• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Ailie662

#3341


นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า แม้ว่า ในปีงบประมาณ 2564 กระทรวงการคลังจะไม่สามารถจัดเก็บรายได้ให้รัฐบาลได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่กระทรวงการคลังจะสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องให้รัฐบาลสามารถใช้จ่ายและปิดหีบงบประมาณในปีนี้ได้ โดยที่ระดับเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนก.ย.2564 จะอยู่ในระดับกว่า 4 แสนล้านบาท


ทั้งนี้ ขณะนี้ เงินคงคลังของรัฐบาลอยู่ในระดับกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บรายได้ที่ยังต่ำกว่าเป้าหมาย โดย 9 เดือนของปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายราว 1.9 แสนล้านบาท ตลอดทั้งปีงบประมาณกระทรวงการคลังคาดว่า จะต่ำกว่าเป้าหมายกว่า 2 แสนล้านบาท

"แม้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณนี้จะต่ำเป้าหมาย แต่กระทรวงการคลังจะสามารถบริหารจัดการให้การปิดหีบงบประมาณทำได้สำเร็จ และ ยังทำให้แคชโฟลว์ของรัฐบาลในปลายงวดที่จะส่งต่อไปยังปีงบประมาณใหม่มีความเพียงพอที่กว่า 4 แสนล้านบาท ทั้งนี้ เงินคงคลัง เป็นส่วนเสริมสภาพคล่องในระบบงบประมาณ"


สำหรับงบประมาณรายจ่ายปี 2564 ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ รัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 3.285 ล้านล้านบาท โดยคาดว่า จะมีรายได้ 2.677 ล้านล้านบาท ทำให้เป็นงบประมาณขาดดุล และต้องกู้ชดเชยการขาดดุล 6.23 แสนล้านบาท สำหรับงบประมาณรายจ่าย 2565 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค.นี้นั้น มีงบประมาณรายจ่ายที่ 3.10 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าจะมีรายได้เข้ามา 2.4 ล้านล้านบาท ทำให้เป็นงบประมาณขาดดุล 7 แสนล้านบาท

เขากล่าวว่า ผลการจัดเก็บรายได้ที่ต่ำเป้าหมาย เป็นผลพวงจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่กระทบทุกกิจกรรมเศรษฐกิจ ทำให้ยอดการจัดเก็บภาษีในทุกกรมจัดเก็บต่ำเป้าหมาย อย่างไรก็ดี สำหรับปีงบประมาณ 2565 นั้น เป้าหมายการจัดเก็บรายได้จะต่ำกว่าปีนี้ ก็เชื่อว่า กระทรวงการคลังจะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย

"เรื่องการจัดเก็บรายได้นั้น เราได้หารือกันตลอดในทุกเดือนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยจัดเก็บ เพื่อติดตามและเร่งรัดให้การจัดเก็บเป็นไปตามเป้าหมาย"

ทั้งนี้ จากสถิติการคลัง สัดส่วนรายได้ของรัฐบาลต่อจีดีพีในปี 2563 อยู่ที่ 15.01% ซึ่งกระทรวงการคลัง ยังมองว่า สัดส่วนนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น ควรปฏิรูประบบภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ เพื่อให้ทันต่องบประมาณรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่ หากมองงบประมาณรายจ่ายนั้น ได้ทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยกตัวอย่าง ในปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 1.7 ล้านล้านบาท

ต่อมาในงบประมาณปี 2554 เป็นปีแรกที่งบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล กระโดดขึ้นมาสู่หลัก 2 ล้านล้านบาท โดยอยู่ที่ 2.69 ล้านล้านบาท และปีงบประมาณ 2561 ก็เป็นปีที่งบประมาณกระโดดขึ้นมาแตะหลัก 3 ล้านล้านบาท โดยมาอยู่ที่ 3.050 ล้านล้านบาท

ส่วนระดับเงินคงคลังของรัฐบาล เคยอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี ในปีงบประมาณ 2560 โดยอยู่ที่ 7.49 หมื่นล้านบาท ซึ่งเงินคงคลังส่วนใหญ่มาจากการจัดเก็บภาษี รวมถึง บัญชีเงินของกระทรวงการคลังที่ฝากไว้ในธนาคารแห่งประเทศไทย และเงินสดที่อยู่ตามคลังจังหวัดทั่วประเทศ
#3342


เมื่อเวลา 08.40 น. วันนี้ (16 ส.ค.) นายณฐนนท์ ชลลัมพี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด ในฐานะผู้ผลิตละครเรื่อง ให้รักพิพากษาพร้อมด้วยนายกรรชัย กำเนิดพลอย และทีมงานผู้ผลิตละครเรื่องดังกล่าวได้เข้าพบ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด และนายบุญเกียรติ อุดมแสวงโชค ผู้ตรวจการอัยการ ที่ห้องรับรอง ชั้น 9 สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการผลิตละครเรื่อง ให้รักพิพากษา ซึ่งออกเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีสี ช่อง 3 ว่า ผู้สร้างมิได้มีเจตนาที่จะเขียนบทออกมาเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของพนักงานอัยการแต่อย่างใด หากแต่เป็นบทบาทที่บทละครใส่รายละเอียดลงไปให้ละครน่าติดตามมากยิ่งขึ้นเท่านั้น



ซึ่งอัยการสูงสุด ได้แจ้งกับ นายณฐนนท์ ชลลัมพี และทีมงานที่เข้าพบว่า ได้ดูคลิปบางช่วงบางตอนของละครเรื่องดังกล่าวแล้ว เห็นว่า มีบทละครที่นักแสดงผู้รับบทเป็นพนักงานอัยการที่แสดง ไม่ได้สอดคล้องกับหลักกฎหมายและระเบียบองค์กรอัยการ ซึ่งอาจส่งผลต่อสังคมให้เข้าใจผิดในบทบาทและภารกิจขององค์กรอัยการที่เป็นหน่วยงานหลักในกระบวนการยุติธรรม เมื่อทางผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตละครได้มาชี้แจงและหาทางแก้ไขร่วมกัน ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยเฉพาะบทบาทของพนักงานอัยการที่สำคัญประการหนึ่งคือการประนีประนอมไม่ให้มีข้อพิพาทในสังคมรวมอยู่ด้วย

ด้านนายณฐนนท์ ชลลัมพี ได้ชี้แจงต่ออัยการสูงสุด พร้อมฝากไปถึงพนักงานอัยการทุกท่านว่า หากบทละครสร้างความไม่สบายใจและสร้างความสับสนให้แก่ประชาชน ทางผู้ผลิตละครขอน้อมรับคำติชมและคำวิจารณ์ทุกอย่าง แต่เนื่องจากละครได้ถ่ายทำเสร็จสิ้นทุกตอนแล้ว ทั้งอยู่ระหว่างมาตรการของรัฐไม่ให้ดำเนินการถ่ายทำละครอีก



ผู้ผลิตละครพร้อมแสดงความรับผิดชอบด้วยการใส่ข้อความชี้แจงก่อนละครจะเผยแพร่ครั้งต่อไปว่า ตัวละคร และ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในละครเรื่อง ให้รักพิพากษา เป็นเรื่องราวสมมุติ ถูกเติมแต่ง และเป็นสถานการณ์เฉพาะบุคคล เพื่ออรรถรสของละคร โดยมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อวิชาชีพใด ๆ และมิได้มีเจตนาชี้นำ ชักจูง และเกิดทัศนคติในทางลบต่อกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หากบทละครหรือบทบาทการแสดงของนักแสดงกระทบต่อบทบาท ภาพลักษณ์ของพนักงานอัยการ และองค์กรอัยการ ทางผู้ผลิตละครถือโอกาสขอโทษมา ณ โอกาสนี้

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษก อสส.เปิดเผยต่อว่าภายหลังเข้าพบอัยการสูงสุดเเล้ว ทีมผู้จัดละครยังได้เข้าพบ นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)เพื่อชี้เเจงรายละเอียดเรื่องดังกล่าวให้ นาย พชรในฐานะ ประธาน ก.อ.ได้รับทราบ ซึ่งเรื่องนี้นายพชรซึ่งได้รับคำชี้เเจงดังกล่าวเเล้วก็เข้าใจเเละทราบว่าเรื่องนี้เป็นเพียงละคร เเต่ในฐานะประธาน ก.อ.ซึ่งได้รับเสียงสะท้อนในผลกระทบจากน้องๆอัยการทั่วประเทศ เมื่อมีการมาพบพูดคุยกันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ซึ่งเมื่อมีข้อผิดพลาดมีปัญหาข้อขัดข้องก็ได้เข้ามาพูดคุยเเเละเข้าใจตรงกัน
#3343
ใครที่ตอนนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด ตกงาน ปิดกิจการ รายได้ลดลง หนี้สินท่วมตัว เงินไม่พอใช้

อยากมาศึกษาออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร กลัวเจ๊ง คอร์สนี้มีคำตอบ

ออนไลน์ ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ "ทางรอด"

คอร์สออนไลน์  6 วัน 6 วิชา        
- 6 เสาหลักสร้างเพจปัง       
- ยิงแอด facebook ให้ได้ผล        
- แต่งภาพสวยง่าย ๆ จากมือถือ         
- การตลาดบน Tik Tok ให้มีคนติดตามหลักแสน       
- เปิดร้านบนไอจี Instragram
- เคล็ดลับแม่ค้าออนไลน์ร้อยล้าน

สอนแบบจับมือทำ ตั้งแต่พื้นฐาน จนเป็นมืออาชีพ
สอนจากประสบการณ์จริง โดยอาจารย์ที่มีรายได้กว่า 100 ล้านบนโลกออนไลน์
สอนสด ผ่านแอปซูม เรียนได้จากที่บ้าน

เวลาเรียน 19.00 - 22.30

ปรกติคอร์สนี้ราคา 9,800.-
พิเศษ !!!  เฉพาะช่วงโควิด ปรับโปรช่วยชาติ เหลือเพียง 98 บาท!!!
ย้ำ !!! รับจำนวนจำกัดเพียง 20 ท่าน ที่จัดสรรเวลาได้ !!!

คลิ๊กดูรายละเอียดคอร์ส
https://drive.google.com/file/d/1fZIP-BhrqgnSHAb-4HZezzgtKL9qKHFR/view?usp=drivesdk

สนใจ สามารถแอดไลน์สอบถามที่ @049dhubr หรือลิงค์ไลน์
https://lin.ee/4zIaPti

หรือโทร 098-378-1371, 098-378-1373

***เรียนไม่คุ้ม คืนเงินทันที ***
#3344


วันนี้ (15 ส.ค.) นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตหลักสี่ 2 ณ อาคารสุทธิเกตุ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต เขตหลักสี่ โดยมี ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และนายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ให้รายละเอียดการดำเนินการ จากนั้นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรองปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจความพร้อมศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เขตจตุจักร ณ โรงซ่อมบำรุงรถไฟ สถานีกลางบางชื่อ ซึ่งเป็นศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อแห่งที่ 3 ในพื้นที่เขตจตุจักรฃ โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอาฤทธิ์ ศรีทอง ผู้อำนวยการเขตจตุจักรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่

กรุงเทพมหานครจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) เพื่อแยกผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว คือ ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยที่ไม่สามารถรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation : HI) เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่พร้อม ให้มาพักคอยที่ศูนย์ฯ เพื่อดูแลอาการเบื้องต้น ระหว่างรอนำส่งโรงพยาบาล สำหรับศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เขตหลักสี่ ใช้อาคารสุทธิเกตุ เป็นสถานที่รองรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว รองรับผู้ป่วยได้ 168 เตียง แบ่งเป็นชาย 75 เตียง หญิง 85 เตียง และผู้ป่วยแบบครอบครัว 8 เตียง มีโรงพยาบาลปิยเวท เป็นโรงพยาบาลที่ปรึกษาและส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษา นอกจากนี้ยังมีลานกิจกรรมภายนอกอาคารเพื่อให้ผู้ป่วยได้ใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนและคลายเครียดอีกด้วย ส่วนศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ ณ โรงซ่อมบำรุงรถไฟ สถานีกลางบางซื่อ เขตจตุจักร สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 400 เตียง แบ่งเป็นชาย 200 เตียง และหญิง 200 เตียง ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วแต่ยังไม่มีผู้ป่วยเข้าพัก มีโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เป็นโรงพยาบาลที่ปรึกษาและส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษา

ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อมีการดำเนินการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยมีจุดคัดกรองผู้ป่วย จุดบริการอาหารและน้ำดื่ม ติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างเพิ่มเติม ติดตั้งถังดับเพลิง ระบบเสียงตามสาย ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV อินเตอร์เน็ต ระบบบำบัดน้ำเสีย การจัดการขยะติดเชื้อ และห้องประสานงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมของใช้จำเป็นและของใช้ส่วนตัวสำหรับผู้ป่วย เช่น ชุดเครื่องนอน ผ้าเช็ดตัว หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ยาสระผม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ป่วยโควิด-19 ที่จะเข้าพักที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อสามารถติดต่อได้ที่สายด่วน 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง หากไม่ได้รับความสะดวกสามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนโควิดเขตพื้นที่ทั้ง 50 เขต โดยสายด่วนโควิด เขตหลักสี่ โทร. 0 2026 6800 สายด่วนโควิด เขตจตุจักร โทร. 0 2026 3100

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในการตรวจความพร้อมของศูนย์พักคอยในวันนี้ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้มีการกำชับให้สำนักงานเขตลงพื้นที่เชิงรุกค้นหาผู้ป่วยที่ไม่สามารถพักรักษาตัวที่บ้านให้มาพักรักษาตัวที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มีนโยบายให้ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (CI) รับผู้ป่วยสีเขียวทั้งหมด ส่วนโรงพยาบาลสนามจะเปลี่ยนมารับผู้ป่วยสีเหลืองเป็นหลัก ซึ่งผู้ป่วยสีเขียวที่อยู่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อแล้วอาการเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจะมีการส่งตัวเข้ารับการรักษาตามสถานพยาบาลที่จับคู่ดูแลศูนย์พักคอยฯ แต่ละแห่งต่อไป ซึ่งทั้ง 50 เขตจะมีศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อในพื้นที่ของตน เบื้องต้นจะรับผู้ป่วยในพื้นที่เขตเป็นหลักก่อนแต่หากไม่เพียงพอก็จะมีการรับผู้ป่วยข้ามเขตพื้นที่ด้วย
#3345
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 
#3346


นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดเป็นวงกว้างส่งผลกระทบต่อทุกคนจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญหาแรงงานถูกเลิกจ้างงาน สถานประกอบการบางแห่งต้องปรับลดอัตรากำลังการจ้างงานให้น้อยลง ลดเวลาการทำงาน ส่งผลกระทบต่อรายได้ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนี้

'คนพิการไม่มีงานทำ' มากกว่า 7 หมื่นคน
จากรายงาน ข้อมูลสถานการณ์ด้านคนพิการในประเทศไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปี 2564 พบ 'คนพิการ' วัยทำงานที่ยังไม่มีอาชีพ จำนวน 72,466 คน จากจำนวนคนพิการวัยทำงานทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบ 857,253 คน


พัฒนาชุมชนต้นแบบ เกิดการจ้างงาน
สสส. ได้ร่วมกับ มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม ดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพความมั่นคงทางอาหารสู่การพัฒนาชุมชนต้นแบบด้านสุขภาวะ เพื่อพัฒนาการจ้างงานคนพิการระยะยาวในวิกฤตโควิด-19 โดยใช้กลไกชุมชนด้านความมั่นคงทางอาหาร มาจ้างงานเชิงสังคม ให้คนพิการทำงานที่บ้านและในท้องถิ่นของตัวเองได้ เช่น เกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ เพราะการจ้างงานลักษณะนี้คนพิการมีความรู้พื้นฐานเป็นทุนเดิม ทำให้ไม่ต้องปรับตัวจากการทำงานมาก และเป็นอาชีพที่สามารถทำงานที่บ้านและไม่ขาดแคลนอาหารในการบริโภค


3 เป้าหมายพัฒนาคนพิการ
โดยโมเดลความมั่นคงทางอาหารและสนับสนุนอาชีพคนพิการมีเป้าหมาย 3 อย่าง คือ

1. พัฒนาทักษะคนพิการให้มีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพที่ท้องถิ่นของตัวเองในภาวะวิกฤต

2. พัฒนาให้คนพิการทำงานตามแผนการประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.พัฒนาเป็นพื้นที่นำร่องเพื่อถอดบทเรียนการทำชุมชนต้นแบบด้านสุขภาวะ ระดับหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ ในอนาคต


"ในวิกฤตโควิด-19 นี้ ถือเป็นโอกาสสร้างอาชีพแก่คนพิการซึ่งเป็นอีกกลุ่มประชากรที่ควรได้รับความเป็นธรรมทางสุขภาพในทุกมิติ ทั้งกาย จิต ปัญญา และสังคม การที่คนพิการสามารถประกอบอาชีพ และมีรายได้จากการทำงานเหมือนคนทั่วไป ทำให้เกิดความภูมิใจในตัวเอง และช่วยให้คนพิการมีพฤติกรรมทางสุขภาพที่ดีขึ้น เกิดการยอมรับจากสังคม  โดยที่ผ่านมา สสส. ได้สนับสนุนเรื่องการส่งเสริมโอกาสการมีงานทำ ทั้งเรื่องการเตรียมความพร้อมของทั้งคนพิการ สถานประกอบการ และการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการผ่านการมีส่วนร่วมในชุมชนอยู่แล้ว" นางภรณี กล่าว


โครงการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร 
นายอภิชาติ  การุณกรสกุล ประธานมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม กล่าวว่า โครงการส่งเสริมอาชีพความมั่นคงทางอาหารสู่การพัฒนาชุมชนต้นแบบด้านสุขภาวะ สนับสนุนโดย สสส. จะเป็นการร่วมกันพัฒนาอาชีพไปยังคนพิการและครอบครัวในต่างจังหวัด ที่ตั้งใจพัฒนาเรื่องอาชีพและต้องการมีรายได้ในช่วงโควิด-19 ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างหรือมีรายได้น้อยลง

โดยบริษัทที่จ้างงานจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายเรื่องวัตถุดิบอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ และประสานเรื่องการจัดทำเอกสารและติดตามส่งรายงานให้บริษัทที่เข้าร่วมการจ้างงานเชิงสังคม ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550  


คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ 
ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องมีบัตรคนพิการ อายุ 20 – 70 ปี

ผู้ดูแลจะต้องมีชื่อหลังบัตรคนพิการให้สามารถใช้สิทธิแทนคนพิการ เพื่อนำเงินไปเตรียมพื้นที่สำหรับการประกอบอาชีพ

ซึ่งครอบครัวคนพิการส่วนใหญ่จะนิยมปลูกผัก สมุนไพร ผลไม้ และเลี้ยงสัตว์ และหลังจากผลผลิตถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็จะถูกจำหน่ายหรือมีผู้ค้าเข้ามารับซื้อ และผลผลิตส่วนที่เหลือหรือแบ่งเก็บไว้ครอบครัวคนพิการจะนำมาบริโภคเป็นอาหาร ซึ่งเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในภาวะวิกฤตโควิด-19 โดยผลกำไรหรือรายได้ทั้งหมดที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของคนพิการและครอบครัว


บริษัทจะไม่เรียกรับเงินคืน เพราะต้องการสร้างอาชีพให้คนพิการในระยะยาวและสามารถต่อยอดไปถึงอนาคตได้ ปัจจุบันได้จัดทำนำร่องไปแล้วตั้งแต่โควิด-19 ระลอกแรกเมื่อปี 2563 ที่บ้านยางชุม และบ้านวังศิลา อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ และเตรียมขยายพื้นที่เพิ่มไปยังจังหวัดต่างๆ ในอนาคตโดยมีโมเดลนำร่องจากที่นี่เป็นแบบอย่าง

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ แฟนเพจเฟซบุ๊ก คนพิการต้องมีงานทำ-มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่ 02 279- 9385
#3347


ประเทศไทยยังมีเส้นเลือดสำคัญที่เป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จาก"ภาคส่งออก" ที่ขณะนี้ยังมีความต้องการสูงต่อเนื่อง เพราะแม้ว่าทั่วโลกยังอยู่ในสถานการณ์จำเป็นต้องเว้นระยะห่าง หรืองดการเดินทาง แต่ยังคงต้องดำรงชีวิตด้วยสินค้าอุปโภคและบริโภค

ศรัณย เบ็ญจนิรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เผยถึงเรื่องนี้ว่า แนวโน้มปริมาณขนส่งสินค้าทางอากาศในช่วงครึ่งปีหลังนี้ กพท.ยังประเมินว่ามีสัญญาณดี โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากความต้องการในสินค้าเกษตรยังมีสูง และไทยยังเป็นฐานส่งออกสำคัญของสินค้าเกษตร ผักและผลไม้

"การส่งออกทางอากาศเรียกว่าได้รับผลกระทบน้อยมาก เมื่อเกิดการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 โดยพบว่าภาพรวมการขนส่งสินค้าทางอากาศลดลงเพียง 25% หากเทียบกับการขนส่งผู้โดยสารที่ลดลงไปถึง 90%และแนวโน้มการขนส่งสินค้าจะยังคงดีแบบนี้ไปได้เรื่อยๆ ประเมินจากสายการบินที่ทำธุรกิจขนส่งสินค้ายังมีคำขอทำการบินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง"

อย่างไรก็ดี ตารางบินในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ยังพบว่าสายการบินขนส่งสินค้า อาทิ เค-ไมล์ แอร์ (K-Mile Air) ซึ่งเป็นสายการบินขนส่งสินค้าที่ฐานหลักอยู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังมีคำขอเพิ่มจำนวนอากาศยานขนส่งสินค้า 3 - 4 ลำ และยังมีเส้นทางขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่จะเป็นการขนส่งสินค้าประเทศปลายทางระยะใกล้อย่างฮ่องกง และสิงคโปร์

นอกจากนี้ ยังพบว่าบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังปรับกลยุทธ์มาทำการบินขนส่งสินค้า โดยใช้สิทธิทำการบินที่เคยขอเปิดบินเส้นทางระหว่างประเทศ และรับบริการขนส่งสินค้าให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่การบินไทยได้ลูกค้าเป็นกลุ่มขนส่งสินค้าด่วนพิเศษ สินค้านำเข้า วัคซีนโควิด และสินค้าประเภทผักและผลไม้ จึงถือว่าปัจจุบันธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศยังมีแนวโน้มดี และช่วงครึ่งปีหลังยังคงสดใสต่อเนื่อง


นนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า ตอนนี้การบินไทยอยู่ระหว่างผลักดันรายได้ขนส่งสินค้าเพื่อเข้ามาเสริมกับรายได้ขนส่งผู้โดยสารที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยพบว่าปัจจุบันรายได้จากการขนส่งสินค้ายังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ความต้องการยังสูง ซึ่งในเดือน ก.ค. - ก.ย.นี้ การบินไทยขยายเที่ยวบินครอบคลุมเอเชีย ยุโรป และออสเตรเลีย รวม 22 เส้นทาง เพื่อตอบรับกับดีมานด์ดังกล่าว

"ช่วงที่ผ่านมาการบินไทยให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ รายได้นี้เข้ามาเป็นรายได้ส่วนหลักขององค์กร ซึ่งระหว่างเดือน เม.ย. 2563 – มิ.ย. 2564 คาร์โก้การบินไทยได้ให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ จำนวนกว่า 3,500 เที่ยวบิน หลักๆ จะเป็นการขนส่งสินค้าภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ประเภท ผัก ผลไม้ อาหารแช่แข็ง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาและวัคซีน"

จากการประเมินเทรนด์การขนส่งสินค้าทางอากาศยานในช่วงครึ่งปีหลังที่จะเกิดขึ้นนั้น ต้องยอมรับว่าเริ่มเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ครึ่งปีแรก ว่าการขนส่งสินค้าจะเป็นพระเอกสร้างรายได้ให้กับธุรกิจโลจิสติกส์อย่างเห็นได้ชัด เพราะข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการบิน ฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมการบิน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)

โดยพบว่าปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศในครึ่งแรกของปี 2564 (ม.ค. - มิ.ย. 2564) มีปริมาณสินค้าทั้งหมด 567,743 ตัน เพิ่มขึ้นราว 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปริมาณดังกล่าวแบ่งออกเป็น การขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศมีจำนวน 556,138 ตัน เพิ่มขึ้นราว 14% จากช่วงดียกวันของปีก่อน และการขนส่งสินค้าทางอากาศภายในประเทศ มีจำนวน 11,605 ตัน ลดลงราว 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ไม่เพียงการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ขยายตัวต่อเนื่อง ยังพบว่าการขนส่งสินค้าทางเรือยังเติบโตสอดคล้องกัน โดยข้อมูลสถิติขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค. - มิ.ย. 2564) มีสินค้าขาเข้า รวมประมาณ 27 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับจำนวน 24 ล้านตันในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีสินค้าขาออก รวม 29 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 7.2% เมื่อเทียบกับจำนวน 27 ล้านตันในช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับปริมาณยอดรวมตู้ ที.อี.ยู ยังมีสูงถึง 4.9 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับ 4.5 ล้าน ที.อี.ยู ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
#3348


"บลจ.เอ็มเอฟซี" ชี้ใช้โอกาสรัฐลดวงเงิน "คุ้มครองเงินฝาก" หาทางเลือกออมเงินใหม่นอกจากเงินฝาก ทำเงินส่วนเกิน1ล้านให้งอกเงย แนะคนรับความเสี่ยงต่ำ-เริ่มลงทุนในกองทุน โยกเงินเข้า "กองทุนตราสารหนี้" ตามระดับความเสี่ยง รับผลตอบแทนคาดหวัง0.1-0.75%ต่อปี

ถึงแม้ว่า ภาครัฐปรับลดวงเงิน"คุ้มครองเงินฝาก" ลง เหลือ1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อสถาบัน จนหลายคนอาจเกิดความกังวลว่า เงินฝากจะได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐเป็นจำนวนเงินลดลง

แต่จริงๆ แล้วอยากให้ผู้ลงทุนใช้โอกาสนี้ "มองหาทางเลือกในการออมเงินหรือการลงทุนที่นอกเหนือจากเงินฝาก" ที่ทำให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นและทำให้เงินก้อนของผู้ลงทุนงอกเงยได้เร็วยิ่งขึ้น

เพราะในปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากให้ผลตอบแทนในระดับต่ำ และดอดเบี้ยเงินฝากยังมีความเสี่ยงที่ปรับตัวลงได้อีกจากธปท.มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก1ครั้งภายในปีนี้หากเศรษฐกิจชะลอตัวกว่าที่คาด


ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

สร้างเงินออมงอกเงย

กับกองทุนตราสารหนี้


"เชาวน์กร โชติบัณฑ์"ผู้อำนวยการพัฒนาธุรกิจอาวุโสบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี แนะนำ การออมเงินและการลงทุน มีช่องทางที่หลากหลาย นอกเหนือจากการฝากออมทรัพย์ที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ยังสามารถใช้"กองทุนรวมตราสารหนี้" เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการออมเงินและลงทุนได้  เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวม

"กองทุนตราสารหนี้" เป็นกองทุนที่นำเงินของผู้ลงทุนไปลงทุนในเงินฝาก พันธบัตร และหุ้นกู้ จึงมีความเสี่ยงที่ต่ำ โดยมีทั้งกองทุนตราสารหนี้ที่กำหนดระยะเวลาลงทุนอย่าง 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งมีการแจ้งประมาณการผลตอบแทนจากการลงทุนให้ทราบก่อนตัดสินใจลงทุน และกองทุนตราสารหนี้แบบที่ซื้อขายได้ทุกวันทำการ ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยในช่วงนั้นและความต้องการตราสารหนี้ว่ามีมากน้อย



เข้า 3 กองทุนตราสารหนี้

ดังนั้น ผู้ลงทุนสามารถย้ายเงินส่วนที่เกินจากความคุ้มครอง 1 ล้านบาท มาลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้แทนได้

โดยปัจจุบัน บลจ.เอ็ม เอฟซี มีกองทุนรวมตราสารหนี้แนะนำตามระดับความเสี่ยงดังนี้

1. MMGOVMF  เป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) ความผันผวนต่ำ มีความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 1 เหมาะสำหรับการลงทุนระยะเวลา 1-3 เดือน และมีผลตอบแทนความหวัง 0.10% ต่อปี

2. MMM-PLUS เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น (Short-Term Fixed-Income Fund) ความผันผวนปานกลาง มีความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 4 เหมาะสำหรับการลงทุน 3-6 เดือนขึ้นไป และมีผลตอบแทนความหวัง 0.60% ต่อปี

3. SMARTMF กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาว (Long-Term Fixed-Income Fund) ความผันผวนปานกลางค่อนข้างสูง มีความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 4เหมาะสำหรับการลงทุน 6 เดือนขึ้นไป และมีผลตอบแทนความหวัง 0.75% ต่อปี

ย้ำควรศึกษาก่อนตัดสินใจลงทุน

อย่างไรก็ตาม"ข้อควรระวัง"ก็คือ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
#3349


บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เดินหน้าปรับลดอัตราค่าบริการ EMS ในประเทศสูงสุด 20% ตามเงื่อนไขส่งสิ่งของ/พัสดุ ในปริมาณตั้งแต่ 2-20 กิโลกรัม เพื่อแบ่งเบารายจ่ายของผู้ใช้บริการและลดความเสี่ยงในการออกนอกบ้านเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19

นายดนันท์  สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า บริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทยเป็นบริการที่ตอบโจทย์ประชาชนและร้านค้าออนไลน์ ช่วยพลิกฟื้น SMEs ไทยให้ไปต่อได้ในภาวะวิกฤติ

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังได้ปรับปรุงฟีเจอร์บริการใหม่ เพื่อรองรับปริมาณการส่งสิ่งของที่มากขึ้น ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานะได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเริ่มให้บริการในวันที่ 14 สิงหาคม 2564



เขาดล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจค้าขาย ต้องปรับตัวมาขายสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น ในทางกลับกันผู้บริโภคที่ต้องพักอาศัยอยู่ที่บ้าน ได้หันมาสั่งของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นจากเดิม

ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงในการออกนอกบ้าน ไปรษณีย์ไทยจึงปรับลดอัตราค่าบริการ EMS ในประเทศ ให้แก่ผู้ใช้บริการที่มีปริมาณการส่งสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก โดยอัตราค่าบริการที่ปรับลดลงมีเงื่อนไขเฉพาะการจัดส่งตั้งแต่น้ำหนักเกิน 2 กิโลกรัม จนถึง 20 กิโลกรัม ซึ่งในแต่ละพิกัดน้ำหนักปรับลดสูงสุด 20% ถือเป็นการปรับลดอัตราค่าบริการครั้งใหญ่ ตั้งแต่ที่มีการเปิดให้บริการ EMS มา

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังได้พัฒนาฟีเจอร์ของตัวบริการให้มีความรวดเร็วและผู้ใช้บริการใช้งานได้อย่างคล่องตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การใช้ระบบเทคโนโลยีแบบ Real Time ด้วยการแจ้งเตือนผู้รับก่อนการนำจ่าย และการ Pick Up รับฝากถึงที่อยู่ได้ไวขึ้น

ผ่านช่องทาง Line @Thailandpost มีการกำหนดมาตรฐานการจัดส่งในปลายทาง กทม. ให้ถึงภายในวันเดียวหรือไม่เกินวันรุ่งขึ้น และพื้นที่ต่างจังหวัดภายใน 1-3 วัน   เพิ่มโอกาสในการขายด้วยการเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) โดยสามารถเลือกการรับเงินผ่านระบบกระเป๋าเงินไปรษณีย์ (Wallet@post) หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารได้โดยตรง ซึ่งจะมีระบบการแจ้งเตือนสถานะสิ่งของที่อยู่ระหว่างดำเนินการผ่านระบบ Wallet@post หรือ SMS

รวมถึงสามารถเลือกรับสิ่งของได้หลากหลายช่องทาง หากไม่อยู่บ้านหรือไม่สะดวกรับของที่บ้านเมื่อมีการฝากส่งสิ่งของ สามารถไปรอรับได้ที่ ตู้ iBox หรือ Box 24 ที่ตั้งอยู่ในจุดที่มีการเดินทางได้ง่ายและกระจายอยู่ครอบคลุมในย่านใจกลางเมือง โดยไปรษณีย์ไทยปรับระยะเวลาในการสอบสวนภายใน 5 วันทำการ หากสิ่งของได้รับความเสียหาย/สูญหายจะได้รับอัตราการชดใช้ทันทีไม่เกิน 2,000 บาท/ชิ้น
#3350
 
 
ข้าวอินทรีย์ (Organic Rice)ข้าวกล้องออร์แกนิค เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโต สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผลข้าวอินทรีย์สุรินทร์ที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ข้าวไรซ์เบอรี่ออแกนิค(Organic Rice) เป็นข้าวที่ได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมและสารกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่างการเก็บรักษาผลผลิต หากมีความจำเป็นแนะนำให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผล ข้าวปลอดสารพิษสุรินทร์ที่มีคุณภาพดีและปลอดภัย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
 
       ประเภทของข้าวอินทรีย์
   1. ข้าวอินทรีย์รับรองมาตรฐาน Certified Organic เป็นระบบการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีป้องกันศัตรูพืช มีการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากหน่วยงานอิสระ โดยมีทั้งภาครัฐ เอกชนและหน่วยงานจากต่างประเทศ มีตราสัญลักษณ์ติดที่ผลิตภัณฑ์ และจะต้องมีการตรวจเพื่อต่ออายุใบรับรองทุกปี
 
   2. ข้าวอินทรีย์ระยะปรับเปลี่ยน In-conversion เป็นข้าวที่อยู่ในช่วงระยะเวลาที่เริ่มทำเกษตรอินทรีย์ในปีแรกก่อนจะได้รับการรับรองผลผลิตว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ โดยระยะปรับเปลี่ยนเป็นการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและความอุดมสมบูรณ์ของดิน
 
   3. ข้าวอินทรีย์แบบยังไม่รับรอง Non Certified เป็นการปลูกข้าวอินทรีย์แบบพึ่งตนเอง ส่วนใหญ่เป็นการทำเกษตรแบบพื้นบ้านหรือปลูกในระบบผสมผสานหรือในไร่หมุนเวียน ไม่มีการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานใดๆ เกษตรกรกลุ่มนี้อาจเป็นกลุ่มที่ทำการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือนและนำผลผลิตส่วนเกินมาจำหน่ายผ่านระบบตลาดท้องถิ่น ทั้งนี้อาจมีการรับรองกันเองในระบบกลุ่มหรือชุมชนขายข้าวอินทรีย์, กลุ่มข้าวอินทรีย์ ข้าวเกษตรอินทรีย์ คือ ข้าวที่ได้จากการผลิตภายใต้ระบบการผลิตข้าวอินทรีย์ซึ่งมีการจัดการการผลิตข้าวที่เกื้อกูลต่อระบบนิเวศรวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุดิบสังเคราะห์และมีการจัดการกับผลิตภัณฑ์โดยเน้นการแปรรูปด้วยความระมัดระวังเพื่อรักษาสภาพการเป็นข้าวอินทรีย์และคุณภาพที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ 
ขั้นตอนการผลิตข้าวอินทรีย์  ข้าวกล้องออร์แกนิคส่งทั่วไทย ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
ข้าวอินทรีย์วิถีพื้นบ้าน
เป็นระบบการผลิต ข้าวเพื่อสุขภาพส่งทั่วไทย ที่ไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด เช่น ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตสารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรคแมลงและสัตว์ศัตรูข้าวตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ การผลิตข้าวอินทรีย์นอกจากจะทำให้ผลผลิตข้าวมีคุณภาพ ปลอดภัยจากสารพิษแล้วยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน
ข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล
การผลิตข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล มีกระบวนการผลิตการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตภัณฑ์อินทรีย์ และห้ามใช้สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุ์ในกระบวนการผลิตและแปรรูปข้าวอินทรีย์ ซึ่งผู้ผลิตและผู้ประกอบการต้องผฏิบัติตามเพื่อให้ได้รับการรับรอง มีขั้นตอนการปฏิบัติเป็นลำดับขั้น ดังนี้
1.เกษตรกรจะต้องมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการผลิตข้าวอินทรีย์ (  โครงการข้าวอินทรีย์ )
2.เกษตรกรจัดทำบันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต โดยแสดงแหล่งที่มาและปริมาณการใช้
3.สมัครขอรับรองต่อกรมการข้าว เกษตรกรต้องแสดงข้อมูลต่อไปนี้
- ประวัติการใช้พื้นที่
- ประวัติการใช้สารเคมี และผลการวิเคราะห์สารพิษตกค้างในดินและน้ำ (ถ้ามี)
- แผนที่และแผนผังแปลงนาที่ขอการรับรองและพื้นที่ข้างเคียง
- แผนการผลิตในทุกขั้นตอน
- บันทึกขั้นตอนการใช้ปัจจัยการผลิต
- บันทึกกิจกรรมในแปลงนา และข้อมูลอื่นๆ

จากนาข้าวเคมีสู่นาข้าวอินทรีย์  ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์    การตรวจสอบข้าวอินทรีย์ 277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook :https://www.facebook.com/Hor.Organic
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.  กลุ่มข้าวหอมมะลิอินทรีย์
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิก
3.  ปลูกข้าวปะกาอำปึลออแกนิค #ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์
4. ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ออร์แกนิค จ.สุรินทร์
5.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค
6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์
7.  ขายข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์
#ข้าวออแกนิคสุรินทร์
#ข้าวออแกนิกสุรินทร์
#ข้าวอินทรีย์สุรินทร์
#ข้าวคุณภาพสุรินทร์


 

 
 
#3351


เมื่อภาคธุรกิจไม่ปล่อยให้ "วิกฤติ" โควิด-19 สูญเปล่า นำมาเป็น "บทเรียน" ปรับตัว สร้างสรรค์โมเดลใหม่ๆ ต่อลมหายใจกิจการ ยิ่งร้านอาหาร พยายามปั้นจิ๊กซอว์ สู่การเติบโต "โม โม พาราไดซ์" คิดใหม่ มองเงินสดไหลออก คือการลงทุนเพื่ออนาคต

วิกฤติโควิด-19 ระบาด รับงัดไม้แข็งบริหารจัดการไว้รัส มีคำสั่งเข้มงวดกับธุรกิจ"ร้านอาหาร"  รอบแรกเจอการ  "ล็อกดาวน์" ถ้วนหน้า ผู้ประกอบการเดือดร้อนเท่ากัน แต่ล่าสุด การห้ามร้านที่มีสาขาในห้างค้าปลีกเปิดบริการนั่งรับประทาน(Dine-in) ห้ามซื้อกลับบ้าน(Takeaway) ทำได้แค่ "เดลิเวอรี่" เท่านั้น เป็นการปิดตายยอดขายอย่างสิ้นเชิง 

"โม โม พาราไดซ์" ร้านชาบูชาบูและสุกี้ยากี้จากญี่ปุ่น ซึ่งมีสาขาทั้งหมดอยู่ในห้างค้าปลีก รับผลกระทบเต็มๆ และการปรับตัวทางธุรกิจไม่ง่าย แต่ไม่ทำย่อมไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงการสูญเสียโอกาสทำเงิน แม้มีอยู่เพียงน้อยนิด   

สุรเวช เตลาน เจ้าของร้านโม โม พาราไดซ์ บอกเล่าประสบการณ์ทำธุรกิจร้านอาหารในช่วงเวลาวิกฤติผ่านงานสัมมนาออนไลน์ "เปิดสูตรลับ!! ปรับกลยุทธ์ ธุรกิจอาหารต้องรอด" ว่า โม โมฯ มีร้านทั้งสิ้น 20 สาขา มีแบรนด์น้องใหม่ที่ยังไม่โปรโมทสร้างแบรนด์ และร้านอาหารพรีเมี่ยมอีก 2 สาขา แต่ผลกระทบการล็อกดาวน์ล่าสุด บริษัทต้องปิดให้บริการโมโมฯ 100% ถือว่าได้รับผลกระทบหนักมาก โดยยอดขายที่เคยมี ปัจจุบันทำได้เพียง 3-5% เท่านั้น สวนทางกับภาระค่าใช้จ่ายที่ไหลออกทุกวัน โดยเฉพาะต้นทุนคงที่จากการจ้างงาน ที่มีพนักงานนับ "ร้อยชีวิต"  

นอกจากนี้ ร้านอาหารมีวัตถุดิบเป็นของสดจำนวนมาก โดยเฉพาะ "ผักสด" ซึ่งมีการสูญเสียมากสุด เมื่อปิดให้บริการ จึงกระทบต้นทุนอย่างมาก 

สำหรับธุรกิจร้านอาหารถือว่ามีความโดดเด่นด้านการทำเงินหรือรายได้เข้ามา โดยแต่ละวันผู้ประกอบการจะได้รับเงินสดเข้ามาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนค่าวัตถุดิบจะเป็นการนำผัก อาหารสดต่างๆมาใช้ก่อน แล้วจ่ายให้กับคู่ค้าซัพพลายเออร์ภายหลังหรือเครดิตเทอมนั่นเอง 


ทว่า ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยที่ "ขายดีจนเจ๊ง" เนื่องจากผู้ประกอบการสนใจเพียงงบ "กำไร-ขาดทุน" เท่านั้น ไม่ดู "งบดุล" หรือสถานะทางการเงิน ไม่พิจารณารายจ่ายที่ออกไปแต่ละวัน เดือนมีมากแค่ไหน ซึ่งตามหลักการควรให้ความสำคัญ 3 ส่วนทั้ง กระแสเงินสด งบดุล งบกำไรขาดทุนใหถี่ถ้วน

นอกจากนี้ ในภาวะวิกฤติโควิด-19 ระบาด การตระหนักด้าน "การเงิน" ต้องเพิ่มทวีคูณ โดยเฉพาะกระแสเงินสดที่ไหลออก แต่ไม่มีรายรับเข้ามายังร้าน อย่างไรก็ตาม ห้วงเวลายากลำบากนี้ การบริหารสภาพคล่องเป็นเรื่องยากมาก แต่อยากให้ผู้ประกอบการมองเงินสดที่ไหลออกในเวลานี้ต่อยอดธุรกิจในอนาคตให้ได้ 

"การจัดการเงินสด หมุนเงินตอนนี้ลำบากมาก แต่บริษัทให้ความสำคัญในการบริหารอย่างเหมาะสมมาก่อนแล้ว หลักการง่ายๆคือต้องมีเงินเข้ามากกว่าออก ไม่ใช่ขายดี แล้วร้านจะฟุ่มฟือยเต็มที่จนเกิดปัญหาต้องมีทุนสำรองไว้ ส่วนท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาด มองอนาคตร้านอาหารจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เงินที่ไหลออกเวลานี้ให้มองเป็นสิ่งที่ต่อยอดธุรกิจในอนาคตให้ได้หรือเป็น Investing clash flow เพื่อเดินต่อไปข้างหน้า เช่น โม โมฯ ที่ลุกขึ้นมาลุยบริการเดลิเวอรี่ได้จริง จากเดิมไม่คิดจะทำ เพราะไม่เหมาะกับบุฟเฟ่ต์ ที่ต้องมอบประสบการณ์ให้ผู้บริโภคทานในร้าน แต่จากการปรับตัวเดลิเวอรี่ สามารถสร้างยอดขายได้เท่ากับร้าน 1 สาขา รวมถึงการลงทุนขยายบริการส่งโมโม พาราไดซ์ทั่วไทยด้วย" 

ทั้งนี้ สุรเวช ย้ำว่า ร้านชาบูบุฟเฟต์ไม่โจทย์และไม่จำเป็นต้องมีบริการเดลิเวอรี่ แต่การล็อกดาวน์ครั้งแรก ทำให้บริษัทต้องปรับตัว ทดลองปรับเมนู รักษาคุณภาพอาหาร การบรรจุภัณฑ์ การควบคุณอุณหภูมิอาหาร รวมถึงใช้พันธมิตรในการขนส่ง ฯ เพื่อให้มาตรฐานยังทียบเท่าที่ร้านสูงสุด 

นอกจากนี้ ยังเปิดบริการโม โม พาราไดซ์ ส่งทั่วไทยไปเคียงข้างคุณ เพื่อเสิร์ฟชาบูให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทยภายในระยะเวลา 2 วัน ซึ่งปัจจุบันเกือบครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้ง 77 จังหวัดแล้ว 

การพลิกหาโมเดลธุรกิจและบริการใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่เพียงพอที่จะอยู่รอดในวิกฤติ จึงย้ำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารบริหารค่าใช้จ่ายให้ดี คุมต้นทุนเพื่อให้ร้านอยู่ให้ได้ รักษาคนให้ได้ดีที่สุด 

"เราโชคดีที่มีเงินทุนสำรอง เพื่อดูแลบริษัทไปได้ ส่วนจะยาวนานแค่ไหนตอบยาก แต่ละคนขึ้นอยู่กับสายป่านสั้นยาว สามารถพยุงตัวเองได้ไม่เท่ากัน แต่เรายังมุ่งลดต้นทุนให้ต่ำสุด เพราะยังไงต้องเผชิญขาดทุน แต่เชื่อว่าร้านอาหารยังมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ วิกฤติโรคโควิดไม่อยู่ไปตลอด ตอนนี้ต้องทำยังไงให้มีลมหายใจยาวสุด" 
#3352


เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - การศึกษาใหม่จากสถาบันเมโย คลินิกชื่อดังของสหรัฐฯ ล่าสุดค้นพบว่าวัคซีนโมเดอร์นามีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนไฟเซอร์ในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่ทั้งคู่ยังมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการป่วยหนัก ขณะที่ไทยผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 แบบสเปรย์พ่นจมูกเริ่มการทดสอบกับมนุษย์เป็นครั้งแรก

ไทม์สออฟอิสราเอลรายงานเมื่อวานนี้ (11 ส.ค.) ว่า วัคซีนโมเดอร์นาได้รับการพิจารณาว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามากในการป้องกันไวรัสเดลตาที่ร้ายกาจเมื่อเทียบกับคู่แข่งวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค อ้างอิงจากการศึกษาใหม่ที่เก็บหลักฐานจากหลายรัฐในสหรัฐฯ ของสถาบันเมโยคลินิก (Mayo Clinic)

งานวิจัยชิ้นนี้ได้ถูกนำขึ้น medRxiv ก่อนหน้าเพียร์รีวิว หรือการตรวจสอบในสัปดาห์นี้พบว่าขณะที่วัคซีน mRNA ทั้ง 2 ค่ายมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันเมื่อมกราคมต้นปีอยู่ที่ราว 90% ก่อนหน้าการแพร่ระบาดของไวรัสเดลตา แต่พบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนโมเดอร์นาและวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคลดลงภายในเดือนกรกฎาคม

สื่ออิสราเอลชี้ว่า อย่างไรก็ตามยังมีวัคซีนตัวหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอีกตัวเพราะขณะที่ประสิทธิภาพของโมเดอร์นาลดลงเหลืออยู่ที่ 76% กลับพบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคตกลงไปที่ 42% การวิจัยใช้อาสาสมัครจำนวนมากกว่า 50,000 คน

งานวิจัยของสถาบันเมโยคลินิกนั้นทำในหลายรัฐในสหรัฐฯ พบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์นั้นจะมีโอกาสมากเป็น 2 เท่าในการติดเชื้อถึงแม้จะได้รับวัคซีนแล้วเมื่อเทียบกับของผู้ที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นา

"ในรัฐฟลอริดาที่กำลังประสบกับการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสเดลตา ความเสี่ยงของการติดเชื้อในเดือนกรกฎาคมหลังจากได้รับวัคซีน mRNA-1273 (วัคซีนโมเดอร์นา) ครบโดสแล้วมีราว 60% ต่ำกว่าของกลุ่มที่ได้รับวัคซีนBNT162b2 (วัคซีนไฟเซอร์)" นักวิจัยผู้ทำการศึกษาชี้

อย่างไรก็ตาม พบว่าวัคซีนทั้งสองยังมีประสิทธิภาพสูง (มากกว่า 90%) ในการป้องกันการป่วยหนัก

นักวิจัยสถาบันเมโยคลินิกสรุปว่า "การศึกษาการสังเกตชิ้นนี้ของพวกเราได้แสดงให้เห็นว่าขณะที่วัคซีน mRNA ทั้งสองมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อและโรคร้ายแรง การประเมินเพิ่มขึ้นของระบบของความแตกต่างที่ซ่อนไว้ระหว่างประสิทธิภาพของวัคซีนทั้งสองเป็นต้นว่า การจัดแบ่งขนาดยา (dosing regimen) และส่วนประกอบวัคซีน นั้นเป็นปัจจัยสำคัญ

อิสราเอลขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ใช้วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคเป็นส่วนใหญ่ในการปกป้องประชาชนของตัวเอง แต่เทลอาวีฟใช้งบประมาณสั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นาจำนวนหลายล้านโดสเช่นกัน
#3353


นางลินดา ลีสหะปัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน)หรือ BH แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส2ปี2564 จำนวน 216.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น387.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.42 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้รวม3,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.2% โดยเป็นรายได้จากกิจการโรงพยาบาลจำนวน 2,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น23% จาก2,422 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2563

ทั้งนี้สาเหตุหลักเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างประเทศ 27.3%และ 18.5% ตามลําดับ เป็นผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 53.6%จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น46.4% ในไตรมาส 2 ปี 2564 เทียบกับ 51.8% และ 48.2%ตามลําดับในไตรมาส 2 ปี 2563

ส่วนผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก2564 มีกำไรสุทธิ 307.59 ล้านบาท ลดลง 62%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 809.62 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้ 5,694 ล้านบาท ลดลง13.5% จากครึ่งปีแรก2563 ที่มีรายได้รวม 6,586 ล้านบาท 

ทั้งนี้สาเหตุหลักเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติ 32.3% หักลบกับการเพิ่มขึ้นของราไยด้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทย13.1% เป็นผลทำให้รายได้จากลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็น53.7% จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น46.3%ในครึ่งปีแรกของปี2564เทียบกับ41%และ59%ตามลำดัล ในครึ่งปีแรกของปี2563

ขณะที่คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด)อนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดสำหรับผลดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกปี 2564 (1ม.ค.-30มิ.ย.2564) ในอัตรา1.15 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 26 ส.ค. 2564 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 25 ส.ค. 2564 กำหนดจ่ายวันที่ 8 ก.ย.2564
#3354
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#3355


นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ออกสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร เรื่อง จะขีดชื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทออกจากทะเบียนจำนวน 10,810 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นนิติบุคคลที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 10,810 ราย เพราะไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แยกเป็นนิติบุคคลที่ไม่ส่งงบการเงินติดต่อกัน 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2560-2562 จำนวน 5,795 ราย ซึ่งเป็นเหตุให้เชื่อว่าไม่ได้ทำการค้าขายหรือดำเนินธุรกิจแล้ว และกรณีจดทะเบียนเลิกแล้วแต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่หรือไม่ได้จัดทำรายงานการชำระบัญชี หรือไม่ได้ยื่นจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลา 3 ปี จำนวน 5,015 ราย โดยจะขีดชื่อนิติบุคคลจำนวนนี้ ให้เป็นสถานะร้างสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคลภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ออกประกาศ (16 ก.ค.2564) เว้นแต่จะแสดงเหตุให้เห็นเป็นอย่างอื่น เพื่อเป็นการปรับปรุงฐานข้อมูลนิติบุคคลให้เป็นปัจจุบัน และปิดช่องว่างของมิจฉาชีพที่จะนำความน่าเชื่อถือของนิติบุคคลไปหลอกลวงประชาชน

ส่วนนิติบุคคลที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด กรมฯ ได้ประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดให้ดำเนินการตรวจสอบ และขีดชื่อออกเช่นเดียวกัน เพื่อจะได้มีแนวทางปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ หากพ้นกำหนดเวลา 90 วันนับแต่วันที่ออกประกาศ นิติบุคคลดังกล่าวจะถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนและสิ้นสภาพนิติบุคคล เว้นแต่จะแสดงเหตุให้เห็นเป็นอย่างอื่น แต่แม้นิติบุคคลจะมีสถานะร้างและสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคลไปแล้ว ความรับผิดชอบยังคงไม่ได้สิ้นสภาพตามไปด้วย และอาจคืนสู่ทะเบียนได้โดยการร้องขอต่อศาลภายใน 10 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียน

นายทศพลกล่าวว่า การปรับปรุงฐานข้อมูลสถานะของนิติบุคคล ถือเป็นภารกิจสำคัญที่กรมฯ ได้ดำเนินการต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของข้อมูลนิติบุคคลอันจะส่งผลต่อการวิเคราะห์การเจริญเติบโตในภาคธุรกิจและตัดโอกาสการถูกหลอกลวงของประชาชน จึงขอฝากไปยังนิติบุคคลจะต้องดำเนินธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งการจัดทำงบการเงินประจำปีและยื่นต่อกรมฯ ถือเป็นหน้าที่สำคัญของนิติบุคคล รวมไปถึงกรณีที่ธุรกิจมีความจำเป็นจะต้องยุติลง แต่ก็ยังคงมีหน้าที่ในการจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นเช่นกัน

สำหรับประชาชน และผู้ประกอบการ จะต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาคู่ค้าหรือการเลือกลงทุนกับธุรกิจใด จำเป็นจะต้องตรวจสอบข้อมูลหรือสถานะให้ดีเพื่อป้องกันความผิดพลาด โดยประชาชนและธุรกิจที่ต้องการตรวจสอบรายชื่อนิติบุคคลที่เข้าข่ายจะถูกขีดชื่อ สามารถดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.dbd.go.th หัวข้อ คู่มือทำธุรกิจ เลือกจดทะเบียนธุรกิจ และประกาศถอนทะเบียนร้างและคืนสู่ทะเบียน และสามารถตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลด้วยตนเองตลอด 24 ชั่วโมง โดยตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ www.dbd.go.th เลือกหัวข้อ บริการออนไลน์ และ DBD Datawarehouse+ หรือแอปพลิเคชั่น DBD Service โดยไม่มีค่ามีค่าใช้จ่าย
 
#3356


ตามที่สหรัฐมีแผนให้เด็กนักเรียนที่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนกลับเข้าชั้นเรียนในปีการศึกษาใหม่นี้ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้นทั่วประเทศเพราะสายพันธุ์เดลตา ทำให้ผู้ปกครองและนักการศึกษากังวลใจ

นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศเมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองว่าเด็กๆ ปลอดภัยเมื่อกลับมาเรียนเต็มรูปแบบ ทางการขอให้บุคลากรในโรงเรียนทุกคนฉีดวัคซีน

"การฉีดวัคซีนทำให้เรายุติการระบาดนี้ได้ ในฐานะพ่อ ผมตั้งตารอเริ่มปีการศึกษาใหม่ที่เด็กแคลิฟอร์เนียทุกคนได้กลับเข้าชั้นเรียนอีกครั้ง" ผู้ว่าการรัฐกล่าว

แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐแรกที่บังคับบุคลากรในโรงเรียนทุกคนไม่ว่าโรงเรียนของรัฐหรือเอกชนต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่เช่นนั้นก็ต้องตรวจหาเชื้อสัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย ซึ่งบรรดากลุ่มผู้ปกครองตอบรับกับความเคลื่อนไหวนี้

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขรัฐแคลิฟอร์เนีย เด็กอายุเกิน 12 ปี ราว 2 ใน 3 ฉีดวัคซีนครบแล้ว ส่วนที่อายุน้อยกว่านั้นไม่ต้องฉีดวัคซีน
#3357


โธมัส ทูเคิล ผู้จัดการทีม เชลซี เผยการส่ง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายประตูชาวสแปนิช ลงไปเฝ้าเสาในช่วงการดวลจุดโทษตัดสินของเกมเจอ บียาร์รีล ศึก ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ คือสิ่งที่วางแผนไว้เป็นอย่างดี

เกปา ลงสนามช่วงนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ ที่เสมอกัน 1-1 โดยถูกมอบหมายให้มาเซฟจุดโทษโดยเฉพาะ และเจ้าตัวก็เซฟลูกยิงของ ราอูล อัลบิโอน สำเร็จ ก่อนชนะ 6-5 คว้าถ้วย ซูเปอร์ คัพ ไปครอง

ก่อนหน้านี้ เอดูอาร์ด เมนดี ยืนเฝ้าเสาในฐานะนายทวารเบอร์ 1 มาตลอด ขณะที่ เกปา การมีปัญหากับอดีตกุนซือ เมาริซิโอ ซาร์รี ที่ไม่ยอมเดินออกจากสนามเพราะสั่งให้เปลี่ยนตัวเมื่อปี 2019 ทำให้เจ้าตัวไม่มีความน่าไว้วางใจจนถูกดร็อปเป็นมือสอง

อย่างไรก็ตาม ทูเคิล ก็ชี้แจงถึงเรื่องที่ส่ง เกปา ลงไปเซฟจุดโทษว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเอง เราคุยกันเรื่องนี้มานานแล้ว เรามีสถิติที่เตรียมไว้ ซึ่งจะเห็นว่า วิลลี กาบาเยโร เซฟจุดโทษเก่งที่สุด รองลงมาคือ เกปา และสามคือ เอดู"

"ทีมวิเคราะห์และโค้ชประตูเปิดเผยข้อมูลบให้ผมดู เราคุยกับนายประตูทั้งสามอย่างเปิดเผยและบอกว่าแผนอาจเปลี่ยนได้ในรอบน็อคเอาต์ เราทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องส่วนตัว แต่เพื่อโอกาสคว้าชัยชนะจากสถิติที่เราบันทึกไว้"

"มันวิเศษมากที่ เอดู ยอมรับการตัดสินใจแบบไม่มีอีโก้ เขารู้ว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ มันคือกุญแจสำคัญ ไม่ใช่เพราะการตัดสินใจแบบปุบปับ เกปา เก่งกว่าในเรื่องนี้ และเราก็เล่นฟุต.กันเป็นทีม"
 
#3358


รายงานข่าวจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY  เปิดเผยว่า การปรับลดวงเงิน "คุ้มครองเงินฝาก" เป็น 1 ล้านบาท เป็นวันแรกในวันนี้ ( 11  ส.ค.)  ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้ฝากเงิน เนื่องจากวงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ถึง 98% ของจำนวนผู้ฝากเงินทั้งหมดของประเทศ


สำหรับผู้ฝากเงินที่มีปริมาณเงินฝากเกินกว่าวงเงินที่ได้รับความคุ้มครอง ก็ไม่น่าจะมีการปรับพฤติกรรมในการฝากเงินแต่อย่างใด  โดยกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ผู้ฝากเงินที่มีปริมาณเงินฝากเกินกว่าวงเงินที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ได้มีการปรับตัว บริหารจัดการพอร์ตเงินฝากและเงินลงทุนไว้แล้ว

ประกอบกับสถานการณ์สภาพคล่องของระบบยังคงสูง และสถาบันการเงินไทยในขณะนี้ มีความแข็งแกร่ง จึงไม่น่าจะมีประเด็นในเชิงลบ ที่จะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกต่อการปรับลดวงเงินคุ้มครองในครั้งนี้

ส่วนกรณี การลดวงเงินคุ้มครองในครั้งนี้ จะทำให้เงินไหลเข้าไปตลาดเงิน ตลาดทุนหรือไม่นั้น ธนาคารมองว่า การโยกเงินระหว่างเงินฝากกับเงินลงทุนนั้น ลูกค้าจะจัดแบ่งสัดส่วนเงินเอาไว้อยู่แล้ว การเปลี่ยนเงินฝากไปเป็นเงินลงทุนน่าจะถูกจูงใจด้วยแนวโน้มผลตอบแทนจากการลงทุนกับความเสี่ยงจากการลงทุนที่ลูกค้ายอมรับได้ มากกว่าที่จะเกิดจากการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก
#3359


นายอิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 335.6 ล้านบาท ลดลง 8.1% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 10.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ KEX ประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ด้านราคาเชิงรุกทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าประเภทการจัดส่งราคาประหยัด และมุ่งขยายตัวต่อเนื่องเข้าสู่ตลาดการเกษตร ด้วยการนำเสนอโปรโมชั่นด้านราคาและแคมเปญการตลาดที่ดึงดูดใจทุกภูมิภาดทั่วประเทศ

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทฯ มีปริมาณการจัดส่งพัสดุที่เติบโตอย่างโดดเด่นและรายงานผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ ด้วยกำไรสุทธิที่ 336 ล้านบาท พร้อมทั้งอัตรากำไรสุทธิที่ 7.3% จากความสำเร็จของการเข้าถึงลูกค้าด้วยการตลาดและการขายที่แข็งแกร่ง และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างสูงสุด

นอกจากนี้ บริษัท ได้ดำเนินการยกระดับแพลตฟอร์มการจัดส่งพัสดุมาอย่างต่อเนื่อง โดย KEX เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพ การบริการที่เยี่ยมยอด และเครื่อข่ายการจัดส่งที่มีเถียรภาพ เพื่อให้การจัดส่งตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางเป็นไปอย่างมีระบบและคล่องตัวมากขึ้น

ทั้งนี้ KEX ถือเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของลูกค้า การันตีด้วยรางวัล No.1 Brand Thailand 4 ปีติดต่อกัน จากการจัดอันดับโดยนิตยสาร Marketeer ผ่านการโหวตของผู้บริโภคจากทุกภาคทั่วประเทศไทย ได้รับคะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่ง สะท้อนถึงความเหนือระดับของแบรนด์ KEX ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดเป็นอย่างดี

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

นอกจากนี้ KEX ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความยืดหยุ่นท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยให้ความสำคัญต่อมาตรการที่รัดกุมสำหรับมาตรฐานด้านสุขอนามัย เช่น ห้ามไม่ให้พนักงานเดินทางข้ามจังหวัด การขนส่งที่เว้นระยะห่าง และการสนับสนุนให้พนักงานในสำนักงานทั้งหมดทำงานจากที่บ้าน ในขณะที่มาตรการความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าก็ยังคงเป็นไปอย่างเข้มข้นเช่นกัน

KEX ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องกับปริมาณการจัดส่งพัสดุที่เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในครึ่งแรกของปี KEX ทำการจัดส่งพัสดุไปแล้วกว่า 166.6 ล้านชิ้น หรือเติบโตกว่า 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกลยุทธ์การกำหนดราคาเชิงรุกอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นในช่วงโควิด- 19

ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 KEX แถลงรายได้จากการขายและการให้บริการเท่ากับ 4,600 ล้นบาท เพิ่มขึ้น 9.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากความสำเร็จของกลยุทธ์ด้านราคาที่กล่าวไปแล้ว แม้จำนวนวันทำการในไตรมาสนี้จะน้อยกว่าเล็กน้อยก็ตาม อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2563 รายได้ลดลง 14.6%

จากปริมาณพัสดุที่สูงผิดปกติในไตรมาส 2 ของปี 2563 ในช่วงเริ่มต้นของสถานการณ์การแพร่ระบาด อีกทั้งสถานการณ์ที่ยังคงยืดเยื้อเป็นเหตุให้กำลังซื้อในประเทศอ่อนแอลง และประชาชนมีดวามระมัดระวังในการใช้จ่ายอย่างรัดกุมมากขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของรายได้แยกตามประเภทของลูกค้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านต้นทุนขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น 11.5% จากไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนการจัดส่งพัสดุที่มีอัตราการเติบโตสูงกว่า นั่นหมายถึงการบริหารจัดการต้นทุนได้เป็นอย่างตึ ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ต้นทุนลดลงต่อเนื่องในอัตรา 14.0% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน การพัฒนาคุณภาพของระบบและเครือข่ายการขนส่ง รวมถึงการประหยัดต่อขนาด

อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณการจัดส่งที่มากกว่าปกติในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ผ่านมา KEX ยังคงให้ความสำคัญต่อมาตรการตวามปลอดภัยและอาชีวอนามัยเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างทันท่วงที รวมถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าผ่านกระบวนการรีเอ็นจิเนียริ่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่คำช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในอัตรา 4.0% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและการให้บริการ โดยมีสาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเพื่อการขยายตัวทางธุรกิจ ทั้งนี้ KEX ยังคงสามารถดำเนินการลดคำใช้จ่ายรวมลงได้อย่างต่อเนื่อง โดยลดลงกว่า 19.8% หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ด้วยกลยุทธ์การปรับราคาประกอบกับการพัฒนาระบบการทำงาน ทำให้ทั้งอัตรากำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ (EBITDA Margin) อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้ (EBIT) และอัตราทำไรสุทธิ ยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 21.4% 9.3% และ 7.3% ตามลำดับ โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และต้นทุนทางการเงินลดลงจากการชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถานบันการเงินทั้งจำนวนโดยใช้เงินเพิ่มทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นการทั่วไปเป็นครั้งแรก
#3360

<img src="https://i.ibb.co/z8n48w8/750x422-954014-1628605077.jpg" alt="750x422-954014-1628605077" border="0">
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดตัว 10 สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอวกาศ จากโครงการ Space Economy: Lifting Off 2021 ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนและส่งเสริมให้สตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการทำเทคโนโลยี ระบบ หรือบริการด้านกิจการอวกาศสามารถต่อยอดสู่ธุรกิจจริง และสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจอวกาศโลก โดยเตรียมผลักดันสตาร์ทอัพทั้ง 10 ราย ผ่านแนวทางการส่งเสริมอย่างหลากหลาย อาทิ การสนับสนุนงานด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้บริษัทสตาร์ทอัพสามารถนำงานวิจัยไปต่อยอดในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการ การเตรียมพร้อมรองรับเศรษฐกิจอวกาศด้วยการพัฒนาให้สตาร์ทอัพสามารถผลิตดาวเทียมได้เองและสร้างธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอวกาศ เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ


รองรับการเติบโตอนาคต

พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า เอ็นไอเอ มีนโยบายในการสนับสนุนและส่งเสริมสตาร์ทอัพที่สนใจทำธุรกิจนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการอวกาศ หรือ Spacetech ผ่านโครงการ Space Economy: Lifting Off 2021 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับเศรษฐกิจอวกาศซึ่งปัจจุบันมูลค่าสูงกว่า 5 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ และในอนาคตอีกประมาณ 20 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่าสูงขึ้นจากปัจจุบันกว่า 1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์หรือประมาณ 33 ล้านล้านบาท (ที่มา: สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA)

โดยโครงการดังกล่าวเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมอวกาศของประเทศไทย และพัฒนาบุคลากรของประเทศให้เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอวกาศ รวมถึงผลักดันให้เกิดการนำประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศไปพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ยังเห็นว่าเศรษฐกิจอวกาศจะกลายเป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเป็นเครื่องยนต์ในการกระตุ้น GDP ของไทยให้สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นเพื่อให้เกิดการการส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้เชี่ยวชาญ ในการส่งเสริมและสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเศรษฐกิจอวกาศผ่านกลไกต่าง ๆ ดังนี้

1.สนับสนุนงานด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้สตาร์ทอัพสามารถนำไปต่อยอดในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการ

2.ส่งเสริมให้เกิดการผลิตและการใช้โครงสร้างพื้นฐานทางอวกาศ เช่น สถานีภาคพื้นดิน

3.เตรียมพร้อมรองรับการส่งจรวดและดาวเทียมด้วยการพัฒนาให้สตาร์ทอัพสามารถผลิตดาวเทียมได้เองเพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ

4.สนับสนุนการใช้งานด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบนำทาง โทรศัพท์สัญญาณดาวเทียม และบริการด้านอุตุนิยมวิทยา 

5.การสร้างองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์จากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอวกาศให้แก่สตาร์ทอัพของไทยที่สนใจเปลี่ยนมาทำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีอวกาศ

โดยสตาร์ทอัพทั้ง 10 ทีม ล้วนมีความน่าสนใจและมีศักยภาพที่จะต่อยอดไปสู่การสร้างมูลค่าเศรษฐกิจอวกาศในอนาคต ซึ่งประกอบด้วย "Space Composites" ผู้พัฒนาเทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ชั้นสูงที่ใช้ออกแบบและผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์เพื่อการสำรวจอวกาศ "iEMTEK" สายอากาศและอุปกรณ์เชื่อมต่อสั่งงานสำหรับระบบสื่อสารบนดาวเทียมขนาดเล็ก "NBSPACE" ดาวเทียมขนาดเล็กเพื่อการศึกษาสภาพทางอวกาศ "Irissar" เรดาร์ อุปกรณ์ และระบบที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ "Halogen" .ลูนเพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศ

"Plus IT Solution" ระบบวิเคราะห์พื้นที่จากภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ และการใช้ประโยชน์อื่น ๆ "Krypton" นวัตกรรมโปรเจกต์คริปโตไนท์ ซึ่งเป็นวิวัฒนาการดาวเทียมในรูปแบบใหม่ "Spacedox" ระบบวิเคราะห์และแจ้งคุณภาพอากาศโดยใช้.ลูนลอยสูงผ่านเครือข่าย Lora และข้อมูลการตรวจวัดจากดาวเทียม "Emone" เทคโนโลยีควบคุมความเร็วการโคจรวัตถุในอวกาศเพื่อลดปริมาณขยะจากอวกาศ และ "Tripler Adhesive" สูตรกาวและสารยึดเกาะเพื่อใช้สำหรับอุปกรณ์หรือเครื่องมือทางอวกาศ


รุกอุตสาหกรรมอวกาศ

สตาร์ทอัพทั้ง 10 ทีมได้รับการอบรมบ่มเพาะจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมด้านอวกาศ เพื่อให้สามารถพัฒนาโครงการ และตอบโจทย์ความต้องการในภาคอุตสาหกรรมอวกาศได้อย่างตรงจุด รวมทั้งสามารถสร้างโมเดลธุรกิจที่เป็นรูปธรรมและต่อยอดได้จริงผ่านการทำงานกับหน่วยงานพันธมิตรที่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมอวกาศในรูปแบบ co-creation

โดยตั้งเป้าหมายว่าปลายปีนี้จะช่วยให้สตาร์ทอัพเกิดความเข้าใจในธุรกิจด้านเศรษฐกิจอวกาศ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ตรงตามความต้องการของตลาด รวมถึงนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดเพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่มูลค่าเศรษฐกิจอวกาศของโลกในอนาคต

ด้าน กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA กล่าวว่า โครงการ Space Economy: Lifting Off 2021 เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ดำเนินการร่วมกับ Thai Space Consortium เพื่อผลักดันเศรษฐกิจอวกาศให้เกิดขึ้น ด้วยการพัฒนาผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีอวกาศให้มีบทบาทและสามารถเติบโตได้ในอุตสาหกรรมอวกาศ โดยได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเอ็นไอเอได้เฟ้นหาบริษัทสตาร์ทอัพที่มีความสนใจหรืออยู่ในธุรกิจอวกาศของประเทศไทย

เพื่อเข้ามาร่วมโครงการบ่มเพาะและพัฒนาในรูปแบบของการร่วมรังสรรค์ (co-creation) เพื่อปูทางไปสู่การสร้างเศรษฐกิจอวกาศให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยบริษัทสตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรมอวกาศ จำนวนทั้งสิ้น 10 ทีม ซึ่งมีทั้งสตาร์ทอัพที่อยู่ในอุตสาหกรรมอวกาศอยู่แล้ว

และที่มีเทคโนโลยีเชิงลึก และพร้อมที่จะต่อยอดธุรกิจในอุตสาหกรรมอวกาศ อย่างไรก็ตามการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ทำให้ และหน่วยร่วมเห็นว่าบริษัทสตาร์ทอัพในประเทศไทยมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจ และที่สำคัญสร้างสรรค์โดยคนไทย โดยบริษัทเหล่านี้มีโอกาสจะเติบโตในอุตสาหกรรมอวกาศได้ชัดเจน และสามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศ รวมถึงการเติบโตและพัฒนาไปสู่ตลาดต่างประเทศได้ในอนาคต

"NBSPACE" ผู้ออกแบบและพัฒนาดาวเทียมดวงเล็กเพื่อใช้สื่อสารกับภาคพื้นดิน Thai-Made Space System หรือ ชิ้นส่วนระบบอวกาศที่ออกแบบและผลิตในประเทศไทย หนึ่งในสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอวกาศ จากโครงการ Space Economy: Lifting Off 2021 และได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากการนำเสนอรูปแบบเทคโนโลยี นวัตกรรม และแผนธุรกิจ The best Startup in Space Economy: Lifting Off 2021

โดย NBSPACE ให้บริการออกแบบและสร้างดาวเทียมโดยมีแพลตฟอร์มดาวเทียมพร้อมให้บริการ รวมถึงสามารถออกแบบ payload ตามความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศในประเทศได้ ส่วนรายละเอียดหลักๆของเทคโนโลยีคือ ออกแบบและพัฒนาระบบสื่อสารบนดาวเทียม ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีหลักที่สำคัญของดาวเทียมเพื่อใช้สื่อสารกับภาคพื้นดิน

ส่วนอันดับ 2 ได้แก่บริษัท "Irissar" เรดาร์อุปกรณ์และระบบที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ อันดับที่ 3 บริษัท "Plus IT Solution" ระบบวิเคราะห์พื้นที่จากภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ และการใช้ประโยชน์อื่นๆ

สำหรับรางวัล The Popular ได้แก่ "Halogen" .ลูนเพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศ โดยพัฒนา High altitude ballooning platform เพื่อใช้ส่ง payload ต่างๆขึ้นสู่ชั้น stratosphere ที่มีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับอวกาศจริง ด้วยแพลตฟอร์มนี้จะทำให้ลูกค้าสามารถทำการทดลอง วิจัย พัฒนา หรือตรวจสอบประสิทธิภาพในการทำงานของดาวเทียมก่อนขึ้นสู่อวกาศได้ในราคาที่ถูกกว่าการใช้จรวดทำให้ทุกภาคส่วน อาทิ โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือบริษัทเอกชน ก็สามารถเข้าถึงนวัตกรรมอวกาศได้

เนื่องจากทีมงานมองเห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังคิดว่าเทคโนโลยีอวกาศเป็นเรื่องไกลตัว ปัญหาใหญ่ที่อุตสาหกรรมอวกาศในประเทศไทยกำลังเผชิญคือ ปัญหาการขาดแคลนกลุ่มลูกค้าและบุคลากร เพราะคิดว่าการทำอะไรที่เกี่ยวกับอวกาศจำเป็นต้องใช้งบประมาณมหาศาลและผลที่ได้ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุนไป

ส่วนรายละเอียดเทคโนโลยีหลัก คือ Automatic nozzle controlled decent ระบบควบคุมทิศทางการตกของ payload หลังจากที่.ลูนแตกออกให้ไปตกลงที่ที่สามารถเข้าไปเก็บกู้ได้ง่ายและไม่เป็นอันตรายต่อชุมชนหรือสิ่งมีชีวิตต่างๆในพื้นที่ใกล้เคียง แบบอัตโนมัติ โดยเทคโนโลยีนี้จะช่วยยกระดับความปลอดภัยของภารกิจขึ้นอย่างมาก

ภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอวกาศได้กลายมาเป็นจุดสนใจของนักลงทุนและผู้ประกอบการจำนวนมากโดยเฉพาะโซนยุโรป และอเมริกา ทำให้มีเงินและเทคโนโลยีจำนวนมากที่ไหลเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ แต่ไทยกลับไม่มีการพูดถึงอุตสาหกรรมอวกาศ ด้วยสาเหตุผลที่ว่า 1.ราคาสูง มีเพียงภาครัฐและภาคเอกชนขนาดใหญ่ที่เข้าถึงได้ 2.การศึกษา ไม่ได้ให้ความสำคัญกับด้านอวกาศมากนัก

ทางทีมจึงต้องการแก้ปัญหานี้จึงจะนำ High altitude ballooning platform มาทำให้อวกาศมีราคาถูกลง มีความเสี่ยงต่ำ สามารถเข้าถึงได้ด้วยคนจำนวนมากขึ้น

โดยที่ทางแพลตฟอร์มมีขั้นตอนบริหารจัดการ 3 ขั้นตอนคือ 1.ออกแบบและพัฒนา ทางทีมจะทำงานร่วมกับลูกค้าในการออกแบบทั้งภารกิจและ payload  2.การดำเนินการส่ง.ลูนขึ้นไปพร้อมกับ payload ที่ความสูงประมาณ 35 กิโลเมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นชั้นบรรยากาศที่มีความใกล้เคียงกับชั้นอวกาศ 3.หลังจาก payload ตกลงมาที่พื้นจะมีการส่งทีมงานไปเก็บกู้กลับมาและนำมาพัฒนาต่อเพื่อทำการทดลองใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้แพลตฟอร์มจะเน้นให้ความรู้ คำแนะนำ ทำให้ลูกค้ามีความรู้สามารถออกแบบ payload ได้ตามต้องการ ทำให้แพลตฟอร์มของ Halogen เหมาะสมต่อการนำมาใช้ในการศึกษาตรงกลุ่มเป้าหมาย 1.Academics อาทิ โรงเรียน สถาบันวิจัย ฯลฯ 2.Non-Academics อาทิ หน่วยงานรัฐ เอกชน เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ

โดยไทม์ไลน์คือในช่วงปีแรกจะเน้นการวิจัยและพัฒนา High altitude ballooning platform เพื่อให้ทำงานไม่มีปัญหา ส่วนปีที่สองจะเปิดให้บริการการส่งการทดลองไปในชั้นบรรยากาศเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ภายในปี 5 ต้องการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการยิงจรวดขึ้นจาก.ลูน

ส่วนคู่แข่งไม่มีในเซกเมนต์นี้ในประเทศไทยยังไม่มี แต่ระดับโลกจะมีบ้างบางราย สำหรับรายได้จะมาจาก 1.Education การให้คำปรึกษา ความรู้ คำแนะนำ space engineering การออกแบบ payload ต่างๆ และค่าดำเนินการจะได้จากการส่งการทดลองต่างๆขึ้นไปในชั้นบรรยากาศด้วย.ลูนของบริษัท 2.Technology & Supply ที่จะมีการจำหน่ายเทคโนโลยีให้กับบริษัทและหน่วยงานที่ต้องการใช้

ขณะเดียวกันแผนดำเนินการทางการเงิน ในปีแรกตั้งใจจะใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับการวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์ม โดยเริ่มทำกำไรได้ในปีที่ 2 เป็นต้นไป และภายในระยะเวลา 5 ปี ตั้งเป้าที่จะได้กำไรอย่างต่ำ 5 ล้านบาท