• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - hs8jai

#5686
BLP Balance P ช่วยในการลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด แล้วก็ลด LDL หรือไขมันตัวร้าย แล้วก็เพิ่มปริมาณHLD หรือไขมันตัวดีเข้าไปในกระแสเลือด
และมันจะส่งผลทําให้ปริมาณของค่าความดันในเลือดของเข้าสู่สภาวะปกติ และที่มากไปกว่านั้นนะคะ Balance มีบทบาทสําคัญอีกด้วยที่จะช่วยในการปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดให้เข้าสู่สภาวะปกติหรือเข้าสู่สมดุล

และสําหรับ Balance P รับประทานครั้งละหนึ่งเม็ด วันละสองครั้งหลังอาหารเช้าและเย็น  แนะนําให้ทานหลังอาหารเช้าเย็น  เนื่องจากว่าตัว Balance P เป็นโปรดักส์ที่มีลักษณะเป็นซอฟท์เจล ก็คือเป็นออยล์นั่นเอง
จึงแนะนําให้ทานพร้อมอาหาร เพื่อที่จะให้อาหารพาเข้าไปให้ดูดซึมให้ได้มากที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดในการรับประทานอาหารเสริม
สําหรับในยุคปัจจุบันนะคะ เป็นยุคของการดูแลสุขภาพ จะบอกว่าในความเป็นจริงแล้วแนวโน้มของคนในประเทศไทย มีแนวโน้มในการเป็นโรคของคอเลสเตอรอลความดันหลอดเลือดหัวใจ แล้วก็เบาหวานในอัตราที่สูงขึ้นมาก ๆ แล้วก็สูงขึ้นทุกปี
สืบเนื่องมาจากการทานอาหารของคนไทยเปลี่ยนไป และสไตล์การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน
ทาง Balance Brandเองเขาเห็นถึงความสําคัญในตรงนี้ เราก็เลยได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาชื่อว่า BLP Dietary Supplement Product ซึ่งวัตถุดิบหลักสําคัญประกอบไปด้วย
หนึ่งคือน้ำมันถั่วงาอินคาค่ะ สองคือน้ำมันเมล็ดทานตะวัน, น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ น้ำมันรำข้าว น้ำมันงาดํา, น้ำมันมะกอก น้ำมันกระเทียม, น้ำมันงาขี้ม่อน และโคเอนไซม์คิวเทน  
ทําไมเราถึงจะต้องใช้วัตถุดิบที่เป็นน้ำมันซะส่วนใหญ่ จะบอกว่าเนื่องจากมันเป็นสูตรสําหรับการดูแลสุขภาพองค์รวม และเป็นการมุ่งเน้นไปที่ปริมาณคอเลสเตอรอล ไขมัน, ความดัน, เบาหวาน เราเลยจําเป็นจะต้องทําออกมาในรูปแบบของซอฟต์เจล
เนื่องจากซอฟต์เจล จะทําให้ร่างกายเรา สามารถดูดซึมเข้าไปใช้ได้ทันที แล้วก็เร็วกว่าปกติ 
น้ำมันถั่วดาวอินคา ในน้ำมันถั่วดาวอินคา จะมีโอเมก้าสามที่ค่อนข้างสูง มีสรรพคุณในการช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด  ลดไขมันในเลือด การที่สามารถลดคอเลสเตอรอล แล้วก็ไขมันในเลือดได้ จะทําให้เราสามารถป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
แล้วก็โรคหลอดเลือดได้
น้ำมันเมล็ดทานตะวันหรือ sunflower oil สําหรับเมล็ดดอกทานตะวัน อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จําเป็น แล้วก็มีประโยชน์กับร่างกาย แล้วก็มีโอเมก้าสาม, หก, เก้า ช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย บรรเทาอาการติดเชื้อแบคทีเรียได้ด้วย
ถ้าเกิดลดปริมาณไขมันในเส้นเลือดได้  อัตราความดันที่เกิดจากเส้นเลือดบีบตัวจะเกิดขึ้นน้อยลง ฉะนั้นการทานเมล็ดทานตะวัน นอกจากลดปริมาณไขมันในเส้นเลือด ลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้แล้ว ยังลดความดันได้ด้วย
flax seed oil มีกรดไขมัน และตัว flax seed เราจะเลือกตัวที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จําเป็นกับร่างกาย ซึ่งกรดไขมันเหล่านั้นก็จะประกอบไปด้วย ไลโนเลอิก, ลิโนเลอิก แล้วก็ฟัลมิติก ซึ่งสารกลุ่มกรดไขมันกลุ่มนี้ 
จําเป็นมากๆสําหรับร่างกาย เพราะร่างกายเราอาจจะสังเคราะห์เองไม่ได้ ตัวนี้มันจะมีบทบาทสําคัญในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ และลดอาการอักเสบได้ด้วย จริง ๆ แล้วคนที่มีภาวะเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจ
หรือโรคหลอดเลือด เขาจะสามารถที่จะทาน flax seed oil เพื่อลดปัญหาตรงนี้ได้ด้วย 
 
น้ำมันรำข้าวหรือ rice bran oil จริงๆแล้วน้ำมันรำข้าวเราได้ยินกันยาวนานแล้ว ว่ามันเป็นตัวของ hdl หรือไขมันดีอยู่แล้ว ที่จะไปเพิ่มปริมาณไขมันดีในร่างกาย จริงๆ แล้วในน้ำมันรำข้าว นอกเหนือจากกรดไขมันที่มีประโยชน์
หรือกรดไขมันที่จําเป็นในร่างกาย ประกอบไปด้วยสารสําคัญสามกลุ่ม คือหนึ่งแกมม่าโอไรซานอล สองคืออ็อกตาโคซานอล และสามคือโพลีแซกคาไรด์ สารในตัวกลุ่มของน้ำมันรำข้าวมีบทบาทสําคัญในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย
ป้องกันการเกิดออกซิเดชั่น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดความผิดปกติของเซลล์ร่างกาย
black sesami oil น้ำมันงาดํา จัดเป็น super food ที่มีความสําคัญมากๆ เกี่ยวกับเรื่องของการดูแลความสมบูรณ์ของร่างกาย โดยจะมีตัว Phytosterol ที่จะช่วยในการชะลอหรือว่ายับยั้งการดูดซึมของไขมัน
ลดปริมาณคอเลสเตอรอล และที่สําคัญ ลดภาวะเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคตได้ด้วย มากไปกว่านั้น black sesami oil เป็นตัวที่ช่วยในการชะลอความแก่ หรือเป็นตัว anti aging ช่วยในการบํารุงผิวพรรณให้ดูสดใสแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
และที่มากไปกว่านั้น ถ้าเราจะสังเกตคนที่เริ่มมีอาการข้อเข่าเสื่อม ข้อเข่าอักเสบ แล้วก็มีอาการเจ็บบริเวณข้อเข่าส่วนมาก ตัวแรกที่คุณหมออนุญาตให้กิน หรือคุณหมออาจจะมีการแนะนําให้กิน ก็จะเป็นตัวback sesami oil เพราะ back sesami oil
จะมีเอฟเฟ็กในการเป็น anti inflammation หรือเป็น สารป้องกันการอักเสบบริเวณข้อเข่า ได้อย่างตรงจุด ในงานวิจัยหลายๆ งาน เขาก็มีการเลือกใช้ตัว black sesami oil ในการที่จะมาเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมและช่วยรักษาอาการข้อเข่าอักเสบ
ต่อมาคือน้ำมันมะกอกหรือโอลีฟออยล์  มีงานวิจัยหลายฉบับเลย ที่ทําการศึกษาเกี่ยวกับตัวโอลีฟออยล์ในการรักษาโรค งานวิจัยหลักๆ จะเกี่ยวข้องกับการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และที่สําคัญเลยคือตัวมีงานวิจัยอีกมาก ที่บอกว่าเขาสามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอล
ลดปริมาณ LDL หรือไขมันตัวร้ายได้ แล้วก็เพิ่มปริมาณ HDL ได้อีกด้วย ซึ่งน้ำมันมะกอกน จะมีกรดไขมันจํานวนเยอะมากๆ อย่าง เช่น ลิโนเลอิก แล้วก็มีสารประกอบฟีนอลิกมาก สามารถช่วยลดในเรื่องของความดันโลหิต ลดภาวะเครียดจากการอ้วนลงพุง แล้วสามารถช่วยเพิ่มเมตา.ิซึมทําให้การเบิร์นไขมัน หรือการเผาผลาญไขมันในร่างกายเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นด้วย
garlic oil หรือน้ำมันกระเทียม  สําหรับตัวน้ำมันกระเทียม บทบาทสําคัญในการช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดไขมัน, ลดคอเลสเตอรอล และที่สําคัญมากๆ มีบทบาทสําคัญ ในการปรับสมดุลของน้ำตาลในเลือด โดยทั่วไปแล้วร่างกาย ถ้ามีสมดุลฮอร์โมนอินซูลินที่ไม่ดี จะทําให้ร่างกายถูกเอาน้ำตาลไปเก็บได้เร็วเกินไป และน้ำตาลที่ถูกเก็บนั้น จะกลายเป็นไขมัน แล้วกลายเป็นไขมันสะสม
น้ำมันกระเทียม สามารถยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์คอเลสเตอรอลในตับได้ โดยจะสามารถลดความเสี่ยงการเกิดไขมันพอกตับได้เป็นอย่างดี
น้ำมันงาขี้ม่อน น้ำมันที่มีปริมาณโอเมก้าสามค่อนข้างสูง จริงๆ แล้วเป็นตัวที่น่าจะเทียบเคียงกับโอเมก้าสาม หรือน้ำมันตับปลาได้ด้วย ฉะนั้นในกลุ่มคนที่แพ้อาหารทะเลและไม่กล้าทานโอเมก้าสาม สามารถทานน้ำมันงาขี้ม่อนแทนได้ ในน้ำมันงาขี้ม่อนเนี้ยจะประกอบไป ด้วยกรดไลโนเลอิก, กรดโอเลอิก แล้วก็กรดพัลมิติก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จําเป็นกับร่างกาย มีบทบาทสําคัญมากๆ เลย 
ในการช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล ลดปริมาณ LDL เพิ่มปริมาณ HDL แล้วก็ลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ สําหรับตัวโคเอนไซม์คิวเทน เป็นตัวหนึ่งที่ทําหน้าที่เป็นการสร้างพลังงานพื้นฐานของเซลล์ ปกติแล้ว เซลล์ไหนที่มีการสร้างพลังงานมากๆ เราจะพบโคเอนไซม์คิวเทนในปริมาณที่มาก อย่างเช่น เซลล์หัวใจ, เซลล์ตับ, เซลล์สมอง, เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์เหล่านี้
จะประกอบไปด้วยโคเอนไซม์คิวเทนในปริมาณที่มาก เพราะถ้าร่างกายของเรามีปริมาณโคเอนไซม์คิวเทน ในปริมาณที่เหมาะสมหรือพอดี เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ก็จะสามารถทํางานได้อย่างปกติ
สําหรับตัว BLP Balance P เป็นความตั้งใจของทาง BALANCE BRAND ตั้งใจจะสร้างผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ในการดูแลเรื่องของสุขภาพองค์รวมของกลุ่มผู้บริโภค ที่อาจจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน, คอเลสเตอรอล, ความดัน เพราะว่าตัว BLP Balance จะสามารถดูแลในเรื่องของสุขภาพองค์รวมของร่างกาย ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน และก็ความดัน
ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจํานวนมาก ที่จะช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ค่ะ ให้เซลล์กลับมาแข็งแรงตามปกติ
รายละเอียดเพิ่มเติม > BLP Balance P 
#5687
ดาวโจนส์ดิ่งกว่า 100 จุด ตื่นข่าว 'ไบเดน' เตรียมคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย

ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงสู่แดนลบ หลังจากดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเตรียมประกาศมาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในวันนี้

ณ เวลา 22.06 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,642.98 จุด ลบ 174.40 จุด หรือ 0.5%

หุ้นกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มเดียวที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยพุ่งขึ้นกว่า 3% ขานรับการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สัญญาล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 126 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะลุระดับ 130 ดอลลาร์ หลังมีข่าวว่า สหรัฐเตรียมคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในวันนี้

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐเตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากรัสเซียภายในวันนี้ เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครน

ทั้งนี้ รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนพร้อมที่จะออกมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว แม้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากชาติพันธมิตรในยุโรป

ปธน.ไบเดนมีกำหนดแถลงข่าวจากทำเนียบขาวในวันนี้เวลา 10.45 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.45 น.ตามเวลาไทย โดยคาดว่าจะมีการประกาศมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันต่อรัสเซีย

นักลงทุนจับตาสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งจะกระตุ้นเงินเฟ้อ และกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน กล่าวว่า จีนพร้อมที่จะมีบทบาทอย่างมากในการแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ตามที่ทุกฝ่ายมองว่ามีความจำเป็น

ทั้งนี้ ปธน.สี จิ้นผิงกล่าวถ้อยแถลงดังกล่าวในการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี

นักลงทุนจับตาตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดี ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%
#5689
เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะนำกลยุทธ์ เพชรตัดเพชร เลือก CPALL, JMT หุ้นเด่นน่าสะสม

ทีมนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือ MST กล่าวว่าท่ามกลางสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่รุนแรง คาดส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก แต่เราเชื่อว่าหลายอุตสาหกรรมของไทยกระทบจำกัด และมีโอกาสที่จะกลับมาขยายตัวได้ดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ผสานกับกระแสเงินทุนที่ยังมีแนวโน้มไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม โดยเราคัดสรรกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ และวิเคราะห์เจาะลึกเปรียบเทียบหุ้นเด่น ใน 5 แง่มุม จนได้เพชรเม็ดงาม ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของบทวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ "เพชร"ตัดเพชร ฉบับนี้ โดยเลือก CPALL, JMT เป็นหุ้นเด่นที่น่าสะสม

โดยหลายอุตสาหกรรมของไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวดีกว่าคาด ภาพระยะสั้นตลาดยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุความรุนแรงระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น แต่อย่างไรก็ดีเรายังคาดไทยจะได้รับผลกระทบที่จำกัด และหลายอุตสาหกรรมของไทยยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ดังนั้นเราเชื่อว่าการย่อตัวลงยังคงเป็นโอกาสค่อยๆทยอยสะสม โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจเน้นอิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก เช่น กลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์, ธนาคาร, รับเหมาก่อสร้าง, อสังหาฯ, ท่องเที่ยว และกลุ่มสื่อฯ

หากเปรียบเทียบหุ้นใน 5 แง่มุมที่น่าสนใจในแต่ละอุตสาหกรรม ประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียนที่มีความสามารถที่ค่อนข้างสูสีกัน ดังนั้นเราจึงพยายามวิเคราะห์ในเชิงเปรียบเทียบกับหุ้นใน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยแบ่งออกเป็น 5 แง่มุมในการวิเคราะห์ ได้แก่ 1) โครงสร้างธุรกิจ 2) แนวโน้มผลประกอบการ 3) ปัจจัยหนุนในอนาคต 4) การประเมินมูลค่า และ 5) การเติบโตอย่างยั่งยืน (ESG) โดยได้ 7 หุ้นจาก 7 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ CK (รับเหมาฯ), CPALL (ค้าปลีก), JMT (ไฟแนนซ์-บริหารสินทรัพย์), KBANK (ธนาคาร), LH (อสังหาฯ), MINT (ท่องเที่ยว), PLANB (สื่อฯ)

เน้นกลุ่มที่กำไรมีโอกาสดีกว่าตลาดคาดและเป็นเป้าหมายกองทุน จากการคัดกรองหุ้นเพิ่มเติมผ่านธีมการลงทุนที่เหมาะสม โดยเน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกที่จะหนุนให้ผลการดำเนินงานมีโอกาสทำได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ นำไปสู่การปรับประมาณการขึ้น และอาจเป็นเป้าหมายกองทุนทั้งในและต่างประเทศในการเพิ่มน้ำหนักในการลงทุน โดย 2 หุ้นที่เราแนะทยอยสะสม ได้แก่

1) CPALL (TP@79) คาดการบริโภคปี 65 ฟื้นตัว +4.5% จาก +0.3% ในปีที่ผ่านมา ผสานเงินเฟ้อทีเร่งขึ้น หนุนการปรับราคาขาย เป็นบวกต่อ SSSG มีโอกาสดีกว่าคาด อีกทั้งภาคท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว และการต่อยอด S-Curve จะช่วยเพิ่มโอกาสการทำกำไรที่ดีกว่าคาด

2) JMT (TP@80) เศรษฐกิจในประเทศกำลังฟื้นตัว หนุนโอกาสในการเก็บหนี้ได้ดีขึ้น ผสานกับการต่อยอด JV กับธนาคารในธุรกิจ AMC เพื่อแก้ปัญหาหนี้จะเป็น Upside เพิ่มเติม และโอกาสในการถูกคัดเลือกเข้า SET50 หนุน Fund Flow ไหลกลับเข้าสะสม
#5690
ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าลบ วิตกแบนน้ำมันรัสเซียดันเงินเฟ้อพุ่ง

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้ายังคงเคลื่อนไหวในแดนลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น จะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 25,143.52 จุด ลดลง 77.89 จุด หรือ -0.31%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,961.97 จุด ลดลง 95.66 จุด หรือ -0.45% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,305.83 จุด ลดลง 67.02 จุด หรือ -1.99%

สถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้น หลังมีรายงานว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรในยุโรปกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน

ทางด้านนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียเตือนว่า บรรดาประเทศในกลุ่มตะวันตกอาจเผชิญกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 300 ดอลลาร์/บาร์เรล และท่อส่งก๊าซหลักระหว่างรัสเซีย-เยอรมนีอาจถูกปิดลง หากรัฐบาลของชาติตะวันตกยังคงเดินหน้าแผนการระงับนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

ตลาดยังจับตาตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดี ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%
#5691
ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง JDF ผู้นำการพัฒนาสูตรและเครื่องปรุงรส ขาย IPO 150 ล้านหุ้น คาดพร้อมเทรด SET Q2/65

โดยมี "แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์" เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ชูจุดเด่นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาสูตรและให้คำปรึกษาในการผลิตสินค้าเครื่องปรุงรสอาหารแบบครบวงจร ฐานลูกค้าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แบรนด์ดัง ล่าสุด อัพฐานกำลังการผลิตพร้อมขยายตลาดทั้งในประเทศไทย และบุกครัวโลก โชว์วิสัยทัศน์ก้าวเป็นผู้ผลิตเครื่องปรุงรสชั้นนำของประเทศ

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท เจดีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ JDF เปิดเผยว่า ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของ JDF ที่ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท โดย JDF จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร / อาหารและเครื่องดื่ม โดยเตรียมนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2565 นี้

อีกทั้ง เชื่อมั่นว่า ด้วยจุดแข็งของ JDF ในด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ก่อตั้งบริษัทและผู้บริหารที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารมากกว่า 30 ปี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการพัฒนาสูตรอาหารให้แก่ลูกค้าในธุรกิจอาหารและร้านอาหารยักษ์ใหญ่ และ SMEs ด้วยกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์มีเอกลักษณ์เฉพาะ ที่สามารถช่วยลูกค้าพัฒนาหรือปรับเปลี่ยนสูตรอาหารให้ตรงความต้องการของตลาด ซึ่งได้พัฒนาสูตรมาแล้วกว่า 300 ราย หรือกว่า 2,000 เมนู นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา JDF ได้สร้างโรงงานแห่งใหม่มาตรฐานรับรองคุณภาพในระดับสากล เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตพร้อมรองรับโอกาสการเติบโตในยุคหลังโควิด ก้าวสู่ผู้นำการพัฒนาและผลิตสูตรเครื่องปรุงรสให้ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ

นางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ JDF กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและพัฒนาสูตรเครื่องปรุงรสอาหารแบบครบวงจร (Food Seasoning) ตามความต้องการของลูกค้า และรับจ้างผลิตขนมขบเคี้ยวประเภทมะพร้าวอบกรอบ รวมทั้ง สินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทที่ต่อยอดพัฒนาความเชี่ยวชาญในการผลิตอาหารทั้ง 'GOOD EATS' ซุปกึ่งสำเร็จรูปที่มีรสชาติและคุณภาพระดับภัตตาคาร ปราศจากผงชูรสทุกชนิดสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ 'กินดี' หรือ 'Kindee' ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอาหารที่ปราศจากผงชูรสทุกชนิดที่มีรสชาติที่เข้มข้นถูกปากคนไทย สะดวก ง่ายต่อการปรุง มะพร้าวอบกรอบแบรนด์ 'Crispconut' อาหารว่างสำหรับคนรักและใส่ใจสุขภาพ ผงเขย่าปรุงรสและไส้เบเกอรี่หรือฟิลลิ่งแบรนด์ 'โอเค' หรือ 'OK'

"ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน และขีดความสามารถขยายธุรกิจ โดยวัตถุประสงค์ที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อขยายช่องทางตลาดไปยังต่างประเทศ ทั้งประเทศในกลุ่ม CLMV ประเทศจีนตอนใต้และประเทศอินเดีย รวมทั้ง ลงทุนในการวิจัยและพัฒนารวมถึงเครื่องจักรของกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูงและลงทุนในระบบเทคโนโลยีและระบบกึ่งอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิต พัฒนาระบบการเชื่อมโยงด้านข้อมูล เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตและยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้ง ใช้ชำระคืนเงินกู้ให้กับสถาบันการเงิน โดย JDF มีเป้าหมายระยะยาวก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องปรุงรสอาหารที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเป็นหัวใจสำคัญและเป็นอีกฟันเฟืองในการสร้างความยั่งยืนให้ระบบนิเวศอุตสาหกรรมอาหาร ให้สามารถเติบโตสู่ครัวโลก ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีการลงทุนในการสร้างโรงงานใหม่บนพื้นที่ 33 ไร่ ที่จังหวัดสมุทรสาคร และเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องปรุงรสอาหารกว่า 75% จากกำลังการผลิตของโรงงานเดิม อย่างไรก็ดี สถานการณ์โควิดกระทบภาพรวมคำสั่งซื้อและการส่งออกของลูกค้าบริษัทฯ แต่เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารอยู่ในเทรนด์การเติบโตของโลก ประกอบกับฐานลูกค้าของ JDF เป็นบริษัทชั้นนำ ทำให้ความต้องการเครื่องปรุงรสยังคงอยู่ในระดับสูง" นางสาวรัตนา กล่าว

นอกจากนี้ ด้านภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2564 มีรายได้จากการขายและบริการ 420.95 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 26.60 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น 29.0% อัตราส่วนกำไรสุทธิ 6.3 % คาดหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะเพิ่มโอกาสการเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยวิสัยทัศน์ "เราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรส และอาหารแปรรูประดับประเทศ ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วโลก"
#5692
TSTH บวก 1.37% โบรกฯคาดกำไรดีตามราคาเหล็ก,ลุ้นปันผลครั้งแรกรอบ 14 ปี

ราคาหุ้น TSTH ปรับขึ้น 1.37% หรือ 0.02 บาท มาที่ 1.48 บาท มูลค่าซื้อขาย 20.65 ล้านบาท จากราคาเปิด 1.47 บาท ราคาสูงสุด 1.49 บาท ราคาต่ำสุด 1.45 บาท

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาด บมจ.ทาทาสตีล (ประเทศไทย) (TSTH) จะมีกำไรในไตรมาส 4 ปี 64/65 (ม.ค.-มี.ค.65) ปรับตัวในเกณฑ์ดี จากปริมาณขายคาด 340,000 ตัน (+6%QoQ, -7%YoY) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น และจากราคาเหล็กเดือน ก.พ.-มี.ค.ปรับขึ้นหนุน

และ ช่วงที่เหลือของเดือน มี.ค. มีแนวโน้มจะปรับขึ้นตามทิศทางราคาเหล็กในตลาดโลก เราประเมินราคาขายเฉลี่ยไตรมาส 4 ปี64/65 (ม.ค.-มี.ค. 65) เท่ากับ 25,500 บาท/ตัน (+1%QoQ, +31%YoY) ส่วนต้นทุนราคาเศษเหล็กจากข้อมูลของสถาบันเหล็กไตรมาสปัจจุบันปรับขึ้นเป็น 17,425 บาท/ตัน (+5%QoQ, +34%YoY)

จากผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 64/65 ยังเด่น เราปรับประมาณการกำไรปี 64/65 (เม.ย.64-มี.ค.65) เพิ่ม 14% สู่ระดับ 2,931 ล้านบาท เติบโต 365% ทำสถิติสูงสุดใหม่

แนวโน้มปี 65/66 (เม.ย. 65-มี.ค. 66) เราคาดปริมาณขาย 1.375 ล้านตัน เติบโตเล็กน้อย 3% ภายใต้สมมติฐานราคาเหล็กไม่ใช่ขาขึ้นเหมือนปี 64/65 คือ ทรงตัวประมาณ 25,000-26,000 บาท/ตัน และ ต้นทุนเศษเหล็กทรงตัวจากไตรมาสก่อน เราประเมินกำไรเท่ากับ 976 ล้านบาท ลดลง 67%

TSTH จะมีส่วนกำไรสะสมจากติดลบพลิกมาเป็นบวกสำหรับงบปี 64/65 และได้เปลี่ยนนโยบายปันผลจากเดิมจ่ายไม่เกิน 40%ของกำไร เป็นจ่ายปันผลขึ้นกับผลการดำเนินงาน สมมติจ่ายปันผล 50% ของกำไรจะมีเงินปันผลจ่ายสำหรับกำไรปี 64/65 เท่ากับ 0.17 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 11.9% ซึ่งเป็นการจ่ายปันผลครั้งแรกในรอบ 14 ปี จากประมาณการที่ปรับขึ้น เราเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 1.55 บาท ใกล้มูลค่าตามบัญชี จากเดิม 1.50 บาท เพิ่มเกรดเป็น ถือ จากเดิม ขาย
#5693
การซื้อ-ขายทั้งสิ้นที่ดำเนินการผ่านสะสม ได้ผ่านวิธีการตรวจทานให้รอบคอบทุกรายการ
ซื้อ-ขายในราคากึ่งกลางที่ตลาดเป็นผู้กำหนด พร้อมบริการหลังวิธีขายระดับพรีเมียม รวมถึงการไม่เปิดเผยตัวตน เรามอบประสบการณ์การค้าขายที่ดีที่สุดในตลาด
ซื้อ-ขายง่าย ไม่มีอันตราย ไม่ต้องเผยตัวตน หรือติดต่อกับผู้ซื้อหรือคนขายโดยตรง ช้อปนานัปการผลิตภัณฑ์ที่คุณอยากได้ในเพียงแต่ไม่กี่คลิก ในเว็ปไซต์สะสม SASOM
เข้าถึงข้อมูลราคาขายปัจจุบันบนแพลตฟอร์ม ช่วยให้คุณสามารถพินิจพิจารณา คาดคะเน และศึกษาเล่าเรียนค่าของผลิตภัณฑ์ เพื่อประกอบกิจการตัดสินใจซื้อ-ขายได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

วิธีการซื้อ  Converse Chuck Taylor All Star Move OX White W
ขั้นตอนที่ 1: เลือกของ SASOM ของคุณ
เลือกสินค้าที่คุณต้องการ แล้วคลิกที่ปุ่มซื้อ แม้ปุ่มซื้อไม่พร้อมใช้งาน สามารถอ่านเพิ่มเติมถึงที่เหมาะ "ไม่มีปุ่มกดซื้อสินค้าที่ฉันปรารถนา"
ขั้นตอนที่ 2: เลือกราคา, ไซส์ และสภาพผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการ
เลือกราคา, ขนาด รวมทั้งภาวะผลิตภัณฑ์ที่คุณปรารถนา แล้วปฏิบัติการต่อที่หน้าจ่ายเงิน
ขั้นตอนที่ 3: กรอกที่อยู่ในการจัดส่ง  Converse Chuck Taylor All Star Move OX White W
กรอกที่อยู่aสำหรับในการจัดส่ง หรือเลือกที่อยู่ที่คุณบันทึกไว้ คุณสามารถเลือกซื้อบริการเสริม (Add-on service) หรือเข้ารหัสส่วนลด (ถ้าเกิดมี) แล้วกดเห็นด้วยกฎระเบียบและข้อตกลงก่อนคลิกต่อไป
ขั้นตอนที่ 4: ชำระเงิน  Converse Chuck Taylor All Star Move OX White W
เลือกแนวทางการจ่ายเงินที่คุณต้องhttps://bit.ly/35caTdKได้ โดยคุณสามารถดูข้อมูลช่องทางการชำเงินต่างๆถึงที่กะไว้ "วิถีทางการชำระเงิน"
ขั้นตอนที่ 5: สะสมจัดการจัดส่งสินค้า  Converse Chuck Taylor All Star Move OX White W
สะสมจัดการจัดส่งสินค้าถึงมือคุณ! พร้อมค้ำประกันสินค้าว่าเป็นของแท้ 100% ประสิทธิภาพแล้วก็ภาวะสินค้าตรงตามมาตรฐานของสะสม ถ้าหากเกิดเหตุขัดข้องอะไรก็ตาม
เกี่ยวกับรายการสั่งซื้อของคุณ ทางพวกเราแจ่มแจ้งให้คุณรู้และจัดหาช่องทางที่ดีเยี่ยมที่สุดให้กับคุณ


https://bit.ly/3hHUBvM
#5694
FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนฟื้นแต่ยังเป็นเกณฑ์ทรงตัวกังวลศึกยูเครน

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือน ก.พ.65 พบว่า "ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 113.03 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.4% จากเดือนก่อนหน้าลงมาอยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว"

โดยนักลงทุนมองว่าเงินทุนไหลเข้า เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือความคาดหวังต่อการคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-เครน และ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดใน รัสเซีย-เครน รองลงมาคือความไม่แน่นอนเรื่องนโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และสถานการณ์เศรษฐกิจยูโรโซน

FETCO Investor Confidence Index สำรวจในเดือน ก.พ.65 ได้ผลสรุป ดังนี้

-ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พ.ค.65) อยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" (ช่วงค่าดัชนี 80-119) เพิ่มขึ้น 20.4% มาอยู่ที่ระดับ 113.03

-ดัชนีความเชื่อมั่นนักรายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มนักลงทุนบุคคลและกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในระดับ "ทรงตัว" ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับ "ร้อนแรง"

-หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดธนาคาร (BANK)

-หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดประกันภัยและประกันชีวิต (INSUR)

-ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความคาดหวังเงินทุนไหลเข้า

-ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดใน รัสเซีย-เครน

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ผลสำรวจ ณ เดือน ก.พ.65 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลปรับลด 25.6% อยู่ที่ระดับ 90.53 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 18.7% อยู่ที่ระดับ 128.57 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 24.4% อยู่ที่ระดับ 94.44 และความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับเพิ่ม 185.7% มาอยู่ที่ระดับ 142.86

ในช่วงเดือน ก.พ.65 SET Index ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินทั่วโลกเตรียมจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ ทำให้มีต่างชาติซื้อสุทธิ 61,336 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี 65 ต่างชาติซื้อสุทธิรวม 75,570 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ดัชนีมีการปรับตัวลงแรงช่วงปลายเดือน หลังได้รับผลกระทบจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้นมาก จนภาครัฐต้องประกาศยกระดับการเตือนภัยโควิด-19 เป็นระดับที่ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับ รวมถึงได้รับผลกระทบจากความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ SET Index ณ สิ้นเดือน ก.พ.65 ปิดที่ 1,685.18 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 2.2% จากเดือนก่อนหน้า

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งในรัสเซีย-เครนและมาตรการตอบโต้ด้านการค้าและการเงินของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซี่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและกระทบเรื่องอัตราเงินเฟ้อจากราคาพลังงาน โดยเฉพาะในกลุ่มยูโรโซนซึ่งมีการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย

นอกจากนี้ ความชัดเจนในการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนโดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงมาก อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น และไทย ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่น่าติดตาม ในส่วนของปัจจัยในประเทศได้แก่ การรับมือของภาครัฐต่อจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์โอมิครอน นโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวในระยะถัดไป และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

ส่วนการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation) เดือน มี.ค.65 ผู้ตอบแบบสำรวจมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเดือน มี.ค.นี้ เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ประกอบกับเงินเฟ้อของไทยแม้จะปรับสูงขึ้นจากราคาพลังงาน แต่ยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 และ 10 ปี ณ สิ้นเดือน มี.ค.65 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ประกอบกับอุปทานที่เพิ่มขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลไทยจากความจำเป็นในการกู้เงินของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม วิกฤติรัสเซีย-ยูเครน อาจส่งผลให้อัตราผลตอบแทนผันผวนในระยะสั้น

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมดคาดการณ์ว่า กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบันที่ 0.5% ในการประชุมครั้งนี้และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไปจนตลอดช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจาก ธปท. น่าจะให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจประกอบกับอัตราเงินเฟ้อของไทยแม้จะเริ่มปรับสูงขึ้นจากราคาพลังงาน แต่ยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจบางส่วนเริ่มมีการคาดการณ์ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปีจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวเมื่อนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ประกอบกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่อาจส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกต้องทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

การคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ณ สิ้นเดือนมี.ค.65 ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่คาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรุ่นอายุ 5 ปีและ 10 ปี จะปรับเพิ่มขึ้น 10-20 bps และ 0-5 bps ตามลำดับจากระดับ ณ ปลายเดือน ก.พ.65 มาอยู่ที่1.48-1.58% สำหรับรุ่นอายุ 5 ปี และที่ 2.19-2.24% สำหรับรุ่นอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นทิศทางการปรับสูงขึ้นตามแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ นอกจากนี้ อุปทานที่มากขึ้นของพันธบัตรไทยอาจมีส่วนทำให้ Bond Yield ไทยขยับสูงขึ้นด้วย ส่วนความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จะส่งผลต่อความผันผวนของ Bond Yield ในระยะสั้น
#5695
ธปท.เผยผลตอบแทนพันธบัตร ธปท.มูลค่า 5.5 หมื่นลบ.อยู่ที่ 0.43243%

ประกาศผลการประมูลซื้อตราสารหนี้

ประมูล ณ วันที่ 9 มีนาคม 2565

ThaiBMA                                            CB22609A
ISIN CODE                                        TH0655B72687
CFI Code                                            DYZTXR
วันชำระเงิน                                          10/03/65
วันครบกำหนด                                         09/06/65
อายุ                                                ( 91 วัน)
อัตราดอกเบี้ย(ร้อยละต่อปี)                                  -
อัตราส่วนดัชนีเงินเฟ้ออ้างอิง ณ วันชำระเงิน(เท่า)                -
วงเงินที่ประมูล(ล้านบาท)                               55,000.00
วงเงิน CB ที่ได้รับการจัดสรร(ล้านบาท)                    55,000.00
อัตราผลตอบแทนที่ประมูลได้(ร้อยละต่อปี)                 0.4240 - 0.4350
อัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยที่ประมูลได้(ร้อยละต่อปี)               0.43243
Bid Coverage Ratio                                   1.29
วงเงิน NCB ที่ได้รับการจัดสรร(ล้านบาท)                       -


"ซังซัง" จัดโปรฯ ลดแรงต่อเนื่อง สั่งซื้อ 2 ลัง ในราคา 500 บาท เท่านั้น!
 
"ซังซัง" นมถั่วเหลืองคั้นสด ผลิตจากเมล็ดถั่วเหลืองจากประเทศแคนาดา รสชาติอร่อย หอมมัน และมีน้ำตาลน้อยกว่า 2% จัดโปรโมชันพิเศษลดแรงต่อเนื่อง ให้กับลูกค้าที่ซื้อนมถั่วเหลืองซังซัง จำนวน 2 ลัง ในราคาเพียง 500 บาทเท่านั้น จากราคาปกติ 600 บาท (นมถั่วเหลืองซังซัง ขนาด 300 มล. 1 ลัง บรรจุ 36 กล่อง) สั่งซื้อได้ทาง https://bit. ly/3skC2nn ระยะเวลาโปรโมชันตั้งแต่วันนี้ถึง 25 มี.ค.65

กลุ่ม ช.การช่าง รับรางวัลบูธสวยงามยอดเยี่ยม งาน MONEY & BANKING AWARDS 2021
 
กลุ่ม ช.การช่าง รับรางวัลบูธสวยงามยอดเยี่ยม งาน MONEY & BANKING AWARDS 2021
กลุ่มบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) นำโดยนางรินรดา ตั้งตรงคิด ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ขึ้นรับรางวัลเกียรติยศงาน Money & Banking Awards 2021 ในกลุ่มรางวัลบูธสวยงามยอดเยี่ยม (Best Design Excellence Award Money Expo 2021) โดยได้รับเกียรติจากดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ประธานพิธีมอบรางวัล พร้อมด้วย นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการวารสารการเงินธนาคาร ประธานจัดงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ The Portal Ballroom ชั้น 4 อาคารเดอะ พอร์ทอล ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆนี้

 
#5696
อนุทิน เชื่อค่าโง่โฮปเวลล์มีช่องสู้คดีได้ยันทำเต็มที่เพื่อผลประโยชน์ชาติ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น และมีคำสั่งรับคำขอให้พิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่นั้น ถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพราะการรักษาผลประโยชน์ของชาติถือเป็นภารกิจหลัก

ทั้งนี้ ได้หารือกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม แล้วว่าเรื่องนี้ต้องพิจารณาให้ละเอียด เพราะไม่ต้องการให้มีการจ่ายค่าโง่ในยุคที่ตนรับผิดชอบดูแลกระทรวงคมนาคม และเชื่อว่าเราคงไม่โง่ขนาดนั้น โดยขอให้นายศักดิ์สยามไปรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาและหาวิถีทางในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ส่วนจะแพ้หรือชนะ ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม แต่อย่างน้อยก็ได้ทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของบ้านเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำถ้าสามารถทำได้

"เวลาอ่านหนังสือ หรือเวลาดูหนัง ต้องไม่ดูกลางเรื่อง ต้องดูว่าต้นเรื่องเป็นอย่างไร หลายๆ เรื่องที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ คือเราไปเริ่มนับแถวๆ กลางเรื่อง ไม่ได้ดูที่มาที่ไปตั้งแต่บทที่หนึ่ง กรณีของโฮปเวลล์ ถ้าย้อนกลับไปดูว่าเริ่มมาอย่างไร มีพัฒนาการอย่างไรและทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ทั้งที่เชื่อว่าตั้งแต่เริ่มโครงการ คงไม่มีใครอยากให้มีผลกระทบเช่นนี้ แต่ทำไมถึงออกมากลายเป็นว่าเสียหาย" นายอนุทิน กล่าว
พร้อมระบุว่า ได้พบเหตุผล และหลายๆ เหตุที่คิดว่าจะนำมายกเป็นข้อต่อสู้ได้ จึงได้มอบหมายให้ รมว.คมนาคม ไปติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และตั้งเป้าว่าประโยชน์ของชาติจะเสียหายไม่ได้ โดยขั้นตอนทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่อย่างน้อยไม่ต้องจ่ายเงินในวันนี้

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ได้หารือกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.ยุติธรรม อยู่ตลอด ซึ่งนายพีระพันธุ์มีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย เพราะเป็นอดีตผู้พิพากษา และมองว่าเป็นทีมเวิร์คที่ดีมาก ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
#5697
ธพว.-สมาพันธ์ SME จัดเวิร์คช็อป 4 หลักสูตรหนุนผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุน

น.ส.นารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายลดลง ส่งผลต่อเงินทุนหมุนเวียน สภาพคล่องไม่เพียงพอ ดังนั้น SME D Bank จึงร่วมกับสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งทุน สนับสนุนลูกค้าธนาคาร ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ เข้าสู่กระบวนการสนับสนุนด้านการเงิน และการพัฒนา โดยเข้าร่วมอบรมความรู้และลงมือปฏิบัติจริง พร้อมจับคู่เข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านสินเชื่อของ SME D Bank ช่วยเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการเดินหน้าธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น 2 รุ่น ครั้งละ 150 ราย ผ่านระบบ Zoom Meetings ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 มีนาคม 2565 และจับคู่เข้าสู่แหล่งเงินทุนในวันที่ 22 มีนาคม 2565 และ รุ่นที่ 2 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2565 และจับคู่เข้าสู่แหล่งเงินทุนในวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรม คุณสมบัติเปิดกว้างทั้งบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล รวมถึงผู้ประกอบการที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจ

"ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่สนใจเข้าร่วมอบรม สามารถสมัครรุ่นที่ 1 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 13 มี.ค. 65 ผ่าน https://forms.gle/wV1dMETJaJ1C3QKk9 หรือสแกน QR Code ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัดเพียง 150 ท่านเท่านั้น" น.ส.นารถนารี ระบุ
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมอบรม จะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญจาก SME D Bank และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย มาร่วมถ่ายทอดความรู้ในด้านต่าง ๆ ทุกขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความรู้และความเข้าใจ เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุน กลยุทธ์ธุรกิจที่สอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน เพื่อเพิ่มยอดขาย สร้างรายได้ให้เติบโตด้วยออนไลน์ โดยมีกิจกรรม Workshop 4 หลักสูตร ได้แก่ 1.แนวคิดและทฤษฎีการทำธุรกิจ 2.การตลาดยุคใหม่สำหรับ SMEs 3.การทำบัญชีและภาษีอย่างง่าย และ 4.การทำเอกสารยื่นกู้ธนาคาร ช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และเตรียมความพร้อมในการทำกิจการได้อย่างยั่งยืน

"ความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เติมเต็มความรู้ในสิ่งที่ขาด หรือเพิ่มเติมโอกาสเข้าสู่แหล่งเงินทุน ต่อยอดทฤษฎีสู่การปฏิบัติ สร้างการประเมินธุรกิจ เพื่อรับรู้ถึงปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ นำไปสู่การแก้ไขได้อย่างตรงจุดและรวดเร็ว โดยจะมีหลักสูตรอบรมแนวคิดและทฤษฎีการทำธุรกิจ การเตรียมความพร้อมเป็นผู้ประกอบการ และ Canvas Model การตลาดยุคใหม่ สำหรับ SMEs การทำบัญชีและภาษีอย่างง่าย รวมทั้งการทำเอกสารยื่นขอสินเชื่อกับ SME D Bank และเมื่อดำเนินการอบรมเสร็จสิ้นจะเกิดการจับคู่เข้าสู่แหล่งเงินทุน ระหว่างผู้ประกอบการกับธนาคาร แบบตัวต่อตัว ถือเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน" น.ส.นารถนารี กล่าว
SME D Bank มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเอสเอ็มอีไทยไว้คอยให้บริการ เช่น สินเชื่อ SMEs D Plus เปิดรับรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินเดิม ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน รองรับการลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ และเป็นทุนหมุนเวียน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.5% ต่อปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 18 เดือน ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี

สินเชื่อ SMEs D เพื่อการลงทุน เพื่อลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ รวมถึงปรับเปลี่ยนธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 18 เดือน ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี

สินเชื่อ SMEs D เสริมสภาพคล่อง เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 6% ต่อปี

สินเชื่อ SMEs Re-Start สำหรับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว และเกี่ยวเนื่อง (Supply Chain) เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ หรือสำรองเป็นค่าใช้จ่าย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้น สูงสุดไม่เกิน 24 เดือนเป็นต้น
#5698
การซื้อ-ขายทั้งผองที่ดำเนินการผ่านสะสม ได้ผ่านขั้นตอนการตรวจตราอย่างประณีตทุกรายการ
ซื้อ-ขายในราคากึ่งกลางที่ตลาดเป็นผู้กำหนด พร้อมบริการข้างหลังการขายระดับพรีเมียม รวมถึงการไม่เปิดเผยตัวตน เรามอบประสบการณ์การซื้อขายที่ยอดเยี่ยมในตลาด
ซื้อ-ขายง่าย ไม่เป็นอันตราย ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน หรือติดต่อกับคนซื้อหรือคนขายโดยตรง ช้อปมากมายสินค้าที่คุณอยากได้ในเพียงแต่ไม่กี่คลิก ในเว็ปไซต์สะสม SASOM
เข้าถึงข้อมูลราคาขายปัจจุบันบนแพลตฟอร์ม ช่วยทำให้คุณสามารถพินิจพิจารณา เดา รวมทั้งเรียนมูลค่าของผลิตภัณฑ์ เพื่อประกอบกิจการตัดสินใจซื้อ-ขายได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

แนวทางการซื้อ  Jordan 1 Mid Laser Blue
ขั้นตอนที่ 1: เลือกของ SASOM ของคุณ
เลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการ แล้วคลิกที่ปุ่มซื้อ ถ้าปุ่มซื้อไม่พร้อมใช้งาน สามารถอ่านเพิ่มถึงที่กะไว้ "ไม่มีปุ่มกดซื้อสินค้าที่ฉันปรารถนา"
ขั้นตอนที่ 2: เลือกราคา, ไซส์ รวมทั้งภาวะผลิตภัณฑ์ที่คุณปรารถนา
เลือกราคา, ขนาด รวมทั้งภาวะผลิตภัณฑ์ที่คุณปรารถนา แล้วปฏิบัติงานต่อที่หน้าจ่ายเงิน
ขั้นตอนที่ 3: กรอกที่อยู่สำหรับการจัดส่ง  Jordan 1 Mid Laser Blue
กรอกที่อยู่aสำหรับเพื่อการจัดส่ง หรือเลือกที่อยู่ที่คุณบันทึกไว้ คุณสามารถเลือกซื้อบริการเสริม (Add-on service) หรือใส่รหัสส่วนลด (ถ้ามี) แล้วกดเห็นด้วยกฎระเบียบและข้อแม้ก่อนคลิกต่อไป
ขั้นตอนที่ 4: ชำระเงิน  Jordan 1 Mid Laser Blue
เลือกกรรมวิธีจ่ายเงินที่คุณต้องhttps://bit.ly/35caTdKได้ โดยคุณสามารถดูข้อมูลวิถีทางการชำเงินต่างๆถึงที่กะไว้ "วิถีทางการจ่ายเงิน"
ขั้นตอนที่ 5: สะสมจัดการจัดส่งสินค้า  Jordan 1 Mid Laser Blue
สะสมจัดการจัดส่งผลิตภัณฑ์ถึงมือคุณ! พร้อมรับประกันผลิตภัณฑ์ว่าเป็นของแท้ 100% ประสิทธิภาพและสภาพผลิตภัณฑ์ตรงตามมาตรฐานของสะสม หากเกิดเหตุขัดข้องอะไรก็แล้วแต่
เกี่ยวกับรายการสั่งซื้อของคุณ ทางพวกเรากระจ่างให้คุณทราบและหาช่องทางที่ยอดเยี่ยมให้กับคุณ!


https://bit.ly/34m8IUC
#5699
Azure AD ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้มีผู้ดูแลเฉพาะแอปได้ Credit: Microsoft'Custom role for delegated app management' เป็นความสามารถใหม่ที่เข้าสู่สถานะพร้อมใช้งาน โดยทำให้มอบสิทธิ์การดูแลจัดการแอปในแบบ Single-tenant และ Multitenant รวมถึง Enterprise App ได้ อย่างไรก็ตามมีข้อกำหนด 2 อย่างคือ
1.) ผู้มอบสิทธิ์ย่อย (Delegate) จะต้องเป็น Global Administrator หรือมีสิทธิ์พิเศษระดับแอดมิน
2.) ต้องมี License ระดับ P1 ถึงจะใช้ได้ ไอเดียทั้งหมดนี้ก็คือ Microsoft พยายามสร้าง Least-Privileged และเปิดให้ปรับจูนอำนาจการจัดการภายใน

อ่านต่อ MyMainer.com
#5700
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลบ 33.46 จุด กังวลสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นในเอเชียที่พากันร่วงลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,447.65 จุด ลดลง 33.46 จุด หรือ -0.96%

ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย หลังจากกองกำลังทหารรัสเซียยิงถล่มโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ของยูเครน และล่าสุดได้เข้ายึดโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้แล้ว

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นจีนยังได้รับแรงกดดันจากผลสำรวจซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซินซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.ของจีนปรับตัวลงสู่ระดับ 50.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2564 จากระดับ 51.4 ในเดือนม.ค. เนื่องจากภาคบริการของจีนได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19