• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Prichas

#9121


ราเจช กานดาสวามี รองประธานฝ่ายวิจัยของ การ์ทเนอร์ กล่าวว่า ประมาณ 80% ของผลิตภัณฑ์และบริการเทคโนโลยีจะมาจากมืออาชีพนอกวงการเทคฯ โดยแนวโน้มนี้เป็นผลจากแรงผลักดันของนักลงทุนกลุ่มใหม่ที่อยู่นอกองค์กรไอทีทั่ว ๆ ไปที่ครองส่วนแบ่งที่ใหญ่กว่าของตลาดไอทีโดยรวม ปัจจุบันค่าใช้จ่ายด้านไอทีโดยเฉลี่ยของฝั่งธุรกิจสูงถึง 36% ของงบประมาณด้านไอทีทั้งหมด

"ซีอีโอบริหารธุรกิจดิจิทัลเหมือนเป็นทีมกีฬาที่ไม่ใช่หน่วยงานเดี่ยว ๆ ในสังกัดของฝ่ายไอทีอีกต่อไป การเติบโตของข้อมูลดิจิทัล เครื่องมือในการพัฒนาแบบ Low-Code และการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปอย่างเสรีโดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นการพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเท่านั้น"

เทคโนโลยีเข้าไปมีบทบาทในทุกด้านของธุรกิจและผู้บริโภค ทำให้เกิดความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการของผู้ใช้นอกแผนกไอที ซึ่งความต้องการของผู้ซื้อกลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับรูปแบบของผลิตภัณฑ์หรือบริการเดิม ๆ ที่ได้รับเสมอไป

ประกอบกับวิกฤตโควิด-19 ที่มีส่วนทำให้เกิดการขยายทั้งปริมาณและประเภทของกรณีการใช้งานเทคโนโลยีที่จำเป็น การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะเกิดการสร้างรายได้ถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากผลิตภัณฑ์และบริการที่ไม่เคยมีมาก่อนการระบาด

นักวิเคราะห์การ์ทเนอร์ยังกล่าวว่าการขยายตัวอย่างรวดเร็วของบริการคลาวด์ แนวคิดริเริ่มต่าง ๆ จากธุรกิจดิจิทัล และบริการระยะไกลได้เปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เมื่อผสานรวมและเพิ่มประสิทธิภาพของเทคโนโลยี


ในปี 2567 กว่าหนึ่งในสามของผู้ให้บริการเทคโนโลยีต้องแข่งขันกับผู้ให้บริการนอกกลุ่มเทคฯ

โควิด-19 ยังช่วยลดกำแพงในการสร้างโซลูชันต่าง ๆ ที่ผูกกับเทคโนโลยีและกลายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญให้ใครก็ตามที่สามารถตอบสนองความต้องการอันเป็นผลจากการระบาดใหญ่ได้ ซึ่งผู้ให้บริการหน้าใหม่เหล่านี้รวมถึงผู้ที่ทำงานสาขาวิชาชีพอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เทคโนโลยีภายในองค์กรต่าง ๆ หรือเป็น "นักเทคโนโลยีธุรกิจ – Business Technologists หรือ พลเมืองนักพัฒนา (Citizen Developers) นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และระบบ AI เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์

ปัจจุบัน ผู้ให้บริการเทคโนโลยีพบว่าตนกำลังเข้าสู่ตลาดที่เกี่ยวข้องหรือแข่งขันกับผู้ให้บริการจากนอกสายเทคฯ มากขึ้น ซึ่งรวมถึงบริษัทที่มีนวัตกรรมด้านบริการทางการเงินและการค้าปลีก โดยอย่างหลังกำลังสร้างโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยไอทีถี่ขึ้นและประกอบกับความทะเยอทะยานที่มากขึ้นเนื่องจากองค์กรจำนวนมากยังพยายามเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล

การ์ทเนอร์คาดว่าภายในอีก 12 เดือนข้างหน้านี้ จะมีการประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ๆ จากบริษัทที่ไม่ใช่สายเทคฯ แพร่หลายมากขึ้น

"ความพร้อมของนักเทคโนโลยีธุรกิจทำให้เกิดแหล่งข้อมูลใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและยังสามารถทำงานให้เกิดผลสำเร็จได้ ดังนั้นผู้ให้บริการเทคโนโลยีจำเป็นต้องขยายขอบเขตแนวคิดและแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติมไปยังกลุ่มคนใหม่ ๆ อาทิ จากพื้นฐานการพัฒนามือสมัครเล่น หรือจากทีมงานที่ดูแลกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ และแผนกอื่น ๆ" กานดาสวามี กล่าวเพิ่มเติม
#9122


รอยเตอร์ - เวียดนามจะปรับลดระยะเวลาการกักตัวสำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศจาก 2 สัปดาห์ เหลือเพียง 7 วัน กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุวันนี้ (4) ในขณะที่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้กำลังต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ

เวียดนามประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสได้เป็นส่วนใหญ่ในปีที่ผ่านมาจากการตรวจหาเชื้อแบบมุ่งเป้าและการกักกันโรคแบบรวมศูนย์ แต่นับตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. เวียดนามเผชิญกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลจากสายพันธุ์เดลตา

พรมแดนของประเทศปิดรับผู้มาเยือนทั้งหมด ยกเว้นพลเมืองเวียดนามที่เดินทางกลับประเทศ ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ นักลงทุน หรือนักการทูต ซึ่งทุกคนต้องถูกกักตัว 14 วัน ยังสถานที่ที่ได้รับการจัดการจากส่วนกลาง

ชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบ จะได้รับอนุญาตให้กักตัวแค่ 7 วันกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุในคำแถลง

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีเสียงเรียกร้องจากผู้นำธุรกิจของยุโรปและอเมริกันในเวียดนามเมื่อต้นปี ให้ผ่อนปรนกฎระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ

คำแถลงยังระบุว่า ผู้มาเยือนจะถูกเฝ้าระวังทางสุขภาพต่ออีก 7 วัน แต่ไม่ได้ระบุว่านโยบายใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อใด

เวียดนามรายงานว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมในประเทศทั้งหมด 177,800 คน และมีผู้เสียชีวิต 2,327 คน โดยส่วนใหญ่ถูกบันทึกในช่วงเดือนที่ผ่านมาในนครโฮจิมินห์ และในขณะนี้ศูนย์กลางทางธุรกิจและจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศทั้งหมดอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ พร้อมกับกรุงฮานอย

ศูนย์กักกันโรคส่วนกลางทั่วประเทศทำงานอย่างเต็มขีดความสามารถและรัฐบาลได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กำลังเปลี่ยนโฟกัสไปที่การรักษาเพื่อจำกัดจำนวนผู้เสียชีวิตในนครโฮจิมินห์

ข้อมูลของทางการระบุว่า มีประชาชนเพียง 744,000 คน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ในประเทศที่มีประชากร 98 ล้านคนแห่งนี้.
#9123


ผลการจัดอันดับประจำปี 2021 ประกอบด้วยบริษัทจีน 143 แห่ง บริษัทสหรัฐ 122 แห่ง และบริษัทญี่ปุ่น 53 แห่ง Walmart ยังรักษาอันดับหนึ่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 8

นิวยอร์ก -- พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ในวันนี้ FORTUNE ได้ประกาศรายชื่อ FORTUNE Global 500 สำหรับปีงบการเงิน 2020 ซึ่งเป็นการจัดอันดับ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลกจากการประเมินรายได้ โดย Walmart คว้าอันดับหนึ่งเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน และเป็นครั้งที่ 16 นับตั้งแต่ปี 1995 ขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่ (รวมฮ่องกง) ยังคงมีบริษัทติดอันดับมากที่สุด ซึ่งเพิ่มขึ้น 11 บริษัทจากปีที่แล้วเป็น 135 บริษัท และเมื่อรวมไต้หวัน ทำให้มีบริษัทจากเกรทเทอร์ไชน่าติดอันดับรวมทั้งสิ้น 143 บริษัท ด้านสหรัฐติดโผเพิ่มขึ้น 1 บริษัทรวมจำนวนเป็น 122 บริษัท ส่วนญี่ปุ่นมีบริษัทติดอันดับคงที่เป็น 53 บริษัท ทั้งนี้ บริษัทในรายชื่อปี 2021 มาจาก 220 เมืองและ 31 ประเทศทั่วโลก และบริษัท FORTUNE Global 500 ปีนี้ มีซีอีโอหญิงรวม 23 คน เพิ่มขึ้น 9 คนจากปีที่ผ่านมา

บริษัทในทำเนียบ FORTUNE Global 500 ทำรายได้รวมกันมากกว่าหนึ่งในสามของจีดีพีโลก โดยทำรายได้ 31.7 ล้านล้านดอลลาร์ (ลดลง 5%) กำไร 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ (ลดลง 20%) และจ้างงาน 69.7 ล้านคนทั่วโลก

Apple (อันดับ 6) ทำกำไรได้ 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ และเป็นบริษัทที่ทำกำไรสูงสุดในบรรดาบริษัท FORTUNE Global 500 ล้มแชมป์เก่า 2 สมัยอย่าง Saudi Aramco (อันดับที่ 14)

สก็อตต์ เดคาร์โล บรรณาธิการรายชื่ออันดับ FORTUNE 500 ประจำปี 2021 กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งเป็นผลพวงจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 จะส่งผลในระยะยาวต่อธุรกิจทั่วโลก แต่หากหยิบภัยพิบัติดังกล่าวมาตัวเร่งปฏิกิริยา Global 500 ได้แสดงให้โลกเห็นถึงวิธีการปรับตัว วิวัฒนาการ และการสร้างตัวตนขึ้นใหม่ Global 500 เป็นภาพของโลกที่เราทิ้งไว้ข้างหลัง และเป็นแนวทางสำหรับสภาพแวดล้อมใหม่ที่กำลังก่อตัว"
บริษัทขนาดใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรกในรายชื่อ FORTUNE GLOBAL 500 ได้แก่

Walmart (สหรัฐ)  
State Grid (จีน)
Amazon.com (สหรัฐ)
China National Petroleum (จีน)  
Sinopec (จีน) 
Apple (สหรัฐ)
CVS Health (สหรัฐ)
UnitedHealth Group (สหรัฐ) 
Toyota Motor (ญี่ปุ่น) 
Volkswagen (เยอรมนี) 

รายชื่อทั้งหมดได้ที่ https://fortune.com/global500/ หรือที่ www.fortunechina.com 

รับชมการนำเสนอภาพข้อมูลประวัติความเป็นมาของ Global 500 ได้ที่ https://qlik.fortune.com/global500/

ในบทบรรณาธิการของนิตยสาร FORTUNE ฉบับเดือนส.ค.-ก.ย. 2021 ไบรอัน โอคีฟี รักษาการบรรณาธิการบริหาร ได้เขียนไว้ว่า "การจัดอันดับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามรายได้ประจำปีของเรา ยังคงเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จของธุรกิจ แม้จะได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ แต่บริษัทที่อยู่ในรายชื่อเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ถึง 31.7 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา เทียบเท่ากับหนึ่งในสามของจีดีพีโลก นอกจากนี้ วิกฤตการณ์โควิด-19 ยังพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีบริษัทใหม่ 45 แห่งที่เข้าร่วมในรายชื่อปีนี้"

การจัดอันดับพิจารณาจากรายได้รวมประจำปีงบการเงินของแต่ละบริษัทซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่หรือก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2021 ทุกบริษัทที่อยู่ในรายชื่อต้องเปิดเผยรายงานและข้อมูลการเงินบางส่วนหรือทั้งหมดต่อหน่วยงานรัฐบาล โดยเป็นตัวเลขตามการรายงาน และเป็นการเปรียบเทียบกับตัวเลขของปีก่อนหน้าตามที่มีการรายงานเป็นครั้งแรกในปีนั้น
#9124

เมื่อ "เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว" กลายเป็นสิ่งจำเป็นในยุคโควิดระบาด หลายคนสงสัยว่าเครื่องที่ซื้อมา ตรวจวัดได้แม่นยำแค่ไหน วิธีตรวจที่ถูกต้องทำอย่างไร แบบไหนที่บ่งชี้ว่าผลตรวจคลาดเคลื่อน ชวนหาคำตอบที่นี่

เมื่อผู้ติดเชื้อในไทยวันนี้ (4 ส.ค.64) ทำนิวไฮอีกครั้ง โดยพบยอดผู้ติดเชื้อทะลุ 2 หมื่นกว่าราย ทำให้ทั้งบุคลาการทางการแพทย์ และอาสาสมัครด่านหน้า ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้นอีกหลายเท่า โดยเฉพาะอุปกรณ์และยาจำเป็นต่างๆ ก็มีความต้องการพุ่งสูงตามไปด้วย หนึ่งในไอเทมจำเป็นคงหนีไม่พ้น "เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว"

หลายคนยอมควักเงินซื้อ "เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว" ด้วยตนเอง เพราะไม่อยากนั่งรอความช่วยเหลืออย่างเดียว แต่ในท้องตลาดตอนนี้พบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวมีทั้งแบบราคาแพง ราคาถูก บางครั้งพบยี่ห้อเดียวกันแต่ราคาต่างกันมาก ทำให้หลายคนไม่แน่ใจว่าควรเลือกซื้อแบบไหน? ถึงจะแม่นยำที่สุด และมีวิธีการใช้งานอย่างไร? กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รวบรวมคำตอบมาให้แล้ว ดังนี้


1. รู้หลักการทำงาน "เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว" 

นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอด และวิกฤติบำบัด สหรัฐอเมริกา ได้แชร์ความรู้ผ่านช่องทาง Doctor Tany (2 ส.ค. 64) เกี่ยวกับหลักการทำงานของเครื่องวัดออกซิเจนฯ และวิธีใช้งานเอาไว้ว่า 

เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว มีหลักการทำงานคือ ตัวเครื่องจะปล่อยคลื่นแสงออกมา ไปกระทบกับเส้นเลือดฝอยที่ปลายนิ้วมือ แล้วมันก็จะวัดแสงสะท้อนที่ได้ออกมา แสงสะท้อนดังกล่าวจะเป็นตัวบอกว่าในเส้นเลือดของร่างกายมีปริมาณออกซิเจนอยู่มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความถี่ของแสงสะท้อน ที่สะท้อนกลับมาให้ตัวเครื่องวัดค่าได้

2. เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว มีประโยชน์ยังไง?

คำถามต่อมาที่หลายคนอาจสงสัยคือ ทำไมต้องใช้ "เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว" มาตรวจค่าออกซิเจนกับผู้ป่วย "โควิด-19" ?

คำตอบคือ เพื่อต้องการดูว่าผู้ป่วยโควิดมีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำหรือไม่ ซึ่งมีประโยชน์มากในกรณีที่ป่วยเป็นโควิด เนื่องจากเมื่อป่วยโควิดแล้ว ผู้ป่วยมักจะเกิดภาวะหนึ่งที่เรียกว่า "Happy Hypoxia" หมายความว่า คนไข้มีภาวะออกซิเจนต่ำแต่กลับดูปกติสบายดี ตรงข้ามกับการป่วยด้วยโรคอื่นๆ ที่หากผู้ป่วยมีภาวะออกซิเจนต่ำขนาดนี้ ร่างกายจะแย่ลงทันทีอย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้น การใช้เครื่องมือนี้มาตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือด จึงจะช่วยให้คนป่วยได้รู้ตัวว่าตอนนี้ร่างกายของเขามีภาวะขาดออกซิเจน หรือเชื้อลงปอด หรือเริ่มมีการอักเสบในปอดแล้วหรือยัง นั่นเอง

3. แนะนำวิธีการตรวจวัดที่ถูกต้อง

หมอธนีย์ ยังได้แนะนำถึงวิธีการใช้งานเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ดังนี้

- ควรตรวจวัดที่นิ้วมือที่ไม่ได้ทาเล็บ เพราะสีทาเล็บอาจจะทำให้วัดค่าได้ผิดเพื้ยนไป ต้องล้างเล็บก่อนตรวจวัด

- ควรตรวจขณะที่มืออุ่น ถ้ามือเย็นจะวัดค่าออกซิเจนได้ต่ำลง ดังนั้นก่อนตรวจต้องทำให้มืออุ่นก่อนเสมอ

- ระหว่างตรวจวัดให้หายใจลึกๆ เข้าออก 2-3 ครั้ง วางมือนิ่งและรอผลแสดงที่หน้าจอ

- ควรสลับนิ้วและตรวจวัดซ้ำๆ ด้วย เพื่อผลที่แม่นยำมากขึ้น

- เมื่อผลตรวจโชว์ที่หน้าจอ ต้องเห็นว่าระบุทั้งค่าออกซิเจน และค่าชีพจร ให้สังเกตจุดแสดงผลค่าชีพจรต้องเคลื่อนที่ไปมาตลอดเวลา เพื่อแสดงว่าเครื่องมือใช้ได้ปกติ


4. วิธีอ่านผลตรวจค่าออกซิเจนในเลือด

สิ่งต่อมาที่ต้องรู้คือ วิธีอ่านผลและแปลผลการตรวจ โดยหมอธนีย์มีคำแนะนำ ดังนี้

วัดได้ 95-97% ขึ้นไป คือ ค่าปกติ ออกซิเจนในร่างกายปกติ
วัดได้ 94% ลงไป คือ ผิดปกติ มีภาวะออกซิเจนต่ำ
ทั้งนี้ เครื่องตรวจเหล่านี้โดยปกติจะวัดค่าได้ไม่ตรงเป๊ะๆ จะมีความคลาดเคลื่อนบวกลบอยู่ประมาณ 2%-3% แล้วแต่ตัวเครื่อง ใครที่วัดได้ 100% อาจจะไม่ใช่เรื่องปกติ โดยทั่วไปไม่มีใครที่จะสามารถมีออกซิเจนในเลือดได้ 100% เว้นแต่กำลังได้รับการให้ออกซิเจนด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ ดังนั้นหากวัดค่าได้ 100% เป็นไปได้ว่าเครื่องตรวจมีความคลาดเคลื่อนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อน่ากังวลใดๆ

แต่หากวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้ 94% หรือต่ำว่านั้น ก็ต้องมาเช็คอาการของตนเองก่อนว่า มีอาการป่วยโควิดอยู่หรือไม่ เช่น มีไข้ ไอ หอบเหนื่อย เพลีย ท้องเสีย ไม่ได้กลิ่น ไม่รับรส แบบนี้จึงจะชัดเจนว่าติดโควิด ซึ่งการวัดออกซิเจนได้ต่ำขนาดนี้ เป็นไปได้ว่าเชื้อลงปอดแล้ว

ถ้าวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้ต่ำกว่า 94% แต่ไม่มีอาการป่วยโควิดเหล่านี้เลย เป็นไปได้ว่าตรวจผิดวิธี เช่น อาจจะทาสีเล็บมืออยู่ หรือนิ้วที่ใช้ตรวจเย็นเกินไป ต้องแก้ไขก่อนแล้วตรวจซ้ำอีกที หรืออีกอย่างคือไม่ได้ป่วยโควิด แต่สงสัยได้ว่ามีภาวะของโรคอื่นๆ อยู่ เช่น โรคหัวใจ โรคปอด ซึ่งก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและวินิจฉัยให้แน่ชัด


5. เลือกซื้อ "เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว" ยี่ห้อไหนดี?

สำหรับวิธีการเลือกซื้อเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว มีคำแนะนำเรื่องนี้จากอาสาสมัครมูลนิธิกระจกเงา ที่เคยโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลไว้ว่า ทางมูลนิธิต้องการรับบริจาคเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วเพิ่มเติม เนื่องจากบางเครื่องที่มีอยู่ไม่ได้มาตรฐาน วัดค่าไม่ได้ เปิดเครื่องไม่ติด หรือวัดค่าได้คลาดเคลื่อนมากๆ จึงแนะนำเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วที่ทางทีมงานมูลนิธิได้ตรวจสอบความแม่นยำแล้ว ว่ามี 5 ยี่ห้อ คือ Yuwell, Beurer, Jumper, Microlife, Contec

ทั้งนี้ ราคาของแต่ละยี่ห้อ ทางทีมข่าวฯ ได้สำรวจตามเว็บไซต์ E-Marketplace หลากหลายแห่ง พบว่ามีราคาแตกต่างกันไปดังนี้ 

Yuwell ราคาประมาณ 790-990 บาท
Beurer/Beurer po30 ราคาประมาณ 1,990-2,650 บาท
Jumper ราคาประมาณ 890 - 1,200 บาท
Microlife ราคาประมาณ 2,400-2,700 บาท
Contec ราคาประมาณ 890 - 1,500 บาท
-------------------------

อ้างอิง : 

นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน (2 ส.ค. 64)

มูลนิธิกระจกเงา

ทีมข่าวกรุงเทพธุรกิจรวบรวมราคา
#9125


แม้จะเป็นเพียงการควบรวมกันของ 2 บริษัทสตาร์ทอัพในอินโดนีเซีย แต่ก็ถือป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของอินโดนีเซีย และจะกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ติดอันดับ Top 3 ของประเทศ โดยเมื่อรวมมูลค่าธุรกรรม หรือ Gross Transaction Value (GTV) ของ 2 บริษัทนั้น จะมีมูลค่ามากถึง 2.2 หมื่นล้านเหรียญ คิดเป็น 2% ของ GDP อินโดนีเซีย อีกทั้งผู้บริหารยังตั้งเป้าว่า อาจจะไปได้ถึง 5-10% ของ GDP ภายหลังจากควบรวมกันเป็น GoTo หลังจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในประเทศอินโดนีเซียและที่สหรัฐฯ พร้อมนำเม็ดเงินที่จะมาพลิกโฉมหน้าการแข่งขันของอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่ในประเทศ แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคด้วย ซึ่งจะได้รับผลกระทบและแรงกระเพื่อมจากดีลครั้งนี้

ก่อนอื่น ไปดูว่า GoTo คือใคร และทำไมถึงจะสร้างผลกระทบต่อวงการบริษัทเทคโนโลยีในอาเซียนได้มากขนาดนี้

บริษัทแรกของการควบรวม คือ Gojek เป็น Platform เรียกรถ (Ride-hailing) ที่กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในเวทีเดียวกันกับ Grab ในหลายประเทศในอาเซียน ในอินโดนีเซียนั้น Gojek ยังมีบริการอื่นๆ ที่เป็น on-demand services อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การส่งของ การส่งอาหาร ของกินของใช้ ดอกไม้ ยา รวมถึงบริการที่เป็น Lifestyle services ต่างๆ เช่น จ้างคนทำความสะอาดบ้าน นวด ติวเตอร์ เทรนเนอร์ฟิตเนส จัดสวน ตัดผม และยังมีบริการ จองตั่วรถ คอนเสิร์ต อีเว้นท์ รวมไว้ในแอปเดียวอีกด้วย GoJek ยังทำธุรกิจการเงิน (Financial services) ในชื่อ GoPay ซึ่งเป็น e-wallet สำหรับชำระค่าบริการต่างๆ รวมถึงการให้สินเชื่อแก่ผู้บริโภคด้วย ซึ่งถือได้ว่า มีความพร้อมที่จะเป็น SuperApp สำหรับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

ขณะที่อีกบริษัทหนึ่งของการควบรวมก็แข็งแกร่งในสมรภูมิของตัวเองเช่นเดียวกัน คือ Tokopedia นั้นเป็น platform e-commerce ที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย ชนิดที่ว่า แม้ Shopee จะเป็นผู้นำในทุกประเทศในอาเซียนแล้วนั้น แต่ในอินโดนีเซียทั้ง  2 บริษัท ยังคงคู่คี่สูสีกันอยู่ โดย Tokopedia นั้น เป็นผู้บุกเบิกตลาด e-commerce มาตั้งแต่ปี 2009 และปัจจุบันเป็นผู้นำในตลาด C2C ที่ส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงราว 45% มีผู้ใช้งานต่อเดือนมากถึง 129 ล้านคน และสามารถสร้างรายได้ได้จากหลากหลายช่องทาง ทั้งจากการโฆษณาสินค้า การเก็บค่าคอมมิชชั่น รวมถึงค่าบริการเสริมอื่นๆ ใน Tokopedia นั้น ผู้ใช้งานยังสามารถสั่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตและจากตลาดทั่วไปได้ ทำให้ความกว้างของสินค้านั้น ครอบคลุมของใช้ในชีวิตประจำวันได้เกือบทุกอย่าง

ดังนั้น การรวมกันของบริษัทใหญ่นี้ จึงทำให้ความเป็นผู้นำในทั้ง 2 ตลาด ถูกเสริมความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งการรวมกันของฐานลูกค้า การเพิ่มประสิทธิภาพในค่าใช้จ่ายทางการตลาดและระบบหลังบ้าน การจัดการโลจิสติกส์ ซึ่งอินโดนีเซียนั้น มีภูมิประเทศที่เป็นเกาะมากกว่า 17,000 เกาะ การควบรวมกันจะส่งผลบวกต่อการจัดส่งสินค้าและต้นทุนของทั้งสองบริษัทอย่างมาก และที่สำคัญที่สุด คือ ข้อมูลลูกค้า ฐานข้อมูลของ GoTo จะมีข้อมูลลูกค้าที่มีความละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อธุรกิจต่อเนื่องของบริษัท คือ ธุรกิจการเงิน (Financial services) ในการทำ Credit scoring การปล่อยสินเชื่อ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินแก่ลูกค้า การรวมกันของทั้ง 2 นี้ ยังถือว่า เป็นบริษัทแรกในโลกที่สามารถให้บริการได้ทั้ง e-commerce platform และ on-demand services อีกด้วย

ด้านการถือหุ้น GoTo จะมาจากผู้ถือหุ้นของ Gojek 58% และ Tokopedia 42% ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทรวมจะเป็น Alibaba และ SoftBank โดย Alibaba นั้นยังถือหุ้นในคู่แข่งของ Tokopedia อย่าง Lazada ขณะที่ Softbank ก็ถือหุ้นในคู่แข่งของ Gojek อย่าง Grab เป็นที่น่าสังเกตว่า ระบบนิเวศน์ของวงการบริษัทเทคโนโลยีในอาเซียนนั้นมีความทับซ้อนกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีผู้ถือหุ้นที่เป็นบริษัทชั้นนำของโลกอย่าง Facebook Google JD.com PayPal Tencent และ Visa รวมถึงกองทุนขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง

Goto เตรียมตัวที่จะจดทะเบียนใน 2 ตลาด (Dual listing) ทั้งอินโดนีเซียและสหรัฐฯ โดยคาดการณ์กันว่าจะระดมที่มูลค่ากิจการมากถึง 3.5-4.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวของมูลค่ารวมของ 2 บริษัทที่ 18 ล้านเหรียญ ที่เคยระดมทุนไปในปี 2019 และ 2020 ตามลำดับ และเป็นมูลค่าที่ใกล้เคียงกับ Grab บริษัทสิงคโปร์ที่กำลังจะจดทะเบียนในตลาด Nasdaq ผ่านการระดมทุนแผนพิเศษ Special Purpose Acquisition Company (SPAC) หนุนโดย Altimeter Capital ที่มูลค่ากิจการราว 4 หมื่นล้านเหรียญ หลังทั้ง Gojek และ Grab ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการควบรวมกันได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ในเวทีอาเซียนเดียวกันนั้น ยังถือว่าห่างจากมูลค่าของ SEA group อยู่มาก ที่ราว 14.5 หมื่นล้านเหรียญ ที่มีทั้งธุรกิจ e-commerce ธุรกิจการเงิน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจเกมส์ของ Garena ที่ถือว่ายังเป็นตัวแปรที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของ Platform Technology ในภูมิภาคนี้อยู่
ภายหลังการระดมทุน GoTo อาจไม่หยุดเพียงความเป็นผู้นำในตลาดอินโดนีเซีย แต่ยังจะขยายไปในตลาดอื่นๆในอาเซียนที่ Gojek นั้นได้เริ่มธุรกิจเอาไว้แล้ว รวมถึงประเทศอื่นๆได้อีกด้วย และไม่เพียงแต่ GoTo เท่านั้น ยังมีสตาร์ทอัพเทคโนโลยีรายอื่นๆอีก ทั้ง Grab Traveloka Bukalapak ที่กำลังเตรียมตบเท้าเข้าระดมทุนผ่านตลาดต่างๆ ซึ่งถือเป็นการนำเม็ดเงินเข้าเพิ่มในระบบนิเวศน์ของบริษัทเทคโนโลยีให้อุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นและช่วยให้สตาร์ทอัพขนาดเล็กใหม่ๆได้เติบโตตามมาได้เร็วขึ้น ทำให้ในระยะข้างหน้า แม้ว่าผลกระทบและแรงกระเพื่อมที่จะเกิดขึ้นต่อวงการบริษัทเทคโนโลยีในอาเซียนจะยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองต่อไป แต่ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ความเข้มข้นของการแข่งขันจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสมรภูมิรบอาเซียนนั้นได้เพิ่มขึ้นแล้ว
#9126


เฉลิมชัย เร่งเดินหน้าโครงการ "เกษตรกร Happy" ประสานไปรษณีย์และผู้ประกอบการเอกชน ขนส่งผลไม้ภาคใต้สู่ผู้บริโภคโดยตรง ปลื้มใจนายกรัฐมนตรีอุดหนุนผลไม้ช่วยเกษตรกรและส่งมอบให้บุคลากรด่านหน้า ร่วมฝ่าวิกฤติโควิด-19
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดทำโครงการ "เกษตรกร Happy" โดย ขอความร่วมมือไปยังบริษัท ไปรษณีย์ไทยเปิดให้บริการเป็นกรณีพิเศษเร่งด่วนพร้อมกัน 105 สาขาใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนให้นำส่งผลไม้จากเกษตรกรถึงผู้รับในพื้นที่สีแดงทุกพื้นที่ ซึ่งได้รับการยืนยันว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทยจะเร่งกำชับไปรษณีย์ทุกสาขาดำเนินการตามข้อเสนอ

แต่การจัดส่งอาจช้ากว่าปกติ 1 วันเพราะต้องใช้สาขาปลายทางที่อยู่นอกพื้นที่สีแดงผลัดเวรกันส่งเนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานสบางคนของสาขาในพื้นที่สีแดงติดโควิด-19 โดยไปรษณีย์ไทยจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อช่วยชาวสวน ซึ่งขอขอบคุณบริษัทไปรษณีย์ไทยและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ที่ร่วมมือ นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัทเคอรรี่ ซึ่งตกลงที่จะเปิดบริการอีกครั้งเช่นกัน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 เนื่องจากระบบขนส่งเป็นกลไกสำคัญในการค้าขายและระบายผลไม้ออกจากแหล่งผลิตทั้งการค้าแบบออฟไลน์และออนไลน์

          ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยเกษตรกร โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯ ประสานกับหน่วยงานต่างๆ ช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งเมื่อวานนี้นายกฯ ซื้อผลไม้ทั้งมังคุดภาคใต้และลำไยภาคเหนือ แล้วส่งมอบเป็นกำลังใจไปให้กับเจ้าหน้าที่และจิตอาสาด่านหน้าด้วย

          นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า มอบหมายให้นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว. เกษตรฯ เดินทางไปภาคใต้เพื่อช่วยแก้ไขขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และปัญหาการขาดแคลนแรงงานรวมทั้งการขอความร่วมมือผู้ประกอบการค้าผลไม้(ล้ง)ทั้งค้าภายในและส่งออกให้ลงมาซื้อมังคุดด้วยมาตรการที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องทำให้สถานการณ์เริ่มกระเตื้องขึ้น เช่นจังหวัดนครศรีธรรมราชมีล้งเข้ามาซื้อขายมังคุดและผลไม้เพิ่มขึ้นจาก 40 ล้งเป็น 146 ล้ง

นอกจากนี้สมาคมผู้ส่งออกทุเรียนมังคุดแจ้งว่า สามารถจองตู้คอนเทนเนอร์ที่จะส่งออกผลไม้ทางเรือได้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคมซึ่งจะทำให้ลดการขนส่งทางรถไปประเทศจีนที่แออัดติดขัดที่ด่านโหยวอี้กวนและด่านโมฮ่านมีผล จนทำให้ตู้คอนเทนเนอร์หมุนกลับมาภาคใต้ไม่ทันนั้นดีขึ้น หากตู้คอนเทนเนอร์ทยอยกลับมาขนมังคุดได้มากขึ้นภายในไม่กี่วันข้างหน้า จะทำให้การซื้อขายเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อราคาที่จะขยับตัวสูงขึ้น

          "ขอให้คนไทยช่วยกันอุดหนุนผลไม้ไทย ผ่าน facebook : Thailandpostmart และเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย  ได้แก่ มังคุด จ.นครศรีธรรมราช เงาะ จ.สุราษฎร์ธานี และลำไย จ.พะเยา ด้วยการการตลาดแบบใหม่ใช้ช่องทาง  Line My Shop และ QR Code ให้ผู้ซื้อ/ลูกค้า ทราบข้อมูลเกี่ยวกับผลไม้และราคาที่นำมาขายและสามารถสแกนซื้อที่ QR Code ของโครงการได้เลย โดยกระทรวงพาณิชย์จะสนับสนุนค่าขนส่งและค่ากล่องให้กับประชาชนที่สั่งซื้อผลไม้ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทยไปรษณีย์ไทย ซึ่งจัดส่งให้ฟรีทั่วไทยด้วย ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร นอกจากนี้อาจส่งมอบแก่บุคลากรด่านหน้าเพื่อเป็นกำลังใจด้วย"นายเฉลิมชัย กล่าว

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงมาตรการป้องกันและควบคุมเชื้อโรคของประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกมังคุดและผลไม้อื่น ๆ ของไทย ที่เกิดจากปัญหาการขนส่งล่าช้า การขาดแคลนตู้คอนเทรนเนอร์และตะกร้าใส่ผลไม้ รวมทั้งปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้าพื้นที่ที่ทำได้ยาก การขาดแคลนแรงงาน และตะกร้ามีไม่พอเช่นกัน ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับนโยบายและระดับพื้นที่ เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน กระทรวงพาณิชย์มีแนวทางมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยกระจายมังคุดในประเทศ

เชื่อมโยงและกระจายมังคุดออกนอกแหล่งผลิตโดยสนับสนุนค่าบริหารจัดการแก่ศูนย์กระจายในจังหวัดแหล่งผลิตกิโลกรัมละ 3 บาทซึ่งกรมการค้าภายในโอนเงินให้จังหวัดดำเนินการจำนวน 50,850,000 บาทตามที่ฟรุ้มบอร์ดอนุมัติเพื่อกระจายมังคุดจำนวน 16,950 ตันออกนอกแหล่งผลิตอย่างเร่งด่วน
สนับสนุนค่าขนส่งสำหรับผลไม้ที่ส่งผ่านไปรษณีย์กรมการค้าภายในร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทยสนับสนุนกล่องไปรษณีย์และสติกเกอร์ส่งฟรีผลไม้ทั่วประเทศส่งเสริมการขายผ่านออนไลน์แก่เกษตรกรรายย่อยจำนวน 20,000 กล่องกล่องละ 10 กิโลกรัมเพื่อช่วยกระจายผลเม้ 2000 ตันโดยได้จัดส่งกล่องพร้อมสติกเกอร์ให้จังหวัดต่างๆ แล้ว
เชื่อมโยงผู้รับซื้อของกรมการค้าภายในให้ช่วยเร่งระบายมังคุดเกรดรองหรือตกเกรดออกจากแหล่งผลิตโดยเร่งด่วน กรณีเกิดปัญหาระบายมังคุดไม่ทันในบางพื้นที่.
#9128
รับถมดิน ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804  หรือ www.mmee2000.com
#9129
 
ขายยางรถบรรทุก ดับเบิ้ลสตาร์ doublestar
ยางรถบรรทุก ขายยางรถบรรทุก ขายยางดับเบิ้ลสตาร์ ดับเบิ้ลสตาร์ doublestar ขายยางdoublestar
ยางดับเบิ้ลสตาร์ ยางรถบรรทุก ยางรถบรรทุกชลบุรี ชลบุรี  ยางรถสิบล้อ  ร้านยางรถยนต์ชลบุรี DOUBLESTAR ตัวแทนจำหน่ายยางรถบรรทุกชลบุรี มังกรเทรดดิ้ง doublestar thailand ยางรถบรรทุก ยางดับเบิ้ลสตาร์
ดับเบิ้ลสตาร์ doublestar ยางรถบรรทุกชลบุรี
ยางรถสิบล้อ

ยางรถบรรทุก  ขายยางรถบรรทุก  ขายยางดับเบิ้ลสตาร์  ดับเบิ้ลสตาร์  doublestar ขายยางdoublestar
https://www.doublestarthailand.com/
#9132


นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงาน "Bangkok International Digital Content Festival หรือ BIDC 2021" และพิธีมอบรางวัลด้านดิจิทัลคอนเทนท์ "BIDC Awards" ว่า การจัดงานในปีนี้ ได้ปรับรูปแบบกิจกรรมเจรจาธุรกิจเป็นออนไลน์เป็นปีที่ 2 โดยมีผู้ประกอบการด้านดิจิทัลคอนเทนต์จากทั่วโลกเข้าร่วมเจรจาธุรกิจจํานวน 36 บริษัท จาก 11 ประเทศ และมีผู้ประกอบการไทยร่วมเจรจาธุรกิจในครั้งนี้จํานวน 57 บริษัท คาดว่าจะมีการจับคู่เจรจาธุรกิจมากกว่า 300 คู่ สร้างมูลค่าราว 700 ล้านบาท

 ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ดำเนินการส่งเสริมและขยายช่องทางการค้าให้ผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย โดยมีผลการเจรจาการค้าจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในส่วนของแอนิเมชัน คาแรคเตอร์ และเกม มีมูลค่ารวมกว่า 2,700 ล้านบาท



งาน BIDC 2021 เป็นงานแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยที่สำคัญ ครอบคลุมธุรกิจแอนิเมชัน คาแรคเตอร์ เกม และอีเลิร์นนิง โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2557 ในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-6 ส.ค.2564 เป็นรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานผู้ร่วมจัดงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (TCEB) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) และ 5 สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย ได้แก่ สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT) สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชันและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟแวร์เกมไทย (TGA) สมาคมอีเลิร์นนิงแห่งประเทศไทย (e-LAT) และสมาคม Bankgok ACM SIGGRAPH (BASA)

โดยกิจกรรมหลักภายในงาน ประกอบด้วย การเจรจาการค้าระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการต่างชาติ (Online Business Matching) ระหว่างวันที่ 4-6 ส.ค.2564 พิธีมอบรางวัล BIDC Awards ในวันที่ 3 ส.ค.2564 และกิจกรรมให้ความรู้ Webinar ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-6 ส.ค.2564

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ดิจิทัลคอนเทนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยตามแนวคิด Creative Economy และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฮับของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย 14 แผนงานประจำปี 2564 ของกระทรวงพาณิชย์
#9133












โควิดลดกระหน่ำ บ้านเดี่ยวเมืองปทุม 97 วา 5.3 ลบ. มบ. มณีรินทร์ เลค แอนด์ ปาร์ค ถนน 345 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซื้อผ่อนเจ้าของได้
เครือแลนด์แอนด์เฮ้าส์ โครงการหรูมีระดับ บ้านติดถนนเมนโครงการ หน้ากว้างถนนประมาณ 12 เมตร ทำเลดีบรรยากาศเยี่ยม ความปลอดภัยสูงสาธารณูปโภคครบครัน สวยเลิศอลังการ ดีงามน่าอยู่ฟินสุดๆ  สโมสร สระว่ายน้ำ ฟิตเน็ส สนามเทนนิส สนามเด็กเล่น สวนออกกำลังกาย ยามรักษาการณ์หลายป้อม ปลอดภัยสูงสุด 24 ชั่วโมง อบอุ่นมั่นใจ เหมือนเมืองเมืองนึง แบบบ้านสวยเข้าอยู่ได้เลย จอดรถได้ถึง 6 คัน โครงการติดถนนเมนใหญ่ ถ.345 ไปเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญหลายสายสะดวกสบายในการเดินทาง  ใกล้ทางด่วนศรีสมาน ใกล้โรงเรียนสาธิตปทุมธานี  โรงเรียนหอวัง แยกสวนสมเด็จ ใกล้โลตัส ห้างโรบินสัน พบข้อเสนอพิเศษมากมาย โทรและไลน์

โทร  083-712-4115
line id : 0837124115

หมู่บ้านมณีรินทร์
ตำบล บางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000
https://maps.app.goo.gl/8DoARcX7WmggGE7z6
 
#9134
ราคาขาย 35 ล้านบาท ราคาต่อรองได้ 
สนใจ ติดต่อ
เบอร์ 064.426.6359 (คุณเกียง) เจ้าของขายเอง
Line ID : LeeChieng

ขายด่วน โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น สไตล์โมเดิร์น พื้นที่กว้าง ทำเลดี บนถนนพระราม 3


​​บ้านเลขที่ 4 ซอย เจริญราษฎร์ 7 แยก 33 แขวง บางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร 10120
  
ขายด่วน++ โฮมออฟฟิศมือหนึ่ง ติดโฮมโปร พระราม 3 
ปลูกใหม่บนพื้นที่เดิม สูง 4 ชั้น
บนพื้นที่ 44 ตร.ว. พร้อมพื้นที่รอบบ้าน

8 ห้องนอน  8 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 176 ตร.ม.
 
 
ชั้นที่ 1 : ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้อง + พื้นที่ส่วนกลาง + ห้องไฟ + ห้องนอนเเม่บ้าน + ห้องน้ำ 2 ห้อง (รวมด้านนอกอาคาร)
 ชั้นที่ 2 : ห้องพักอาศัย 2 ห้อง+  พร้อมห้องน้ำในตัว 2 ห้อง+ ระเบียงด้านนอก
 ชั้นที่ 3 : ห้องพักอาศัย 3 ห้อง + ห้อง น้ำ 2 ห้อง
 ชั้นที่ 4 : ห้องพักอาศัย 2 ห้อง+  พร้อมห้องน้ำในตัว 2 ห้อง + ระเบียงด้านนอก
 
ทุกห้องติดประตูกระจก เพิ่มความโปร่งสบาย รับแสง แต่แดดไม่ร้อน มีหลังคาบังด้านหน้า ใช้พื้นที่คุ้มทุกสัดส่วน ให้ทุกห้องดูกว้าง เหมาะทั้งทำงานและพักผ่อน
 
ตัวบ้านบิวท์อินทั้งหลัง บันไดออกแบบให้มีลักษณะทันสมัย ขึ้นลงขนย้ายข้าวของสะดวก ระเบียงทำองศารับเวลาฝนตก กันไม่ให้น้ำฝนเข้ามาในตัวบ้านและเอียงไหลลงท่อ
 
ติดตั้งหลอดไฟทุกห้องและตรงบันได
*ไม่มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
 
ทางเข้าบ้านเป็นซอยใหญ่ เข้าได้จากทั้งเส้นเจริญราษฎร์หรือพระราม 3 ตั้งอยู่ในซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 33 (บ้านหลังที่สาม) ซอยนี้สงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน อยู่ใกล้โฮมโปรพระราม 3 และคอนโดสตาร์วิว
 
สามารถจอดรถภายในบ้านได้ 3- 4  คัน ประตูเปิดได้ทั้งซ้ายและขวา
 
ราคาขาย 35 ล้านบาท ราคาต่อรองได้ เจ้าของขายเอง
 
สนใจ ติดต่อ
เบอร์ 0644266359 (คุณเกียง) เจ้าของขายเอง
Line ID : LeeChieng

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=88&t=7832131
























#9135
รับถมดิน ราคาถูก ติดต่อ 080-022-3804  หรือ www.mmee2000.com