• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Shopd2

#3521


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า กระทรวงคมนาคมได้ออก "กฎกระทรวง กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ.2564" และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ซึ่งภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้เปิดให้ผู้ขับขี่รถใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชีย ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน ถึงทางต่างระดับอ่างทอง เป็นเส้นทางแรก เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ตามนโยบายการปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถยนต์ จากความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสั่งการให้กรมทางหลวงกำหนดเส้นทางเพิ่มเติม โดยให้ครอบคลุมเส้นทางในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก เพื่อประกาศใช้ในระยะที่ 2 โดยได้ข้อสรุป 6 เส้นทาง มีผลเริ่มใช้ได้ในวันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป


ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมยังได้เน้นย้ำให้กรมทางหลวงปรับปรุงเพิ่มมาตรฐานทางกายภาพให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ได้แก่ เสริมการก่อสร้างอุปกรณ์ป้องกันด้านข้างทาง (Concrete Barrier) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงเนื่องจากการเสียหลักข้ามเกาะกลาง ปรับปรุงจุดกลับรถระดับราบ เพื่อลดการตัดกันของกระแสจราจร ติดตั้งป้ายจราจรและป้ายเปลี่ยนข้อความได้เพื่อสื่อสารการใช้ความเร็วที่เหมาะสมในช่วงถนนและช่องจราจร รวมทั้งติดตั้งแถบเตือน Rumble Strips บอกจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดการเข้าเขตควบคุมความเร็วด้วย


นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า สำหรับเส้นทางนำร่อง ระยะที่ 2 ทั้ง 6 เส้นทาง ที่จะเริ่มใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในวันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป ประกอบด้วย 1.ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ตอนบ่อทอง-มอจะบก ระหว่าง กม.74+500 ถึง กม. 88+000 แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 2 ทั้งขาเข้าและขาออก 6 ช่องจราจร ระยะทาง 13.500 กม. 2.ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ตอนหางน้ำหนองแขม-บ้านหว้า-วังไผ่ ระหว่าง กม.306+640 ถึง 330+600 แขวงทางหลวงนครสวรรค์ที่ 1 ทั้งขาเข้าและขาออก 8 ช่องจราจร ระยะทาง 23.960 กม.

3.ทางหลวงหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ตอนอ่างทอง-ไชโย-สิงห์ใต้-สิงห์เหนือ-โพนางดำออก ระหว่าง กม.50+000 ถึง 111+473 แขวงทางหลวงอ่างทอง และแขวงทางหลวงสิงห์บุรี ทั้งขาเข้าและขาออก 6 และ 8 ช่องจราจร ระยะทาง 61.473 กม. 4.ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนสนามกีฬาธูปเตมีย์-ต่างระดับคลองหลวง-ประตูน้ำพระอินทร์ ระหว่าง กม.35+000 ถึง 45+000 แขวงทางหลวงปทุมธานี ทั้งขาเข้าและขาออก 6 ช่องจราจร ระยะทาง 10.000 กม. 5.ทางหลวงหมายเลข 34 (ถนนบางนา – ตราด) ตอนบางนา-ทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กม.1+500 ถึง 15+000 แขวงทางหลวงสมุทรปราการ ทั้งขาเข้าและขาออก 8 ช่องจราจร ระยะทาง 13.500 กม. และ 6. ทางหลวงหมายเลข 304 (ถนนสุวินทวงศ์) ตอนคลองหลวงแพ่ง-ฉะเชิงเทรา ระหว่าง กม. 53+300-58+320 และ กม. 62+220 ถึง กม. 63+000 แขวงทางหลวงฉะเชิงเทรา ทั้งขาเข้าและขาออก ระยะทาง 5.800 กม. โดยทั้ง 6 เส้นทางกำหนดให้ใช้อัตราเร็วสูงสุดไม่เกิน 120 กม./ชม. และไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. ในช่องทางขวาสุด ยกเว้นกรณีเหตุฉุกเฉิน เช่น การจราจรติดขัด หรือรถเสีย



ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้ดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยได้ปรับปรุงทางกายภาพของถนนทั้ง 6 เส้นทางให้มีความพร้อมรองรับการใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. เพื่อความปลอดภัย เช่น ปิดจุดกลับรถพื้นราบ ให้ใช้จุดกลับรถใต้สะพานหรือทางยกระดับ ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย ติดตั้งกล้องวงจรปิด และอุปกรณ์ตรวจจับความเร็ว ป้ายเตือน ป้ายจราจรต่างๆ รวมทั้งประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจังหวัด ตำรวจในพื้นที่ และตำรวจทางหลวง เพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้ใช้ทางทราบข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ใช้อัตราความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญคือมีความปลอดภัยสูง โดยผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถติดตามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Website กรมทางหลวง (www.doh.go.th) แฟนเพจกรมทางหลวง และ Call Center 1586
#3522


ไนกี้ หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักด้านอุปกรณ์กีฬา ของสโมสรฟุต.ชลบุรี (Chonburi Football Club หรือ CFC) เปิดตัวชุดแข่งเหย้า ประจำฤดูกาล 2021 อย่างเป็นทางการ โดยในครั้งนี้ได้จัดกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งแฟนๆ ฉลามชล สามารถรับชมงานเปิดตัวชุดแข่งของสโมสรฯ แบบสดๆ และย้อนหลังได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Chonburi Football Club

สำหรับชุดแข่งขันเหย้าของสโมสร "ฉลามชล" ประจำฤดูกาล ใหม่ล่าสุดนี้มาในคอนเซ็ปต์ "คลื่นเขี้ยวฉลาม" ที่สื่อถึงเกลียวคลื่นแห่งศรัทธา ของขุนพลฟ้า-น้ำเงิน ที่พร้อมคว้าชัยในทุกแมทช์แข่งขัน กลับไปให้แฟนๆ สโมสรฟุต.ชลบุรีได้เฮกันถ้วนหน้า ทั้งนี้ ในฤดูกาลล่าสุดสโมสรฟุต.ชลบุรียังคงผลักดันและสนับสนุนนักเตะเยาวชนหลายๆ รายที่ทำผลงานดีอย่างต่อเนื่อง โดยได้โอกาสในการลงสนามสู้ศึกไทยลีก ซึ่งสโมสรฯ ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นเป็นอย่างมากในการปรับแต่งทีมให้คงความสด เต็มไปด้วยพละกำลัง ที่พร้อมห้ำหั่นของนักเตะเยาวชน โดยชุดแข่งขันในบ้าน (เหย้า) ได้รับการออกแบบให้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของเหล่าฉลามนักเตะในสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ จากรอยเขี้ยวฉลามที่กัดไม่ยั้งในฤดูกาล 2020 สร้างแรงกระเพื่อมในเกลียวคลื่น จนกลายเป็นลวดลายคลื่นน้ำจากเขี้ยวฉลามในฤดูกาล 2021 นี้ โดยลวดลายของคลื่นน้ำนี้ได้วางในตำแหน่งบริเวณแถบคาดหน้าอกที่มีลักษณะเป็นตัว V ที่ล้อไปกับรูปทรงของคอเสื้อ และเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ (Victory) สำหรับลายเฉียงบนเสื้อนั้นได้มีการเลือกใช้วัสดุพิเศษ Hologram UV ให้เล่นกับแสง เปรียบเสมือนแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์บนผืนนน้ำที่เปล่งประกายระยิบระยับ สื่อถึงความหวังในวันข้างหน้าที่สโมสรฯ เชื่อมั่นในแนวทางการสร้างอคาเดมี่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา



ในส่วนของเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำหน้าในชุดแข่งขันใหม่ประจำฤดูกาลนี้ของทีมฉลามชล อัดแน่นไปด้วยสุดยอดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ล้ำหน้า และเปี่ยมด้วยคุณภาพ เพื่อผลักดันสมรรถนะของผู้เล่นทีมชลบุรีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ได้แก่ เนื้อผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Dri-Fit ช่วยระบายเหงื่อให้ผู้เล่นรู้สึกแห้ง และสบายตัวตลอด 90 นาทีในสนาม และทรงเสื้อเข้ารูปแบบ Performance Fit ที่ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง รวดเร็ว และว่องไว โดยมีแขนเสื้อไร้รอยตะเข็บบริเวณหัวไหล่เพื่อช่วยให้เคลื่อนไหว ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ยังมีรายละเอียดของบริเวณตะเข็บด้านนอกคอเสื้อ ที่ได้รับการออกแบบมาให้ถูกปิดทับไว้ เพื่อลดการเสียดสีระหว่างผิวหนังกับรอยตะเข็บอีกด้วย รวมถึงดีไซน์ของรอยผ่าแบบไร้กระดุมที่คอเสื้อ ให้ความรู้สึกสไตล์วินเทจได้อย่างมีเอกลักษณ์



ในขณะที่ชุดแข่งเยือน (away) ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ทางสโมสรเปิดเผยว่าจะมีความเท่ และดุดันไม่แพ้กับชุดเหย้าอย่างแน่นอน ให้แฟนๆ ฉลามชลรอติดตามกันได้เลย

ปกป้อง ตวงทอง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไนกี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ไนกี้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เรายังคงได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง ก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 จากสโมสรชลบุรี การได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนอุปกรณ์กีฬาเพื่อร่วมขับเคลื่อนสุดยอดศักยภาพของนักเตะทุกคนในทุกสนามที่กำลังจะมาถึงให้สามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้อย่างเต็มศักยภาพเป็นสิ่งที่ไนกี้ภาคภูมิใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในปีนี้บรรดานักเตะรุ่นใหม่ๆ จะสามารถนำพาสโมสรฯ และแฟนๆ ไปถึงฝั่งฝัน และคว้าชัยเพื่อร่วมเฉลิมฉลองไปด้วยกันอย่างยิ่งใหญ่ในเร็วๆ นี้"

เสื้อแข่งขันเหย้าของสโมสรฟุต.ชลบุรี ประจำฤดูกาล 2021 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในราคา 1,200 บาท ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ที่ร้านชลบุรี เอฟซี สโตร์ และในช่องทางออนไลน์ สโมสรชลบุรี เอฟซีที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Chonburi FC Online Store, ร้านค้าในแอปฯ Shopee Chonburi Football Club และเฟซบุ๊กแฟนเพจ VIP by Marut
#3523


ช่วงนี้กระแสของ NFT หรือ Non-Fungible Tokens กำลังมาแรงอย่างมากซึ่งแต่ละโทเคนจะมีความเป็นเฉพาะตัวของตัวเองหรืออาจจะมีมูลค่าที่แตกต่างกันซึ่งอาจจะมีโทเคนดังกล่าวเพียงชิ้นเดียวในโลกก็เป็นได้ ทำให้เกิดเป็นมูลค่าในตัวเองและยังทำให้เกิดเป็นสินทรัพย์การลงทุนรูปแบบใหม่ขึ้นอีกด้วย

เราลองมาดูกันว่า NFT ในตอนนี้มีสินทรัพย์อะไรบ้างที่เราจะเข้าไปลงทุนได้บ้างและอะไรคือปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของราคางานศิลปะ

ถือเป็นผลงานที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดบน NFT เนื่องจากการซื้อขายทำงานบนบล็อกเชนจึงสามารถแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงผลงานซึ่งถือเป็น Painpoint สำคัญของการสร้างทรัพย์สินทางปัญญาบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดศิลปินหน้าใหม่ที่สร้างผลงานอย่างเช่นภาพเขียน งานดนตรี ฯลฯ ขึ้นมาและเปิดให้ซื้อขายกันได้ทั่วโลก โดยแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือ OpenSEA

ทั้งนี้ราคาที่ซื้อขายงานศิลปะ NFT อาจจะยากในการประเมินมูลค่าเนื่องจากราคาขึ้นอยู่กับกระแสและความพึงพอใจของผู้ซื้อแบบเดียวกับการประมูลงานศิลปะ เราจึงอาจจะได้เห็นงานศิลปะบนตลาด NFT ที่ราคาสูง

Fan Token

เป็นโทเคนที่อ้างอิงกับชื่อเสียงหรือความนิยมของบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือโปรดักต์ทางด้านความบันเทิงและสันทนาการไม่ว่าจะเป็นดารา อินฟูลเอนเซอร์ นักกีฬา ตลอดจนโทเคนที่ออกโดยทีมกีฬาอย่างฟุต. บาสเก็ต.

จุดประสงค์ของผู้ออกโทเคนจะให้สิทธิพิเศษต่างๆกับผู้ที่มีโทเคนเช่นสะสมจนถึงระดับหนึ่งก็จะมีโอกาสได้พบเจอกับดาราหรือคนดังที่เป็นเจ้าของโทเคนนั้นๆ ราคาโทเคนที่ขึ้นลงจึงมักจะผันแปรกับกระแสความนิยมของผู้ออกโทเคนนั้นๆจึงยากที่จะประเมินมูลค่าของ Fan Token นั้นๆได้สิ่งหายาก ของสะสมหรือทรัพย์สินทางปัญญา

สิ่งหายากหรือสิ่งที่มีอยู่ชิ้นเดียวบนโลกก็สามารถนำมาแปลงเป็น NFT และเปิดให้ประมูลเข้ามาได้เช่นกันโดยราคาและความนิยมของ NFT นั้น ๆ จะขึ้นอยู่กับว่าผลงานนั้นมีคุณค่าเพียงใด

ตัวอย่างเช่น Jack Dosey ซีอีโอของทวิตเตอร์ประกาศประมูลทวีตแรกของเขา "Just set up my twittr" ในรูปแบบ NFT และสามารถปิดการประมูลที่ราคา 2.9 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ยังมีพวกของสะสมต่างๆอย่างเช่นการ์ดเกมส์ต่างๆที่เคยต้องสะสมในรูปแบบ Physical ก็สามารถสะสมในรูปแบบของการ์ดอีเล็กทรอนิกส์แทนไอเท็มในเกมส์

ถือเป็นกระแสที่มาแรงที่สุดในตอนนี้อย่างเกมส์ Axie Infinity ที่เราสามารถซื้อโทเคนมาใช้ในการสร้างตัวละครในเกมส์ให้แข็งแกร่งขึ้นหรือจะนำโทเคนที่ได้รับจากการชนะเกมส์ไปขายเป็นเงินได้ หรือการซื้อที่ดินในเกมส์ Decentraland เพื่อเก็งกำไรในพื้นที่โฆษณาในเกมส์ โดยราคาโทเคนในเกมส์จะขึ้นอยู่กับความนิยมในเกมส์นั้นๆเป็นหลัก หากผู้สร้างทำระบบเศรษฐกิจในเกมส์ได้อย่างลงตัวกับความสนุกก็จะทำให้โทเคนนั้นได้รับความนิยม

นี่เป็นเพียงบางส่วนของการนำเทคโนโลยี NFT มาใช้ในการพัฒนาผลงานต่างๆและนำมาเป็นสินทรัพย์การลงทุนอย่างหนึ่ง ด้วยความพิเศษของบล็อกเชนที่สามารถแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงผลงานและซื้อขายกันได้ทั่วโลกบนออนไลน์ อนาคตเราอาจจะได้เห็นสิ่งใหม่ๆที่ขึ้นไปซื้อขายบน NFT อย่างเช่นพระเครื่องก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามการที่ราคาของโทเคน NFT ผันแปรตามความนิยมและชื่อเสียง ทำให้อาจเกิดปรากฎการณ์ที่ราคาซื้อขายสูงจนเกินความจริงได้เช่นกัน นี่เป็นความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนใน NFT ต้องรู้เอาไว้
#3524


บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เดินหน้าส่งเสริมพลังของคนรุ่นใหม่ในการเป็นผู้นำออกแบบเมืองแห่งอนาคตและเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยส่งทีม Global Minds ซึ่งประกอบด้วยเยาวชนไทยจากหลากหลายมหาวิทยาลัยเป็นตัวแทนเข้าแข่งขัน Imagine the Future Scenarios Competition 2020/2021 และคว้ารางวัลชนะเลิศพร้อมเงินรางวัล 4,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ด้วยแนวคิด "Modern Dragon vs Blind Falcon"

Imagine the Future Scenarios Competition 2020/2021 เป็นโครงการให้คนรุ่นใหม่จากทวีปเอชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง นำเสนอสถานการณ์จำลองในอนาคต ทั้งการดำรงชีวิตและการทำงาน ในปีนี้มีเยาวชนจำนวน 277 ทีม จากอียิปต์ สิงคโปร์ และไทย เข้าร่วมแข่งขัน

เยาวชนในปัจจุบันมองโลกของเราใน พ.ศ 2593 อย่างไร โลกของเราจะเป็นอย่างไรใน พ.ศ 2593 บ้านเราจะจมอยู่ใต้น้ำหรือไม่ ชีวิตของเราจะถูกปกครองโดยปัญญาประดิษฐ์หรือไม่ เหล่านี้คือคำถามที่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ได้สำรวจ และจำลองสถานการณ์ เพื่อเสนออนาคตที่มีความสมเหตุสมผล โดยเชลล์ได้จัดการแข่งขันนี้ขึ้นเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เข้าร่วมโครงการได้รับมอบหมายให้จินตนาการถึงพลังงานที่สะอาดยิ่งขึ้นของเมืองในทวีปเอเชียหรือตะวันออกกลางในพ.ศ 2593 รวมถึงวิธีที่เมืองจะเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตและการทำงาน





ภาพการนำเสนอผลงานจากทีม Global Minds
ภาพการนำเสนอผลงานจากทีม Global Minds

การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศแบบเสมือนจริง เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 นอกจากเยาวชนจากประเทศไทยจะได้รับรางวัลชนะเลิศแล้ว ยังมีเยาวชนจาก American University Cairo ประเทศอียิปต์ที่จำลองสถานการณ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ณ เมืองอเล็กซานเดรียในพ.ศ. 2593 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง และ Nanyang Technological University จากสิงคโปร์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง นำเสนอแบบจำลอง Sang Kancil vs Buto Ijo

ทีม Global Minds ตัวแทนประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกในทีม 5 คน ประกอบด้วย น.ส.นัชชา ยงพิพัฒน์วงศ์ จาก University of Oxford นายคณิน ตั้งชาติสิริ จาก University of Illinois at Urbana Champaign นายอยุช โคการ์ จาก University of British Columbia น.ส.ชนารดี ลีลาแม้นเทพ จาก Carnegie Mellon University และ น.ส.แครี่ เหล่าฤกษ์อุทัย จาก University of British Columbia เปิดเผยความรู้สึกหลังคว้ารางวัลชนะเลิศ ว่า "พวกเราภูมิใจและดีใจที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ เพราะการแข่งขัน IMAGINE THE FUTURE ทำให้เปิดโอกาสให้ได้คิด และขยายมุมมองโลกทัศน์ของพวกเราให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความสำคัญของพลังงาน การพัฒนากระบวนการคิด และการจำลองสถานการณ์อย่างถูกต้องและครอบคลุม ผ่านการตีโจทย์ต่างๆ รวมถึงการได้ทำโปรเจกต์ การเรียนรู้การใช้เครื่องมือการทำ scenarios เพื่อวางรูปแบบของเมืองในอนาคตที่ต้องการเห็น และได้พบกับผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ที่มาให้ความรู้และคำแนะนำต่างๆ เป็นอย่างดี"

ทีม Global Minds ได้นำเสนอแบบจำลองสถานการณ์เมืองแห่งอนาคต "ฮ่องกง" ด้วยแนวคิด "Modern Dragon vs Blind Falcon" โดยคาดการณ์ถึงความท้าทายต่างๆ ในอนาคตที่ฮ่องกงจะต้องเผชิญหน้าในพ.ศ. 2593 ตามหลักการ "1 ประเทศ 2 ระบบ" ด้วยการฉายภาพอนาคต 2 รูปแบบภายใต้เงื่อนไขการปกครองต่างกัน ซึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออนาคตของฮ่องกง คืออำนาจการปกครองของจีนต่อฮ่องกงใน 2 รูปแบบ คือ 1. "มังกรยุคใหม่" (Modern Dragon) หมายถึงฮ่องกงภายใต้การปกครองของจีนอย่างเต็มรูปแบบ เป็นเมืองที่มีอัตราภาษีสูง เป็นรัฐสวัสดิการที่แข็งแกร่ง มีการอุดหนุนโครงการการศึกษา STEM ในฮ่องกงและเชินเจิ้น รวมถึงการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศด้วยแรงงานที่มีทักษะ และการนำเทคโนโลยีใหม่รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้อย่างรวดเร็ว โดยฮ่องกงจะยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในฐานะเมืองท่าสำคัญ เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม และ 2. "เหยี่ยวตาบอด" (Blind Falcon) คือฮ่องกงยังคงเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนต่อไปอีก 50 ปี โดยผู้คนค่อยๆ ยอมรับการปกครองของปักกิ่ง อย่างไรก็ตาม สังคมยังคงแบ่งแยกความเชื่อ ในเชิงเศรษฐกิจ ฮ่องกงยังคงรักษาสถานะเป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย และกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับความร่วมมือเชิงนวัตกรรมระหว่างตะวันออกและตะวันตก



นายปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า "เชลล์ขอแสดงความยินดีกับทีมเยาวชนทุกคนที่เข้าร่วมโครงการนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมือง ขณะที่ตอบรับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่ทุกคนเผชิญทั้งในปัจจุบันและอนาคต เชลล์ ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นในการสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อ Powering Progress อย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน สำหรับการสานต่อเจตนารมณ์ Trusted Partner for .ter Life พันธมิตรที่ไว้วางใจได้นั้น โครงการประกวดแนวคิดมีส่วนสนับสนุนและเปิดเวทีให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตในแบบที่คนรุ่นใหม่จิตนาการและทำให้เกิดขึ้นร่วมกันได้ ผมเชื่อมั่นในพลังของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่จะร่วมมือกันพัฒนาเมืองแห่งอนาคตและสร้างเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดต่อไป
สำหรับตัวแทนทีมเยาวชนไทย ผมมีความภูมิใจและหวังว่าน้องๆ จะนำองค์ความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนมิตรภาพในระดับภูมิภาคนี้ ไปต่อยอดทางความคิดและส่งต่อพลังงานที่สร้างสรรค์ของพวกเขา เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและดียิ่งขึ้นบนความร่วมมือของทุกคนในสังคม"

ภาพบรรยากาศการแข่งขันโครงการ IMAGINE THE FUTURE SCENARIO COMPETITION 2021 APAC & ME ในรูปแบบ Virtual 
ภาพบรรยากาศการแข่งขันโครงการ IMAGINE THE FUTURE SCENARIO COMPETITION 2021 APAC & ME ในรูปแบบ Virtual

สำหรับสถานการณ์จำลองอื่นๆ ได้แก่

American University Cairo จากอียิปต์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง นำเสนอแบบจำลอง Modern Atlantis vs Green Osiris จากคำถามที่ว่า อเล็กซานเดรียสามารถหลีกเลี่ยงภัยพิบัติจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นในพ.ศ. 2593 ได้หรือไม่ ในอนาคตที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทีมจากอียิปต์ได้พิจารณาตัวแปรต่างๆ เช่น ระบบเศรษฐกิจที่มีอำนาจมากขึ้น การดำเนินการด้านสภาพอากาศ ความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม และการแปลงสู่การเป็นดิจิทัล เพื่อกำหนด 2 รูปแบบที่เกี่ยวกับอนาคตที่อเล็กซานเดรียในพ.ศ. 2593 รูปแบบที่ 1 "แอตแลนติสยุคใหม่" (Modern Atlantis) คือแอตแลนติสสมัยใหม่ที่ระบบทุนนิยมจะช่วยให้สิ่งแวดล้อมฟื้นตัวและยกระดับคุณภาพชีวิตของแต่ละบุคคล เมืองอเล็กซานเดรียจะเป็นเมืองอัจฉริยะที่มีคาร์บอนต่ำ โดยใช้ประโยชน์จากเทรนด์ดิจิทัลล่าสุดและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนต่างๆ นอกจากนี้ยังจะกลายเป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศที่เป็นสากลเนื่องจากระบบเครือข่ายใต้ทะเลแบบไฮเปอร์ลูปที่เชื่อมต่อประเทศอเล็กซานเดรียและเมดิเตอร์เรเนียน รูปแบบที่ 2 "เทพเจ้าโอไซริสที่สมบูรณ์" (Green Osiris) โดยประชาคมระหว่างประเทศรวมถึงอเล็กซานเดรียจะใช้ระบบเศรษฐกิจสังคม 2.0 ของอียิปต์ โดยจะปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ด้วยการใช้นโยบายที่ก้าวหน้าและใช้พลังงานนิวเคลียร์ สังคมจะเปลี่ยนจากการบริโภคนิยมแบบตามใจชอบ เป็นวิถีชีวิตที่ร่ำรวยซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความอยากรู้ และการแสดงออกที่เน้นความเป็นตัวของตัวเอง

Nanyang Technological University จากสิงคโปร์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง นำเสนอแบบจำลอง Sang Kancil vs Buto Ijo ที่มาจากคำถามว่า กรุงจาการ์ตาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้อยู่รอดในพ.ศ. 2593 ทีมสิงคโปร์มุ่งเน้นไปที่วิธีที่กรุงจาการ์ตาสามารถปรับตัวให้เข้ากับปัญหา 2 ประการคือการที่เมืองจะจมน้ำและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ที่สะท้อนถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่โลกกำลังเผชิญ ซึ่งอาจนำไปสู่การที่เมืองใหญ่ ๆ จะจมอยู่ใต้น้ำในช่วงกลางศตวรรษ โดยกำหนดแนวคิด 2 รูปแบบคือ รูปแบบที่ 1 คือ "กวางเมาส์" (Sang Kancil) แสดงให้เห็นถึงกรุงจาการ์ตาที่ทนต่อการทรุดตัวของที่ดิน ผ่านนโยบาย การวางแผน และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยจะตรวจสอบแนวทางต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้ ตั้งแต่สิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมไปจนถึงการแก้ปัญหาทางสังคมเชิงระบบ เพื่อเอาชนะการทรุดตัว รูปแบบที่ 2 คือ "ยักษ์ใหญ่สีเขียว" (Buto Ijo) ที่จำลองกรุงจาการ์ตาที่กำลังปรับตัวเข้ากับความปกติใหม่ - ของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และสำรวจว่าอิทธิพลจากต่างประเทศและในประเทศสามารถช่วยให้จาการ์ตายังคงความก้าวหน้าในพ.ศ. 2593 แม้จะมีปัญหาการทรุดตัวก็ตาม

ติดตามข้อมูลรูปภาพเพิ่มเติมได้ที่ https:// www.facebook.com/imaginethefuturecompetition/
#3525


วันนี้ (27 ส.ค.) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วงหน้าฝน ปัญหาที่พบบ่อยคือเสื้อผ้ามีกลิ่นอับชื้น เนื่องจากเปียกฝนหรือสวมใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้นเป็นเวลานานๆ หลายชั่วโมง รวมถึงการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยที่เปียกชื้นอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ ดังนั้น เมื่อกลับถึงบ้านแล้วควรนำเสื้อผ้าที่เปียกไปแขวนผึ่งให้แห้ง ก่อนใส่ตะกร้าเพื่อรอการซัก ไม่ควรทิ้งไว้นาน ๆ เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราบนเสื้อผ้าได้ หากนำมาสวมใส่อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนังจากเชื้อราตามมา อาทิ โรคกลาก เกลื้อน ซึ่งจะมีลักษณะเป็นผื่นแดง มีขุยรอบ ๆ เกิดอาการคัน ทำให้เป็นผื่นแพ้และติดเชื้อได้ ไม่ควรเกาหรือปล่อยไว้จนลุกลาม ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธีต่อไป ซึ่งการทำความสะอาดเสื้อผ้าที่มีกลิ่นอับชื้นหรือปัญหาเชื้อราบนผ้า สามารถทำได้ด้วย 2 วิธีคือ วิธีที่ 1 ซักตามปกติแล้วนำไปต้มในน้ำเดือดนาน 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ส่วนวิธีที่ 2 แช่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่สามารถหาได้ในครัวเรือน ได้แก่ น้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมโซเดียมไฮโปคลอไรด์ โดยเติม 1 ฝา ต่อน้ำ 10 ลิตร แช่ผ้าไว้นาน 5-15 นาที หรือใช้น้ำส้มสายชู 2-3 ถ้วยตวง ต่อน้ำ 1-2 ลิตร แช่ผ้าไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง แล้วซักตามปกติ จากนั้นนำไปตากแดดจัดหรือตากในที่ที่มีอากาศถ่ายเทจนแห้ง แล้วนำมารีดทั้งข้างในและข้างนอกตัวเสื้อ โดยก่อนทำความสะอาดเสื้อผ้า ควรอ่านป้ายสัญลักษณ์การดูแลรักษาเสื้อผ้า เพื่อเลือกวิธีทำความสะอาดเสื้อผ้าที่ดีที่สุดและป้องกันเสื้อผ้าชำรุด ส่วนหน้ากากผ้า ควรเปลี่ยนทุกวัน หรือเปลี่ยนเมื่อรู้สึกเปียกชื้นในระหว่างวัน และให้ซักหน้ากากผ้าให้สะอาดทุกวันด้วยสบู่หรือผงซักฟอกแล้วตากแดดให้แห้ง กรณีสวมหน้ากากอนามัย ให้เปลี่ยนหน้ากากอนามัยชิ้นใหม่ทุกวัน หรือเมื่อหน้ากากเปียกชื้น และควรพกหน้ากากอนามัยสำรองไว้ติดตัว เพื่อให้สามารถเปลี่ยนใหม่ได้ทันที

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ในช่วงหน้าฝน สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการกำจัดเชื้อราในบ้าน เพราะหน้าฝนความชื้นในอากาศ สามารถทำให้ภายในบ้านมีความชื้นสูง อาจเป็นแหล่งของเชื้อราได้ อาทิ ห้องน้ำ ห้องนอน และห้องครัว เชื้อราจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีความชื้น สามารถสังเกตเห็นได้ตั้งแต่สีดำ น้ำตาล เขียว แดงเหลือง และขาว พบได้เป็นกลุ่มๆ ในบริเวณที่มีความอับชื้น เช่น ฝ้าและผนัง เพดาน เฟอร์นิเจอร์ ใต้พื้นพรม เครื่องนอน เครื่องปรับอากาศ หากสปอร์ของเชื้อราเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพต่าง ๆ ตามมา เช่น หากเข้าตาและจมูก จะทำให้เกิดการระคายเคือง มีอาการจาม น้ำมูกไหล มีไข้ บางรายก่อให้เกิดโรคหอบหืด ภูมิแพ้ และปอดอักเสบในที่สุด ซึ่งกลุ่มที่ต้องระวังคือ ผู้สูงอายุ และเด็กอ่อน

"ทั้งนี้ สามารถเช็ดทำความสะอาดบ้านเรือนที่ปนเปื้อนเชื้อราได้ 3 ขั้นตอน คือ 1. พื้นผิววัสดุที่พบเชื้อรา ให้ใช้กระดาษทิชชูแผ่นหนาและขนาดใหญ่หรือกระดาษหนังสือพิมพ์พรมน้ำให้เปียกเล็กน้อย เช็ดพื้นผิวไปในทางเดียว แล้วนำกระดาษทิชชูหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ดังกล่าวทิ้งลงในถังขยะที่ปิดมิดชิด 2. ใช้กระดาษทิชชู แผ่นหนาและขนาดใหญ่ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ชุบลงในน้ำผสมกับสบู่หรือน้ำยาล้างจาน เช็ดซ้ำในจุดที่มีเชื้อราอีกครั้ง และ 3. ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อรา เช่น น้ำส้มสายชู 5-7 เปอร์เซ็นต์ หรือแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 60-90 เปอร์เซ็นต์ เช็ดทำความสะอาดเพื่อเป็นการทำลายเชื้อในขั้นตอนสุดท้าย" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
#3526


การกลับมาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่คัมแบ็กสู่บ้านหลังเก่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำเอาสาวก 'เรด เดวิลส์' ทั่วโลกถึงกับน้ำตาคลอ เพราะในที่สุดพวกเขาก็ได้ตัวสุดยอดนักเตะที่แฟน.หลงรักที่สุดคนหนึ่งตลอดกาลของสโมสรกลับมา

แฟน.รุ่นใหม่ยุคปัจจุบัน อาจคุ้นเคยกับลีลาของ โรนัลโด้ ในสีเสื้อของ รีล มาดริด หรือ ยูเวนตุส ที่กลายร่างเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนังระดับโลกไปแล้ว แต่จุดเริ่มต้นสู่การเป็นยอดนักเตะระดับโลกของจริงนั้น ต้องเป็นยุคที่อยู่กับ แมนฯยู โดยไม่ต้องสงสัย

จุดเริ่มต้นคือซัมเมอร์ปี 2003 เมื่อ แมนฯยู ประกาศคว้าตัว โรนัลโด้ เด็กหนุ่มวัย 18 ปีจาก สปอร์ติง ลิสบอน ค่าตัว 12.24 ล้านปอนด์ (ประมาณ 548 ล้านบาท) เป็นนักเตะดาวรุ่งที่ค่าตัวแพงที่สุดในตอนนั้น ก่อนได้รับโอกาสให้สวมเสื้อหมายเลข 7 ซึ่งเป็นเบอร์ของเหล่าตำนานอย่าง จอร์จ เบสต์, เอริค คันโตน่า และ เดวิด เบ็คแฮม

ภายใต้การดูแลของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือตลอดกาลชาวสกอต บ่มเพาะให้ โรนัลโด้ ที่เป็นนักเตะอารมณ์มุทะลุ บ้าเลี้ยง บ้าสับขาหลอกพร่ำเพรื่อ หรือพุ่งล้มบ่อยจนเป็นที่รำคาญของแฟน. ขัดเกลาเรื่องการเล่น การยิงประตู จนในที่สุดก็ยกระดับตัวเองด้วยการยิงประตูถล่มทลาย

7 ปีในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โรนัลโด้ ลงสนามไป 292 นัดรวมทุกรายการ ถล่มไป 118 ประตู คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย และถ้วยสโมสรโลก 1 สมัย แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ โรนัลโด้ หรือนิคเนมที่คนไทยเรียกว่า 'เจ๊ทโด้' เป็นขวัญใจสาวก 'เดอะ เรดส์' ตลอดกาล

แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ปี 2009 โรนัลโด้ แสดงความปรารถนาอยากย้ายไปเล่นกับ รีล มาดริด มหาอำนาจแห่งสเปน ซึ่งยามนั้นแม้แต่ 'เฟอร์กี' ก็รั้งตัวไม่อยู่แล้ว ก่อนในที่สุดจะย้ายสู่ถิ่น ซานติเอโก้ เบร์นาบิว ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,580 ล้านบาท) เป็นสถิติค่าตัวที่แพงที่สุดในโลกของวงการลูกหนังโมงยามนั้น

ที่ รีล มาดริด โรนัลโด้ ก็ยังคงฉายฟอร์มสุดยอด ยิงประตูถล่มทลายตลอด 9 ปีที่อยู่ใน ลา ลีกา สเปน พลางยกสถานะตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ขับเคี่ยวกับ ลิโอเนล เมสซี คู่แข่งทางลูกหนังจาก บาร์เซโลน่า อันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองครองตำแหน่งสูงสุดในวงการฟุต.ยุคสมัยนั้น ก่อนที่ปี 2018 จะย้ายไปอยู่ ยูเวนตุส แบบที่เห็นกัน

อย่างไรก็ตาม 12 ปีที่จากถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดไป 'CR7' ก็ได้กลับสู่บ้านหลังเดิมที่คุ้นเคยอีกครั้งด้วยค่าตัว 21.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 965 ล้านบาท) เรื่องความฟิตไม่มีปัญหาเพราะออกกำลังกายทุกวัน และเชื่อว่าการกลับมาครั้งนี้จะทำให้วงการลูกหนัง พรีเมียร์ ลีก ดุเดือดทะลักปรอทแตกกว่าทุกครั้ง

เมื่อเอ่ยถึง 'โรนัลโด้' หลายคนอาจมีภาพจำที่แตกต่างกันไป

แต่สำหรับแฟน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภาพจำของพวกเขาที่มีต่อ โรนัลโด้ คือชายในสุดแข่งสีแดงหมายเลข 7 ที่ยิงประตูคู่แข่งถล่มทลายเพียงภาพเดียวเท่านั้น
#3527
ข้าวกล้องอินทรีย์ตัวช่วยของคุณแม่ตั้งครรภ์ข้าวหอมมะลิแท้สุรินทร์   ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ส่งทั่วไทย การรับประทาน "#ข้าวกล้อง" (ข้าวสุขภาพสุรินทร์) นอกจาก   ข้าวกล้องหอมมะลินิลอินทรีย์ จะส่งผลดีโดยตรงต่อคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วยังส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย ข้าวกล้องออแกนิคถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงานต่อร่างกายในการใช้พลังงานต่อวันของเรา คุณแม่ตั้งครรภ์ยังมีความต้องการสารอาหารจาก ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ที่มากกว่าคนปกติ เพราะต้องน้ำสารอาหารที่จำเป็นหลายๆส่วนไปใช้ในการสร้างพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์   ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษถือเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ อีกตัวช่วยหนึ่ง เนื่องจาก ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี จึงยังคงไว้ด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่าขาวที่ถูกขัดสี มีจมูกข้าว มีเยื่อหุ้มข้าว มีกาบา ซึ่งมีและสารอาหารต่างๆครบ ทั้งโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ ซึ่งมีอะไรบ้างมาดูกัน..




1. ปัญหาหลักของคุณแม่ตั้งครรภ์ คือ ภาวะท้องผูก ข้าวกล้องมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้ได้เป็นอย่างดี
ปัญหาต่อมา คุณแม่ตั้งครรภ์ชอบเป็นตะคริว เมื่อคุณแม่รับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2 บรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปวดแสบและเสียวในขา ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ
2. นอกจากคุณแม่จะทานยาที่คุณหมอให้สริมธาตุเหล็กมา ข้าวกล้องยังมีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง จาก  ข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
3. ในข้าวกล้อง   ข้าวกล้องมะลินิลอินทรีย์ มีฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และเส้นผมของลูกและคุณแม่ที่ผมร่วงบ่อย
4. ใน  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงเกษตรอินทรีย์สุรินทร์ มีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญ ป้องการให้คุณแม่ไม่เป็นโรคกระดูกพรุนเมื่ออายุมากขึ้นอีกด้วย
5. ในข้าวกล้องมีไขมันที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ในข้าวกล้องเป็นไขมันดีที่ไม่มีคอเลสเตอรอล (Cholesterol)
6. ในข้าวกล้องมีเกลือแร่ และวิตามินรวมกันกว่า 20ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7. ใน  ข้าวกล้องเกษตรอินทรีย์หอมมะลินิล มีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ
8. ในข้าวกล้องแป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน ส่วนคนที่ผอมก็แข็งแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากได้รับสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สุขภาพจิตใจของคุณแม่ตั้งครรภ์ดีขึ้น เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใส

เห็นไหมว่าข้าวกล้อง เช่น   ข้าวไรซ์เบอรี่อินทรีย์ มีคุณค่าและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายคุณแม่และคุณลูกมากแค่ใหน เวลาเลือกซื้อข้าวกล้อง อย่าลืมเลือกซื้อข้าวกล้องอินทรีย์ เพราะทุกกระบวนการผลิตไม่มีการใช้สารเคมีดีต่อสุขภาพคุณแม่และคุณลูกอย่างปลอดภัย

เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิค   ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ออแกนิค  ที่แท้จริงของเรา
ข้าวฮอร์ (HOR)   การผลิตข้าวอินทรีย์(ออแกนิค)  
ได้รับมาตรฐาน
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้" จากกรมการข้าว จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในประเภทของ
2.1 ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)
2.2 ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)
2.3 ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   เกษตรกรจังหวัดสุรินทร์ปลูกข้าวอินทรีย์   นาข้าวอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : ข้าวออแกนิคสำหรับทารก
Facebook : ต้นข้าวออร์แกนิค
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique 'ข้าวออร์แกนิค' ดีต่อสุขภาพ  เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค
3. ข้าวกล้องปะกาอำปึลออแกนิค (#ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์)
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.  ข้าวหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ
6. ปลูกข้าวมะลินิลอินทรีย์
7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิคสำหรับทารก

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวกล้องอินทรีย์ตัวช่วยของคุณแม่ตั้งครรภ์ #ข้าวกล้องสำหรับคนท้อง #ข้าวกล้องสำหรับคุณแม่ตั้งครภ์ #คนท้อง #ตั้งครรภ์ #ตั้งท้อง
 
#3528


นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยในงานสัมมนา "กลางวิกฤต COVID โอกาสทางธุรกิจยังมีอยู่ไหม?" จัดโดย ศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันวิทยาการตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทมีการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) มาอย่างต่อเนื่อง และยังมีเป้าหมายขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในอนาคต

โดยช่วงแรกที่เริ่มลงทุนในประเทศกัมพูชา และลาว บริษัทใช้วิธีการจัดตั้งบริษัทย่อยที่ถือหุ้นเอง 100% และใช้วิธีส่งออกสินค้าออกไปจำหน่ายเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักผลิตภัณฑ์ของบริษัทก่อน เพื่อให้เกิดการทดลองใช้ และเกิดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ก่อนจะเข้าไปจัดตั้งบริษัทเพื่อทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกน้ำมันให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงยางมะตอยเพื่อจัดทำถนน ฯลฯ

อย่างไรก็ดี ช่วงแรกประมาณ 5-8 ปี พบว่า กำไรสุทธิยังติดลบ ซึ่งบริษัทต้องใช้กลยุทธ์ปรับผลิตภัณฑ์ วิธีการทำงาน และการขยายสาขา กว่าที่จะได้การประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) อีกทั้งพบว่าการเป็นเจ้าของ 100% มีอุปสรรคในการขอใบอนุญาตที่นานกว่าปกติ และนานกว่าการที่ตัวแทนจำหน่าย (Dealer) ของบริษัทในแต่ละประเทศเข้าไปขอใบอนุญาตเอง

ส่งผลให้การลงทุนในระยะต่อมาในประเทศเมียนมา และเวียดนาม บริษัทจึงปรับจากการจัดตั้งบริษัทเองเป็นการแสวางหาพันธมิตรผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) กับบริษัทท้องถิ่นที่มีจุดแข็งที่บริษัทไม่มี ซึ่งช่วยให้การขอใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจ การจัดหาแรงงาน และการติดต่อกับหน่วยงานราชการมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการปรับอัตลักษณ์ของสาขาให้เข้ากับท้องถิ่ง เพื่อสร้างความผูกพันกับคนในพื้นที่ รวมถึงให้คนื้องถิ่นเข้ามาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ให้ตรงกับความต้องการของคนในประเทศนั้นๆ มากขึ้น


ทั้งนี้ ปัจจุบัน OR ให้บริการสถานีน้ำมันในกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งสิ้น 161 แห่ง ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน 261 สาขา ร้านค้าสะดวกซื้อ Jiffy 100 สาขา ศูนย์บริการรถยนต์ FIT Auto 5 แห่ง ร้านชานมไข่มุก Pearly Tea 4 สาขา และร้านอาหารข้าวเปียกปูปากเซ 1 แห่ง

'เยียวยาประกันสังคมมาตรา 40' เช็คโอนพร้อมเพย์-ทบทวนสิทธิ์ ยังไม่ได้เงินทำไง?
ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังตายสูง! พบเสียชีวิต 292 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 17,984 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,535 ราย
เตรียมตัวให้พร้อม "ร้านนวด-เสริมสวย" คลายล็อก 1 ก.ย. นี้
นายปณิธาน ปวโรฬารวิทยา ประธานกรรมการ บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BTNC กล่าวว่า การทำธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV ต้องมี "3 Knows" ได้แก่ 1. Know How ต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาด รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการของตนเอง 2. Know Who บริษัทต้องรู้ว่าควรเข้าหาใคร ซึ่งผู้ที่ต้องเข้าหาอาจไม่ใช่คนใหญ่คนโตของประเทศเสมอไป เช่น ผู้ที่มีความสามารถด้านภาษา หรืออาชีพที่รู้จักคนกว้างขวางอย่างไกด์ เป็นต้น และ 3. Know GU ต้องรู้ว่าตนเองสามารถทำอะไรได้บ้าง

"และที่สำคัญคือไปไหนต้อง 'เทียวไล้เทียวขื่อ' หรือไปมาหาสู่อย่างสม่ำเสมอ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงที่คบหากับพันธมิตรอย่างจริงใจ รวมถึงผูกพันช่วยเหลือผ่านการลงนามความร่วมมือ (MOU) โดยตนในฐานะที่ปรึกษาสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ได้สนับสนุนการลงนาม MOU มากถึง 14 ความร่วมมือเพื่อทำธุรกิจในประเทศดังกล่าว"

ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น นายปณิธาน กล่าวว่า ท่ามกลางวิกฤตดังกล่าว การดำเนินธุรกิจใน CLMV ยังทำต่อเนื่องได้ เพราะคนที่ไม่ป่วยยังทำงานตามปกติ อีกทั้งมีมาตรการ Bubble and Seal เพื่อแยกผู้ติดเชื้อกับคนปกติออกจากกัน แต่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อป้องกัน และเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะสามารถคลี่คลายได้ในระยะข้างหน้า
#3529


นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทย และคณะทำงานกลุ่มมาตรการสำหรับการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ (Business Resume) ภายใต้คณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้มีข้อเสนอเปิดเมืองปลอดภัย เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเสนอให้มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางธุรกิจ ให้สามารถกลับมาดำเนินการได้ พร้อมปรับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้ปลอดภัย และควบคุมการระบาดของโรคให้อยู่ในระดับที่ความสามารถทางสาธารณสุขรองรับได้

"ภาคเอกชนได้เห็นตรงกันว่า การผ่อนคลายให้กิจการและธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการ ควรพิจารณาจากความพร้อมของพื้นที่และลักษณะของกิจการ ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลในปัจจุบันมาเป็นตัวกำหนดความเสี่ยงของพื้นที่ใหม่แทนการพิจารณาจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพียงอย่างเดียว โดยสามารถพิจารณาจาก ความครอบคลุมของการฉีดวัคซีน ทั้งในภาพรวมและกลุ่มเสี่ยง ขีดความสามารถทางสาธารณสุข เช่น จำนวนเตียงสีเหลือง แดงที่เหลือ หรือจำนวนผู้ป่วย ICU หรือ สัดส่วนการเสียชีวิตต่อผู้ติดเชื้อ" นายสนั่น กล่าว



นายกลินท์  สารสิน ประธานอาวุโสหอการค้าไทย ในฐานะประธานคณะทำงานกลุ่มมาตรการสำหรับการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ กล่าวว่า ควรมีการพิจารณาให้กิจกรรมบางประเภทกลับมาจัดได้ แต่ต้องประเมินและจัดลำดับความเสี่ยงของกิจกรรม เพราะเราต้องใช้ชีวิตแบบ new normal ซึ่งภาคเอกชนพร้อมที่จะเข้าไปร่วมดำเนินการจัดทำมาตรฐาน กระบวนการป้องกัน และกระบวนการรักษาความสะอาด เพื่อให้เป็นมาตรฐานที่ยอมรับได้ รวมทั้งให้ธุรกิจเดินหน้าได้ ซึ่งเสนอให้แบ่งเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำ สามารถดำเนินการผ่อนคลายได้เลย


ส่วนกิจการที่มีความเสี่ยงปานกลาง ต้องมีมาตรการเพิ่มเติม ตรวจเรื่องความปลอดภัยของทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ โดยใช้ Digital Health Pass มาช่วยดำเนินการควบคุมการเปิดดำเนินการและการใช้บริการ แต่หากเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงสูง ยังต้องปิดการดำเนินการไปก่อน

สำหรับระบบ Digital Health Pass สามารถนำมาใช้เพื่อตรวจสอบประวัติการได้รับวัคซีน หรือผลการทดสอบ Rapid Test ของประชาชน ผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ โดยเชื่อมข้อมูลกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยืนยันและคัดแยกว่าประชาชนนั้นไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อ เชื่อมโยงข้อมูลกับระบบที่มีอยู่ โดยระบบจะตรวจสอบข้อมูลจาก Centralized Portal ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1. ผู้ออกเอกสารรับรอง (Issuers) เป็นข้อมูลจากส่วนกลางที่ระบุข้อมูล ทั้งข้อมูลการฉีดวัคซีน หรือผลการตรวจ ATK ที่จะเชื่อมโยงกับระบบปัจจุบันที่มีอยู่ได้ ซึ่งฐานข้อมูลสามารถแยกกันเก็บได้

2.ผู้ตรวจสอบคุณสมบัติในการเข้าสถานที่ (Verifiers) เจ้าของสถานประกอบการที่เป็นคนตรวจสอบก่อนให้เข้ามาในสถานประกอบการ โดยต้องกำหนดมาตรการและเงื่อนไขการเข้าสถานที่ เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ โดยภาครัฐควรออกแนวปฏิบัติที่ชัดแจนออกมา

3. ประชาชนหรือบุคคลที่ขอเข้ารับบริการจากสถานที่ (Individual) ข้อมูลของแต่ละคน ที่จะต้องนำระบบ SMART PHONE หรือ QR CODE ซึ่งสามารถสั่งพิมพ์ออกมาได้ และเชื่อมข้อมูลไปยัง Issuers ว่าเป็นบุคคลนั้น ๆ โดยจะแสดงข้อมูลเฉพาะว่า "ผ่าน" หรือ "ไม่ผ่าน" เท่านั้น

"จากการศึกษาแนวทางผ่อนคลายกิจกรรมการเปิดประเทศจากต่างประเทศ พบว่า ใช้วิธีการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสถานการณ์การระบาด พร้อมกับการป้องกันการเสียชีวิตควบคู่กันไป และการนำระบบดังกล่าวนี้มาใช้ จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นจุดแพร่ระบาดของเชื้อใหม่ได้ ซึ่งภาคเอกชนเห็นว่า ควรใช้เฉพาะบางกิจการที่มีความเสี่ยงเท่านั้น และเห็นว่า การสื่อสารและการขอความร่วมมือจากประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้น แนวทางที่ออกมาจึงต้องง่าย และสามารถปฏิบัติได้จริง" นายกลินท์ กล่าว

นอกจากนั้น คณะทำงานยังมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Digital Health Pass อาทิ ควรรองรับการอ่าน Vaccine Certificate ของชาวต่างชาติในอนาคตได้ และรองรับการทำงานแบบ offline เพื่อป้องกันระบบล่มเมื่อมีการใช้งานพร้อมกันมาก ๆ ควรมีการเข้ารหัส เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและอ่านข้อมูล รวมทั้ง ระบบต้องคำนึงถึงเรื่องความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ เป็นต้น
#3530
ข้าวออร์แกนิกเมืองสุรินทร์ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์  ข้าวหอมมะลิออแกนิคส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" / ข้าวมะลินิลออแกนิคคือ คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์   คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก  ข้าวปะกาอำปึลนิลอินทรีย์เลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ข้าวหอมมะลิแดงปลอดสารพิษ เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก ข้าวกล้องหอมมะลินิลสุขภาพ แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ขายข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--12cbh7f2bxa6ba6b0a4lsdyb.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิ
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิก
3.  กลุ่มข้าวปะกาอำปึลอินทรีย์
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารจังหวัดสุรินทร์
5.  ข้าวกล้องหอมมะลิแดงอินทรีย์6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิคคือ7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 

 

 
 
#3531


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนวันที่ 26ส.ค.2564  พบว่า สถาบันในประเทศ (กองทุน) จับมือขายสุทธิออกมา 653.18 ล้านบาท พร้อมกับนักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ  343.54  ล้านบาท  ส่วนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 20.41 ล้านบาท   และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิมากสุด 976.31 ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวทรงตัว คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียแกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ โดยวอลุ่มเทรดบ้านเราแผ่วลงช่วงรอการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมืองแจ็คสันโฮล ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม
          
นอกจากนี้ ดัชนีขึ้นมาแถว 1,600 ทำให้ตลาดฯมี Upside จำกัด และสัปดาห์หน้าก็จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล  ส่วนการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะคลายล็อกดาวน์ก็คงออกมาไม่แตกต่างจากที่ตลาดคาดไว้ คือ การเปิดห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร
          
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และการชุมนุมใหญ่ทางการเมืองในวันอาทิตย์นี้ ส่วนนอกประเทศติดตามดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.ค.ของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นตัวที่เฟดจะนำมาใช้ในการดูนโยบายการเงินด้วย

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯน่าจะแกว่งไซด์เวย์ในช่วงรอการประชุมเฟด พร้อมให้แนวรับ 1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610 จุด
#3532


MacroScope โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ จากการยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา หรือ SEC ถึงบริษัทธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Morgan Stanley ถือหุ้นหลายตัวใน Grayscale Bitcoin Trust (GBTC)

bitcoinist ระบุถึงรายละเอียดดังกล่าวว่า ก.ล.ต. กล่าวฟ้องว่ากองทุนมอร์แกนสแตนลีย์กว่า 30 กองทุนถือหุ้น GBTC จำนวนมาก ที่ใหญ่ที่สุดความว่าน่าจะเป็นกองทุน Insight ของ Morgan ที่มีมูลค่ามากกว่า 928,051 มูลค่าประมาณ 36 ล้านดอลลาร์หรือมากกว่า 700 Bitcoin (BTC)

อย่างไรก็ตาม Morgan Stanley Institutional Fund Inc, Morgan Stanley Institutional Trust, Morgan Stanley Variable Insurance Fund และอื่นๆ ดูเหมือนจะมีจำนวนมากเช่นกัน

ทั้งนี้หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2021 เมื่อ Bitcoin ยังคงซื้อขายในระดับต่ำสุดที่ $30,000 มอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยตำแหน่งใหญ่ใน GBTC ผ่านกองทุนโอกาสแห่งยุโรป

อย่างไรก็ดีตามที่รายงานโดย Bitcoinist ธนาคารเป็นเจ้าของหุ้นจำนวน 28,298 หุ้น ในการลงทุนที่มีมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับการยื่นเอกสารในวันนี้ โดยเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ยักษ์ใหญ่ด้านการธนาคารกลายเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่นำเสนอลูกค้าเกี่ยวกับกองทุน Bitcoin ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยธนาคารได้เพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโตเป็นสองเท่าในช่วงเวลานั้น

นอกเหนือจากเข้าลงทุนอย่างมหาศาลใน Grayscale Bitcoin Trust แล้ว Morgan Stanley ยังได้ลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจคริปโตอื่น ๆ อีก โดยในเดือนเมษายน ธนาคารได้เพิ่มคำแนะนำในการลงทุน Bitcoin หรือ BTC เพิ่มเติมผ่านเครื่องมือการลงทุน 12 แบบ

นอกจากนี้ ธนาคารยังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในบริษัทคริปโตที่ได้รับการสนับสนุนจาก Coinbase ซึ่ง Morgan Stanley เป็นผู้นำในการระดมทุน Series B มูลค่า 48 ล้านดอลลาร์จากแพลตฟอร์ม Securitize ที่ใช้บล็อคเชน

ขณะที่ Wells Fargo, JP Morgan, Goldman Sachs และธนาคารรายใหญ่ทุกแห่งในสหรัฐฯ ได้มีการขยายงานด้านการลงทุนใน Bitcoin ในลักษณะที่การลงทุนที่แตกต่างกัน โดยการแลกเปลี่ยน crypto จัดเป็นการลงทุนยอดนิยมอันดับต้นๆ ซึ่ง Coinbase ได้รับประโยชน์จากเทรนการลงทุนนี้ เนื่องจาก JP Morgan และผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ ซื้อหุ้นจำนวนมาก
#3533


ททท.ปิ๊งไอเดียดึงการ์ตูนโปรโมท "ท่องเที่ยวตราด" เปิดตัว "เกาะขายหัวเราะ" ปักหมุดแลนด์มาร์คใหม่ เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวหลังโควิดคลี่คลาย

นับถอยหลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะไต่ระดับฟื้นตัว เมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ค่อยๆ คลี่คลาย ระหว่างนี้นับเป็นช่วงสำคัญในการเร่งเตรียมความพร้อม! สำหรับการเปิดเมืองรองรับการเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง

"โลกของการเดินทางต้องหยุดนิ่งมานานนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ล้วนโหยหาความสุขจากการเดินทาง ขณะเดียวกันการบูรณาการแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวรับวิถีใหม่ Next Normal ที่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสุขอนามัยมากขึ้น และการสร้างแลนด์มาร์คใหม่ๆ เป็นสิ่งสำคัญ" 

อิษฎา เสาวรส ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตราด กล่าวว่า  วิกฤติโรคระบาดโควิด ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ บางรายต้องหยุดกิจการชั่วคราว บางรายเลิกกิจการ และอีกจำนวนมากเผชิญภาวะเศรษฐกิจที่ต้องหยุดชะงัก ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรม ซึ่ง ททท. ต้องเร่งฟื้นฟูและเตรียมความพร้อมรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว

ประเมินว่า วิกฤติการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 น่าจะเริ่มคลี่คลายในเร็ววัน และเริ่มเดินทางมากขึ้นในไตรมาส 4 นี้ 

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ ต้องเร่งปรับตัวด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการ เพิ่มคุณค่าและมูลค่าด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ รองรับการเปลี่ยนแปลงภายใต้วิถีปกติใหม่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้ฟื้นคืนกลับมาเข้มแข็งกว่าเดิมบนพื้นฐานของปลอดภัยและความยั่งยืน

ขณะที่การท่องเที่ยวกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุควิถีปกติใหม่ ​นักท่องเที่ยวจะนิยมการเดินทางท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและประสบการณ์แสวงหากิจกรรมการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่ท่องเที่ยวและผลลัพธ์ในระยะยาวที่ยั่งยืน มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่นมากขึ้น นักท่องเที่ยวจะมีความยืดหยุ่นและหลากหลาย เน้นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยด้านสุขอนามัยคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเที่ยวยุคใหม่ 


อย่างไรก็ดี ททท. สำนักงานตราด ได้เล็งเห็นหนึ่งในทำเล "แลนด์มาร์ค" และปิ๊งเป็นไอเดียจากความเข้ากันของสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดตราด จาก "ภาพจำของหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ" ที่แฟนการ์ตูนและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดตราดได้พบกับเกาะแห่งหนึ่ง!  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกาะนกนอก เชื่อมมาจากเกาะนกใน และเกาะกระดาด 

เกาะนี้จะมีจังหวะที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาในช่วงน้ำลด ทำให้เห็นพื้นที่เกาะเล็กน้อยและมีต้นตะบันขึ้นอยู่เพียงโดดๆ เพียงต้นเดียว ทำให้มีลักษณะเหมือนแก๊กติดเกาะของการ์ตูนขายหัวเราะ ทำให้นักท่องเที่ยวพากันเรียกเกาะนี้ว่า "เกาะขายหัวเราะ" จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดตราดในที่สุด

เป็นที่มาของความร่วมมือระหว่าง ททท.สำนักงานตราด เทียบเชิญ "ขายหัวเราะ" มาร่วมส่งเสริมโปรโมทเกาะแห่งนี้ในนาม "เกาะขายหัวเราะ" อย่างเป็นทางการ

"เรามีความตั้งใจที่จะร่วมมือกันตั้งรับ ฟื้นฟู และส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศของตราด เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และรองรับการดำเนินโครงการ เกาะช้าง Together ต่อไป"

​การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวโดยร่วมกับหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะที่มีผู้อ่านทุกช่วงอายุ ทุกกลุ่มอาชีพ นับเป็นมิติใหม่ที่นำภาพของการ์ตูนมาคู่กับแหล่งท่องเที่ยวที่จะทำให้แหล่งท่องเที่ยวในบริเวณนี้เป็นที่รู้จักได้อย่างกว้างขวาง รวดเร็ว ทั้งช่วยสร้างบุคลิก คาแรคเตอร์ หรือภาพจำ ในบรรยากาศการท่องเที่ยวเต็มไปด้วยความสนุกสนาน อารมณ์ดี  มีความสุขเมื่อได้มาเยือน รวมถึงเป็นการตอกย้ำว่า "เกาะขายหัวเราะ" มีอยู่จริงที่จังหวัดตราด เป็นการเชื่อมโลกแห่งความจริงเข้ากับโลกของการ์ตูนที่คนไทยคุ้นเคยมายาวนาน

เกาะขายหัวเราะ จะยังช่วยกระจายนักท่องเที่ยวไปเกาะอื่นๆ อาทิ เกาะหมาก เกาะกระดาด เชื่อมโยงให้เกิดเส้นทางสร้างรายได้ลงสู่พื้นที่นั้นอย่างทั่วถึง


พิมพ์พิชา อุตสาหจิต กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทเครือบันลือกรุ๊ป กล่าวต่อว่า การ์ตูนสามารถใช้เป็นเครื่องมือได้ทั้งในโลกจริง และโลกเสมือน! 

"การผูกเรื่องราวและภาพลักษณ์ของคาแรกเตอร์กับการท่องเที่ยวในมิติต่างๆ สามารถทำได้อย่างไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เชิงอนุรักษ์ เชิงวัฒนธรรม การมุ่งสร้างองค์ความรู้เพื่อนักท่องเที่ยวทั่วไปหรือเฉพาะกลุ่ม การเล่าด้วยการ์ตูนก็ทำได้อย่างไม่ยัดเยียด ประสบการณ์ที่มีความสัมพันธ์กับคาแรกเตอร์ เรื่องเล่าวัยเยาว์ ล้วนทำให้เกิดมิตรภาพและความประทับใจ ซึ่งพิสูจน์มาแล้วจากแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำทั่วโลกว่า การ์ตูนและคาแรกเตอร์ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีและเข้าถึงกับผู้คนได้ทุกเพศทุกวัย"

จะเห็นว่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นแบบแห่งการใช้การ์ตูนและคาแรกเตอร์มาโปรโมทสารพัดสิ่ง การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมท้องถิ่นของญี่ปุ่น มีการต่อยอดรูปแบบใหม่ๆ ออกไปอยู่เรื่อยๆ 

เช่นเดียวกับประเทศไทยกับมิติใหม่ของการท่องเที่ยวไทยด้วยการใช้พลังการ์ตูน และ soft power มาสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์และแปลกใหม่ 

"แคมเปญเกาะขายหัวเราะ จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญทั้งกับขายหัวเราะและโอกาสใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งในอนาคต อาจจะมีรูปแบบใหม่ออกมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ใหม่ๆ รูปแบบ storytelling ที่ต่างไปจากเดิม หรือการทำแคมเปญ ที่ไม่จำกัดรูปแบบ เหมาะกับเทรนด์การท่องเที่ยวในอนาคต ที่นักท่องเที่ยวต้องการมีประสบการณ์ร่วมกับเรื่องราวท้องถิ่นหลากหลายรูปแบบและเชิงลึกมากขึ้นด้วย"


ขายหัวเราะในฐานะ "สำนักการ์ตูนไทย" มี DNA จุดเด่นเฉพาะตัว คือ ความถนัดในการใช้สื่อการ์ตูนเล่าเรื่องได้ทุกเรื่อง และความเข้าใจเชิงลึก (insight) รสนิยมความบันเทิงสนุกสนานและวัฒนธรรมแบบไทยๆ นำมาต่อยอดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้อีกหลากหลายแนวทาง เรียกว่า ใช้ความถนัดในด้านการ์ตูน คาแรคเตอร์ อารมณ์ขัน และ storytelling มาเป็นสื่อและสร้างกิมมิกในการพัฒนา Content และออกแบบ Content Marketing รูปแบบแคมเปญที่สนับสนุนต่อยอดอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พร้อมสร้างการรับรู้ว่าเกาะขายหัวเราะที่ทุกคนคุ้นเคยจากแก๊กการ์ตูนและปกขายหัวเราะนั้นมีอยู่จริง เป็นการเชื่อมโยงจินตนาการและความสนุกด้วยประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

ประเทศไทยกำลังบมุ่งหน้าสู่ระยะฟื้นฟูประเทศ "ขายหัวเราะ" จะมีส่วนร่วมในการนำตัวละครในการ์ตูนมาสนับสนุนภาคเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่ง "การ์ตูนไทย" ถือเป็นทุนทางวัฒนธรรมประเภทหนึ่งซึ่งสามารถสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ผลักดันให้ขยายตัวเป็นสินค้าและบริการเชิงพาณิชยกรรม และยกระดับเป็นเครื่องมือสำคัญของเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากทุนวัฒนธรรม จากพลังการ์ตูน! ที่ยังมีกองทัพตัวการ์ตูนอีกมากมายรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนทุกๆ คน
#3534


นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. มีมติเห็นชอบปรับเลื่อนกรอบระยะเวลาในการพิจารณาข้อเสนอโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) พ.ศ. 2564 ใหม่ ส่งผลให้ต้องเลื่อนวันประกาศผลการพิจารณาผู้ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการเป็นวันที่ 23 กันยายน 2564 จากกำหนดเดิมในวันที่ 2 กันยายน 2564 ล่าช้า 21 วัน จากกำหนดการเดิม

"สาเหตุที่ต้องเลื่อนกรอบระยะเวลาการพิจารณาผลการคัดเลือกโรงไฟฟ้าชุมชนฯ ออกไป เพราะต้องการขยายเวลา และเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่อุทธรณ์ผลการพิจารณาทางเทคนิคจำนวน 33 ราย ได้รับการพิจารณาจาก กฟภ. อีกครั้ง ภายใต้หลักการและแนววินิจฉัยเดียวกับการพิจารณาอุทรณ์ของ กกพ" นายคมกฤช กล่าว

นายคมกฤช ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ผู้ไม่ผ่านผลการตัดสินทางเทคนิค ซึ่งแต่งตั้งโดย กกพ. พบว่า เงื่อนไข และหลักเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิคในบางประเด็น อาจจะทำให้ผู้ยื่นฯ มีเข้าใจคลาดเคลื่อน

ส่งผลให้ข้อเสนอทางเทคนิคหลายรายผิดพลาดในประเด็นเดียวกัน จึงเสนอให้เลื่อนกรอบเวลา และมอบหมายให้ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้พิจารณาทบทวนข้อเสนอทางเทคนิคเฉพาะของผู้ที่ไม่ผ่านการพิจารณาทางเทคนิคและไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ทั้ง 33 รายอีกครั้งเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและให้ได้สิทธิ์โดยเท่าเทียมกันจากแนวทางการพิจารณาวินิจฉัย


สำหรับความคืบหน้า และผลการพิจารณาคำอุทธรณ์ของ กกพ. ในวันที่ 25 ส.ค. นี้พบว่า มีจำนวนผู้ยื่นขออุทธรณ์ผลการพิจารณาในขั้นตอนของข้อเสนอทางเทคนิค ทั้งสองประเภทเชื้อเพลิงคือ โรงไฟฟ้าชีวภาพ และชีวมวลรวมกันจำนวน 118 รายผ่านการพิจารณาทางเทคนิคในขั้นตอนอุทธรณ์จำนวน 74 ราย และไม่ผ่านการพิจารณาทางเทคนิคในขั้นอุทธรณ์จำนวน 44 ราย โดย กกพ. มีมติให้ กฟภ. พิจารณาผู้ที่ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาจำนวน 33 รายอีกครั้งเพื่อความเป็นธรรมและให้ประกาศผลผู้ที่ผ่านการพิจารณาเทคนิคเพิ่มเติมทั้งหมดภายในวันที่ 15 ก.ย. 64

ทั้งนี้ มติ กกพ. ที่พิจารณาเห็นชอบกรอบระยะเวลาในการดำเนินการโครงการใหม่ ประกอบด้วย

นอกจากนี้ จากการเปลี่ยนแปลงกรอบระยะเวลาดังกล่าว ส่งผลให้ต้องปรับกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ โดยปรับกำหนดวัน SCOD เป็นภายใน 36 เดือนนับจากวันลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (ภายใน 21 ม.ค.68) และเห็นควรให้ใช้ Grid Capacity ปี 2567 ของ การไฟฟ้าในการประเมินข้อเสนอด้านราคา
#3535


สถานการณ์การแพร่ระบาด "โควิด 19" ไม่เพียงทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราจำต้อง Work From Home แต่เด็กไทยเองก็จำต้องStudy From Home อยู่ข้างๆ คุณพ่อคุณแม่ที่บ้านเช่นกัน แต่หลังจากเด็กไทยเผชิญโลกการ "เรียนออนไลน์" แบบผ่านจออย่างลุ่มๆ ดอนๆ มาเกือบสองปี ผลสำรวจเด็กไทยกลับพบว่า การเรียนแบบออนไลน์ ไม่อาจเทียบเท่า On site ได้ ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง อีกทั้งส่งผลกระทบกับสุขภาพกายและใจเด็กไทยไม่น้อย

ข้อมูลจากองค์การยูนิเซฟ ร่วมกับสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สำรวจผลกระทบวิกฤตโควิด 19 ต่อเด็กและเยาวชนในประเทศไทย อายุ 15-19 ปี จำนวน 6,771 คน เดือนมีนาคม-เมษายน 2564 พบว่า เด็กและเยาวชนมีความเครียด วิตกกังวล ด้านการเรียนถึง ร้อยละ 70 ล่าสุดอีกผลการสำรวจชีวิตช่วงเรียนออนไลน์ของเด็กไทยผ่านสื่อโซเชียลออนไลน์อย่างคลับเฮาส์ เด็กไทยหลักร้อยคน ต่างเข้ามาเผยความในใจว่า พวกเขาต้องปรับตัวปรับชีวิตตั้งแต่ตื่นนอนไปจนเข้านอน และส่วนใหญ่มีปัญหากับการเรียนแบบออนไลน์ ที่กำลังทำให้พวกเขามีความสุขน้อยลง

ชีวิตออนไลน์ เครียดแค่ไหน?

ผศ.พญ.แก้วตา นพมณีจำรัสเลิศ รองผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัวมหาวิทยาลัยมหิดลและกุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก กล่าวถึงสถานการณ์สุขภาพของเด็กไทยในขณะนี้ผ่านงานเสวนาออนไลน์ "ทราบแล้วเปลี่ยน" #แนวทางส่งเสริมสุขภาพเด็กในช่วงเรียนออนไลน์ โดย ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ว่า

"เวลาพูดเรื่องสุขภาพเด็กหลักๆ เราหมายถึงเรื่องร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ การที่เด็กอยู่หน้าจอตลอดวัน การกระพริบตาน้อยลง ตาแห้ง แสบตา ปวดหัว กล้ามเนื้อเกร็งในท่าเดียวตลอดทำให้ปวดเมื่อย และยังส่งผลไปพฤติกรรมสุขภาพทั้งพฤติกรรมการกิน การนอน ทั้งการบริโภคอาหารที่ขาดโภชนาการหรือเป็นโรคอ้วน ซึ่งสิ่งที่เราพบเด็กขาดธาตุเหล็ก มีผลต่อสมอง เพราะเวลาเด็กที่อยู่บ้านแล้วผู้ปกครองไม่มีเวลาดูแลหรือจัดอาหารให้ในด้านสุขภาพจิต การนอนไม่เพียงพอทำให้เด็กไม่สดชื่น ไม่อยากเรียน" ผศ.พญ.แก้วตาเอ่ย

ADVERTISEMENT


แต่หัวใจสำคัญในการประคับประคองดูแลเด็กนั้น ผศ.พญ.แก้วตา กล่าวต่อว่าอยู่ที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กและครอบครัวมากที่สุด

"คีย์หลักสำคัญสุดคือพ่อแม่ เพราะไม่ว่าสังคมจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม หรือจะเครียดแค่ไหนก็ตาม ถ้าเขามีผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ยังรักเขาและฟังเขาจะเป็นความเข้มแข็งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง ธรรมชาติเด็กจะเรียนรู้จากสิ่งรอบตัว อย่างแรกเลยคือพ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกทั้งเรื่องการดูแลสุขภาพตัวเอง การออกกำลังกาย และพ่อแม่มีหน้าที่จัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ลูกเพื่อให้มีกิจกรรมทางกาย เพราะพื้นที่ที่บ้านควรเป็นพื้นที่แรกที่ทำให้เด็กได้เรียนรู้ ถัดมาคือโรงเรียน ต้องช่วยกันสอดแทรกเรื่องสุขภาพอนามัยในการเรียนการสอน ทั้งเรื่องการออกกำลังกาย อาหาร สุดท้ายระบบสังคมต้องเข้ามาช่วยเสริม"

นอจากนี้ การมีทัศนคติเชิงลบของพ่อแม่มีความสำคัญต่อเด็ก ที่จะส่งผลต่อความเครียดและกดดันของเด็ก และอาจส่งผลให้เด็กเกิดความเบื่อหน่ายกับการเรียน

"เราพบว่าคุณพ่อคุณแม่มักเครียดจาก Work From Home ไม่มีเวลา กลายเป็นปฏิสัมพันธ์เชิงลบในครอบครัว แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลา ก็ต้องเป็นหน้าที่ครูที่จะช่วยทำหน้าที่ช่วงเวลานี้เราอาจจำเป็นต้องเดินตามแนวทาง Individualize อาทิ การจัดเวรเยี่ยมบ้าน เพราะในเด็กจำนวนสิบคน อาจมีครอบครัวที่ผู้ปกครองไม่มีเวลา และมีเวลา ในส่วนไม่มีเวลา ไม่มีคนดูแล ครูอาจเข้ามาช่วยแทนได้ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ทางกระทรวงศึกษาธิการเองก็มีนโยบายในส่วนนี้แล้ว"


เรียนออนไลน์ ไม่จบแค่ที่ครูกับนักเรียน

สนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ เอ่ยยอมรับว่า รูปแบบการ เรียนออนไลน์ ไม่สามารถตอบโจทย์การเรียนในโรงเรียนได้ทั้งหมดจริง ด้วยข้อจำกัดหลายประการ ปัจจุบันเด็กในพื้นที่สีแดงเข้มจะต้องเรียนออนไลน์เกือบหมด มีเพียงพื้นที่บางส่วนที่ไม่ได้รับผลกระทบยังเป็นออนไซต์ เช่น เชียงราย

แต่การต้องเรียนออนไลน์ยังส่งผลไปถึงโภชนาการเด็กด้วย สำหรับแนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ กระทรวงศึกษาธิการจึงจัดสรรงบประมาณแก่เด็กและครอบครัวในการจัดทำอาหารกลางวันและจัดซื้อนมแจกให้ผู้ปกครองตั้งแต่ในช่วงแรกของวิกฤต อย่างไรก็ดี อีกแนวทางในการบรรเทาสถานการณ์ที่ตึงเครียดในขณะนี้ของภาครัฐ คือการยังให้ความสำคัญกับมาตรการด้านต่างๆ ที่ช่วยแบ่งเบาหรือลดภาระของทุกฝ่าย

"เรื่องแรกคือการลดต่างๆ เราลดภาระครูด้วยการลดงาน ปกติครูต้องจัดการรายงานเอกสารต่างๆ กว่าเจ็ดสิบโครงการ แต่เรามองว่าบางเรื่องชะลอได้ เราจึงลดเหลือเพียงสิบกว่าโครงการ ส่วนพ่อแม่ เรามองว่าภาระที่ต้องจ่ายเงินเข้ามา กระทรวงฯ เองก็มีนโยบายการลดภาระค่าเทอม ยกเลิกค่าใช้จ่ายบางรายการ อาทิ ค่าบำรุงการศึกษา ค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น นอกจากนี้ ช่วงต้นเดือนกันยายนที่จะถึง เรายังมีเงินเยียวยาให้กับผู้ปกครองเด็กอีกสองพันบาท ในส่วนลดภาระนักเรียน เราใช้วิธีการทำความเข้าใจกับครูและนักเรียน ให้บูรณาการเรื่องการบ้าน ทำอย่างไรที่จะลดลง การบ้านไม่จำเป็นต้องเป็นวิชาใดวิชาเดียวสามารถประเมินได้เป็นอย่างไร รวมถึงในดานการประเมินบางโรงเรียนแจ้งแล้วว่าไม่มีการสอบ หรือการประเมิน จะเห็นว่าเราทำทั้งระบบ"

สำหรับในการประเมินการเรียนรู้ของเด็กนั้น รองเลขาธิการ กพฐ. เสนอแนวทางว่า พ่อแม่เองอาจสามารถทำเอง ช่วยประเมินลูกได้ที่บ้าน

"ผมมองว่ายังมีหลายเรื่องที่พ่อแม่สามารถเพิ่มการเรียนรู้ให้ลูกหลานได้ แต่สิ่งสำคัญต้องมีสื่อสาร มอบความรู้ให้เขาเข้าใจ จากข้อมูลที่มีอยู่ ผมมองว่าความสำเร็จเกิดด้วยความร่วมมือของภาคีภาคส่วนต่างๆ รวมถึง สสส.เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีจุดเด่นด้านองค์ความรู้ด้านสุขภาวะ และส่งเสริมการเรียนรู้แก่เด็ก ที่ผ่านมา สสส.ได้มีการผลิตคู่มือต่าง ๆ  ซึ่งเป็นสื่อที่มีประโยชน์อย่างมากในช่วงเวลาเช่นนี้ ในเรื่องพ่อแม่จึงอยากฝาก สสส. ที่จะช่วยพัฒนาสื่อสำหรับกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องดูแลลูกในภาวะต้องอยู่ที่บ้านด้วย"

ทุกพื้นที่ คือพื้นที่แห่งการเรียนรู้

ดร. นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)กล่าวว่า แม้จะต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลง เด็กก็ยังต้องไม่หยุดการเรียนรู้ เพียงแต่จะเรียนรู้แบบไหน หรือเรียนในระบบอื่นๆ ได้

"เราใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาวิธีคิดของเด็ก พฤติกรรมสุขภาพ เพราะปัจจัยที่เข้ามาน่าจะอยู่กับเราอีกนาน ซึ่งงานหนึ่งที่เราค้างไว้คือกิจกรรมทางกาย เพราะมีการศึกษาวิจัยทำไว้ว่าเด็กที่มีการขยับเขยื้อนมากจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก ความจริงทุกพื้นที่สามารถเป็นพื้นที่การเรียนรู้ได้ แม้แต่เตียงนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น หลังบ้าน สนามแถวบ้านให้เด็กได้ขยับมีท่ากายบริหาร ซึ่งเด็กมีศักยภาพเรียนรู้อยู่แล้ว" ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส.เอ่ยต่อว่า โรงเรียนชีวิต สิ่งแวดล้อม ข้อมูลข่าวสาร สื่อ มีบทบาทที่กระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ช่วยเสริมเป็นปัจจัยแวดล้อมกับการเรียนรู้ของเด็ก แม้พ่อแม่สอนไม่ได้ แต่สามารถทำหน้าที่เสริมให้ลูกหลานได้ รวมถึงคนใกล้ตัวรอบตัวที่ไม่ใช่พ่อแม่ อาทิ ญาติผู้ใหญ่ ก็อาจเป็นคนที่จะอยู่กับเด็กและดูแล สามารถช่วยเรียนรู้ สร้างปฏิสัมพันธ์กันและกันให้กับเด็กที่บ้านได้ 

"กรณีเด็กที่อยู่กับคุณตาคุณยาย บางคนอาจมองเป็นอุปสรรคเด็กเรียนออนไลน์เนื่องจากผู้สูงวัยอาจไม่เชี่ยวชาญเทคโนโลยี แต่ความจริงที่เราพบว่ามีหลายครอบครัวที่ปู่ย่าตายายสามารถใช้เทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี ตรงนี้คือโอกาส สอนเล่นเกมส์ สอนดูคลิป ก็ได้" ดร. นพ.ไพโรจน์ กล่าว
#3536


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 24 ส.ค. 2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval) โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,366.26 จุด เพิ่มขึ้น 30.55 จุด หรือ +0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,486.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.70 จุด หรือ +0.15% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,019.80 จุด เพิ่มขึ้น 77.15 จุด หรือ +0.52%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้นล็อตใหญ่ก่อนการประชุมธนาคารกลางทั่วโลกประจำปีซึ่งจัดขึ้นโดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิ่งของสหรัฐในวันพรุ่งนี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 471.79 จุด ลดลง 0.09 จุด หรือ -0.02%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,664.31 จุด ลดลง 18.79 จุด หรือ -0.28% แต่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,905.85 จุด เพิ่มขึ้น 53.06 จุด หรือ +0.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,125.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.76 จุด หรือ +0.24%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มเวชภัณฑ์ แต่ความวิตกเกี่ยวกับการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางต่างๆ นั้นทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,125.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.76 จุด หรือ +0.24%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval) นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังพุ่งขึ้นหลังมีรายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทพีเม็กซ์ในเม็กซิโกประสบเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งส่งผลให้การผลิตน้ำมันของบริษัทดังกล่าวปรับตัวลดลง

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 67.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.30 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 71.05 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.2 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ 1,808.5 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 23.8 เซนต์ หรือ 1.01% ปิดที่ 23.894 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ 1,010.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 57.40 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 2,442.50 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคอย่างเต็มรูปแบบ (full approval)

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% แตะที่ 92.8941 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.68 เยน ขณะเดียวกันดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2594 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2645 ดอลลาร์แคนาดา แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9126 ฟรังก์ จากระดับ 0.9124 ฟรังก์

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1754 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1748 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3730 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3729 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7256 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7216 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 35,366.26 จุด เพิ่มขึ้น 30.55 จุด, +0.09%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,486.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.70 จุด, +0.15%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 15,019.80 จุด เพิ่มขึ้น 77.15 จุด, +0.52%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,125.78 จุด เพิ่มขึ้น 16.76 จุด, +0.24%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,664.31 จุด ลดลง 18.79 จุด, -0.28%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,905.85 จุด เพิ่มขึ้น 53.06 จุด, +0.33%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 55,958.98 จุด เพิ่มขึ้น 403.19 จุด, +0.73%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,089.50 จุด ลดลง 20.33 จุด, -0.33%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,553.37 จุด เพิ่มขึ้น 30.94 จุด, +2.03%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,678.82 จุด เพิ่มขึ้น 87.15 จุด, +1.32%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,107.62 จุด เพิ่มขึ้น 20.06 จุด, +0.65%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 25,727.92 จุด เพิ่มขึ้น 618.33 จุด, +2.46%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,514.47 จุด เพิ่มขึ้น 37.34 จุด, +1.07%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 16,818.73 จุด เพิ่มขึ้น 76.89 จุด, +0.46%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,138.30 จุด เพิ่มขึ้น 48.09 จุด, +1.56%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,732.10 จุด เพิ่มขึ้น 237.86 จุด, +0.87%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,503.00 จุด เพิ่มขึ้น 13.10 จุด, +0.17%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,773.70 จุด เพิ่มขึ้น 12.60 จุด, +0.16%
#3537


กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ เดือน ก.ค.2564 พบว่า การส่งออกเดือน ก.ค.2564 มีมูลค่า 22,650 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 20.27% หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำและยุทธปัจจัย ขยายตัว 25.38% การนำเข้ามีมูลค่า22,467 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 45.94% และได้ดุลการค้า 183 ล้านดอลลาร์

ส่วนการค้าระหว่างประเทศช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค.2564 มีการส่งออก 154,985 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 16.20% มีการนำเข้า 152,362 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 28.73% และได้ดุลการค้า 2,622 ล้านดอลลาร์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกขยายตัวสูงมาจากการเร่งแก้ไขอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก และการดำเนินงานตามแผนส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้การจ้างงานปรับตัวดีในระดับน่าพอใจ ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในสหภาพยุโรป (อียู) ทำให้ภาคบริการฟื้นตัว ผลักดันให้เศรษฐกิจยุโรปเติบโตเร็วขึ้น 

รวมทั้งภาคการผลิตทั่วโลกยังคงขยายตัวดีสะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลก (Global Man.cturing PMI) ที่อยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 โดยการผลิตสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค สินค้าวัตถุดิบ และสินค้าเพื่อการลงทุนปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ เงินบาทที่อ่อนค่ายังเป็นปัจจัยหนุนต่อภาคการส่งออก

ส่งออกสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรม โต 24.3 %

สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรในเดือน ก.ค.2564 เพิ่ม 24.3% เป็นบวกต่อเนื่อง 8 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัวได้ดีประกอบด้วย ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 80.2% ขยายตัว 4 เดือนต่อเนื่อง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่มขึ้น 62% ขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่อง

ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 18% ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน สินค้าที่ขยายตัวดี เช่น รถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ เพิ่มขึ้น 39.2% ขยายตัว 9 เดือนติดต่อกัน ผลิตภัณฑ์ยางพารา เพิ่มขึ้น 16% ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน

ขณะที่ตลาดสำคัญขยายตัวดีเกือบทุกตลาดสำคัญ โดยตลาดสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.2% ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน ตลาดจีน เพิ่มขึ้น 41% ต่อเนื่อง 8 เดือน ตลาดญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 23.3% ต่อเนื่อง 9 เดือน ตลาดอาเซียน เพิ่มขึ้น 26.9% ต่อเนื่อง 3 เดือน ตลาดอียู เพิ่มขึ้น 20.9% ต่อเนื่อง 6 เดือน

โควิดฉุดส่งออก ส.ค.-ก.ย.

สำหรับการระบาดของโรคโควิด-19 อาจกระทบได้ โดยเฉพาะเดือน ส.ค.-ก.ย.เป็นต้นไป เพราะล็อกดาวน์เริ่มอาจมีผลต่อภาคการผลิต โดยโรงงานที่ผลิตเพื่อส่งออกบางแห่งต้องปิดทำให้ผลิตไม่ต่อเนื่องและอาจกระทบการส่งออก 

รวมทั้งสถานการณ์โควิดในประเทศเพื่อนบ้านและบางประเทศที่เราต้องส่งออกเริ่มติดขัดช่วงข้ามแดน เช่น ด่านไทยผ่านประเทศลาวและเวียดนามเพื่อไป ซึ่งจีนมีปัญหาบางช่วงบางเวลาต้องไปแก้ปัญหาหน้างานหลายครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้และสินค้าบางประเภท ในขณะที่มาเลเซียยังอยู่สถานการณ์ที่ต้องเร่งแก้ปัญหาระบาด ซึ่งกระทบการส่งออกน้ำยางดิบไปมาเลเซียทำให้ราคายางในไทยกระทบ เพราะมาเลเซียเป็นตลาดส่งออกน้ำยางใหญ่ที่สุดขณะนี้ โดยต้องเร่งแก้ปัญหาไม่ให้ภาคการผลิตติดขัด

"เป้าส่งออกปีนี้วางไว้ 4% วันนี้ทำได้ 16.2% ถือว่าเกินเป้าแล้ว 4 เท่า และจะร่วมมือกับภาคเอกชนเดินหน้าทำให้ดีที่สุด ซึ่งแผนส่งออกในครึ่งปีหลังตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีกิจกรรมไม่น้อยกว่า 130 กิจกรรม แต่ต้องปรับแผนให้สอดคล้องสถานการณ์"นายจุรินทร์ กล่าว

เอกชนห่วงซัพพลายเชน

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทยและนายกกิติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า การส่งออกปี 2564 จะให้เติบโตอ 10% ต้องทำให้เดือนที่เหลือมีมูลค่าเดือนละ 19,926 ล้านดอลลาร์ และหากเติบโต 12% ต้องทำได้เดือนละ 20,852 ล้านดอลลาร์ และหากต้องการเติบโต 15% ต้องทำได้เดือนละ 22,240 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ปัจจัยบวกที่สนับสนุนการส่งออก ได้แก่ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของคู่ค้าหลัก ความก้าวหน้าการผลิตวัคซีนและยารักษาและการอ่อนค่าของเงินบาท ส่วนปัจจัยลบครึ่งปีหลัง ได้แก่ การระบาดของโควิด-19 ที่กลายพันธุ์หลายประเทศ รวมถึงอัตราค่าขนส่งยังสูงจากการขาดแคลนตู้สินค้า ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ทุกประเภทปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์โลหะการขาดแคลนแรงงาน เพราะพบการติดเชื้อและมาตรการปิดโรงงานและกำลังซื้อในประเทศเริ่มถดถอย


นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.ทำมาตรการควบคุมโควิดภาคอุตสาหกรรม เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต อาการรุนแรงและรักษากำลังการผลิตให้มากที่สุดโดยไม่ปิดโรงงาน 4 ข้อ ดังนี้

1.มาตรการ Bubble and Seal ภาคอุตสาหกรรมต้องมีแนวทางเดียวกันทุกพื้นที่ โดยสุ่มตรวจด้วย ATK สม่ำเสมอ 10% ของจำนวนพนักงานทุก 14 วัน ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายและให้พนักงานผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำเข้ามาทำงานใน Bubble

2.สถานประกอบการที่มีพนักงาน 300 คนขึ้นไป เสนอให้กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนงบตั้ง Factory Quarantine และ Factory Accommodation Isolation โดยมีจำนวนเตียงไม่น้อยกว่า 5% ของจำนวนพนักงาน และให้กระทรวงแรงงานตั้งโรงพยาบาลแม่ข่ายให้บริการโรงงานในพื้นที่ ณ จุดเดียว

3.สถานประกอบการที่มีพนักงานต่ำกว่า 300 คน ขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้ง Community Quarantine ,Community Isolation ให้เพียงพอและมีเตียงไม่น้อยกว่า 5% ของจำนวนพนักงาน

4.จัดสรรวัคซีนตามลำดับความสำคัญทางสาธารณสุข การป้องกันโรคและเศรษฐกิจ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่อายุ 40-59 ปี กลุ่มพนักงานในสถานประกอบการที่มีติดเชื้อมากกว่า 50% จนต้องปิดกิจการ และกลุ่มพนักงานอุตสาหกรรมสำคัญ
#3538


นางวรางคณา ลือโรจน์วงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่หน่วยธุรกิจการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คลังสินค้า ภายใต้การดำเนินงานของฝ่ายบริการคลังสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ได้รับการรับรองมาตรฐาน Good Distribution Practices (GDP) ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยบริษัท SGS (Thailand) เป็นผู้ทำการตรวจสอบและรับรองให้เป็นคลังสินค้าที่สามารถดูแลผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าประเภทที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ เนื่องจากบริษัทฯ มีพื้นที่คลังสินค้าปรับอากาศขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตปลอดอากร หรือ Customs Free Zone ที่มีความสะดวกในการส่งต่อผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งจะช่วยปกป้องสินค้าดังกล่าวไม่ให้สัมผัสกับสภาวะอุณหภูมิสูงในระหว่างการขนส่ง รวมทั้งมีการบริหารจัดการคลังสินค้าที่ดีและถูกสุขลักษณะ

นอกจากนี้ บุคลากรของฝ่ายบริการคลังสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ยังมีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการขนส่งและดูแลผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าประเภทที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์เป็นอย่างดี และผ่านการอบรมมาตรฐาน Good Distribution Practices (GDP) เช่นเดียวกัน

อนึ่ง การได้รับการรับรองมาตรฐาน Good Distribution Practices (GDP) นี้นับเป็นการประกันคุณภาพการให้บริการคลังสินค้าของการบินไทย ว่าสามารถตอบสนองความต้องการขนส่งสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#3539


วันนี้(23 ส.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบการขยายพื้นที่ของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ให้กว้างขึ้น โดยให้นักท่องเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่นในลักษณะ 7+7 เป็นการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปยังพื้นที่นำร่องอื่นๆ ได้เพิ่มเติม โดยปรับลดเวลาที่ต้องอยู่ในพื้นที่ภูเก็ตจาก 14 วัน เหลือ 7 วัน ซึ่งพื้นที่นำร่องประกอบด้วย พื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ และพื้นที่เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้ดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ด้วย

นายธนกร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยอดนักท่องเที่ยวสะสมของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อยู่ที่ 22,810คน มียอดการจองโรงแรมที่ได้เครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย SHA Plus ตลอดไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2564) จำนวนกว่า 409,390 คืน ยังคงมีเที่ยวบินเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน โดย 5 อันดับแรกมาจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยหลังจากที่ปรับเป็นสูตร 7+7 ให้นักท่องเที่ยว"ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" อยู่ภูเก็ตครบ 7 วันแล้วเดินทางไปพื้นที่นำร่องอื่นต่อได้ 7 วัน จึงจะสามารถเดินทางไปจังหวัดอื่นได้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวกลุ่มแซนด์บ็อกซ์ที่เดินทางออกจากพื้นที่ภูเก็ตทางบก ขณะนี้มีจำนวนสะสมอยู่ที่ 3,578 คน โดยปลายทาง 5 อันดับอยู่ที่กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ และชลบุรี ซึ่งปัจจุบันแต่ละจังหวัดมีการเตรียมการวางแผน บริหารจัดการควบคุมเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมาตรการที่ ศบค. กำหนดแล้ว ขอให้ประชาชนในพื้นปลายทางมั่นใจได้

นายธนกร กล่าวอีกว่า ในส่วนของสมุยพลัสโมเดล ที่เชื่อมต่อกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้น มีกลุ่มแซนด์บ็อกซ์เข้ามาแล้วจำนวนเกือบ 400 คน มีจำนวนคืนเข้าพักแรมรวมเกือบ 3,000 คืน (รูมไนท์) จำนวนวันพักเฉลี่ย 9 คืนต่อคน ประมาณการรายได้อยู่ที่ 17.28 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน สหรัฐอเมริกา และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยเนื่องจากเส้นทางการบินภูเก็ต-สมุยได้หยุดทำการบินไปตั้งแต่วันที่ 3 - 16 สิงหาคม 2564 ตามคำสั่งจังหวัดภูเก็ต และจะประกาศต่อจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เนื่องจากการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต อย่างไรก็ตาม เที่ยวบินภูเก็ต-สมุยจะกลับมาให้บริการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม เป็นต้นไป คาดว่าหลังจากเปิดเส้นทางการบินภูเก็ต-สมุย และใช้มาตรการ 7 + 7 แล้ว จะทำให้ยอดนักท่องเที่ยวสมุยพลัสโมเดลเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศว่า โควิด-19 ระบาดหนักในไทย ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เร่งสื่อสารตลาดต่างประเทศเพื่อสร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว และทัวร์โอเปอร์เรเตอร์ ในเชิงซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (City marketing) แยกจังหวัดภูเก็ตออกมาจากประเทศไทยในภาพรวมว่าภูเก็ตมีความปลอดภัย รัฐบาลได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ สาธารณสุข ภายใต้มาตรการสาธารณสุข และการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการประเมินและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด
#3540


เกรท วอลล์ (GWM) ผู้ผลิตรถรายใหญ่จากจีน ที่คนไทยรู้จักกันมากขึ้น หลังกำเงินกว่า 10,000 ล้านบาท เข้ามาลงทุนสร้างฐานการผลิตในไทย ด้วยการซื้อโรงงานต่อจาก เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) หรือจีเอ็ม และ เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) ที่ถอนการผลิต และการทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ เหลือไว้แต่งานบริการเพื่อดูแลลูกค้าเท่านั้น

การเข้ามาลงทุนในไทย เป็นหนึ่งในแผนการขยายตลาดโลกของเกรทวอลล์ ที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่สร้างหลักปักฐาน สร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดในประเทศเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนี้ไป เราคงได้เห็นข่าวคราวการเปิดเกมรุกของค่ายกำแพงเมืองจีนอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด GWM เดินหน้ารุกตลาดอเมริกาใต้ ด้วยการเซ็นสัญญากับ เดมเลอร์ เอจี (Daimler AG) ซื้อโรงงานผลิตรถยนต์ Daimler ในเมืองอิราเซมาโปลิส ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา

โดยสัญญานี้  Daimler จะโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคาร เครื่องจักร ทรัพย์สินต่างๆ ยกเว้นบุคลากร ให้แก่ GWM โดยคาดว่ากระบวนการต่างๆ จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

GWM ระบุว่า หลังจากเข้าถือครองโรงงานแล้ว ก็จะเดินหน้ายกระดับโรงงาน โดยการนำแนวคิดการผลิตขั้นสูง การควบคุมคุณภาพ สิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดการข้อมูลที่สอดคล้องกับมาตรฐานการผลิตระดับโลกมาใช้ เป้าหมายของโรงงานนี้ จะเป็นฐานการผลิตรองรับตลาดบราซิล รวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอเมริกาใต้


ในด้านการจ้างงาน GWM ระบุว่า โรงงานแห่งนี้จะสร้างงานเกือบ 2,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ที่ผ่านมา อเมริกาใต้ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญของ GWM โดยยักษ์ใหญ่ของจีนเริ่มต้นเข้าสู่ภูมิภาคนี้ ที่ประเทศชิลีเป็นแห่งแรกช่วงต้นปี 2550 และสามารถสร้างตลาดได้น่าพอใจ สำหรับการทำตลาดรถปิกอัพ และ เอสยูวี ฮาวาล ( HAVAL SUV)

สำหรับบราซิล GWM มองว่า โดดเด่นว่าทุกประเทศในอเมริกาใต้ ในด้านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ขนาดพื้นที่ และจำนวนประชากร และยังเป็น 1 ใน 7 ตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

GWM ยังกำหนดให้บราซิลเป็นตลาดที่สำคัญต่อกลยุทธ์การยกระดับการดำเนินงานในอเมริกาใต้ โดยบริษัทมีแผนที่จะศึกษาความชอบของผู้บริโภคในท้องถิ่นและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดยานยนต์ของประเทศ เพื่อรองรับการพัฒนาตลาด

ในภาพรวมธุรกิจ GWM ระบุว่า แม้ที่ผ่านมา ทั่วโลกจะเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรง แต่บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น

โดยช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของ ปี 2564  ยอดขายต่างประเทศของ GWM เพิ่มขึ้น 176.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้บริษัทกล้าที่จะเดินแผนลงทุนต่อเนื่อง และในอนาคต ก็จะยังคงขยายงานไปทั่วโลก เพื่อสานเป้าหมายที่ท้าทาย คือ การสร้างยอดขายรถยนต์ให้ได้ 4 ล้านคันภายในปี 256

ปัจจุบัน GWM มีโรงงานครอบคลุมจีน รัสเซีย ไทย อินเดีย บราซิล มีเครือข่ายการขาย 500 แห่งทั่วโลก