่นแอธ.บิลเบา ที่ถึงแม้ชื่อชั้นเป็นรอง แต่เป็นฝ่ายที่ทำเกมบุกได้ดีกว่า มีโอกาสลุ้นประตูได้หวาดเสียวมากกว่าเล็กน้อย แต่ยังทำอะไรกันไม่ได้ หมดเวลา 45 นาทีแรก เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0

ครึ่งหลัง แอธ.บิลเบา ยังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นฝ่ายออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 50 จากจังหวะลูกเตะมุม อีเคร์ มูเนียอิน เปิดมาให้ อินิโก มาร์ติเนซ วิ่งมาโหม่งเต็มๆหัวเข้าไปตุงตาข่าย

นาทีที่ 75 บาร์เซโลน่า ที่โหมบุกอยู่นาน ก็มาตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่เซร์กี โรแบร์โต จ่ายให้ เมมฟิส เดปาย หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนซัดเต็มข้อแสกหน้านายทวารเจ้าถิ่นเข้าไป เป็นประตูแรกในเกมอย่างเป็นทางการของเจ้าตัวในสีเสื้อ "อาซูลกราน่า"

น.90+2 บาร์เซโลน่า ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อเอริค การ์เซีย ตั้งใจเสียบ อินากี วิลเลียมส์ ที่กำลังจะหลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่รอช้าควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที

จบเกมการแข่งขัน 90 นาที บาร์เซโลน่า บุกไปเสมอกับ แอธเลติก บิลเบา 1-1 แบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม โดย "บาร์ซ่า" ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราว มี 4 คะแนน จาก 2 นัด ส่วน "บิลเบา" มี 2 แต้มจาก 2 นัด

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
แอธ.บิลเบา : ฆูเลน อากีร์เรซาบาลา (GK), อินิโก เลเก้, ดานี วิเวียน, อินิโก มาร์ติเนซ, มิเกล บาเลนเซียกา, อเล็กซ์ เบเรนเกอร์, ดานี การ์เซีย, อูไน เบนเซเดอร์, อีเคร์ มูเนียอิน, อินากี วิลเลียมส์, โออิฮาน ซาสเชต์

บาร์เซโลน่า: เนโต (GK), แซร์จินโญ เดสต์, เอริค การ์เซีย, เกราร์ด ปิเก, ยอร์ดี อัลบา, เซร์คิโอ บุสเกตส์, เฟรงกี เดอ ยอง, เปดรี, อองตวน กรีซมันน์, เมมฟิส เดปาย, มาร์ติน เบรธเวต
#3327


ศึกฟุต.กัลโช เซเรีย อา อิตาลี วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2564 เป็นการลงสนามนัดแรกของฤดูกาล 2021/22 "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ทีมแชมป์เก่า เปิดสตาดิโอ จูเซปเป เมียซซ่า รับการมาเยือนของ เจนัว

เกมนี้ ซิโมเน อินซากี กุนซือใหญ่อินเตอร์ มิลาน จัดทัพชุดใหญ่ลงสนาม นำโดย เอดิน เชโก กองหน้าป้ายแดง, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, อีวาน เปริซิช, สเตฟาโน เซนซี ขณะที่ เจนัว นำทัพโดย โกรัน ปานเดฟ, ยายาห์ คาลลอน และเอร์นานี

"งูใหญ่" เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม ได้ 2 ประตู จาก มิลาน สคริเนียร์ น.6 และฮาคาน ชัลฮาโนกลู น.14 ขึ้นนำทีมเยือนไป 2-0 อย่างรวดเร็ว และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง อินเตอร์ มิลาน ยังดาหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 74 ก็มาได้ประตูขยับนำ 3-0 จากจังหวะที่ เอดิน เชโก ยิงหน้ากรอบเขตโทษไปติดเซฟของนายทวารทีมเยือน .เด้งมาเข้าทาง นิโคโล บาเรลลา ไขว้มาให้ อาร์ตูโร่ วิดัล ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ซัดเข้าไป

น.87 พลพรรค "งูใหญ่" มาได้ประตูหนีห่างไปอีกเป็น 4-0 จากจังหวะที่ อาร์ตูโร วิดัล เปิด.มาให้ เอดิน เชโก หัวหอกตัวใหม่ของทีม โขกแสกหน้านายทวารทีมเยือนเข้าไป ถือเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในสีเสื้ออินเตอร์ มิลาน อีกด้วย 

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที แชมป์เก่า อินเตอร์ มิลาน เปิดบ้านไล่ต้อน เจนัว ไปแบบไม่ยากเย็น 4-0 ประเดิมสามคะแนนซีซั่นใหม่ได้สำเร็จ

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
อินเตอร์ มิลาน : ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช (GK), มัตเตโอ ดาเมียน, มิลาน สคริเนียร์, สเตฟาน เดอ ฟรายจ์, อเลสซานโดร บาสโตนี, อีวาน เปริซิช, นิโคโล บาเรลลา, มาร์เซโล โบรโซวิช, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, สเตฟาโน เซนซี, เอดิน เชโก

เจนัว : ซัลวาตอเร ซิริกู (GK), ดาวิเด บิราสชี, ซินโญ่ วานฮุสเดน, โดเมนิโก คริสซิโต, อันเดรีย คัมเบียโซ, มิลาน บาเดลจ์, นิโคโล โรเวลลา, สเตฟาโน สตูราโร่, เอร์นานี, โกรัน ปานเดฟ, ยายาห์ คาลลอน
#3328


นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU  เปิดเผยว่า บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM  ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่ม TU คาดว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 2564 โดยมี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ "ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์"   จะเสนอขาย IPO จำนวน 109.3 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 90.0 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย TU จำนวน 19.3 ล้านหุ้น รวมทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 21.9% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ โดยจะนำเงินระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซียและปากีสถาน ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต

สำหรับเป้าหมายนำ "ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์" เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดการเติบโต 3-5  ปีข้างหน้าอย่างโดดเด่นและตลาดจะเริ่มพลิกฟื้นจากสถานการณ์โควิด  โดยจะเน้นการขยายในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก ประกอบกับการมองหาการลงทุนรูปแบบ M&A ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอาหารสัตว์ ที่สร้างโอกาสการเติบโตในอนาคต 

โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซียและปากีสถาน ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต 

สำหรับผลการดำเนินธุรกิจในปีนี้ นายฤทธิรงค์ มั่นใจว่า "ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์"ยังมีกำไรเติบโตได้สองหลัก แม้ในปีนี้มีแรงกดดันจากปัจจัยโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการบริโภคอาหารสัตว์ ทำให้ยอดขายอาหารสัตว์น้ำยังมีการชะลอตัวอยู่ ซึ่งกลุ่มอาหารสัตว์น้ำเป็นกลุ่มสินค้าที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุดของ TFM ที่ 90% ประกอบกับ ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งกระทบต้นทุนการผลิตของอาหารสัตว์ แต่บริษัทยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารสัตว์บางรายการ เพื่อช่วยลดผลกระทบของลูกค้า


โดยปัจจัยดังกล่าวกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรในปี 2564 บ้าง แต่ภาพรวมของผลการดำเนินงานในปีนี้ ถือเป็นจุดต่ำที่สุดก่อนจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวในช่วงปี 2565 เป็นต้นไป  ดังนั้นการเข้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงนี้ยังเป็นโอกาส รับการเติบโตอย่างมีศักยภาพใน 3 ปีข้างหน้า หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายลง และทำให้การบริโภคสัตว์น้ำกลับมาฟื้นตัว และราคาสัตว์น้ำจะเริ่มกลับมาดีขึ้น โดยคาดว่าจะเห็นยอดขายฟื้นตัวขึ้นสูงกว่าจากปี 2564 ที่มียอดขายทรงตัวที่ 4-5 พันล้านบาท

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมสัตว์น้ำของประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมประมงที่สำคัญของโลก จากปริมาณผลผลิตสัตว์น้ำที่มีเพียงพอสำหรับส่งออกไปยังตลาดสำคัญทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป เป็นต้น โดยผลผลิตสัตว์น้ำที่มีการส่งออกสูง ได้แก่ กุ้งสดแช่เย็น กุ้งสดแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์กุ้ง ส่งผลให้ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตกุ้งเป็นอันดับ 6 ของโลกในปี 2563

ขณะที่แหล่งที่มาของผลผลิตสัตว์น้ำในประเทศมาจาก 2 แหล่งที่สำคัญ คือ การจับสัตว์น้ำจากแหล่งธรรมชาติ และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีการนำเข้าสัตว์น้ำบางประเภทเพื่อนำมาแปรรูปและส่งออก โดยข้อมูลประมาณการของกลุ่มวิจัยและวิเคราะห์สถิติการประมงฯ ประเมินผลผลิตสัตว์น้ำของประเทศไทยในปี 63 ทั้งสิ้นกว่า 3,498,137 ตัน แบ่งเป็นผลผลิตที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ 2,553,101 ตัน และมาจากการเพาะเลี้ยงประมาณ 945,036 ตัน

สำหรับอุตสาหกรรมสัตว์น้ำมักจะประกอบไปด้วยหลากหลายภาคธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน เริ่มตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ ได้แก่ ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์น้ำ สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบให้กับธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ธุรกิจกลางน้ำ ได้แก่ ธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและธุรกิจประมง ซึ่งเป็นผู้จัดหาผลผลิตสัตว์น้ำนำส่งให้แก่ธุรกิจแปรรูปอาหารทะเล และธุรกิจปลายน้ำ เพื่อแปรรูปและเพิ่มมูลค่าอาหารทะเลสดให้อยู่ในรูปแบบที่พร้อมจำหน่ายและส่งออกไปยังตลาดหลักต่างๆ ของโลก

"ทุกธุรกิจที่กล่าวมานั้นล้วนเกี่ยวโยงกันในรูปแบบของ ซัพพายเชน ซึ่งกลุ่ม TU ให้ความสำคัญมากที่สุด เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับ ฟู้ดซับพายเชน  แก่อุตสาหกรรมอาหารในภูมิภาคเอเชีย"

นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่สำคัญ 3 แนวทางเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ประกอบด้วย การรักษาและพัฒนาความเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศ ผ่านความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรายเดิมและลูกรายใหม่ โดยเข้าไปศึกษาข้อมูลช่วยแก้ไขปัญหา หรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างเหมาะสม การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ผ่านการลงทุนและจัดหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นผู้นำธุรกิจอาหารสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน และขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต เริ่มจากประเทศอินเดีย ไปยังปากีสถาน และอินโดนีเซีย เพื่อเป็นตัวแทนของประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารสัตว์เศรษฐกิจเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคเอเชีย

บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจและผู้นำในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ โดยมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมานานกว่า 20 ปี สั่งสมองค์ความรู้รวมถึงมีการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการผลิตสินค้า ปัจจุบันมีการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ได้แก่ โปรฟีด (PROFEED) นานามิ (NANAMI) อีโก้ฟีด (EGOFEED) แอคควาฟีด (AQUAFEED) และดี-โกรว์ (D-GROW) เป็นต้น แบ่งเป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่

– อาหารกุ้ง มีส่วนแบ่งการตลาด 17% ของปริมาณอาหารกุ้งในไทยปี 63 และมีสัดส่วนรายได้จากการขายอาหารกุ้งในไตรมาส 1/64 ที่ 43.3%

– อาหารปลา (รวมอาหารกบและอาหารปู) แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ อาหารปลาทะเล เช่น อาหารปลากะพง ปลาเก๋า, อาหารปลาน้ำจืด เช่น อาหารปลานิล ปลาดุก, อาหารสัตว์น้ำวัยอ่อน สำหรับการอนุบาลลูกปลา และอาหารกบ โดย TFM เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำในกลุ่มตลาดอาหารปลากระพง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีราคาและอัตรากำไรค่อนข้างสูงกว่าอาหารปลาประเภทอื่นๆ ส่วนแบ่งการตลาดอาหารปลากะพง 24% ของปริมาณอาหารปลากระพงไทย ในปี 63 และมีสัดส่วนรายได้จากการขายอาหารปลา ณ ไตรมาส 1/64 ที่ 41.4%

– อาหารสัตว์บก แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ อาหารสุกร และอาหารสัตว์ปีก ได้แก่ อาหารไก่ อาหารเป็ด และอาหารนกกระทา โดยบริษัทเริ่มขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจอาหารสัตว์บกปลายปี 61 และปริมาณการขายอาหารสัตว์บกมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นที่น่าพอใจ โดยมีสัดส่วนรายได้ ณ ไตรมาส 1/64 ที่ 10.5%

บริษัทมีกำลังการผลิตอาหารสัตว์รวมทั้งหมด 288,000 ตัน/ปี แบ่งเป็นกำลังการผลิตอาหารกุ้ง 168,000 ตัน/ปี กำลังการผลิตอาหารปลา 90,000 ตัน/ปี และกำลังการผลิตอาหารสัตว์บก 30,000 ตัน/ปี ภายใต้ระบบการผลิตที่ทันสมัยทั้งแบบอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติที่ควบคุมและสั่งงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ สามารถแสดงคุณสมบัติและคุณภาพของสินค้าแต่ละขั้นตอนการผลิตที่สำคัญทั้งหมดในโรงงานจังหวัดสมุทรสาครและสงขลา จึงทำให้สามารถติดตามข้อมูลในระหว่างกระบวนการผลิตได้ทันที

"เรามีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ รวมถึงมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงมีศักยภาพเติบโตจากตลาดในประเทศ ผ่านการขยายธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ อาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ และตลาดต่างประเทศผ่านแนวทางต่างๆ เช่น การเข้าทำสัญญาความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น การเข้าจัดตั้งฐานการผลิตในต่างประเทศกับพันธมิตรท้องถิ่น ซึ่งเน้นขยายโอกาสไปสู่ประเทศที่มีการเติบโตสูง ทั้งอินเดียและอินโดนีเซีย เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต"
#3329


บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เดินหน้าส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานสัตว์น้ำบนพื้นฐานของความยั่งยืน โดยจับมือเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและทั่วโลกสนับสนุนแนวปฏิบัติที่ดีในการทำประมงที่ถูกกฎหมาย ได้มาตรฐานสากล ปลอดการใช้แรงงานบังคับ และช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ต่อยอดการจัดหาปลาป่นที่ตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาได้ 100% มีส่วนร่วมสร้างหลักประกันอาหารมั่นคงให้แก่ผู้บริโภคในทุกช่วงเวลา

นายไพโรจน์ อภิรักษ์นุสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในฐานะที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร มีบทบาทการสร้างความมั่นคงทางอาหาร จึงให้ความสำคัญต่อการใช้ผลผลิตทางธรรมชาติที่มีอยู่จำกัดอย่างเหมาะสมและใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในห่วงโซ่การผลิตกุ้งของซีพีเอฟในประเทศไทย ได้ดำเนินนโยบายใช้ปลาป่นที่มาจากผลพลอยได้จากโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ (by product) 100% สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งที่มาที่มีการจัดการอย่างยั่งยืน และได้รับรองมาตรฐาน MarinTrust ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สอดคล้องกับ Code of Conduct for responsible Fisheries ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)



ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเลตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อร่วมส่งเสริมการทำประมงที่ถูกต้อง ป้องกันประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing) และมีส่วนร่วมปกป้องระบบนิเวศ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยเป็นผู้นำร่องในการใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับของ Global Dialogue on Seafood Traceability (GDST) ตลอดห่วงโซ่อุปทานกุ้ง ตั้งแต่เรือประมง จนถึงโรงงานแปรรูปกุ้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคต่อการผลิตกุ้งที่ใส่ใจสังคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

"แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของเรือประมง บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของแนวปฏิบัติที่ดีของการประมงที่มีต่อระบบนิเวศและทรัพยากรทางทะเล ซึ่งเป็นต้นทางของห่วงโซ่อุปทานกุ้งที่ยั่งยืน จึงได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งในระดับประเทศ และระดับสากล โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนามาตรฐานการประมงตามหลักสากล ครอบคลุมด้านสิทธิมนุษยชน และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล เพื่อสร้างห่วงโซ่การผลิตกุ้งและอาหารทะเลของไทยที่ยั่งยืน และนำไปสู่ "ความมั่นคงทางอาหาร" สามารถรองรับความต้องการบริโภคอาหารที่ใส่ใจที่มาและกระบวนการผลิตและที่มาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" นายไพโรจน์กล่าว



อนึ่ง การส่งเสริมการประมงที่รับผิดชอบต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยซีพีเอฟได้ทำงานกับพันธมิตร และคณะทำงานทั้งในและต่างประเทศ สำหรับในประเทศไทย ซีพีเอฟ ร่วมกับ คณะพัฒนาระบบการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงไทย (Thai Sustainable Fisheries Roundtable : TSFR) ดำเนินโครงการปรับปรุงและพัฒนาการประมง (Fishery Improvement Project : FIP) สำหรับการประมงอวนลากในฝั่งอ่าวไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานการประมงตามมาตรฐาน MarinTrust (ชื่อเดิม IFFO RS) และได้จัดทำแผนการปรับปรุงและพัฒนาการประมง (Fishery Action Plan: FAP) ซึ่งได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการของ MarinTrust เข้าสู่ขั้นตอนการรับรองมาตรฐาน Improver Program (IP) ซึ่งเป็นมาตรฐานการจัดหาวัตถุดิบทางทะเลที่ร่วมรักษาความหลากหลายทางชีวภาพเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

อีกทั้งร่วมก่อตั้งและเป็นคณะทำงานร่วมในระดับอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเล (Seafood Task Force) เพื่อป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย แก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน และการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมประมงไทย โดยสนับสนุนการใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำที่ลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล การมีระบบติดตามเรือประมง (Vessel Monitoring System : VMS)



นายไพโรจน์กล่าวเสริมว่า ซีพีเอฟยังร่วมจัดตั้งศูนย์สวัสดิภาพและธรรมาภิบาลแรงงานประมง จังหวัดสงขลา ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อบูรณาการการขจัดปัญหาแรงงานบังคับ การใช้แรงงานผิดกฎหมายในอุตสาหกรรมประมงของไทย ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานประมงและครอบครัว

สำหรับความร่วมมือในระดับโลก บริษัทฯ เป็นสมาชิกในกลุ่มความร่วมมือ Seafood Business for Ocean Stewardship หรือ SeaBOS ตั้งแต่ปี 2560 เป็นความร่วมมือระดับนานาชาติในการพิทักษ์มหาสมุทรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเล สู่เป้าหมายการผลิตอาหารทะเลคุณภาพสูงอย่างเพียงพอ และรักษาจำนวนและความหลากหลายของสัตว์น้ำ โดยในปีนี้กลุ่ม SeaBOS ได้ผลักดันบริษัทสมาชิกไม่ทำประมงที่ผิดกฎหมาย หรือทำลายสัตว์ทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ และขจัดการใช้แรงงานผิดกฎหมาย พร้อมกำหนดให้บริษัทสมาชิกทั่วโลกผลิตสินค้ามาจากการทำประมงที่ปลอด IUU และปลอดการใช้แรงงานทาส ภายในเดือนตุลาคม ปีนี้



นายไพโรจน์กล่าวว่า จากความมุ่งมั่นและความพยายามของซีพีเอฟในการสนับสนุนการประมงยั่งยืน ส่งผลให้ซีพีเอฟได้รับคะแนนสูงสุดในหมวดสิทธิมนุษยชน และการบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน และมีผลคะแนนรวมด้านความยั่งยืนเป็นอันดับ 3 จาก 30 บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลก จากดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) ในครั้งที่ผ่านมา
#3330


นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อรองรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค พฤกษาฯมุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ของลูกค้าให้สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ด้วยการเพิ่มช่องทางการตลาด การบริการ และการขายผ่านออนไลน์ให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม โดยที่ผ่านมามีการผลักดันการขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ในหลากหลายช่องทาง พร้อมสร้างความเข้มแข็งด้วยการใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline) และได้เพิ่มบริการต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้า

ล่าสุดได้เพิ่มช่องทางใหม่เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า สามารถเลือกซื้อบ้านและคอนโดในช่วงล็อกดาวน์นี้ได้ ผ่านการคลิกจองบ้านออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ โดยได้คัดเลือกบ้านและคอนโดยูนิตพิเศษใน แคมเปญ "ลดปลดล็อค ช็อคราคา" ซึ่งแคมเปญนี้จะเป็น Hot Deal ที่รวบรวมทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดพร้อมอยู่ ที่คัดเลือกจากที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ มาจัดโปรโมชั่นพิเศษ มอบราคาและส่วนลด ของแถมต่าง ๆ มูลค่าสูงสุดกว่า 2 ล้านบาท พร้อมส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมจากปกติสูงสุดอีก 1 แสนบาท เฉพาะผู้จองบ้านและคอนโดผ่านเว็บไซต์ www.pruksa.com ที่จัดขึ้นเพียง 7 วันระหว่าง20-26 ส.ค.

ด้าน บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ LPN เผยว่า ได้จัดแคมเปญพิเศษสำหรับผู้จองซื้อ "บ้าน 365 พระราม 3" ด้วยแคมเปญ "LAST PRICE LAST CHANCE" "โอกาสสุดท้าย ราคาสุดท้าย" โอกาสทองที่จะได้สัมผัสและเป็นเจ้าของโครงการบ้านหรูพร้อมอยู่ใจกลางเมือง ในราคาพิเศษที่สุดแห่งปี เริ่มตั้งแต่วันนี้-15ก.ย.นี้ โดยบ้านเดี่ยวจะมีรูปแบบ 3 ชั้น แบ่งเป็น 3 สไตล์ ได้แก่ The Garden Villa พื้นที่ใช้สอย 340 ตารางเมตร (ตร.ม.) The Pool Villa พื้นที่ใช้สอย 490 ตร.ม.และ The Pavilion Villa พื้นที่ใช้สอย 520 ตร.ม.ขึ้นไป เป็นแปลงที่ดินพิเศษ ส่วนทาวน์โฮมนั้น มีพื้นที่ใช้สอย 310-320 ตร.ม.สูง 4 ชั้นครึ่ง ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องอเนกประสงค์ ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหารและครัวไทย



นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวล ลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่ยังมีกำลังซื้อบางส่วนที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
ทำให้บริษัทฯ มองเห็นสัญญาณบวกจากดีมานด์ดังกล่าว โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเรียลดีมานด์จึงได้จรัดแคมเปญพิเศษ "Ananda Breaking News" ด่วน!!ราคาดี ดีลพิเศษ ลดให้สุด ภายใต้แบรนด์คุณภาพทั้งคอนโด บ้านเดี่ยว และ ทาวน์เฮ้าส์รวม33 โครงการ เช่น แอชตัน / ไอดีโอ คิว / ไอดีโอ โมบิ / ไอดีโอ/ เอลลิโอ / ยูนิโอ / อาร์เทล / แอริ / เอโทล / เออร์บานิโอ และ ยูนิโอทาวน์ ราคาเริ่มต้น1.59 - 24.9 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสุด "อยู่ฟรี2 ปี* กู้เกิน100%* แต่งครบ* พร้อมอยู่" ซึ่งช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสและช่วงเวลาที่ดีของผู้ซื้อที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่อย่างแท้จริงทั้งด้านความคุ้มค่าและคุ้มราคาพร้อมเพิ่มความมั่นใจคุณภาพมากขึ้น ด้วยการขยายเวลารับประกันเพิ่ม12 เดือนสำหรับคอนโด และ6 เดือนสำหรับโครงการบ้าน และทาวน์เฮ้าส์

ด้าน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รายงานว่าเปิดให้ลูกค้าขาย โครงการโนเบิล แอมเบียนส์ สุขุมวิท42 คอนโดLow Rise พร้อมอยู่ สูง8 ชั้น259 ยูนิตขนาดห้องเริ่มต้น 27.24 – 61.19 ตารางเมตร สำหรับทั้ง1 และ2 ห้องนอน และฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นสัดส่วน ซึ่งมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกยูนิตครบทุกครันบนทำเลโครงการ สุขุมวิท42 ใกล้รถไฟฟ้าBTS สถานีเอกมัยเพียง350 เมตร เชื่อมต่อการเดินทางได้ทั้งถนนสุขุมวิทและพระราม4 โดยรอบรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์แหล่งธุรกิจ โรงเรียน และโรงพยาบาลชั้นนำ
#3331


กลายเป็นผลงานต้นฉบับรีเมคระดับขึ้นหิ้งไปแล้ว สำหรับ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" หรือ "Demi-Gods And Semi-Devils" หนึ่งในผลงานนวนิยายแนวกำลังภายในชื่อดังของ 'กิมย้ง' โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา วงการผลิตผลงานการแสดงภาษาจีนโดยเฉพาะในฝั่งของทีวีซีรีส์ได้มีการหยิบยกนิยายกำลังภายในชื่อดังเรื่องนี้ขึ้นมาผลิตซ้ำอยู่หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งล่าสุดเวอร์ชั่นใหม่แกะกล่องจากทางฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ก็เพิ่งจะถูกส่งลงจอออกอากาศกันไปหมาด ๆ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา...



"แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" หรือที่ในชื่อภาษาจีนเรียกว่า "เทียนหลงปาปู้" (天龙八部) เป็นผลงานนวนิยายแนวกำลังภายในสุดคลาสสิคชื่อดังอีกเรื่องหนึ่งของ 'กิมย้ง' (金庸) บอกเล่าถึงเรื่องราวก่อนยุคของ "มังกรหยก ภาคแรก" ในช่วงสมัยที่แคว้นต้าซ่งและแคว้นเหลียวเปิดฉากทำสงครามสู้รบที่มีความแค้นฝังลึกกันมายาวนาน โดยในยุคนี้เองยอดจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจนาม "เฉียวฟง" ถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีใส่ร้ายว่าเป็นคนสังหารรองประมุขพรรคกระยาจก พร้อมทั้งยังขุดคุ้ยเรื่องชาติกำเนิดเดิมขึ้นมาเปิดโปง ทำให้ตำแหน่งของการเป็นหัวหน้าพรรคจำต้องหลุดมือไป

ด้วยความที่อยากจะล้างมลทินให้กับตัวเอง เฉียวฟงจึงตัดสินใจออกเดินทางท่องยุทธภพเพื่อตามหาความเป็นมาเรื่องชาติกำเนิดที่แท้จริง จนกระทั่งโชคชะตาได้พาให้เขามาพบกับ "ต้วนอี้ว์" องค์ชายแห่งต้าหลี่ผู้มีใจรักมั่นต่อสาวงามนาม "หวังอวี่เยียน" และ "ซีจุ๊" หลวงจีนหนุ่มที่ต่อมากลายเป็นเจ้าสำนักสราญรมย์ โดยจากการพบพานกันในครั้งนี้เองได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสามต่างต้องร่วมมือกันฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย จนก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่สุดท้ายได้ตัดสินใจร่วมสาบานผูกสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องร่วมสายเลือด



สำหรับ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นล่าสุดที่ถูกรีเมคซ้ำออกมาในรูปแบบของทีวีซีรีส์นั้นยังคงมีการใช้ชื่อเรื่องในภาษาจีนว่า"เทียนหลงปาปู้" ตามสไตล์สุดคลาสสิคเหมือนเช่นเคย โดยเดิมทีเวอร์ชั่นนี้ได้เริ่มเปิดตัวถ่ายทำกันไปตั้งแต่ต้นปี 2019 จนในที่สุดก็เพิ่งได้ฤกษ์ออกอากาศกันไปหมาด ๆ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ของปีนี้ผ่านทางช่อง CCTV และแพล์ตฟอร์มออนไลน์ของ Tencent Video (ปัจจุบันยังไม่มีแพล์ตฟอร์มไหนนำซับไทยหรือพากย์ไทยมาลงให้ได้ดูกันแบบถูกลิขสิทธิ์)



โดยในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้นักแสดงนำหลักเจ้าของบทบาทสุดสำคัญของเรื่องนั้นได้ 'หยางโย่วหนิง'(杨祐宁) ดาราหนุ่มใหญ่วัยใกล้ 40 จากไต้หวันมารับบทเป็น "จอมยุทธ์เฉียนฟง" ร่วมกับสองนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องจากจีนแผ่นดินใหญ่อย่าง 'ไป๋ซู่' (白澍) และ 'จางเทียนหยาง' (张天阳) ที่มารับบทเป็น "องค์ชายต้วนอี้ว์" และ "หลวงจีนซีจุ๊" ให้ตามลำดับ



หากใครเป็นคอซีรีส์แนวกำลังภายในแบบดั้งเดิมหรือเป็นแฟนตัวยงของผลงานชุด "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ล่ะก็ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่กำลังออกอากาศอยู่นับเป็นตัวเลือกที่น่าติดตามมากเลยทีเดียว เพราะนอกจากนักแสดงจะการันตีความงานดีชวนให้ดูเพลินด้วยแล้ว ในส่วนของเนื้อเรื่องรวมถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ทางด้านโปรดิวเซอร์ เขาก็ถึงกับออกปากการันตีเองเลยว่าสำหรับเวอร์ชั่นนี้จะเน้นไปที่การเรียกคืนความคลาสสิคของซีรีส์กำลังภายใน โดยใช้ศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ต้องเติมแต่งเทคนิคพิเศษซับซ้อนอะไรมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็จะมาพร้อมกับเอฟเฟกต์ภาพที่ดูทันสมัยให้มีความเข้ากับยุคมากขึ้น เรียกได้ว่างานนี้ทำมาเพื่อเอาใจคอซีรีส์จีนสายกำลังภายในแบบดั้งเดิมกันโดยเฉพาะเลยล่ะจ้า





เนื่องด้วยความที่ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของ 'กิมย้ง' นักเขียนนวนิยายกำลังภายในชื่อดังของจีน ทำให้ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ผลงานสุดคลาสสิคชิ้นนี้จึงไม่วายถูกค่ายผลิตสื่อภาพยนตร์และละครโทรทัศน์จากทั้งฝั่งฮ่องกง ไต้หวัน และจีนแผ่นดินใหญ่ต่างหยิบยกขึ้นมาทำเป็นทีวีซีรีส์กันอยู่บ่อยครั้ง โดยก่อนหน้าที่จะมาถึงเวอร์ชั่นล่าสุดที่กำลังออกอากาศฉายอยู่ตอนนี้ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ฉบับทีวีซีรีส์ได้มีการทำออกมาแล้วถึง 5 เวอร์ชั่นด้วยกัน ซึ่งวันนี้ทางโต๊ะฯจีนของเราก็ไม่พลาดตามไปเก็บรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นของแต่ละเวอร์ชั่นมาฝากคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยเช่นกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ตามโต๊ะฯจีนไปดูกันได้เลยจ้า...



สำหรับ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ฉบับซีรีส์เวอร์ชั่นแรกสุดเลยนั้น เป็นผลงานการสร้างของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) จากเกาะฮ่องกงซึ่งมีความยาวทั้งหมด 50 ตอน เริ่มออกอากาศฉายในปีค.ศ. 1982 นำแสดงโดย 'เหลียงเจียเหริน' (梁家仁) ร่วมกับสองนักแสดงดาวรุ่งในกลุ่ม 5 พยัคฆ์แห่งทีวีบีอย่าง 'ทังเจิ้นเย่' (汤镇业) และ 'เฟลิกซ์ หว่อง' (黄日华)



ต่อมาด้วยความที่ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 1982 ของเกาะฮ่องกงเปิดฉากได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในบรรดาประเทศข้างเคียง ทำให้ในปี 1990 ทางฝั่งสถานีโทรทัศน์ซีทีวี (CTV) ของไต้หวันก็ได้นำผลงาน "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" มารีเมคในรูปแบบของทีวีซีรีส์อีกครั้ง โดยในเวอร์ชั่นนี้ถือเป็น "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ฉบับซีรีส์ที่สั้นและมีการปรับเปลี่ยนโครงเรื่องเดิมมากที่สุด เนื่องจากมีความยาวรวมแล้วแค่เพียง 20 ตอน แถมยังมีการรวมตัวละครหลักอย่าง "ต้วนอี้ว์" และ "ซีจุ๊" เข้ามาเป็นคนเดียวกันอีกด้วย

"แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ในเวอร์ชั่นของไต้หวัน (ปี 1990) นำแสดงโดย 'ฮุ่ยเทียนซื่อ' (惠天赐) นักแสดงหนุ่มพี่ชายของดาราสาวฮ่องกงชื่อดังอย่าง 'ฮุ่ยอิงหง' (惠英红) ร่วมกับ 'กวนหลี่เจี๋ย' (关礼杰) หนึ่งในนักแสดงชาวฮ่องกงสุดฮอตในยุคปลายปี 80



ในปี 1997 "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ได้ถูกทางฝั่งสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) ของฮ่องกงนำวนกลับมารีเมคซ้ำอีกรอบหนึ่ง ซึ่งในส่วนของนักแสดงนำหลักนั้นได้ 'เฟลิกซ์ หว่อง' นักแสดงหนุ่มชื่อดังของเกาะฮ่องกงคนเดียวกับที่เคยแสดงเป็น "ซีจุ๊" ในเวอร์ชั่นปี 1982 ขยับมาแสดงบทของ "เฉียวฟง" ให้

โดยนอกจากตัวของ 'เฟลิกซ์ หว่อง' แล้ว ในเวอร์ชั่นนี้ยังได้รวบรวมนักแสดงชื่อดังของเกาะฮ่องกงคนอื่น ๆ เอาไว้อีกมากมายหลายคน อาทิเช่น 'เฉินฮ่าวหมิน' (陈浩民) 'ฝานเส้าหวง' (樊少皇) และ 'หลี่รั่วถง' (李若彤)

หลังจากที่ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 1997 นี้ ได้ลงจอออกอากาศฉายไปเรตติ้งก็พุ่งกระฉูดติดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกัน แถมในภายหลังยังได้รับคะแนนประเมินบนโต้วป้าน (豆瓣) ไปสูงถึง 9 คะแนน นับเป็นผลงาน "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ฉบับซีรีส์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเวอร์ชั่นที่คลาสสิคที่สุดในใจของผู้ชมอีกด้วย

ปล. ปัจจุบันสามารถหา "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 1997 ในฉบับพากย์ไทยรับชมกันได้ง่าย ๆ แล้วทางช่อง YOUTUBE ของ "TVB Thailand"





ถัดมาอีก 6 ปี (เข้าสู่ยุคปี 2000) เมื่อวงการทีวีซีรีส์ของทางฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เริ่มมีการบุกสร้างผลงานซีรีส์ต่าง ๆ ออกมามากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 2003 ซึ่งนำแสดงโดยนักแสดงจีนชื่อดังที่คอซีรีส์หลายคนอาจคุ้นหน้าคราตากันเป็นอย่างดี อาทิเช่น 'หูจวิน'(胡军) 'หลินจื่ออิ่ง' (林志颖) 'หลิวอี้เฟย' (刘亦菲) และ 'หลิวเทา' (刘涛)

สำหรับ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 2003 เป็นผลงานทีวีซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่ทุ่มเงินลงทุนไปเป็นหลักหลายร้อยล้านหยวนเพื่อจัดสร้างฉากจำลองที่จะใช้ถ่ายทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด อีกทั้งยังได้มีการจัดเตรียมให้กลุ่มนักแสดงต้องฝึกศิลปะการต่อสู้กันเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือนเพื่อสมความจริง โดยสุดท้ายผลลัพธ์ของความทุ่มทุนทั้งหมดก็ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ เมื่อผลงานชิ้นนี้คว้ารางวัลอินทรีทอง สาขาละครโทรทัศน์เรื่องยาวยอดเยี่ยม ในงาน China TV Golden Eagle Award ครั้งที่ 22 ไปครอง นอกจากนั้นยังได้ขึ้นแท่นกลายเป็น "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" อีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมและถูกจดจำไปทั่วทั้งในจีนและต่างประเทศมาจวบจนถึงทุกวันนี้





เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไปนานร่วม 10 ปี หลังจากที่ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 2003 ได้ออกอากาศครั้งแรกและกลายเป็นทีวีซีรีส์ฉบับรีเมคที่สร้างชื่อเสียงให้กับวงการทางฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ในปี 2013 "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งเป็นผลงานการร่วมทุนกันของ "Zhejiang Huace Film & TV" และ "Chang-Hong Channel Film & Video" ก็ได้ทำการลงจอครั้งแรกทางช่องหูหนาน โดยในส่วนบทของตัวละครหลักนั้นได้ 'จงฮั่นเหลียง' (钟汉良) 'หานต้ง' (韩栋) รวมไปถึงไอดอลชื่อดังอดีตสมาชิกวง Super Junior ของเกาหลีใต้อย่าง 'คิมคิบอม' มาร่วมแสดงนำให้ด้วย

ปล. ในปี 2014 "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เวอร์ชั่นปี 2013 เคยถูกทางช่องเวิร์คพอยท์ซื้อลิขสิทธิ์มาออกอากาศในพากย์ไทย ซึ่งปัจจุบันสามารถหารับชมย้อนหลังได้ทางช่องทางออนไลน์



แน่นอนว่าเมื่อผลงานต้นฉบับรีเมคสุดคลาสสิคได้ถูกนำกลับมาทำซ้ำอีกครั้ง ก็คงชวนให้เหล่าแฟน ๆ ของ "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" นึกถึงผลงานฉบับเก่า ๆ ที่บางเวอร์ชั่นถูกยกขึ้นหิ้งให้กลายเป็น "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" ในใจของใครหลายคนไปตาม ๆ กัน โดยในวันนี้ก่อนที่จะจากกันไปโต๊ะฯจีนก็ได้ทำการรวบรวมภาพนักแสดงผู้รับหน้าที่ถ่ายทอด 7 บทบาทหลักใน "แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" แต่ละเวอร์ชั่นมาฝากให้ได้ชมกันเพลิน ๆ เป็นการปิดทิ้งท้ายด้วยจ้า...

1. เฉียวฟง (乔峰)



2. ต้วนอี้ว์ (段誉)



3. ซีจุ๊ (虚竹)



4. หวังอวี่เยียน(王语嫣)



5. อาจู (阿朱)



6. อาจื่อ (阿紫)



7. มู่หรงฟู่ (慕容复)
#3332


โครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ของ ไร่รวมใจ เกิดจากความต้องการที่จะทำประโยชน์คืนกลับสู่สังคมผ่านจุดแข็งของแบรนด์ 'ใส่ใจ' นั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ไม่ใส่สารเคมี ปราศจากสารปรุงแต่ง 100% เพื่อสุขภาพที่ดี

เดิมที ไร่รวมใจ มีโครงการช่วยเหลือสังคมทุกปี อย่างเช่นในปีพ.ศ. 2563  มีการทำกิจกรรมโยคะสุริยนมัสการ 108 รอบ หรือ 'โยคะมาราธอน' ผ่านการไลฟ์ทางเฟซบุ๊ก ในกิจกรรมนี้ผู้บริจาคเงิน เพื่อซื้อข้าวกล้องออร์แกนิคของไร่รวมใจ หากซื้อได้ 10 กิโลกรัม ทาง 'ไร่รวมใจ' จะสมทบข้าวกล้องออร์แกนิคอีก 10 กิโลกรัม มอบให้กับ 'สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี' เพื่อใช้ในกิจการบ้านพักของสตรีที่ถูกข่มเหงซึ่งอยู่ในความดูแลของสมาคมฯ มาปีนี้โควิดเกิดการระบาดระลอกสาม พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ นอกเหนือจากการสนับสนุนด้านอุปกรณ์การแพทย์ ก็ยังมีเรื่อง 'อาหาร' ที่ไม่ควรมองข้าม พัชร์ เคียงศิริ ผู้บุกเบิก 'ไร่รวมใจ' และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไร่รวมใจ จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ถึงที่มาของการริเริ่มโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' สนับสนุนอาหารสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเริ่มต้นที่โรงพยาบาลรามาธิบดี


พัชร์ เคียงศิริ กับโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด'

"เราในฐานะบุคคลทั่วไปไม่เคยสนใจว่าหมอและพยาบาลกินข้าวยังไง แต่หมอและพยาบาลก็เหมือนคนทำงานออฟฟิศ เข้าออกงานเป็นเวลา ต้องรับผิดชอบอาหารของเขาเอง ประเด็นคือ หมอ-พยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วยโควิด เขาต้องระวังตัว ไม่สามารถออกมานอกวอร์ดโควิด (ward) หรือออกมานอกบริเวณนั้นได้ โดยไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะถ้าออกมาทั้งชุดปฏิบัติงานอย่างนั้น ก็เท่ากับเอาเชื้อโควิดออกมาข้างนอกด้วย การที่เขาจะออกมามันเลยยาก ต้องออกจากชุดพีพีอี ต้องทำตัวให้ปลอดเชื้อก่อน ทำให้เขาไม่สามารถจะมีข้าวได้ รุ่นน้องผมที่เป็นพยาบาลโรงพยาบาลรามาฯ เคยคุยกัน เขาก็เล่าให้ฟังว่ามันก็เป็นอย่างนี้ ผมก็เลยมาคุยกันที่ออฟฟิศ ชักชวนเพื่อนฝูงที่รู้จักมาช่วยกันทำเป็นโครงการนี้" พัชร์ เคียงศิริ กล่าว


ข้าวกล่องโดยใช้ "ข้าวกล้องหอมมะลิ 105 ออร์แกนิค" ของ "ไร่รวมใจ"

คุณพัชร์และกลุ่มเพื่อน รวมถึงผู้ใหญ่ที่นับถือ ระดมทุนจัดหา ข้าวกล่อง ที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างแท้จริง ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม-17 สิงหาคม 2564 รวม 42 วัน จาก 150 กล่อง/วัน เพิ่มเป็น 200 กล่อง/วัน รวม 7,850 กล่อง ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลรามาธิบดี และกำลังต่อยอดโครงการนี้สู่ โรงพยาบาลที่ให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในต่างจังหวัด เนื่องจากเห็นว่ามีผู้ป่วยโควิดเดินทางกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดเป็นจำนวนมากขึ้น ตามนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ในต่างจังหวัดทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม


โครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ที่ โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว

โครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' สำหรับต่างจังหวัด เริ่มแล้วเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ที่ โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ซึ่งมีคลัสเตอร์ตลาดโรงเกลือ ก่อนการประกาศล็อคดาวน์ โรงพยาบาลมีป่วยโควิด 40 คน ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 144 คน ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยมีเท่าเดิมคือ 20 คน ต้องแบ่งการทำงานเป็น 3 กะ

ข้าวกล้องออร์แกนิคของไร่รวมใจและหนึ่งในรายการอาหารของ SAIJAI SLIM ที่ให้ความอิ่มเชิงคุณภาพ

สำหรับ โมเดล หรือ 'รูปแบบการบริหารจัดการ' เพื่อทำข้าวกล่องส่งบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว คุณพัชร์ใช้วิธีส่งข้าวกล้องออร์แกนิคของไร่รวมใจและรายการอาหารของ SAIJAI SLIM ซึ่งเป็นเมนูอาหารที่ให้ความอิ่มเชิงคุณภาพ พร้อมวิธีทำอย่างครบถ้วน ให้กับชุมชนละแวกที่โรงพยาบาลตั้งอยู่ และมอบเงินส่วนหนึ่ง ที่ได้รับจากการสมทบทุนในโครงการ "ใส่ใจ FEED TO FIGHT" ให้กับ อาสาสมัครในชุมชน เป็นค่ากับข้าวและปรุงอาหารมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยขอให้รวมตัวกันไม่เกิน 5 คน (ป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่) รวมทั้งผู้ทำหน้าที่จัดส่งข้าวกล่องไปโรงพยาบาล เท่ากับเป็นการ กระจายรายได้ สู่คนในชุมชนได้อีกทางหนึ่งในภาวะที่การประกอบอาชีพเป็นไปด้วยข้อจำกัดและความยากลำบาก

โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร

ล่าสุดคุณพัชร์กล่าวว่า ขณะนี้กำลังวางแผนเริ่มโครงการ "ใส่ใจ FEED TO FIGHT" ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร ซึ่งกำลังเผชิญสถานการณ์เดียวกันที่จำนวนผู้ป่วยโควิดจากราว 50 คน เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ต้องดูแลผู้ป่วยทั้งในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และในชุมชน ยังคงมีจำนวนเท่าเดิม ด้วยการจัดทำข้าวกล่องคุณภาพ โดยคุณพัชร์และทีมงานกำลังรวบรวมทุนทรัพย์เพื่อเดินหน้าโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ที่ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร ด้วยโมเดลเดียวกับที่โรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว คือการจัดทำข้าวกล่องที่ใช้ข้าวหอมมะลิ 105 ตราใส่ใจพร้อมเมนูอิ่มเชิงคุณภาพจาก SAIJAI SLIM และกระจายรายได้สู่ชุมชนผ่านทีมอาสาสมัครในท้องถิ่น โครงการนี้จะเริ่มวันที่ 25 สิงหาคม และสิ้นสุดในวันที่ 5 ตุลาคม 2564

เชิญร่วมให้กำลังใจและสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ณ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร

ผู้สนใจร่วมสนับสนุนและให้กำลังใจทีมบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ซึ่งกำลังทำงานอย่างหนักด้วยความเสียสละ ผ่านโครงการ 'ใส่ใจ FEED TO FIGHT ช่วยหมอ พยาบาล ต้านโควิด' ณ โรงพยาบาลโพนนาแก้ว จ.สกลนคร สามารถแจ้งความประสงค์และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @saijai_wellbeing และ โทร.087 365 3556
#3333


ผู้นำด้านสาธารณสุขของสหรัฐออกแถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะเริ่มทำการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 3 ให้แก่ชาวอเมริกันในเดือนก.ย. หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันไวรัสโควิด-19 จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

"เราได้เตรียมพร้อมที่จะทำการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ชาวอเมริกันทุกคนเริ่มตั้งแต่สัปดาห์ของวันที่ 20 ก.ย." แถลงการณ์ระบุ

ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวลงนามโดยแพทย์หญิงโรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี), แพทย์หญิงเจเน็ต วู้ดคอก รักษาการประธานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ), นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว และผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (เอ็นไอเอไอดี) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอีกหลายราย

การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากเอฟดีเอและการพิจารณาทบทวนของคณะกรรมการที่ปรึกษาวัคซีนของซีดีซี ส่วนผู้ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ได้แก่ ผู้ที่เคยได้รับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นามาก่อน

ซีดีซี เปิดเผยว่า ในขณะนี้ ชาวอเมริกันจำนวน 72.2% ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 1 เข็ม ขณะที่จำนวน 61.8% ได้รับการฉีดครบโดสแล้ว
#3334


ไอสต็อค (iStock) เอาใจคนไทย เปิดให้สามารถค้นหาด้วยวลีภาษาไทยเช่น 'ชาไทย', 'ดอกบัว' และ 'กรุงเทพมหานคร' ได้แล้ว หลังจากที่รายการคำศัพท์ของ iStock ได้รับการแปลให้เป็นภาษาท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ

แกรนท์ ฟาร์ฮอลล์ (Grant Farhall) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ iStock กล่าวว่าทุกภาษาล้วนมีบางคำหรือวลีที่ยากต่อการแปลเป็นภาษาอังกฤษอยู่เสมอ เช่นเดียวกับภาษาไทย บริษัทจึงพิจารณาความหมายโดยนัยที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของวลียอดนิยมต่าง ๆ ในประเทศไทยอย่างถี่ถ้วน และได้บรรจุวลีเหล่านี้ไว้ในรายการคำศัพท์ของ iStock การเล่าเรื่องด้วยภาพนั้นถือเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารแบบดิจิทัลและการสื่อสารผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ในประเทศไทย สิ่งนี้ก่อให้เกิดการใช้งานรูปถ่ายและวิดีโอลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ธุรกิจไทยสามารถสร้างแรงดึงดูดในช่องทางโซเชียลมีเดียยอดนิยมต่าง ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ยิ่งกว่าเดิม

"ประเทศไทยเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดสำหรับ iStock เรามุ่งมั่นที่จะเจาะตลาดในประเทศไทยให้ลึกยิ่งกว่าเดิม เพื่อทำให้ธุรกิจไทยสื่อสารกับลูกค้าของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยราคาที่จับต้องได้มากกว่าเดิม ซึ่งขั้นตอนต่อไปของเราก็คือการนำเสนอประสบการณ์ที่ปรับให้เข้ากับท้องถิ่นยิ่งกว่าเดิมผ่านการสนับสนุนและการวิเคราะห์ด้านภาษา"

iStock นิยามตัวเองเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารทางภาพในราคาที่จับต้องได้ สำหรับเหล่านักสร้างสรรค์, ผู้ประกอบการ, นักศึกษา และธุรกิจขนาดย่อมต่าง ๆ นั้นได้ประกาศเปิดตัวเว็บไซต์ iStock ภาษาไทยในวันนี้ การนำเสนอบริการใหม่นี้สืบเนื่องมาจากการใช้รูปถ่ายและวิดีโอของธุรกิจไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มขึ้นของเหล่าบริษัทการสื่อสารทางภาพในเอเชีย

"iStock ได้รับฟังเสียงของลูกค้าและตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบภาษาท้องถิ่นของบริษัท เพื่อทำให้ลูกค้าในประเทศไทยสามารถค้นหาภาพถ่ายสต็อก, คลิปวิดีโอ และองค์ประกอบด้านการออกแบบต่าง ๆ ได้ด้วยการใช้คำหรือวลีภาษาไทย ธุรกิจไทยจะได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิมขณะทำการค้นหาภาพและวิดีโอระดับมืออาชีพจาก iStock ด้วยการให้บริการเครื่องมือค้นหาที่ใช้งานได้ด้วยภาษาไทยอย่างแท้จริง" แถลงการณ์ระบุ

นอกจากความสามารถด้านภาษาแล้ว บริษัทระบุว่าฟังก์ชันการค้นหายังได้รับการปรับปรุงเพื่อให้รายงานผลลัพธ์ได้ตามรูปแบบการใช้งานของประเทศ การปรับปรุงเหล่านี้ทำให้ลูกค้า iStock นับหลายพันรายในประเทศไทยสามารถค้นหาองค์ประกอบงานสร้างสรรค์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับงานต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าที่เคยเป็นมาจากรูปถ่าย, วิดีโอ และภาพประกอบพรีเมี่ยมนับล้าน

ปัจจุบัน iStock นำเสนอภาพถ่ายสต็อก, วิดีโอ และภาพประกอบกว่า 135 ล้านรายการจากกลุ่มคนต่าง ๆ และให้บริการด้วยการคิดค่าบริการที่เรียบง่ายและจับต้องได้ iStock ที่อาศัยความเชี่ยวชาญด้านภาพของ Getty Images นั้นได้ช่วยให้เหล่านักสร้างสรรค์กับธุรกิจทั้งขนาดเล็กและใหญ่รายต่าง ๆ สามารถสร้างการสื่อสารที่งดงามได้ตามงบประมาณของตนเอง

เมื่อนับรวมการเปิดตัวครั้งนี้ iStock ได้รองรับ 18 ภาษานอกเหนือจากภาษาอังกฤษในขณะนี้ ซึ่งภาษาต่าง ๆ ที่รองรับนั้นได้แก่: เช็ก, ฝรั่งเศส, อิตาเลียน, เยอรมัน, สเปน, โปรตุเกส (โปรตุเกส), โปรตุเกส (บราซิล), โปแลนด์, รัสเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ดัตช์, สวีเดน, ตุรกี, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และจีนตัวเต็ม (ฮ่องกง).
#3335


นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา สศก.ได้ดำเนินการติดตามและประเมินผลโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ ภายใต้การใช้ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการรวมกลุ่มในรูปแบบที่เหมาะสมกับพื้นที่ รวมทั้งเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้มีความกินดี อยู่ดี มีสันติสุข และสร้างความเข้มแข็งในชุมชน

จากการลงพื้นที่เพื่อประเมินผลโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรในพื้นที่ ส.ป.ก.จ.สระแก้ว ที่ได้ดำเนินการจัดที่ดินให้ผู้ยากไร้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา พบว่ามีเนื้อที่ประมาณ 1,960 ไร่ เป้าหมายในการจัดเกษตรกรเข้าใช้ประโยชน์ 313 ราย ขณะนี้มีเกษตรกรเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว 156 ราย โดยเป็นการจัดสรรที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์รายละ 6 ไร่ แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยรายละ 1 ไร่ และเป็นที่ทำกินรายละ 5 ไร่ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทุกรายเป็นสมาชิกสหกรณ์ทางการเกษตรที่ได้จัดตั้งขึ้นในพื้นที่

นอกจากนี้ เกษตรกรได้รับการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการสร้างบ้าน มูลค่ารายละ 40,000 บาท ขณะนี้เกษตรกรมีการดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ที่ได้รับ เช่น ปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ (โคเนื้อ) ในพื้นที่บริเวณบ้าน ส่วนที่ทำกิน 5 ไร่ ส่วนใหญ่เกษตรกรจะเพาะปลูกมันสำปะหลังเป็นหลัก ควบคู่กับการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการจัดหาอาหารสัตว์ ทั้งนี้ มีเกษตรกรบางรายเพาะปลูกข้าวเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือนด้วย

ด้านผลสำรวจรายได้ปีเพาะปลูก 2563/64 พบว่าเกษตรกรที่เพาะปลูกมันสำปะหลังมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเฉลี่ย 2,968 บาทต่อไร่ สำหรับการเพาะปลูกข้าวและหญ้าเลี้ยงสัตว์นั้น เกษตรกรไม่ได้มีการจำหน่าย แต่นำข้าวมาบริโภคในครัวเรือน และนำผลผลิตจากหญ้าเลี้ยงสัตว์ใช้เป็นอาหารสำหรับโคเนื้อ ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนลงได้เฉลี่ย 4,657 บาทต่อครัวเรือนต่อปี ทั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้รวม 2.015 ล้านบาทต่อปี

"ภาพรวมเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพึงพอใจการดำเนินโครงการเป็นอย่างมาก เกษตรกรสามารถทำการเกษตรเพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ รู้สึกถึงความมั่นคงในที่ดิน เนื่องจากเป็นการให้สิทธิในการเข้าใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐได้เท่าเทียมกับพื้นที่อื่น อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไป นอกเหนือจากการจัดที่ดินและส่งเสริมพัฒนาอาชีพทางการเกษตรในพื้นที่แล้ว ควรส่งเสริมให้เกิดการดำเนินงานของการรวมกลุ่มสหกรณ์เพื่อการผลิตและการตลาดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่เกษตรกรในพื้นที่อย่างเต็มที่" รองเลขาธิการ สศก.กล่าว
#3336


กัมพล นิสิตสุขเจริญ ผู้ก่อตั้ง เวอร์ชวล โซลูชั่น กล่าวว่า ข้อจำกัดจากผลกระทบโควิดเป็นที่มาของการจัดงาน "เวอร์ชวล พร็อพเพอร์ตี้ เอ็กซ์โป 2021" เป็นช่องทางทำตลาดที่ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมาพบปะเจรจาธุรกิจ สร้างโอกาส ดึงกระแสเงินสดเข้าบริษัท ประคองธุรกิจให้รอดพ้นวิกฤติ

"การจัดงานแสดงสินค้า หรือ เทรดแฟร์ เป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลัง!! คุ้มค่ากับการลงทุนหากเปรียบเทียบกับการทำตลาดในรูปแบบอื่น ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมามีการจัดงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับอสังหาฯ ทั้งในศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า ในศูนย์การค้า สามารถดึงวอลุ่มการขายของโครงการต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จากการเป็นแหล่งผู้ซื้อผู้ขายจำนวนมากมาเจอกัน"

ทว่าหลังวิกฤติโควิดธุรกิจงานแสดงสินค้า ถูกยกเลิกงาน หรือ เปิดบ้าง-ปิดบ้าง สลับกัน กระทบต่อตลาดและการวางแผนธุรกิจ ฉะนั้น "เวอร์ชวล เทรด แฟร์" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์จะเข้ามาตอบโจทย์และแก้อุปสรรคในการทำตลาด

"เวอร์ชวล พร็อพเพอร์ตี้ เอ็กซ์โป 2021" ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีโอกาสมาพบปะเจรจาซื้อขายกันบนออนไลน์ โดยมีฟังก์ชั่นการแสดงสินค้าเสมือนได้เดินชมบูธโครงการอสังหาฯ แต่ละแบรนด์ และใช้วีดีโอคอลในการเจรจาธุรกิจ ต่อรองราคา และโปรโมชั่น

"เวอร์ชวล พร็อพเพอร์ตี้เอ็กซ์โป จัดช่วงปลายปีจะสามารถรวบรวมดีมานด์ที่มีอยู่ทั้งเพื่ออยู่อาศัยจริง หรือซื้อเพื่อลงทุนกว่า 580,000 ราย จากทั่วประเทศ จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ประกอบการอสังหาฯ ให้เกิดมูลค่าการขายที่เป็นวอลุ่มใหญ่ขึ้นได้"

ดีเวลลอปเปอร์ที่เข้าร่วมงานจะได้รับผลตอบแทนการลงทุน ( ROI) ที่มีประสิทธิภาพ และสูงกว่าการไปทำตลาดเอง อย่าง โซเชียลมีเดีย หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่ใช้งบประมาณสูงกว่าและเป็นการทำตลาดที่กระจัดกระจาย ซึ่งบริษัทมีแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่เก็บรวบรวมข้อมูล (บิ๊กดาต้า) เป็นประโยชน์ต่อดีเวลลอปเปอร์ใช้ทำการตลาดต่อไปในอนาคต

ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง กล่าวเสริมว่า ช่วงวิกฤติโควิดระลอกนี้มีการเสิร์ชค้นหา บ้าน และ คอนโดมิเนียม ผ่าน กูเกิล น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการทำการตลาดในช่วงนี้จึงต้องระมัดระวัง มุ่งการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง (Precision Marketing) เน้นกลุ่มคนที่ยังมีกำลังซื้อ กลุ่มนักลงทุน และกลุ่มคนที่มีความต้องการจะซื้อบ้านและ คอนโดมิเนียม จริงๆ เท่านั้น

"มีเดีย แชนแนล ที่ทำตลาดแบบเฉพาะเจาะจงได้ดี หนีไม่พ้น กูเกิล เฟซบุ๊ก ทำให้ทุกแบรนด์กระโดดเข้ามาแข่งขัน ค่าโฆษณาถีบตัวสูงขึ้น สวนทางดีมานด์ของตลาดที่ลดลง นอกจากนี้การเดินทางไปดูโครงการอสังหาฯ มีความยากลำบาก ผู้ซื้อกังวลเรื่องโควิด เจ้าของโครงการจำเป็นต้องทำออนไลน์แพลตฟอร์มให้เยี่ยมชมโครงการได้ง่ายขึ้น ในรูปแบบ เวอร์ชวล หรือ วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้ทีมขายคุยกับลูกค้าได้"

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มองว่า การจัดงานในรูปแบบเวอร์ชวล เอ็กซ์โป ไม่แตกต่างจากงานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดปกติจัดปีละ 2 ครั้ง ซึ่งดีเวลลอปเปอร์จะนำเสนอสินค้าราคา "ดี" ออกมาให้ลูกค้าได้เปรียบเทียบ แม้ว่าช่วงนี้ "ดีมานด์" อาจไม่มากเท่าช่วงเวลาปกติ แต่รูปแบบเวอร์ชวลทำให้คนเข้าไปเยี่ยมชมโครงการได้

"ปกติการทำออนไลน์ของอสังหาฯ ไม่เกิดการซื้อจริง เป็นแค่การตัดรอบในการดูจากปกติอาจจะใช้เวลา 3 รอบ โดยรอบแรกไปดูเอง รอบ 2 พาแม่ไป รอบ 3 ค่อยตัดสินใจซื้อ การมีเวอร์ชวล ทำให้รอบแรกไม่จำเป็นต้องไปดูผ่านออนไลน์แทนเหลือแค่ 2 รอบ จาก 10 ที่ในออนไลน์เหลือ 3 ที่ จากนั้นค่อยพาแม่ไปดูก่อนซื้อแต่สุดท้ายแล้วอสังหาฯ เป็นสินค้าที่ต้องการสร้างประสบการณ์ สัมผัสจริงมากกว่าในเวอร์ชวล"
#3337


(16 ส.ค.64) หลังสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 16 ส.ค.64 โดยรางวัลที่ 1 ได้แก่ หมายเลข 046750 ปรากฏว่าหนุ่มวัย 35 ปี ที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว เป็นคนดวงเฮงถูกรางวัลที่ 1 ถึง 12 ล้านบาท 

ต่อมาเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ฟาร์มหมูแห่งหนึ่งใน ต.หนองหาน พบกับคนดวงเฮงรายนี้ ชื่อนายภูริพัชร หรือ "ท็อป" เจ้าของฟาร์มหมูแห่งหนึ่ง อายุ 35 ปี กำลังเดินทางมาพบกับลูกน้องที่ฟาร์มหมู ท่ามกลางความดีใจและร่วมแสดงความยินดีของลูกน้องที่รู้ข่าว พร้อมกับให้ลูกน้องได้จับลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 รวม เว็บ หวย ออนไลน์โดยทุกคนไม่นึกไม่ฝันว่าเจ้านายจะถูกรางวัล แต่เชื่อว่าเป็นเพราะผลจากการกระทำกรรมดีของเจ้านายมาตลอดนั่นเอง

นายภูริพัชร เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ถึงตอนนี้ยังตื่นเต้นไม่หาย ก่อนจะถูกหวยวันนี้ก่อนหน้านี้ตนเองขับรถตนเองหมายเลขทะเบียน 7250 ไปชนสุนัข จริงๆ แล้วก็ชนหลายครั้ง แต่ไม่มี 250 คนขายจึงหยิบ 3 ตัวท้ายคือ 750 ให้ก็เลยซื้อไว้ วันนั้นมีเงินอยู่ติดกระเป๋า 400 บาท เลยซื้อ พ.ศ.เกิดตัวเองคือ 29 อายุตัวเอง 35 และทะเบียนรถ 50 อีก 2 ใบ จริงๆ แล้วเลข 50 ตั้งใจซื้อมา 2 ปี ถูก 2 ใบ 3 ใบบ้าง

พอมาวันนี้ชวนพี่สาวไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ได้ยินโต๊ะๆ บอกว่าว่ารางวัลที่ 1 มี 750 จำได้ว่า 3 ตัวท้ายตนเองซื้อเลขนี้ไว้เช่นกัน จึงเดินไปดูในรถและให้พี่เขาที่โต๊ะข้างๆ ตรวจให้หน่อย ปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1 แทบช็อกเลย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะถูกรางวัลใหญ่เพียงนี้

นายภูริพัชร บอกกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ส่วนตัวชีวิตสู้มาตลอดเก็บขยะขายก็เคยมีเพื่อส่งตัวเองเรียนจนจบสถาปัตย์ที่กรุงเทพฯ จากนั้นก็ทำงานบริษัทโรงงานน้ำตาลเอกชน แล้วลาออกมาทำธุรกิจตนเองที่บ้านเกิด เพื่อมาอยู่ดูแลพ่อที่ป่วย ที่ผ่านมาในใจตนเองคิดยังไงจะหมดหนี้และตนเองทำฟาร์มหมูด้วย ท้อบ้างเป็นบางครั้ง เชื่อว่าสักวันหนึ่งขอให้ตนเองมีโชคกับเขาบ้างจนมาวันนี้ และช่วงที่ผ่านมาตนเองก็ช่วยคนตลอด มีน้อยก็ให้น้อย อะไรที่มีให้ได้ก็ช่วย ต่อหน้าคนหรือลับหลังตนเองช่วยไม่หวังสิ่งตอบแทนและไม่คิดร้ายกับใคร เชื่อว่าผลบุญทำให้ตนเองถูกหวย ส่วนเงินที่ได้มาก็จะใช้หนี้ที่เอามาสร้างฟาร์มหมูและต่อยอดธุรกิจฟาร์มหมูที่ตนเองทำอยู่ตอนนี้
#3338
บริษัท อะชิ แอคทิเวชั่น จำกัด บริการรับวางแผนและติดตั้งสื่อ Out of Home (สื่อนอกบ้าน) เช่น สื่อป้ายโฆษณา ได้แก่ ป้ายหน้าร้าน, ป้ายผ้าใบบังแดด, ป้ายเสาไฟฟ้า, ป้ายกองโจรฯ และสื่อเคลื่อนที่ ได้แก่ รถสองแถว, รถแห่, Scooter Media, Truck Media ฯ และการตลาดออฟไลน์ จัดกิจกรรมการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ... ทั่วประเทศ

ให้คำปรึกษาฟรี สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ คุณชณพิชชา ศรีทอง (นิด) 
Tel : 061-536-5666, 082-289-8915
ไลน์ : nidthicha
email : nid@achi.co.th



บริษัท อะชิ แอคทิเวชั่น จำกัด
1/8 ซ.รามคำแหง 30 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
เว็บไซต์ : www.achi.co.th

ไอดีไลน์ : @achi_activation
Facebook : achiactivation 
IG : achi_activation
Twitter : achiactivation






 
#3339
ข้าวเพื่อสุขภาพ  ข้าวออร์แกนิคส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" /ข้าวมะลินิลปลอดสารพิษ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวปะกาอำปึลออร์แกนิคเลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิแดง เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ข้าวกล้องหอมมะลินิลเกษตรอินทรีย์ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--12cbh7f2bxa6ba6b0a4lsdyb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวหอมมะลิปลอดสารพิษ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
3.  ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  จำหน่ายข้าวหอมมะลิสุรินทร์ผสมหลายสายพันธุ์แท้ จากสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์  6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลปลอดสารพิษ7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 
 
#3340
 
 
ทำไมข้าวออร์แกนิคถึงดี
ทำไม ข้าวออแกนิคสำหรับทารก   (SURIN Organic Rice)  ถึงดีกว่าข้าวทั่วๆไปที่ใช้สารเคมีอย่างไร ?  ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค (Organic Rice)  คือ ข้าวเพื่อสุขภาพสุรินทร์ทีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติในนา  ข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์  สารเคที สารพิษ ยาฆ่าหญ้า ว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตของ ข้าวอินทรีย์  สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากการดัดแปลงพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม  เราเน้นปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในไร่นาหรือจากแหล่งอื่น ควบคุมโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานที่ไม่ใช้สารเคมี การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมมีความต้านทานโดยธรรมชาติ รักษาสมดุลของศัตรูธรรมชาติ การจัดการพืช ดิน และน้ำ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นข้าว เพื่อทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงตามธรรมชาติ การจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เป็นต้น มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญในทุกขั้นตอนการผลิตและการแปรรูป ข้าวปลอดสารเคมีสุรินทร์

 
ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ส่งทั่วไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook : https://www.facebook.com/Hor.Product
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ  ปลูกข้าวออแกนิคส่งทั่วไทย
1. ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ
2.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
3. ข้าวปะกาอำปึลเกษตรอินทรีย์
4.  จำหน่ายข้าวหอมมะลิสุรินทร์ผสมหลายสายพันธุ์แท้ จากสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง
6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค
7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิค


#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค #ข้าวออแกนิก  #ข้าวอินทรีย์ #ข้าวสุขภาพ