• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Fern751

#3421


สหภาพแรงงานและกลุ่มสิทธิแรงงาน 33 กลุ่มจากกัมพูชา ซึ่งทำการศึกษาวิจัยเพื่อรวบรวมข้อมูลจากโรงงานผลิต 114 แห่งในกัมพูชา ได้เขียนจดหมายถึงแบรนด์เสื้อผ้าแฟชันชั้นนำระดับโลกทั้งหลายในสัปดาห์นี้ รวมถึง อาดิดาส เอชแอนด์เอ็ม ลีวายส์ ไนกี้ พูมา ทาร์เก็ต แก๊ป ซีแอนด์เอ และวีเอฟ คอร์ป ให้ดำเนินการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ พร้อมระบุว่า ในช่วงที่กัมพูชาล็อกดาวน์ประเทศในเดือนเม.ย.และพ.ค. อุตสาหกรรมสิ่งทอสูญเสียรายได้ 117 ล้านดอลลาร์

กลุ่มฯดังกล่าวประเมินว่าแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอของกัมพูชาซึ่งมีจำนวนกว่า 700,000 คนถูกผู้ว่าจ้างติดค้างค่าจ้างและเงินชดเชยจำนวนกว่า 393 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่กระทรวงแรงงานของกัมพูชาแนะนำให้โรงงานผลิตปิดโรงงานเพราะสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่โดยไม่ได้จ่ายเงินเพื่อชดเชยค่าเสียหายแก่แรงงาน รวมทั่้งไม่ได้แจ้งให้แรงงานทราบล่วงหน้า 

"คุน ธาโร"ที่ปรึกษาด้านสิทธิแรงงานจากศูนย์กลางเพื่อพันธมิตรแรงงานและสิทธิมนุษยชน(Center for Alliance of Labor and Human Rights) กล่าวว่า "เนื่องจากแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอไม่ได้รับค่าจ้างแรงงานที่ควรได้ บรรดาแบรนด์ดังทั้งหลายจึงตกเป็นที่พึ่งของแรงงานเหล่านี้ จนเกิดเป็นการเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อขอความช่วยเหลือจากแบรนด์ดังที่ถือเป็นผู้ว่าจ้าง"

ในส่วนของกระทรวงแรงงานกัมพูชา ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

               
แบรนด์ดังเสื้อผ้าแฟชันชั้นนำของโลกจำนวนมากที่มีรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้นในปีนี้ บอกว่า พยายามที่จะจำกัดผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19ที่มีต่อแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอ

อาดิดาส เปิดเผยกับเว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียว่า บริษัทมีพันธกิจในการจ่ายค่าแรงที่ยุติธรรมและโปร่งใสแก่แรงงานทุกคนในกัมพูชาพร้อมทั้งให้การช่วยเหลือบรรดาซัพพลายเออร์หลักๆให้ได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจากธนาคารเจ้าหนี้เพื่อนำมาใช้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19   

"บรรดาโรงงานที่เป็นซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่ของเราในกัมพูชายังคงรักษาแรงงานที่โรงงานผลิตเอาไว้แต่ลดชั่วโมงการทำงานสืบเนื่องจากการล็อกดาวน์"โฆษกอาดิดาสกล่าว

ด้านพูมา ยืนยันว่า บริษัทพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช้วิธีการยกเลิกคำสั่งซื้อและพยายามไม่ลดออร์เดอร์ซื้อสินค้าจากโรงงานรับจ้างผลิตในกัมพูชาในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19

"เฉิง ลู"นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรม ให้ความเห็นว่าว่า บรรดาแบรนด์ต่างๆเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในสหรัฐและใรนยุโรปมีความคืบหน้าด้วยดี ถึงแม้ว่ายังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลักๆหลายด้าน รวมถึง ความไม่แน่นอนและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น

"ปีนี้ทุกอย่างแพงขึ้นทั้งต้นทุนการขนส่งทางเรือและต้นทุนด้านโลจิสติกส์ วัตถุดิบด้านสิ่งทอไปจนถึงต้นทุนด้านแรงงาน ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดในฤดูร้อนปี 2564 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดความไม่แน่นอนแก่ตลาด" ลู กล่าว

ในเวียดนาม ซึ่งปีที่แล้วแซงหน้าบังกลาเทศในฐานะผู้ส่งออกสิ่งทอใหญ่สุดอันดับสองของโลกรองจากจีน ที่กำลังประสบปัญหายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19เพิ่ม ก็ปิดโรงงานสิ่งทอและรองเท้าประมาณ 30-35% 

สำหรับกัมพูชา การระบาดของโรคโควิด-19 เป็นเหมือนสิ่งซ้ำเติมทางการค้าระลอกสอง หลังจากปีที่แล้ว กัมพูชาสูญเสียสถานภาพพิเศษทางการค้าจากยุโรปเพราะปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยยอดส่งออกเสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องของกัมพูชาไปยุโรปหดตัว 14% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564
#3422


"ธนกร" เผยประชาชนยังใช้สิทธิมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐต่อเนื่อง แม้บางพื้นที่ถูกล็อกดาวน์ แจงยอดใช้จ่ายคนละครึ่ง-ยิ่งใช้ยิ่งได้-บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทำเศรษฐกิจในประเทศหมุนเวียนกว่า 5.8 หมื่นล้าน คาดภายใน ต.ค.64 เชื่อมแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ใช้"คนละครึ่ง" ได้

วันนี้(8 ส.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะประกาศล็อกดาวน์ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เพิ่มจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด เนื่องจากอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด- 29 เชิงรุกทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ขอให้ประชาชนงดออกจากเคหสถาน หรือที่พำนักโดยไม่จำเป็น เพื่อเป็นการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 แต่รัฐบาลก็มีมาตรการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาเร่งด่วนผู้ประกอบการนายจ้าง ลูกจ้าง ตลอดจนแรงงานกลุ่มอาชีพอิสระ และพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการ 9 ประเภท 29 จังหวัดล็อกดาวน์ โดยสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้โอนเงินเยียวยาผู้ประกันตน ม.33 ใน 10 จังหวัด (กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา, สงขลา) เข้าบัญชีไปแล้ว 2,434,182 คน เบิกจ่ายเป็นเงินรวมแล้ว 6,085.45 ล้านบาท แต่มีบางส่วนที่เกิดความขัดข้อง โอนเงินไม่ผ่าน เนื่องจากอาจจะมีข้อมูลผิดพลาด ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลหน้าเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคมได้จนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2564 หากข้อมูลได้รับแก้แก้ไขตรวจถูกต้องแล้ว จะดำเนินการโอนในวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของนายจ้าง ม. 33 สำนักงานประกันสังคมอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลสถานะจำนวนลูกจ้าง และจะเริ่มทยอยโอนให้นายจ้าง 3,000 ต่อจำนวนลูกจ้างไม่เกิน 200 คน ในวันที่ 10 สิงหาคม 2564

นายธนกร กล่าวต่อว่า แม้จะมีข้อติดขัดเรื่องการออกมาใช้จ่ายของประชาชนบางพื้นที่บ้างในช่วงนี้ แต่จากการรายงานของกระทรวงการคลังพบว่า มาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ยังมีการใช้สิทธิอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 37.66 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม รวม 58,495.4 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 23.22 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 52,466.8 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 26,600.7 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 25,866.1 ล้านบาท 2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 63,093 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 977.5 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.45 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 4,760.2 ล้านบาท และ 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 931,228 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 290.9 ล้านบาท

นายธนกร กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน และเข้าใจสถานการณ์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบบริการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ให้สามารถเชื่อมกับโครงการ "คนละครึ่ง" สอดคล้องกับมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยกระทรวงการคลังได้กำชับให้ธนาคารกรุงไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงระบบการเชื่อมระบบโครงการ "คนละครึ่ง" กับระบบของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเงินได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ คาดว่าจะดำเนินการเชื่อมระบบเสร็จสิ้นและพร้อมใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ เพื่อรองรับการใช้จ่าย หลังกระทรวงการคลังโอนเงิน "คนละครึ่ง" รอบ 2 อีก 1,500 บาทเข้าแอพพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งประชาชนสามารถใช้จ่ายได้จนถึงสิ้นปี 2564
#3423


เปิดเทคนิคที่จะช่วยให้การ "ขายออนไลน์" สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ ทำให้ขายสินค้าได้ทั่วโลก โดยที่ส่งของได้รวดเร็ว ราบรื่น และสะดวกสบาย

มีแม่ค้าออนไลน์หลายรายที่เริ่มมองหากลุ่มลูกค้าในประเทศอื่นๆ เพื่อขยายตลาดให้ร้านค้าออนไลน์ของตนเอง เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางหารายได้ให้เพิ่มพูนมากขึ้น แต่บางครั้งก็ยังกล้าๆ กลัวๆ เพราะมองว่าเป็นเรื่องยากลำบากและไกลตัว แต่รู้หรือไม่? ยุคนี้เป็นยุคทองของการ "ขายออนไลน์" ดังนั้นคุณจึงไม่ควรหยุดความฝันนั้นอีกต่อไป 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ได้รวบรวมข้อมูลที่ต้องรู้ในการเริ่มต้นค้าขายออนไลน์ในตลาดต่างประเทศ รวมถึงขั้นตอนการส่งของข้ามประเทศที่สะดวกสบายด้วยบริการ "Courier Post" มาฝากกัน ดังนี้

1. รู้จัก E-MARKETPLACE ในต่างประเทศ

ก่อนอื่น "แม่ค้าออนไลน์" ต้องรู้จักช่องทางการขายที่เรียกว่า E-Marketplace หรือเว็บไซต์ที่ใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในต่างประเทศ โดยคุณสามารถสร้างร้านค้าและขายสินค้าผ่านเว็บเหล่านี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมี Dealer และไม่จำกัดขนาดธุรกิจ

แล้วจะขายในเว็บไซต์ไหนดี?

คำตอบคือ มีเว็บไซต์ขายออนไลน์ในต่างประเทศให้เลือกหลากหลาย เช่น eBay, Amazon, Best Buy, Alibaba, AliExpress, JD Worldwide, TMall, Taobao, WalMart, FlipKart, PayPay Mall ฯลฯ คุณสามารถลงทะเบียนและเปิดร้านค้าออนไลน์ได้ในเว็บไซต์ที่คุณสนใจ ทั้งนี้แต่ละเว็บไซต์ก็จะคิดค่าบริการในราคาแตกต่างกันไป


2. เช็ค "สินค้าไทย" ที่โดนใจลูกค้าต่างชาติ

มีข้อมูลจาก "กระทรวงพาณิชย์" ที่เผยแพร่ในช่วงการจัดแคมเปญ DITP's Online Reseller Connect (24 พ.ค.64) ระบุว่า สินค้าที่อยู่ในความสนใจของยี่ปั๊วต่างประเทศ ได้แก่

สินค้าผลไม้สดและผลไม้แปรรูป
เครื่องดื่ม
ซอสปรุงรส
ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงาม
ผลิตภัณฑ์สปา
เครื่องประดับสำหรับเจ้าสาว
ของใช้บนโต๊ะอาหาร ของตกแต่งบ้าน
นอกจากนี้ ก็ยังมีกลุ่มสินค้าไทยที่ขายดีตลอดกาลในตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ยาดม ยาหม่อง, ผ้าไหมไทย และผ้าทอมือไทย, กางเกงมวยไทย, ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เช่น น้ำมันมะพร้าว สครับมะพร้าว สบู่มะพร้าว, เครื่องหอมไทย อุปกรณ์สปา, ของประดับตกแต่งบ้าน เช่น รูปปั้นช้าง โมเดลรถตุ๊กตุ๊ก, กระเป๋าแฮนด์เมด เช่น กระเป๋าสาน หมวกสาน เป็นต้น

3. ใช้ "COURIER POST" ส่งของต่างประเทศได้เร็ว

อีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อต้องการขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก นั่นคือ "วิธีการส่งสินค้า" แม่ค้าต้องศึกษาให้ดีว่าจะส่งของกับขนส่งเจ้าไหน ถึงจะได้รับบริการดี รวดเร็ว ปลอดภัย ราบรื่น หนึ่งในระบบขนส่งที่น่าลองใช้บริการ คือ "คูเรียร์โพสต์" ของไปรษณีย์ไทย ที่มีบริการส่งของไปต่างประเทศเช่นกัน เป็นบริการจัดส่งสิ่งของด่วนระหว่างประเทศทางอากาศ ทั้งในรูปแบบ Document และ Package (Merchandise)

คิดราคาตามน้ำหนักที่ชั่งจริงเท่านั้น (Gross weight) ราคา Net Price ไม่มีบวกเพิ่ม
สำหรับการส่งเอกสาร (Document) น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 2 กก.
สำหรับสิ่งของ (Merchandise) น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 30 กก.
รองรับการส่งสินค้าประเภทส่งของเหลวและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบตเตอรี่ได้
สิ่งของที่จะส่ง ต้องมี Package ที่ได้มาตรฐานและต้องมาบรรจุและหุ้มห่อต่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์
ผู้ส่งสามารถขอรับกล่อง/ซองฟรีของบริการ Courier Post ได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 
4. มีบริการส่งของแบบ Door to Door

คูเรียร์โพสต์มีบริการ On Demand Delivery (ODD) นั่นคือ ผู้รับสามารถเลือกรูปแบบการนำจ่ายได้ (เวลา /สถานที่) โดยไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติม และการนำจ่ายถึงผู้รับในปลายทางต่างประเทศแบบ Door to Door หมายถึง บริการดำเนินผ่านพิธีการศุลกากรแบบเบ็ดเสร็จ ณ ประเทศปลายทาง

โดยทีมงานของระบบขนส่งที่ปลายทาง จะดำเนินการผ่านพิธีการขาเข้า ผู้รับที่ปลายทางจะเป็นผู้ชำระค่าภาษี (ถ้ามี) และขนส่งจะนำสินค้าไปส่งยังสถานที่ปลายทางที่ได้กำหนดไว้ โดยจะนำจ่ายสินค้าถึงที่อยู่ผู้รับในต่างประเทศภายใน 2 - 4 วัน (ไม่นับวันที่รับฝากและไม่รวมระยะเวลาดำเนินพิธีการศุลกากร ณ ประเทศปลายทาง)

5. มีเงินประกันค่าเสียหายให้

คูเรียร์โพสต์มีอัตราชดใช้ค่าเสียหาย กล่าวคือจะมีวงเงินชดใช้กรณีสูญหาย/เสียหาย จากความผิดพลาดของผู้ขนส่ง โดยจะชดใช้ตามมูลค่าที่เกิดขึ้นจริง โดยชดใช้ไม่เกิน 5,000 บาท สำหรับเอกสาร (Document) และชดใช้ไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับสิ่งของ (Merchandise) อีกทั้ง ผู้ฝากส่งยังสามารถซื้อประกันคุ้มครองเพิ่มสูงสุดไม่เกิน 1,000 SDR (ปี 2564: 1 SRD = 43.2231 บาท)

------------------------------

อ้างอิง : 

ebaythailand

sell.amazon

corporate.jd

smmagonline

commercenewsagency

POST family
#3424
เติมคอยส์ COINS เติมเงิน Kitty Live, Mico เติมเพชร Kitty Live, Mico

"ได้เยอะกว่าเติมผ่านแอป"
พร้อมรับสมัครวีเจ มีเงินเดือน+ค่าของขวัญ 





111Topup เปิดบริการ เติมคอยส์ เติม COINS เติมเพชร เติมรูบี้ วิธีการเติมเงิน เติมคอยส์ MICO, KittyLive เติม COINS เติมเพชรง่ายนิดเดียว เพียงแค่โอนเงินผ่านเลชบัญชีธนาคารของเรา แจ้งโอน พร้อมบอกเลขไอดี รอรับคอยส์ไม่เกิน 30 วินาที การันตีได้คอยส์ชัวร์ แถมเยอะกว่าเติมผ่านในแอป ไม่โกง ไม่หลอก แน่นอน โดยมีการเติมเงินแบบ 2 ช่องทางหลักคือ

1. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมผ่านระบบธนาคาร ATM,ฝากเงินผ่านตู้, Mobile Banking ,ผ่านเว็บไซด์ธนาคาร


2. เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เติมเงินผ่านบัตรเติมเงิน ทรูมันนี่ 


111Topup รีบแอดไลน์เพื่อรับโปรโมชั่น แถมคอยส์เพิ่มขึ้น
เติมคอยส์ MICO, KittyLive




Add Line : @111Topup


วิธีการเติมเงิน Kitty Live, Mico คอยส์ COINS เพชร


1.     แอดไลน์ @111Topup (มี @ ด้วยนะคะ) เติมคอยส์ MICO, KittyLive 


2.     โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ตามที่ระบุไว้ หรือ ถ้าเติมผ่านบัตรทรูมันนี่ ให้ส่งหลักฐานบัตรมาที่ไลน์แอด @111Topup


3.     แจ้งเลขไอดี แอฟ Kitty Live, Mico ในไลน์


4.     เมื่อทีมงานรับเรื่องแล้วไม่เกิน 30 วินาทีคุณจะได้รับคอยส์ (COINS) ใน แอฟ Kitty Live, Mico


5.     เติมคอยส์ MICO, KittyLive  เปิดบริการเติมเงินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 02.00 น. (8โมงเช้า-ตี2 ทุกวัน)


 


 


รับสมัครวีเจ ไลฟ์ มีเงินเดือน + ค่าของขวัญ เงินเดือนขั้นต่ำ 6000 บาท 


 


สมัครวีเจ เข้า สังกัด 111 ทำงาน ขั้นต่ำ 20 วัน 30 ชั่วโมงต่อเดือน ทำงานที่บ้านไลฟ์ ออนไลน์ผ่านมือถือ 


มีการันตีเงินเดือน 6000-10000 บาท สำหรับวีเจใหม่ มีเทรนด์งานก่อนขึ้น ไลฟ์ดี ตั้งใจไลฟ์ สังกัดพร้อมซัพพอร์ต ในการหายูสให้แน่นอน รายได้หลักหมื่น - ถึงแสน บาทต่อเดือน


** วีเจที่เคยไลฟ์ BIGO VIBIE YAYA MCAT MLIVE มีการันตีพิเศษ คลิ๊กเลย


สนใจสมัครวีเจ คลิ๊กเลย  https://lin.ee/0apXPWf


 
#3425


โควิดหนุนเงินดิจิทัลโต-กัมพูชาเล็งเลิกพึ่งดอลล์สหรัฐ ขณะที่การเพิ่มสัดส่วนการใช้เงินท้องถิ่นช่วยให้ธนาคารกลางกัมพูชาดำเนินนโยบายทางการเงินที่เป็นอิสระและควบคุมปริมาณเงินที่หมุนเวียนในประเทศได้ดีขึ้น
ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองเพื่อทำให้ระบบการชำระเงินค่าสินค้าและบริการในประเทศมีความสะดวกสบายและมีความปลอดภัยในยุคที่ระบบดิจิทัลกำลังขยายเข้าไปในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ นั่นเท่ากับว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสกุลเงินหลักของโลกเริ่มลดบทบาทลงเรื่อยๆ

จีน ได้ทำการทดสอบหยวนดิจิทัลในเมืองใหญ่หลายเมือง ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ประกาศโครงการยูโรดิจิทัลเมื่อเดือนที่แล้วพร้อมทั้งบอกว่าจะใช้เวลาสองปีในการพัฒนาและดูว่าสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง(ซีบีดีซี)จะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลกอย่างไร

ซีบีดีซีเป็นสกุลเงินในรูปแบบดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง สามารถชำระค่าสินค้าและบริการ รักษามูลค่า และเป็นหน่วยวัดทางบัญชีได้ ต่างจากคริปโตเคอร์เรนซีอย่างบิทคอยน์ อีเธอร์ หรือริปเปิ้ลที่ออกโดยภาคเอกชน และมีมูลค่าผันผวนจากการใช้เพื่อเก็งกำไร จึงไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ

ซีบีดีซีมี 2 รูปแบบคือ ซีบีดีซีสำหรับการทำธุรกรรมระหว่างสถาบันการเงิน และสำหรับธุรกรรมรายย่อยของภาคธุรกิจและประชาชน

รายงานวิเคราะห์ในเว็บไซต์นิกเคอิ เอเชีย ระบุว่า ตอนนี้ธนาคารกลางกว่า 60 ประเทศทั่วโลกกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการออกซีบีดีซี และกัมพูชาก็เป็นผู้นำในการแข่งชันด้านนี้ หลังจากธนาคารกลางกัมพูชา(เอ็นบีซี)เปิดตัว"บากอง"สกุลเงินดิจิทัลของประเทศในเดือนต.ค.ปี 2563 ภายใต้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนจากบริษัทโซรามุตสึของญี่ปุ่นโดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการยอมรับเงินเรียลซึ่งเป็นเงินสกุลท้องถิ่นของกัมพูชาและค่อยๆลดการพึ่งพาเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ

"ชี เซเรย์" ผู้อำนวยการธนาคารกลางกัมพูชา กล่าวว่า โครงการบากองซึ่งเปิดดำเนินการในไตรมาสนี้เป็นช่องทางการชำระเงินแห่งชาติของกัมพูชา และมีบทบาทสำคัญในการนำผู้เล่นทุกคนในธุรกิจการชำระเงินเข้ามาอยู่ภายใต้แพลตฟอร์มเดียวกัน เพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้งานปลายทางในการชำระเงิน โดยไม่คำนึงถึงว่าสถาบันการเงินที่พวกเขาทำธุรกรรมด้วยเป็นธนาคารอะไร และในอนาคตจะอนุญาตให้มีการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่านระบบบากอง


นับจนถึงเดือนมิ.ย.ผู้ใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของบากองเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวจากประมาณสามเดือนก่อนหน้านี้เป็น 200,000 ราย ขณะที่ระบบโดยรวมของบากองเข้าถึงผู้ใช้ประมาณ 5.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ รวมถึงผู้ติดตั้งแอพพลิเคชันบนมือถือของธนาคาร และในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มีการทำธุรกรรมโดยรวม 1.4 ล้านครั้ง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์

ผู้อำนวยการธนาคารกลางกัมพูชา กล่าวว่า "ยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการชำระเงินด้วยระบบดิจิทัลในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาดในกัมพูชาและรัฐบาลออกมาตรการควบคุมด้านต่างๆทำให้ผู้คนหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีกันมาขึ้น"

อย่างไรก็ตาม บากองมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับคริปโตเคอร์เรนซีแบบไร้ศูนย์กลางการควบคุมอย่างบิทคอยน์เนื่องจากโครงการสกุลเงินดิจิทัลของกัมพูชาเป็นระบบปิด ที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารของประเทศและหน่วยงานด้านการเงิน ที่สำคัญไม่สามารถนำเงินบากองนี้ไปใช้เพื่อการเก็งกำไรได้

นอกจากนี้ กระเป๋าเงินบากองยังถูกเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคาร ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลของพวกเขา สำหรับสกุลเงินของประเทศ

"การทำธุรกรรมทั้งหมด จะเป็นแบบเรียลไทม์ และจะถูกบันทึก จัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยที่ธนาคารกลาง" ผอ.ธนาคารกลางกัมพูชา กล่าวและเชื่อว่าธนาคารกลางอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะพัฒนาระบบแบบเดียวกับที่กัมพูชาทำอยู่ในตอนนี้

ชาวกัมพูชาสามารถใช้เงินบากองซื้อสินค้าตามร้านค้า หรือส่งเงินผ่านแอพฯมือถือ โดยไม่ต้องใช้เงินสด พร้อมทั้งนำเงินนี้ไปชำระหนี้และส่งเงินนี้กลับประเทศในรูปเงินเรียล หรือ ดอลลาร์สหรัฐได้ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลหลักๆที่กัมพูชาออกเงินสกุลดิจิทัลนี้มาก็เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนในประเทศใช้เงินเรียลมากขึ้น

ปัจจุบัน กัมพูชาใช้เงินสองสกุลในการซื้อขายคือเงินเรียลและเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่เงินดอลลาร์สหรัฐได้รับความนิยมและแพร่หลายในระบบเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า

ชี กล่าวด้วยว่า การใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นประโยชน์กับประเทศในช่วงประเทศกำลังฟื้นตัวจากภาวะสงครามแต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเศรษฐกิจของกัมพูชาขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งการเพิ่มสัดส่วนการใช้เงินท้องถิ่นยังช่วยให้ธนาคารกลางกัมพูชาสามารถดำเนินนโยบายทางการเงินที่เป็นอิสระได้ต่อไป รวมทั้งควบคุมปริมาณเงินที่หมุนเวียนในประเทศได้ดียิ่งขึ้น

แต่ผู้อำนวยการธนาคารกลางกัมพูชา ก็ยอมรับว่า แม้จะมีการใช้เงินเรียลเพิ่มขึ่้นในการทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัล นับตั้งแต่มีการเปิดตัวเงินบากอง แต่เงินสกุลดิจิทัลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจกัมพูชาที่พึ่งพาดอลลาร์สหรัฐไปเป็นระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาเงินสกุลท้องถิ่นได้ ยังมีความจำเป็นต้องใช้นโยบายอื่นๆเข้ามาช่วย เช่น เสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งเนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ

"ภาระกิจหลักของบากองคือเพิ่มการใช้เงินเรียลในระบบดิจิทัลและมีเป้าหมายระยะยาวอยู่ที่ทำให้ชาวกัมพูชาใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพียงสกุลเดียวในการซื้อสินค้าและบริการ"ผู้อำนวยการธนาคารกลางกัมพูชา กล่าว

ธนาคารกลางกัมพูชา ระบุด้วยว่าขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนด้วยสกุลเงินบากอง โดยกำลังทำงานร่วมกับธนาคารเมย์แบงก์ของมาเลเซียและธนาคารกลางแห่งประเทศไทย(ธปท.)
#3426


ปัจจุบัน พบว่า ประเทศไทยมีเด็กติดเชื้อโควิด-19 คิดเป็น 12% การกระจายรวดเร็วของสายพันธุ์เดลต้า ทำให้เด็กที่มีการติดเชื้อลงปอดจาก 50% เพิ่มขึ้นเป็น 80-90% โดยเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5-7 ปี ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถกลืนยาเม็ดได้ แต่เดิมจึงใช้วิธีบดยาเม็ดฟาวิพิราเวียร์เพื่อให้ง่ายต่อการทาน รวมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วยอาการหนัก ใส่ท่อ และมีปัญหาการกลืน

ล่าสุด งานเภสัชกรรม รพ.จุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ คณะเภสัชกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ บริษัท เมดิกา อินโนวา จำกัด ได้ร่วมกันพัฒนา พัฒนาตำรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผลิตใน รพ. จุฬาภรณ์ ต้านเชื้อไวรัสสำหรับเด็ก และผู้ป่วยที่มีความลำบากในการกลืนยาเม็ด ตำรับแรกในประเทศไทย พร้อมเปิดลงทะเบียนขอรับยาผ่านเว็บไซต์ https://favipiravir.cra.ac.th ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 64 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นนี้ (5 ก.ค.64) "ศ.นพ.นิธิ มหานนท์" เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวในงานชี้แจงข้อมูลการพัฒนาตำรับ ยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผลิตใน รพ. จุฬาภรณ์ ต้านเชื้อไวรัสสำหรับเด็ก และผู้ป่วยที่มีความลำบากในการกลืนยาเม็ด ตำรับแรกในประเทศไทย โดยระบุว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ค่อนข้างมากขึ้นอย่างชัดเจน ผู้ติดเชื้อเป็นเด็กค่อนข้างสูง ในขณะที่วัคซีนป้องกันการติดเชื้อในเด็กยังไม่ได้รับการรับรองเป็นที่ชัดเจนและกว้างขวาง


ขณะนี้จึงทำให้เด็กได้รับเชื้อค่อนข้างเยอะ เมื่อมีการได้รับเชื้อ เด็กจะไปแพร่เชื้อให้ผู้ใหญ่ในบ้าน และสิ่งหนึ่งที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นห่วง คือ ถึงแม้ว่าวัคซีน เริ่มได้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น กระจายการฉีดไปแม้ค่อนข้างช้าแต่ก็ระดับที่ดีพอสมควรเมื่อเทียบกับหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการติดเชื้อไปแบบนี้อีกสักระยะ ดังนั้น สิ่งที่ป้องกันคนติดเชื้อไม่ให้มีอาการหนักจนต้องเข้า รพ. หรือ ใส่เครื่องช่วยหายใจ เสียชีวิต สิ่งหนึ่งที่ทำได้ คือ การใช้ยา

"ยาที่มีแนวโน้มจะใช้ได้ มีไม่กี่ตัวในโลกนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์ มีการรับรองและพิสูจน์ในการรักษาไวรัสไข้หวัดใหญ่ ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งใช้มานาน รวมถึงตอนที่มีการระบาดของอิโบล่า ขณะที่ โควิด-19 ก็มีรายงานเบื้องต้นว่าหากได้ยาเร็วภายใน 4 วันหลังเริ่มมีอาการจะสามารถลดอาการหนัก ที่เข้า รพ. และลดการเสียชีวิตได้" 


ร่วมมือพัฒนายาน้ำ เพื่อเด็ก ผู้ป่วยกลืนยาก
"เป็นที่มาที่ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ทรงเป็นห่วงและติดตามสถานการณ์มาตลอด และทรงเป็นห่วงประชาชน โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ เมื่อป่วยจะใช้ยาก็ลำบาก จึงมีการพูดคุยหารือกันระหว่าง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท เมดิกา อินโนวา จำกัด เพื่อผลิตยาในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งยาตัวนี้ทางเภสัชฯ สามารถทำเป็นยาน้ำได้ และเหมาะกับเด็กที่ไม่สามารถกลืนยาเม็ด แต่การจะทำยาตัวนี้ให้ได้ผล เราได้คำนึงถึงประสิทธิภาพ ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยการทำไปทั้งหมดก็เพื่อช่วยเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถกลืนได้ ก็จะได้รับยาอย่างรวดเร็ว"


สำหรับความเป็นไปได้ที่ยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์จะร่วมแจกในจุดตรวจต่างๆ ศ.นพ.นิธิ กล่าวว่า หากขอมาก็ไปได้ทันที แต่ข้อจำกัด คือ ต้องมีแพทย์สั่ง มีแพทย์ติดตาม เพราะยามีผลข้างเคียง และยามีอายุ 30 วัน ตากแดดร้อนๆ ไม่ไหว และต้องต้องดูอุณหภูมิตอนแจกด้วย ขั้นตอนต่อไป หากใครจะนำตำรับยาไปผลิตใน รพ. อื่น และเราไปควบคุมมาตรฐานด้วยก็ยินดี เพราะมีความเข้าใจตรงกันว่า ยาต้องได้เร็ว และกว้างขวาง  

ป่วยโควิด ใช้ฟาวิพิราเวียร์ 70 มก./กก./วัน
พญ.ศรัยอร ธงอินเนตร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ การใช้ยาต้านไวรัส เป็นหัวใจสำคัญในการลดการแพร่กระจายและลดความรุนแรงของโลก ที่ผ่านมา ยาฟาวิพิราเวียร์ มีการเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2014 ในญี่ปุ่น เพื่อรักษาไข้หวัดใหญ่ และ WHO  ประกาศในรายชื่อยารักษาโรคอีโบล่า รวมถึงในปี 2020 จนถึงปัจจุบัน มีการใช้ในญี่ปุ่น รัสเซีย ซาอุดิอาราเบีย อินเดีย และไทย


โดยในการรักษาโควิด-19 ต้องใช้ขนาดยาในวันแรกปริมาณมากถึง 70 มก./กก./วัน และ วันต่อมา 35 มก./กก./วัน แบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง ประมาณ 5-10 วัน ดังนั้น หากเด็กน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ในวันแรก จะต้องทาน 1 เม็ด กับอีก 3 ส่วน 4 เม็ด การใช้ยาน้ำ จึงสามารถป้อนเด็กให้ง่ายขึ้น โดยวันแรก ป้อน 27 CC ต่อครั้ง วันละ 2 ครั้ง วันต่อมา 12 CC วันละ 2 ครั้ง


เด็กไทยป่วยโควิด 12% 
"พญ.ครองขวัญ เนียมสอน กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจในเด็ก โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการระบาดที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเด็กติดเชื้อทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเดือน ก.ค. ยอดเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า เมื่อเทียบกับ 2-3 เดือนก่อน พบว่า สายพันธุ์กลายพันธุ์ทำให้เด็กมีอัตราปอดติดเชื้อเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 80-90% แต่เด็กมีอาการค่อนข้างเบา สามารถคงระดับออกซิเจนในเลือดที่ระดับ 95-96 % เป็นส่วนใหญ่


ตอนนี้ประเทศไทยสถิติเด็กป่วยด้วยโควิด-19 ราว 12% กว่าๆ ขณะที่ ใน รพ.จุฬาภรณ์ เป็นผู้ป่วยเด็กเฉลี่ยคร่าว 8-9% จากคนไข้ทั้งหมด มีตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 15 ปี จำนวนนี้ อัตราส่วนต้องใช้ยาน้ำจริง อาจจะมี 1 ใน 3 และ ยาน้ำเหล่านี้อาจจะต้องใช้ในคนไข้วิกฤติ คนไข้ไอซียู ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ กินยาทางปากไม่ได้ และคนไข้ที่มีปัญหาการกลืนร่วมด้วย

เทียบข้อดีข้อเสีย ยาบดละลายน้ำ และ ยาน้ำ
"ยาทุกตัวมีข้อดีและข้อเสีย หากเป็น "ยาเม็ดบดละลายน้ำแบบเดิม" อาจจะเป็นวิธีที่พ่อแม่เคยใช้มาก่อนในยาตัวอื่นๆ ข้อดี คือ ทำให้สามารถบดเจือจางในน้ำในปริมาณที่เราต้องการ บดละลายน้ำในปริมาณน้อยได้ แต่มีตะกอนยาตกค้าง อาจได้รับปริมาณยาไม่คงที่ และหากบดไม่ละเอียดทำให้มีรสชาติขมติดลิ้นหลังกลืนยา ทำให้เด็กอาจปฏิเสธในการกินยาครั้งต่อไป"

ขณะที่ "ยาน้ำ" ข้อดีคือพร้อมใช้ ปริมาณยาคงที่ เด็กได้รับการดูดซึมยาได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม ปริมาณยาที่ได้รับจะมากกว่ายาน้ำทั่วไป เช่น เด็ก 10 กิโลกรัม ปกติป้อนยา 1 ช้อน ประมาณ 5 ซีซี แต่สำหรับยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ในวันแรก เด็กจะต้องได้รับยาค่อนข้างเยอะ 27 ซีซี และวันต่อมา ลดลงมาเหลือวันละ 12 ซีซี


ทั้งนี้ หลังจากมีการพัฒนาสูตรยา มีการทดลองใช้จริงในผู้ป่วยเด็กใน รพ.จุฬาภรณ์ และติดตามอย่างใกล้ชิด เปรียบเทียบกับยาเม็ดบดละลายน้ำ โดยใช้ยาในเด็กอายุ 8 เดือน – 5 ปี จำนวน 12 ราย ติดตามการรักษาพบว่าการตอบสนองการรักษาเป็นไปได้ดี และไม่พบผลข้างเคียงร้ายแรง



ลงทะเบียนรับยาฟรีได้ ผ่านเว็บไซต์
หากแพทย์ประสงค์ใช้ยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ตำรับ รพ.จุฬาภรณ์ ในกรณีที่ ในผู้ติดเชื้อโควิด 19 สำหรับกลุ่มผู้ป่วยเด็ก ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่ให้อาหารทางสายที่มีผลการตรวจ RT- PCR ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ที่อยู่ในระบบการดูแลของโรงพยาบาล หรือเข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้าน Home Isolation ที่มีแพทย์ติดตามหรือในผู้ที่แพทย์เห็นสมควรจากประวัติสัมผัสและผลตรวจ Rapid Antigen Test เป็นบวก


โรงพยาบาลหรือแพทย์ สามารถส่งข้อมูลของผู้ป่วยเพื่อขอรับยาได้ทางเว็บไซต์ favipiravir.cra.ac.th หรือโทร 06-4586-2470 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 64 เป็นต้นไป โดยจะได้รับยาภายหลังจากการลงทะเบียน 1 วัน จัดยาไม่เกินเวลา 20.00 น.โดยระยะแรกสามารถผลิตได้สำหรับ 100 รายต่อสัปดาห์ เฉลี่ย 20 รายต่อวัน 
#3427


นางสาวสุวดี พันธุ์พานิช เลขานุการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) มีหนังสือลงวันที่ 4 ส.ค.2564 โดยใช้อำนาจมาตรา 58 (1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ให้ผู้บริหารบริษัทฯ ชี้แจงข้อมูลและนำส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และเปิดเผยคำชี้แจงดังกล่าวผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่ในหนังสือ

บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้รับหนังสือจาก สำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว โดยจะดำเนินการชี้แจงโดยละเอียดตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยขอให้ข้อมูลเบื้องดันได้ดังนี้

1. บริษัทฯ "ไม่ได้ให้ข้อมูลการทำสัญญาหรือจะทำสัญญาร่วมกับกระทรวงกลาโหม" ตามที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐเพื่อร่วมกันนำเข้าวัคชีนจริง โดยจะเปิดเป็นเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้สำนักงาน ก.ล.ต.

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

2. บริษัทฯ ไม่ได้ใช้เงินสด เงินกู้ หรือทรัพย์สินของบริษัทฯ ในการวางมัดจำหรือค่าปรับมัดจำวัคซีน

3. วัคชีนจำนวน 20 ล้านโดสที่ได้มีการเจรจากับผู้แทนจำหน่ายแล้วนั้น ยังไม่มีการลงนามสั่งซื้อจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตามระเบียบของรัฐ แต่บริษัทฯ ยังไม่ละทิ้งความพยายาม โดยจำนวนวัคชีน และระยะเวลาการนำเข้าวัคซีนไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

อนึ่ง ขอเรียนให้ท่านทราบว่า "แม้บริษัทฯ ไม่ใช่ผู้มีหน้าที่ในการดำเนินการสั่งซื้อวัดซีนโควิด 19 ตามกำหนดของรัฐ" แต่เป็นการ ทำหน้าที่ในฐานะเอกชนและพลเมือง ที่ไม่เพิกเฉยต่อสถานการณ์การระบาดของโรคที่มีในปัจจุบัน เพื่อช่วยให้วิกฤตนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว
#3428


มามี่โพโค (MamyPoko) ผู้นำตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูป จับมือ ช้อปปี้ (Shopee) ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน ร่วมสร้างสีสันฉลองแคมเปญช้อปปิ้งที่อัดแน่นโดยโปรโมชั่นดี๊ดี Shopee 8.8 Crazy Flash Sale ส่งตรงความพิเศษด้วยคอลแลปคอลเลคชั่นสุดคิ้วท์ "มามี่โพโค แพ้นท์ เลิฟลี่ เดย์แอนด์ไนท์ รุ่นบางสบาย" (MamyPoko Pants Lovely Day & Night
Comfortably Thin)

ครั้งแรกกับแพ็กเกจจิ้งลิมิเต็ดเอดิชั่นดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมกับความสดใสน่ารักของ โชกี้ (Shogi) เจ้าสุนัขพันธุ์คอร์กี้ที่เป็นมาสคอตของช้อปปี้ที่คราวนี้ได้ร่วมก๊วนเป็นเพื่อนซี้กับ โพโคจังและผองเพื่อน (Poko Poko Friends) มีให้เลือกไซซ์ L-XXL พร้อมเอาใจคุณแม่ขาช้อป ด้วยหลากหลายไอเท็มเด็ดที่จัดโปรแรงต้อนรับเทศกาลวันแม่แห่งชาติ ในระหว่างวันที่ 5 - 7 สิงหาคมนี้เท่านั้น!!!

"ทาดาชิ นาคาอิ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า "บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง โดยได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความแปลกใหม่ สรรหานวัตกรรมที่ตรงใจ รวมถึงอรรถประโยชน์ในการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงพฤติกรรมและโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้บริโภคจะได้ใช้สินค้าผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่มีคุณภาพดีที่สุด ล่าสุด ได้เตรียมสร้างสีสันให้กับตลาด ทำให้การเลือกซื้อเลือกใช้กางเกงผ้าอ้อมสำเร็จรูปยกระดับไปอีกขั้นด้วยความคิดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆ เอาใจคุณพ่อคุณแม่นักช้อปกับคอลแลปคอลเลคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ได้ร่วมกับ ช้อปปี้ พันธมิตรอีคอมเมิร์ซชั้นนำ
ในการหยิบยกเอาสัญลักษณ์ของทั้ง 2 แบรนด์มาสร้างการจดจำ ในรูปแบบแพ็กเกจจิ้งลิมิเต็ดเอดิชั่นของผลิตภัณฑ์กางเกงผ้าอ้อมสำเร็จรูปซึมซับดีเยี่ยม "มามี่โพโค แพ้นท์ เลิฟลี่ เดย์แอนด์ไนท์ รุ่นบางสบาย" กับความน่ารักสดใสของ โพโคจัง และผองเพื่อน (Poko Poko Friends) ที่ได้เพื่อนซี้คนใหม่อย่างเจ้าโชกี้ (Shogi) ที่เป็นมาสคอตของช้อปปี้มาเข้าแก๊งค์ นอกจากจะช่วยสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่น่าจดจำแล้ว ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังถือเป็นอีกหนึ่งก้าวในการช่วยส่งเสริมพัฒนาการ อันกว้างไกลของเหล่าเจ้าตัวน้อยอีกด้วย"

"ศิวกร สิริวงศ์ภานุพงษ์" ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า "ช้อปปี้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มาสคอตของแบรนด์อย่างเจ้าโชกี้ (Shogi) สุนัขพันธุ์คอร์กี้ ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของช้อปปี้ในการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีและส่งมอบความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคมาอย่างยาวนานจะได้มาร่วมส่งมอบความน่ารักและความสดใสร่วมกับโพโคจังและผองเพื่อนบนแพ็กเกจจิ้งของผลิตภัณฑ์มามี่โพโคซึ่งเป็นแบรนด์ที่เป็นผู้นำในตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปในประเทศไทย และการเปิดตัวคอลแลปคอลเลคชั่นนี้ ยังถือเป็นหนึ่งไฮไลท์เพื่อเฉลิมฉลองแคมเปญ Shopee 8.8 Crazy Flash Sale โดยเรามุ่งหวังว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการผสานความแข็งแกร่งของทั้งสองแบรนด์ที่จะทำให้หมวดหมู่สินค้าแม่และเด็กในแพลตฟอร์มของช้อปปี้มีสีสันและความสนุกเพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับความเอ็กซ์คลูซีฟที่บรรดาคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่จะสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ช้อปปี้ที่เดียวเท่านั้น"

นอกจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ "มามี่โพโค แพ้นท์ เลิฟลี่ เดย์แอนด์ไนท์ รุ่นบางสบาย" ลิมิเต็ดเอดิชั่นดีไซน์พิเศษ ซึ่งเป็นไฮไลท์ในแคมเปญ Shopee 8.8 Crazy Flash Sale มามี่โพโคยังได้มอบความพิเศษให้กับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์รุ่นดังกล่าวในราคาพิเศษเพียง 828 บาท จากราคาปกติที่ 1,275 บาท พร้อมส่งต่อโปรโมชั่นเป็นของขวัญสำหรับคุณแม่ในช่วงเทศกาลวันแม่แห่งชาติ แคมเปญมีส่วนลดสูงสุดถึง 60% และมีโค้ดส่วนลดเพิ่มสูงสุด 400 Shopee Coins นอกเหนือจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์เหนือระดับอีกมากมายเมื่อชำระเงินผ่าน ShopeePay ให้เหล่าคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ได้เลือกซื้อสินค้าของมามี่โพโค บน Shopee Mall ระหว่างวันที่ 5 - 7 สิงหาคมนี้ได้อย่างคุ้มค่าเหนือความคาดหมาย

สัมผัสกับความน่ารักของคอลแลปคอลเลคชั่นครั้งแรกของ MamyPoko x Shopee ในราคาสุดคุ้มค่าและติดตามข่าวสารพร้อมความเคลื่อนไหวของ MamyPoko Official Store บน Shopee Mall ได้ที่
https:// shopee.co.th/mamypoko_official_store
#3429


ในช่วง Work From Home อย่างนี้ พอตกบ่ายก็อยากจะจิบกาแฟเรียกเอนเนอจี้กันหน่อย จะออกไปซื้อก็ลำบาก ฉะนั้นเครื่องทำกาแฟก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและสะดวกสุด น่าหาเครื่องทำกาแฟมาติดบ้านไว้สักเครื่อง ซึ่งตอนนี้ เนสเพรสโซ (Nespresso) ได้เปิดตัวคอลเล็กชั่น "Nespresso x Chiara Ferragni" ลิมิเต็ด อิดิชั่น คอลเล็กชันนี้เป็นผลงานคอลแลบล่าสุดที่เนสเพรสโซร่วมมือกับ เคียร่า เฟอร์รังงี (Chiara Ferragni) แฟชั่นไอคอนชาวอิตาเลียน ของวงการแฟชั่นโลกที่มีผู้ติดตามทางออนไลน์กว่า 24 ล้านคน มาร่วมรังสรรค์คอลเล็กชั่นพิเศษซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องชงกาแฟ และแอคเซสเซอรี่เข้าชุดเพื่อต้อนรับซัมเมอร์ 2021 ให้แฟนๆ สายแฟของเนสเพรสโซและเคียร่าได้เก็บสะสมกัน



คอลเล็กชั่น Nespresso x Chiara Ferragni สุดพิเศษนี้ได้ผสานการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากซัมเมอร์คอลเล็กชั่น เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและสะท้อนผ่านตัวตนที่โดดเด่นของเคียร่า ผ่านการนำเอาไอคอนรูปดวงตาลายเซ็นที่เป็นเอกลักษณ์ของเคียร่าและการเลือกใช้โทนสีสันสดใสรับซัมเมอร์มาดีไซน์ให้คอลเล็กชันลิมิเต็ดอิดิชั่นนี้ให้ความรู้สึกทันสมัยและโดดเด่นสะดุดตาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่



สำหรับความพิเศษของลิมิเต็ด คอลเล็กชั่นนี้ เคียร่าได้คัดสรรไอเท็มชิ้นโปรดนำมาดีไซน์เพื่อนำเสนอความเอ็กซ์คลูซีฟให้แฟนๆ ทั่วโลกของทั้งเนสเพรสโซและเคียร่าได้ตามสะสมโดยเฉพาะ ประกอบไปด้วย เครื่องชงกาแฟรุ่นคลาสสิกอย่าง Essenza Mini ดีไซน์ล้ำ น้ำหนักเบา และมีขนาดกะทัดรัดที่สามารถรังสรรค์กาแฟรสชาติเยี่ยมได้อย่างง่ายดาย โดยเคียร่าเลือกใช้สีชมพูสดใสและลวดลายแพทเทิร์นไอคอนรูปดวงตาสลับโลโก้เนสเพรสโซมาสร้างความว้าวให้กับเครื่องชงกาแฟ นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์อันสมบูรณ์แบบสำหรับคอกาแฟตัวจริงด้วยเครื่องทำฟองนมรุ่น Aeroccino 3 ที่มีลวดลายและสีสันเข้าชุดกัน ไม่เพียงเท่านั้นแฟนๆ ยังสามารถเลือกดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรดได้กับแก้วมัคใส Coffee Mug ลายโมโนแกรม และแก้วมัคแบบพกพาได้ Nomad Travel Mug สีชมพูหวานกับไอคอนดวงตาซิกเนเจอร์สุดเก๋ สำหรับกาแฟในคอลเล็กชั่นนี้ มีทั้งหมด 3 รสชาติ ได้แก่ Roma, Freddo Intenso และ Scuro ซึ่งเป็นกาแฟรสโปรดของเคียร่าอีกด้วย



คอลเล็กชั่น Nespresso x Chiara Ferragni มีกำหนดวางจำหน่ายให้แฟน ๆ ในประเทศไทย ได้ตามสะสม ทางเว็บไซต์เนสเพรสโซ https://www.nespresso.com/th/ สนนราคาแต่ละไอเท็ม นั้นได้แก่
เครื่องชงกาแฟรุ่น Nespresso x Chiara Ferragni Essenza Mini วางจำหน่ายในราคา 5,500 บาท
เครื่องทำฟองนมรุ่น Nespresso x Chiara Ferragni Aeroccino 3 วางจำหน่ายในราคา 4,800 บาท
แก้วมัคใส Nespresso x Chiara Coffee Mug วางจำหน่ายในราคา 890 บาท
แก้วมัคแบบพกพาได้ Nespresso x Chiara Nomad Travel Mug วางจำหน่ายในราคา 1,190 บาท
เห็นแล้วบอกเลยว่าน่ามีตั้งในบ้านสวยๆ เก๋ๆ จริงๆ
#3430












โควิดลดกระหน่ำ ที่ดินใกล้  ทล.21 ใกล้ภูทับเบิก ที่สวย ดินดีสมบูรณ์วิวเขา บรรยากาศสดชื่นสุขสบายสดชื่นแจ่มใส รถยนต์ถึงที่ดิน 103-1-81 ไร่ ต.หล่มเก่า อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ขายรวม 14ลบ. โฉนดครุฑแดง แบ่งขาย ห่างทล.21ประมาณ 1 กม. เข้าจากทางหลวงสาย เลย-หล่มสัก(203)ประมาณ 1.3 กม. ห่างเทศบาลเมืองหล่มเก่าประมาณ500ม. ทางขึ้นภูทับเบิกประมาณ 6 กม. ทางสะดวกสบาย ถนนตัดผ่าน เข้า-ออก หลายทาง ทำเลดีทำไร่ทำสวนได้ อากาศสดชื่นบริสุทธิ์ปลอดโปร่ง ทิวเขา วิวสวย  แบ่งโฉนดขาย ไร่ละ 130,000-150,000 บาท โฉนดมี 3 แปลง 
คือ ฉ.29066 เนื้อที่ 28-1-3 ไร่ 
ฉ.29005 เนื้อที่  49-1-6 ไร่ 
ฉ.29006 เนื้อที่ 25-3-72 ไร่ 

โทร 083-7124115
Line id : 0837124115

16°53'04.7"N 101°14'53.4"E
ตำบล หล่มเก่า อำเภอ หล่มเก่า เพชรบูรณ์ 67120
https://goo.gl/maps/21Qer7b9cDeydTNh7
 
#3431


วันนี้ (3 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่วัดอ่วมอ่องประชานฤมิตร ต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี พบพระครูนนทกิจโกศล เจ้าคณะอำเภอไทรน้อยและเจ้าอาวาสวัดอ่วมอ่องประชานฤมิตร หลังทราบข่าวว่าทางวัดได้ทำน้ำกระชายขาวแจกชาวบ้านฟรี โดยมีส่วนผสมของกระชายขาว น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว และมีชาวบ้านที่เป็นโควิด-19 รับประทานน้ำกระชายขาวของทางวัดทำให้ค่าออกซิเจนเพิ่มขึ้นไม่ต้องไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ปัจจุบันไม่ต้องไปหาหมอแล้ว พระครูนนทกิจโกศล เจ้าคณะอำเภอไทรน้อย เจ้าอาวาสวัดอ่วมอ่องประชานฤมิตร ต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย กล่าวว่า การทำน้ำกระชายของทางวัดเริ่มตั้งแต่มีการระบาด covid ครั้งที่ 2 ได้รับสูตรการทำน้ำกระชาย ซึ่งเป็นสูตรของศาสตร์ชาวบ้าน และมีคุณประโยชน์ต่อผู้ที่ได้รับเชื้อที่จะได้ป้องกันได้เร็วขึ้น ถ้าเรามัวแต่รอมันอาจจะสายเกินไปที่จะช่วยเหลือผู้ป่วย และต่อลมหายใจเขาได้ ทางวัดจึงได้คิดสูตรนี้ขึ้นมา 

ส่วนผสมก็จะมีกระชายขาว น้ำมะนาว และน้ำผึ้ง 3 อย่างนี้เอามาผสมกัน โดยวิธีทำจะเริ่มตั้งแต่การหาวัตถุดิบคือกระชายซึ่งเรามีอยู่ในครัวเรือนอยู่แล้วนำมาปั่นให้เป็นน้ำ เอาน้ำมะนาวใส่ผสมลงไปกะพอประมาณให้เรารับประทานได้ไม่ให้เฝื่อนเพราะกระชายมีรสเผ็ด โดยมหาวิทยาลัยมหิดลได้วิจัยออกมาแล้วว่ากระชายขาวมี 2 ชนิดที่ยับยั้งไม่ให้เชื้อโควิด-19 แพร่กระจายได้ โดยวิจัยในหลอดทดลอง มีผลดีมาก เราจึงนำกระชายขาวชนิดนี้มาทำน้ำปั่นกระชายในครั้งนี้ ส่วนมะนาวมีความเป็นด่าง และมีวิตามินซีเยอะ ซึ่งน้ำที่เป็นด่างจะสามารถไปฆ่าเชื้อโรคได้ ยิ่งเป็นเชื้อ covid จะเป็นส่วนผสมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนน้ำผึ้ง ปัจจุบันมีขายตามท้องตลาด นำมาเป็นส่วนผสมได้ ในพุทธประวัติพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้เป็นยาชนิดหนึ่งมีคุณสมบัติดีมาก จึงนำทั้ง 3 อย่างมาผสมกัน เมื่อผสมแล้วจะแต่งรสให้ดูน่ารับประทานมากขึ้น น้ำผึ้งมีความหวาน ส่วนน้ำมะนาวมีความเปรี้ยว ส่วนกระชายจะมีรสเฝื่อน เมื่อนำทั้ง 3 อย่างมารวมกันจะมีความกลมกล่อมมากขึ้น และเหมาะสำหรับผู้ติดเชื้อ covid สามารถช่วยชีวิตคนได้ เป็นศาสตร์ของชาวบ้านซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณเราจึงเอาตรงนี้มาใช้ ถ้าเรามัวรอโรงพยาบาลอาจจะสายเกินไป ถ้าเราช่วยได้จะได้ช่วยกันแบ่งเบาภาระของหมอและพยาบาล เราควรจะช่วยกัน เพราะว่าสังคมเราต้องอยู่ด้วยความสามัคคีช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะได้ผ่านวิกฤตตรงนี้ไปได้       

ส่วนปริมาณในการผลิตวันหนึ่งจะทำได้ประมาณ 350 ขวด ซึ่งเมื่อวานได้ใช้กระชายขาวทำไปประมาณ 30 กิโลกรัม น้ำผึ้ง 2 ขวด น้ำมะนาว 2 ขวด ซึ่งอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ เตรียมไว้ในตู้เย็น วันนี้จะนำไปแจกผู้ป่วยตามบ้านให้ได้รับประทานฟรี ทางวัดจะมีเจ้าหน้าที่คอยแจกให้ญาติที่ยังไม่ได้ป่วยโควิด-19 ให้ผู้ป่วยไปรับประทานเพื่อจะลดเชื้อได้ทันท่วงที ไม่ต้องเสียตังค์ ทางวัดพร้อมที่จะแจกให้ญาติโยมทุกคน ซึ่งทางวัดจะใช้วิกฤตตรงนี้เป็นโอกาสที่จะตอบแทนญาติโยมที่เคยช่วยเหลือวัด ถ้าแช่เย็นจะเก็บได้ประมาณ 1 อาทิตย์ ถ้าไม่แช่เย็นอาจจะอยู่ได้ไม่นานเนื่องจากทางวัดไม่ได้ใส่สารเจือปน ซึ่งก่อนหน้านี้มีแม่ครัวที่วัดซึ่งลูกสาวติดโควิด-19 ลูกอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ทางแม่ครัวได้นำเครื่องวัดออกซิเจนกับน้ำกระชายของทางวัดไปให้ลูกดื่มเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น วันแรกที่แม่ครัววัดค่าออกซิเจนอยู่ที่ 95 หลังจากดื่มน้ำกระชายปั่นไปแล้วค่าออกซิเจนเพิ่มขึ้นจาก 95 เป็น 99 ภายในไม่กี่วันหลังจากดื่มน้ำกระชาย ปัจจุบันไม่ต้องหาหมอแล้ว อยู่ที่บ้านเนื่องจากดื่มน้ำกระชายขาวของทางวัด ซึ่งน้ำสูตรนี้มีคุณประโยชน์มากอยากให้ลองดื่มดู 
   
นางสุดใจ พานทอง 51 ปี แม่ครัวที่วัดอ่วมอ่องประชานฤมิตร อายุ 30 ปี กล่าวว่า ลูกสาวติดโควิดมาจากน้องชายแฟนเขาไปอยู่ รพ.สนามได้ 2 วันหมอก็โทร.มาบอกว่าเขาติดเชื้อ แล้วได้น้ำกระชายของหลวงพ่อไปดื่ม 2 โหล ได้ถังออกซิเจน ที่วัดไข้ ที่วัดปลายนิ้ว วันแรกที่วัดค่าออกซิเจนได้ 95 ตอนนั้นยังไม่ได้ดื่มน้ำกระชาย พอดื่มไปได้สัก 2 วันค่าออกซิเจนก็ขึ้นมาเป็น 96, 97, 98 ไม่มีไข้ ดื่มมาตลอดจนวันนี้หมดเชื้อพอดี เป็นตั้งแต่วันที่ 21 ผ่านไป 3 วัน ยังไม่ได้ไปโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็ส่งยาฆ่าเชื้อมาให้ ก็ยังดื่มน้ำกระชายอยู่ ถ้าไม่ได้น้ำกระชายจากหลวงพ่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะลูกสาวเป็นหอบด้วย มั่นใจว่าเป็นเพราะน้ำกระชาย เพราะไม่ได้กินอะไร ค่าออกซิเจนก็ดีขึ้นโดยไม่ต้องไปโรงพยาบาล หมอที่อนามัยก็ว่าดี ตอนแรกนึกว่าต้องไปโรงพยาบาลแล้ว เห็นมีคนทยอยมาขอรับน้ำกระชายขาวจากทางวัดทุกวัน

น.ส.จุฑามาส ผลสะอาด อายุ 37 ปี เจ้าของร้านกาแฟ กล่าวว่า ญาติ 5 คนแรกเป็นโควิด-19 และไม่ได้ดื่มน้ำกระชาย ไปพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.วัดหลวงพ่อเปิ่น อีก 5 คนหลังที่กักตัวอยู่ที่บ้าน ตนได้นำน้ำกระชายจากหลวงพ่อที่วัดอ่วมอ่องที่แจกให้ประชาชนฟรีให้เขาดื่มแล้วไปตรวจ หมอตรวจ Swab ให้ครั้งแรกตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ตนรู้สึกดีใจมาก ต้องขอบคุณที่หลวงพ่อเมตตาต่อประชาชนในย่านนี้ วันนี้ตนมากับแม่มาเอาน้ำกระชาย 10 ขวดไปดื่มเองและแจกจ่ายญาติพี่น้อง

https:// m.mgronline.com/onlinesection/detail/9640000075737
#3432


"สรรพากร"เล็งแก้โครงสร้างภาษีใหม่ ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำประโยชน์คนรวย-เอื้อคนชั้นกลาง เล็งปรับปรุงค่าลดหย่อนภาษีและการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขณะที่"สอท."เปิดผลสำรวจโควิดหนัก แรงงานขาด ฉุดกำลังผลิตส่งออกวูบ จี้รัฐเร่งฉีดวัคซีนแรงงาน ม.33

เมื่อวันที่ 2 ส.ค.64 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า แนวทางการปรับโครงสร้างภาษีที่เกี่ยวข้องกับกรมสรรพากรคือการปรับปรุงค่าลดหย่อนภาษีและการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยหลักการคือจะต้องดำเนินการเพื่อเอื้อให้คนชั้นกลางได้ผลประโยชน์มากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากค่าลดหย่อนทางภาษีเงินได้ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่คนที่ได้ประโยชน์คือ คนที่มีรายได้สูง ส่วนคนชั้นกลางที่อยู่ในฐานภาษีได้รับประโยชน์ที่น้อยกว่า ส่วนการปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น จะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเห็นว่าหากจะปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะต้องลดให้กับคนชั้นกลางลงมาที่อยู่ในฐานภาษี อย่างไรก็ตามการปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องแก้ไขประมวลกฎหมายของกรมฯ และมีความซับซ้อน เนื่องจากเป็นอัตราแบบขั้นบันใด ( Progressive Rate)

"ปัจจุบันค่าลดหย่อนทางภาษีที่กรมฯให้กับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีมากเกือบ 20 รายการ คิดเป็นค่าลดหย่อนทางภาษีรวมกันทุกรายการมากกว่า 2 ล้านบาท เช่น ค่าลดหหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้ 6 หมื่นบาท, ค่าลดหย่อนบุตร 3 หมื่นบาท, ค่าใช้จ่ายในการซื้อเบี้ยประกันชีวิตที่มีกรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป หักลดหย่อนตามจริงแต่ไม่เกิน 1 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีการลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการซื้อหน่วยลงทุน RMF 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท และเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ไม่เกิน 15 % ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท เป็นต้น"

สำหรับบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งได้ปรับปรุงอัตราและขั้นบันใดของเงินได้ใหม่ และเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2560 ได้กำหนด 8 ขั้นบันใดของเงินได้ เริ่มตั้งแต่เงินได้ที่ไม่เกิน 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี, เงินได้ที่มากกว่า 150,000 แต่ไม่เกิน 3 แสนบาท เสียในอัตรา 5 % และขั้นบันใดสุดท้าย หรืออัตราสูงสุด คือ รายได้ที่มากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป จ่ายในอัตรา 35%
แหล่งข่าว กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา รายได้ของรัฐบาลไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้รัฐบาลต้องจัดทำงบประมาณขาดดุลมาโดยตลอด ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงโครงสร้างภาษีของประเทศ โดยการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลลงมา แต่ยังไม่สามารถปรับเพิ่มภาษีโดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจยังไม่เหมาะสม ยิ่งทำให้รายได้ของรัฐบาลลดต่ำลง

ทั้งนี้ ใน 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2564 ณ เดือนพ.ค.นี้ รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.441 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.98 แสนล้านบาท หรือ 12.1% ขณะที่ กรมสรรพากร ซึ่งเป็นกรมฯที่ทำรายได้มากที่สุดของรัฐบาล ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2564 จัดเก็บได้ 1.059 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.38 แสนล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้าหมาย 11.5 % ส่วนในปีงบประมาณ 2563 รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ 2.394 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 3.36 แสนล้านบาท หรือ 12.3%

วันเดียวกัน นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 8 ในเดือนกรกฎาคม 2564 ภายใต้หัวข้อ "การจัดการปัญหาแรงงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19" พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่มองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อแรงงานในภาคอุตสาหกรรมทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมที่มีการใช้แรงงานเข้มข้น จนส่งผลทำให้กำลังการผลิตลดลงและกระทบต่อการส่งออกของไทย ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์หลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 นี้ จึงเสนอให้ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีนให้แก่แรงงาน ม.33 เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสถานประกอบการ รวมทั้งรักษาศักยภาพในการผลิตและการส่งออกของประเทศ

ทั้งนี้ จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 166 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 75 สภาอุตสาหกรรมจังหวัดพบว่า อัตราการจ้างงานในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดนั้น ส่วนใหญ่ภาคอุตสาหกรรมยังสามารถคงอัตราการจ้างงานเท่าเดิม คิดเป็นร้อยละ 53.6 มีการจ้างงานลดลง 10 - 20% คิดเป็นร้อยละ 31.3 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 10 - 20% คิดเป็นร้อยละ 10.3 และมีการจ้างงานลดลงมากว่า 50% คิดเป็นร้อยละ 4.8

โดยในส่วนของผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนแรงงานที่เกิดขึ้นในขณะนี้พบว่า โรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนได้รับผลกระทบทำให้ต้องลดกำลังการผลิตลง น้อยกว่า 30% คิดเป็นร้อยละ 45.2 โรงงานที่ไม่ได้รับผลกระทบ คิดเป็นร้อยละ 26.5 โรงงานที่กำลังการผลิตลดลง 30 - 50% คิดเป็นร้อยละ 20.5 และโรงงานที่กำลังการผลิตลดลงมากกว่า 50% คิดเป็นร้อยละ 7.8 เมื่อถามถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ แรงงานบางส่วนต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาโรค หรือกักตัว รวมทั้ง การปิดโรงงานชั่วคราวตามข้อกำหนด คิดเป็นร้อยละ 51.8 รองลงมา สถานประกอบการไม่สามารถหาแรงงานสัญชาติไทยได้เพียงพอต่อความต้องการ คิดเป็นร้อยละ 49.4 และมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าออกพื้นที่ของแรงงานข้ามจังหวัด คิดเป็นร้อยละ 41.6

สำหรับมาตรการที่ภาครัฐควรนำมาดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การสนับสนุนเงินอุดหนุนในการจ้างแรงงานไทย และขยายโครงการจ้างงานเด็กจบใหม่ คิดเป็นร้อยละ 50.0 รองลงมา เป็นการส่งเสริมการใช้เครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรมทดแทนการใช้แรงงาน คิดเป็นร้อยละ 48.8 และการอนุญาตให้นำเข้าแรงงานต่างด้าวภายใต้ MOU เฉพาะแรงงานที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้ว มีการทำประกันสุขภาพ และต้องผ่านการกักตัว 14 วัน เข้ามาทำงาน คิดเป็นร้อยละ 45.8

ส่วนกรณีที่ภาครัฐจะมีการเปิดให้มีการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตาม MOU ควรมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องใดพบว่า 3 อันดับแรกได้แก่ การเตรียมความพร้อมระบบคัดกรอง ติดตาม และประเมินสถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าว คิดเป็นร้อยละ 69.9 รองลงมา การจัดตั้งศูนย์ One Stop Service สำหรับนายจ้างที่ต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว คิดเป็นร้อยละ 66.9 และการปรับลดขั้นตอน เอกสารที่ไม่จำเป็น และปรับมาดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็นร้อยละ 65.1

ทั้งนี้ FTI Poll ยังได้เจาะลึกถึงมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสถานประกอบการอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การเร่งจัดหาวัคซีนและเร่งฉีดให้กับแรงงาน ม.33 คิดเป็นร้อยละ 92.8 รองลงมา การสนับสนุนด้านการรักษาพยาบาลแรงงานที่ติดเชื้อ และสนับสนุนยา อาหาร และเวชภัณฑ์ให้แก่แรงงานที่ติดเชื้อในการรักษาตัวที่บ้าน (Home isolation) คิดเป็นร้อยละ 69.9 และการลดเงินสมทบประกันสังคม เหลือร้อยละ 1 ถึงสิ้นปี 2564 คิดเป็นร้อยละ 66.9

นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังมองว่ามาตรการที่ภาคเอกชนมีความพร้อมและสามารถที่จะดำเนินการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสถานประกอบการได้ พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การมีระบบคัดกรองแรงงานก่อนเข้าโรงงาน และการเฝ้าระวังผู้ปฏิบัติงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงตามมาตรการ Bubble & Seal คิดเป็นร้อยละ 83.1 รองลงมา การจัดหาวัคซีนทางเลือกให้แก่แรงงานในสถานประกอบการ คิดเป็นร้อยละ 68.1 และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด (D-M-H-T-T-A) คิดเป็นร้อยละ 65.7
#3433


ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์วันนี้(3 ส.ค.)ดัชนีภาคเช้าปิดที่ระดับ1,536.21 จุด เพิ่มขึ้น 11.10 จุด (+0.73%) มูลค่าการซื้อขายราว 37,590 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยทำระดับสูงสุด 1,536.31 จุด และระดับต่ำสุด 1,524.37 จุด

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นมาได้ดีกว่าคาด ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ลบกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่น,เกาหลี,ฮ่องกง ต่างปรับลง ยกเว้นตลาดกลุ่ม TIP ปรับขึ้นมาได้ โดยนักลงทุนเวียนมาเล่นหุ้นขนาดใหญ่บางตัวหลังราคาลงไปมากแล้ว แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังหนักอยู่ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้อยู่ที่กว่า 18,000 ราย แต่ผู้ป่วยหายกลับบ้านได้เพิ่มขึ้น 18,000 รายเช่นกัน ขณะที่ตลาดฯปรับตัวลงสะท้อนไปในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้เกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์

ทั้งนี้แนะให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิม ส่วนปัจจัยนอกประเทศให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯศุกร์นี้ และอัตราว่างงานของสหรัฐฯ แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย ตลาดฯคงแกว่งตัวในกรอบสลับแรงขายเข้ามาบ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,535-1,540 จุด

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ได้แก่ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,928.08 ล้านบาท ปิดที่ 176.50 บาท ลดลง 4.00 บาท,KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,320.15 ล้านบาท ปิดที่ 105.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท,RCL มูลค่าการซื้อขาย 1,048.92 ล้านบาท ปิดที่ 56.75 บาท ลดลง2.25 บาท,DTAC มูลค่าการซื้อขาย 928.88 ล้านบาท ปิดที่ 36.75 บาท ลดลง 0.75 บาท,SCB มูลค่าการซื้อขาย 866.42 ล้านบาท ปิดที่ 96.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท
#3434


วันที่ 3 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ลงนามประกาศ กทม. เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 39) เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ตามประกาศใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 30) ลงวันที่ 1 ส.ค. 2564 โดยมีคำสั่งปิดสถานที่ในกรุงเทพฯ และให้ดำเนินการตามที่ระบุไว้ในประกาศ กทม. เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่  32) ลงวันที่14 มิถุนายน 2564 (ฉบับที่ 34) ลงวันที่ 27 มิถุนายน2564 (ฉบับที่ 35) ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 (ฉบับที่ 36) ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 (ฉบับที่ 37) ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 และ(ฉบับที่ 38) ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2564

ทั้งนี้ สำหรับประกาศ กทม.ฉบับที่ 37 ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ได้กำหนดสถานที่ที่เปิดได้ตามความจำเป็น ดังนี้

1.โรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยา ร้านขายยาและเวชภัณฑ์

2.ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม

3.ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์ ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์

4.โรงงาน ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ก่อสร้าง

5.ร้านค้าทั่วไป ร้านจำหน่ายสินค้าเน็ดเตล็ดอันจำเป็น

6.สถานที่จำหน่ายแก๊สหุงต้ม เชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส

7.ตลาดนัด (เฉพาะส่วนที่จำหน่ายอาหารและวัตถุดิบเพื่อการบริโภค)

8.สถานรับเลี้ยงเด็ก (เฉพาะในโรงพยาบาลและที่รับตัวไว้พักค้างคืน)

9.สถานดูแลผู้สูงอายุ (เฉพาะที่มีการรับตัวไว้พักค้างคืน)

10.ธุรกิจประกันภัย หน่วยบริการงานช่วยเหลือกู้ภัย

11.ศูนย์บริการหรือร้านซ่อมแซมยานพาหนะ ร้านแบตเตอรี่

12.หน่วยบริการตรวจสอบหรือซ่อมบำรุงระบบสารารณูปโภค ระบบระบายน้ำ

13.ระบบท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ผู้จัดเก็บและกำจัดขยะบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง (delivery online)

ขณะเดียวกันในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 39) ล่าสุดนั้น มีคำสั่งให้ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบกิจการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 นาฬิกา โดยให้ดำเนินการ ได้เฉพาะการจำหน่ายในรูปแบบการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านการบริการขนส่งอาหาร (Food Delivery Service) เท่านั้น

รวมถึงให้พื้นที่หรือสถานที่ก่อสร้าง ดัดแปลงหรือรื้อถอนอาคาร สถานที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับแรงงาน งานก่อสร้าง และการเดินทางเคลื่อนย้ายแรงงาน ซึ่งได้เคยมีประกาศหรือคำสั่งให้ปิดสถานที่หรือหยุดการดำเนินการ ตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 34) ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2564 หรือเคยได้รับการผ่อนคลายแบบมีเงื่อนไข ตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 35) ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 แต่ต่อมาสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ตามมาตรฐานทางสาธารณสุข หรือได้ดำเนินการแก้ไขเพื่อให้สถานที่มีสภาวะที่ถูกสุขลักษณะแล้ว เปิดหรือดำเนินการได้ภายใต้หลักเกณฑ์ มาตรการ และแนวทางกำกับติดตามประเมินผลที่กระทรวงสาธารณสุขหรือทางราชการกำหนด 

สำหรับสถานที่กิจการที่ถูกปิดทั้งหมด 33 กิจการ มีดังนี้

1.สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะ คล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน

2.สถานประกอบกิจการอาบอบนวด

3.สถานประกอบกิจการอาบน้ำ สถานประกอบ กิจการอบไอน้ำ อบสมุนไพร

4.สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่

5.สนามชนโค สนามกัดปลา หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน

6.สนามมวย โรงเรียนสอนมวย

7.สนามม้า

8.สนามแข่งขันทุกประเภท

9.โต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด

10.สถานที่เล่นโบว์ลิ่งหรือตู้เกม

11.ร้านเกม และร้านอินเทอร์เน็ต

12.โรงมหรสพ โรงภาพยนตร์ โรงละคร

13.สถานที่แสดงมหรสพ หรือสถานที่ที่มีการแสดงหรือการละเล่นสาธารณะ

14.สวนน้ำ สวนสนุก

15.สนามเด็กเล่น เครื่องเล่นสำหรับเด็ก

16.สวนสัตว์ หรือสถานที่จัดแสดงสัตว์

17.สถานที่เล่นสเก็ตหรือโรลเลอร์เบลดหรือการเล่นอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน

18.สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส

19.โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม)

20.สถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ

21.สถานที่ให้บริการห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยงสถานที่จัดเลี้ยง รวมถึงสถานที่อื่นใดที่มีลักษณะเดียวกัน

22.ศูนย์พระเครื่อง พระบูชา และสนามพระเครื่องพระบูชา

23.สถานที่ให้บริการควบคุมน้ำหนัก สถานเสริมความงาม คลินิกเสริมความงาม (ไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นคลินิกเวชกรรม) สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เช่น กิจการสปานวดเพื่อสุขภาพ นวดฝ่าเท้า

24.สนามกีฬาทุกประเภทในร่ม เช่น สนามแบดมินต้น สนามฟุตซอลสนามบาสเก็ต. สนามวอลเลย์.กลางแจ้ง เช่น สนามกอล์ฟ สนามซ้อมกอล์ฟ สนามฟุต. สนามเทนนิส

25.สวนสารารณะ สวนพฤกษศาสตร์ต่างๆ

26.ลานกีฬา

27.ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ

28.ศูนย์การเรียนรู้ หรือศูนย์วิทยาศาสตร์ เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศาสตร์ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม หรือหอศิลป์

29.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดชุมชนห้องสมุดเอกชน และบ้านหนังสือ

30.พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์สถาน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในลักษณะเดียวกันแหล่งประวัติศาสตร์ หรือ โบราณสถาน

31.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเด็กก่อนวัยเรียน

32.ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผมร้านทำเล็บ หรือร้านสัก

33.สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬา หรือกิจกรรมทางน้ำเพื่อการสันทนาการ สระว่ายน้ำสาธารณะหรือกิจการอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
#3435


คาร์สเทน วอร์โฮล์ม นักกรีฑา นอร์เวย์ ทุบสถิติโลกของตัวเอง คว้าเหรียญทองการแข่งขันวิ่งข้ามรั้ว 400 เมตรชาย โอลิมปิก 2020 เมื่อวันอังคารที่ 3 สิงหาคม

วอร์โฮล์ม เข้าเส้นชัยคนแรก เวลา 45.94 วินาที เร็วกว่าของเดิม ซึ่งทำไว้ 46.70 วินาที ที่กรุงออสโล เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ ไร เบนจามิน นักวิ่ง สหรัฐอเมริกา ทำเวลาดีกว่าสถิติโลกเดิมเช่นกัน 46.17 วินาที และ อลิสัน ดอส ซาน โตส จาก บราซิล ทำเวลา 46.72 ซิวเหรียญเงิน และทองแดง ตามลำดับ

วอร์โฮล์ม วัย 25 ปี กล่าว "บางครั้งขณะฝึกซ้อม โค้ชของผมย้ำเสมอว่า นี่อาจเป็นการแข่งขันที่สมบูรณ์แบบมากสุด แต่มันยากเหลือเกินที่คาดหวัง มันเป็นบางสิ่งที่คุณไม่เคยคิดเอาไว้เลย"

วอร์โฮล์ม ฉีกเสื้อหลังเข้าเส้นชัย พร้อมอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เหมือนตอนพิสูจน์ตัวเองแก่วงการกรีฑาระดับโลก ในรายการ เวิลด์ แชมเปียนชิป เมื่อปี 2017
 
#3436


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในเช้าวันนี้ โดยบางส่วนได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,446.78 จุด ลดลง 17.51 จุด หรือ -0.50%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,580.03 จุด ลดลง 200.99 จุด หรือ -0.72% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,289.06 จุด เพิ่มขึ้น 53.26 จุด หรือ +0.20%

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ขณะที่ภาครัฐและเอกชนของสหรัฐฯ ได้ประกาศกฎระเบียบใหม่ในการควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้พนักงานที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยแม้ว่าจะได้รับวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม และมีบริษัทหลายแห่งออกกฎบังคับให้พนักงานต้องฉีดวัคซีนก่อนที่จะเข้ามาทำงานในออฟฟิศ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 59.5 ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 60.9 หลังจากแตะระดับ 60.6 ในเดือน มิ.ย. โดยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่

นักลงทุนจับตาการผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคของสหรัฐฯ โดยรายงานล่าสุดระบุว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งมีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนเชื่อมั่นว่า โครงการดังกล่าวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน American Jobs Plan จะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่งในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจและความเคลื่อนไหวของประเทศเอเชียในวันนี้ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค.ของเกาหลีใต้ และธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย

https:// m.mgronline.com/stockmarket/detail/9640000075732
#3437
ป้ายไฟวิ่ง LED เปลี่ยนข้อความผ่านมือถือ ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน

ป้ายไฟวิ่งLED เปลี่ยนข้อความผ่านappมือถือ(เชื่อมต่อทางwi-fi) หรือส่งผ่านระบบLAN  ขนาดป้าย 105x25cm ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน มีให้เลือก 4สี แดง,เขียว,น้ำเงิน ราคา 2,900บาท และFull colors  ราคา4,200 บาท ใส่คำ,ข้อความ,วันที่,เวลา,รูปภาพต่างๆได้ ป้ายติดตั้งง่าย โครงสร้างแข็งแรงทนทาน

ทางร้านลงคำให้ฟรีในครั้งแรกและสอนวิธีการใช้งานให้ลูกค้าสามารถลงข้อมูลได้ด้วยตัวเอง แถมขายึดป้ายฟรี

สนใจติดต่อ 0945102033
Line :@gentech
หน้าร้านเซียร์รังสิต ชั้น 1


#3438


นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวและผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (เอ็นไอเอไอดี) คาดการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐจะไม่กลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์ แม้มีความเสี่ยงที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา

"ผมไม่คิดว่าเราจะกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ผมมั่นใจว่าเราได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากแล้ว ซึ่งแม้ว่ายังไม่มากพอที่จะเอาชนะการแพร่ระบาด แต่ก็มากพอที่จะไม่ทำให้เราต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเหมือนกับในช่วงฤดูหนาวปีที่แล้ว" นายแพทย์เฟาชีกล่าวให้สัมภาษณ์กับรายการ "This Week" ของสถานีโทรทัศน์เอบีซีเมื่อวานนี้


แม้ว่านายแพทย์เฟาชี คาดการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่กลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์ แต่เขาเตือนว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดอาจจะย่ำแย่ลง เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์เดลตายังคงแพร่ระบาด

"เรามีประชาชนราว 100 ล้านคนในสหรัฐที่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่ในขณะเดียวกันก็มีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ดี ข้อมูลขณะนี้บ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันมีความตื่นตัวมากขึ้นที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งชาวอเมริกันกลุ่มนี้มีจำนวนมากกว่าผู้ที่ลังเลที่จะเข้ารับวัคซีน" นายแพทย์เฟาชีกล่าว

รายงานระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วง 10 วันที่ผ่านมา และจำนวนผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในรัฐต่างๆก็เพิ่มขึ้นด้วย แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่เข้ารับการฉีดวัคซีนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

รัฐบาลสหรัฐพยายามสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยล่าสุดประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้เรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงิน 100 ดอลลาร์เพื่อมอบให้กับชาวอเมริกันที่ตัดสินใจเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งเงินดังกล่าวจะได้รับการจัดสรรจากกองทุนบรรเทาโรคระบาดมูลค่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์สำหรับรัฐบาลระดับรัฐและระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน American Rescue Plan ที่ผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสเมื่อต้นปีนี้
#3439



พาส่องสถิติหวยออกวันที่ 1 ส.ค. ย้อนหลัง 10 ปี นักเสี่ยงโชคยิ้มหวาน พบ "เลขเด็ด" 82 ออกซ้ำ 2 รอบ ขณะที่ "เลขดัง" กับ "เลขมงคล" โผล่เพียบ

งวดวันที่ 1 ส.ค. 63
ข่าวแนะนำ
รางวัลที่ 1 คือ 569391
เลขท้าย 2 ตัว 92
เลขหน้า 3 ตัว 931, 575
เลขท้าย 3 ตัว 578, 809

งวดวันที่ 1 ส.ค. 62
รางวัลที่ 1 คือ 387006
เลขท้าย 2 ตัว 58
เลขหน้า 3 ตัว 983, 135
เลขท้าย 3 ตัว 795, 562

งวดวันที่ 1 ส.ค. 61
รางวัลที่ 1 คือ 386602
เลขท้าย 2 ตัว 78
เลขหน้า 3 ตัว 903, 832
เลขท้าย 3 ตัว 549, 726

งวดวันที่ 1 ส.ค. 60
รางวัลที่ 1 คือ 756519
เลขท้าย 2 ตัว 36
เลขหน้า 3 ตัว 061, 386
เลขท้าย 3 ตัว 787, 989

งวดวันที่ 1 ส.ค. 59
รางวัลที่ 1 คือ 272932
เลขท้าย 2 ตัว 57
เลขหน้า 3 ตัว 538, 983
เลขท้าย 3 ตัว 871, 472

งวดวันที่ 1 ส.ค. 58
รางวัลที่ 1 คือ 518677
เลขท้าย 2 ตัว 53
เลขท้าย 3 ตัว 333, 598, 648, 889

งวดวันที่ 1 ส.ค. 57
รางวัลที่ 1 คือ 766391
เลขท้าย 2 ตัว 82
เลขท้าย 3 ตัว 349, 576, 623, 637

งวดวันที่ 1 ส.ค. 56
รางวัลที่ 1 คือ 356435
เลขท้าย 2 ตัว 82
เลขท้าย 3 ตัว 880, 451, 718, 329

งวดวันที่ 1 ส.ค. 55
รางวัลที่ 1 คือ 895590
เลขท้าย 2 ตัว 50
เลขท้าย 3 ตัว 820, 599, 796, 745

งวดวันที่ 1 ส.ค. 54
รางวัลที่ 1 คือ 218756
เลขท้าย 2 ตัว 12
เลขท้าย 3 ตัว 703, 583, 660, 221.
#3440



หลังจากปล่อยเพลงสายดาร์กล่าสุดอย่าง "NDA" ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในที่สุดอัลบั้มที่ผู้คนทั่วโลกรอคอยอย่าง "Happier Than Ever" ก็ได้ถูกปล่อยออกมา โดย "Billie Eilish" ยังอัดคลิปส่งมาเชิญชวนแฟนเพลงชาวไทยร่วมฟังอัลบั้มใหม่พร้อมกันในวันนี้ ที่มีทั้งหมด 16 เพลง

ซึ่งอัลบั้มนี้ "Billie Eilish" ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินที่เธอชื่นชอบตั้งแต่สมัยเด็กอย่าง Julie London, Frank Sinatra และ Peggy Lee ซึ่งเธอได้ผสมผสานระหว่างดนตรีคลาสสิกเก่า ๆ เข้ากับซาวด์อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ เรียกได้ว่า "Happier Than Ever" เป็นอีก 1 อัลบั้มที่ "Billie Eilish" และ "Finneas" พี่ชายสุดที่รักของเธอได้โชว์ศักยภาพในการนำแรงบันดาลใจมาทวิซให้ออกมาโมเดิร์น และมีความออริจินัลในแบบฉบับของตัวเธอเอง และนี่คืออีกครั้งที่ทั้ง 2 ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นกันว่าพวกเขามาเพื่อเปลี่ยนวิถีวงการเพลงป็อปแล้วจริง ๆ



สำหรับ "Billie Eilish" ได้กล่าวในบทสัมภาษณ์ของ Pitchfork ถึงอัลบั้มนี้ว่า "สิ่งสำคัญที่ฉันหวังคือให้คนได้ยินเพลงของฉันแล้วพูดว่า โอ้ ฉันรู้สึกอย่างนั้น ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกแบบนั้น แต่นี่คือสิ่งที่ฉันรู้สึกจริง ๆ และฉันหวังให้ว่าเพลงของฉันอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาให้มีความสุขมากขึ้นได้" รับรองได้ว่าแฟนคลับของสาว "Billie Eilish" ไม่ผิดหวังกับผลงานระดับมาสเตอร์พีชชิ้นนี้อย่างแน่นอน


นอกจาก "Billie Eilish" จะปล่อยอัลบั้มเต็มให้ทุกคนได้ฟังกันวันนี้แล้ว เธอจะปล่อย MV เพลง "Happier Than Ever" ออกมาเร็วๆ นี้ สามารถติดตามชมได้ที่ Billie Eilish YouTube: https:// www.youtube.com/c/BillieEilish/featured