• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chanapot

#9380
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812
#9382
วัยชราควรทาน ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และ ประโยชน์ของข้าวไรซ์เบอร์รี่  มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีน้ำตาลต่ำ Low Gi
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ / ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่อินทรีย์
มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง    การปลูกข้าวอินทรีย์  ประโยชน์และสรรพคุณเพียบ!!




 ข้าวไรซ์เบอรี่สุขภาพ ( Rice Berry ) เป็นพันธุ์ข้าวที่ผสมกันระหว่างข้าวเจ้าหอมนิล กับ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 มีลักษณะสีม่วงดำ เมล็ดเรียวยาว ผิวมันวาว อุดมไปด้วยวิตามินและมีคุณค่าทางอาหารสูงจึงเป็นที่นิยมสำหรับคนที่รักสุขภาพ

  • ข้าวไรซ์เบอรี่organic มีสารที่ชื่อว่า สารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมากกว่าวิตามินซีและวิตามินอี ถึง 2 เท่า ทั้งยังมีวิตามินแร่ธาตุมากมายและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ เบต้าแคโรทีน แกมมาโอไรซานอล โอเมก้า 3 วิตามินอี โฟเลต เหล็ก และ สังกะสี
  •  ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ สรรพคุณ ของ   ปลูกข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ ที่รู้แล้วต้องรีบหาข้าวชนิดนี้มาทาน
  • ข้าวไรซ์เบอรี่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง
  • ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่อินทรีย์ มีสารที่ชื่อว่า โพลิฟีนอล ที่จะช่วยทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระ จึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้
  •  ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์กรมการข้าวช่วยป้องกันโรคหัวใจ
  • ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ จะช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆภายในร่างกายได้อย่างเป็นปกติ จึงช่วยป้องกันโรคหัวใจ และ หลอดเลือดหัวใจอุดตัน
  •  ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค ช่วยลดระดับไขมันและคอเรสเตอรอล
  •  ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค ช่วยรักษาโรคเบาหวาน
  •  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ ยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ชะลอความแก่ ลดริ้วรอย และยังลดการอักเสบที่ผิวหนังได้อีกด้วย
  •  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิกช่วยบำรุงระบบไหลเวียนโลหิต
  • ข้าวไรซ์เบอร์รี่เกษตรอินทรีย์ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดียิ่งขึ้น ผู้สูงอายุมักมีปัญหาด้านระบบไหลเวียนโลหิต
  •  ข้าวสุไรซ์เบอร์รี่ขภาพ ช่วยบำรุงสมอง
  •  ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์กรมการข้าว มีคุณสมบัติช่วยควบคุมน้ำตาล และยังช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นช้า จึงเหมาะกับผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วน
  • ข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลอดสารพิษช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
  •  ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิค  มีธาตุเหล็ก ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงโลหิตและบำรุงร่างกายให้แข็งแรง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
  • ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิคคือ มีไฟเบอร์สูง จึงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ช่วยแก้อาการท้องผูก ใครที่ท้องผูกบ่อยๆควรเปลี่ยนจากการรับประทานข้าวขาวมาเป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่ก็จะช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
  •  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิก ช่วยลดน้ำหนัก ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีใยอาหารสูง เมื่อรับประทานจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน ไม่หิวบ่อย ทั้งยังมีปริมาณน้ำตาลต่ำกว่าการรับประทานข้าวขาว
  • ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ ช่วยบำรุงระบบไหลเวียนโลหิต ข้าวไรซ์เบอร์รี่จะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดียิ่งขึ้น ผู้สูงอายุมักมีปัญหาด้านระบบไหลเวียนโลหิต
  • ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ ช่วยบำรุงสมอง และ ข้าวไรซ์เบอรี่มีโอเมก้า 3 และ วิตามินบี ที่จะช่วยบำรุงระบบประสาทและการทำงานของระบบสมองให้ดียิ่งขึ้น
  •  กลุ่มข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์มีโฟเลตสูง คุณแม่ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ควรหันมารับประทานข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพราะมีสารโฟเลตสูง ซึ่งสารชนิดนี้จะช่วยบำรุงลูกน้อยในครรภ์ให้สมบูรณ์แข็งแรง
  • ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิคคือ มี เส้นใยของข้าวไรซ์เบอร์รี่จะช่วยลดไขมันและคอเรสเตอรอลให้ลดน้อยลง และยังมีสารแกมมาโอไรซานอลที่จะช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในหลอดเลือด ทั้งยังช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือด
  • ข้าวไรซ์เบอร์รี่เกษตรอินทรีย์ ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
  • ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ มีโอเมก้า 3 และ วิตามินบี ที่จะช่วยบำรุงระบบประสาทและการทำงานของระบบสมองให้ดียิ่งขึ้น
ข้าวฮอร์ (HOR) ได้รับมาตรฐาน
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้" จากกรมการข้าว จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ในประเภทของ
2.1 ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)
2.2 ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)
2.3 ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวไรซ์เบอร์รี่เพื่อสุขภาพ     กลุ่มข้าวออร์แกนิคสุรินทร์   เส้นทางผลิตข้าวออร์แกนิคสุรินทร์   
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : xn--22cs9b8acu9b9a7a3hub5cc1c.life/
Facebook :  หลักปฏิบัติในการผลิตข้าวปลอดสาร  
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ   การผลิตข้าวออร์แกนิค
1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์
2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์
3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารพิษ จ.สุรินทร์
5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์ 
6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์
7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิคคือ ความหมายของข้าวอินทรีย์  

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada  จากนาข้าวเคมีสู่นาข้าวอินทรีย์
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวไรซ์เบอรี่ #ประโยชน์ข้าวไรซ์เบอรี่ #ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิก #ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ #ข้าวไรซ์เบอรี่สุรินทร์  #ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ #ประโยชน์ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ #ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ออแกนิก #ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่อินทรีย์ #ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่สุรินทร์
 

 

 

 

 
 
#9387


ศาสตราจารย์นายแพทย์ สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) พร้อมด้วย รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เข้าร่วมประชุม "Science and Technology Organization Forum (STO Forum)" ครั้งที่ 4/2564 ในรูปแบบออนไลน์ ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีสำคัญในการหารือระหว่าง สกสว. และหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในการกำหนดทิศทาง การพัฒนาระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศและสร้างเครือข่ายความร่วมมือให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สกสว. กล่าวถึง การยกระดับสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้ตอบโจทย์เป้าหมายของประเทศและสามารถเทียบเคียงระดับนานาชาติว่า ปัจจุบันโลกอยู่ยุคหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้วิถีการดำเนินชีวิตและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงไป สถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมในระบบ ววน. มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งปรับตัวให้มีความพร้อมที่จะปฏิบัติงานและสร้างนวัตกรรมในเชิงบูรณาการ ตอบโจทย์ความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้สามารถเทียบเคียงระดับนานาชาติได้ 

สำหรับ การจัดตั้งกระทรวง อว. ในปัจจุบันยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในกระทรวงวิทยาศาสตร์ (เดิม) และ สกอ. (เดิม) สามารถทำงานเชิงบูรณาการร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ได้ให้นโยบายกับหน่วยงานต่างๆ ในกระทรวง อว. ว่าควรเร่งฝีเท้าในการศึกษาตัวชี้วัดที่เป็น Super Indicators ต่างๆ เพื่อผลักดันประเทศไทยเข้าสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ให้สามารถเทียบเคียงกับนานาประเทศได้ โดยใช้พลังของทั้งระบบอุดมศึกษาและโครงสร้างพื้นฐานด้าน ววน. ของประเทศ

ดร.สิทธิพร ชำนาญสิน
ดร.สิทธิพร ชำนาญสิน

ในช่วงต่อมา ได้มีการเปิดเวทีรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมประชุม ในประเด็นเป้าหมายและการเปรียบเทียบสมรรถนะ (Goal and Benchmark) กล่าวคือ หากหน่วยงานต้องการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มีศักยภาพเท่าเทียมกับหน่วยงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว การเปรียบเทียบสมรรถนะ (Benchmarking) ที่มีอยู่เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมหรือไม่ อย่างไร และข้อเสนอแนะต่อกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) เพื่อสนับสนุนการทำงานของแต่หน่วยงานให้บรรลุเป้าหมายทั้งในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐาน โดย สกสว. จะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการประชุมวันนี้ไปออกแบบและพัฒนาแนวทางต่อไป



นอกจากนี้ในช่วงท้ายของการจัดการประชุม มีการบรรยายของหน่วยงานสำคัญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อหมุนเวียนกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และผลการดำเนินงานสำคัญของสมาชิก ในครั้งนี้ ดร.สิทธิพร ชาญนำสิน นักวิจัยจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISDA ได้ร่วมนำเสนอในหัวข้อ "การวิจัยขั้นแนวหน้าเรื่องระบบโลกและอวกาศ: ต้นแบบซอฟต์แวร์ควบคุมดาวเทียมโดยคนไทย" ซึ่งได้ช่วยฉายภาพว่าในปัจจุบัน คนไทยสามารถสร้างระบบควบคุมดาวเทียม (Onboard flight software) ได้ด้วยตนเองแล้ว ทั้งนี้เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และสร้างองค์ความรู้เทคโนโลยีอวกาศของประเทศไทย ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของการดำเนินการวิจัยพัฒนาระบบควบคุมดาวเทียมภาคพื้น โดยนักวิจัยและวิศวกรของ GISTDA ที่ใช้เวลาศึกษาพัฒนามาอย่างยาวนานถึง 20 ปี
#9388



พิสูจน์คุณค่าของผิวที่แลดูอ่อนเยาว์และแลดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ด้วยน้ำตบแพลงตอน ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในรูปแบบของเอสเซนส์ เนื้อสัมผัสแสนบางเบาพร้อมเปลี่ยนโฉมผิวหน้าของคุณให้แลดูอ่อนกว่าวัย  เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าทันที สำหรับปัญหาผิวหน้าของผู้หญิงในช่วงนี้มักจะเผชิญกับความหมองคล้ำ แห้งกร้าน และผิวที่อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องด้วยผิวหน้าของเราต้องซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ปัญหานี้จะไม่ได้รับการแก้ไขเลยหากว่าเราไม่ตามหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยปลอบประโลมผิว พร้อมฟื้นคืนสภาพผิวให้มีแลดูสุขภาพดี แลดูเปล่งปลั่ง และรู้สึกถึงความยืดหยุ่นของผิวเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง 


ทางออกของปัญหาผิวอ่อนแอและหมองคล้ำสามารถแก้ไขด้วยน้ำตบแพลงตอน Biotherm Life Plankton™ Essence น้ำตบในตำนานที่ช่วยให้ผิวสวยสุขภาพดีขึ้นได้ถึง 8 ประการทั้งการมอบผิวที่แลดูเปล่งปลั่ง แลดูกระจ่างใส พร้อมช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น สามารถลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยให้จางลง จนรู้สึกว่าผิวละเอียดและแลดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยความสามารถในการเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เพื่อผิวที่ดูเนียนนุ่ม แลดูกระชับและแลดูยืดหยุ่นขึ้น รวมถึงช่วยปลอบประโลมผิวที่เคยอ่อนแอให้กลับมามีสุขภาพผิวดีและแข็งแรงขึ้นได้อีกครั้งนึงด้วย Life Plankton™ Essence เพียงแค่ขวดเดียวสามารถมอบผิวสวยสุขภาพดีได้ถึง 8 ประการแบบนี้ จึงเป็นน้ำตบอีกตัวที่ควรค่าแต่การจับจองเป็นอย่างยิ่ง 


สูตรลับพิเศษในการปรนนิบัติผิวของน้ำตบขวดนี้คือ LIFE PLANKTON™ ที่มีความเข้มข้นมากถึง 5% ซึ่งมีความเข้มข้นสูงที่สุดเท่าที่ Biotherm เคยใช้มาจึงช่วยมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่ผิวหน้า โดย LIFE PLANKTON™  ที่ได้นำมาเป็นส่วนผสมหลักของน้ำตบขวดนี้นั้นได้มาจากแพลงตอนที่มีต้นกำเนิดจากแหล่งธรรมชาติ ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนกลางเทือกเขาพีเรนีส (Pyrenees) ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยฟื้นบำรุงผิว และช่วยทำให้ผิวแลดูอ่อนกว่าวัยขึ้นนั่นเอง ดังนั้น LIFE PLANKTON™ จึงกลายเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Biotherm ที่ข่วยมอบการบำรุงผิวอย่างเหนือชั้นให้แก่หญิงสาวมาหลาย 10 ปี 

    
โดยประสิทธิภาพของ Biotherm Life Plankton™ Essence สามารถพิสูจน์ได้ด้วยผลการทดสอบจากอาสาสมัครที่มีอายุตั้งแต่ 23-66 ปี โดยพบว่าผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่  พร้อมช่วยปลอบประโลมผิว จนรู้สึกว่าผิวนุ่มนวลขึ้นทันทีที่ใช้ และหลังจากใช้ต่อเนื่องไปแล้ว 8 วันพบว่า ผิวแลดูเรียบเนียนขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงรู้สึกว่าสีผิวสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ ก็แลดูลดเลือนลง มาพร้อมกับผิวที่แลดูเปล่งปลั่ง และแลดูกระชับมากยิ่งขึ้น ซึ่งเอสเซ้นส์ขวดนี้มีเนื้อสัมผัสที่แสนบางเบาจึงสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว เสมือนกับเป็น Miracle Essence ที่พร้อมคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า เหมาะสำหรับหญิงสาวผู้มีผิวแห้งกร้าน รวมถึงผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้น้ำตบขวดนี้ของเราฟื้นบำรุงผิวให้กลับมามีสุขภาพดีขึ้นอีกครั้ง


สำหรับวิธีการใช้น้ำตบขวดนี้ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับผิวอย่างแท้จริงคือการใช้น้ำตบแพลงตอน Life Plankton™ Essence เป็นขั้นตอนแรกสุดในการบำรุงผิว ด้วยการใช้น้ำตบลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าและลำคอและตบเบา ๆ ให้ทั่วเพื่อให้น้ำตบสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้รวดเร็วมากกว่าที่เคย นอกจากนี้ สามารถใช้ปลายนิ้วนวดวนเป็นเลขแปดนวดเพื่อกระตุ้นผิว ยังจุดที่ค่อนข้างมีปัญหา วิธีการนี้จะทำให้เนื้อเซรั่มเข้าไปจัดการปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม 

    
สำหรับใครที่ต้องการใช้เอสเซ้นส์แพลงตอน LIFE PLANKTON™ ESSENCE ขวดนี้ไปปรนนิบัติผิวของคุณสามารถเป็นเจ้าของน้ำตบขวดนี้ได้ในราคา 2,550 บาท ในปริมาณ 125 ml หรือ 3,250 บาท ในปริมาณ 200 ml อยากได้ไซส์ไหนก็สามารถเลือกได้เลย รวมถึงทุกคนยังสามารถใช้น้ำตบแพลงตอนขวดนี้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ในไลน์ LIFE PLANKTON™ อื่น ๆ ได้ อาทิ มาส์กบำรุงผิวหน้า LIFE PLANKTON™ MASK, ครีมบำรุงหน้า LIFE PLANKTON™ SENSITIVE BALM และ อิมัลชั่นบำรุงผิวหน้า LIFE PLANKTON™ EMULSION


หากสนใจสั่งซื้อหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปยัง https://www.biotherm.co.th/ หรือต้องการสั่งซื้อสามารถสั่งซื้อได้ทุกช่องทางของ Biotherm ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออฟไลน์หรือออนไลน์ แล้วมามีผิวที่ชุ่มชื้นขึ้น ดูอ่อนกว่าวัย และแลดูกระจ่างใสไปด้วยกันนะคะ
 
#9389


เอเจนซีส์ – สื่อนอกรายงานผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาเตือนหลายชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวม ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม อาจเจอวิกฤตเคสล้นโรงพยาบาลหลังการกลับมาเปิดประเทศเร็วเกินไปจากปัจจัยการให้ภูมิคุ้มกันทางวัคซีนกับประชาชนไม่ถึง 70% ตามมาตรฐานการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่บวกกับประเด็นใช้วัคซีนโควิด-19ประสิทธิภาพต่ำในฐานะวัคซีนหลักอย่างแพร่หลาย

CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้(22 ก.ย)ว่า ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19สายพันธุ์เดลตาในช่วงฤดูร้อนและหนักสุดในประเทศส่วนใหญ่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

แต่ทว่าเวลานี้รัฐบาลหลายชาติรวมทั้งไทย มาเลเซีย และเวียดนาม กำลังหาทางเพื่อฟื้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สำคัญด้วยการกลับมาเปิดพรมแดนและพื้นที่สาธารณะ อย่างไรก็ตามบรรดาผู้เชี่ยวชาญวิตกไปถึงอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ที่ต่ำในส่วนใหญ่ของภูมิภาค รวมไปถึงมีการใช้วัคซีนประสิทธิภาพต่ำอย่างแพร่หลายที่รวมไปถึงวัคซีนซิโนแวคของจีนที่อาจนำมาสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างหนักได้

หยั่นซวง ฮวง (Yanzhong Huang) นักวิจัยอาวุโสประจำสถาบันธิงแทงก์ สภาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ( Council on Foreign Relations)ที่มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า หากอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ไม่สูงรวมไปถึงการใช้วัคซีนโควิด-19ประสิทธิภาพสูงก่อนการยกเลิกมาตรการจำกัดทั้งหลายทางโควิด-19 เชื่อว่าระบบสาธารณสุขในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในไม่ช้าจะอยู่ในขั้นวิกฤต

"คุณจะได้เห็นการเพิ่มขึ้นของเคสป่วยหนักที่จะทำให้เตียงห้องไอซียูและเครื่องช่วยหายใจขาดแคลน ซึ่งจะมีความท้าท้ายเกิดขึ้นในด้านการขาดความสามารถการให้บริการทางสุขภาพ"

สื่อสหรัฐฯรายงานว่า แต่ดูเหมือนว่าบรรดาผู้นำทั่วภูมิภาคนั้นดูเหมือนจะมีทางเลือกไม่มากนักเป็นเพราะเกิดปัญหามีซัพพลายวัคซีนโควิด-19ไม่เพียงพอเป็นต้นว่า ไทยประกาศใช้การฉีดวัคซีนโควิด-19เข้าใต้ผิวหนังแทนการเข้ากล้ามเนื้อตามปกติเพื่อที่จะทำให้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับการแจกจ่ายให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึง

และทำให้ในหลายชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะผลักดันให้ถึงเป้าหมายการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19ให้กับประชาชนของตัวเองในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าไม่น่าจะประสบความสำเร็จ เกิดขึ้นท่ามกลางสภาวะที่ผู้คนขาดโอกาสทางอาชีพการงาน และถูกสั่งให้ต้องอยู่แต่ในที่พัก ครอบครัวกำลังหิวโหย

ครูสอนดำน้ำต่างชาติในไทย จีน การิโต (Jean Garito) ที่มีฐานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตเปิดเผยว่า ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางต่างต้องการอย่างมากสำหรับการเปิดพรมแดน แต่เสริมว่าไม่แน่ใจว่าต้องใช้ระยะเวลานานเท่าใดที่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะกลับมาอีกครั้ง

"หากรัฐบาลต่างๆไม่สามารถเยียวยาภาคธุรกิจสำหรับการสูญเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาวแล้วละก้อ และหากว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่สามารถกลับมาเปิดได้อย่างสมบูรณ์ พวกเราทั้งหมดจะตกอยู่ในฝันร้ายอย่างแน่นอน" การิโตกล่าว

CNN รายงานว่า วิกฤตโควิด-19เพิ่งผ่านจุดสูงสุดไปและอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ยังคงต่ำในบางส่วนแต่กระนั้นมีหลายรัฐบาลกำลังเริ่มต้นเดินหน้าของการเปิดประเทศใหม่

"เวียดนาม" วางแผนที่จะเปิดเกาะฟู้โกว๊ก (Phú Quốc)ซึ่งเป็นเกาะท่องเที่ยวตั้งอยู่ในจังหวัดเกียนซางให้กับเหล่านักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มในตุลาคมที่จะถึงอ้างอิงจากรอยเตอร์

โดยทางเจ้าหน้าที่ได้อ้างไปถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจนั้นเป็นปัจจับสำคัญในการตัดสินใจพร้อมไปกับรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวชี้ว่า วิกฤตโรคโควิด-19ระบาดทำร้ายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างหนัก และมาจนถึงเวลานี้มีจำนวนประชากรเวียดนามน้อยกว่า 7% ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19ครบโดสอ้างอิงจากการติดตามของ CNN ห่างไกลจากตัวเลขอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ในระดับ 70%-90% ที่เป็นข้อกำหนดมาตรฐานสำหรับการมีภูมิคุ้มกันหมู่ ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ

"ไทย" วางแผนที่จะเปิดกรุงเทพฯและจังหวัดสำคัญอื่นๆสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยจะเริ่มในเดือนหน้าเช่นกันเพื่อพลิกฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของตัวเองที่มีสัดส่วนกว่า 11% ของตัวเลขจีดีพีของไทยในปี 2019 อ้างอิงจากรอยเตอร์ และไทยมีประชาชนที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มอยู่ที่ 21 %

ส่วน "อินโดนีเซีย" ที่มีการแจกวัคซีนโควิด-19ให้กับประชาชนทั้งหมดไปแล้วมากกว่า 16% ได้เริ่มการผ่อนคลายมาตรการจำกัดทางโควิด-19 อนุญาตให้พื้นที่สาธารณะกลับมาเปิดอีกครั้ง และรวมไปถึงอนุญาตให้อุตสาหกรรมกลับมาทำงานได้เต็มตามศักยภาพ

ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะได้รับอนุญาตให้เข้าอินโดนีเซียได้บางส่วนของพื้นที่รวมถึง เกาะบาหลี ภายในตุลาคมนี้ รอยเตอร์ชี้

"มาเลเซีย" ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19สูงในภูมิภาค โดยมีมากกว่า 56% ของประชาชนมาเลเซียได้รับวัคซีนโควิด-19ครบโดส รัฐบาลกัวลาลัมเปอร์เปิดเกาะลังกาวีสถานตากอากาศสำคัญให้กับนักท่องเที่ยวในประเทศสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีไม่กี่รัฐในแดนเสือเหลืองได้เริ่มต้นผ่อนคลายมาตราการสำหรับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนโควิด-19ครบถ้วน รวมไปถึงการเดินทางข้ามรัฐและการนั่งรับประทานอาหารภายในร้าน

ทั้งนี้การที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เร่งรีบกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งสะท้อนไปถึงนโยบายการอยู่ร่วมกับโควิด-19ที่หนีห่างไกลจากนโยบายก่อนหน้า "โควิด-19เป็นศูนย์" อภิเชค ไรมาล (Abhishek Rimal) ผู้ประสานงานสุขภาพฉุกเฉินภูมิภาคขององค์การกาชาดสากล IFRC (International Federation of Red Cross) แสดงความเห็น และถึงแม้ว่าจะมีคนอื่นอีกไม่ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าคนเหล่ากำลังเดินหน้าเร่งการเปิดประเทศโดยชี้ไปว่า รัฐบาลกำลังประเมินถึงนโยบายอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ผู้เชี่ยวชาญต่างเตือนว่า อย่างไรก็ตามจากการที่บางส่วนของภูมิภาคมีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ที่ต่ำซึ่งรวมไปถึง ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทยจะทำให้การเปิดประเทศมีความเสี่ยงมากกว่าในโลกตะวันตก

ชาติตะวันตกจำนวนมากแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19ให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของตัวเองรวมถึง อังกฤษที่มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ที่ 65% และแคนาดาอยู่ที่เกือบ 70%

CNNชี้ว่า ถึงแม้ว่าจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของเคสช่วงสั้นๆหลังการเปิดแต่ทว่าจำนวนการเสียชีวิตและการเข้ารับการรักษาพยาบาลยังคงต่ำในประเทศโลกตะวันตกแสดงให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของวัคซีนโควิด-19ได้เป็นอย่างดี

และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อัตราการมีผลตรวจเป็นบวกยังคงอยู่ในระดับสูงที่น่าวิตก โดยองค์การอนามัยโลก WHO ได้ออกข้อแนะนำแก่ประเทศต่างๆให้คงอัตราการมีผลตรวจเป็นบวกอยู่ที่ 5% หรือต่ำกว่านั้นเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการกลับมาเปิดทางสาธารณะอีกครั้ง ไรมาลชี้ว่า แต่ทว่ายังคงเห็นตัวเลข 20%-30% ในหลายประเทศในภูมิภาค

นอกจากทั้งหมดนี้ "ปัจจัยในเรื่องคุณภาพของวัคซีนโควิด-19" ยังเป็นปัญหาต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับการกลับมาเปิดตัวรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน

เป็นเพราะพบว่ามีหลายชาติจำนวนมากในภูมิภาคต่างพึ่งพาวัคซีนโควิด-19จากจีนเป็นวัคซีนหลักของตัวเองที่เป็นที่รู้กันดีว่ามีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าของวัคซีนชาติตะวันตก

อ้างอิงจากมหาวิทยาลัยดุ๊ก(Duke University)ของสหรัฐฯพบว่า ไทยซื้อวัคซีนซิโนแวคไม่ต่ำกว่า 40 ล้านโดส ขณะที่ฟิลิปปินส์และมาเลเซียต่างซื้อวัคซีนซิโนแวคประเทศละ 20 ล้านโดสเท่ากัน ส่วนกัมพูชาซื้อวัคซีนซิโนแวคจำนวน 16 ล้านโดส

อินโดนีเซียซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มของจีนจำนวน 15 ล้านโดสและมาเลเซียซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มจำนวน 5 ล้านโดส

และทำให้ผู้เชี่ยวชาญ ฮวงประจำสถาบันธิงแทงก์สหรัฐฯด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชี้ว่า ความพยายามที่จะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งแต่ทว่ากลับมีประชาชนน้อยกว่าครึ่งได้รับวัคซีนโควิด-19โดยสมบูรณ์และอีกทั้งยังใช้วัคซีนประสิทธิภาพต่ำนั้นสามารถนำไปสู่สถานการณ์วิกฤตเคสล้นโรงพยาบาลและอาจทำให้ต้องมีการนำมาตรการจำกัดกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามไม่ใช่มีทุกชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พึ่งพาวัคซีนซิโนแวคหรือวัคซีนซิโนฟาร์มของจีน เป็นต้นว่า สิงคโปร์ที่เป็นชาติประสบความสำเร็จในการแจกวัคซีนให้กับประชาชนสูงถึง 77% ใช้วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคและวัคซีนโมเดอร์นาเป็นหลัก

และมีหลายชาติเริ่มถอนตัวออกห่างจากการใช้วัคซีนซิโนแวคเนื่องมาจากกังวลในประสิทธิภาพ โดย CNN ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาเลเซียประกาว่า จะหยุดการใช้วัคซีนโควิด-19จากจีนหลังจากซัพพลายจำนวน 12 ล้านโดสของตัวเองหมดลง

และไทยในเดือนกรกฎาคมเช่นกันประกาศจะให้ภูมิคุ้มกันเป็นเข็มที่ 3แก่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของตัวเองด้วยวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันถึงแม้คนเหล่านั้นจะได้รับวัคซีนซิโนแวคครบโดสแล้วก็ตาม

"ผมคิดว่าหากว่าพวกเขาสามารถใช้วัคซีนประสิทธิภาพสูงเพื่อเป็นเข็มกระตุ้นและมีจำนวนประชากรจำนวนมากได้รับภูมิคุ้มกันทางวัคซีน ดังนั้นแล้วการกลับมาเปิดประเทศจะดูมีความสมเหตุสมผลมากขึ้น" ฮวงกล่าว

ด้านครูต่างชาติสอนดำน้ำที่จังหวัดภูเก็ตพบว่าการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งนั้นดูไม่เร็วจนเกินไป "พวกเราล้วนมีลูกๆและตัวเองต้องเลี้ยงดู"
#9390
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812