• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Panitsupa

#11476


'NOSTRA' อัปเดตข้อมูลตำแหน่ง 'ศูนย์พักคอย' เพื่อส่งต่อ หรือ Community Isolation รองรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจรับรองว่าติดเชื้อโควิด-19 ครอบคลุมพื้นที่ทั่ว กทม. ตรวจสอบตำแหน่ง ค้นหาตำแหน่งศูนย์พักคอยฯ ที่เหมาะสมหรือใกล้ที่สุด

ขณะนี้ สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ยังอยู่ในสภาวะวิกฤตที่ทุกฝ่ายต้องเร่งให้ความช่วยเหลือ จากสถิติการติดเชื้อรายวันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังรอความช่วยเหลือและการรักษาที่เหมาะสมในหลายพื้นที่


นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยฯ หลายรายที่ไม่สามารถทำการกักตัวในที่พักอาศัยหรือรักษาตัวที่บ้านแบบ Home Isolation ได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากอาศัยร่วมกับครอบครัวขนาดใหญ่มีสมาชิกจำนวนมาก ทำให้การกักตัวเป็นไปได้ยาก และมีความเสี่ยงแพร่เชื้อให้ครอบครัวในที่สุด

ล่าสุด กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้จัดตั้ง ศูนย์พักคอย เพื่อส่งต่อ หรือ Community Isolation เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจรับรองว่า ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มศักยภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยตกค้าง รวมทั้งป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฯในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนเข้าถึงการรักษาได้อย่างเหมาะสม

จากสถานการณ์ข้างต้นนี้ NOSTRA เล็งเห็นความสำคัญของการส่งต่อข้อมูลดังกล่าวสู่ประชาชนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือให้กว้างขวางมากที่สุด จึงได้นำข้อมูลมาจัดทำในรูปแบบการให้บริการบนแอปฯ แผนที่ดิจิทัล NOSTRA Map ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลตำแหน่งได้ง่าย สะดวก ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งผ่านบริการออนไลน์ในช่องทาง Web Application และ Mobile Application คลิกที่นี่   


ทั้งนี้ กทม.ได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจรับรองว่าติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งครอบคลุม 6 กลุ่มเขตพื้นที่ สำหรับการแยกผู้ป่วยออกมาจากบ้าน มีการคัดกรองอาการและดูแลเบื้องต้น รอการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุขบริหารจัดการผู้ป่วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่เทศกิจและฝ่ายความมั่นคง ร่วมดูแลความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย

นอสตร้า ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งกำลังสนุบสนันสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ให้ได้มากที่สุด โดยนำข้อมูลมาแสดงผ่านแอปฯ นอสตร้า ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์จุดฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล


โดยกรุงเทพมหานคร การแสดงข้อมูลพิกัดห้องปฏิบัติการเครือข่ายตรวจโควิด-19 (SARS-CoV), แผนที่จุดตรวจโควิดเชิงรุก ด้วย Rapid Antigen Test โดย สปสช. สปคม. และคณะเทคนิคการแพทย์ ม.มหิดล เป็นต้น ท้ายที่สุดนี้ นอสตร้าขอส่งกำลังใจถึงผู้ปฎิบัติงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ด้วยความร่วมมือร่วมใจที่เกิดขึ้นนี้ย่อมสามารถเดินหน้าประเทศไทยผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
#11477


รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ก.ล.ต.ได้รับรายงานการได้มา หุ้นของ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG โดย นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2564

จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา คิดเป็น 2.2821% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 6.1024% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาของกลุ่มคิดเป็น 2.2821% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาของกลุ่มคิดเป็น 6.1024% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ


ทั้งนี้ เป็นการทำธุรกรรมผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ก่อนจะยื่นแบบรายงานต่อ ก.ล.ต.วันที่ 17 ส.ค. โดยจำนวนหุ้นที่ได้มาอยู่ที่ 65,400,000 หุ้น คิดเป็น 2.2821% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ที่ราคาเฉลี่ย 9.95 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่า 650.73 ล้านบาท

ภายหลังการได้มาจะส่งผลให้ นายชูชาติ ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 ของ XPG จากข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 29 ก.ค.2564 รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรก ได้แก่

1. บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 403,379,000 หุ้น หรือ 14.08%

2. นายมงคล ประกิตชัยวัฒนา 363,041,000 หุ้น หรือ 12.67%

3. ELEVATED RETURNS LLC 346,000,000 หุ้น หรือ 12.07%

4. บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) 268,918,000 หุ้น หรือ 9.38%

5. UBS AG SINGAPORE BRANCH 83,425,856 หุ้น หรือ 2.91%
#11479


เคลวิน เหลียง ซีอีโอ ดีเอชแอล โกล. ฟอร์เวิร์ดดิ้ง เอเชียแปซิฟิก ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ในเครือดอยช์โพสต์ดีเอชแอลกรุ๊ป (DPDHL Group) กล่าวว่า ปี 2564 มีการคาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโต 5.5% จากแรงหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผ่านการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิต และการกระจายตัวของซัพพลายเชนของบริษัทภายในภูมิภาค

ดังนั้น ในทิศทางเดียวกันเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนของ "การขนส่งทางถนนข้ามพรมแดนระหว่างทวีป" โดยหลังจากนี้ความร่วมมือทางการค้าภายในเอเชียจะเติบโตอย่างแน่นแฟ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การซื้อสินค้าผ่านออนไลน์เติบแบบก้าวกระโดด กลายเป็นนิวนอร์มอลซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคจะคงอยู่ต่อไปแม้โควิดจะคลี่หลายไปแล้วก็ตาม

ขณะเดียวกัน ส่งผลทำให้โซลูชั่นด้านโลจิสติกส์มีความสำคัญมากขึ้นตามลำดับ ทุกวันนี้การขนส่งสัดส่วนกว่า 85% ของตลาดอีคอมเมิร์ซทำผ่านทางทะเล ราง และรถบรรทุก มีเพียง 15% เท่านั้นที่ขนส่งผ่านเครื่องบิน


'อีคอมเมิร์ซ' หนุนตลาดโต


เขากล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาการค้าระหว่างภูมิภาค ได้แก่ ระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน หรือ the ASEAN Customs Transit System (ACTS) ที่เริ่มขึ้นในปี 2563 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งและเคลื่อนย้ายสินค้าข้ามพรมแดนอาเซียนได้อย่างราบรื่น ผ่านมาตรฐานและการรับประกันที่ครอบคลุมทั้งอากรขาเข้าขาออกและภาษีตลอดการดำเนินงาน

โดยเฉพาะ หลังจากมีการผ่อนคลายลงของข้อจำกัดทางการค้าและมีการดำเนินตามมาตรการใหม่สำหรับการค้าระหว่างภูมิภาค เช่น ระบบศุลกากรผ่านแดนอาเซียน (ACTS) และ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นผลดีต่อประเทศกลุ่มอาเซียน ที่พร้อมจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากผ่านการแพร่ระบาดของโควิด-19

ข้อมูลระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกที่คาดการณ์ว่าจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางการค้าในปี 2564 ส่งผลให้ตลาดการขนส่งสินค้าทางถนนของอาเซียน มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีเพิ่มขึ้นกว่า 8% ภายในปี 2563-2568

โทมัส ทีเบอร์ ซีอีโอ ดีเอชแอล โกล. ฟอร์เวิร์ดดิ้ง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า การใช้จ่ายผ่านรูปแบบอีคอมเมิร์ซของผู้บริโภค และธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบบีทูบีซึ่งคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นราว 70% ภายในปี 2570 ยังมีส่วนเข้ามาเสริมความต้องการของโซลูชั่นการขนส่งสินค้าแบบถึงที่หมาย (door-to-door logistics solutions) ต่อไปในอนาคตอีกด้วย

"การขนส่งทางถนนกำลังมีบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้นในการแก้ปัญหาการขนส่งระยะไกลระหว่างประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและยั่งยืน"

ปีที่ผ่านมา อัตราค่าขนส่งทางอากาศและทางทะเลมีการผันผวนอย่างมากในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยโซลูชั่นการขนส่งทางถนน หรือการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้นำเสนอราคาที่ยั่งยืนยิ่งกว่า ควบคู่กับความสามารถในการขนส่ง และการเข้าถึงชายแดนที่ง่ายยิ่งขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"

'ขนส่งทางถนน' อนาคตใหม่

ทีเบอร์เผยว่า การขนส่งทางถนนมีราคาถูกและปล่อยมลพิษน้อยกว่าการขนส่งทางอากาศมาก ขณะเดียวกันเพิ่มความปลอดภัย และลดระยะเวลาการขนส่งที่เมื่อเทียบกับการขนส่งทางทะเล

นอกจากนี้ โซลูชั่นการขนส่งทางถนนยังเป็นทางเลือกที่มีความคล่องตัวสูง เพราะรถบรรทุกสามารถทำการขนส่งสินค้าแบบถึงที่หมาย ข้ามพรมแดน ครอบคลุมทั้งในระยะทางทั้งใกล้และไกล

ปัจจุบัน ลูกค้าเลือกใช้การขนส่งทางถนนเพิ่มมากขึ้นสำหรับการขนส่งสินค้าบางส่วนหรือทั้งหมดทั้งระยะใกล้และไกล เพราะการขนส่งทางถนนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าการขนส่งทางอากาศ

"การขนส่งทางถนนกำลังมุ่งหน้าสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี เพื่อประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืนที่มากขึ้น ผ่านการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดพลังงานคาร์บอน"
#11480


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามนโยบายรัฐบาล โครงการ Phuket Sandbox ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 วันที่ 15 สิงหาคม 2564 พบว่า มีเที่ยวบินรวมจำนวน 292 เที่ยวบิน โดยมีสายการบิน ที่ทำการบินเข้าประเทศไทย ได้แก่ การบินไทย, สิงคโปร์แอร์ไลน์, เอมิเรตส์, กาตาร์แอร์เวย์, สายการบินเอทิฮัด เป็นต้น โดย มีผู้โดยสารขาเข้าสะสมรวมจำนวน 21,545 คน 

โดยเป็นผู้โดยใน Phuket Sandbox จำนวน 21,135 คน (ต่างชาติ 18,654 คน คนไทย 2,481 คน) 

ทั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT รายงานว่า สายการบินที่ได้รับการจัดสรรเวลาการบิน ทำการบินจริงครบตามจำนวนเที่ยวบินที่รับการจัดสรรไม่มีการยกเลิกใดๆ โดยมีเส้นทางการบินมาจาก 17 เมือง ได้แก่ สิงคโปร์ 76 เที่ยวบิน ,โดฮา 34 เที่ยวบิน ,ดูไบ 28 เที่ยวบิน,อาบูดาบี 21 เที่ยวบิน,เทลอาวีฟ 15 เที่ยวบิน,กัวลาลัมเปอร์ 14 เที่ยวบิน,แฟรงเฟริ์ต 13 เที่ยวบิน,ลอนดอน 7 เที่ยวบิน,ซูริค 7 เที่ยวบิน ,ปารีส 7 เที่ยวบิน,โคเปเฮเกน 5 เที่ยวบิน ,ฮ่องกง 3. เที่ยวบิน ,พนมเปญ 2 เที่ยวบิน ,เวียงจันทน์ 1 เที่ยวบิน,ไทเป 1 เที่ยวบิน,ซาร์จาห์ 1 เที่ยวบิน,ย่างกุ้ง 1 เที่ยวบิน

สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศไปยัง Phuket Sandbox ในช่วงระหว่างวันที่ 5-17 สิงหาคม 2564 เป็นเส้นทางจากอู่ตะเภา-ภูเก็ต โดยพบว่ามีเที่ยวบินสะสม 18 เที่ยวบิน ผู้โดยสารสะสม 586 คน
#11481
การเงินติดขัด การงานสะดุด ธุรกิจมีปัญหา ความรักไม่สมดังใจ สุขภาพทรุดโทรม โชคลาภไม่มี ปรึกษาเราสิค่ะ


รับดูดวงผ่านไพ่ยิปซี ออราเคิล โดยใช้จิตสัมผัส และรับสอนการดูดวงผ่านศาสตร์ไพ่ยิปซี ออราเคิล
รับประกันความแม่นยำ และชัดเจนในทุกคำถาม พยากรณ์ได้ทุกเรื่อง เช่น เช็คดวงรายวัน การเงิน การงาน ธุรกิจ ความรัก เนื้อคู่ สุขภาพ โชคลาภ อีกทั้งมีแนวทางแก้ไขปัญหานั้น ๆ ได้ โดยใช้หลักการทางพระพุทธศาสนาสามารถดูต่อเนื่องได้วันต่อวัน ไม่ต้องรอเป็นเดือน รับพยากรณ์ทั้งทางโทรศัพท์ และพยากรณ์แบบส่วนตัว(พื้นที่ จังหวัดมหาสารคามและจังหวัดใกล้เคียง)
ค่าครู 299 บาท (ปกติ 599 บาท)

สนใจติดต่อ อ.อนัตตา เทพพยากรณ์
โทร. 0914441569
Line ID : 0944824293

ข้อมูลเพิ่มเติม http://porntaywa99.lnwshop.com/p/208

#11482


เคยได้ยินกันใช่ไหม ว่าการแก้ไขปัญหาให้ได้ผลชะงัดนั้นต้องเริ่มจัดการปัญหากันตั้งแต่ต้นเหตุ? ปัญหาผิวแห้ง หยาบกร้าน หมองคล้ำหรือแม้แต่ริ้วรอยก็เช่นกัน หากต้องการทวงคืนผิวสวยให้กลับมาเปล่งปลั่งดูงดงามได้นั้น
แท้จริงแล้วต้องเริ่มต้นจากการแก้ไขผิวแห้งผิวขาดความชุ่มชื้นที่เป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาผิวนับร้อยพันให้หมดไปเสียก่อน

 Calendula Serum Infused Water Cream "ครีมเพิ่มความชุ่มชื้น" จากกลีบดอกคาเลนดูล่าคือตัวเลือกที่ใช่
พร้อมประสิทธิภาพ "ปลอบประโลมผิว" และเข้าแก้ไขปัญหา "ผิวขาดน้ำ"
ต้นเหตุสำคัญของอุปสรรคผิวสวยใส
 

"ดอกคาเลนดูล่า" พืชสมุนไพรที่ใช้ในตำรับการแพทย์และการดูแลผิวมายาวนานนับศตวรรษ
สารสกัดจาก "ดอกคาเลนดูล่า" และกลีบดอกคาเลนดูล่าจากดินแดนแถบเมดิเตอร์เรเนียนมีคุณสมบัติในการมอบความชุ่มชื้นคืนสู่ผิวอย่างทรงพลัง พร้อมประสิทธิภาพช่วยปลอบประโลมผิวอ่อนล้าให้แข็งแรง เป็นส่วนผสมสำคัญที่มักถูกเลือกใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในตำรับแพทย์แผนจีนโบราณและทางอายุรเวชอย่างแพร่หลายมายาวนานหลายศตวรรษ สามารถใช้ได้กับสภาพผิวทุกประเภท ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ระคายเคือง สามารถชะลออายุของผิวให้อ่อนวัย และปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระพร้อมลดการอุดตัน


Kiehl's Calendula เติมความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ มอบความรู้สึกเปล่งปลั่งสดชื่นในทันที
Kiehl's ได้คัดสรรสารสกัดจากดอกคาเลนดูล่ามาใช้เป็นส่วนประกอบหลักของผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิว โดยได้รับแรงบันดาลใจจากผลลัพธ์ทรงประสิทธิภาพของ Calendula Herbal-Extract Toner โทนเนอร์ขายดีจาก Kiehl's ที่กอบกู้ผิวสวยใสให้หนุ่มสาวมาแล้วทั่วโลก เมื่อนำมาบดละเอียดและผ่านความร้อนสูงผสมเข้ากับ Water Cream ได้เป็นครีมเพิ่มความชุ่มชื้นมีคุณสมบัติในการเติมน้ำให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกหนาหนัก ในทางกลับกันตัวครีมมีเนื้อที่บางเบาในลักษณะเจลครีมสีเหลืองอ่อน เกาะตัวแน่น เข้มข้นสูง ทาแล้วให้สัมผัสนุ่มสบาย สามารถซึมซาบสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยทำรู้สึกถึงความชุ่มชื้น สดชื่นและทำให้ผิวเปล่งประกายภายหลังการใช้ในทันที


ใช้เป็นประจำเพื่อผลลัพธ์ที่เห็นได้ใน 1 สัปดาห์
เพียงนวดและลูบไล้ครีม Kiehl's ลงบนผิวหน้าภายหลังการทำความสะอาดทุกเช้าและก่อนนอนเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ชั้นผิว ภายหลังการใช้เพียง 1 สัปดาห์ ผิวพรรณที่อ่อนล้าและแห้งกร้านจะค่อย ๆ ถูกฟื้นฟู มีสีผิวที่ดูสม่ำเสมอมากขึ้น และเมื่อใช้ต่อเป็นประจำ วอเตอร์ครีมนี้สามารถต้านทานริ้วรอยแรกเริ่ม พร้อมจัดการปัญหาเรื่องรอยแดง ความหมองคล้ำให้ค่อยๆ ลดเลือนลงไป


Calendula Cream มาในกระปุกสีเหลืองสดใส เนื้อครีมเจลบางเบาแต่เข้มข้นมีกลิ่นหอมซิตรัสจากน้ำมันหอมระเหยเปลือกส้ม ดอกไม้และมะนาวช่วยให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย
#11484


ด้วยสำนึกในความเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ในช่วงวิกฤติ COVID-19 จึงไม่อาจนิ่งเฉยต่อความทุกข์ยากของคนในชุมชน เมื่อเร็วๆ นี้ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีที่ตั้ง ณ ตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ได้จัดสรรปรับปรุงอาคาร "ห้องเรียนปลายเนิน" ซึ่งเดิมใช้เพื่อการเรียนการสอนของอาจารย์ชาวต่างประเทศ และอาคาร "บ้านกลางน้ำ" ซึ่งใช้ทำกิจกรรมของนักศึกษา เป็น "ศูนย์พักคอยกันภัยมหิดล" (Mahidol University Community Isolation - MUCI) ตรวจคัดกรองและดูแลอาการของผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในเบื้องต้น ขนาด 20 เตียง เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อที่เป็นชาวชุมชนตำบลเขาทอง ซึ่งเดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดสีแดงเข้ม 29 จังหวัดของประเทศ และประสบปัญหาโรงพยาบาลชุมชนประจำท้องถิ่นเตียงเต็มจนไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่ม พร้อมจัด 2 สูตรยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนเพื่อการบำรุงและรักษาอาการของโรค COVID-19

อาจารย์ แพทย์หญิงมนทกานติ์ โอประเสริฐสวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า วิทยาเขตนครสวรรค์ มีความพร้อมทั้งในด้านอาคารสถานที่ บุคลากรทางการแพทย์ องค์ความรู้ด้านส่งเสริมสุขภาวะ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็น โดยได้มีการจัดตั้ง "ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ " เพื่อเป็นที่พึ่งทางสุขภาวะของประชาชนในชุมชนมาเป็นเวลากว่า 2 ปี เมื่อเร็วๆ นี้ได้ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาทอง โรงพยาบาลพยุหะคีรี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพส่วนตำบลเขาทอง และวัดเขาทอง เปิดศูนย์พักคอยกันภัยมหิดล" (Mahidol University Community Isolation - MUCI) ขึ้น ภายในวิทยาเขตฯ โดยรับผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการไปจนถึงมีอาการเล็กน้อย มาพักคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ในอาคารซึ่งปรับปรุงจากอาคารเรียนและอาคารทำกิจกรรมที่อยู่แยกจากพื้นที่หลักของวิทยาเขตฯ โดยมีนักศึกษาและบุคลากรของวิทยาเขตฯ พร้อมต้อนรับช่วยเหลือ

"ปัญหาโรคระบาด ถือเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดปรากฏการณ์พบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั่วประเทศ จนโรงพยาบาลต่างๆ ไม่สามารถรองรับได้ และมีจำนวนไม่น้อยที่ถูกปฏิเสธจากบางชุมชนที่ตนอยู่ในขณะนี้ ซึ่งการที่ชาวชุมชนตำบลเขาทองได้ร่วมแรงร่วมใจทำ Community Isolation ให้เกิดขึ้นนี้ คาดว่าจะสามารถช่วยจุดประกายให้ชุมชนอื่นๆ ได้ต่อไป โดยจะไม่มองว่าเป็นปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องช่วยกันดูแล และเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ต่อไปได้" อาจารย์ แพทย์หญิงมนทกานติ์ โอประเสริฐสวัสดิ์ กล่าว

นอกจากการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากการปรับปรุงอาคาร "ห้องเรียนปลายเนิน" และอาคาร "บ้านกลางน้ำ" ให้เป็น "ศูนย์พักคอยกันภัยมหิดล" (Mahidol University Community Isolation - MUCI) แล้ว ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีความโดดเด่นด้านแพทย์แผนจีน ยังได้คิดค้นสูตรยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนสำหรับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่มาพำนักที่ ศูนย์พักคอยกันภัยมหิดล" (Mahidol University Community Isolation - MUCI) จากยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนที่มีอยู่แล้วของแผนกแพทย์แผนจีน ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ ถึง 2 สูตรด้วยกัน

แพทย์แผนจีน ธนัตเทพ เตระทวีดุลย์ หัวหน้าฝ่ายแพทย์ทางเลือก ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ ได้เปิดเผยถึง 2 สูตรยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนที่ทางศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จัดไว้ในลักษณะบรรจุเสร็จสำหรับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่มาพำนักที่ ศูนย์พักคอยกันภัยมหิดล" (Mahidol University Community Isolation - MUCI) ตลอด 14 วันว่า ได้มาจากการศึกษาวิจัยของจีนซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลาย แล้วนำมาปรับเป็นสูตรเฉพาะของศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์

ซึ่งยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนสูตร 1 ที่จัดสำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการจะเป็นยาบำรุง ส่วนยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนสูตร 2 จัดสำหรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อย ให้ดื่มได้ตามความสมัครใจ 1 ซอง / 1 มื้อ เช้า - เย็น โดย แพทย์แผนจีน ธนัตเทพ เตระทวีดุลย์ ได้กล่าวถึงตัวยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนหลักที่ใช้เป็นยาบำรุงว่า มี 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ "ปักคี้" ที่มีรสหวาน สรรพคุณบำรุงปอด และลดอาการบวม "ไป๋จู๋" ที่มีรสขมและหวาน บำรุงม้าม ขับปัสสาวะ และระงับเหงื่อ และ "ฝางเฝิง" ที่มีรสเผ็ดและหวาน บำรุงตับ ระงับปวด และป้องกันไข้หวัด

โดยยาสมุนไพรแพทย์แผนจีนทั้ง 3 ชนิดนี้รวมกันเป็นตำรับ "ยวี่ผิงเฟิงซ่าน" ซึ่งเป็นตำรับยาที่มีใช้มาอย่างยาวนาน โดยเป็นยาที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กระตุ้นระบบย่อยอาหาร บำรุงปอด และม้าม มีฤทธิ์ขับพิษอ่อนๆ ส่วนยาเพื่อการรักษาควรจัดโดยแพทย์แผนจีนเท่านั้น ไม่ควรหามารับประทานเอง

แพทย์แผนจีน ธนัตเทพ เตระทวีดุลย์ ได้กล่าวให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงการใช้ยาสมุนไพรแพทย์แผนจีน ควบคู่กับยาสมุนไพรแพทย์แผนไทยว่าสามารถทำได้ โดยยาสมุนไพรบางชนิดที่ใช้ทั้งในแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนไทยก็มี เช่น ดอกคำฝอย (หงฮวา) ชะเอมเทศ (กำเช่า) โกฐเชียง (ตังกุยเหว่ย) ฯลฯ ส่วนยาที่ไม่ควรรับประทานร่วมกันก็มี เช่น ยาสมุนไพรแพทย์แผนจีน "เหลียนฮัวชิงเวินเจียวหนัง" ซึ่งที่มีฤทธิ์เย็นใช้รักษาโรค COVID-19 หากรับประทานร่วมกับยาสมุนไพรแพทย์แผนไทย "ฟ้าทะลายโจร" ซึ่งใช้รักษาโรค COVID-19 และมีฤทธิ์เย็นเช่นเดียวกัน ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการไข้ไม่สูงมาก จะทำให้ร่างกายเกิดความเย็นที่มากจนเกินไป เป็นต้น ทั้งนี้ ควรปรึกษาเภสัชกร หรือแพทย์แผนจีนก่อนการรับประทานยาทุกครั้ง

เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้าง ในเร็ววันนี้จะได้มีการเผยแพร่สูตรสมุนไพรยาแพทย์แผนจีนทั้ง 2 สูตรของศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ ทาง Facebook : "ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์" และ "แผนกแพทย์แผนจีน ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์" ต่อไป โดยประชาชนผู้สนใจสามารถติดตามและสอบถามรายละเอียดได้ทาง inbox ของทั้ง 2 เพจดังกล่าว
#11485


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงและมาตรฐานความปลอดภัยในเส้นทาง โดยระบุว่า ขอให้กรมทางหลวง (ทล.) เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) สาย ตราด - หาดเล็ก ที่ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ตลอดเส้นทาง เพื่อรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดตราด สนับสนุนเขตเศรษฐกิจชายแดน (Special Economic Zone : SEZ)

อีกทั้งให้เป็นเส้นทางรองรับการขยายตัวของเมืองและแก้ไขปัญหาการจราจร เนื่องจากจังหวัดตราดได้รับการจัดตั้งให้พัฒนาเป็นหนึ่งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะแรก โดยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการค้าการขนส่งต่อเนื่องระหว่างประเทศและเป็นศูนย์กลางการบริการด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค อีกทั้งยังเป็นประตูการค้าชายแดน มีด่านการค้าบ้านหาดเล็ก ซึ่งมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กระจายสินค้า สามารถเชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา 



อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ทล.ได้ขยายเส้นทางดังกล่าวเป็น 4 ช่องจราจรแล้วเสร็จระยะทางรวม 65.550  กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้คงเหลือช่วงสุดท้าย ตอน ทางแยกเข้า ต.ไม้รูด - บ.คลองจาก ระยะทางประมาณ 23.450 กิโลเมตร  กระทรวงฯ จึงผลักดันให้แล้วเสร็จภายในปี 2564  ซึ่งหากโครงการแล้วเสร็จจะเสริมสร้างโครงข่ายทางหลวงให้สมบูรณ์ตลอดเส้นทาง 89 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ทล.ได้เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) สาย ตราด - หาดเล็ก ตอนทางแยกเข้า ต.ไม้รูด - บ.คลองจาก ก่อสร้างเป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษ 4 ช่องจราจร รวมงานก่อสร้างสะพานคอนกรีตอีก  7  แห่ง และก่อสร้างศาลาทางหลวงในบริเวณสองข้างทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนจำนวน  11  แห่ง พร้อมติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างตลอดเส้นทาง งบประมาณราว 985 ล้านบาท  ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าประมาณ 85% คาดว่าจะก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณเดือน พ.ย. นี้

โดยหากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญด้านการสัญจรของประชาชนในพื้นที่  ส่งเสริมการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา ที่มีอัตราการเพิ่มของปริมาณรถสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมของจังหวัดตราด รวมถึงช่วยสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
#11486
การเงินติดขัด การงานสะดุด ธุรกิจมีปัญหา ความรักไม่สมดังใจ สุขภาพทรุดโทรม โชคลาภไม่มี ปรึกษาเราสิค่ะ


รับดูดวงผ่านไพ่ยิปซี ออราเคิล โดยใช้จิตสัมผัส และรับสอนการดูดวงผ่านศาสตร์ไพ่ยิปซี ออราเคิล
รับประกันความแม่นยำ และชัดเจนในทุกคำถาม พยากรณ์ได้ทุกเรื่อง เช่น เช็คดวงรายวัน การเงิน การงาน ธุรกิจ ความรัก เนื้อคู่ สุขภาพ โชคลาภ อีกทั้งมีแนวทางแก้ไขปัญหานั้น ๆ ได้ โดยใช้หลักการทางพระพุทธศาสนาสามารถดูต่อเนื่องได้วันต่อวัน ไม่ต้องรอเป็นเดือน รับพยากรณ์ทั้งทางโทรศัพท์ และพยากรณ์แบบส่วนตัว(พื้นที่ จังหวัดมหาสารคามและจังหวัดใกล้เคียง)
ค่าครู 299 บาท (ปกติ 599 บาท)

สนใจติดต่อ อ.อนัตตา เทพพยากรณ์
โทร. 0914441569
Line ID : 0944824293

ข้อมูลเพิ่มเติม http://porntaywa99.lnwshop.com/p/208

#11488


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีความรุนแรงกว่าที่เคยประเมิน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าที่คาด ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 1% มาเป็น -0.5% 

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังเผชิญอยู่มีแนวโน้มรุนแรงและลากยาวขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม การประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้คาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจะแตะระดับสูงสุดในเดือนกันยายน และจะค่อยๆ ลดจำนวนลง แต่กว่าสถานการณ์จะควบคุมได้หรือจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงต่ำกว่า 1,000 คนต่อวัน คาดว่าไม่เร็วไปกว่าไตรมาสที่ 4 ในปี 2564 นี้

ดังนั้น คาดว่ารัฐบาลจะยังคงมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดไปไม่ต่ำกว่า 2 เดือน (เริ่มก.ค. 2564) ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ตามมา และแม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการออกมาเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบกับกลุ่มผู้ประกอบการและลูกจ้างในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการล็อกดาวน์ แต่คงไม่สามารถชดเชยผลกระทบได้ทั้งหมด ทำให้คาดว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ของไทยในไตรมาส 3/2564 จะหดตัวลงเมื่อเทียบกับช่วง

"จากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้ในเดือนก.ค. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่จำนวนเคสผู้ติดเชื้อรายวันอาจยังไม่ผ่านจุดสูงสุด ทำให้มาตรการล็อกดาวน์อาจใช้ระยะเวลายาวขึ้น ในขณะที่ความเสี่ยงที่เป็นประเด็นติดตามยังอยู่ที่การควบคุมการแพร่ระบาดในภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่นอกจากอาจจะมีผลกระทบต่อการส่งออกแล้ว ยังอาจทำให้สินค้าในประเทศขาดตลาดในบางช่วงจังหวะเวลา" 


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปี 2564 ขยายตัวได้ดีกว่าที่คาด จากตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2564 ที่ขยายตัว 5% YoY ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกของปี 2564 เศรษฐกิจไทยขยายตัวที่ 2.0% YoY อย่างไรก็ดี หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 0.4% QoQ

แสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมของเศรษฐกิจไทยที่ยังอ่อนแรงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งนี้ ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2564 ขยายตัว 7.5% YoY เนื่องจากปัจจัยฐานต่ำ และการส่งออกที่เร่งตัวขึ้นเป็นหลัก โดยการส่งออกสินค้าในไตรมาส 2/2564 ขยายตัวที่ 36.2% YoY ในรูปของดอลลาร์สหรัฐฯ สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการชดเชยอุปสงค์ที่ค้างจากช่วงก่อนหน้า (Pent-up demand)

ในขณะที่ การบริโภคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนในไตรมาส 2/2564 แม้ว่าจะขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้าเนื่องจากฐานที่ต่ำ แต่การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนกลับหดตัวที่ -2.5 QoQ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ


ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 1.0% มาเป็น -0.5% โดยมีรายละเอียดดังนี้

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังเผชิญอยู่มีแนวโน้มรุนแรงและลากยาวขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม การประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้คาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจะแตะระดับสูงสุดในเดือนกันยายน และจะค่อยๆ ลดจำนวนลง แต่กว่าสถานการณ์จะควบคุมได้หรือจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงต่ำกว่า 1,000 คนต่อวัน คาดว่าไม่เร็วไปกว่าไตรมาสที่ 4 ในปี 2564 นี้
ดังนั้น คาดว่ารัฐบาลจะยังคงมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดไปไม่ต่ำกว่า 2 เดือน (เริ่มก.ค. 2564) ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ตามมา และแม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการออกมาเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบกับกลุ่มผู้ประกอบการและลูกจ้างในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการล็อกดาวน์ แต่คงไม่สามารถชดเชยผลกระทบได้ทั้งหมด ทำให้คาดว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ของไทยในไตรมาส 3/2564 จะหดตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ -3.5 และ -9 ตามลำดับ นอกจากนี้ แม้ว่ารัฐบาลอาจมีการทยอยผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในบางธุรกิจ แต่หากจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่อัตราประชากรที่ได้รับวัคซีนครบโดสยังไม่สูงมากก็จะทำให้ประเด็นความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่กลับมาปกติ ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องมายังกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทยอาจน้อยกว่าที่คาด เนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทยในปีนี้อาจลดลงอยู่ที่ราว 5 แสนคน แม้ว่าจะมีการเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยโครงการ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" และโครงการ "สมุย พลัส โมเดล"
ในขณะที่ ภาคการผลิตเผชิญความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากการแพร่ระบาดในโรงงาน โดยหากการแพร่ระบาดยังคงไม่สามารถควบคุมได้ อาจส่งผลให้เกิดการปิดโรงงาน และมีผลต่อเนื่องไปยังห่วงโซ่การผลิต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ นอกจากนี้ อาจทำให้สินค้าในประเทศเกิดภาวะขาดตลาดในบางช่วงจังหวะเวลาอีกด้วย อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ และอียู ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า น่าจะยังส่งผลให้การส่งออกไทยในปีนี้มีแนวโน้มที่จะยังคงขยายตัวได้ในระดับสูง
#11489


สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ แม้จะล็อกดาวน์มาแล้วเกือบ 1 เดือน แต่จำนวนผู้ติดเชื้อกลับไม่ได้ลดลง แถมเดินหน้าทำนิวไฮทุกวัน

โดย ศบค. จะมีการพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 18 ส.ค. นี้ ว่ามาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการมานั้นได้ผลแค่ไหน? เพียงพอหรือยัง? หรือ ควรต้องขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีกหรือไม่? ซึ่งดูจากสถานการณ์ล่าสุดแล้วคงต้องเป็นเช่นนั้น

ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขได้คาดการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อถึงวันที่ 7 ก.ย. 2564 ว่าหากไม่มีมาตรการล็อกดาวน์จำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงปลายเดือน ส.ค. ถึงต้นเดือน ก.ย. จะพุ่งสูงถึง 6-7 หมื่นรายเลยทีเดียว น่าจะเป็นอีกสัญญาณสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าคงต้องมีการต่อเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีก

แน่นอนว่าหากโรคระบาดยิ่งลากยาว ผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะยิ่งมากขึ้น จากปัจจุบันก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว หลายธุรกิจแทบไม่เหลือสภาพคล่อง เนื่องจากไม่มีรายได้เข้ามาเลย ส่วนหนี้ยังต้องชำระ

แม้ที่ผ่านมาจะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 2 เดือน แต่ก็เป็นมาตรการระยะสั้นเท่านั้น โดยช่วงที่พักชำระดอกเบี้ยยังวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยลูกหนี้ในระยะยาว ธปท. อยู่ระหว่างการพิจารณาออกมาตรการชุดใหม่ โดยจะขอความร่วมมือสถาบันการเงินในการออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ภายใต้แนวทาง "การปรับโครงสร้างหนี้"

ด้วยการ "แฮร์คัท" หรือ การลดยอดหนี้ลง, การลดอัตราดอกเบี้ย, ยืดเวลาชำระหนี้ โดยลดยอดเงินชำระในแต่ละงวด จนกว่ารายได้จะดีขึ้น ค่อยกลับมาชำระตามปกติ

นอกจากนี้ จะออกมาตรการเพื่อจูงใจให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างเต็มที่ ด้วยการไม่ต้องจัดชั้นลูกหนี้ที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลือเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพื่อลดภาระการตั้งสำรอง

ทั้งนี้ คงต้องรอดูความชัดเจนจาก ธปท. อีกครั้ง เพราะมาตรการต่างๆ ที่ระบุออกมานั้นยังเป็นเพียงแค่แนวคิดเบื้องต้น และถ้าหากมีมาตรการออกมาจริง คงไม่ได้เป็นการบังคัง แต่ให้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละแบงก์

ถือเป็นความปรารถนาดีของ ธปท. ที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤตโควิด-19 แต่ในมุมของสถาบันการเงิน ทั้งแบงก์และนอนแบงก์ดูจะเป็นข่าวลบ เพราะจะส่งผลกระทบต่องบการเงินโดยตรง

โดยปัจจุบันแต่ละแห่งมีแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมจากที่ ธปท. กำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งจะพิจารณาการช่วยเหลือเป็นรายกรณี และถ้าหาก ธปท. ขอความร่วมมือให้ออกมาตรการเพิ่มเติม เชื่อว่าในทางปฏิบัติหลายมาตรการคงไม่สามารถนำมาใช้ได้เป็นการทั่วไป เช่น การแฮร์คัทหนี้ เพราะผลกระทบของลูกหนี้แต่ละรายไม่เหมือนกัน และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานะการเงินของแบงก์

ด้านบล.เคทีบีเอสที ระบุว่า การแฮร์คัทจะส่งผลเสียต่อทุกบรรทัดในงบการเงินของธนาคาร เนื่องจากเป็นการตัดบัญชีลูกหนี้ออกไปทั้งก้อน แม้ปกติธนาคารจะทำอยู่แล้วแต่ไม่มาก ขณะที่รอบนี้ ธปท. เพียงขอความร่วมมือ ยังไม่ได้บังคับ เชื่อว่ากลุ่มธนาคารจะเลี่ยงไปทำเรื่องการปรับโครงสร้างมากกว่า แต่ฝ่ายวิจัยมองว่าหากสรรพากรมีการลดภาษีเท่ากับมูลหนี้ที่จะแฮร์คัท น่าจะทำให้ทุกธนาคารเร่งแฮร์คัทมากขึ้น

ทั้งนี้ ประเมินว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK จะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากประเด็นนี้มากที่สุด เพราะเมื่อพิจารณาจากโครงการช่วยเหลือลูกหนี้ (Debt relief program) ของแต่ละธนาคารในงวดไตรมาส 2 ปี 2564 จะเห็นว่า SCB ได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากประเด็นนี้มากที่สุด เพราะมีสัดส่วน Debt relief สูงที่สุดในกลุ่มที่ 16% ของสินเชื่อรวม รองลงมาเป็น KBANK ที่ 14% ของสินเชื่อรวม

ส่วนบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ฝ่ายวิจัยมองว่าได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเพราะมีสัดส่วน Debt relief น้อยที่สุดในกลุ่มที่ 3% ของสินเชื่อรวม
#11490


เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลพิเศษให้แก่นักกีฬาและผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่สำนักงานใหญ่ ธอส. โดยมี นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. และคณะผู้บริหารระดับสูงของธนาคารฯ พร้อมด้วยทีมเทควันโดไทย

นำโดย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย, "น้องเทนนิส" เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ 2020 รุ่น 49 กก.หญิง, "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี จอมเตะรุ่น 58 กก.ชาย, "โค้ชเช" เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอน และ "โค้ชชิต" นายวิชิต สิทธิกัณฑ์ ผู้ฝึกสอน ร่วมในพิธี

สำหรับพิธีมอบรางวัลพิเศษให้แก่ทีมเทควันโดไทยในครั้งนี้ คณะผู้บริหารของ ธอส. ได้มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 3 ล้านบาท ให้กับ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รวมทั้งมอบเงินรางวัลพิเศษ 5 แสนบาท ให้กับ รามณรงค์ เสวกวิหารี และ 3 มอบเงินรางวัลพิเศษ อีก 5 แสนบาท ให้กับ โค้ชเช ยอง ซอก รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4 ล้านบาท

นายยุทธนา หยิมการุณ กล่าวว่า "น้องเทนนิส" สามารถคว้าเหรียญทองเหรียญประวัติศาสตร์เหรียญแรกของกีฬาเทควันโด จากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ธอส. ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสมาคมกีฬาเทควันโดฯ มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 16 ปี โดยให้การสนับสนุนปีละ 17 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 260 ล้านบาท รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมาคมฯ พัฒนาวงการเทควันโดให้โดดเด่น สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในเวทีการแข่งขันระดับโลกมากกว่า 160 รายการ รวมถึงการคว้าเหรียญทอง "โตเกียวเกมส์" มาได้สำเร็จ ทำให้คนไทยมีความสุขท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ และยืนยันว่าเราพร้อมสนับสนุนสมาคมฯ ในการพัฒนาวงการเทควันโดต่อไป

"น้องเทนนิส" กล่าวว่า ขอขอบคุณ ธอส. ที่ได้สนับสนุนสมาคมฯ และนักกีฬาเทควันโดไทย มาอย่างยาวนาน จนประสบความสำเร็จคว้าเหรียญทองที่รอคอยร่วมกัน เงินรางวัลที่ได้รับตั้งใจจะมอบให้กับคุณพ่อสิริชัย เอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว โดยปีที่แล้วซื้อบ้านให้พ่อ จึงยังต้องผ่อนบ้านอยู่ ส่วนหนึ่งจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาในอนาคต ที่สำคัญจะเก็บเป็นเงินออมไว้ด้วยเพราะเชื่อว่าหากเรามีเงินเก็บไว้ นอกจากจะเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินแล้ว เงินออมยังมีผลตอบแทนด้วย ส่วนจะเอาไปลงทุนทำอะไรในอนาคตนั้นก็ต้องปรึกษากับพ่อก่อน

"หนูตั้งใจว่าจะเก็บเป็นเงินออมทรัพย์กับ ธอส. เพราะถือว่าเป็นวิธีการเก็บเงินที่ดีที่สุด โดยหนูตั้งใจว่าอยากจะซื้อสลาก ธอส. สัก 1 ล้านบาท อีกด้วย" น้องเทนนิส กล่าว

ขณะที่ "โค้ชเช" และ "จูเนียร์" ได้ซื้อสลากออมทรัพย์กับ ธอส. คนละ 1 แสนบาท อีกด้วย

ส่วน "บิ๊กเอ" ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ กล่าวว่า เป้าหมายต่อไปคือโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเราต้องเดินหน้าเตรียมแผนงานกันทันทีเพราะเหลือเวลาไม่มาก ขณะที่ "น้องเทนนิส" ยืนยันมีความพร้อมเต็มที่ โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือจะพยายามคว้าเหรียญทองมาให้ได้อีกสมัย.