• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jessicas

#3421


เดลต้า ชูธงผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการจัดการพลังงานและความร้อน ประกาศลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement: "PPA") เป็นครั้งแรกกับบริษัท ทีซีซี กรีน เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (TCC Green Energy Corporation: "TCC") เพื่อจัดซื้อพลังงานสีเขียวในทุกๆ ปี ขนาดประมาณ 19 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ("kWh") ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่มีส่วนสนับสนุนความมุ่งมั่นของโครงการ RE100 ในการใช้พลังงานทดแทนถึง 100% รวมถึงความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) หรือการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์จากการดำเนินงานทั่วโลกภายในปีพ.ศ. 2573

โดย ณ ปัจจุบัน TCC ถือเป็นบริษัทที่มีกำลังการผลิตพลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน และเป็นผู้จัดหาพลังงานสีเขียวจากพลังงานลมให้แก่เดลต้าถึง 7.2 เมกะวัตต์ ("MW") ด้วย PPA ดังกล่าวและสถานะการเป็นสมาชิกในโครงการ RE100 เพียงบริษัทเดียวในประเทศใต้หวันที่มี PV อินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ล้ำสมัย รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนเวอร์เตอร์แปลงพลังงานลม นอกจากนี้ เดลต้ายังคงอุทิศตนเพื่อการพัฒนาพลังงานทดแทนทั่วโลกต่อไป

นายเจิ้ง ผิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเดลต้า กล่าวว่า "เราขอขอบคุณ บริษัท ทีซีซี กรีน เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น ที่ไม่เพียงแต่มอบพลังงานสีเขียวจำนวน 19 ล้าน kWh ให้กับเราในทุกๆ ปี แต่ยังรวมถึงการนำโซลูชันและการบริการของเดลต้ามาใช้ในพลังงานทดแทนเป็นจำนวนมาก โดยรวมแล้ว ข้อเสนอนี้คาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่า 193,000 ตัน* ซึ่งเทียบเท่ากับการสร้างสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทเปอย่าง Daan Forest Park ถึง 502 แห่ง และสอดคล้องกับพันธกิจของเดลต้าคือ มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้พลังงานสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่า"

"ต่อจากนี้ โมเดล PPA ดังกล่าวอาจถูกนำไปจำลองใช้ในสถานที่อื่นๆ ของเดลต้าทั่วโลกสำหรับเป้าหมายโครงการ RE100 ของเรา โดยเดลต้ามีความมุ่งมั่นมาตลอดที่จะมีส่วนร่วมและปกป้องสิ่งแวดล้อม หลังจากผ่านการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก (Science-based Targets: "SBT") ในปีพ.ศ. 2560 เดลต้ามีจุดมุ่งหมายที่จะลดความเข้มข้นของคาร์บอนลงถึง 56.6% ภายในปีพ.ศ. 2568 โดยได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องใน 3 ประการ ได้แก่ การอนุรักษ์พลังงานด้วยความสมัครใจ การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ภายในองค์กร และการซื้อพลังงานหมุนเวียน รวมถึงในปีพ.ศ. 2563 เดลต้าได้ลดความเข้มข้นของคาร์บอนลงแล้วกว่า 55% นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินการได้เหนือเป้าหมายประจำปีเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน และการใช้พลังงานทดแทนของการดำเนินงานทั่วโลกของเราอยู่ที่ประมาณ 45.7% ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ล้วนมีส่วนอย่างมากต่อเป้าหมายโครงการ RE100 ของเรา"

นายหวง ชุน-อี๊ ประธานบริษัท Taiwan Cogeneration Corporation (TCC) กล่าวว่า สอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาพลังงานทดแทน TCC มุ่งมั่นที่จะพัฒนาพลังงานดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานความร้อน ซึ่งถือเป็นองค์กรกลุ่มไฟฟ้าแห่งแรกในไต้หวันที่มีบริการครบวงจรตั้งแต่การลงทุนและพัฒนาพลังงานทดแทน การทำสัญญาด้านวิศวกรรม การดำเนินงานและการบำรุงรักษา ไปจนถึงความสามารถในการขายพลังงานสีเขียว สำหรับภาระการถ่ายโอนจะมาจากกังหันลมบนบกที่สร้างโดย Xingbao Wind Farm Group ด้วยกำลังการผลิตจำนวน 3.6 MW ต่อหน่วย โดยในปัจจุบันเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังงานลมเหล่านี้มีกำลังการผลิตมากที่สุดในไต้หวัน และเดลต้าจะได้รับพลังงานสีเขียวที่สะอาดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งสองบริษัทยึดมั่นการร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงอนาคต และทีซีซี กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทต่างๆ ที่กำลังแสวงหาการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเต็มที่ ดังนั้น บริษัทปรารถนาที่จะร่วมสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และทำงานเพื่อลดการปล่อยมลพิษต่อไป

เนื่องในโอกาสที่เดลต้าประกาศตัวเป็นสมาชิกกลุ่ม RE100 ผู้ริเริ่มด้านพลังงานหมุนเวียนระดับโลก เดลต้าให้คำมั่นสัญญาว่าภายในปีพ.ศ. 2573 บริษัทจะใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินการผลิตทั้งหมด พร้อมทั้งลดการปล่อยคาร์บอนอย่างสิ้นเชิง โดยเดลต้าเป็นบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีรายแรกในไต้หวันที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะบรรลุเป้าหมายของกลุ่ม RE100 ภายในปี 2573 เดลต้ามีศูนย์การผลิตอยู่ในทั้ง 5 ทวีป ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำตามเป้าหมายของ RE100 ให้สำเร็จ เดลต้ามุ่งเน้นในเรื่องของการอนุรักษ์พลังงาน การผลิตและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการลงทุนในโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทน ควบคู่ไปกับการประเมินความพร้อมของตลาดพลังงานสีเขียวในพื้นที่ท้องถิ่นเพื่อทำสัญญา PPA หรือการซื้อใบอนุญาตพลังงานทดแทน (Renewable Energy Certificates: "RECs")

โดยในปีพ.ศ. 2563 โรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของเดลต้าสามารถผลิตพลังงานได้ประมาณ 25.3 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในขณะที่พลังงานไฟฟ้า 285 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ยังถูกซื้อผ่านทาง RECs ซึ่งการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตหลักๆ มีสัดส่วนประมาณ 55.1% ของการใช้พลังงานทั้งหมด โดยนับเป็นสัดส่วนประมาณ 45.7% ของการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตของการดำเนินงานทั้งหมดทั่วโลก ดังนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อพลังงานสีเขียว เดลต้าจึงจัดตั้ง "ทีมเดลต้า กรีน เอนเนอร์ยี่" (Delta Green Energy Team) ในช่วงต้นปีพ.ศ. 2564 โดยทีมฯ มีหน้าที่ในการคัดเลือกโครงการผลิตไฟฟ้าที่ตอบสนองความยั่งยืนและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด พร้อมทั้งดำเนินการตรวจสอบและลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์จริงเพื่อนำข้อมูลไปพิจารณาการทำสัญญา PPA ระยะยาว

เพื่อตอบสนองต่อการบังคับใช้กฎระเบียบผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ตามพระราชบัญญัติการพัฒนาพลังงานทดแทน ประกอบกับข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการสำหรับห่วงโซ่อุปทานในการใช้พลังงานสีเขียวสำหรับระบบการผลิตของลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ ความต้องการในการผลิตพลังงานหมุนเวียนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตลาดพลังงานหมุนเวียนที่กำลังพัฒนาและขยายตัวอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดการขาดแคลนพลังงานสีเขียวในระยะสั้น เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายนี้ นอกเหนือจากการประเมินสัญญา PPA สำหรับพลังงานทดแทนอย่างกระตือรือร้นของเดลต้า บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโซลูชันการประยุกต์ใช้พลังงานทดแทนต่างๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจผลิตไฟฟ้าใช้พลังงานทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยกตัวอย่าง ระบบกักเก็บพลังงานที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีหลักของเดลต้าสามารถทำให้การใช้และผลิตพลังงานหมุนเวียนมีความสอดคล้องกันมากขึ้นผ่านการควบคุมอย่างชาญฉลาดในการคายประจุและการชาร์จแบตเตอรี่ โดยโซลูชันพลังงานทดแทนของเดลต้าได้รับการตอบรับอย่างแพร่หลายจากโรงไฟฟ้าสีเขียวทั่วโลก รวมถึง TCC ที่นำโซลูชันไปประยุกต์ใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านการนำ PV อินเวอเตอร์ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 เฟส (Three phase) ของเดลต้าไปใช้ในโรงไฟฟ้าหลายแห่ง รวมถึงสถานีที่ให้กำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ที่ใหญ่ที่สุดของ TaiPower ในเมืองไถหนานทางใต้ของไต้หวัน นอกจากนี้ ทั้งสององค์กรยังได้วางแผนความร่วมมือในระยะยาวสำหรับการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

*อ้างอิงจากการประมาณการของสภาการเกษตร ซึ่งพื้นที่ป่า 1 เฮกตาร์อาจดูดซับการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 15 MTs ในแต่ละปี ดังนั้นสวนสาธารณะ Daan Forest Park หนึ่งแห่งที่มีขนาด 25.8 เฮกตาร์ จะมีการลดคาร์บอนต่อปีที่ 384.6 MTs
#3422
 ขายที่ดินท่าอิฐขายถูกกว่าทั่วไป นนทบุรี  ขนาด 1 ไร่ ใกล้ถนนราชพฤกษ์ ใกล้รถไฟฟ้า สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ ขายถูกกว่าทั่วไป 30,000 บาท/ตร.วา ทำเลดี ราคาถูกกว่า ทั่วไป



ที่ดินท่าอิฐขายถูก30000/วา ขนาด 1 ไร่ ใกล้ถนนราชพฤกษ์ ใกล้รถไฟฟ้า ขายถูกกว่าทั่วไป ใกล้เคียงเพียง 30,000 บาท/ตร.วา  ขายที่ดินท่าอิฐ12
ขายถูกกว่าทั่วไปใกล้เคียง ขายที่ดินท่าอิฐซอย12  เพียง 30,000 บาท/ตร.วา

 ขายที่ดินท่าอิฐซอย12
ลักษณะเด่น :
ที่ดินเปล่า ขนาด 1 ไร่ รูปสี่เหลี่ยมพื้นผ้า หน้ากว้าง 35 เมตร
ในซอยท่าอิฐ 12 ห่างจากถนนราชพฤกษ์เพียงกิโลครึ่ง
เดินทางสะดวก เข้าออกได้ 2 ทาง 
ทั้งทางถนนราชพฤกษ์ หรือออกทางรัตนาธิเบศร์
ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ
ที่สวย ทำเลดี ราคาถูกกว่าทั่วไป

ที่ดินใกล้สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ ที่ดินทำเลทอง สะดวก น้ำประปา, มีไฟฟ้า ใกล้ระบบคมนาคมขนส่ง, ใกล้หน่วยงานราชการใกล้แหล่งชุมชน ใกล้สถานีรถไฟฟ้า/รถไฟฟ้าใต้ดิน, ใกล้ห้างสรรพสินค้า, ใกล้โรงพยาบาล/คลีนิค, ใกล้โรงเรียน/มหาวิทยาลัย
ที่ตั้ง ซอยท่าอิฐ 12 ถนนราชพฤกษ์ ต.ท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
เนื้อที่ 1 ไร่ รูปสี่เหลี่ยม หน้ากว้าง 35 ม.  ลึก 45 ม.


สถานที่ ใกล้เคียง
– ใกล้ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์
– ใกล้ เซ็นทรัล เวสต์เกต
– ใกล้ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน
– ใกล้ สถานีรถไฟฟ้า สถานีท่าอิฐ (บางซื่อ-บางใหญ่)
– ในซอยมีร้านสะดวกซื้อ 7-11

ที่ดินซอยท่าอิฐ12 ขาย 12,000,000 บาท (30,000 บาท/ตร.วา) ค่าโอนออกคนละครึ่ง
สนใจ ติดต่อ คุณวิน 0621959053
ไลน์: ravinm23


รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.rubpostban.com/ขายที่ดินท่าอิฐซอย12/

คำค้น
ขายที่ดินท่าอิฐ,  ขายที่ดินท่าอิฐซอย12,  ขายที่ดินท่าอิฐนนทบุรี ขายที่ดินท่าอิฐ1ไร่ใกล้ถนนราชพฤกษ์, ขายที่ดินท่าอิฐใกล้รถไฟฟ้า, ขายที่ดินท่าอิฐขายถูกกว่าทั่วไป, ที่ดินท่าอิฐขายถูก30000/วา,
#3423


(ภูเก็ต ประเทศไทย) เผยโฉมสุดยอดโครงการรักษ์โลก "จำปา" ร้านอาหารแนวคิดใหม่ที่ผสมผสานนวัตกรรมเข้ากับอาหารและเครื่องดื่ม สร้างสรรค์เมนูรสเลิศจากวัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่น เน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ พร้อมยึดหลัก Zero Waste ไม่สร้างขยะให้แก่โลก ณ ตรีวนันดา คอมมูนิตี้เพื่อสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมกลางเกาะภูเก็ต ภายใต้การดูแลของ มนทาระ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ที่เคยคว้ามาหลายรางวัลระดับโลก ได้แก่ "พรุ" ร้านอาหารรางวัลมิชลิน สตาร์ 1 ดาว แห่งเดียวนอกเขตกรุงเทพฯ "ซีฟู้ด แอท ตรีสรา" ร้านอาหารแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รางวัลมิชลิน กรีน สตาร์ และ "พระยา ไดนิ่ง" ที่ได้รับมิชลิน เพลท อันทรงเกียรติ เปิดปฐมฤกษ์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป 

"จำปา เป็นโครงการที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเราให้ความสำคัญกับวัตถุดิบจากท้องถิ่น ใช้ไฟฟืน ยึดแนวคิดการปรุงอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดขยะ ถือเป็นบทบาทหลักของ ตรีวนันดา คอมมูนิตี้ เฮ้าส์" เควนทิน ฟูเกอรูซ์ (Quentin Fougeroux) ผู้อำนวยการ ด้านอาหารและเครื่องดื่มกล่าว "เนื่องจากเป็นศูนย์กลางคอมมูนิตี้ ที่นี่จึงเป็นพื้นที่เพื่อการแบ่งปัน เรียนรู้ และให้ความสำคัญกับชีวิตที่ดี รวมไปถึงยึดหลักการความเป็นอยู่แบบพึ่งพาตนเอง นับว่าเป็นสถานที่ซึ่งผสานอาหารและงานฝีมือเข้าด้วยกัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด" 

ชื่อ "จำปา" (JAMPA) มาจากชื่อของดอกแมกนิโอเลีย จัมพากา (Magniolia Champaka) ซึ่งเป็นดอกไม้เฉพาะถิ่นที่มีกลิ่นหอมพบได้ทั่วไปในภูเก็ต และมาจากชื่อของหมู่บ้านเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของฟาร์มของกรุ๊ป ที่เรียกกันว่า "พรุจำปา" ครึ่งแรกของชื่อหมู่บ้านได้นำมาตั้งเป็นชื่อร้านอาหาร "พรุ" ร้านชนะรางวัลมิชลินของมนทาระ และใช้ชื่อครึ่งหลังสำหรับคอนเซปต์ใหม่นี้
ทีมอาหารของจำปามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ร้านอาหารแห่งนี้ก้าวไปสู่แถวหน้าของนวัตกรรมอาหารในเกาะภูเก็ต โดยการใช้ไฟจากฟืนเท่านั้น ในการรังสรรค์วัตถุดิบท้องถิ่นให้กลายเป็นอาหารอันน่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมเน้นเมนูที่ดีต่อสุขภาพ สร้างความสมดุลให้ร่างกาย ซึ่งส่งผลดีงามต่อจิตใจ 

ทีมจำปามี เชฟริค ดิงเกน (Chef Rick Dingen) เป็นหัวหน้าทีม เขาเคยประจำอยู่ที่ร้านอาหารเมดิสัน ในกรุงเทพฯ และยังผ่านการทำงานในร้านอาหารระดับมิชลิน สตาร์ ในประเทศไทยและเนเธอร์แลนด์บ้านเกิดของเขา ซึ่งรวมถึงร้านอินเตอร์ สกาลเดส ร้านระดับมิชลิน สตาร์ 3 ดาว และร้านอาหาร เดอ คาส ที่ขึ้นชื่อเรื่องนำของสดจากฟาร์มมาปรุงอาหาร เชฟทุ่มเทให้กับการเลือกสรรวัตถุดิบสดใหม่ที่เก็บเกี่ยวได้ในวันนั้น ใช้วิธีปรุงอาหารด้วยไฟจากฟืน เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ทางธรรมชาติของวัตถุดิบแต่ละชนิด 

"สำหรับเราแล้ว เป็นเรื่องสำคัญมากในการเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและอยู่ในฤดูกาลมาปรุงด้วยวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้" เชฟริคกล่าว "การทำอาหารคืองานฝีมือ ประกอบกับบริการและบรรยากาศของสถานที่ นับเป็นหนึ่งในศิลปะที่สวยงามที่สุด เราต้องการให้แขกของเราได้สัมผัสถึงอารมณ์ของเชฟ ได้รับรู้ว่าทำไมเราจึงคัดสรรวัตถุดิบเหล่านี้ ทำไมเราจึงเลือกวิธีปรุงอาหารแบบนี้ และอยากให้ได้ร่วมเรียนรู้จากเรา ที่ร้านไฮด์อะเวย์ บาย จำปา ร้านป๊อปอัพของเรา ทุกสัปดาห์เรามักจะทำอาหารกลางแจ้งด้วยไฟฟืน ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้วัตถุดิบใหม่ ๆ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เราทดลองหลาย ๆ สิ่ง เราหัวเราะมีความสุขกับมัน เป็นประสบการณ์ที่แขกของเราสามารถมีส่วนร่วมได้เช่นกัน" 

ร้านอาหารจะตั้งอยู่ที่ ตรีวนันดา คอมมูนิตี้ เฮ้าส์ เป็นอาคารแสนสวยที่ออกแบบโดย ฮาบิตา อาร์คิเท็คท์ บริษัทออกแบบมือรางวัลและสถาบันศิลปะอาศรมศิลป์ ออกแบบตกแต่งภายในโดย อาฟโรโค่ ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในบริษัทออกแบบที่ล้ำสมัยที่สุดในวงการ ล้อมรอบไปด้วยเนินทรายและภูมิทัศน์ที่สวยงาม อาคารคอมมูนิตี้ เฮ้าส์ แห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของ ตรีวนันดา เวลเนส คอมมูนิตี้ ที่ซึ่งผู้พักอาศัยสามารถมาพบปะแลกเปลี่ยนมุมมองกัน ทั้งผู้พักประจำและผู้มาเยือนจะสามารถร่วมพลังกันในโครงการต่าง ๆ ของชุมชนที่เน้นเรื่องความยั่งยืน เรื่องโภชนาการ และความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำโดยทีมของตรีวนันดา 

ร้านอาหารได้รับการกล่าวถึงในหัวข้อ "ร้านเปิดใหม่ล่าสุด" ของเวปไซต์ "Top 25 Restaurants Phuket" โดย อเมซิ่ง ไทยแลนด์ ยังมีบาร์ที่ทันสมัยนำเสนอเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ร่างกาย และจิตใจ เสิร์ฟมาในรูปแบบที่คุ้นเคยของนักดื่ม รวมทั้งมีแนวคิด zero waste ลดขยะเป็นศูนย์ นำเสนอของสดเก็บใหม่ในวันนั้น ขนมปังอบใหม่ และอาหารชั้นดีชนิดอื่น ๆ ให้กับผู้พักอาศัยและแขกผู้มาเยือน 

สำหรับแนวคิดลดขยะเป็นศูนย์ (The Zero Waste) สิ่งสำคัญของคอมมูนิตี้นี้ คือ อาหารและข้าวของต่าง ๆ จะไม่ใช้พลาสติก ผู้พักอาศัยและแขกสามารถเลือกสรรสินค้าโฮมเมด ผลไม้ ผัก และสมุนไพร ที่เก็บมาสด ๆ ขนมปังอบใหม่ที่ยังอุ่น ๆ จากเตาฟืน ชีสท้องถิ่น ชีสวีแกน และสินค้าอื่น ๆ ในรีฟิล สเตชั่น ยิ่งไปกว่านั้น เชฟทุกคนพร้อมให้คำแนะนำหรือเกร็ดความรู้ในการใช้ประโยชน์จากผลิตผลนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

ร้านอาหารก็มุ่งมั่นที่จะเป็นร้านแรกบนเกาะภูเก็ตที่ปรุงอาหารตามแนวคิดลดขยะเป็นศูนย์เช่นเดียวกัน "เราต้องการลดผลกระทบต่อโลกให้มากที่สุดและเราแยกขยะในครัวของเราทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เหลือสิ่งใดกลับไปสู่พื้นดิน" เควนทิน กล่าว "เราจะแยกขยะ โดยอาหารที่เหลือจะนำไปเป็นอาหารสัตว์หรือทำเป็นปุ๋ยใช้ในฟาร์มของเรา ขยะและของที่ย่อยสลายได้จะถูกนำมาใช้เป็นปุ๋ยปลูกผักเพื่อทำให้วงจรของชีวิตสมบูรณ์" 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ +66 76 310 100 หรือเยี่ยมชมที่ jamparestaurant.com
Facebook : https:// www.facebook.com/JampaRestaurant/
Instagram : https:// www.instagram.com/jamparestaurant/?hl=en
Line : @jamparestaurant ​
#3424


วันนี้ (23 ส.ค.) เฟซบุ๊ก "โฆษกกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข" ของ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (รก.11) และ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ กระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความหัวข้อ "เรารับใช้ประชาชนบนหลักวิชาการ" ระบุว่า "มีข้อสงสัยกันมากกับการตัดสินใจในหลายเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข ผมขอเรียนย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุข ไม่เคยอยู่ใต้อคติของใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

เรายืนหยัดทำงาน รับใช้ประชาชนบนหลักวิชาการเท่านั้น และเราเข้มแข็งพอที่จะต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คนที่ทำงานที่นี่ได้ เพราะยอมรับในหลักการเดียวกัน การตัดสินใจของเรา จะเกิดขึ้น เมื่อมีผลการศึกษาที่เชื่อถือได้มารองรับเท่านั้น การทำงานของเรา มิได้อยู่บนมโนคติ เราไม่กล้าเอาสมมุติฐาน มาตัดสิน เพื่อดำเนินการ เรากล้านำเสนอผลงานของเรา และเราทำทุกอย่าง อย่างโปร่งใส เรามิได้กระทำการใดด้วยเพราะ "เชื่อว่า" แต่เราจะปฏิบัติ เมื่อ "มีผลการศึกษา จาก ..... ออกมาว่า ......" และผลการศึกษานั้น จะต้องไม่ใช่หน่วยงานเดียว แต่ต้องออกมาจากหลายหน่วยงาน เพราะเราต้อง Cross Check ด้วย

เรื่องการให้บริการวัคซีนสูตร SA หรือ SINOVAC ต่อด้วย แอสตร้าเซนเนกา มีหลายทีมที่ศึกษาเรื่องนี้ ทุกทีมล้วนเป็นสถาบันการแพทย์ชั้นแนวหน้าของประเทศ และทุกทีม มีผลการศึกษาตรงกันว่า สูตรนี้ สร้างภูมิคุ้มกันได้สูง ในระยะเวลาที่เร็วขึ้น ต้องขอบคุณเหล่าอาจารย์แพทย์ และผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน ซึ่งผลักดันการสาธารณสุขไทยไปข้างหน้า ท่านยังทำงาน แม้จะมีแรงเสียดทานมากเหลือเกิน เราชาวกระทรวงสาธารณสุข ขอยืนยันว่า การทำงานของเรานั้น เป็นไปด้วยความสุจริต ไร้อคติครอบงำ "เรารับใช้ประชาชนบนหลักวิชาการ" #ความในใจชาวสธ
#3425


อิเกีย เพิ่มความสะดวกและความคุ้มค่าให้กับลูกค้าชาวไทยในช่วงล็อกดาวน์ ช้อปเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านผ่านอิเกีย ออนไลน์ ที่ IKEA.co.th ให้การใช้ชีวิตในบ้านเป็นไปอย่างปลอดภัยและตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ในราคาประหยัด และง่ายยิ่งขึ้น ได้แก่ ค่าส่งพัสดุ 99 บาท จุได้ถึง 24 กิโลกรัม ราคาเดียวทุกพื้นที่จัดส่ง, บริการจัดส่งโดยรถบรรทุก เริ่มต้น 290 บาท (เฉพาะพื้นที่ที่ร่วมรายการ) ไม่จำกัดจำนวน, บริการ Click & Collect ช้อปออนไลน์ แล้วไปรับที่สโตร์ ไม่มีค่าใช้จ่าย, บริการออกแบบออนไลน์ และบริการผ่อน 0% นาน 10 เดือน พบกับบริการและข้อเสนอสุดพิเศษจากอิเกียออนไลน์ ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2564

บริการและข้อเสนอต่างๆ จากอิเกีย
- โปรโมชั่นค่าส่งแบบพัสดุ 99 บาท (จากปกติ 149 บาท) ช้อปจุใจได้ถึง 24 กิโลกรัม สำหรับสินค้าที่มีปริมาตรไม่เกิน 76 ลิตร และสินค้าแต่ละชิ้นมีความยาวไม่เกิน 1.4 เมตร
- โปรโมชั่นค่าจัดส่งโดยรถบรรทุก เริ่มต้น 290 บาท* (ปกติ 570 บาท) ช้อปเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ได้จุใจ *เฉพาะพื้นที่จัดส่งที่ร่วมรายการ
- บริการ Click & Collect ช้อปออนไลน์สะดวกและปลอดภัยจากที่บ้าน แล้วมารับสินค้าได้ที่จุดรับสินค้าที่สโตร์อิเกีย บางนา และอิเกีย บางใหญ่ พร้อมให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 19:00 น.
- บริการออกแบบออนไลน์ ฟรี! สำหรับลูกค้าที่ต้องการออกแบบตู้เสื้อผ้า PAX เพิ่มความสะดวกออกแบบตู้เสื้อผ้าโดยผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อได้ที่ IKEA.TH.planning@ikano.asia
- บริการผ่อนชำระดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ และมียอดซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท

ทั้งนี้ อิเกีย บางนา และอิเกีย บางใหญ่ ปิดให้บริการชั่วคราวตามประกาศของ ศบค. และหวังว่าจะได้ต้อนรับทุกคนที่สโตร์อีกครั้งในเร็วๆ นี้
#3426


อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ นักหวดชาวเยอรมัน ต้อน อังเดรย์ รูเบลฟ 2 เซตรวด ผงาดซิวแชมป์ที่ซินซินเนติ ไปครองได้สำเร็จ คว้าแชมป์รายการที่ 17 ในชีวิต

ศึกเทนนิส เอทีพี ทัวร์ มาสเตอร์ส 1000 รายการ เวสเทิร์น แอนด์ เซาเทิร์น โอเพ่น 2021 ที่เมืองซินซินเนติ สหรัฐอเมริกา ชิงเงินรางวัลรวม 5,404,435 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 180 ล้านบาท วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564 เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ

ประเภทชายเดี่ยว อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ นักหวดมือ 5 ของโลกชาวเยอรมัน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะ อังเดร รูเบลฟ มือ 7 ของโลกจากประเทศรัสเซีย 2-0 เซต 6-2, 6-3 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้เป็นสมัยแรก รับเงินรางวัลไป 391,240 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 13 ล้านบาท

โดย อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ กลายเป็นนักเทนนิสจากเยอรมนี คนที่ 2 ต่อจาก บอริส เบ็คเกอร์ เมื่อปี 1985 ที่คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้สำเร็จ ถือเป็นแชมป์ที่ 17 ในชีวิตของเจ้าตัว และเป็นแชมป์รายการที่ 2 ในปฏิทินปี 2021 ต่อจาก "มาดริด โอเพ่น" เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

"ต้องขอชื่นชม รูเบลฟ ที่เล่นดีมาตลอดทั้งอาทิตย์ ถึงแม้เขาจะยิ้มอยู่ตอนนี้แต่เขาคงรู้สึกผิดหวัง เพื่อนคนนี้เป็นยอดฝืมือ ผมรู้จักเขามาตั้งแต่อายุ 11 ปี เขามีศักยภาพที่ดีพอที่จะคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้แน่ๆ ในอนาคต"

"นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณพ่อของผม และพี่ชายของผม ที่สนับสนุนผมมาตลอด ที่สำคัญคือการได้เห็นแฟนๆ เข้ามาเชียร์ในสนาม ผมหวังมาตลอดว่าแฟนๆ จะกลับเข้าสู่สนามได้แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ขอบคุณฝ่ายจัด และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน" ซเวเรฟ กล่าว
#3427


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามผลการจัดโครงการ "เพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี" กรณีช่วยสร้างโอกาสทางการค้าให้สินค้าแมลงทอดอบกรอบ ภายใต้แบรนด์ "แมลงรวย" จาก จ.อุดรธานี ที่ได้ลงพื้นที่ไปแนะนำเรื่องการต่อยอดธุรกิจและการใช้ประโยชน์จาก FTA พบว่า ล่าสุดประสบความสำเร็จในการจับคู่ทำธุรกิจทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยได้วางจำหน่ายสินค้าแมลงทอดอบกรอบในซุปเปอร์มาร์เก็ตเอกภาพ สาขาสระบุรี และตลาดไทได้แล้ว และในเดือนก.ย.2564 มีกำหนดวางจำหน่ายแมลงทอดอบกรอบในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทั่วประเทศ และแมลงแช่แข็งในห้างแม็คโครปลายปีนี้

ส่วนตลาดต่างประเทศ แมลงรวยเตรียมขยายการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐฯ เม็กซิโก จีน และอาเซียน ซึ่งแมลงรวยได้ติดต่อทำตลาดแล้ว มีผู้สนใจนำเข้าจำนวนมาก เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่ที่ยังไม่มีคู่แข่งในตลาด และมีโอกาสเติบโตสูง เช่น ตลาดคุนหมิง ฮ่องกง และกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม ที่ผู้บริโภคมีความคุ้นเคยกับการบริโภคสินค้าแมลงอยู่แล้ว แต่บางตลาด เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ผู้บริโภคแมลงมีจำนวนจำกัด เนื่องจากไม่นิยมบริโภค แต่ก็มีโอกาส หากเพิ่มการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น 


ทั้งนี้ ในการทำตลาดส่งออก กรมฯ ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จาก FTA เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการค้าให้กับสินค้าไทย เพราะคู่ค้าที่มี FTA กับไทย 13 ฉบับกับ 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย เปรู และชิลี และอยู่ระหว่างรอการบังคับใช้ความตกลง RCEP ในปี 2565 ไม่มีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรนำเข้าจากสินค้าแมลงเพื่อบริโภคที่ส่งออกจากไทยแล้ว การใช้ FTA สร้างแต้มต่อ ก็จะทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีขึ้น และลดต้นทุนได้มากขึ้น

นางอรมน กล่าวว่า สินค้าแมลงรวย สามารถขยายตลาดได้ทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากเป็นสินค้าแมลงทอดอบกรอบเป็นรายเดียวในประเทศ เป็นสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานในเรื่องความปลอดภัยและกระบวนการผลิต โดยได้รับเครื่องหมาย อย. GMP , HACCP , CODEX และมาตรฐานวัตถุดิบฟาร์ม GAP และยังมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีความสวยงาม สีสันสะดุดตา ทันสมัย สะดวกต่อการพกพา และรับประทานง่าย รวมทั้งนำเสนอสินค้าในรูปแบบแปลกใหม่และหลากหลาย มีแมลงทอดอบกรอบทั้งดักแด้ จิ้งหรีด และสะดิ้ง แมลงแช่แข็ง น้ำพริกแมลงละลายน้ำ และผงจิ้งหรีดเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในเบเกอรี่ คุกกี้ ในการเพิ่มโปรตีน เจาะตลาดกลุ่มผู้รักสุขภาพและเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคที่ต้องการเริ่มต้นกินแมลง โดยผงจิ้งหรีดมีโปรตีนสูงถึง 75% มีธาตุเหล็กมากกว่านม 3 เท่า และอุดมไปด้วยกากใย วิตามิน แร่ธาตุต่างๆ ทั้งเหล็ก สังกะสี แคลเซียม รวมทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย


นอกจากนี้ แมลงรวยยังอยู่ระหว่างการใช้นวัตกรรมในการพัฒนาเป็นสินค้าเวย์โปรตีนสกัดจากจิ้งหรีด เป็นอาหารเสริมที่มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักกีฬา

ปัจจุบันสินค้าอาหารจากแมลงเป็นที่สนใจและมีความต้องการเพิ่มขึ้นจากผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบริโภคแหล่งโปรตีนทดแทนอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เหมาะสำหรับคนที่แพ้โปรตีนจากนมวัว และเข้ามาแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารในอนาคต และเกิดธุรกิจใหม่ที่ได้มีการนำแมลงมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้า เช่น เป็นวัตถุดิบอาหารเสริม ใช้เป็นส่วนผสมของอาหาร พิซซ่า ซอส เส้นพลาสต้า อาหารกระป๋องจากแมลงชนิดต่างๆ เป็นต้น

ไทยส่งออกสินค้าแมลงมีชีวิต อันดับที่ 17 ของโลก โดยในช่วง 5 เดือนของปี 2564  (ม.ค.-พ.ค.) ส่งออกแล้ว ปริมาณ 575 ตัน มูลค่า 85,346 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ 1.สหรัฐฯ ส่งออก มูลค่า 34,519 เหรียญสหรัฐ สัดส่วน 40.45% ของการส่งออกทั้งหมด 2.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มูลค่า 15,356 ดอลลาร์ สัดส่วน 17.99% 3.เยอรมนี มูลค่า 14,443  ดอลลาร์  สัดส่วน 16.92% 4.สหราชอาณาจักร มูลค่า 10,353 ดอลลาร์ สัดส่วน 12.13% 5.เนเธอร์แลนด์ มูลค่า 9,363 ดอลลาร์ สัดส่วน 10.97% และ 6.เกาหลีใต้ มูลค่า 1,149 ดอลลาร์ สัดส่วน 1.35%
#3428


นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังได้ร่วมดำเนินการ 2 มาตรการหลัก ได้แก่ 1.มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู) วงเงิน 250,000 ล้านบาท ความคืบหน้ามีสินเชื่อฟื้นฟูที่อนุมัติแล้ว 92,316 ล้านบาท ผู้ได้รับความช่วยเหลือจำนวน 30,194 ราย โดยมีวงเงินอนุมัติเฉลี่ยอยู่ที่ 3.1 ล้านบาทต่อราย และ 2.มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลัง (มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน 100,000 ล้านบาท มีมูลค่าสินทรัพย์ที่รับโอน 10,510.61 ล้านบาท จำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือ 65 ราย ทั้งนี้ ทั้ง 2 โครงการเป็นมาตรการที่รัฐบาลตอบสนองต่อภาคเอกชน ให้สามารถเข้าถึงเงินสินเชื่อได้มากขึ้น เสริมสภาพคล่องและการลงทุน สนับสนุนวงเงินในการดูแลสินทรัพย์ให้ภาคธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างรุนแรงยังสามารถกลับมาทำธุรกิจตามปกติ หลังจำเป็นต้องหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว ตามมติคณะรัฐมนตรี 23 มีนาคม 2564 ให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

นายธนกร กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าแนวทางในการช่วยเหลือนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามมาตรการลดภาระทางการศึกษาของรัฐบาลนั้น ในส่วนของเงินเยียวยานักเรียน รัฐบาลจะจ่ายให้นักเรียนทุกคน ทุกสังกัด ทั้งภาครัฐและเอกชน ระดับอนุบาล-ม.ปลาย และ ปวช./ปวส. ทั่วประเทศ คนละ 2,000 บาท โดยหลังจากกระทรวงการคลังจัดสรรงบประมาณแล้ว จะโอนเงินให้ 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (โรงเรียนเอกชน/กศน.) สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เขตพื้นที่การศึกษาของรัฐ) และสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (วิทยาลัย อาชีวศึกษา/เทคนิค) ภายใน 5-7 วัน ซึ่งผู้ปกครองสามารถตรวจสอบสิทธิกับสถานศึกษาถึงวิธีการรับเงิน ทั้งผ่านเลขบัญชีธนาคาร พร้อมเพย์ หรือรับเงินสด โดยคาดว่าจะได้รับเงินภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ขณะนี้มีอยู่จำนวนกว่า 11 ล้านคน แบ่งเป็นสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษา รวม 9.8 ล้านคน และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. อีก 1.2 ล้านคน งบประมาณดำเนินการรวม 22,000 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นผู้ปกครองและนักเรียน นักศึกษา สามารถตรวจสอบสิทธิ์กับสถานศึกษา หรือโรงเรียนของรัฐตรวจสอบสิทธิและข้อมูลจากเว็บไซต์สำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ> https://student.edudev.in.th และในส่วนของโรงเรียนเอกชนตรวจสอบสิทธิและข้อมูลได้ที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) https://opec.go.th

โฆษก ศบศ. กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษนั้น ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 38.25 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 66,150.3 ล้านบาท แบ่งเป็น 1)โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 23.68 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 59,183.6 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 30,049.5 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 29,134.1 ล้านบาท 2)โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 68,157 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 1,352 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 38 ล้านบาท 3)โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.49 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 5,234.5 ล้านบาท

และ 4)โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.01 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 342.2 ล้านบาท ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการเร่งเชื่อมระบบแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่กับโครงการ "คนละครึ่ง" คาดว่าจะพร้อมใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2564 เพื่อให้ทันกับการรองรับการโอนเงิน "คนละครึ่ง" รอบ 2 อีก 1,500 บาท อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเร่งเยียวยาประชาชนทุกกลุ่มควบคู่ไปกับการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19
#3429


เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ แสดงความห่วงใยลูกค้าเจนเนอราลี่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เดินหน้าจัดทำคู่มืออินโฟกราฟฟิคการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) แนะแนวทางการดูแลตัวเองฉบับเข้าใจง่ายสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ขั้นสีเขียว พร้อมตอกย้ำความมั่นใจ ยืนหยัดอยู่ดูแลลูกค้าทุกช่วงเวลาของชีวิตลูกค้า ด้วยการขยายความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยรายวันสำหรับลูกค้าทุกกรมธรรม์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation (การดูแลตนเองที่บ้าน) และ Community Isolation (การดูแลตนเองในระบบชุมชน)*

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ประเทศไทย กล่าวว่า "จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ที่ทวีความรุ่นแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้ป่วยติดเชื้อใหม่เกินกว่า 20,000 คนต่อวัน ส่งผลให้ในปัจจุบันมียอดผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวสะสมสูงถึงกว่า 200,000 คน ทั้งผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากไปจนถึงผู้ป่วยอาการหนัก ทำให้จำนวนเตียงไม่เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วยวิกฤต ทางภาครัฐจึงได้นำเสนอนโยบายการแยกกักตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation มาปรับใช้สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 สีเขียว เพื่อเพิ่มจำนวนเตียงรักษาสำหรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง แต่ต้องยอมรับว่ากลุ่มผู้ป่วยสีเขียวหลายคนยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลตัวเองเมื่อต้องทำการกักตัวที่บ้าน อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุ ทั้ง ขาดการรับรู้ข้อมูล หรือได้รับข้อมูลมากจนเกินไปจนสับสน รวมไปถึงการได้รับข้อมูลที่ผิด จึงทำให้เกิดความวิตกกังวลในการรับมือกับการดูแลตัวเอง



ด้วยความห่วงใยและเข้าใจถึงปัญหาดังกล่าว ทางเจนเนอราลี่ จึงได้จัดทำคู่มือฉบับเข้าใจง่าย "คู่มือ Home Isolation สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 (ผู้ป่วยสีเขียว)" เพื่อใช้เป็นแนวทางการดูแลรักษาตนเองที่บ้านอย่างถูกวิธี โดยเนื้อหาได้ผ่านการคัดกรองความถูกต้อง พร้อมนำมาจัดทำในรูปแบบ Infographic ที่เข้าใจง่าย เริ่มตั้งแต่ ข้อดีของการแยกกักตัวที่บ้าน ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบขอกักตัวที่บ้าน รวมถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติ และเช็คลิสต์ของใช้ที่จำเป็นเมื่อต้องกักตัวที่บ้าน นอกจากนี้ยังแนะนำถึงอาการที่ควรรีบพบแพทย์หากพบเจอในระหว่างกักตัว ตลอดจนข้อควรปฏิบัติหลังหายป่วย โดยปัจจุบันทางเจนเนอราลี่ได้จัดทำเรียบร้อยพร้อมเผยแพร่ผ่านช่องทาง Facebook page : Generali Thailand สามารถเข้าไปดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ที่สามารถเปิดอ่านได้สะดวก

นายบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า "นอกจากนี้เจนเนอราลี่ยังได้ขยายความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยรายวันสำหรับลูกค้าทุกกรมธรรม์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์แต่ละประเภท* ที่ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลแบบ Home Isolation (การดูแลตนเองที่บ้าน) และ Community Isolation (การดูแลตนเองในระบบชุมชน) เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ลูกค้าว่าเจนเนอราลี่พร้อมยืนหยัดอยู่เคียงข้างลูกค้าทุกช่วงเวลาของชีวิตและพร้อมดูแลลูกค้าให้ผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตได้อย่างปลอดภัยและไร้ความกังวล โดยสามารถดูรายละเอียดผลประโยชน์และความคุ้มครองโควิด-19 ของเจนเนอราลี่เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://generali.co.th/services/covid-19-faq/ หรือ ติดต่อทางศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร 1394
#3430


คาเมรอน สมิธ จากออสเตรเลีย กด 11 อันเดอร์พาร์ รวมสกอร์ 16 อันเดอร์พาร์ พุ่งพรวดขึ้นมาเป็นผู้นำร่วมกับ จอน ราห์ม จากสเปน ศึกกอล์ฟ "เดอะ นอร์เธิร์น ทรัสต์" วันที่สาม

ศึกกอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ รายการ เดอะ นอร์เธิร์น ทรัสต์ ชิงเงินรางวัลรวม 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 316 ล้านบาท ที่สนาม ลิเบอร์ตี เนชันแนล กอล์ฟ คลับ ระยะ 7,353 หลา พาร์ 71 รัฐนิว เจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา วันที่ 21 สิงหาคม 2564 เป็นการชิงชัยในวันที่สาม

ปรากฎว่า คาเมรอน สมิธ โปรกอล์ฟหนุ่มจากออสเตรเลีย ท็อปฟอร์มสุดๆ ในวันนี้ เก็บไปถึง 11 อันเดอร์พาร์ รวมสกอร์สามวัน 16 อันเดอร์พาร์ ขึ้นมารั้งตำแหน่งผู้นำร่วมกับ จอน ราห์ม โปรกอล์ฟจากประเทศสเปน

ด้าน เอริค วาน รูเยน ก้านเหล็กจากแอฟริกาใต้ วันนี้เก็บเพิ่ม 9 อันเดอร์พาร์ รวมสกอร์สามวัน 15 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 3 ตามผู้นำ 1 สโตรก ส่วน จัสติน โธมัส และโทนี ฟินัว สกอร์รวมสามวันที่ 14 อันเดอร์พาร์ กอดคอรั้งอันดับ 4 ร่วม

ขณะที่ผลงานของโปรกอล์ฟคนอื่นๆที่น่าสนใจ แซม เบิร์นส์, ฮัดสัน สวาร์ฟฟอร์ด, คาเมรอน ทรินเกล, บรูคส์ โคปกา, แซนเดอร์ ชาฟเฟิล และคีธ มิตเชลล์ 6 ก้านเหล็กอเมริกัน มี 11 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 11 ร่วมกัน, ลี เวสต์วูด จากอังกฤษ มี 10 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 17 ร่วม
URL
 
#3431
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#3432


ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เด็กต้องเรียนออนไลน์อยู่บ้าน กระทบต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง บางครอบครัวที่ต้องทำงานที่บ้าน (Work From Home) ควบคู่กับการเลี้ยงลูก และดูแลคุณภาพการศึกษาของลูกให้เป็นไปตามแผนการสอนของโรงเรียน จนอาจทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเกิดภาวะเครียด กังวล ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจอาจแสดงพฤติกรรมเชิงลบใส่เด็ก และซ้ำเติมความเครียดของเด็กเพราะข้อมูลจากองค์การยูนิเซฟ ร่วมกับสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สำรวจผลกระทบวิกฤตโควิด-19 ต่อเด็กและเยาวชนในประเทศไทย อายุ 15-19 ปี จำนวน 6,771 คน เมื่อเดือนมีนาคม-เมษายน 2564 พบเด็กและเยาวชนมีความเครียด วิตกกังวล ด้านการเรียน ร้อยละ 70 อาจทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตในระยะยาว หากเด็กและเยาวชนไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมจากที่บ้าน

ดร.สุปรีดา กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบดังกล่าวและส่งเสริมสุขภาวะเด็กและครอบครัว สสส. ร่วมกับ สาขาวิชาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาเว็บไซต์ https://www.netpama.com สร้างหลักสูตรฝึกอบรมผู้ปกครองของเด็กที่มีปัญหาพฤติกรรม (Internet-Base Parent Management Training Program: Net PA-MA เน็ต ป๊า-ม้า) ขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยพ่อแม่ยุคใหม่ให้รู้วิธีเลี้ยงลูกเชิงบวก และทำให้เด็กเห็นคุณค่าในตัวเอง ผ่านองค์ความรู้ที่นำไปใช้ปฏิบัติได้จริง 6 บทเรียน ได้แก่ 1.ปัจจัยพื้นฐานในการปรับพฤติกรรมเด็ก 2.ทักษะพื้นฐานในการสื่อสาร 3.เทคนิคการชม 4.เทคนิคการให้รางวัล 5.เทคนิคการลงโทษ และ 6.เทคนิคการให้คะแนน โดยบทเรียนเหล่านี้จะทำให้พ่อแม่รู้วิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนแผนระยะยาว สสส. จะร่วมกับภาคีเครือข่าย ขยายผลนำหลักสูตรนี้ไปเชื่อมกับองค์กรและบริษัทต่างๆ เพื่อส่งต่อองค์ความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกเชิงบวกในโลกยุคใหม่แก่พนักงานในองค์กรและบริษัท เชื่อว่าหลักสูตรออนไลน์ที่ผสมผสานทั้งสาระและความบันเทิงจะช่วยให้ครอบครัวยุคใหม่รับมือกับสถานการณ์ทั้งช่วงโควิด-19 และในภาวะปกติได้เป็นอย่างดี



รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า พ่อ แม่ที่เครียดเพราะลูกต้องเรียนออนไลน์ช่วงโควิด-19 ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ไม่รู้วิธีเลี้ยงลูกในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และบางครอบครัวอาจมีเด็กพิเศษที่มีปัญหาการเรียนรู้ สมาธิสั้น หรือ ภาวะเรียนรู้บกพร่อง เมื่อมาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเรียนออนไลน์ จึงต้องได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษ เพราะขาด 3 ทักษะ ได้แก่ ทักษะการเลี้ยงลูก ทักษะการสื่อสาร และทักษะการฝึกวินัยเชิงบวกให้กับลูก จึงทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบด้านอารมณ์และพฤติกรรมในเด็ก เช่น ดื้อ เอาแต่ใจ ต่อต้าน ก้าวร้าว และมีปัญหาเรื่องเข้าสังคม จึงเป็นที่มาของการพัฒนาหลักสูตรนี้ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2544 ถึงปัจจุบัน ระยะเวลายาวนานถึง 20 ปี โครงการนี้จึงเป็นการนำความรู้ทางวิชาการและการปฏิบัติจริงมาพัฒนาเป็นหลักสูตรออนไลน์ ให้เหมาะสมสำหรับผู้ปกครองอายุ 25-50 ปี ที่ต้องการศึกษาวิธีเลี้ยงลูกที่ถูกต้องผ่านพฤติกรรมและคำพูดเชิงบวก

"เนื้อหาแต่ละบทเรียน จะสอนเทคนิคต่างๆ เช่น ลูกไม่ทำการบ้าน ไม่มีสมาธิเรียน ทะเลาะกัน และไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ต้องใช้วิธีจัดการหรือใช้คำพูดกับเด็กอย่างไรให้เหมาะสม โดยที่ทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง และเด็ก จะไม่บอบช้ำทางจิตใจ สำหรับพ่อแม่ที่สนใจหลักสูตรเลี้ยงลูกออนไลน์มีคอร์ส 2 รูปแบบ ได้แก่ คอร์สเร่งรัด เหมาะกับคนที่มีพื้นฐานจิตวิทยาการเลี้ยงลูก ไม่ค่อยมีเวลา อยากเรียนรู้เทคนิคบางอย่าง และ คอร์สจัดเต็ม เหมาะกับคนที่ต้องการเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้นในการปรับพฤติกรรมเด็กทั้งการสื่อสาร จับอารมณ์ สะท้อนความรู้สึก เทคนิคการชม ให้รางวัล ลงโทษ ฯลฯ สามารถเข้าไปสมัครได้ที่เว็บไซต์ www.netpama.com ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย" รศ.นพ.ชาญวิทย์ กล่าว



นางสาวณัฐพร พีรพุทธรางกูร ผู้ปกครองที่เข้าร่วมหลักสูตรออนไลน์ที่เข้าร่วมสอนเทคนิคในการปรับพฤติกรรมเชิงบวกเด็กกับ www.netpama.com กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมลงทะเบียนเรียน เพราะต้องการมีองค์ความรู้เรื่อง 'จิตวิทยาเด็ก' เพื่อนำไปใช้กับลูกในชีวิตประจำวัน จึงเลือกสมัครคอร์สแบบจัดเต็ม 6 บทเรียน โดยเนื้อหาเรียนทำให้ได้รู้วิธีการและเทคนิคเชิงบวกในการดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหลังจากเรียนนอกจากได้รับประกาศนียบัตรและคะแนนสะสมเพื่อใช้เป็นสิทธิพิเศษในการปรึกษาจิตแพทย์เด็ก วัยรุ่น และนักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กแล้ว แล้วยังสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้เลี้ยงลูกในระยะยาวได้ ทั้งการสานสัมพันธ์ในครอบครัว การใช้คำพูดและคำชมเชิงบวก รวมถึงวิธีการให้รางวัลและลงโทษที่เหมาะสม และหลังจากนำมาใช้ในการเลี้ยงลูกพบว่า เด็กมีเหตุผล เชื่อฟัง มีความรับผิดชอบมากขึ้น และทำให้ตัวเองในฐานะผู้ปกครองก็ได้มีมุมมองการเลี้ยงลูกแบบใหม่คือ เลิกคาดหวังกับลูก ไม่กดดันในสิ่งที่เด็กไม่ชอบ เพื่อให้เขาเติบโตอย่างมีความสุข ควบคู่กับการมีสุขภาวะที่ดี
#3433


นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลางเปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยังมีแนวโน้มไม่ลดลงและยังมีการระบาดในวงกว้าง ซึ่งคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้มีมติให้ปรับเพิ่มมาตรการและการจัดการขององค์กร โดยกำหนดมาตรการองค์กรสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้เน้นการทำงานนอกสถานที่ (Work from home) อย่างต่อเนื่อง หากจำเป็นต้องมาปฏิบัติงานให้มีการคัดกรองด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ทุกสัปดาห์ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่จำเป็นต้องมาปฏิบัติงาน ต้องมีการตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ ATK ก่อนเข้ามาปฏิบัติงานที่ส่วนราชการ ตามมาตรการที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กำหนด

กรมบัญชีกลางจึงขอซ้อมความเข้าใจว่า การเบิกจ่ายค่าชุดตรวจ ATK สำหรับเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดดังกล่าว เป็นการเบิกจ่ายค่าวัสดุตามนัยระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการ พ.ศ. 2553 ข้อ 17 ซึ่งหัวหน้าส่วนราชการสามารถพิจารณาอนุมัติให้เบิกจ่ายค่าชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen test self-test kits) ได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น เหมาะสม ประหยัด และเพื่อประโยชน์ของทางราชการ

ทั้งนี้ ขอให้ส่วนราชการดำเนินการควบคุมให้มีการเบิกจ่ายค่าชุดตรวจ ATK ให้สอดคล้องกับจำนวนเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงานตามจริงด้วย

สำหรับการจัดซื้อจัดจ้างชุดตรวจ ATK สำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคโควิด-19 คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 115 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2563 เรื่อง การดำเนินการกรณีจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาหรืออุปกรณ์การแพทย์ หรือการจัดจ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID – 19)) การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคโควิด-19 ในแต่ละครั้งทุกวงเงิน ถือเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน จึงยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ​โดยวิธีเฉพาะเจาะจง วงเงินการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่ทำข้อตกลงเป็นหนังสือ และวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างในการแต่งตั้งผู้ตรวจรับพัสดุ พ.ศ. 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ที่เกี่ยวข้อง โดยให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการโดยวิธีเฉพาะเจาะจง ตามข้อ 79 วรรคสอง แห่งระเบียบฯ และให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่รับผิดชอบในการปฏิบัติงานนั้นดำเนินการไปก่อนแล้วรีบรายงานขอความเห็นชอบต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ และเมื่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐให้ความเห็นชอบแล้วให้ถือว่ารายงานดังกล่าวเป็นหลักฐานการตรวจรับโดยอนุโลม และการดำเนินการดังกล่าว หากมีความจำเป็นจะต้องจ่ายเงินค่าพัสดุล่วงหน้าให้แก่ผู้ขายหรือผู้รับจ้าง ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบฯ ข้อ 89 (4) โดยให้จ่ายได้ตามเงื่อนไขที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างกำหนด และยกเว้นการวางหลักประกันการรับเงินล่วงหน้าตามระเบียบฯ ข้อ 91 วรรคสอง ดังนั้น หน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการตามหนังสือเวียนฉบับดังกล่าวได้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง หมายเลข 02 270 6400 ในวัน เวลาราชการ
#3434


ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันศุกร์ (20ส.ค.)ร่วง 1.37 ดอลลาร์ ปรับตัวร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 7 จากพิษเดลตา

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ราคา 62.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลง 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ราคา 65.18 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิ่งลง ท่ามกลางความกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ทั้งนี้ ดอลลาร์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ขานรับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในปีนี้

นักวิเคราะห์เตือนว่าการร่วงลงของราคาน้ำมันทะลุระดับ 65 ดอลลาร์ จะส่งผลให้ราคาไหลลงต่อไปในช่วง 57-65 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงการปรับตัวของราคาน้ำมันในไตรมาส 2

กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ได้เทขายสัญญาน้ำมันในสัปดาห์ที่แล้วเป็นสัปดาห์ที่ 6 ในรอบ 8 สัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีน ยุโรป และอเมริกาเหนือจะส่งผลกระทบต่อการสัญจรทางอากาศ

สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ออกรายงานเตือนว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะฉุดความต้องการใช้น้ำมันลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ไออีเอได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2564 ลงสู่ระดับ 5.3 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 5.4 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ดี ไออีเอ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2565 สู่ระดับ 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 3 ล้านบาร์เรล/วัน
#3435


นายศรุต สุทธิอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช เปิดเผยว่า จากแนวทางนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยการนำนวัตกรรม/เทคโนโลยีในภาคเกษตรกรรมของประเทศและของโลก มาถ่ายทอดให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจเพื่อนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งการผลิตและการต่อยอดงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร จึงได้ร่วมกับสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย และ ครอปไลฟ์ เอเชีย จัดการฝึกอบรมหลักสูตร "การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ทางการเกษตร (UAV) และ การประมวลผลภาพ (Image processing)" ขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจในกฎระเบียบของเทคโนโลยี UAV ทางการเกษตรในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้องและปลอดภัยในระดับสากล โดยหลักสูตรการฝึกอบรมให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมใน 4 หัวข้อหลัก ได้แก่

- การศึกษาข้อบังคับและกฎหมายของการใช้โดรน ผู้ใช้โดรนจะได้ทราบขั้นตอนและวิธีการขึ้นทะเบียนโดรนเกษตร การขออนุญาตใช้คลื่นความถี่สำหรับอากาศยานไร้คนขับ และพ.ร.บ.วัตถุอันตรายทางการเกษตร

- การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Image Processing กับงานด้านอารักขาพืช เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชด้วยการใช้โดรนทางการเกษตร กรณีการศึกษาการเข้าทำลายของไรแดงแอฟริกันในทุเรียน ที่ถูกยกเป็นกรณีศึกษาให้ผู้เข้าอบรม

- การใช้งานและการประยุกต์ใช้ UAV ทางการเกษตร โดยการวางกฎระเบียบการใช้ โดรนด้านการเกษตร แลกเปลี่ยนมุมมองภาคอุตสาหกรรมต่อการพัฒนาโดรน และการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยจากประสบการณ์จริง

- การศึกษาเทคนิคการพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชด้วยโดรนการเกษตร เพื่อเป็นอาวุธลับให้เกษตรกรและผู้ใช้โดรน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย



อากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV เข้ามามีบทบาททางการเกษตรในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เป็นเครื่องมือที่เกษตรกร หรือนักวิจัย ใช้ในกระบวนการการผลิตและวิจัย เพื่อรองรับการขับเคลื่อนภาคการเกษตรของประเทศไทย ในยุคที่เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเข้ามาสร้างตลาดและมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร กรมวิชาการเกษตรพยายามขับเคลื่อนนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาภาคการเกษตร อาทิการใช้เซนเซอร์ชนิดต่างๆ เช่น กล้อง RGB กล้อง MULTISPECTRAL เซนเซอร์ตรวจวัดสภาพแวดล้อม ตรวจวัดดิน/น้ำ พร้อมทั้งปรับรูปแบบของการบันทึกและการจัดเก็บข้อมูล ให้อยู่ในรูปแบบของ Digital Data บน Platform เดียวกัน เพื่อการเชื่อมโยงงานด้านการเกษตรเข้ากับงานด้านไอที และเครื่องจักรกลการเกษตร นำไปสู่การประมวลผลและสั่งการการทำงานของอุปกรณ์/เครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งการอบรมครั้งนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Digital Transformation จากภาคการเกษตร สำหรับการเตรียมความพร้อมของนักวิจัย เกษตรกร ผู้ประกอบการ ในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยให้มีศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก นายศรุต กล่าวสรุป



ด้าน นาย เจอริโก เบอนาบี แกสกอน นายกสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ เป็นที่ทำกินของคนในประเทศ และเป็นหัวใจหรือหลอดเลือดของเกษตรกร จากอดีตจนถึงปัจจุบันเกษตรกรมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากมาย มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เป็นตัวช่วยให้การทำงานรวดเร็ว และสะดวกสบายมากยิ่ง จวบจนปัจจุบัน "โดรน" หรือ อากาศยานไร้คนขับ เป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมในภาคอุตสาหกรรมเกษตร มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาผสมกับโลกการผลิตให้เป็นจริงในระดับประเทศ ในยุคของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดรนกลายเป็นกุญแจสำคัญที่สามารถนำประโยชน์มาสู่เกษตรกรอย่างมากมาย เช่น การประหยัดแรงงาน ลดการสัมผัสของผู้ปฏิบัติงาน ลดต้นทุนของเกษตรกร มีความคุ้มทุน คล่องตัว รวดเร็ว ประหยัดเวลา รวมทั้งมีความแม่นยำและลดความสูญเสียได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนทำให้ผลผลิตของเกษตรกรมีคุณภาพ สามารถสร้างรายได้ให้ผู้ใช้โดรนอีกด้วย และในอนาคต "โดรน" อาจเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญของเกษตรกรไทย ที่ทำให้ทุกคนให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีนี้จะใช้งานได้อย่างมีความรับผิดชอบและมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เป้าหมายในการฝึกอบรมดังกล่าว คือ ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบและการขึ้นทะเบียน ความปลอดภัย ตลอดจนการนำเทคโนโลยี และภาควิชาการของโดรนทางการเกษตรไปใช้ในทุกแง่มุม จำเป็นต้องเกิดจากความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ครอปไลฟ์ เอเชีย กำลังผนึกกำลังกับรัฐบาลทั่วเอเชีย ในการเพิ่มความรู้และความเข้าใจในเทคโนโลยีทางการเกษตร ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นในการสานต่อความร่วมมือกับรัฐบาลไทยและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีโดรนให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เกษตรกร รวมทั้งนักศึกษาหรือผู้ว่างงานได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถเสริมสร้างอาชีพ เกิดรายได้ พร้อมก้าวเข้าสู่การเป็น "เกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture)" อย่างมีประสิทธิภาพได้ในวงกว้าง นาย เจอริโก กล่าวทิ้งท้าย



สำหรับผู้สนใจหลักสูตร "การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรนทางการเกษตร (UAV)" รวมถึงการขอข้อมูลเกี่ยวกับโดรนทางการเกษตรในงานด้านอารักขาพืช สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานวิจัยการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช กลุ่มกีฏและสัตววิทยา สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร โทร 02-579-4115, 02-579-1061 ต่อ 162 หรือ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https:// web.facebook.com/PATRS.DOA/ และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https:// www.facebook.com/taitacroplifethailand
#3436


เว็บไซต์นิคเคอิ เอเชีย รายงานวันนี้ (19 ส.ค.) ว่า โตโยต้า ผู้ผลิตรถรายใหญ่ที่สุดในโลก มีแผนผลิตรถ 5 แสนคันในเดือนหน้า ลดลงจากแผนเดิมซึ่งอยู่ที่ 9 แสนคัน

รายงานระบุด้วยว่า ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. เป็นต้นไป โตโยต้าจะระงับการดำเนินงานในโรงงานหลายแห่งในญี่ปุ่น และลดขนาดการผลิตลงในอเมริกาเหนือ จีน และยุโรป

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ "เดลตา" ที่รวดเร็วและรุนแรงขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังส่งผลกระทบต่อการจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ของโตโยต้าด้วย

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

หลังมีรายงานของนิคเคอิ ปรากฏว่า ราคาหุ้นของโตโยต้าปิดตลาดวันนี้ ร่วงลง 4.42% มาอยู่ที่ 9,295 เยน


อย่างไรก็ตาม โตโยต้ายังไม่แสดงความคิดเห็นต่อรายงานนี้

ก่อนหน้านี้ บรรดาคู่แข่งของค่ายรถยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น จำเป็นต้องชะลอหรือระงับการผลิตรถชั่วคราว เนื่องจากขาดแคลนชิพ ซึ่งไมโครชิพเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับระบบไฟฟ้าในรถรุ่นใหม่ และประสบปัญหาขาดแคลนมาตั้งแต่สิ้นปีที่แล้ว

เดิมนั้น ปัญหาขาดแคลนชิพและปัญหาด้านซัพพลายเชนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้โรงงานหลายแห่งในญี่ปุ่นของโตโยต้าต้องระงับการดำเนินงานไปก่อนแล้ว

ต้นเดือนนี้ โตโยต้ารายงานว่า มีผลกำไรสุทธิในไตรมาสแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลจากยอดขายรถอันแข็งแกร่งหลังฟื้นตัวจากวิกฤติโควิดได้
#3437


มาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม ม.40 ม.39 ลูกจ้าง-นายจ้าง ม.33 มีรายละเอียดความคืบหน้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ เสนออนุมัติวงเงิน 33,471 ล้านบาท เนื่องจากการประกาศเพิ่มจำนวนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จาก 13 จังหวัด ก่อนจะเพิ่มอีก 16 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด

โดยกรอบการเยียวยาที่จะนำไปจ่ายให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 ซึ่งเป็นแรงงานอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ สัญชาติไทย รายละ 5,000 บาท โดยโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน โดยใน 29 จังหวัด แบ่งออกเป็นผู้ประกันตน ม.39 จำนวน 1.4 ล้านคน และม.40 จำนวน 5.25 ล้านคน รวมทั้งสิ้น 6,694,200 คน

ขณะที่ กลุ่มผู้ประกันตน ม.39 และม.40 ใน 13 จังหวัด จะได้รับเงินเยียวยารวม 2 เดือน โดย ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานไปทำรายละเอียดที่จะได้อีก 1 เดือน เสนอต่อการประชุมครม. ครั้งต่อไป

โดยตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคมที่จะจ่ายให้แต่ละกลุ่มจะมีรายละเอียด และเงื่อนไขการจ่ายเงินแตกต่างกัน ดังนี้

ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ 16 จังหวัดประกอบด้วย กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี อ่างทอง นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี ระยอง สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ ตาก มีอยู่ราว 3-4 แสนราย

ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 13 จังหวัดประกอบด้วย กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา (บางส่วนที่ชำระเงินสมทบก่อนวันที่ 3 ส.ค.64 ) จำนวน 4.2 ล้านราย

ผู้ประกันตนมาตรา 39 และ 40 ใน 16 จังหวัดประกอบด้วย กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี อ่างทอง นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี ระยอง สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ ตาก

ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์เงินเยียวยาประกันสังคม 

1.เข้าเว็บไซต์ www.sso.go.th หรือ คลิกที่นี่ 

2.เลือกตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนตามกลุ่มของตน คือ 

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่ 

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยานายจ้าง สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

- ตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

- ตรวจสอบสถานะสิทธิ์โครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 สามารถตรวจสอบสิทธิได้ ที่นี่

3.กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และกรอกรหัสให้ตรงตามรูปที่กำหนด

4.จากนั้นกดค้นหา

5.ระบบจะแสดงผลการค้นหา พร้อมระบุจะอัปเดตข้อมูลล่าสุด ตามวันเวลาที่กำหนดอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

'ประกันสังคม' ม.33 ม.39 ม.40 เช็คที่นี่วิธีผูกพร้อมเพย์รอเงินเยียวยาเข้า 5 พัน
เช็คเงิน 'เยียวยาประกันสังคม' ม.33 โอนเงิน 2,500 บาท พื้นที่สีแดงเข้ม 16 จังหวัด

ส่วนสาเหตุ ที่ตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม เข้าไปตรวจสอบในระบบ แต่กลับพบว่า ไม่ได้รับสิทธิ อาจจะมีสาเหตุ มาจาก ชื่อหรือนามสกุล ในระบบผู้ประกันตนมีตัวสะกดไม่ตรงกับบัตรประชาชน เพราะผู้ประกันตนอาจมีการเปลี่ยนชื่อภายหลัง หรือตอนสมัครมีการสะกดผิด สามารถเข้าระบบสมาชิกผู้ประกันตนได้ ที่นี่

ขณะเดียวกัน ล่าสุด ธนาคารกรุงไทย แจ้งผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 โอน เงินเยียวยา ผ่านพร้อมเพย์ด้วยบัตรประชาชน ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งหมด 29 จังหวัด เริ่ม 23 ส.ค. 64

สมัครพร้อมเพย์ผ่านแอปฯ KrungthaiNEXT หรือตู้ ATM/ATM+

วิธีการสมัคร

1. เลือกเมนู พร้อมเพย์
2. เลือกหมายเลข ที่ต้องการสมัคร พร้อมเพย์ รับเงินจากภาครัฐต้องผูกกับ หมายเลขบัตรประชาชนเท่านั้น
3. อ่านข้อกำหนดและ เงื่อนไข พร้อมทำ เครื่องหมายและ กด ยอมรับ
4. เลือกบัญชีที่ต้องการ ผูกกับหมายเลข พร้อมเพย์
5. ตรวจสอบ และ ยืนยันข้อมูล
6. สมัครสำเร็จ

โดยรายละเอียดการตรวจสอบสิทธิ์ www.sso.go.th เงินเยียวยาประกันสังคม สามารถแยกรายละเอียดได้ดังนี้ 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 2,500 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 20 ส.ค.64 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 23 ส.ค.64 

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 24 -26 ส.ค.64 โอนละวันละ 1.5 ล้านราย

เงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 และ 40 จำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน วันที่ 27 ส.ค.64
#3438


นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน6 เดือนแรกปี 2564  มีกำไรสุทธิ183.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 191.74%  และมีรายได้ 826.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

สาเหตุหลักมาจากในปีนี้บริษัทจัดตั้งกองทุนรวมใหม่จำนวน 10 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(AUM) 8,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น314.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 998.4%

โดยมีกองทุนที่โดดเด่น ที่เป็นกองทุนยอดนิยม คือ MRENEW กองทุนพลังงานทดแทนกองแรกในไทย, M-EM กองทุนตลาดเกิดใหม่, MFTECH กองทุนฟินเทค, MEURO กองทุนหุ้นยุโรป, MCHINA กองทุนหุ้นจีน A-shares, MGF กองทุนหุ้นเติบโตคุณภาพดีทั่วโลก และ MMPLUS กองทุนตราสารหนี้ เป็นต้น

และปัจจัยจากการปรับขยายช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 31.55 % และมีอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวมเท่ากับ 22.21 %


พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้รับงานบริหารการลงทุน 2 แห่ง โดยเป็น "ผู้จัดการกองทรัสต์โรงพยาบาลรายแรกในไทย" และ "ทรัสตีรายแรกของกองโทเคน" ดังนั้นบริษัทตั้งเป้าขยายทีมงานและพัฒนาทักษะการดำเนินงานของทุกภาคฝ่าย ให้มีความพร้อมและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมรับการเข้าบริหารงานกองทุนในโครงการใหม่ๆที่กำลังจะมีเข้ามาในอนาคต

นายธนโชติ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเข้ารับหน้าที่เป็น "ผู้จัดการกองทรัสต์" โดยยื่นไฟล์ลิ่งขอจัดตั้งและเสนอขายกองทรัสต์โรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทยคือ "ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก" หรือ "Bangpakok Hospital Group Leasehold Real Estate Investment Trust" (ชื่อย่อหลักทรัพย์ BHGRT) คาดว่ามีมูลค่าเข้าลงทุนครั้งแรกไม่เกิน 5,200 ล้านบาท

โดยจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโครงการโรงพยาบาลบางปะกอก1 (BPK 1) และโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล (BPK 9) รวมถึงระบบสาธารณูปโภค งานระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนควบของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินกิจการใน

สำหรับโครงการดังกล่าว มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เป็นทรัสตี และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การเข้าเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ BHGRT นั้นจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายของประเภททรัพย์สินที่ MFC บริหารจัดการ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและเพิ่มโอกาสในการเป็นผู้จัดการกองท

อีกทั้งบริษัทยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ทรัสตี ในโครงการ "โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ" หรือ "SiriHub Investment Token"มีหน้าที่จัดการกองทรัสต์ และติดตาม ดูแลการบริหารจัดการทรัพย์สินของผู้ออกโทเคนดิจิทัล ซึ่ง MFC เป็นทรัสตีรายแรกของไทย ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้ประกอบธุรกิจการเป็นทรัสตีของทรัสต์สำหรับธุรกรรมการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 24มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา

ด้าน "สิริฮับ" เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่อ้างอิงกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate-backed ICO) รายแรกในไทย ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่  29กรกฎาคม 2564 มีมูลค่าการเสนอขาย 2,400 ล้านบาท

จุดประสงค์เพื่อกระจายโอกาสให้นักลงทุนทุกกลุ่มสามารถลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพและมีมูลค่าสูงได้ โดยมีกลไกการคุ้มครองนักลงทุนในทุกขั้นตอน ปลอดภัยสูงบนเทคโนโลยีบล็อกเชน เนื่องจากในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับครั้งนี้ ถูกรองรับด้วยเทคโนโลยีระบบบล็อกเชน (Blockchain) ของเทโซส (Tezos) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ทันสมัยที่สุดถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการระดมทุนในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลที่มีสินทรัพย์อ้างอิงโดยเฉพาะ ยังเป็นการขยายช่องทางและโอกาสการเป็นทรัสตีในอนาคตอีกด้วย  
#3439


นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวจากอุปสงค์ที่ยังไม่ฟื้นตัวเนื่องจากตลาดยังคงกังวลกับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ที่ขยายวงกว้างทั่วโลก ส่งผลทำให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในบางประเทศปรับตัวลดลง โดยญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายจังหวัดครอบคลุมกว่า 70% ของประชากร ขณะที่จีนประกาศมาตรการจำกัดการเดินทางและยกเลิกเที่ยวบินแม้ว่าจะมีแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นหลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านเหรียญ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงความต้องการน้ำมันจากอินเดียที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด-19คลี่คลาย

ทั้งนี้ราคาน้ำมันตลาดโลก (วันที่ 9 – 15 สิงหาคม 2564) ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 69.79 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 68.31 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.39 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 1.16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งนักลงทุนวิตกว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน 2564 ความต้องการใช้น้ำมันยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดลดลงจากระดับ 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน ไปอยู่ที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรล/วัน และยังคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้นตามอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น อีกทั้ง สหรัฐฯ เรียกร้องให้กลุ่มโอเปกพลัสผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในระยะยาว เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเพื่อควบคุมราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 1 กันยายน 2564

ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชีย ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 82.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 80.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 81.16 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.32 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 1.52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 1.51 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 76.64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากอุปทานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ในภูมิภาคชะลอตัวลงตามฤดูกาล

นอกจากนี้ สนพ.ได้ติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว ในตลาดจร หรือ Spot LNG ช่วงระหว่างวันที่ 2 – 6 สิงหาคม 2564 พบว่าในสัปดาห์นี้เฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1.127 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู อยู่ที่ระดับ 16.316 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู จากผู้ซื้อรายใหญ่จากภูมิภาคเอเชียเหนือ มีความต้องการจัดหาเที่ยวเรือ Spot LNG เร่งด่วน (Prompt Spot cargo) จากความต้องการใช้ก๊าซในประเทศที่สูงขึ้น เช่น ประเทศจีนได้ออกประมูลจัดหาเที่ยวเรือ Spot LNG เร่งด่วนสำหรับส่งมอบเดือนสิงหาคม และผู้ซื้อจากประเทศเกาหลีใต้ได้ออกจัดหาเที่ยวเรือ Spot เช่นกันแต่เป็นสำหรับการส่งมอบในเดือนกันยายน เป็นต้น
#3440


บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องของการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้องและเหมาะสม และมีความมุ่งมั่นที่จะลดการใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงสัตว์ จึงนำนวัตกรรม "โพรไบโอติก" มาใช้ในอาหารสัตว์ เพราะเราเชื่อว่าเมื่อสัตว์แข็งแรง ผู้บริโภคก็จะได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย

เทรนด์รักสุขภาพและความปลอดภัยอาหารเป็นเรื่องที่ประชากรทั่วโลกให้ความใส่ใจมากยิ่งขึ้น จากผลสำรวจมุมมองผู้บริโภคทั่วโลก (Global Consumer Insights Survey) ประจำปี 2564 จำนวนทั้งสิ้น 8,700 ราย ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก PwC พบว่าเทรนด์สุขภาพและความปลอดภัยคือหนึ่งในประเด็นที่กำลังมาแรง ขณะเดียวกัน การมีสุขภาพแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญ ทำให้ไม่ต้องใช้ยารักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ซึ่งการสร้างสมดุลของเชื้อแบคทีเรียที่ลำไส้จะส่งผลดีต่อร่างกาย จึงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจ และเป็นที่มาของการศึกษาเรื่องโพรไบโอติกอย่างกว้างขวางทั้งในคน และในสัตว์



องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้ให้คำนิยาม โพรไบโอติก คือจุลินทรีย์มีชีวิต เมื่อใช้ในปริมาณที่เพียงพอเหมาะสมจะส่งผลดีต่อร่างกาย หากคนได้รับก็จะมีสุขภาพดี หรือสัตว์ได้รับก็จะมีสุขภาพดีเช่นเดียวกัน จึงมีการนำโพรไบโอติกมาใช้ในปศุสัตว์เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ

ดร.ไพรัตน์ ศรีชนะ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักวิชาการอาหารสัตว์ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ เริ่มการศึกษาเรื่องจุลินทรีย์โพรไบโอติกในไก่เนื้อ โดยเก็บเชื้อจากฟาร์มทั่วประเทศเพื่อศึกษาหน้าที่และประโยชน์ของจุลินทรีย์แต่ละชนิด หลังจากนั้นได้ขยายการศึกษาต่อในสุกร จนกระทั่งได้ข้อมูลที่สามารถสร้างฐานข้อมูลของจุลินทรีย์พื้นฐานได้ จึงพัฒนาร่วมกับสถาบันวิจัยระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญและได้ศึกษาเรื่องโพรไบโอติกมาเป็นระยะเวลานาน โดยการคัดโพรไบโอติกจาก 125,000 สายพันธุ์ นำมาสู้กับเชื้อโรคกว่า 1,200 ชนิดที่เก็บเชื้อมาจากฟาร์มทั่วประเทศ จนได้โพรไบโอติกที่แข็งแรงที่สุดเพียง 9 สายพันธุ์ จึงทำให้ไก่-หมูมีสุขภาพดี แข็งแรงตามธรรมชาติ ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งโต ตลอดการเลี้ยงดู ปลอดสาร ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง



สำหรับการนำโพรไบโอติกมาใช้ในปศุสัตว์มีประโยชน์หลายด้าน คือ 1) สามารถยับยั้งเชื้อก่อโรคที่พบในฟาร์ม 2) ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ให้ทำงานได้เร็วขึ้น 3) ประสิทธิภาพของสัตว์ในฝูงดีขึ้น เช่น ลูกไก่แรกเกิดจะมีจุลินทรีย์จากสิ่งแวดล้อม เช่น อีโคไล ซาโมเนลลา ซึ่งถือว่าเป็นชนิดที่ไม่มีประโยชน์ และใช้เวลา 2-3 สัปดาห์กว่าเชื้อเหล่านี้จะหมดไป ดังนั้น การนำโพรไบโอติกที่ถูกชนิดมาใช้อย่างเหมาะสมก็จะช่วยกำจัดเชื้อและลดระยะเวลาลงได้ 4) ช่วยย่อยกากใยที่ร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ 5) ลดปัญหาในด้านสิ่งแวดล้อมจากการใช้ยาได้อย่างยั่งยืน

ซีพีเอฟได้นำนวัตกรรมและทำการวิจัยพัฒนาตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่อาหารสัตว์ ฟาร์ม ตลอดจนอาหาร รวมถึงแนวคิด "กินอาหารให้เป็นยา (Food as a Medicine)" เพื่อสอดรับกับนโยบายหลักสวัสดิภาพสัตว์ พร้อมทั้งมุ่งมั่นผลิตอาหารปลอดภัย มีคุณภาพอย่างยั่งยืน