• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - deam205

#3321


อย่างไรก็ดี ราคาทองไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้มาก เนื่องจากยังคงถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในปีนี้

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 0.1% ปิดที่ 1,784 ดอลลาร์/ออนซ์


ทั้งนี้ เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีในปีนี้

ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีอย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์


นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินคิวอีและเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

คำกล่าวของนายแคปแลนสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ที่ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอี ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ขณะที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด กล่าวเช่นกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมดังกล่าว

-------------
'บิตคอยน์'บวกกว่า5%เคลื่อนไหวที่ 49,000 ดอลล์

ราคาบิตคอยน์ เทรดที่เว็บไซต์คอยน์เดสก์ เมื่อเวลา 06.10 น.ของวันนี้ (21ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 5.67% เคลื่อนไหวที่ 49,057.80 ดอลลาร์
#3322


นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT  เปิดเผยครึ่งปี 2564 คาดการณ์ว่า ความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้าภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ผลจากการเริ่มมีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย และมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐปี 2564 เพิ่มขึ้นถึงสองแสนกว่าล้านบาท โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเหนี่ยวนำการลงทุนภาคเอกชนให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกกว่าหนี่งแสนล้านบาท สำหรับการส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้า แม้ภาวะเศรษฐกิจโลก อาจจะยังค่อยๆ ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้น และมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีนโยบายที่จะรักษาฐานตลาดเดิม และมุ่งขยายฐานตลาดใหม่ในต่างประเทศ

"และในครึ่งปีหลังของปี 2564 บริษัทฯ คาดว่าจะเป็นอีกปีที่จะมีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในส่วนของผลิตภัณฑ์หม้อแปลงไฟฟ้าขยายตัวมากขึ้น บริษัท มีงานในมือ (Backlog) ณ.สิ้นมิถุนายน 2564 มูลค่า 1,151 ล้านบาทแล้ว แบ่งเป็นงานในภาครัฐบาลและเอกชน 1,022 ล้านบาท และ อีก 129 ล้านบาท จะเป็นงานภาคส่งออกต่างประเทศ" 

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ว่า บริษัทและบริษัทย่อย มีผลกำไรขาดทุนสุทธิ 3.18 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดบัญชีเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 80.05 ล้านบาท โดยมีมีรายได้จากการขาย 857.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 83.51 ล้านบาท หรือ 10.80 % ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้หม้อแปลงไฟฟ้า และบริษัทฯ มีรายได้จากการบริการ 69.30 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 3.46 ล้านบาท หรือ 5.25% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการบริการหม้อแปลงไฟฟ้า

ทั้ง้นี้บริษัทมีรายได้ตามสัญญาก่อสร้าง จากการดำเนินการของบริษัทย่อย 16.86 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 10.18 ล้านบาท หรือ 37.65% เนื่องจากสภาพการแข่งขันในช่วงโควิดสูงขึ้น ทำให้รายได้ของบริษัทย่อยลดลงบริษัทยังมีกำไรขั้นต้นจากการขาย 18.52 % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีอัตรากาไรขั้นต้นเท่ากับ 13.53 % เนื่องจากในไตรมาสนี้ส่งมอบงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยเฉพาะธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า และยังมีกำไรขั้นต้นจากการบริการ 48.44 % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36.99 % ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของการบริการหม้อแปลงไฟฟ้า
#3323


ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ประเดิมสนามรายการใหม่ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก นัดแรกด้วยการบุกไปแพ้ ปากอส เดอ เฟร์เรย์ร่า จากโปรตุเกส 0-1 เมื่อคืนวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ฟุต.รายการใหม่ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก รอบเพลย์ออฟ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ตัวแทนจาก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ลงสนามไปเยือน ปากอส เดอ เฟร์เรย์ร่า เจ้าบ้านแห่งลีกโปรตุเกส

เกมนี้ สเปอร์ส ของ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต เน้นส่งนักเตะสำรองเป็นหลักมี โจวานนี โล เซลโซ, ไรอัน เซสเซญอง กับ แแมตต์ โดเฮอร์ตี เป็นตัวหลักของทีมชุดนี้

อย่างไรก็ตาม ชัยชนะกลับเป็นของเจ้าบ้าน จากประตูโทนนาที 44 จังหวะที่ นูโน่ ซานโตส แทงทะลุให้ ลูคัส ซิลวา สปีดขึ้นไปหลุดเดี่ยวแล้วยิงตุงตาข่าย 1-0

แม้ครึ่งหลัง สเปอร์ส จะพยายามทวงคืนแต่ก็ทำไม่สำเร็จ จบเกม ปากอส คว้าชัยไปก่อนเกมแรก ส่วน "ไก่เดือยทอง" รอกลับไปแก้ตัวในเกมสองที่บ้านตัวเอง วันที่ 26 สิงหาคมนี้
#3324


นางสาววชิรา อารมย์ดี ผู้ทรงคุณวุฒิ (ผู้ช่วยผู้ว่าการ) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เตรียมทดสอบการใช้งานจริง (Pilot Test) ของสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางสำหรับรายย่อย (Retail CBDC) พร้อมกับเปิดให้ผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเข้ามาพัฒนาเชื่อมต่อระบบไปพร้อมกัน โดยคาดว่าจะเริ่มในไตรมาส 2 ปี 2565 แต่จะทดลองใช้ในวงจำกัดภายใน ธปท. ก่อนที่จะขยายไปยังประชาชนทั่วไป ร้านค้าขนาดใหญ่และขยาดย่อมมีธุรกรรมการใช้จ่ายของประชาชนรายย่อยที่สูง รวมถึงผู้ให้บริการทางการเงินที่เป็นธนาคารและสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคาร (นอนแบงก์)

ในการนี้ ธปท.เปิดผลการศึกษาถึงผลกระทบ Retail CBDC ต่อภาคการเงินไทย และผลสำรวจความเห็นจากสาธารณชน ต่อแนวทางการพัฒนา Retail CBDC ผ่านรายงาน "The Way Forward for Retail Central Bank Digital Currency in Thailand" ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2564 เพื่อนำมาพิจารณากำหนดแนวทางการพัฒนา Retail CBDC และ Pilot Test โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

1. การศึกษาผลกระทบของ Retail CBDC ต่อภาคการเงินไทย

ผลการศึกษาชี้ว่า การออกแบบและการพัฒนา Retail CBDC ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต้องไม่สร้างผลกระทบรุนแรงต่อการส่งผ่านนโยบายการเงิน การทำงานของระบบสถาบันการเงิน และเสถียรภาพโดยรวมของภาคการเงินไทย โดยจะมีลักษณะสำคัญ คือ (1) รูปแบบคล้ายเงินสด และไม่จ่ายดอกเบี้ย (2) อาศัยตัวกลาง เช่น สถาบันการเงิน ในการแลกเปลี่ยน Retail CBDC กับประชาชน

และ (3) มีเงื่อนไขหรือระยะเวลาสำหรับการแลกเปลี่ยน Retail CBDC จำนวนมากๆ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันกับเงินฝากหรือเกิดการโยกย้ายเงินฝากปริมาณมากอย่างรวดเร็วจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะกระทบต่อการทำหน้าที่ตัวกลางในการรับเงินฝากและให้กู้ยืม รวมถึงการบริหารสภาพคล่องของระบบสถาบันการเงิน

ธปท. ประเมินว่าความต้องการใช้ Retail CBDC ของประชาชนจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และ Retail CBDC จะเข้ามาเป็นอีกทางเลือกในการชำระเงินให้กับประชาชน โดยอาจถูกใช้ทดแทนเงินสดและ e-money ได้บางส่วนในระยะต่อไป

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

2. ผลสำรวจความเห็นจากสาธารณชน

จากผลสำรวจ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางการพัฒนา Retail CBDC ของ ธปท. และมองว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินที่ปลอดภัย เปิดกว้างต่อการเข้าถึงและการแข่งขันในอนาคต นอกจากนี้ ยังเห็นด้วยกับแนวทางการออกแบบ Retail CBDC ข้างต้นเพื่อจำกัดผลกระทบเชิงลบต่อภาคการเงินไทย

ทั้งนี้ ผลสำรวจบางส่วนเสนอเพิ่มเติมให้ ธปท. มุ่งเน้นการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์และการใช้งานของ Retail CBDC แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะความแตกต่างจากการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน

3. แผนการทดสอบ Retail CBDC เพื่อใช้งานจริงในวงจำกัด (Pilot test)

จากผลการศึกษาและความเห็นที่ได้รับข้างต้น ธปท. จึงกำหนดแนวทางการพัฒนาและทดสอบการใช้งาน Retail CBDC ดังนี้

1) การทดสอบระดับพื้นฐาน (Foundation Track) เพื่อศึกษาการใช้งาน Retail CBDC ในการรับแลก หรือใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการในวงจำกัด ซึ่ง ธปท. คาดว่าจะเริ่มทดสอบในไตรมาส 2 ปี 2565

2) การทดสอบระดับนวัตกรรม (Innovation Track) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาต่อยอดการใช้งาน Retail CBDC ในกรณีต่างๆ โดย ธปท. จะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนหรือนักพัฒนาเข้าร่วมทดสอบด้วย ซึ่งขณะนี้ ธปท. อยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบและหลักเกณฑ์ในการเข้าร่วมทดสอบ 

ธปท. จะประเมินผลลัพธ์และความเสี่ยงด้านต่างๆ จากการทดสอบการใช้งานข้างต้น เพื่อให้มั่นใจว่า Retail CBDC จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ภาคธุรกิจ และประเทศในภาพรวม และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินในอนาคต
#3325


ราคาทองถูกกดดันจากการที่นักลงทุนวิตกว่า เฟดอาจทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และจะเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินคิวอีและเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.

ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีอย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

นอกจากนี้ นายแคปแลนระบุว่า เขาต้องการให้การปรับลดคิวอีดำเนินไปโดยใช้เวลาราว 8 เดือน ซึ่งหากเฟดยิ่งเริ่มปรับลดคิวอีได้เร็วเท่าใด ก็จะยิ่งช่วยให้เฟดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

คำกล่าวของนายแคปแลนสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ที่ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอี ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด" นายแคลริดากล่าว

"หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้" เขากล่าว

ทางด้านนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด กล่าวเช่นกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.

--------------------------------
'บิตคอยน์'บวกเคลื่อนไหวที่ 44,000 ดอลล์

ราคาบิตคอยน์ เทรดที่เว็บไซต์คอยน์เดสก์ เมื่อเวลา 06.10 น.ของวันนี้ (19ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 0.65% เคลื่อนไหวที่ 44,836.94 ดอลลาร์
#3326


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัท สตาร์ ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ STAR ได้แจ้งการหยุดธุรกิจจำหน่ายและให้บริการงานทางด้านวิศวกรรม ธุรกิจสื่อและประชาสัมพันธ์ รวมถึงธุรกิจตู้กาแฟหยอดเหรียญ มายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พิจาณาแล้วเห็นว่าบริษัทมิได้มีการประกอบธุรกิจหลัก ประกอบกับข้อมูลในงบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ที่บริษัทนำส่งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังปรากฏชัดเจนว่า บริษัทไม่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักแต่อย่างใด

ดังนั้น จึงถือได้ว่าบริษัทมีการหยุดดำเนินธุรกิจทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนตามข้อกำหนดตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง การเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน เพื่อให้เป็นไปตามความในข้อกำหนดตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังกล่าวข้างตัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะดำเนินการดังนี้


1. ประกาศว่าหลักทรัพย์ STAR มีเหตุเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนเป็นปีที่ 1 (NC ระยะที่ 1) ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.2564 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย NC (Non-compliance) และยังคงเครื่องหมาย SP (Suspension) ห้ามซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทต่อไป


2. ให้ STAR แจ้งแนวทางดำเนินการแก้ไขเหตุเพิกถอน กรณีบริษัทมีการหยุดประกอบกิจการทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด พร้อมทั้งกำหนดเวลาดำเนินการของแนวทางดำเนินการดังกล่าว โดยให้บริษัทเผยแพรให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนได้ทราบภายในวันที่ 17 ก.ย.2564

3. เมื่อครบกำหนดเวลาตามข้อ 2 หาก STAR ได้แจ้งแนวทางดำเนินการของบริษัทอย่างครบถ้วนชัดเจนแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะอนุญาตให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทได้เป็นเวลา 1 เดือน และเมื่อครบเวลาดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะห้ามซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทจนกว่าบริษัทจะดำเนินการให้เหตุแห่งการเพิกถอนหมดไปและดำเนินการให้บริษัทมีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขายได้ตามปกติ

หากบริษัทไม่แจ้งแนวทางดำเนินการแก้ไขเหตุเพิกถอนภายในกำหนดเวลาตามข้อ 2 ตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจไม่อนุญาตให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท

4. ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะให้ระยะเวลา STAR ในการแก้ไขเหตุเพิกถอนให้หมดไปภายใน 3 ปี นับแต่วันที่ 18 ส.ค.2564 ซึ่งกำหนดเป็น 3 ระยะ โดยแต่ละระยะมีเวลา 1 ปี (NC ระยะที่ 1, NC ระยะที่ 2 และ NC ระยะที่ 3 เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว หากบริษัทยังไม่สามารถแก้ไขเหตุเพิกถอนให้หมดไปได้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเสนอคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อพิจารณาเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทต่อไป

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลสำคัญของบริษัท พร้อมทั้งติดตามการนำเสนอแนวทางดำเนินการแก่ไขเหตุเพิกถอนของบริษัทต่อไป
#3327


ในวงการ "ขายของออนไลน์" การจะได้ความประทับใจของลูกค้ามานั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย หนึ่งในวิธีที่จะซื้อใจลูกค้าให้ติดหนึบ จนกลายเป็นลูกค้าประจำที่กลับมา "ซื้อซ้ำ" เสมอ นอกจากกลยุทธ์ด้านการขายต่างๆ แล้ว การใส่ใจต่อ "กล่องพัสดุ" ก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน


ทำไม? ต้องตกแต่ง "กล่องพัสดุ"
คำถามนี้อาจจะผุดขึ้นในหัวของพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ ที่คิดว่ากล่องพัสดุของเรามันดีแล้ว มีการจ่าหน้าซองที่ถูกต้องครบถ้วน และชัดเจน จะต้องตกแต่งเพิ่มอีกทำไม? แต่หารู้ไม่! การตกแต่ง "กล่องพัสดุ" มีส่วนทำให้เกิดการ "ซื้อซ้ำ" และเพิ่มความประทับใจต่อสินค้า (Customer Experience) ได้มากถึง 72%

อ้างอิงจากผลสำรวจเรื่อง "ความพึงพอใจของคนอเมริกาต่อกล่องพัสดุและบรรจุภัณฑ์ในการซื้อสินค้า (ปี 2018)" จากบริษัท Paper and Packaging Board ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งชื่อดังของอเมริกาที่ร่วมมือกับ IPSOS บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยการตลาด

นอกจากนี้ "การแต่งกล่องพัสดุ" ยังส่งเสริมการตลาดแบบไวรัล (บอกต่อปากต่อปาก) บนโลกออนไลน์ ด้วยเทรนด์การทำคอนเทนต์เกี่ยวกับ แกะกล่องพัสดุ ที่เรียกว่า Unbox เพิ่มมากขึ้น ทั้งใน Youtube, Tiktok และ Instargram (แม้แต่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยังเคยทำคลิปวิดีโอ Unbox เช่นกัน)

หากเลื่อนลงไปดูในช่องแสดงความคิดเห็น มักจะเห็นผู้คนเข้ามาพิมพ์ข้อความในเชิงบวก เป็นต้นว่า ซื้อที่ร้านไหน, อยากซื้อบ้าง ฯลฯ ซึ่งสามารถขยายฐานลูกค้าได้อีกมาก ชนิดที่แม่ค้าพ่อค้าอาจไม่ต้องลงแรงด้านมาร์เก็ตติ้งอะไรเลย นี่คือเวทมนตร์วิเศษที่เรียกว่า "การแต่งกล่องพัสดุ" ที่แม่ค้าออนไลน์ทั้งหลายจะมองข้ามไม่ได้

ไอเดียตกแต่ง "กล่องพัสดุ" ให้ ว้าว! แบบลืมไม่ลง
หลังจากที่ตระหนักถึงความสำคัญของกล่องพัสดุแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือ การมองหาไอเดียการตกแต่งกล่องพัสดุ ที่สามารถนำมาปรับใช้ให้ตรงกับความเหมาะสมของสินค้าของคุณ ซึ่งเรามีไอเดียง่ายๆ มาแนะนำกัน ดังนี้

1. ปั๊มตราสัญลักษณ์ของร้านลงบนกล่อง

การพิมพ์หรือปั๊มตราสัญลักษณ์ของร้านลงบนกล่อง ถือเป็นวิธีที่ง่ายๆ ที่สามารถสร้างความจดจำให้แก่ร้านค้าตั้งแต่ครั้งแรกที่สินค้าถึงมือลูกค้า โดยอาจจะเลือกพิมพ์หรือปั๊มชื่อร้าน, โลโก้, สัญลักษณ์ของร้าน ลงไปบนกล่องพัสดุที่เตรียมจะส่งได้เลย ยืนยันได้จากร้านค้าออนไลน์หลายๆ ร้านก็นำไอเดียนี้มาใช้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Diamond Grains, Premium fruit Delivery, Konvy เป็นต้น

2. ใช้สีกล่องตรงกับสีแบรนด์ เพื่อตอกย้ำเอกลักษณ์ของร้าน

นอกจากการพิมพ์หรือปั๊มสัญลักษณ์ร้านแล้ว สิ่งที่สามารถตอกย้ำเอกลักษณ์ของร้านอีกอย่างคือการเลือกใช้สีกล่อง ที่บ่งบอกถึงตัวตนของร้าน หรือสินค้านั้นๆ สำหรับตัวอย่าง "กล่องพัสดุ" ที่มีการเพิ่มลูกเล่นด้วยสีกล่อง ได้แก่ แบรนด์ Ducati, แบรนด์ Chand เป็นต้น


3. ติดเทปหรือสติ๊กเกอร์ สร้างเอกลักษณ์ให้กล่อง

แม้ว่าพื้นที่ที่การเป็นมองเห็นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ข้างกล่องไปรษณีย์ แต่ถ้าใครมีงบน้อยที่ไม่เน้นการพิมพ์กล่อง หรือใช้สีกล่องที่แตกต่าง ก็อาจจะเพิ่มลูกเล่นความน่ารักให้กับกล่องพัสดุด้วยการปรับเทปแบบเดิมๆ ให้มีลวดลายเพิ่มมากขึ้น เช่น เทปที่มีลายการ์ตูน เทปที่มีข้อความ Thank You เป็นต้น


อัพเดทล่าสุด! 'มิสทินสู้โควิด' แจก 2,000 บาท ประกาศรายชื่อแล้ว เช็คได้ที่นี่
โอนเงิน ม.33-39-40 ใน 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม วันไหนบ้าง เช็กเลย!
ประกันสังคมมาตรา 40 มาตรา 39 เงินเยียวยา เช็ควันโอน-แนะผูกพร้อมเพย์ง่ายๆรอเงินเข้า
ห่อหุ้มสินค้า เรื่องจำเป็นที่ต้องไม่ลืม
หากให้ความสนใจเรื่องกล่องพัสดุแล้ว เรื่องการหุ้มห่อสินค้าก็ต้องใส่ใจควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นการหุ้มห่อสินค้าพิเศษ หรือสินค้าที่เสี่ยงต่อการเสียหาย แตกหักง่าย โดยมีเคล็ดลับการห่อของประเภทต่างๆ ที่ ไปรษณีย์ไทย มีข้อแนะนำไว้ ได้แก่

สิ่งของที่มีความยาว : ห่อหุ้มด้วยวัสดุกันกระแทก และบรรจุลงในกล่องให้มิดชิด
ของเหลว : ใช้เทปกาวปิดรอยต่อบริเวณคอ หรือฝาของบรรจุภัณฑ์ให้แน่น พร้อมกับห่อหุ้มด้วยวัสดุกันกระแทกก่อนบรรจุลงถุงอีกชั้นหนึ่ง
ของแตกหักง่าย : หากต้องการส่งหลายชิ้นในกล่องใบเดียวควรห่อหุ้มด้วยวัสดุกันกระแทกแบบแยกชิ้น หลีกเลี่ยงการวางซ้อนกัน เพราะทำให้วัตถุเสียหายได้
เอกสารหรือรูปภาพ : ใช้ฟิวเจอร์บอร์ดหรือกระดาษแข็งประกบเอกสารหน้า-หลัง ติดเทปกาวให้แน่นหนา รวมถึงการใช้ซองพลาสติกห่อหุ้มอีกชั้นเพื่อป้องกันน้ำ และนำใส่ซองแล้วปิดผนึกให้เรียบร้อย
ทั้งหมดนี้ คือ เทคนิคเพื่อใช้กับกล่องพัสดุ เพียงแค่เลือกข้อที่เหมาะสม อยู่ในงบประมาณ และนำมาปรับใช้กับสินค้าของตนเอง เท่านี้พ่อค้าแม่ค้าก็จะทำให้กล่องพัสดุทุกกล่องที่ส่งไปถึงมือลูกค้าเหมือนของขวัญแสนพิเศษที่พวกเขาเฝ้ารอ และประทับใจจนต้องกลับมาซื้อซ้ำ
#3328


กาชาดสากลเรียกร้องทุกประเทศทั่วโลกแบ่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่ม เพื่อควบคุมอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตที่พุ่งทำสถิติจากสายพันธุ์เดลตา

"อเล็กซานเดอร์ มาเธอู" ผู้อำนวยการสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงประจำเอเชีย-แปซิฟิก แถลงเมื่อวันพุธ (18 ส.ค.) ว่า ไวรัสโคโรน่ากลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาที่ระบาดหนักมาระยะหนึ่งในเอเชียอาคเนย์ ไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติลงง่ายๆ และภูมิภาคนี้ที่เคยรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายที่สุดจากการระบาดระลอกก่อนๆ ในปีที่ผ่านมา กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดที่มีสถิติผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในโลกในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

กาชาดสากล ตั้งข้อสังเกตว่า ประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รวมถึงเวียดนาม ไทย และอินโดนีเซีย มีผู้ติดเชื้อหรือเสียชีวิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์

"ในระยะสั้นชาติร่ำรวยจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามแบ่งปันวัคซีนส่วนเกินให้เอเชียอาคเนย์เป็นการเร่งด่วน นอกจากนั้น ผู้ผลิตวัคซีนควรแบ่งปันเทคโนโลยีกับภาครัฐของชาติเหล่านี้เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต

พร้อมเตือนว่า ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องยกระดับการรักษา การตรวจ และการฉีดวัคซีนในทุกพื้นที่ของทุกประเทศในภูมิภาคนี้ และต้องตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ถึง 70-80% ของจำนวนประชากร"มาเธอู กล่าว
#3329


สินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำดื่ม น้ำอัดลม ขนมบางหมวดฯ หายไปจากชั้นวางสินค้าหรือเชลฟ์ โดยเฉพาะเฉพาะนาทีทองช่วงเย็น ทำให้ผู้ผลิตออกมายอมรับ โรคโควิดระบาด กระทบสุขภาพพนักงาน ส่งผลต่อโรงงานและการผลิตสินค้า รวมถึงการขนส่งสะดุดบ้าง ฟาก "ปลากระป๋อง" แจงเหตุสินค้าขาดตลาด เกิดจากวัตถุดิบ "ปลาซาร์ดีน" ป้อนโรงงานไม่เพียงพอ เกิดทุกปีช่วงไตรมาส 3 คาดกลางไตรมาส 4 สถานการณ์ดีขึ้น 

แหล่งข่าวจากวงการสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า จากภาวะสินค้าจำเป็นหลายอย่างโดยเฉพาะ "ปลากระป๋อง" ขาดแคลนบนชั้นวางในห้างร้านต่างๆ  รวมถึงร้านสะดวกซื้อ เกิดจาก 2-3 ปัจจัยที่กระทบการผลิตสินค้า ประการแรก ตลาดปลากระป๋องในประเทศไทยเปลี่ยนแปลง เดิมปลาแมคเคอเรล เป็นสัดส่วนใหญ่สุด แต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา ปลาซาร์ดีน เข้ามากินสัดส่วนมากขึ้นเป็น 70-80% 

ทั้งนี้ วัตถุดิบปลาซาร์ดีนต้องนำเข้าจากต่างประเทศเกือบ 100% และไตรมาส 3 ของทุกปี ผู้ผลิตปลากระป๋องต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนวัตถุดิบอย่างหนัก จึงส่งผลต่อกำลังการผลิตและปริมาณสินค้าออกสู่ตลาด และ 2 ปีที่ผ่านมา การนำเข้า-ส่งออกต้องเจอวิกฤติขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิความเย็น ทำให้การส่งวัตถุดิบสะดุดหนักขึ้น 

นอกจากนี้ โรคโควิดที่ระบาดในไทย มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะไม่มีโรงงานผลิตสินค้าใดมีพนักงานรอดพ้นการติดเชื้อไวรัส เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ต้องมีการปิดโรงงานเป็นเวลาหลายวัน และส่งผลให้กำลังการผลิตสินค้ารวมถึงปลากระป๋องลดลงเหลือ 60-70% บ้าง จากนั้นจึงฟื้นตัวกลับมา  เช่นเดียวกับการขนส่งและกระจายสินค้า เมื่อศูนย์กระจายสินค้าของร้านค้าพันธมิตรมีผู้ติดเชื้อไวรัส ทำให้การป้อนสินค้าเข้าร้านกระทบตามไปด้วย  


"วันนี้เป็น New Normal โรงงานมีพนักงานติดโควิด เพราะอุตสาหกรรมต้องใช้แรงงานผลิตสินค้า แต่บริษัทต้องบริหารจัดการให้กำลังผลิตกลับมา ขณะเดียวกันห้วงวิกฤติองค์กรต้องไม่ทอดทิ้ง ควรโฟกัสการดูแลพนักงานให้มากขึ้นเพื่อรอดและก้าวสู่วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า เพราะอนาคตไม่รู้จะเจอบททดสอบอะไรที่หนักขึ้น"  

ส่วนด้านความต้องการของผู้บริโภคมีการปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจากการซื้อปริมาณมากในแต่ละครั้งเพื่อเก็บไว้บริโภคช่วงอยู่บ้านมากขึ้น ยังมีหน่วยงานต่างๆซื้อไปบริจาคแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ผู้ป่วยกักตัวอยู่บ้านเช่นกัน 

"สินค้าที่ขาดบนเชลฟ์ เกิดจากทั้งซัพพลายเชนได้รับผลกระทบ แต่ปลากระป๋อง แตกต่างจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรงที่เผชิญกับการขาดแคลนวัตถุดิบปลาซาร์ดีนด้วย แม้ผู้ผลิตจะรู้สถานการณ์ทุกปีและวางแผนรับมือการผลิต แต่สภาพอากาศที่แปรปรวน มีผลต่อการจับปลา ปริมาณวัตถุดิบป้อนสู่ตลาดอยู่แล้ว จึงยืนยันว่าผู้ผลิตไม่มีการกัดตุนสินค้าแน่นอน เพราะการทำเช่นนั้นถือเป็นการฆ่าตัวเอง"  

ปัจจุบันปลากระป๋อง ยังเป็นสินค้าที่หายากในบางช่องทางจำหน่าย แต่แนวโน้มซัพพลายสินค้าจะเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่าจะเป็นช่วงกลางไตรมาส 4 ภายใต้เงื่อนไม่มีเหตุการณ์โรคระบาดแทรกซ้อนอีกครัง   

"ภาพรวมปลากระป๋องไม่ขาดตลาด แต่อาจหาซื้อค่อนข้างยากทุกยี่ห้อ เพราะสินค้าเป็นที่ต้องการมากขึ้น แต่การผู้ผลิตไม่ได้ขายดีกว่าเดิม เนื่องจากวัตถุดิบหายาก"
#3330


นายเกียรติศักดิ์ สิริรัตนกิจ รักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขอชี้แจงผลการดำเนินงาน สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 432.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 329.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 321.17 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งมีกำไรสุทธิ 102.71 ล้านบาท


และเนื่องจากผลการดำเนินงานตามงบกำไรขาดทุนดังกล่าวแสดงผลกำไรสุทธิซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่าร้อยละ 20 บริษัทฯ จึงใคร่ขอชี้แจงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่มีสาระสำคัญดังนี้

1. รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 260.43 ล้านบาท จาก 627.66 ล้านบาท เป็น 888.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.49 เนื่องจาก

- รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 272.69 ล้านบาท จาก 511.69 ล้านบาท เป็น 784.38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.29 ซึ่งเป็นไปตามมูลค่าการซื้อขายของลูกค้าของบริษัทฯ ในงวด 6 เดือน ปี 2564 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.39 จากงวดเดียวกันของปี 2563

- รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 12.27 ล้านบาท จาก 115.98 ล้านบาท เป็น 103.71 ล้านบาท หรือลดลงร้อยล: 10.58 ซึ่งเป็นไปตามปริมาณการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของลูกค้าของบริษัทฯ ในงวด 6 เดือน ปี 2564 ที่ลดลงร้อยละ 25. 76 จากงวดเดียวกันของปี 2563

2. รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 59.82 ล้านบาท จาก 88.64 ล้านบาท เป็น 148.46 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.49 เนื่องมาจากการรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 14.63 ล้านบาท รายได้จากการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 20.67 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 27.52 อย่างไรก็ตามรายได้จากการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ลดลง 2.99 ล้านบาท

3. รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 64.15 ล้านบาท จาก 198.97 ล้านบาท เป็น 263.13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.24

4. กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 319.65 ล้านบาท จาก 147.58 ล้านบาท เป็น 467.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 216.59 เนื่องมาจากกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 872.13 ล้านบาท ในขณะที่กำไรจากอนุพันธ์ลดลง 544.28 ล้านบาท และรายได้เงินปันผลลดลง 8.19 ล้านบาท

5. ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 278.88 ล้านบาท จาก 951.95 ล้านบาท เป็น 1,230.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.30 ซึ่งค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 195.97 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายเพิ่มขึ้น 62.36 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้น 30.76 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 9.86 ล้านบาท

6. ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 96.60 ล้านบาท จาก 13.69 ล้านบาท เป็น 110.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 705.75 เนื่องมาจากกำไรก่อนภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 426.48 ล้านบาท จาก 116.40 ล้านบาท เป็น 542.88 ล้านบาท

ดังนั้น จึงมีผลทำให้ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานของงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 321.17
#3331


การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 17 ส.ค.2564 มีการพิจารณาจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อฉีดให้กับประชาชนหลังจากที่กรมควบคุมโรคได้ลงนามกับไฟเซอร์และไบออนเทค เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2564 เพื่อซื้อวัคซีนไฟเซอร์ให้ประชากรกลุ่มเป้าหมาย 20 ล้านโดส ในขณะที่ ครม.ล่าสุดให้กระทรวงสาธารณสุขซื้อวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มอีก 10 ล้านโดส รวมเป็น 30 ล้านโดส

แหล่งจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่ามีแผนที่จะฉีดวัคซีนให้ประชากรที่อยู่ในประเทศไทย 70% ภายในปี 2564 ซึ่งมีการเสนอแผนการจัดหาวัคซีน 168 ล้านโดส โดยมีระยะเวลาการส่งมอบตั้งแต่เดือน ก.พ.2564-มี.ค.2565 แบ่งการจัดหาเป็น 5 กลุ่ม คือ

1.วัคซีนซิโนแวค 19.5 ล้านโดส มีระเวลาการส่งมอบตั้งแต่ ก.พ.-ส.ค.2564 ใช้งบกลางจัดหา 7.6 ล้านโดส ใช้งบจาก พ.ร.ก.กู้เงินจัดหา 10.9 ล้านโดส และรับบริจาคจากจีน 1 ล้านโดส

2.วัคซีนแอสตร้า เซเนก้า 62.46 ล้านโดส มีระยะเวลาการส่งมอบตั้งแต่ ก.พ.-ธ.ค.2564 เป็นการใช้งบกลางจัดหา 26 ล้านโดส ใช้งบจาก พ.ร.ก.กู้เงินจัดหา 35 ล้านโดส รับบริจาคจากญี่ปุ่น 1.05 ล้านโดส รับบริจาคจากสหราชอาณาจักร 415,000 โดส

3.วัคซีนไฟเซอร์ 31.5 ล้านโดส มีระยะเวลาการส่งมอบตั้งแต่ ส.ค.-ธ.ค.2564 เป็นการใช้งบจาก พ.ร.ก.กู้เงินจัดหา 30 ล้านโดส และรับบริจาคจากสหรัฐ 1.5 ล้านโดส


4.วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 5 ล้านโดส ระยะเวลาการส่งมอบ ธ.ค.2564 โดยทั้งหมดเป็นการใช้งบจาก พ.ร.ก.กู้เงินจัดหา

5.วัคซีนซิโนแวค วัคซีนแอสตร้า เซเนก้า และวัคซีนอื่นๆ 50 ล้านโดส ระยะเวลาการส่งมอบ ม.ค.-มี.ค.2565 โดยทั้งหมดเป็นการใช้งบจาก พ.ร.ก.กู้เงินจัดหา



อนุมัติซื้อไฟเซอร์30ล้านโดส

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.วันที่ 17 ส.ค.2564 มีมติเห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในไทยโดยให้มีการอนุมัติงบประมาณจากเงินกู้ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน วงเงิน 9.37 พันล้านบาทเพื่อซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส 

โดยกรอบวงเงินดังกล่าวแบ่งเป็นค่าวัคซีน 8.44 พันล้านบาท และการบริหารจัดการ 933.6 ล้านบาท มีช่วงระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ส.ค.-ธ.ค. โดยกลุ่มเป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรค โดยโครงการนี้อยู่ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม ของกรมควบคุมโรค ตามนโยบายรัฐบาลที่จะจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชน 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 สำหรับสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค

"ขณะนี้มีผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่หลากหลาย รัฐบาลจึงเห็นควรให้มีจัดหาวัคซีนที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันให้สามารถครอบคลุมการกลายพันธุ์ของไวรัส โควิด-19 ที่มีอยู่ทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่คนไทยได้อย่างแท้จริง ลดอัตราการป่วย การเสียชีวิต และลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในการดูแลรักษาผู้ป่วยช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็ว"นายอนุชา กล่าว 

นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบให้มีการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส  พร้อมมอบให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามกับผู้แทนบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัดและไบออนเทค ทำให้การจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA เพิ่มอีก 10 ล้านโดสจำนวนเป็น 30 ล้านโดส ซึ่งจะเริ่มทยอยจัดส่งในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 นี้ 

เร่งไฟเซอร์ส่งมอบเร็วขึ้น

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ให้ ครม.รับทราบว่า การพิจารณาเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2564 ได้ให้กรมควบคุมโรคเร่งปรับแผนการจัดหาวัคซีนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันทั้งประเภทและปริมาณของวัคซีน และระยะเวลาที่คาดว่าจะได้รับมอบวัคซีนในช่วงที่เหลือของปี 2564 และในช่วงปี 2565 เพื่อให้การบริหารจัดการวัคซีนได้ประสิทธิภาพสูงสุด และไม่มีปัญหาการเข้าถึงวัคซีนเหมือนที่ผ่านมา รวมถึงการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประชาชนได้อย่างน้อย 70% ภายในปี 2564 ตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรครายงานว่าจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ได้ในเดือน ต.ค.2564 ตามสัญญาที่ลงนามไว้กับบริษัทไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด แต่กรมควบคุมโรคได้ประสานเพื่อเร่งรัดการส่งมอบวัคซีนให้เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ รวมทั้งคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ต้องการให้กรมควบคุมโรคจัดหาวัคซีนที่มีเทคโนโลยีหลากหลาย เพื่อให้ครอบคลุมการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสที่มีอยู่ทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง

รวมทั้งต้องการให้กรมควบคุมโรควางแผนความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จัดหาเงินกู้เพื่อใช้จ่ายตามแผนที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการเงินของภาครัฐ
#3332


ดร.จิรศักดิ์ จิยะจันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WORLD) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในงวดไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีรายได้รวม 1,213.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,199.30 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเกิน 100% แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวน 1,189.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,175.88 ล้านบาท เกิดจากการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ในนิคมอุตสาหกรรม คิดเป็น 79% ของพื้นที่ในโซนอุตสาหกรรม หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% ของมูลค่าโครงการ

ขณะที่รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจำนวน 6.66 ล้านบาท มาจากบริษัทย่อยที่เริ่มมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในไตรมาส 2 เป็นงวดแรก โดยรับรู้ตามวิธี Cost-to-Cost Method ซึ่งเป็นวิธีประมาณการอัตราส่วนความสำเร็จของงานจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบันเทียบกับประมาณการต้นทุนค่าก่อสร้างทั้งสิ้น

"ทีมผู้บริหารมีความตั้งใจอย่างเต็มที่และทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยพยายามสร้างรายได้และกำไรของ WORLD ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นทุกคน ซึ่งขณะนี้ผลงานเริ่มเป็นที่ประจักษ์โดยเริ่มจากผลประกอบการเทิร์นอะราวนด์ที่เด่นชัดในครั้งนี้"

โดยในงบไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีกำไรสุทธิ 55.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 56 ล้านบาท ที่ขาดทุนสุทธิ 0.45 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 65.41 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4.74 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมมีจำนวน 1,158.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,143.30 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเกิน 100% แบ่งเป็นต้นทุนขายจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวน 1,007.68 ล้านบาท โดยรับรู้ต้นทุนขายจากการปันส่วนตามพื้นที่ขาย ต้นทุนจากการก่อสร้างจำนวน 4.52 ล้านบาท รับรู้ตามต้นทุนจริงที่เกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 81.34 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นค่านายหน้าจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม และค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ต้นทุนทางการเงินจำนวน 0.07 ล้านบาท

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย 1.โครงการนิคมอุตสาหกรรมในรูปแบบของที่ดินเปล่า โกดังสินค้า โรงงาน อาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์เพื่อจำหนาย และให้เช่า รวมถึงการให้ซื้อขายสาธารณูปโภค การให้บริการด้านสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรม 2.โครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบของที่ดินเปล่า บ้าน วิลล่า คอนโดมิเนียม โรงแรมเพื่อจำหน่ายและให้เช่า รวมถึงการให้บริการในการบริหารนิติบุคคลหรือที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโครงการเชิงอุตสาหกรรมและพาณิชย์แนวราบเพื่อจำหน่าย ประกอบไปด้วยโครงการนิคมอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ 3.ธุรกิจรับเหมากอสร้าง และ 4.ธุรกิจโรงพยาบาลและบริการด้านสุขภาพ จำหน่ายเครื่องมือแพทย์ (ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้)
#3333


ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ร้านออกแบบกราฟิกครบวงจรเมืองขอนแก่น ปรับตัวปรับแต่งหน้าร้านเปิดขายแฮมเบอร์เกอร์และกาแฟ จับช่องทางขายออนไลน์ หลังธุรกิจหลักรายได้หดหาย จากสถานการณ์โควิด-19ระบาดหนัก

ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุด ได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม และภาคธุรกิจต่างๆสูงมาก ซึ่งธุรกิจออกแบบกราฟิก เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมาก เช่นเดียวกับร้านเพลิน Studio ร้านรับออกแบบกราฟิกครบวงจร ตั้งอยู่ถนนหลังเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ต้องปรับปรุงร้านมาทำเบอร์เกอร์ ตามออเดอร์ลูกค้า ประครองธุรกิจให้อยู่รอด พร้อมปรับหน้าร้านให้เป็นร้านขายเบอร์เกอร์ และกาแฟ ใช้ช่องทางขายผ่านออนไลน์ ตามออเดอร์ผ่านไรเดอร์ส่งอาหาร และขายหน้าร้าน นำกลับไปทานที่บ้านเท่านั้น

นายศิริภัทร์ เพียศิริ หรือ "อ.ต้อง" อดีตอาจารย์สอนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น เป็นเจ้าของร้านเพลิน Studio เปิดเผยว่านับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รอบแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ทางร้านก็เริ่มได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่สามารถผลิตงานกราฟิกและงานออกแบบส่งให้กับลูกค้าได้ โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศ กระทั้งเกิดการแพร่ระบาดในรอบที่ 2 งานก็หดหายลงไปอีก เพราะลูกค้าที่สั่งผลิตงานน้อยลง


กระทั่งเข้าสู่การแพร่ระบาดระลอกที่ 3 งานออกแบบกราฟิกเหลือน้อยมาก จึงคิดหาวิธีสร้างรายได้เสริม จึงเริ่มศึกษาวิธีการทำเบอร์เกอร์และกาแฟขายผ่านออนไลน์ รวมทั้งใช้ความชื่นชอบในการทำอาหารของตนเอง โดยการใช้พื้นที่หน้าร้านปรับปรุงเป็นร้านเบอร์เกอร์แบบโฮมเมด โดยใช้ชื่อร้านว่า "Little Me Burger & Coffee"

ส่วนเมนูให้เลือก มีทั้งเบอร์เกอร์หมู เบอร์เกอร์เนื้อ ชีสเบอร์เกอร์ พิซซ่าญี่ปุ่น ราคาเริ่มต้นที่ 49 บาท รวมทั้งเครื่องดื่มประเภทกาแฟ โดยหลังจากเปิดขายหน้าร้านมาได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็มีลูกค้าสนใจสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้เสริมในช่วงที่ว่างเว้นจากงานออกแบบกราฟิก และมีรายได้มาหมุนเวียนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19


เคล็ดลับความอร่อยของเบอร์เกอร์และพิซซ่าญี่ปุ่นของร้าน คือการใช้วัตถุดิบที่ใหม่ สด สะอาด โดยวัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนประกอบ เช่นหมูสับและผักสด จะซื้อมาแบบวันต่อวัน เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชาติที่สดอร่อย ลูกค้าที่ต้องการลิ้มลอง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น สามารถสั่งซื้อได้ทางแอพลิเคชันไลน์แมน และฟู้ดแพนด้า หรือจะมาสั่งที่ร้านกลับไปทานที่บ้านก็ได้ โดยร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น. หรือจะโทรศัพท์มาสอบถามก่อนก็ได้ที่เบอร์ 089-7104648
#3334
'airasia food' ประเดิมเปิดให้บริการ ในกรุงเทพฯ 4 พื้นที่

อแมนดา วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอป กล่าวว่า วิกฤติโควิด 19 ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของเราไปอย่างถาวร จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบริการฟู้ดเดลิเวอรี่และการซื้อกลับบ้านกลายเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมการบริโภคของคนจำนวนมาก

"แอร์เอเชียพร้อมนำเสนอบริการซึ่งสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบนิวนอร์มอลแก่คนกรุงเทพฯ และช่วยสนับสนุนคนไทย ทั้งร้านอาหารและคอมมิวนิตี้ต่างๆ ไปในเวลาเดียวกัน ความตั้งใจของพวกเราคือพัฒนา airasia super app ให้กลายเป็นไลฟสไตล์แอปพลิเคชันแบบครบวงจรสำหรับทุกคนและทุกความต้องการ"

อแมนดา กล่าวเสริมว่า airasia super app มุ่งมั่นที่จะเติบโตในฐานะแอปพลิเคชันที่ให้บริการครบวงจรสำหรับทุกคนและทุกความต้องการในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว บริการส่งอาหาร หรือโลจิสติกส์ ถือได้ว่าบริการฟู้ดเดลิเวอรี่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติธุรกิจ และเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวบริการส่งของ บริการส่งของกินของใช้ บริการเรียกรถโดยสาร และบริการความสวยความงาม

นายวรุฒ วุฒิพงศาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอป กล่าวว่า ด้วยการผนึกความรู้ที่ได้จากความสำเร็จของซูเปอร์แอปในมาเลเซียและสิงคโปร์ ความเชี่ยวชาญของทีมเทเลพอร์ต ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจด้านโลจิสติกส์ของเรา ความแข็งแกร่งของทีมแอร์เอเชียในเรื่องของธุรกิจท่องเที่ยว และความเข้าใจในตลาดของทีมงาน Gojek ประเทศไทย จึงมั่นใจว่า airasia food จะสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้าที่สุดและกลายเป็นทางเลือกที่ผู้คนในกรุงเทพฯ นิยมใช้อย่างแน่นอน 
"ภารกิจของ airasia food คือเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมอาหารหลากหลายที่ตรงใจ ในราคาเข้าถึงได้ และมีประสบการณ์ที่ใช้งานง่าย รวมถึงช่วยสนับสนุนร้านค้าและผู้ขับขี่ในระบบนิเวศอย่างมีประสิทธิภาพและราคาที่ดีที่สุด สำหรับลูกค้า"



สำหรับร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการระบาดในปัจจุบัน ในการเปิดตัวจะคิดว่าคอมมิชชั่นเพียง 5% ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนตุลาคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนร้านค้ โดยจะเริ่มให้บริการใน 4 พื้นที่ในกรุงเทพฯ ได้แก่ ดินแดง จตุจักร ลาดพร้าว และห้วยขวาง

ก่อนขยายพื้นที่ให้บริการอีก 4 เขต คือ พญาไท ราชเทวี ปทุมวัน และวัฒนา โดยในแอปพลิเคชันมีร้านค้ามากมายหลากหลายให้เลือก ตั้งแต่แบรนด์ดังอย่างแม็คโดนัลด์ แฟลช คอฟฟี่ หรือคาเฟ่ อเมซอน ไปจนถึงร้านค้าเอสเอ็มอี และเปิดให้บริการตั้งแต่ 6.30 น. ถึง 19.00 น. ของทุกวัน พร้อมตั้งเป้าขยายสู่พื้นที่อื่นๆ อาทิ เชียงใหม่และภูเก็ตในอนาคตอันใกล้

ทั้งนี้ เพื่อฉลองการเปิดตัวในประเทศไทย airasia food มอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สำหรับผู้ใช้ใหม่ภายใต้แคมเปญการเปิดตัว ทั้งแจกฟรี ส่งฟรี และอื่นๆ ได้แก่ แคมเปญฟรี 30,000 มื้อเป็นเวลา 30 วัน วันละ 1,000 มื้อ โดยร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำ อาทิ แม็คโดนัลด์ แฟลช คอฟฟี่ และคาเฟ่ อเมซอน เพื่อจัดเมนูยอดนิยมมามอบให้ฟรีวันละ 1 เมนู หมุนเวียนมาให้ลูกค้าได้สั่ง เพียงใส่โค้ด FREEMEALS จะได้รับเมนูประจำวันฟรีทุกวัน (จำกัดออเดอร์ต่อวัน / 1 ครั้งต่อผู้ใช้ตลอดแคมเปญ) ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม - 16 กันยายน 2564

รวมถึงจัดส่งฟรีสำหรับทุกออเดอร์ภายใน 6 กิโลเมตรแรก ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม - 30 กันยายน 2564
ส่วนลด 80 บาทสำหรับผู้ใช้ใหม่เมื่อสั่งขั้นต่ำ 100 บาท เพียงใส่โค้ด HELLO80 ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม - 30 กันยายน 2564 และมอบ BigPoint จำนวน 2,000 แต้มสำหรับสมาชิก 20,000 รายแรกที่ได้ลงทะเบียนใช้งานครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม - 16 กันยายน 2564
#3335


LDC เผยภาพรวมธุรกิจทันตกรรมฟื้นตัวต่อเนื่องในครึ่งปีแรก ชูการบริหารจัดการ 27 สาขา เจาะฐานลูกค้าคนไทย ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้วยกลยุทธ์ LDC The Next Normal หนุนทิศทางธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ด้าน "หมอหนึ่ง ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์" รับเศรษฐกิจชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ผู้รับบริการลดลง แต่พร้อมเดินหน้ายกระดับสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด หากสถานการณ์ผ่อนคลาย จะทำให้ LDC เติบโตและฟื้นตัวเร็ว รับความต้องการด้านทันตกรรมพุ่ง เสริมทัพด้วยสหคลินิกที่มีบริการด้านความงามภายใต้แบรนด์ LDC Esthetics ที่เปิดควบคู่ 5 สาขา และการพัฒนาผลิตภัณฑ์มีทิศทางที่ดี หนุนผลงานไตรมาส 2 LDC มีรายได้เพิ่มเกือบ 90% ขณะที่ขาดทุนลดลง

ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ผู้ให้บริการศูนย์ทันตกรรมทันตแพทย์เฉพาะทางในนาม LDC Dental เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 2/2564 มีรายได้รวมจำนวน 77.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 6.32 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 8.90% เนื่องจากรายได้จากการบริการทันตกรรมเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ของปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทฯ หยุดดำเนินการชั่วคราวในสาขากรุงเทพฯ ปริมณฑล และสาขาต่างจังหวัดบางสาขา เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีผลขาดทุนลดลงอยู่ที่ 10.50 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 11.38 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น

ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรก ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 178.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ลดลงจำนวน 10.87 ล้านบาท คิดเป็น 5.74% จากรายได้ทันตกรรมลดลง 13.04 ล้านบาท แต่รายได้การให้บริการความงามเพิ่มขึ้น 1.61 ล้านบาท เนื่องจากการให้บริการความงามภายใต้แบรนด์ LDC Esthetics จำนวน 5 สาขา ซึ่งเป็นสาขาที่เปิดควบคู่บริการทันตกรรม สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ปิดสาขาที่ไม่สามารถทำกำไรในช่วงไตรมาส 1/2564 จำนวน 3 สาขา ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 6.55% ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบโดยมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ในงวดครึ่งปีแรกมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 18.99 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดครึ่งปีแรกของปีก่อน ที่มีผลขาดทุนอยู่ที่ 21.79 ล้านบาทแล้ว ลดลง 11.65% นับเป็นการขาดทุนลดลงต่อเนื่อง
โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีคลินิกทันตกรรมภายใต้แบรนด์ LDC Dental รวม 27 สาขาทั่วประเทศ จากการลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความพร้อมในการให้บริการทันตกรรมแก่ลูกค้าครอบคลุมทุกภูมิภาค รวมไปถึงการต่อยอดสู่ธุรกิจความงาม ควบคู่บริการด้านทันตกรรมภายใต้แบรนด์ LDC Esthetics ในสาขาหลักจำนวน 5 สาขา และการต่อยอดด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะยังคงเดินหน้าตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภควิถีใหม่ที่ต้องการความปลอดภัยขั้นสูงสุด ด้วยการยกระดับมาตรฐานการบริการรูปแบบ LDC The Next Normal ที่นำร่องแล้ว 5 สาขา นับว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการทันตกรรมของไทย มั่นใจจะคว้าโอกาสหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยมองว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ประชาชนจะได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ตามมาตรการเร่งด่วนของภาครัฐ อันจะสนับสนุนความต้องการด้านทันตกรรมฟื้นตัว
#3336


หลังจากออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 ส.ค.64 ออกรางวัลที่ 1 หมายเลข 046750 โดยมีผู้โชคดีเป็นเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นในอ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว จำนวน 2 ราย โดยหวยออนไลน์รายแรกเดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เมื่อช่วงค่ำวานนี้ โดยมีร.ต.อ.ประพันธ์ พุฒมี พนักงานสอบสวนร้อยเวร สภ.วังน้ำเย็น เป็นผู้รับแจ้งความ


จากการสอบถามทราบว่า ผู้ถูกรางวัลที่ 1 คือ นายขวัญประชา หมื่นแสน อายุ 37 ปี ชาวต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น ทำงานอยู่ที่โรงงานน้ำตาลวังสมบูรณ์ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว หลังจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลประกาศผลการออกลอตเตอรี่งวดวันที่ 16 ส.ค.64 และทราบว่าถูกรางวัลที่ 1 คือสลากงวดที่ 31 ชุดที่ 13 หมายเลข 046750 และสลากงวดที่ 31 ชุดที่ 14 หมายเลข 046750 รวม 2 ใบ ซึ่งซื้อมาจากพ่อค้าเดินขายสลาก ที่ยังเหลือเยอะในแผง จึงได้ถามว่ามีเลขท้าย 750 หรือไม่ คนขายแจ้งว่ามีหวยชุด 2 ใบ มี 3 ชุด แต่ตนเลือกมาชุดหนึ่ง 2 ใบ และโชคดีถูกรางวัลที่ 1 พอดี จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนผู้ที่ถูกรางวัลที่ 1 อีกาย ทราบว่าเป็นแม่ค้าในตลาดวังน้ำเย็น บ้านอยู่ที่บ้านสวนป่า ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ถูกรางวัลที่ 1 หมายเลข 046750 เช่นกัน เป็นเงิน 6 ล้านบาท ส่งผลให้งวดนี้ มีคนในพื้นที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ถูกลอตเตอรี่ถึง 3 ใบ รวมเป็นเงิน 18 ล้านบาท
#3337


"เศรษฐา ทวีสิน" ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิกฤติโควิดครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งต้มยำกุ้ง ปี 2540 ผลกระทบจากโควิดเดือดร้อนหนักหนาสาหัสถึงขั้นไม่มีงานทำ สูญเสียบ้าน รถยนต์ เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก! แม้จะมีวัคซีนป้องกันโควิด แต่การแจกจ่ายวัคซีนยังไม่ทั่วถึงและเป็นไปอย่างล่าช้า

"การนำเข้าวัคซีน ยังคงเป็นเรื่องแรกที่ทุกคนเรียกร้องมานานแล้ว ถือเป็นวาระเร่งด่วน ที่อยู่บนสมมติฐานว่า วัคซีนต้องมา และฉีดให้ครอบคลุมโดยเร็ว ภายใน 120 วัน 180 วัน หรือ 200 วัน ขึ้นอยู่กับรัฐบาล"

รวมถึงเตรียมการ "สั่งซื้อวัคซีนเข็มที่ 3" หรือเตรียมวัคซีน 2-3 เท่า ของจำนวนประชากร (ราว 200 ล้านโดส) ในปีหน้า เป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องทำ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครแฮปปี้เรื่องวัคซีน ถึงขั้นบุคคลกรทางแพทย์ต้องจับฉลากเพื่อฉีดวัคซีน "ผมว่าโควิดทำให้คนตาสว่าง ว่า...สังคมไทยไม่มีความเท่าเทียมกัน"

อีกเรื่องสำคัญที่สุดคือต้องมองไปให้ไกล ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เฉพาะเรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่คือการขับเคลื่อนประเทศที่เข้าไปอยู่บนเวทีแข่งขันโลกที่เราจะแข่งขันได้อย่างมีคุณภาพ สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย

"ไม่ใช่ว่าหลุดจากกับดักโควิดแล้วก้าวไปสู่ความหายนะทางเศรษฐกิจ เพราะสู้เขาไม่ได้ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ โฟกัสวันนี้ ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากการหาวัคซีนมาฉีดให้ประชาชน แต่แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ประเทศไทยจะต้องเกิดขึ้น! เพราะโลกหยุดมา 2 ปีแล้ว มีคนบอบช้ำ มีคนเจ็บปวด มีธุรกิจที่โซซัดโซเซ ล้มหายตายจากไปเยอะมาก เราจะทำอย่างไรให้ตรงนี้กลับมาได้ ดังนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่จะต้องเกิดขึ้น"

เศรษฐา ย้ำว่า การเปิดประเทศ120 วัน นั้น ตามทฤษฎียังมีความเป็นไปได้ แต่นัั่นหมายความว่า ต้องฉีดให้ได้วันละ 6 แสนคน ที่ผ่านมามีบางวันสามารถฉีดได้แสดงว่าบุคคลากรทางการแพทย์มีศักยภาพในการฉีดเพียงแต่ว่า "วัคซีนไม่มา! แม้ความหวังหริบหรี่ แต่สุดท้ายวัคซีนก็มาอยู่ดี"


อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เชื่อว่ายังคงเป็นภาพของ "K-Shaped" โดยที่กลุ่มคนรวยจะอยู่ในส่วนของ "K ขาขึ้น" คนรวย-รวยมากขึ้น ส่วน "K ขาลง" จะอยู่ในแรงงานระดับล่างที่ยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนช่องว่างของความเลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ เกิดขึ้นทั่วโลกส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ การฟื้นเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำไปพร้อมๆ กัน ต้องเริ่มจากที่ รัฐบาล เตรียมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เหมือนสหรัฐ และยุโรปที่มีแผนงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่าง "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ออกมาชัดเจน

รัฐบาลต้องมีการพยุงราคาสินค้า หรือจะเรียกว่าประกันราคาสินค้า จำนำ หรือจ้างผลิต สำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญ อย่าง ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และอ้อย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กลับไปสร้างผลิตผลทางการเกษตรพอที่เลี้ยงครอบครัว

รัฐบาลต้องปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่ เรียกเก็บจากคนที่แข็งแรงอยู่บนยอดพีระมิด ไม่ว่าจะเป็นภาษีความมั่งคั่ง ภาษีมรดกเพื่อนำรายได้จากภาษีเหล่านี้มาชดเชยรายจ่ายที่ไปกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติโควิด

รัฐบาลต้องพิจารณากฏหมายเกี่ยวกับการกระตุ้นการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ให้อินเซนทีฟ และเอื้อนักลงทุน ดึงดูดให้มาลงทุนในประเทศไทย

"ไทยมีความได้เปรียบในเรื่องทำเลที่ตั้ง และโครงสร้างพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ที่ผ่านมาบริหารจัดการเรื่องวัคซีนผิดพลาดเท่านั้น"

นอกจากนี้ รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อมทางด้านเม็ดเงินที่ใช้ในการลงทุน เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ จึงควรต้องขอขยายสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 60% เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศที่มีการปรับอัตราสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สูงขึ้นเพื่ออัดฉีดเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม ในประเทศ

อีกมาตรการเร่งด่วน รัฐบาลต้องช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี เช่น พักหนี้ ให้เงินทุนหมุนเวียน เมื่อเศรษฐกิจกลับมา รวมทั้งธุรกิจสายการบิน หากไม่ช่วยเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วจะมีเครื่องบินที่ไหนไปรับนักท่องเที่ยวมาประเทศไทย

"ปัญหาการเมืองเป็นสิ่งไม่ควรมองข้าม เศรษฐกิจและการเมืองเป็นของคู่กันมาตลอด หากแก้ไขเศรษฐกิจได้แต่ถ้าการเมืองไม่ถูกแก้ไขก็จะเกิดการเมืองบนท้องถนน เกิดการประท้วง เกิดความรุนแรง มาฉุดรั้งเศรษฐกิจอยู่ดี หากรัฐบาลทำอย่างผมเสนอ เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมา วันนี้ไม่ใช่เรื่องของเราแต่เป็นเรื่องประเทศ เมื่อไรที่ประเทศไปได้ ธุรกิจก็ไปต่อได้ ยกเว้นคนที่มีปัญหากระแสเงินสดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมเชื่อว่าถ้าภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ ช่วยกันช่วยเหลือสังคม คนตัวเล็ก พวกเราจะผ่านวิกฤติครั้งไปได้"

เช็คสถิติ 'ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล' ออกงวด 16 ส.ค. ย้อนหลัง 10 ปี 'หวย16/8/64'
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ น่าห่วง! พบติดเชื้อเพิ่ม 21,157 ราย เสียชีวิต 182 ราย ไม่รวม ATK อีก 803 ราย
'โควิดติดเชื้อวันนี้' ชลบุรี 1,223 เสียชีวิตอีก 9 ราย จับตาสถานที่ทำงานยอดพุ่ง
สำหรับวิธีการแก้ปัญหาโควิดของแสนสิริ มองเรื่อง "วัคซีน" เป็นอันดับแรก เพื่อฉีดให้พนักงานและครอบครัว รวมถึงพันธมิตร พนักงานดูแลความสะอาดและความปลอดภัยในโครงการ โดยจองซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม 37,000 โดส ฉีดได้ราว 18,000 คน พร้อมบริจาคให้ราชวิทยาลัยฯ 1,000 โดส เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในสังคมของแสนสิริโดย 9,000 โดสฉีดให้พนักงานและครอบครัว อีก 9,000 โดสฉีดให้พันธมิตรและชุมชนรอบแสนสิริ รวมถึงกลุ่มที่มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนน้อย เช่น รปภ. แม่บ้าน คนสวน ช่าง คนงานในแคมป์ก่อสร้าง ทำให้แรงงานแคมป์ของแสนสิริ มีภูมิคุ้มกันหมู่กว่า 70% บางไซต์ 100%

พร้อมกันนี้ได้หารือกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการสร้างโรงพยาบาลสนาม ในช่วงเกิดโควิดระลอก 2 ย่านนนทบุรี และสมุทรปราการ แต่ยังไม่ทันลงมือสร้าง สถานการณ์ดีขึ้นจึงไม่ได้ทำ พร้อมกันนี้ มีการบริจาครถตรวจโควิด และช่วงโควิดระลอก 3 ร่วมกับพาร์ทเนอร์ สร้างห้องอาบน้ำ 500 ห้องสำหรับผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลบุษราคัม โรงพยาบาลสนามเมืองทองธานี ล่าสุดทำห้องไอซียู 17 ห้อง

กรณี หากมีลูกบ้านที่ติดเชื้อระดับสีเขียวและประสงค์ที่จะกักตัวและรักษาตัวแบบ Home Isolation จะมี "พลัส พร็อพเพอร์ตี้" ทำหน้าที่ประสานงานโรงพยาบาล ที่มีบริการเทเลเมดิซีน เข้ามาดูแล

"วันนี้เราอยากเชิญชวนภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ ให้ความช่วยเหลือสังคมเพื่อให้เกิดการบูรณาการผู้ที่อ่อนแอให้แข็งแรง ตรงไหนรัฐบาลมองไม่เห็นหรือว่าไม่สามารถเข้าถึงได้ก็เข้าไปช่วยพยุง ไม่ว่าจะเป็นสตรีทฟู้ด โชว์ช้าง โชว์ลิง ลิเก หมอรำ ลำตัด ให้อยู่ได้จนถึงช่วงที่เศรษฐฟื้นตัว"
#3338


นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุนประจำปีงบประมาณ 2564 ในช่วง 10 เดือนแรก (ต.ค.2563 -ก.ค.2564) ทอท.สามารถเบิกจ่ายได้ราว 5,639 ล้านบาท ถือว่าน้อยกว่าเป้าหมายที่วางไว้ หากเทียบกับกรอบเบิกจ่ายงบลงทุนทั้งปีงบประมาณอยู่ที่ 15,658 ล้านบาท และแผนเบิกจ่ายสะสมช่วง 10 เดือน 12,200 ล้านบาท

"ภาพรวมการเบิกจ่ายถึงวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ทอท. สามารถเบิกจ่ายได้เพียง 5,639 ล้านบาท คิดเป็น 36% ของกรอบวงเงินเบิกจ่ายทั้งปี และคิดเป็น 46% ของเป้าแผนเบิกจ่ายสะสมช่วง 10 เดือน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าเป้าหมาย สาเหตุสำคัญก็เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด ที่ทำให้การก่อสร้างโครงการล่าช้าออกไป"


อย่างไรก็ดี จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (แซทเทิลไลท์) ต้องล่าช้า ซึ่งเป็นผลจากการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์และบุคลากรจากต่างประเทศเข้ามาไทยไม่ได้ ทั้งนี้ ทอท. ยังคาดว่าในช่วง ส.ค.- ก.ย. 2564 จะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนได้อีก 3,522 ล้านบาท ส่วนทั้งปีนี้คาดว่าจะเบิกจ่ายได้เพียง 9,161 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของกรอบวงเงินเบิกจ่ายทั้งปี

นายนิตินัย กล่าวด้วยว่า การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนที่ล่าช้านี้ ทอท.ยอมรับว่าต่ำกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายของกระทรวงคมนาคมกำหนดให้เบิกจ่ายให้ได้ 100% และเป้าหมายของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ให้เบิกจ่ายให้ได้ 90% โดยขณะนี้คณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ได้สั่งการให้พิจารณาเร่งรัดการดำเนินการรายการอื่นทดแทน (Front-Loaded) เพื่อชดเชยการเบิกจ่ายรายการที่ไม่สามารถดำเนินการได้

ทั้งนี้ การเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายในรายการอื่นทดแทน ถือเป็นรายการเบิกจ่ายที่มีความจำเป็น เพื่อรองรับการให้บริการเที่ยวบินและผู้โดยสารที่จะกลับมา หลังจากสถานการณ์การแร่พระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง นำมาชดเชยการเบิกจ่ายรายการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่พบว่าทำได้ยากเนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าต้นปีงบประมาณหน้า หรือต้นปีงบ 2565 เหตุการณ์การแพร่ระบาดจะยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีแนวโน้มไม่คลี่คลาย ทอท.จึงยังไม่สามารถวางแผนการดำเนินการเพิ่มเติมในโครงการอื่นๆ ทดแทน
#3339


ค่าเงินบาทปีนี้อ่อนค่าแรงต่อเนื่อง โดยปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 ส.ค.) ที่ระดับ 33.35 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดสิ้นปี 2563 ที่ 29.99 บาทต่อดอลลาร์

โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีเงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่า 10% และเป็นการอ่อนค่ามากกว่าสกุลเงินภูมิภาค เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศ ดังนี้

1. สถานการณ์เศรษฐกิจกลุ่มประเทศหลักที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดี ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินภูมิภาคให้ปรับอ่อนค่าลง

2. เงินสกุลภูมิภาคบางประเทศอาจได้รับผลบวกจากปัจจัยเฉพาะ เช่น ประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าสูง หรือประเทศที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ได้ดี ทำให้สกุลเงินอ่อนไม่มากนัก เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้

3. ไทยยังมีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่รุนแรง รวมถึงนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยลงมากกว่าประเทศอื่น เนื่องจากมีสัดส่วนพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง

4. นักลงทุนต่างชาติปรับลดการถือครองหุ้นไทย แต่ยังคงเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว สะท้อนความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงฐานะด้านต่างประเทศของไทยยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง จากปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศที่สูง และสัดส่วนหนี้ต่างประเทศที่ต่ำ

ทั้งนี้ ธปท. ติดตามถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมดูแลไม่ให้เงินบาทผันผวนจนกระทบการปรับตัวของภาคธุรกิจ และแนะนำให้ภาคเอกชนบริหารความเสี่ยงค่าเงินอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้นำเข้า-ส่งออก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงค่าเงินได้ที่ https://bit.ly/35lWOaG
#3340


เกิดเหตุวุ่นวายที่เมืองแฟรงคลิน รัฐเทนเนสซี สหรัฐฯ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังคณะกรรมการด้านการศึกษาวิลเลียมสัน เคาน์ตี ลงมติกลับมาบังคับทุกบุคคลในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่เกรด 1-12 ในนั้นรวมถึงครู ผู้บริหาร และนักเรียนกลับมาสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ท่ามกลางเสียงคัดค้านของบรรดาผู้ปกครองและคนอื่นๆ

บรรดาผู้ปกครองของเด็กๆ ในเขตการศึกษาวิลเลียมสัน เคาน์ตี และชาวบ้านในรัฐเทนเนสซี ที่คัดค้านมาตรการบังคับสวมหน้ากาก พากันตะโกนขู่และด่าทอคณะกรรมการด้านการศึกษา ทั้งระหว่างและหลังการประชุมในประเด็นโต้เถียงดังกล่าว ตามรายงานข่าวของนิวยอร์กโพสต์

รายงานข่าวของเอ็มเอสเอ็นบีซีระบุว่า การประชุมครั้งนี้กินเวลานานถึง 4 ชั่วโมง ระหว่างนั้น 2 กลุ่มที่เห็นต่างกันได้โต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน ส่วนคณะกรรมการด้านการศึกษาก็รับฟังความเห็นจากทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านบังคับสวมหน้ากาก ซึ่งสุดท้ายแล้วทางคณะกรรมการด้านการศึกษาก็ลงมติกลับมาบังคับทุกบุคคลในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

"ความวุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อคืนวันอังคาร (10 ส.ค.) ในเมืองแฟรงคลิน ตอนคณะกรรมการด้านการศึกษาของวิลเลียมสัน เคาน์ตี ลงมติเห็นชอบบังคับสวมหน้ากากสำหรับโรงเรียนชั้นประถมศึกษา เนื่องจากขณะเดียวกันนั้นมีพวกผู้ประท้วงรวมตัวกันอยู่ด้านนอก" นิวยอร์กโพสต์ระบุอ้างอิงรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น



นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า ระหว่างการโต้เถียงก่อนลงมติเห็นชอบมาตรการนี้ ผู้ปกครองตนเองรายหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าอดีตนาวิกโยธิน ดาเนียล จอห์นแดน บอกกับคณะกรรมการว่าเขา ผู้ปกครองคนอื่นๆ และชาวบ้านจะไล่ล่าสมาชิกคณะกรรมการในแนวทางที่ไม่ใช้ความรุนแรง "การกระทำต่างๆ มีผลลัพธ์ตามมาเสมอ หากคุณเลือกโหวตให้สิ่งนี้ เราจะไล่ล่าคุณ ในแนวทางที่ไม่ใช้ความรุนแรง" จอร์แดน กล่าว

ผู้ปกครองคนอื่นๆ ขู่ฟ้องเขตการศึกษาต่อมาตรการนี้ โดยบอกกับคณะกรรมการว่า "แล้วเจอกันในศาล" และเชื่อว่าคำสั่งบังคับสวมหน้ากากจะถูกตีตกในการยื่นคัดค้านทางกฎหมาย นอกจากนี้แล้วหลายคนได้เน้นย้ำว่าคณะกรรมการการศึกษามาจากการเลือกตั้งของชาวบ้าน ดังนั้น ก็จำเป็นต้องฟังเสียงผู้ปกครอง ซึ่งเป็นคนลงคะแนนโหวตให้พวกเขาเข้ามาทำงานบริหารจัดการเขตการศึกษา

อย่างไรก็ตาม มีผู้ปกครองอย่างน้อย 1 คน ซึ่งระบุตัวเองว่าเป็นแพทย์ดูแลผู้ป่วยหนัก แสดงความคิดเห็นสนับสนุนมาตรการบังคับสวมหน้ากาก "ในฐานะกุมารแพทย์ไอซียู เรากำลังเห็นเด็กๆ ที่มีสุขภาพแข็งแรงล้มป่วยจากภาวะการหายใจล้มเหลวและภาวะทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลันเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล มากกว่าสายพันธุ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ ในขณะที่เด็กๆ ติดเชื้อกันมากขึ้น" เธอกล่าว "แนวโน้มนี้รังแต่จะแย่ลง หากว่าเราไม่ลงมือในตอนนี้"

ประเด็นโต้เถียงเริ่มร้อนแรงขึ้น จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องเข้าช่วยบรรเทาสถานการณ์ความตึงเครียด ร้องขอให้ผู้เข้าร่วมอยู่ในความสงบ ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่าเจ้าหน้าที่ถึงขั้นต้องพาตัวบุคคลรายหนึ่งออกจากห้องประชุม

กระนั้นก็ตามความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกรอบภายนอกอาคารหลังเสร็จสิ้นการประชุม หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า พวกนักเคลื่อนไหวต่อต้านหน้ากาก พากันกรูไปยังลานจอดรถและเผชิญหน้ากับคณะกรรมการด้านการศึกษาบางคนอีกครั้ง "เรารู้ว่าคุณคือใคร" ผู้ปกครองรายหนึ่งพูดกับสมาชิกคณะกรรมการด้านการศึกษา "คุณสามารถออกไปอย่างอิสระในตอนนี้ แตเราจะหาตัวคุณเจอ"

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) ออกคำแนะนำสวมหน้ากากยามอยู่ในโรงเรียนเมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว บ่งชี้ว่าสืบเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตาของโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดทั่วประเทศ ประชาชนทั้งหลายซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่พบเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ควรสวมหน้ากากยามอยู่ในร่ม นอกจากนี้แล้วซีดีซียังแนะนำให้ทุกคนในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่เกรด 1-12 สวมหน้ากาก โดยไม่พิจารณาว่าคนเหล่านั้นฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่

(ที่มา : เอ็มเอสเอ็นบีซี/นิวยอร์กโพสต์)