• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jessicas

#3481


ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประกาศขยายระยะเวลาลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือผ่าน 6 มาตรการ ดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในโครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ครอบคลุมทั้งมาตรการแบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้น ตัดดอกเบี้ย) พักชำระเงินต้นและจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่าน Application : GHB ALL หรือ GHB Buddy บน Application Line ได้ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 พร้อมประกาศปิดลงทะเบียนเข้ามาตรการที่ 15 และ 16 พักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ย เนื่องจากเต็มกรอบวงเงิน และตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนเข้ามาตรการ

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารได้ประกาศขยายระยะเวลาความช่วยเหลือลูกค้าที่อยู่ระหว่างการใช้มาตรการตาม "โครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ" ในมาตรการที่ 9, 10, 11, 11 New Entry, 13 และ 14 ให้ไปสิ้นสุดระยะเวลาความช่วยเหลือในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 โดยเปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขยายระยะเวลาความช่วยเหลือผ่าน Application : GHB ALL หรือ GHB Buddy บน Application Line ระหว่างวันที่ 1-29 กรกฎาคม 2564 และภายหลังครบกำหนดระยะเวลาลงทะเบียน พบว่ามีจำนวนลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์รวมกว่า 85,900 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 85,700 ล้านบาท แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบันยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูง ทำให้ภาครัฐยังคงยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารที่ได้รับผลกระทบ ธนาคารจึงได้ขยายระยะเวลาการลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อเข้ามาตรการ จำนวน 6 มาตรการ ผู้มีสิทธิ์เข้ามาตรการยังขยายให้ครอบคลุมทั้งลูกค้าเดิมที่อยู่ในมาตรการ และลูกค้าที่ยังไม่ได้อยู่ในมาตรการ โดยต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ หรือการค้า เนื่องจาก COVID-19 และไม่สามารถผ่อนชำระเงินงวดให้ธนาคารได้ตามสัญญาเงินกู้



สำหรับรายละเอียดของมาตรการ ดังนี้

มาตรการที่ 9, 10, 11 และ 11 New Entry : แบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้น ตัดดอกเบี้ย) เหลือ 25% หรือ 50% หรือ 75% ของเงินงวดผ่อนชำระในปัจจุบัน โดยทั้ง 4 มาตรการ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ สถานะ NPL และลูกหนี้สถานะ NPL ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ และต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ หรือการค้า เนื่องจาก COVID-19 และไม่สามารถผ่อนชำระเงินงวดให้ธนาคารได้ตามสัญญาเงินกู้

มาตรการที่ 13 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ (ไม่เป็น NPL ไม่อยู่ขั้นตอนของกฎหมาย และไม่อยู่ระหว่างทำข้อตกลงประนอมหนี้) และต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ หรือการค้า เนื่องจาก COVID-19 และไม่สามารถผ่อนชำระเงินงวดให้ธนาคารได้ตามสัญญาเงินกู้

มาตรการที่ 14 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน พร้อมลดดอกเบี้ยลงเหลือ 3.90% ต่อปี สำหรับลูกหนี้ที่สถานะ NPL และลูกหนี้ NPL ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ และต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ หรือการค้า เนื่องจาก COVID-19 และไม่สามารถผ่อนชำระเงินงวดให้ธนาคารได้ตามข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ หรือตามคำพิพากษา

ทั้งนี้ มาตรการที่ 9, 11, 11 New Entry และ 13 ธนาคารขยายระยะเวลาให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ได้ถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2564 สำหรับมาตรการที่ 10 และ 14 จะขยายถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2564

โดยทุกมาตรการข้างต้นจะได้รับความช่วยเหลือไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และภายในเดือนตุลาคม 2564 ธนาคารจะทำการสำรวจความประสงค์ของลูกค้าอีกครั้งว่าต้องการรับความช่วยเหลือต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 หรือไม่ และสำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์เข้ามาตรการจะต้อง Upload หลักฐานยืนยันว่าได้รับผลกระทบทางรายได้ผ่านทาง Application : GHB ALL และ GHB Buddy ให้ธนาคารพิจารณา โดยสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่าน Application : GHB ALL หรือ GHB Buddy บน Application Line ได้ในวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30-15.00 น. เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ส่วนกรณีที่ลูกค้าไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถกรอกข้อมูลเพื่อแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือตามมาตรการได้ที่ www.ghbank.co.th



ส่วนการพักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2564 ในมาตรการที่ 15 สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ ไม่อยู่ระหว่างการประนอมหนี้หรือสถานะกฎหมาย และมาตรการที่ 16 สำหรับลูกหนี้ที่มีสถานะ NPL (ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน) หรืออยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ล่าสุด ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 มีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ทั้ง 2 มาตรการเป็นจำนวนรวม 90,800 บัญชี เงินต้นคงเหลือรวม 101,000 ล้านบาท และสูงกว่ากรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนดไว้ที่ 100,000 ล้านบาท ดังนั้น ธนาคารจึงขอแจ้ง ปิดลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 15 และ 16 เนื่องจากมีลูกค้าลงทะเบียนเต็มกรอบวงเงิน และทำการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ลงทะเบียนเข้ามาตรการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป โดยธนาคารจะประกาศวันที่เปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มเติมอีกครั้งให้ทราบในภายหลังต่อไป

ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th, Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ Application : GHB ALL
#3482



สงครามต่อสู้กับโควิด-19 เปลี่ยนไป สืบเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก จากคำกล่าวของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) ส่งสารอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการบังคับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขฉีดวัคซีนและกลับมาสวมหน้ากากโดยทั่วไป ท่ามกลางข้อมูลที่พบว่ามีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ(breakthrough cases) จำนวนมาก ในนั้นติดเชื้ออาการหนักและเสียชีวิตแล้วกว่า 6,500 ราย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงเอกสารภายในของซีดีซีระบุว่าตัวกลายพันธุ์เดลตา ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดียและตอนนี้กลายเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลก สามารถติดต่อได้ง่ายพอ ๆ กับ โรคอีสุกอีใส และสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วและง่ายกว่าไข้หวัด มันสามารถแพร่กระจายเชื้อได้แม้กระทั่งจากคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว และอาจเป็นต้นตอของอาการป่วยหนักกว่าสายพันธุ์อื่นๆก่อนหน้านี้

เอกสารที่มีชื่อว่า "ปรับปรุงการสื่อสารเกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อและประสิทธิภาพของวัคซีน (Improving communications around vaccine breakthrough and vaccine effectiveness)" ระบุว่าด้วยตัวกลายพันธุ์นี้ จำเป็นต้องใช้แนวทางใหม่เพื่อช่วยให้ประชาชนตระหนักถึงอันตราย ในนั้นรวมถึงส่งสารอย่างชัดเจนว่าบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีนมีโอกาสป่วยหนักหรือเสียชีวิตมากกว่าคนที่ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 10 เท่า

"ยอมรับว่าสงครามเปลี่ยนไปแล้ว" เอกสารระบุ "ปรับปรุงการสื่อสารเกี่ยวกับความเสี่ยงรายบุคคลในหมู่คนฉีดวัคซีนแล้ว"

ในคำแนะนำด้านมาตรการป้องกันไว้ก่อนต่างๆนานานั้น รวมไปถึงการบังคับฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกอบอาชีพด้านสาธารณสุข เพื่อปกป้องกลุ่มคนอ่อนแอ และหวนกลับมาสวมหน้ากากป้องกันโดยทั่วไป

ซีดีซียอมรับว่าเอกสารฉบับนี้เป็นของจริง หลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์นำเสนอรายงานข่าวนี้เป็นแห่งแรก

แม้คนที่ฉีดวัคซีนแล้วมีความเป็นไปได้น้อยที่จะติดเชื้อ แต่ครั้งที่พวกเขาติดเชื้อตัวกลายพันธุ์เดลตาในลักษณะ breakthrough cases เวลานี้พวกเขาก็เหมือนๆกับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ที่สามารถแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆได้เช่นกัน ซึ่งต่างจากตัวกลายพันธุ์อื่นๆก่อนหน้านี้

กรณีนี้นับว่าน่ากังวลมาก เพราะผู้ที่ได้รับวีคซีนแล้วติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา คือกลุ่มที่เป็นตัวแปรสำคัญในการแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แล้วได้รับเชื้อจากคนกลุ่มนี้ ยิ่งเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรง

เมื่อวันศุกร์(30ก.ค.) ซีดีซีเผยแพร่ข้อมูลจากผลการวิจัยหนึ่งซึ่งศึกษาการแพร่ระบาดในรัฐแมสซาชูเซตส์ พบว่า 3 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อ เป็นกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการตัดสินใจของซีดีซีเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่แนะนำให้บุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้วกลับมาสวมหน้ากากในบางสถานการณ์ จากการเปิดเผยของโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี

ซีดีซีรายงานว่าจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม มีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ(breakthrough cases)อาการหนักหรือเสียชีวิต 6,587 ราย ในขณะที่ซีดีซีหยุดรายงานเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้ออาการเล็กๆน้อยๆมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม แต่ในรายงานล่าสุด พวกเขาประมาณการว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อแบบแสดงอาการราวๆ 35,000 รายต่อสัปดาห์ในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามตัวเลขของซีดีซียังชี้ให้เห็นว่า วัคซีนนั้นยังมีความสามารถในการป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยที่นายจอห์น มัวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากนิวยอร์ก กล่าวว่า "โดยรวมแล้ว โควิดสายพันธุ์เดลตานั้นคือสายพันธุ์ที่สร้างความลำบากให้เรามากที่สุดเท่าที่เห็นมา แต่ฟ้าก็ยังไม่ถล่มเสียทีเดียว และวัคซีนนั้นก็ยังสามารถป้องกันไม่ให้สถานการณ์มันแย่ไปมากกว่านี้"

เวลานี้มีประชากรวัยผู้ใหญ่สหรัฐฯเกือบ 1 ใน 3 ที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว แต่พื้นที่ต่างๆที่มีอัตราการฉีดวัคซีนระดับต่ำ พบเห็นเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่เกรงว่าอีกไม่นานจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตจำเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

นายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับสูงของสหรัฐฯ เปิดเผยกับรอยเตอร์ คาดหวังว่าวัคซีน ซึ่งเวลานี้เพิ่งอยู่ในขั้นได้รับอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉิน จะเริ่มได้รับอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบโดยสมบูรณ์ในเดือนสิงหาคม ซึ่งมันน่าจะช่วยโน้มน้าวให้ประชาชนเข้าฉีดวัคซีนกันมากขึ้น

(ที่มา:รอยเตอร์/วอชิงตันโพสต์) https:// m.mgronline.com/around/detail/9640000075092
#3483



นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การติดเชื่อโควิด 19 ที่เข้าขั้นวิกฤต มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากแต่ไม่มีสถานพยาบาลเพียงพอ ประชาชนที่ติดเชื้อจำนวนมาก ต้องรับการรักษาแบบ Home Isolation หรือ Community Isolation 

บริษัทฯ จึงขานรับประกาศของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรื่องการจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัส โควิด 19  ซึ่งมีการดูแลรักษาแบบ Home Isolation หรือการดูแลรักษาแบบ Community Isolation โดยยืนยันที่จะให้ความคุ้มครองผู้ถือกรมธรรม์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพของอลิอันซ์ อยุธยา เมื่อติดเชื้อโควิด 19 และรับการรักษาแบบ Home Isolation หรือ Community Isolation โดยความคุ้มครองจะเป็นไปตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และไม่เกินจำนวนผลประโยชน์สำหรับ ค่าใช้จ่าย ซึ่งเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ประกันภัยของลูกค้า

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงให้ความคุ้มครองลูกค้าตามปกติ กรณีลูกค้าติดเชื้อและเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งครอบคลุมการรักษาทั้งในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (hospitel) ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้จ่ายเคลมตามกรมธรรม์จากสถานกาณณ์โควิด 19 ไปแล้ว กว่า 2,500 เคส ยอดเคลมกว่า 157  ล้านบาท

"อลิอันซ์ อยุธยา ยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าคนไทย พร้อมที่จะให้ความคุ้มครองตามคำมั่นสัญญา และเป็นอีกแรงขับเคลื่อนของสังคมไทย ที่จะจับมือทุกฝ่ายก้าวผ่านสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน" 
#3484



รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้ง ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงต่อเนื่อง ล่าสุดวันที่31 ก.ค.ติดเชื้อเพิ่ม18,912 ราย เสียชีวิต 178 ราย ขณะที่มาตรการตามข้อกำหนดฉบับที่28 ให้มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่20 ก.ค.จะครบเวลาประเมินสถานการณ์อย่างน้อย14 วัน ตามประกาศ ในวันที่2 ส.ค.นี้ 

 ในวันที่1 ส.ค.นี้ เวลา13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(โควิด-19)หรือศบค. จะเป็นประธานประชุมศบค. ครั้งที่11/2564 ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ผ่านระบบซูมจากบ้านพักกรมทหารราบที่1 


โดยจะพิจารณาวาระต่างๆ และมาตรการที่ประกาศตามข้อกำหนด ฉบับที่28 ที่มีผลบังคับใช้มาแต่วันที่20 ก.ค.โดยเฉพาะการล็อกดาวน์ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ที่จะยังคงมาตรการไว้ต่อเนื่องไประยะเวลาหนึ่ง ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอ หากล็อกดาวน์เข้มข้นและมีประสิทธิภาพจะลดจำนวนการติดเชื้อลงได้ หากไม่ล็อกดาวน์ตัวเลขจะยิ่งพุ่งสูงขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีหารือปรับระดับพื้นที่จ.สีแดงเข้ม เพิ่มเติมหลังพบว่าหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากการเดินกลับภูมิลำเนา


รวมถึงจะพิจารณาผ่อนปรนบางมาตรการ เช่น ขายอาหารในห้างสรรพสินค้า ให้ขายแบบเดลิเวอรี่สั่งกลับบ้านเท่านั้น โดยจะเข้มงวดมาตรการป้องกันส่วนบุคคลของพนักงานในครัวมากขึ้น นอกจากนั้นติดตามการจัดสรรวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มแรงงาน รวมถึงจัดสรรวัคซีนให้บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าและกลุ่มเป้าหมาย และการติดตามความคืบหน้าหลังการปรับแผนการฉีดวัคซีน
#3485



คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"

สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ยุคนี้อาจเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจที่ญี่ปุ่นมีนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกในวัยเพียงสิบกว่าขวบเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าทึ่งไม่แพ้กันก็คือญี่ปุ่นมีนักกีฬาผู้เฒ่าหลายคนที่ทุบสถิติโลกในการแข่งกีฬาผู้สูงอายุ รวมทั้งมีครูฝึกสูงวัยสุดฟิตเปรี๊ยะด้วยเช่นกัน วันนี้เลยมีเรื่องสองคุณยายจอมพลังแห่งญี่ปุ่นมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

คุณยายนักวิ่งลมกรด

หลายคนอาจเคยเห็นภาพคุณยายใส่ชุดนักกีฬาวิ่งอยู่ในสนามแข่งกันมาบ้าง เธอชื่อ โมริตะ มิสึ ปัจจุบันอายุ 98 ปี เคยทำลายสถิติการวิ่งระยะสั้นมาแล้วมากมายทั้งในญี่ปุ่นและนานาชาติตั้งแต่วัย 80 เป็นต้นมา ได้รับเหรียญมาแล้วกว่า 350 เหรียญ รวมทั้งโล่และถ้วยกว่า 50 ชิ้น

ตอนอายุ 90 ปีคุณยายโมริตะทำลายสถิติวิ่ง 100 เมตรในการแข่งกรีฑาผู้สูงอายุญี่ปุ่นกลุ่มผู้หญิงวัย 90-94 ปีอย่างขาดลอย โดยสถิติเดิมอยู่ที่ 50.90 วินาที แต่เธอทำได้ 23.80 วินาที ตอนนั้นเธอนึกเสียดายว่าอีกนิดเดียวก็จะทำลายสถิติโลกได้อยู่แล้ว เลยตั้งเป้าว่าคราวหน้าจะทำลายสถิติโลกให้ได้ และแล้วต่อมาเธอก็ทำลายสถิติโลกได้จริง ๆ ทั้งวิ่ง 100 เมตรที่ 23.15 วินาที และวิ่ง 200 เมตรที่ 55.62 วินาที

เห็นคุณยายโมริตะวิ่งทำลายสถิติแบบนี้ อาจจะคิดว่าคุณยายวิ่งเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ที่จริงเธอไม่เคยเล่นกรีฑามาก่อนเลยจนกระทั่งอายุ 69 ปี และการวิ่งแข่งครั้งแรกของเธอก็เกิดขึ้นเพราะสถานการณ์พาไปแท้ ๆ คือตอนนั้นเธอไปดูการแข่งกีฬาในท้องถิ่น แล้วพอดีว่าขาดผู้ลงแข่งวิ่งไปหนึ่งคนในกลุ่มอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป เธอเลยเข้าร่วมและได้ที่สอง ซึ่งตัวเธอเองก็ตกใจเหมือนกัน

จากนั้นมาคนรู้จักเลยชวนคุณยายให้ไปแข่งกรีฑาผู้สูงอายุ เธอจึงเข้าร่วมการวิ่ง 400 เมตรตอนอายุ 70 ปี แต่วิ่งไปไม่ถึงเส้นชัยเพราะหมดแรงเสียก่อน ด้วยความเจ็บใจตัวเองเธอเลยเริ่มฝึกอย่างจริงจัง ทุกเสาร์เธอจะฝึกร่วมกับเด็กประถม หนึ่งในการฝึกได้แก่การวิ่งลากล้อรถ โดยเอาเชือกผู้ยางล้อรถไว้แล้วเอาปลายเชือกอีกข้างผูกไว้กับเอว ส่วนเวลาอยู่บ้านก็วิ่งจากหน้าบ้านไปถึงห้องนั่งเล่นในระยะ 20 เมตร 6 รอบ โดยฝึกเอาท่วงท่าวิ่งที่ถูกต้องซึ่งจะช่วยให้วิ่งได้เร็ว ก่อนนอนก็ทำท่าปั่นจักรยานบนฟูก 300 ครั้งเพื่อให้ขาได้เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ

ที่คุณยายมีแรงเล่นกีฬาได้น่าจะเป็นเพราะปกติรับประทานโปรตีนเป็นหลักตั้งแต่มื้อเช้า ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมูแล่บางย่างกระทะ ไข่ดิบ นมสด คู่กับข้าวสวยและสลัด ถ้ามื้อเย็นมักรับประทานทั้งเนื้อสัตว์และเนื้อปลาควบคู่กันไปในมื้อเดียว ซึ่งผลการตรวจร่างกายของคุณยายพบว่าเธอมีมวลกล้ามเนื้อและมวลกระดูกเกินค่าเฉลี่ย มีปริมาณไขมันอยู่ที่ค่าเฉลี่ย เรียกได้ว่าเป็นร่างกายที่สมบูรณ์เอามาก ๆ และหาได้ยากในกลุ่มผู้สูงอายุเช่นนี้

หลังจากสามีเสียชีวิตไป คุณยายก็มีการวิ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยว เธอใช้ชีวิตอย่างร่าเริง มีเป้าหมาย และสนุกกับการวิ่งมาก จนถึงกับบอกว่าอยากจะวิ่งจนถึงอายุร้อยปีเลย เธอบอกว่า "การตั้งเป้าหมายแล้วทำให้สำเร็จได้เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก"

คุณยายครูฝึกฟิตเนส

มาดูเรื่องราวของคุณยายอีกท่านกันบ้าง หลายเดือนก่อนสามีฉันเรียกให้ดูคลิปวีดีโอคุณยายวัยเก้าสิบ ซึ่งเป็นครูฝึกสอนในฟิตเนส เห็นแล้วก็ตกใจในความทรงพลังของเธอจนรู้สึกอายตัวเองเลยค่ะ แม้พวกฉันจะเกิดหลังคุณยายหลายสิบปีและออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ก็ยังไม่แกร่งและเต็มไปด้วยพลังชีวิตเท่าเธอเลย

คุณยาย ทากิชิมะ มิกะ หรือชื่อเล่นว่า "ทากิมิกะ" เป็นครูฝึกฟิตเนสที่อายุมากที่สุดในญี่ปุ่น ปัจจุบันเธออายุ 90 ปีแล้ว แต่สามารถยกน้ำหนักได้ นั่งยืดขาออกด้านข้างได้เกือบ 180 องศา และออกกำลังแบบที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องได้ ที่จริงแต่ก่อนคุณยายทากิมิกะก็เป็นแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่ง เคยใส่กางเกงไซส์ใหญ่กว่าปัจจุบันเท่าหนึ่ง แต่ตอนนั้นไม่ยอมรับว่าตัวเองอ้วน จนวันหนึ่งสามีผู้แสนดีบอกตรง ๆ ว่าเธออ้วนนะ คุณยายคงช็อคเลยเริ่มออกกำลังกายจริงจังด้วยการไปฟิตเนส เวลานั้นเธออายุได้ 65 ปี พอเล่นฟิตเนสแล้วชอบก็เลยเล่นสม่ำเสมอ ผ่านไปห้าปีเธอลดน้ำหนักไปได้ 15 กิโล ความพยายามอย่างต่อเนื่องทำให้เธอประสบความสำเร็จเช่นนี้เอง

แม้จะผอมลงแล้ว แต่เธอก็ยังไปฟิตเนสไม่ได้ขาด อีกทั้งยังจ้างครูฝึกมาช่วยเทรนให้เธออยู่หลายปี จนครูฝึกเล็งเห็นแวว เลยจับเธอมาลองสอนคนอื่นดูบ้าง ปรากฏว่าทำได้ดีเกินคาด คุณยายเลยผันตัวจากนักเรียนมาเป็นครูฝึกในวัย 87 ปี สอนทั้งคนรุ่นเดียวกันและรุ่นเด็กกว่า ปัจจุบันสอนออนไลน์ในช่วงโควิดด้วย

กิจวัตรประจำวันของคุณยายทากิมิกะคือ ทุกเช้าตอนตีสี่เธอจะเดินสลับวิ่งเป็นเวลาสองชั่วโมงในระยะทางทั้งหมด 8 กิโล คือเดิน 4 กิโล วิ่งเหยาะ 3 กิโล และเดินถอยหลังอีก 1 กิโล จากนั้นรับประทานอาหารเช้า โดยเน้นโปรตีนและผัก ไม่ว่าจะเป็นปลา ไข่ เต้าหู้ ถั่วเน่า สลัด ผักดอง หลังอาหารก็จะทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ทำงานบ้านอื่น ๆ จิปาถะ

อาจเพราะรับประทานหนักในมื้อเช้าแล้ว อาหารกลางวันของคุณยายจึงมีเพียงกล้วยหนึ่งใบและยาคูลท์หนึ่งขวด ตอนบ่ายออกกำลังกายอีกสองชั่วโมงทุกวัน ด้วยการบริหารยืดเส้นยืดสายก่อน แล้วออกกำลังแบบที่สร้างกล้ามเนื้อ จากนั้นมื้อเย็นดื่มไวน์หนึ่งแก้ว ก่อนรับประทานอาหารที่เน้นผักและโปรตีนอีกเช่นกัน คุณยายให้ความสำคัญกับการกินอาหารครบทุกหมู่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่รับประทานอาหารปรุงแต่งหรือใส่สารกันบูดเลย



ช่วงหลังมื้อเย็นมักเป็นเวลาอันแสนอิสระของใครต่อใคร แต่คนอย่างคุณยายทากิมิกะฤาจะยอมนั่ง ๆ นอน ๆ เธอเอาเวลาไปทำการบ้านที่ทางฟิตเนสให้มา รวมทั้งศึกษาการใช้งานสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ และยังเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมอีกต่างหาก เรียกได้ว่าหากิจกรรมทำตลอดไม่เคยว่างก็ว่าได้

ปัจจุบันคุณยายมีช่องยูทูปของตัวเอง และยังเป็นแขกรับเชิญในช่องอื่น ๆ ด้วย ถ้าเพื่อนผู้อ่านได้เห็นเธอออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวตัวระหว่างทำกับข้าวจากวีดีโอข้างต้นแล้ว จะไม่รู้สึกเลยว่าเธออายุ 90 ปี เพราะเธอขยับตัวอย่างคล่องแคล่ว พูดจาฉะฉาน ร่าเริงเป็นที่สุด เห็นเธอแล้วพลอยได้พลังตามไปด้วยเลยค่ะ

เธอมักพูดติดปากเสมอว่า "อายุเป็นเพียงตัวเลข" หรือ "อย่าหมดหวังกับสุขภาพเพราะคิดว่าแก่แล้ว" และอยากให้ใคร ๆ หันมาออกกำลังกายกันเป็นกิจวัตรเพื่อสุขภาพที่ดี

นอกจากคุณยายสองท่านนี้แล้ว ญี่ปุ่นยังมีนักกีฬาสูงวัยอีกมากที่พิสูจน์คำกล่าวข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นคุณตา มิยาซากิ ฮิเดคิจิ ที่ทำลายสถิติโลกตอนอายุ 100 ปีจากการวิ่ง 100 เมตรในกลุ่มนักกีฬาชายอายุ 100-104 ปี และเป็นนักกีฬาชายคนที่สองของโลกที่ลงแข่งวิ่งระยะสั้นตอนอายุ 105 ปี ไม่เพียงเท่านั้นคุณตายังลงแข่งกีฬาทุ่มน้ำหนักด้วย


อีกท่านหนึ่งคือคุณยาย นางาโอกะ มิเอโกะ ซึ่งเป็นนักว่ายน้ำ เดิมทีเธอหัดว่ายน้ำเพื่อรักษาเข่าที่บาดเจ็บเมื่ออายุ 80 ปี ซึ่งกว่าจะว่าย 25 เมตรได้ใช้เวลาเป็นปี แต่ใครจะรู้ว่าต่อมาเธอคนนี้เข้าแข่งขันว่ายน้ำและได้รับรางวัลมากมายทั้งในญี่ปุ่นและนานาชาติ อีกทั้งยังเป็นคนแรกของโลกในการแข่งขันรุ่น 100-104 ปีที่ว่ายได้ครบระยะทาง 1500 เมตร นอกจากนี้ก็ยังมีคุณตาคุณยายนักกีฬาในทุกชั้นวัยอีกมากที่ไม่อาจเล่าได้หมดในที่นี้


ท่านผู้เฒ่าเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายและสนุกสดใสกับชีวิตมากเลยนะคะ แม้จะอายุมากถึงขนาดที่ว่าอาจหมดอายุขัยลงเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พวกท่านก็ใช้เวลาแต่ละวันอย่างมีความหมาย สนุกกับการฝึกฝนตัวเองไปสู่จุดหมาย แข่งกับตัวเองทุกวัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังเราน่าเรียนรู้ไว้เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตอย่างยิ่ง

ได้ยินว่าบางคนพอได้เห็นผู้สูงวัยใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉงเช่นนี้ จากที่เคยหมดอาลัยตายอยากก็กลับมีกำลังใจ ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างคนมองโลกแง่ดีให้ได้บ้าง หวังว่าเพื่อนผู้อ่านจะได้รับแรงบันดาลใจจากพวกท่านบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.

https:// m.mgronline.com/japan/detail/9640000074747
#3486



อาการแพ้นมแบบเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นหลังจากดื่มนมภายใน 15 นาที-2 ชั่วโมง โดยมีอาการที่แตกต่างกันไป เช่น มีผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง ลมพิษ ปากบวม ลิ้นบวม หายใจลำบาก ปวดท้อง หรืออาเจียน
ถ้ารู้ว่าตัวเองแพ้ ให้งดดื่มนมวัวและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมวัวทุกชนิด อย่างน้อย 3-6 เดือน ถึง 1 ปี แล้วลองกลับมาดื่มอีกครั้ง

นมมีโปรตีนและแคลเซียมสูง หากต้องการรับประทานอาหารอื่นเพื่อทดแทนการดื่มนม ควรเลือกอาหารที่มีโปรตีน เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ หรือถั่วเมล็ดแห้ง หรืออาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลาตัวเล็ก เต้าหู้ก้อน บรอกโคลี ผักกวางตุ้ง เป็นต้น
นมวัวเป็นแหล่งของโปรตีนและแคลเซียม มีประโยชน์กับคนทุกเพศ ทุกวัย แต่ก็พบว่าผู้บริโภคนมวัวบางกลุ่มจะมีอาการแพ้ ซึ่งสาเหตุหลักมักเป็นการแพ้โปรตีนจากนมวัว (cow's milk allergy) ในปัจจุบันโรคแพ้นมวัวพบได้บ่อยและมีอาการแสดงหลากหลายรูปแบบ ซึ่งปฏิกิริยาในการแพ้นมวัวอาจเกิดจากกระบวนการทำงานของแอนติบอดี IgE mediated หรือ non IgE mediated หรืออาจเกิดจากทั้ง 2 อย่างร่วมกันได้ โดยสาเหตุอาจเกิดจากการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันตั้งแต่ในช่วงตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังพบโรคแพ้นมวัวได้บ่อยในช่วงวัยทารกอันอาจเกิดจากระบบการย่อยอาหารของทารกที่ยังไม่พัฒนาอย่างเต็มที่

ประวัติที่น่าสงสัยว่าแพ้นมวัว

มีโรคภูมิแพ้ของบุคคลในครอบครัว
มีอาการที่แสดงหลังจากเด็กดื่มนมวัว เช่น มีผื่นลมพิษ ปากบวม ตาบวม ถ่ายมูกเลือด หายใจติดขัดดังครืดคราด หรือผื่นแพ้ผิวหนังที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรง
มีประวัติว่าแม่ดื่มนมวัวในช่วงตั้งครรภ์มากกว่าปกติ ซึ่งโปรตีนในนมวัวอาจกระตุ้นให้ทารกเกิดการแพ้ได้
กรณีที่เด็กกินนมแม่อย่างเดียว ในขณะที่แม่ดื่มนมวัวมากกว่าปกติในช่วงให้นมบุตร
เด็กมีน้ำหนักน้อยกว่าปกติ หรือมีประวัติเปลี่ยนนมมาหลายยี่ห้อ แต่ยังมีอาการดังที่กล่าวไปข้างต้น
ซึ่งสามารถวินิจฉัยหาสาเหตุได้ตรงจุด หากพาเด็กมาพบกุมารแพทย์เพื่อซักประวัติและตรวจทางห้องปฏิบัติการร่วมด้วย

อาการแพ้นม

หากเป็นอาการเฉียบพลันที่เกิดจาก IgE mediated อาการจะเกิดขึ้นหลังจากดื่มนมวัวภายใน 15 นาที-2 ชั่วโมง โดยจะมีอาการแพ้ซึ่งแต่ละคนจะมีอาการที่แตกต่างกันไป เช่น มีผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง, ลมพิษ, ปากบวม, ลิ้นบวม, หายใจลำบาก, ปวดท้อง หรืออาเจียน เป็นต้น

หากอาการเกิดจาก non IgE mediated หรือทั้ง 2 อย่างตามที่กล่าวในตอนต้น อาการอาจเกิดขึ้นหลังดื่มนมวัวประมาณ 6-48 ชั่วโมง ซึ่งอาการก็อาจต่างกัน เช่น ผื่นแพ้ผิวหนัง ถ่ายเป็นมูกเลือด หรือหายใจครืดคราด

ทำอย่างไรถ้ารู้ว่าแพ้นมวัว
ถ้ารู้ว่าตัวเองมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง แนะนำให้มาพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้อง และการปฏิบัติตัวที่ดีที่สุด คือ การงดดื่มนมวัวและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมวัวทุกชนิดอย่างน้อย 3-6 เดือน ถึง 1 ปี แล้วลองกลับมาทดลองดื่มใหม่ในปริมาณน้อยๆ หากไม่ใช่อาการแพ้รุนแรง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์

สำหรับทารกที่ดื่มนมแม่ สามารถกินนมแม่ต่อได้ แต่ต้องให้แม่งดนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว อย่างน้อย 1 สัปดาห์ จึงเริ่มกินนมแม่ได้ ในระหว่างที่งดนมแม่อาจพิจารณาใช้นมสูตรพิเศษทางการแพทย์สูตรเปปไทด์สายสั้น (extensively hydrolyzed formula) แทนได้ แต่หากอาการแพ้ไม่ดีขึ้นค่อยพิจารณาใช้นมที่เป็นอาหารทางการแพทย์ หรือที่เรียกว่าสูตรกรดอะมิโน (amino acid formula) โดยมารดาที่งดนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว ควรได้รับการเสริมแคลเซียมทดแทน

สำหรับการรักษาอาการที่เกิดขึ้นจากการแพ้นมวัวจะเป็นการงดนมวัว และให้ยารักษาตามอาการ นอกจากนี้มีการแนะนำให้เด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ปี ที่ไม่ได้แพ้ถั่วเหลือง อาจพิจารณาเปลี่ยนเป็นนมถั่วเหลืองสูตรไม่หวาน ที่มีการเสริมแคลเซียม เป็นทางเลือกได้

การป้องกันการแพ้นมวัว

ในเด็กเล็ก การดื่มนมแม่จะช่วยป้องกันการเกิดการแพ้อาหารได้ เพราะเป็นการลดการสัมผัสโปรตีนแปลกปลอมจากนมผสม นอกจากนี้นมแม่ยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย โดยไม่ควรงดนมวัวในกรณีที่ไม่มีอาการแพ้นมวัว เนื่องจากอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารในเด็กได้โดยเฉพาะแคลเซียม

(ปริมาณแคลเซียมที่ต้องการตามอายุ ได้แก่ ทารกอายุ 0-5 เดือน ได้รับเพียงพอจากนมแม่เพียงอย่างเดียว, ทารกอายุ 6-11 เดือน 270 มิลลิกรัมต่อวัน, เด็กอายุ 1-3 ปี 270-500 มิลลิกรัมต่อวัน)

ทางเลือกอื่นๆ สำหรับเด็กโต หรือผู้ใหญ่ที่แพ้นมวัว
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากพืชหลากหลายชนิด และสามารถหาซื้อได้ง่ายตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อต่างๆ เช่น

นมจากถั่วเหลือง (Soy milk) สามารถใช้เป็นทางเลือกหากแพ้นมวัว แต่ไม่แพ้ถั่วเหลือง โดยให้เลือกนมถั่วเหลืองที่มีการเสริมแคลเซียม เนื่องจากนมถั่วเหลืองจากธรรมชาติจะมีแคลเซียมต่ำ ข้อดีคือ ราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่าย
นมจากอัลมอนด์ (Almond milk) เป็นนมทางเลือกของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการจำกัดปริมาณแคลอรีในแต่ละวัน เพราะนมจากอัลมอนด์ให้พลังงานที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับนมวัวหรือนมถั่วเหลืองในปริมาณที่เท่ากัน อีกทั้งยังอุดมไปด้วยไขมันที่ดี และวิตามินอี แต่มีปริมาณโปรตีนและแคลเซียมน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องระวัง โดยเฉพาะการให้นมชนิดนี้กับเด็กอาจได้คุณค่าทางอาหารน้อย ดังนั้นควรอ่านฉลากโภชนาการก่อน และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการเสริมแคลเซียมด้วย
นมข้าวโพด (Corn milk) และนมจากข้าว (Rice milk) นมข้าวโพดและนมจากข้าว จะมีปริมาณโปรตีนไม่มากนักเมื่อเทียบกับนมวัว และเหมาะกับผู้บริโภคที่มีประวัติการแพ้ถั่ว หรืออัลมอนด์ อย่างไรก็ตามเพื่อให้การกินนมที่ไม่ใช่นมวัวนั้นมีคุณค่าทางสารอาหารมากขึ้น ผู้ผลิตบางรายก็มีการนำกระบวนการแปรรูปวัตถุดิบโดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณสารอาหารในนมข้าวโพดและนมจากข้าวให้มีมากขึ้น เช่น การเสริมแคลเซียม เป็นต้น
คุณประโยชน์ของนมจากพืชแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันตามชนิดของพืช คุณภาพของวัตถุดิบ และกรรมวิธีการผลิต บางผลิตภัณฑ์ใช้วัตถุดิบในระยะที่มีสารอาหารสูง เช่น ใช้ข้าวในระยะงอก หรือการใช้เทคโนโลยีการแปรรูปวัตถุดิบให้คงปริมาณสารอาหารไว้ให้ได้มากที่สุด ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ สิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ คือ การอ่านฉลากข้อมูลทางโภชนาการ (Nutrition information) และส่วนประกอบ (Ingredients) อย่างละเอียด เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ และได้รับสารอาหารที่เพียงพอในแต่ละช่วงวัย อีกทั้งข้อควรระวังในการบริโภคนมจากพืช บางผลิตภัณฑ์มักมีปริมาณน้ำตาลสูง ควรเลือกสูตรหวานน้อยหรือไม่หวานเลย และควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารให้หลากหลาย และครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน

อาหารทางการแพทย์ที่ใช้รักษาผู้ที่มีภาวะแพ้โปรตีนนมวัว
1. Soy protein-based formula (อาหารทางการแพทย์สูตรโปรตีนจากถั่วเหลือง) ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะแพ้โปรตีนนมวัวได้ อย่างไรก็ตามในถั่วเหลืองมีโปรตีน β-conglycin และ glycinin ซึ่งเป็นโปรตีนโมเลกุลใหญ่ และสามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน จึงมีการแนะนำให้ใช้อาหารทางการแพทย์สูตรโปรตีนจากถั่วเหลืองสำหรับรักษาภาวะแพ้โปรตีนนมวัวในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ซึ่งได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการแสดงของภาวะแพ้อาหารแบบเฉียบพลัน ผิวหนังอักเสบ ภูมิแพ้ที่มีอาการไม่รุนแรง และแนะนำให้ใช้ในทารกอายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป หากผู้ป่วยรับประทานอาหารทางการแพทย์สูตรโปรตีนจากถั่วเหลืองแล้วไม่ได้ผล แนะนำให้ใช้อาหารทางการแพทย์สูตรเปปไทด์ขนาดเล็ก หรือสูตรกรดอะมิโนแทน

2. Extensively hydrolyzed formula (อาหารทางการแพทย์สูตรเปปไทด์สายสั้น) เป็นสูตรอาหารที่ทำให้โปรตีนผ่านกระบวนการย่อยโดยใช้เอนไซม์ ความร้อน หรือกระบวนการ Ultrafiltration เพื่อให้แตกตัวเป็นเปปไทด์สายสั้นๆ เพราะเนื่องจากภาวะแพ้โปรตีนจากนมวัวนั้น โปรตีนที่ทำให้เกิดอาการแพ้ คือ β-lactoglobulin ดังนั้นการย่อยโปรตีนเป็นเปปไทด์สายสั้นจะทำให้ปริมาณ βlactoglobulin ในนมลดลง ซึ่งจะมีโอกาสกระตุ้นให้เกิดการแพ้ลดลง

3. Amino acid-based formula (อาหารทางการแพทย์สูตรกรดอะมิโน) เป็นสูตรนมที่ประกอบด้วย กรดอะมิโนจำเป็น (essential amino acids) และกรดอะมิโนไม่จำเป็น (non-essential amino acids) ส่วนคาร์โบไฮเดรตมาจาก corn glucose polymer เป็นส่วนใหญ่ และปราศจากน้ำตาลแลคโตส ส่วนไขมันมาจากน้ำมันพืชชนิดต่างๆ ซึ่งนมชนิดนี้จะใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการแพ้โปรตีนนมวัวอย่างรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยนมสูตรเปปไทด์ขนาดเล็ก

4. Modular formula (MF, อาหารทางการแพทย์สูตรที่เตรียมสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย) คือ นมสูตรทางการแพทย์ที่เตรียมสำหรับผู้ป่วยให้เหมาะสมกับโรคแต่ละโรค โดยนมสูตรที่เตรียมสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายที่ใช้ในการรักษาภาวะแพ้โปรตีนนมวัว เช่น นมสูตรโปรตีนจากเนื้อไก่ หรือนมข้าวอะมิโน เป็นต้น

อาหารทดแทนนม
เนื่องจากผลิตภัณฑ์นมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณประโยชน์ คือ มีโปรตีน และแคลเซียมสูง ดังนั้นหากต้องการรับประทานอาหารอื่นๆ เพื่อทดแทนการดื่มนม ควรเลือกดังนี้

อาหารที่มีโปรตีน เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ หรือถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น
อาหารที่มีแคลเซียมในปริมาณสูง เช่น ปลาตัวเล็ก เต้าหู้ก้อน บรอกโคลี ผักกวางตุ้ง เป็นต้น
ซึ่งการกินในปริมาณที่เพียงพอ สามารถเป็นอาหารทางเลือกสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว.

บทความโดย : พญ.ธนิศา ขวัญบุญบำเพ็ญ กุมารแพทย์ด้านโภชนาการเด็ก โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช ศรีนครินทร์
#3487



ก่อนจะมาเป็นนักศึกษาแพทย์ได้ยินคำพูด เช่น "เรียนแพทย์จะได้ช่วยชีวิตคน" หรือ "ตั้งใจเรียนแพทย์จะได้รักษาคนไข้ได้" ไปจนถึง "ความเป็นความตายคนไข้ขึ้นกับเรา"

นักศึกษาแพทย์ ปี 5 กมลชนก กุลชุติสิน คณะแพทยศาสตร์ ศิริราช จะค่อยๆช่วยให้พอนึกภาพออกว่ามันไม่ได้ตรงไปตรงมาอย่างที่ทุกคนคิด และลองมองไปถึงว่าเดิมคนไข้ก็มากมายอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีคนไข้โควิดเพิ่มขึ้นมาอีก ล้นโรงพยาบาลทั้งประเทศ

เราจะทำได้ถึงแค่ไหนที่จะดูคนไข้ได้ทั้งคน ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรและไม่ได้ดูแค่ความเจ็บป่วย

ค่อยๆนึกภาพเบื้องหลังของชีวิตคนป่วยคนหนึ่งมาพบแพทย์เพราะอาการของโรคที่เกิดขึ้นและรบกวนชีวิตประจำวัน การพูดคุยกับคนไข้ การซักประวัติอาการของโรคถือเป็นการซักถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า แต่การไถ่ถามถึงเรื่องราวเบื้องหลังนั้น มีความสำคัญไม่แพ้กัน

แต่...มักจะถูกมองข้ามด้วยเวลาอันจำกัดของแพทย์


สำหรับเรื่องราวเบื้องหลังนั้นคือ การรับฟังเรื่องราวประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของคนไข้ ซึ่งบางครั้งสำคัญและอาจเป็นสาเหตุของโรคที่นำคนไข้มาพบแพทย์ เช่นในคนไข้จิตเวช จะต้องถามถึงการใช้ชีวิตที่ผ่านมา

ซึ่งอาจจะเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและยากต่อการปลอบประโลม แต่ถ้ามีเวลาการรับฟังและใส่ใจในจุดนี้ จะช่วยในความสัมพันธ์ระหว่างหมอและคนไข้อย่างมาก นำไปสู่การรักษาที่ดีขึ้นหรือคนไข้ในสาขาอื่นๆ

การรับฟังเรื่องราวเบื้องหลังอาจจะนำมาสู่การวินิจฉัยที่แม่นยำ

ก่อนมาเป็นนักศึกษาแพทย์จะนึกถึงคุณค่าในตัวตนของทุกคนเสมอ เพราะทุกคนย่อมมีคุณค่าของตัวเอง การยอมรับและเคารพในตัวตนของผู้อื่นนั้น เป็นสิ่งที่แพทย์พึงระลึกไว้เสมอ แต่การเรียนแพทย์นั้นมุ่งเน้นถึงการวินิจฉัยและรักษาโรคซึ่งซับซ้อนขึ้นทุกปีตามความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ร่วมกับเวลาอันน้อยนิด


จนบางครั้งคุณค่าในตัวตนของผู้ป่วยจึงเจือจางลงไป เช่นในวอร์ดอายุรศาสตร์มีผู้ป่วยหลายคนที่คิดว่าอาการเจ็บป่วยของเขาสร้างความลำบากแก่ครอบครัวหรือการป่วยเป็นโรครุนแรงทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหว ลองนึกดูว่าถ้าวันนึงไม่สามารถแม้แต่จะกินข้าวเองได้จะรู้สึกยังไง

สิ่งเหล่านี้บั่นทอนกำลังใจและคุณค่าในตัวผู้ป่วยลง จนอาจคิดว่าตนเองนั้นด้อยค่า ไม่อาจตัดสินใจในเรื่องสำคัญใดๆได้อีก

ซึ่งความจริงแล้วผู้ป่วยมีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องการรักษา มีสิทธิที่จะเลือกชีวิตในบั้นปลายที่เหลืออยู่ และมีสิทธิที่จะให้ผู้อื่น เข้าใจและเคารพในการตัดสินใจของเขา ซึ่งแพทย์ก็ควรจะพยายามถามถึงความต้องการของผู้ป่วย เน้นว่าผู้ป่วยและไม่ใช่ถามแต่ญาติ

จากนั้นเคารพในการตัดสินใจของผู้ป่วย หรือพยายามทำตามความต้องการที่อยู่ในขอบเขตของเหตุผล เนื่องจากในบางครั้งทางเลือกที่แพทย์เห็นว่าดีหรือญาติคิดว่าดีอาจไม่ได้ดีที่สุดสำหรับคนไข้เสมอไป

นอกจากการเคารพในคุณค่าและการตัดสินใจของผู้ป่วยแล้ว การมองตัวโรคและตัวตนของผู้ป่วยแยกกัน เพราะตัวโรคอาจทำให้สภาพร่างกายและจิตใจเปลี่ยนแปลงไปมาก

สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการรักษาคือการใส่ใจคุณค่าและตัวตนเหมือนดังเช่นในยามที่มีสุขภาพร่างกายและจิตใจ
ที่แข็งแรง เพื่อการแนะนำคนไข้สู่การตัดสินใจในเรื่องต่างๆที่เหมาะสมที่สุด เพราะในช่วงเวลาคาบเกี่ยวความตาย ไม่ใช่เวลาที่จะมาตัดสินใจ

ควรที่จะคุยและตัดสินใจเรื่องสำคัญต่อการรักษาและชีวิตไว้ให้เรียบร้อยในขณะที่ยังมีเวลา เพื่อที่จะไม่ให้เป็นการตัดสินใจที่ฉุกละหุกและไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน


บ่อยครั้งไม่ได้มีการคุยเพราะเป็นเหตุฉุกเฉิน แต่บ่อยครั้งก็เป็นเพราะว่าแพทย์ไม่มีเวลา ไม่ก็ผู้ป่วยหรือญาติยังตัดสินใจไม่ได้ จะพูดถึงในกรณีที่คุยตกลงกันไว้แล้วเพราะเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย

ครั้งแรกในชีวิตของ นศพ. ที่จำได้ดี ขณะอยู่เวรที่หอผู้ป่วยหนัก พยาบาลประจำวอร์ดได้แจ้งว่าคนไข้คนหนึ่งไม่มีสัญญาณชีพ "น้อง นศพ.ช่วยไปยืนยันว่าคนไข้ไม่มีชีพจรและแจ้งพี่แพทย์ประจำบ้านด้วยนะคะ" ซึ่งคนไข้คนนั้นเป็นคนไข้ที่ทางวอร์ดได้คุยกับญาติแล้วเรื่องปฏิเสธการกู้ชีพและให้เป็นไปตามธรรมชาติ

สิ่งที่ทำคือขออนุญาตคนไข้ตรงหน้าเหมือนที่เคยทำในทุกๆครั้งและดูการตอบสนองต่อเสียงและใช้หูฟัง ฟังเสียงการเต้นของหัวใจ หน้าอกยังเคลื่อนขึ้นลงช้าๆ

เพราะเครื่องช่วยหายใจไม่ได้มีการหายใจเองและไม่มีเสียงสัญญาณชีพอื่นที่บ่งบอกถึงการมีชีวิต คนไข้เสียชีวิตแล้ว

และสิ่งที่ทำได้ในวันนั้นคือการเดินไปบอกพี่แพทย์ประจำบ้านให้ทางวอร์ดแจ้งการเสียชีวิตกับญาติคนไข้เพราะว่าดูแลคนไข้คนนี้มานาน จึงมีความผูกพัน ถึงรู้ว่าเป็นระยะสุดท้ายและเป็นตัวอย่างที่ดีของการคุยไว้ก่อนจะได้มีการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

แต่ก็อยากให้รอดและกลับมาดีขึ้น

ฉะนั้นที่ว่าแพทย์เป็นผู้กำหนดความเป็นความตายของผู้ป่วยคงจะเป็นคำพูดที่เกินจริง เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะตัดสินใจในชีวิตของตัวเอง ยกตัวอย่างว่าถึงจะอยากมีชีวิตแต่แพทย์เป็นคนเหมือนกัน ที่ตั้งใจจะใช้ความรู้ ความสามารถเท่าที่มีเพื่อดูแลคนไข้ และจะพยายามเคารพในคุณค่าและตัวตนของทั้งญาติและคนไข้

แต่ถ้าตัวโรคได้ถึงระยะสุดท้ายแล้ว หรือระบบสาธารณสุขรวมถึงบุคลากรในนั้นได้มาถึงจุดที่ไม่ไหวแล้ว ทุกอย่างจะค่อยๆเจือจางหายไป โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้.

หมอดื้อ

https:// www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2114195
#3488



หลังจากที่ "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวไทยเบอร์ 1 ของโลกในรุ่น 49 กก.หญิง คว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์เหรียญแรกให้กับทีมเทควันโดไทย และเหรียญแรกให้กับทัพนักกีฬาไทย ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่สนามมาคูฮาริ เมสเสะ ฮอลล์เอ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น

โดย "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 2020 เดินทางถึงประเทศไทย และอยู่ในช่วงกักตัวที่จังหวัดภูเก็ต


ล่าสุดเจ้าตัว เผยกับทีมงานข่าวสด ผ่านรายการ "ลุยโตเกียว สเปเชียล" ถึงที่มาของการใส่รองเท้าเตะสีชมพูดังกล่าวเข้าสนามทุกเกม โดยบางช่วงบางตอนรายนาทีที่ 10.55 น้องเทนนิส เผยถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเพราะลืมเอารองเท้าผ้าใบไปเท่านั้น

"ลืมรองเท้าผ้าใบคะพี่ วันแข่งถือของพะรุงพะรัง มีอุปกรณ์เยอะ แล้วรอบนี้เราไปกันน้อย มีนักกีฬาแค่ 2 คน ก็ช่วยกันถือของทำให้ลืมรองเท้าผ้าใบ ก็ทำให้ต้องใส่รองเท้าแตะขึ้นรับเหรียญ ไม่ได้เป็นการถือเคล็ด หรือได้มาจากบุคคลสำคัญแต่อย่างใด"
#3489



"ชุดทดสอบอย่างง่าย Rapid Test ชนิด Antigen" กำลังจะมาเป็นทางออกให้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้รู้ผลเร็วขึ้น เพราะปัจจุบันเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา แพร่กระจายได้เร็วขึ้นเทียบเท่าสายพันธุ์อังกฤษ ทำให้มีผู้ติดเชื้อเกือบหลักหมื่นต่อวัน 

8 ก.ค. ที่ผ่านมา ประเด็นการใช้ Rapid Antigen Test ได้รับมติเห็นชอบจากการประชุม EOC ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center) ของกระทรวงสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีข้อมูลราคา Rapid Antigen Test ว่าถ้าเข้าเกณฑ์ สปสช. จะเบิกจ่ายได้ไม่เกินรายละ 450 บาท และในหน่วยบริการไม่เกิน 600 บาท


รู้จัก "Rapid Test Covid-19" ชนิด Antigen คืออะไร
Rapid Test ที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. ไปแล้วนั้นมีทั้งชนิด Rapid Antigen Test และ Rapid Antibody Test แต่ทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันด้านการอ่านและแปลผล ดังนี้

เมื่อได้รับเชื้อ จะตรวจไม่พบในชุดตรวจ Rapid Antigen Test และ Rapid Antibody Test
หลังรับเชื้อ 3-5 วัน เริ่มตรวจพบเชื้อด้วย Rapid Antigen Test ในผู้ป่วยบางราย ต้องทำการตรวจซ้ำ ส่วนวิธี Rapid Antibody Test จะตรวจไม่พบ
หลังรับเชื้อ 5-14 วัน จะตรวจพบในชุดตรวจ Rapid Antigen Test ส่วนการตรวจในชุดตรวจ Rapid Antibody Test จะพบในบางราย หรือพบในระยะเวลา 10 วันหลังรับเชื้อ
เมื่อหายป่วยแล้ว จะตรวจพบในชุดตรวจ Rapid AntibodyTest แต่ไม่พบในชุดตรวจ Rapid Antigen Test

อ้างอิงระยะเวลาการตรวจต่อรอบจากคู่มือการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุระยะเวลาการตรวจต่อรอบของวิธีการตรวจต่างๆ ดังนี้

Realtime RT-PCR ด้วยเครื่อง Automate ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ต่อ 96 - 384 ตัวอย่าง
Rapid Antigen Test ด้วยเครื่องอ่านสีบน Strip Test ใช้เวลา 15 - 20 นาที ต่อ 1 ตัวอย่าง
Rapid Test ใช้ตรวจหา Covid-19 อย่างไร

การใช้ Rapid Antigen Test ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการตรวจคัดกรองในกลุ่มผู้ไม่แสดงอาการ วิธีการใช้งานบนชุดตรวจ Rapid Antigen Test นี้ อ่านผลด้วยตามเปล่าได้ใน 15 นาที หลังจากหยดตัวอย่างบนแผ่นไนโตรเซลลูโลส

ผู้ที่มีเชื้อโควิด-19 ในร่างกายหลังรับเชื้อมาแล้ว จะปรากฏแถบสีบริเวณตำแหน่งที่ตรวจจับ Antigen บนแผ่นไนโตรเซลลูโลส

ภาพหลักการแสดงและขั้นตอนทดสอบด้วย Antigen Rapid Test จาก www.acebiolab.com/TW/news/44
ภาพหลักการแสดงและขั้นตอนทดสอบด้วย Antigen Rapid Test จาก www.acebiolab.com/TW/news/44
ข้อจำกัดคือ ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ในปัจจุบันมีความจำเพาะเพียงร้อยละ 30-80 ดังนั้นเมื่อพบผล Antigen แล้วควรส่งตรวจด้วยวิธี RT-PCR ต่อไป

ชุดตรวจโควิด Rapid Test เป็นชุดทดสอบเพื่อทราบผลการติดเชื้อโควิดอย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลา หน้าตาของชุดทดสอบ Rapid Test คล้ายกับที่ตรวจครรภ์ แต่ใช้งานไม่เหมือนกัน จัดเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ จึงเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ควรนำมาตรวจให้กันเอง

รายชื่อ 24 ชุดตรวจ Rapid Antigen Test สำหรับ Covid-19 ที่ผ่าน อย.
ข้อมูล ณ วันที่ 12 ก.ค. 2564

1. STANDARD™ Q COVID-19 Ag Test ผลิตโดย SD Biosensor, Inc นำเข้าโดย บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
2. Panbio™ COVID-19 Ag Rapid Test Device (nasopharyngeal) ผลิตโดย Abbott Diagnostics Korea Inc. นำเข้าโดย บริษัท ดีซีเอช ออริกา (ประเทศไทย) จำกัด
3. SARS-CoV-2 Rapid Antigen Test และ SARS-CoV-2 Antigen Control ผลิตโดย SD Biosensor, Inc นำเข้าโดย บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
4. BIOCREDIT COVID-19 Ag ผลิตโดย RapiGEN INC. นำเข้าโดย บริษัท ทิพย์บรรพต กรุ๊ป จำกัด
5. Instant-View-Plus COVID-19 Antigen Test ผลิตโดย ALFA SCIENTIFIC DESIGNS,INC. USA นำเข้าโดย บริษัท ตรีปัญญา จำกัด
6. BIOSYNEX COVID-19 Ag BSS ผลิตโดย BIOSYNEX SWISS SA ,SWITZERLAND นำเข้าโดย บริษัท ดับเบิ้ล เอส ไดแอคนอสติคส์ จำกัด
7. Humasis COVID-19 Ag Test ผลิตโดย Humasis Co.,Ltd. Republic of Korea นำเข้าโดย บริษัท ทรู เฮลธ์แคร์ (ไทยแลนด์) จำกัด
8. Novel Coronavirus (COVID-19) Antigen Test Kit (Colloidal Gold) ผลิตโดย Hangzhou Laihe Biotech Co., Ltd. China. นำเข้าโดย บริษัท แปซิฟิค ไบโอเทค จำกัด
9. COVID-19 Rapid Antigen Test ผลิตโดย Reszon Diagnostic International Sdn. Bhd. Malaysia นำเข้าโดย บริษัท เจเนอรัลไซเอนซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
10.Sofia SARS Antigen FIA ผลิตโดย Quidel Corporation. USA นำเข้าโดย บริษัท ซี เมดิค จำกัด
11. Exdia COVID-19 Ag ผลิตโดย Precision Biosensor Inc. Republic of KOREA. นำเข้าโดย บริษัท ทิพย์บรรพต กรุ๊ป จำกัด
12. OnSite COVID-19 Ag Rapid Test ผลิตโดย CTK Biotech, Inc. USA นำเข้าโดย บริษัท ซี เมดิค จำกัด
13. CerTest SARS-CoV-2 ผลิตโดย CERTEST BIOTEC S.L., SPAIN นำเข้าโดย บริษัท เฮาส์เซน เบอร์นสไตน์ จำกัด
14. STANDARD F COVID-19 Ag FIA และ STANDARD COVID-19 Ag Control ผลิตโดย SD Biosensor Inc. Republic of Korea. นำเข้าโดย บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
15. BIOCREDIT COVID-19 Ag ผลิตโดย RapiGEN, Inc., Republic if KOREA นำเข้าโดย บริษัท ทิพย์บรรพต กรุ๊ป จำกัด
16. FORA COVID-19 Antigen Rapid Test ผลิตโดย TaiDoc Technology Corp., Taipei City Taiwan นำเข้าโดย บริษัท เมดิทอป จำกัด
17. Vstrip COVID-19 Antigen Rapid Test ผลิตโดย Panion&BF Biotech Inc. Xizhi Factory, Taiwan. นำเข้าโดย บริษัท เจ.เอ.ซี.อินดัสตรี่ จำกัด
18. COVID-19 Antigen Rapid Test (Nasopharyngeal Swab) ผลิตโดย Acro Biotech, INC. U.S.A นำเข้าโดย บริษัท ไอเมด ลาบอราทอรี่ จำกัด
19. COVID-19 Antigen Test Kit ผลิตโดย Lansion Biotechnology Co., Ltd., China. นำเข้าโดย บริษัท เฮาส์เซน เบอร์นสไตน์ จำกัด
20. AFFINOME COVID-19 Ag Rapid Test Cassette ผลิตโดย บริษัท แอฟฟิโนม จำกัด ประเทศไทย
21. 2019-nCoV-Antigen Rapid Test Kit (Colloidal gold immunochromatography) ผลิตโดย Beijing Lepu Medical Technology Co., Ltd. , P.R. China นำเข้าโดย บริษัท พริมา ไซเอ็นติฟิค จำกัด
22. Humasis COVID-19 Ag Test ผลิตโดย Humasis Co., Ltd. Republic of Korea นำเข้าโดย บริษัท ลาโบตรอน จำกัด
23. Trueline COVID-19 Ag Rapid Test ผลิตโดย MEDICON CO., LTD Vietnam นำเข้าโดย บริษัท อินโนเมด (ประเทศไทย) จำกัด
24. SARS-CoV-2 Antigen Rapid Test Kit (Colloidal Gold Immunochromatography) ผลิตโดย Beijing Lepu Medical Technology Co., Ltd P.R. China นำเข้าโดย บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด

กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีมติเห็นชอบ Rapid Antigen Test จะเริ่มกระจายใช้ในสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรอง และมีผู้เชี่ยวชาญอ่านผล ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป

ที่มา : moph.go.th, oryor.com, fda.moph.go.th
#3490



ราคาบิทคอยน์ เทรดที่เว็บไซต์คอยน์เดสก์ เมื่อเวลา 06.00 น.ของวันนี้ (31ก.ค.)ปรับตัวขึ้น 3.72% เคลื่อนไหวที่ 41,249.28 ดอลลาร์

การเคลื่อนไหวในแดนบวกช่วงเช้าวันนี้ของราคาบิทคอยน์ มีขึ้นหลังจากรัฐบาลเยอรมนี ออกกฏหมายฉบับใหม่อนุญาติให้กองทุนรวมพิเศษ เข้าลงทุนเงินหนึ่งในห้าของพอร์ตที่เป็นคริปโตเคอร์เรนซีได้ โดยเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.เป็นต้นไป

ขณะเดียวกัน รัฐบาลอิสราเอล ก็เตรียมออกกฎหมายใหม่เพื่อยับยั้งการหลีกเลี่ยงภาษีและปิดช่องโหว่สำหรับการฟอกเงิน โดยจะกำหนดให้พลเมืองที่ถือเหรียญคริปโต ที่มีรวมมูลค่ามากกว่า 60,000ดอลลาร์ต้องแสดงข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่

ราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสร่วง 8 เซนต์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ปรับตัวลง 8 เซนต์ ปิดที่ 73.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลง 2 เซนต์ ปิดที่ 76.03 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนคาดการณ์ว่าตลาดจะยังคงเผชิญภาวะน้ำมันตึงตัวไปจนถึงสิ้นปีนี้ จากการเปิดเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ

นอกจากนี้ แม้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือนส.ค.จนถึงเดือนธ.ค. แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำมันที่คาดว่าจะพุ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่คาดว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้างจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น

ขณะเดียวกัน การที่อิหร่านออกแถลงการณ์ตำหนิสหรัฐว่าเป็นฝ่ายทำให้การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ต้องหยุดชะงักลง ก็ได้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาด เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและสหรัฐจะทำให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านต้องล่าช้าออกไป ซึ่งจะช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
#3491


ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวหรือผื่นจากการใส่มาสก์ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสียดสีกับผิวหน้าขณะใส่ ความสกปรกภายในหน้ากากที่สะสมระหว่างวัน ความเครียด วัสดุจากหน้ากากมีการปนเปื้อน และโรคผิวหนังเดิมที่เคยเป็นอยู่
การเสียดสีของของหน้ากากอนามัยกับผิวหน้า ส่งผลให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองได้ โดยเฉพาะผู้ที่ใส่หน้ากากหลายชั้น
หากพบว่ามีสิวขึ้นหรือมีผื่นแพ้ ในเบื้องต้นควรหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แล้วแก้ตามสาเหตุนั้น หากทำตามทุกวิธีแล้วยังมีสิวขึ้นหรือผื่นภูมิแพ้ ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนที่สิวหรือผื่นนั้นจะลุกลาม
ไลฟ์สไตล์ติดตาม

วิถีชีวิตใหม่แบบ New Normal ที่เกิดขึ้นในยุคที่มีการระบาดของไวรัสก่อโรค Covid-19 นั้น การสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำเสมอเวลาออกจากบ้าน แต่เมื่อต้องใส่เป็นประจำทุกวัน หลายคนมักเกิดปัญหาสิว ผดผื่นคัน บริเวณที่ใส่หน้ากากอนามัยตามมา จนเกิดอาการไม่อยากใส่ แต่ยังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อต้องใส่ทุกวันและเกือบจะตลอดเวลาแล้วนั้นก็ทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังตามมาได้

ใส่หน้ากากอนามัยแล้วเป็นสิว หรือผิวแพ้มาสก์ เกิดจากอะไร

การเสียดสีของของหน้ากากอนามัยกับผิวหน้า ส่งผลให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองได้ โดยเฉพาะผู้ที่ใส่หน้ากากหลายชั้นหรือสวมหมวกกันน็อกทับเวลาขับขี่รถมอเตอร์ไซค์

ความสกปรกภายในมาสก์ เช่น ละอองน้ำลาย เหงื่อ น้ำมันจากผิวหน้า ร่องรอยเครื่องสำอาง ผสมกับความชื้นภายในหน้ากากโดยเฉพาะเวลาอากาศร้อนอบอ้าว แบคทีเรียก็จะมีการเพิ่มจำนวนและเติบโตขึ้นที่รูขุมขนมากขึ้น ทำให้เกิดสิวทั้งอุดตันและอักเสบตามมาได้ง่ายขึ้น

ปัจจัยภายใน เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งเสริมกับปัจจัยเรื่องการเสียดสี หรือความสกปรกภายในหน้ากาก

เกิดจากมลภาวะหรือ PM2.5 เนื่องจากสารตั้งต้นของ PM2.5 ก่อนจะรวมตัวกับไอน้ำ และฝุ่นควัน คือ ก๊าซพิษ ซึ่งทำตัวเสมือนสารก่อระคายเคืองผิว กระตุ้นการเกิดสิว และทำให้ผิวแพ้ง่าย เป็นที่ทราบกันดีว่า หน้ากากทั่วไปที่เราใส่ ไม่สามารถป้องกัน PM2.5 ได้ และมลภาวะสามารถเข้าทางด้านข้างของหน้ากากได้ด้วยเช่นกัน

หน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้งบางยี่ห้อที่ผสมสารป้องกันแบคทีเรียบางชนิดที่อาจระคายเคืองผิวได้ หรือเป็นที่ตัววัสดุเอง เช่น ผ้าสปันบอนด์ (spunbond) ซึ่งเป็นผ้าที่เกิดจากการอัดขึ้นรูปจากเส้นใยพลาสติกพวกพอลีโพรพิลีน (Polypropylene) มาประกอบเป็นหน้ากากชั้นนอกและชั้นในเพื่อป้องกันการซึมผ่านของน้ำและละอองฝอยต่างๆ

เกิดจากน้ำหอมจากผลิตภัณฑ์ซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้ซักหน้ากากผ้า ทางที่ดี ควรซักล้างด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม

โรคผิวหนังเดิมที่เป็นอยู่ แต่ถูกกระตุ้นให้เป็นมากขึ้นในช่วงที่ใส่หน้ากาก เพราะความอบอ้าว ความชื้น โดย 2 โรคที่พบได้บ่อย เช่น

- โรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย (Rosacea) ซึ่งเป็นภาวะทางผิวหนังที่พบบ่อย โดยจะเกิดรอยแดงและมองเห็นเส้นเลือดบนใบหน้าได้ชัดเจน อาจเกิดตุ่มหนองคล้ายสิวหรือตุ่มสีแดงขนาดเล็ก และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ตาแห้ง ตาบวมแดงและระคายเคือง เปลือกตาแดง รู้สึกแสบหรือชาที่ผิวหนัง ผิวแห้ง ผิวหยาบ และรูขุมขนกว้าง

- โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (Atopic Dermatitis) เป็นอาการของผิวหนังอักเสบเรื้อรังจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ ทำให้ผิวแห้ง แดง มีผื่นตามบริเวณต่างๆ และมีอาการคันอย่างต่อเนื่อง บางรายมีตุ่มพอง ซึ่งอาจแตกและมีของเหลวไหลออกมาได้เมื่อถูกเกา
8 วิธี ป้องกันสิวผิวแพ้มาสก์

1. ป้องกันการเสียดสีกับหน้ากาก โดยสามารถสอดแผ่นทิชชู่ที่นุ่มและสะอาดรองบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อยๆ

2. หากอากาศร้อนมากๆ ร่างกายจะมีการสร้างเหงื่อและน้ำมันออกมาจากผิวมากขึ้น ความอับชื้นจึงตามมา เราสามารถซับเหงื่อและความมันระหว่างวันได้ก่อนใส่หน้ากากกลับไปที่เดิม

3. ขณะที่ใส่หน้ากากอนามัย หากจำเป็นต้องพูดคุย สามารถรองกระดาษทิชชู่ไว้ที่ปาก หากพูดเสร็จให้ทิ้งทิชชู่นั้น

4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งเสริมการเกิดสิวได้

5. เมื่อกลับถึงบ้าน ควรรีบถอดหน้ากากแล้วล้างหน้าให้สะอาดทันที เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกตกค้าง รวมทั้งมลภาวะทางอากาศที่ผ่านเข้าหน้ากากจากด้านข้าง

6. หากมีอาการแพ้หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากชนิดที่ใช้ในการผ่าตัด (กรณีที่ไม่ใช่แพทย์และบุคลากรที่ผ่าตัด) สามารถเปลี่ยนมาใช้หน้ากากผ้า หรือหน้ากากชนิดอื่นๆ แทนได้

7. หากใช้หน้ากากผ้า ควรซักด้วยน้ำยาซักผ้าเด็กหรือน้ำสบู่อ่อน หรือซักด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ซักล้างและปรับผ้านุ่มที่ผสมน้ำหอม

8. หากทำตามทุกวิธีแล้วยังมีสิวขึ้นหรือผื่นภูมิแพ้ อาจเกิดจากโรคผิวหนังเดิมที่เป็นอยู่ ให้หยุดครีมบำรุงผิวทุกชนิดในช่วงแรก งดแต่งหน้า และรีบมาปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยเร็วที่สุด

บทความโดย : พญ. พีรธิดา รัตตกุล แพทย์ผู้ชำนาญสาขาตจวิทยา โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
#3492
ป้ายไฟวิ่ง LED ดิจิตอล 2 รูปแบบ กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี

**** Single color ****** ราคา 2,900 .- 

**** FULL color ****** ราคา 4,200 .-

- กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี










#3493

ที่ศาลากลางจังหวัดพังงา นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาได้มอบหมายให้นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า ตามที่ทางจังหวัดพังงาและภาคเอกชนได้มีแผนจะมีการเปิดรับการท่องเที่ยว "พังงาพร้อม" ในพื้นที่นำร่อง วันที่ 1 สิงหาคมนี้ ทางจังหวัดพังงาจำเป็นที่จะต้องเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 15 สิงหาคม ด้วยสาเหตุประกอบด้วย

ประเด็นที่1 ศบค. ใหญ่ ยังไม่ได้มีมติให้มีการเปิดพังงาพร้อมในวันที่ 1 สิงหาคมนี้

ประเด็นที่ 2 การเชื่อมโยงระบบ Application ทั้งชบาและหมอชนะ ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการยังไม่เรียบร้อย

และประเด็นที่ 3 สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ของจังหวัดพังงายังมีคลัสเตอร์ใหม่ๆ เกิดขึ้น รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้พื้นที่ให้ประชาชนเข้าใจยังไม่ครอบคลุม

ในวันนี้ทางจังหวัดได้ประชุมร่วมกับภาคประชาชน ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีมติเห็นตรงกันว่าจะเสนอ ศบค.ใหญ่ เลื่อนเป็นวันที่ 15 สิงหาคม ในเบื้องต้นทางจังหวัดได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกลุ่มที่มีส่วนได้ส่วนเสียเจ้าของโรงแรมมาหาหรือว่าการที่เราเลื่อนไปจากวันที่ 1 เป็นวันที่ 15 ซึ่งก็มีผลกระทบแน่ๆ แต่เพื่อความเหมาะสมของสถานการณ์ในปัจจุบันและที่สำคัญคือพ่อแม่พี่น้องชาวพังงาตอนนี้ทุกคนจำเป็นที่จะต้องได้รับข่าวสารที่ชัดเจนก่อน จึงจำเป็นที่จะต้องเลื่อนออกไป ภาคธุรกิจเอกชนได้รับผลกระทบแต่อยู่ในขอบเขตที่สามารถรับได้

 

สำหรับการเปิดการท่องเที่ยวนำร่อง พังงาพร้อม นั้น นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย 7 วันแรกเขาจะอยู่ที่ภูเก็ตเมื่อ มาถึงก็จะมีการตรวจหาเชื้อครั้งแรกหลังจากนั้นมาเขาอยู่ถึงวันที่ 6 จะตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 เมื่อไม่มีเชื้อเขาถึงมีสิทธิ์ที่เดินทางมาที่จังหวัดพังงาได้ ดังนั้นเมื่อทางราชการบวกกับคุณหมอพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้แล้ว ทางจังหวัดพังงาจึงไม่อยากจะปล่อยโอกาสที่เป็นโอกาสทองเพื่อให้กระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดพังงาเรา เนื่องจากยอดจองที่ทางเราคาดการณ์เดือนสิงหาคมเราจะมียอดนักท่องเที่ยวประมาณ 20,000 คนจะมียอดกระตุ้นเศรษฐกิจถึง 2,600 ล้าน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญเท่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องรายละเอียด จึงจำเป็นต้องเลื่อนการเปิดการท่องเที่ยวนำร่อง พังงาพร้อมไปเป็น 15 สิงหาคม


สำหรับความพร้อมของพื้นที่เปิดการท่องเที่ยวนำร่องนั้น โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเกาะยาว กลุ่มที่เป็นกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มโรคเรื้อรัง 7 โรคและกลุ่มผู้สูงอายุได้รับการฉีดวัคซีนไป 90% และภาพรวมของพื้นที่เกาะยาวก็ฉีดเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์แล้วในส่วนของการรับวัคซีนเราไม่กังวลแต่เรากังวลในเรื่องสถานการณ์ที่เพิ่มขึ้นในบริเวณโดยรอบ แล้วก็ฟังความรู้สึกของพ่อแม่พี่น้องประชาชน ทางจังหวัดจะพยายามสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าโควิด-19 คงจะไม่ไปจากเราง่ายๆ ดังนั้นเรามีทางที่จะอยู่ร่วมกับเขาเราก็ต้องพิจารณาให้เกิดความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสุขภาพของเราเป็นพี่น้องเป็นสิ่งสำคัญถ้าเราห่วงสุขภาพจนละเลยเศรษฐกิจในวันข้างหน้าเราอาจจะมีผลกระทบที่ไม่พึงปรารถนาได้เช่นกัน

https:// www.bangkokbiznews.com/news/detail/952061
#3494



อีกหนึ่งโครงการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิเพื่อชุมชน โดยพัฒนาผลิตผลในพื้นที่ช่วยเกษตรกรแก้ปัญหาเรื่องผลผลิตราคาตกต่ำ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิจิตรา เหลียวตระกูล อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารคณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทร.สุวรรณภูมิ) หัวหน้าโครงการหมู่บ้านต้นแบบการสร้างมูลค่าเพิ่มกล้วยหอมเขียวคาเวนดิช เปิดเผยว่า ตนพร้อมคณะทำงาน ได้ลงพื้นที่สำรวจบริบทกลุ่มเกษตรกรพื้นที่ตำบลโพประจักษ์ และตำบลถอนสมอ อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี มีการเพาะปลูกกล้วยหอมเขียวคาเวนดิช พบปัญหาผลผลิตเกินความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศ มีกล้วยตกเกรดจำนวนมาก อีกทั้งราคาของกล้วยหอมสดยังตกต่ำ ทำให้เกษตรกรมีภาวะหนี้สินครัวเรือน นั้น



ทำให้ทีมงานวิจัยเกิดแผนงานภายใต้โครงการบ่มเพาะหมู่บ้านวิทยาศาสตร์ (ชื่อเดิม) ในการสร้างมูลค่าเพิ่มกล้วยหอมเขียวคาเวนดิชตกเกรด ด้วยการแปรรูป ที่มุ่งเน้นการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมอาหารเข้ามาประยุกต์ใช้ ส่งผลให้ มีการรวมกลุ่มกันแปรรูปกล้วยหอมเขียว เพื่อจำหน่าย ถนอมอาหาร เพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตทางการเกษตร  และ นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ ลดอัตราการว่างงานในชุนชน กระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน



ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิจิตรา กล่าวว่า ปกติเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมเขียวเดิมขายกล้วยหอมเขียวตกเกรด ในราคา 3 บาท/กิโลกรัม ปัจจุบันมีราคากลาง 9 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 3 เท่าโดยมีกลุ่มแปรรูปมารับซื้อ  และมียอดจำหน่ายแป้งกล้วยหอมเขียวเพิ่มขึ้นประมาณ 30-50 กิโลกรัม/เดือน ส่วนผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ๆ จากกล้วยหอมเขียว ในปี พ.ศ. 2563 เกษตรกรมีรายได้ของกลุ่มเพิ่มขึ้น มูลค่าประมาณ 15,000 บาท/เดือน
#3495



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายแพทย์​เกียรติ​ภูมิ​ วงศ์​รจิต​ ปลัด​กระทรวง​สาธารณสุข โพสเฟสบุ๊ค เกี่ยวกับ ฉากทัศน์ covid-19ของไทย"คาดการณ์สถานการณ์การระบาด COVID-19 ของประเทศไทย ระหว่าง ส.ค. - ธ.ค. 2564 จัดทำโดยกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข  โดยการจำลองตัวเลข ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า 

หากล็อกดาวน์หนึ่งเดือน (เริ่ม 19 ก.ค. 64) คาดว่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรถึงต้นเดือน ตุลาคม และหากล็อกดาวน์สองเดือน คาดว่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรถึงปลายเดือน พฤศจิกายน


ฃหากมาตรการล็อกดาวน์ได้ผลมากขึ้น เช่น จากที่ช่วยลดค่า R ได้ 20% เป็น 25% น่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรได้ประมาณสองสัปดาห์ แต่ขนาดของการระบาดโดยรวมไม่เปลี่ยนไปมากนัก

หากมาตรมาตรการล็อกดาวน์ได้ผล และร่วมกับมาตรการวัคชีนในผู้สูงอายุได้ผลดี และดำเนินการได้รวดเร็ว ในเวลาไม่เกิน 2 เดือน น่าจะช่วยคงให้ความชุกของการใช้เครื่องช่วยหายใจไม่เกิน 1,500 รายต่อวัน และ อุบัติการณ์การเสียชีวิตไม่เกิน 200 รายต่อวัน ไปจนถึงเดือนธันวาคม    ​

โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ปลัด​กระทรวง​สาธารณสุข ได้เข้าร่วม​ประชุม​ เรื่องการบริหารจัดการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 และการเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม​ ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มและควบคุมสูงสุด ​โดยมี​ นายกรัฐมนตรี​ และ​รัฐมนตรีว่​าการกระทรว​งสาธารณสุข​ เป็น​ประธาน​การประชุม​ (โดยประชุมผ่านระบบ Zoom) ณ​ ห้องป​ระชุมการบูร​ ตึก​สำนักงาน​ปลัดกระทรว​งสาธารณสุข

พล.อ.ต.นพ.อิทธพร    คณะเจริญ  เลขาธิการแพทยสภา อธิบายฉากทัศน์ดังกล่าวในเฟสบุ๊คว่าเห็นการจำลองตัวเลข"ฉากทัศน์ covid-19ของไทย"  ของกระทรวงสาธารณสุข แล้วน่ากลัวมาก พบว่า ถ้าไม่คุมให้ดี มีโอกาสติดวันละ 45,000 คน ตายวันละ 450 คน


ผลการล็อกดาวน์วันนี้เราลดได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้คนติดเชื้อและคนตายไม่มากเท่านั้น แต่ต้องแลกด้วย มาตรการจำนวนมาก ที่ทำให้ทุกคน กระทบชีวิตประจำวัน อาชีพการงานและการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนป่วยและเสียชีวิตมาก เกินกว่าที่โรงพยาบาลจะรับ ไหว ซึ่งวันนี้ก็เริ่มเกินแล้ว ถ้ามากกว่านี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร

ในฉากทัศน์ นี้แสดงให้เห็นว่าการล็อกดาวน์จะยืดเยื้อไปอีก 2 เดือน เพื่อลดให้คนป่วยน้อย จนเตียงพอดูแลได้ และไม่ให้มีคนตายเยอะ ในภาพความเป็นจริง จะเป็นได้หรือไม่ต้องติดตามดู และขึ้นกับ สถานการณ์ของทรัพยากรและบุคลากรทางสาธารณสุข ที่จะต้อง โหมกระหน่ำลงไปสู้กันครับ สงครามนี้ไม่มีคนชนะ มีแต่ความเสียหาย ความสูญเสีย และความตาย ท่ามกลางความอดทนและเสียสละของทุกฝ่าย แต่อย่างไร พวกเราทุกคนก็ต้องสู้ต่อครับ ไม่นานเชื้อเหล่านี้จะหมดไปโดยธรรมชาติ เราต้องอดทน ต่อสู้ ให้ถึงวันนั้น
#3496


เรื่องของโควิด-19 ภายในประเทศยังเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดการลงทุนในสัปดาห์นี้ สถานการณ์ล่าสุดในวันอาทิตย์ผู้ติดเชื้อต่อวันยังคงเห็นการพุ่งขึ้น และทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หากอิงข้อมูลการติดเชื้อต่อวันจาก World Meter พบว่า การติดเชื้อของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 9 ของจำนวนประเทศที่ World Meters เก็บรวบรวมทั้งหมด 222 ประเทศ

ขณะที่ปัจจุบันจำนวนการติดเชื้อของประเทศไทยเริ่มเห็นการกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น หากมาดูข้อมูลล่าสุดจาก ศบค. พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 100% มาจากต่างจังหวัดที่ไม่รวมปริมณฑลถึง 59% ซึ่งเร่งตัวขึ้นมาจากช่วงก่อนหน้าราวกลาง ก.ค. ที่ 46% บ่งชี้ว่าปัจจุบันการแพร่ระบาดไปเริ่มกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เรากังวลและตลาดยังไม่ตอบรับคือการยกระดับมาตรควบคุมมากขึ้นในต่างจังหวัดเพื่อสกัดกั้นการระบาด แต่การยกระดับจะเป็นลบกับเศรษฐกิจรวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่ม Downside Risk ต่อประมาณการ จึงแนะนักลงทุนติดตามใกล้ชิดเกี่ยวกับการระบาดของต่างจังหวัด ดังนั้น จากการระบาดที่ยังมีความเสี่ยงทำให้ประเมิน SET ยังเสี่ยงอ่อนตัวกรอบ 1,520-1,560

สำหรับการส่งออกในเดือน มิ.ย. ขยายตัว 44%YoY นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี หลักๆ เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและฐานปี 20 ที่ค่อนข้างต่ำ ส่วนสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ +78%YoY เครื่องใช้ไฟฟ้า +42%YoY แผงวงจรไฟฟ้า +33%YoY เคมีภัณฑ์ +47%YoY สินค้าเกษตร +60%YoY มองเป็นบวกต่อ (AH DELTA HANA KCE NER PTTGC SAT) อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังต้องติดตามการระบาดโควิด-19 ที่หลายประเทศเผชิญการระบาดอีกครั้ง และบางประเทศที่เกิดการระบาดเป็นคู่ค้าหลักของไทย เช่น สหรัฐฯ (15%) ASEAN (13.4%) ญี่ปุ่น (9.8%)

ปัจจัยสัปดาห์นี้ (1) ประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุสัปดาห์นี้จะมี SCC PTTEP GLOBAL รายงานผลประกอบการ (2) ประชุม FED ในวันพฤหัสบดี แต่เชื่อว่าไม่มีนัยอะไรมากเนื่องจาก Policy ยังน่าจะคล้ายประชุมครั้งก่อน

กลยุทธ์การลงทุน การลงทุนระยะสั้นควรเลือกหุ้นที่ผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด เช่น ส่งออก (ASIAN DELTA HANA KCE NER TU) สื่อสารและโรงไฟฟ้า (ADVANC BGRIM BCPG GPSC GULF) รวมถึงได้ประโยชน์จากโควิด-19 เช่น โรงพยาบาล (BCH CHG) พร้อมแนะยังคงเน้นการถือครองเงินสดมากขึ้น

KCE (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 90 บาท) คาดผลการดำเนินงาน 2Q21E ที่ 531 ล้านบาท (+644%YoY และ 6%QoQ) โดยมีปัจจัยผลักดันหลักมาจากรายได้ที่ขยายตัวสู่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 71%YoY จากฐานที่ต่ำในปี 2020 และเพิ่มขึ้น 7%QoQ ตามจำนวนวันดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นราคาขาย
URL
 13
 
#3497



ท่ามกลางมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกัน ผู้ป่วยมะเร็งที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นแต่ละวันก็ไม่สามารถรอการรักษาได้ ชี้ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท สร้างการเปลี่ยนแปลงกับอุตสาหกรรมการแพทย์ก้าวสู่ "ดิจิทัลเฮลท์" ช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ รวมถึงการติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล ปรึกษาและช่วยเหลือกันระหว่างผู้ป่วยและโรงพยาบาล 

เพิ่มช่องทางการรักษาที่รวดเร็วขึ้น สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่ของคนบนโลกดิจิทัลที่มุ่งเข้าถึงบริการต่าง ๆ ผ่านออนไลน์มากขึ้น พบคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ในชีวิตประจำวันกว่า 69.5% เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 

เคลื่อนการแพทย์ สู่ ดิจิทัลเฮลท์

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก่อตั้งโดยร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพยาบาลฯ ได้เพิ่มบริการ "CHIWAMITRA Cancer Consult" ซึ่งเป็นการพัฒนาและขับเคลื่อนโรงพยาบาลฯ ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าบริการได้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ด้วยบริการนัดหมายเพื่อปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทางมะเร็งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือทางโทรศัพท์ สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่(New Normal) ของคนและสถานการณ์ในปัจจุบัน 


เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ให้กับผู้ป่วยและญาติ ท่ามกลางมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ผ่านบริการที่ให้ความสะดวก รวดเร็ว เสมือนมีแพทย์อยู่ใกล้ตัว โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ช่วยลดภาวะความเสี่ยงในขณะที่เข้าถึงระบบนัดหมายแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหา โรคมะเร็ง โดยบริการดังกล่าวนับเป็นก้าวหนึ่งของการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาต่อยอดสู่บริการใหม่ ๆ ในอนาคตด้านบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลฯ อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการแพทย์สู่ "ดิจิทัลเฮลท์" ช่วยให้ผู้ป่วยและประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ผ่านการติดต่อสื่อสารไร้พรมแดนในประเทศ แลกเปลี่ยนข้อมูล ปรึกษา และช่วยเหลือกัน ระหว่างผู้ป่วย ญาติ และโรงพยาบาล ได้ทุกที่ ทุกเวลา

"โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา เปิดบริการ "CHIWAMITRA Cancer Consult" ด้วยความตั้งใจที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่ในการให้บริการแก่ผู้ป่วยและญาติผู้เข้ารับบริการ ด้วยการใช้เทคโนโลยีพัฒนาระบบ ยกระดับบริการ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการให้คำปรึกษาด้วยข้อมูลทางการแพทย์ โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยด้านสุขภาพ" 

เพิ่มการสื่อสารสองทางระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยและญาติในเขตพื้นที่ และพื้นที่ห่างไกล ให้มีความคล่องตัวในการเข้าถึงข้อมูลและการนัดหมายแพทย์ หรือบริการอื่น ๆ ของโรงพยาบาลฯ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ให้ผู้ป่วยมะเร็งและญาติสามารถเข้าถึงช่องทางปรึกษาโรคมะเร็ง ผ่านแพลตฟอร์มที่คุ้นเคยทั้ง ไลน์ เฟสบุ๊ก เว็บไซต์ หรือโทรศัพท์ ซึ่งยังเป็นช่องทางหลักที่ผู้ป่วยและญาติคุ้นชินและใช้เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสาร โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในยุคปัจจุบัน


รักษามะเร็ง "นิวนอร์มอล"

"CHIWAMITRA Cancer Consult เป็นบริการที่สอดรับวิถีชีวิตใหม่ "นิวนอร์มอล" ในสังคมยุคดิจิทัล ท่ามกลางภาวะการเปลี่ยนแปลงด้วยผลกระทบช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กับสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสครั้งใหญ่ นับเป็นหนึ่งแรงผลักดันสำคัญให้ประชาชนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกเกิดการปรับวิถีชีวิตใหม่ ก้าวสู่วิถีการกินอยู่ การเรียน การทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิต ที่มีเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยจาก We Are Social และ Hootsuite ได้รายงานข้อมูลสถิติการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกประจำปี 2563 ที่ผ่านมา พบคนไทยมีอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ในชีวิตประจำวันกว่า 69.5% เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา "
 

ทั้งนี้ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรามุ่งมั่นในการเอาใจใส่ผู้ป่วยมะเร็งอย่างเป็นมิตรกับทุกชีวิตผ่านบริการทางการแพทย์ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางมะเร็ง โดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง บริการใหม่ดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในความตั้งใจที่จะพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง และญาติสามารถใช้บริการ "CHIWAMITRA Cancer Consult" ได้ผ่านไลน์ @chiwamitra เฟสบุ๊ก  โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา  


และเว็บไซต์ www.chiwamitra.com หรือโทร 045-958-888 ได้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่มีความจำเป็นต้องเข้ารับรักษาเร่งด่วน หรือมีความจำเป็นต้องย้ายมารับการรักษาโรคมะเร็งต่อเนื่อง  สามารถติดต่อโรงพยาบาลฯ ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเอกสารส่งตัว โดยโรงพยาบาลฯ พร้อมดูแลผู้ป่วยทันที ไม่ต้องรอคิวเข้ารับการรักษาภายใต้ความปลอดภัยมาตรฐานกรมควบคุมโรค
#3498
ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 099.461.1840
@line: chiramathe.nami

อาคารพาณิชย์ ชั้นเดียว ทำเลดี ด้านหน้าติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 เขตประเวศ กทม


เหมาะสำหรับทำการค้า สำนักงานเชิงพาณิชย์ 

เนื้อที่ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร 

ด้านหน้าอาคารติดกับถนนใหญ่ สุขุมวิท 77 ด้านข้างอาคารติดกับ ร.พ.วิภารามอ่อนนุช ขนาด 400 เตียง 19 ชั้น 

และซอย อ่อนนุช 78 ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ค่าเช่า 30,000 บาท/เดือน 
- สัญญา 2 ปี 
(สัญญาเช่า 2 ปี = จ่ายเงินประกัน 2 เดือนและค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน เข้าอยู่ได้เลย)

พื้นที่
ขนาด 180 ตารางเมตร หน้ากว้าง 9 เมตร ลึก 20 เมตร
ภายในอาคารในมี ห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องกระจก 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ทำเลที่ตั้ง
บ้านเลขที่ 39/15 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม 10250

สถานที่ใกล้เคียง
-ร.พ.วิภาราม อ่อนนุช
-เทสโก้โลตัส อ่อนนุช
-ไปรษณีย์อ่อนนุช
-สวนหลวง ร.9
-Seacon square
-Paradise park

ติดต่อ คุณ จิรเมธ นะมิ
เบอร์ 0994611840
@line: chiramathe.nami

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=73&t=7827111


























#3499



ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยแพร่ รายงานการลงทุนทางตรงในต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai ปี 2563 ว่า ณ สิ้นปี 2563 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ที่มีสถานะการลงทุนในต่างประเทศมีจำนวนรวม 278 บริษัท มีจำนวนเท่ากับปีก่อนหน้า และคิดเป็น 37% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในปี 2563

ทั้งนี้เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SET จำนวน 251 บริษัท และเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 27 บริษัท ในจำนวนดังกล่าวเป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมการบริการ (Services) มากที่สุด และภูมิภาคที่มีจำนวนบริษัทที่มีสถานะการลงทุนต่างประเทศในภาพรวมสูงสุดคือภูมิภาคอาเซียน โดยลงทุนมากที่สุดในประเทศเวียดนาม สิงคโปร์ และเมียนมา ตามลำดับ

มูลค่าจากกิจกรรมการลงทุนทางตรงในต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ที่เกิดขึ้นในปี 2563 รวม 1.39 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 1.56 แสนล้านบาท หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 53 ในจำนวนนี้เป็นมูลค่าการลงทุนจากบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SET รวม 1.37 แสนล้านบาท และเป็นมูลค่าการลงทุนจากบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai รวม 2 พันล้านบาท โดยรวมสัดส่วนการลงทุนทางตรงในต่างประเทศของทั้งสองตลาดคิดเป็นร้อยละ 9 ของมูลค่าเงินลงทุนของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในปี 2563

มูลค่าเงินลงทุนทางตรงในต่างประเทศปี 2563 ส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมการลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ 50 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์ SET คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1.13 แสนล้านบาท และภูมิภาคที่เป็นเป้าหมายการลงทุนมากที่สุดคือกลุ่มประเทศอาเซียน คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1.32 แสนล้านบาท หรือราวร้อยละ 95 ของมูลค่าเงินลงทุนทางตรงในต่างประเทศปี 2563 ซึ่งประเทศที่มีมูลค่าเงินลงทุนมากที่สุดคือ อินโดนีเซีย จากธุรกรรมการเข้าซื้อกิจการ PT Bank Permata ด้วยมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท


รายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ปี 2563 มีมูลค่ารวม 2.96 ล้านล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าลดลงประมาณ 5 หมื่นล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.7 จากปีก่อนหน้า เมื่อเทียบกับมูลค่ารายได้โดยรวมของบริษัทจดทะเบียน สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศคิดเป็นประมาณร้อยละ 26 โดยรายได้จากต่างประเทศส่วนใหญ่มากจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET มูลค่าประมาณ 2.94 ล้านล้านบาท

รายได้จากต่างประเทศในปี 2563 ของกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ 50 อันดับแรกของตลาดหลักทรัพย์ SET มีมูลค่า 2.1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 67 ของรายได้จากต่างประเทศทั้งหมดในปี 2563 และเมื่อพิจารณาตามภูมิภาคที่มาของรายได้ พบว่าบริษัทกว่าครึ่งไม่ระบุที่มาของแหล่งรายได้ให้ชัดเจน ทำให้รายได้มูลค่าราว 1.85 ล้านล้านบาท หรือ ร้อยละ 60 ของรายได้รวม ไม่สามารถระบุภูมิหภาคหรือประเทศแหล่งที่มาของรายได้ได้

แต่หากพิจารณาราเฉพาะข้อมูลที่มีรายละเอียดแหล่งที่มาของรายได้ พบว่ากลุ่มประเทศอาเซียนเป็นภูมิภาคที่บริษัทมีรายได้มากที่สุด คิดเป็น 4.86 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3 จากปีก่อนหน้า โดยประเทศที่สร้างรายได้สูงสุดคือประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศสิงคโปร์ ตามลำดับ
#3500



นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 70 ปี บริษัทฯ ได้ดำเนินพันธกิจในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่สังคม ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การกีฬา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทฯ มุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความวางใจ พร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต คำนึงถึงความสุขและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญ ภายใต้กลยุทธ์ "MTL Trusted Lifetime Partner"

ทั้งนี้ในฐานะที่เมืองไทยประกันชีวิตเป็นผู้สนับสนุนสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยมาตลอดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 13 ปี และเพื่อเป็นการขอบคุณในการมอบความสุขให้กับคนไทย ด้วยการคว้าเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 (Olympic Games Tokyo 2020) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น บริษัทฯ จึงขอมอบเงินสนับสนุนแก่ตัวแทนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 1.7 ล้านบาท เพื่อตอบแทนในความมุ่งมั่นทุ่มเทและเพื่อเป็นขวัญ กำลังใจในการฝึกซ้อมอย่างหนักจนสามารถคว้าชัยชนะมาได้ ดังนี้

- มอบเงินสนับสนุนแก่ "เทนนิส" นางสาวพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 1 ล้านบาท จากการชนะเลิศคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเทควันโด รุ่นน้ำหนัก 49 กิโลกรัมหญิง

-  มอบเงินสนับสนุนพิเศษแก่ โค้ชเช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 5 แสนบาท ผู้ทุ่มเทฝึกสอน นักกีฬา เบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่แห่งวงการเทควันโดของเมืองไทย

-มอบเงินสนับสนุนพิเศษแก่ "จูเนียร์" นายรามณรงค์ เสวกวิหารี นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย จำนวน 2 แสนบาท ที่ทำหน้าที่ในการแข่งขันอย่างสุดความสามารถ

บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่ได้รับชัยชนะและได้รับเหรียญรางวัลในครั้งนี้มาครองสำเร็จ นับเป็นเหรียญทองแรกของการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ในครั้งนี้ และเป็นเหรียญทองเหรียญที่ 10 ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยนับตั้งแต่ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ พร้อมทั้งนำพาชื่อเสียงและความภาคภูมิใจกลับมาให้กับประเทศไทยอีกด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอเป็นกำลังให้กับสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย รวมถึงนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยทุกท่าน ในการทำงานและฝึกซ้อมอย่างหนักต่อไป และบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนในด้านสังคม การกีฬา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบแทนสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมต่อไป