• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - deam205

#10293


นักวิเคราะห์คาดแนวโน้มดัชนีเช้านี้ทั้งตลาดหุ้นไทยและตลาดเอเชียเคลื่อนไหวกรอบแคบหลังมีปัจจัยความไม่แน่นอนหลายอย่างในสัปดาห์นี้ อย่างเช่นแรงกดดันจากกฎระเบียบกำกับดูแลของธุรกิจในประเทศจีน อาจจะไม่ได้เข้าไปช่วยอุ้มบริษัทอสังหาฯ แบบ 100% ส่วนความเสียหายต่อสถาบันการเงินต่างๆ อาจจะให้สถาบันการเงินรับรู้ตามจริง และเข้าช่วยเหลือแค่บางส่วนเท่านั้น นอกจากนี้ คาดว่าจะการปรับลด QE ในการประชุมเฟดแต่ต้องดูว่าจะมีวงเงินปรับลดอย่างไรที่จะกำหนดทิศทางตลาดในระยะต่อไป รวมไปถึงความไม่แน่นอนการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลในสหรัฐฯ ดังนั้น Fund Flow ในฝั่งเอเชียส่วนใหญ่จะขึ้นกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินสหรัฐที่แข็งค่า กระทบกับหุ้นใหญ่ แต่หุ้นขนาดกลาง-เล็กยังมีแรงเก็งกำไร พร้อมให้แนวรับที่ 1,615-1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้และเอเชียจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยปัจจัยที่จะเข้ามารบกวนตลาดมาจากความไม่แน่นอนหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ไม่ว่าจะเป็น แรงกดดันจากกฎระเบียบกำกับดูแลของธุรกิจในประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางการแก้ปัญหาในภาคอสังหาฯ ของจีนว่าจะออกมาในรูปแบบไหน

เนื่องจากนโยบายจีนในช่วงหลังพยายามจะพูดถึงการลดความเหลื่อมล้ำและการกระจายความมั่งคั่ง เพราะฉะนั้นแปลว่า อาจจะไม่ได้เข้าไปช่วยอุ้มบริษัทอสังหาฯ แบบ 100% อาจจะไปช่วยแค่เฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรายย่อย และทางด้านความเสียหายต่อสถาบันการเงินต่างๆ อาจจะให้สถาบันการเงินรับรู้ตามจริง และเข้าช่วยเหลือแค่บางส่วนเท่านั้น ดังนั้น ต้องจับตาดูลักษณะความช่วยเหลือว่าจะออกมาในรูปแบบไหน แต่คงส่งผลต่อตลาดในระยะสั้นทำให้มีแรงกระเพื่อมเล็กน้อย

และอีกปัจจัยสำคัญคือตัวเลขการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (เฟด) ที่คาดว่าน่าจะเห็นการส่งสัญญาณลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างแน่นอน เพียงแต่ตัวเลขที่ออกมาจะเป็นตัวกำหนดตลาดว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน เพราะถ้าหากแผนปรับลดวงเงิน QE มีลักษณะทยอยลดลงประมาณ 1-1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ภาพจะเป็นบวก เพราะใช้เวลาอีกมากกว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจจะราว 8 เดือน-1 ปี

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนจากการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลสหรัฐฯ และการเข้าใกล้เส้นตายของเพดานหนี้สหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งทิศทาง Fund Flow ในฝั่งเอเชียส่วนใหญ่จะขึ้นกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินสหรัฐฯ จะเห็นว่าในระยะสั้นค่าเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Bond Yield) ขยับขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น ตลาดเหมือนจะเพิ่มการระมัดระวังมากขึ้น จึงอยากให้นักลงทุนระมัดระวังความผันผวนระยะสั้น

ฉะนั้น Fund Flow เคลื่อนไหวในทิศทางดังกล่าวอาจจะกระทบในหุ้นขนาดใหญ่ แต่การเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็กจะไม่ค่อยมีผล จะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาหุ้นขนาดกลาง-เล็กหลายตัวเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมปาล์ม อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง เช่น พวกไม้อัด จะเริ่มเห็นหุ้นที่ขึ้นนำและหุ้นตัวอื่นที่เริ่มทยอยตามขึ้นมา นักลงทุนอาจจะลองไปเล็งว่าตัวไหนยังขึ้นน้อยกว่าและน่าจะมีโอกาสตามกลุ่มที่เป็นผู้นำขึ้นมาได้ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมปาล์ม รอบนี้เห็น VPO ขึ้นมาหนัก จะเริ่มเห็นตัวอื่นที่ยัง Laggard อยู่ เช่น UVAN หรือ UPOIC ทางด้านอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง อย่าง VNG ที่นำขึ้นมา ตัวที่ตามอยู่อย่าง SKN อาจจะเป็นตัวที่น่าสนใจในเรื่องของการเก็งกำไร

พร้อมให้แนวรับที่ 1,615-1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด
#10296


นายกฤตวัฒน์ เตชะอุบล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) หรือ JCK เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เตรียมขยายสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย มุ่งหวังกระจายฐานรายได้ ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและแวร์เฮ้าส์ เพื่อรักษาให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง  

สำหรับพื้นที่เป้าหมาย บริษัทฯมุ่งให้ความสำคัญพื้นที่ในจังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย เนื่องจากเล็งเห็นว่ามีศักยภาพและโอกาสเติบโตได้อีกสูง พื้นที่อยู่ติดชายแดน จะกลายเป็นประตูสำคัญในการต้อนรับนักท่องเที่ยวและภาคเศรษฐกิจจากประเทศจีน ภายหลังรถไฟเส้นทางจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน- นครหลวงเวียงจันทน์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) กำหนดเปิดให้บริการภายในปลายปี2564 นี้ คาดว่าจะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ การขนส่ง และการท่องเที่ยวให้เติบโต


นอกจากนี้ เป็นจังหวะเดียวกับการที่รัฐบาลมีนโยบายจะแก้ไขกฎหมายขยายเพดานให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้มากขึ้น คาดว่าจะมีส่วนสำคัญก่อให้เกิดความต้องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงราย 

"ด้วยปัจจัยข้างต้นจะทำให้เชียงรายกลายเป็นประตูในการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ บริษัทฯเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว และได้เตรียมที่ดิน 4-5 แปลง ตั้งอยู่ในเขตเมืองของจังหวัดเชียงรายทั้งหมด พื้นที่รวมกันราว 200-300 ไร่  เพื่อพัฒนาทาวเฮ้าส์ ราคา 2-3 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว ราคา 8-10 ล้านบาท  กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักจะเป็นชาวจีนซึ่งมีกำลังซื้อสูง และประชาชนในท้องถิ่น"นายกฤตวัฒน์ กล่าว 


บริษัทฯคาดว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการแรกได้ในช่วงต้นปี 2565 และคาดหวังว่าจะทำให้บริษัทฯมีรายได้จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เข้ามาเสริม นอกเหนือไปจากธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม 
#10297
คิดจะถมที่ ปลูกบ้าน หรือ สร้างโรงงาน ยินดีให้คำปรึกษา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ทิ้งงาน 080-022-3804
#10298
 สีผึ้งว่านดอกทอง ฝังดอกว่านดอกทองและตะกรุดนะเมตตามหานิยม



พุทธคุณ เน้นเรื่อง เสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย

ก่อนว่าคาถาก็ให้นึกขอบารมีพระพุทธเจ้า และคุณครูบาอาจารย์

คาถากำกับ

โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ 

นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ

(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)

แล้วใช้นิ้วชี้ข้างขวาป้าย แล้วทาที่ปาก

ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ



ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662

id line : teerapat999

ลาซาด้า

https://pdp.lazada.co.th/products/i2632497251.html?spm=a1zawg.20038917.content_wrap.6.2f304edfF8zGh5



#10299


"ฟีนิกซ์ฯ"ที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาฯ ประเมิน "ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป" บิ๊กอสังหาฯอันดับ 2 ในจีน ประสบปัญหาสภาพคล่อง ผิดนัดชำระหนี้ ไม่ลุกลามขยายวงกระทบอสังหาฯไทย เหตุผู้ประกอบการอสังหาฯไทยไม่ได้ก่อหนี้เกินตัว ด้านที่ปรึกษาโบรกเกอร์จีน ระบุเร็วเกินไปจะชี้ชัดมีผลต่อตลาดอสังหาฯในไทย แต่ห่วง แบงก์ คุมเข้มสินเชื่อหนัก ด้านศูนย์ข้อมูลฯประเมินอีก 2-3 ปี ตลาดเริ่มฟื้นชัดเจน

ข่าวใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่สั่นสะเทือนไปทั่วภูมิภาคเอเชีย คงหนีไม่พ้นเรื่อง บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศจีน "ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป" (China Evergrande Group) ที่เผชิญกับปัญหาสภาพคล่อง เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ และจากข้อมูลฐานะการเงินของบริษัท ภาระหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้น ก็เป็นผลมาจากการกู้เงินอย่างต่อเนื่องติดต่อมาหลายปี เพื่อนำมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ขึ้นทำเนียบระดับบิ๊กอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน

จากข้อมูลที่มีการยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ระบุว่า เอเวอร์แกรนด์ มีตราสารหนี้เชิงพาณิชย์มูลค่ารวม 2.057 แสนล้านหยวน (32,000 ล้านดอลลาร์) หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท (เพียงแค่บริษัทเดียว มีศักยภาพสูงเทียบกับรัฐบาลไทยที่กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท) ณ สิ้นปี 2563 และปัจจุบัน เอเวอร์แกรนด์ มีหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 10 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับ 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน หลังจากที่บริษัทได้ทำการกู้เงินมาเป็นเวลาหลายปี เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน

คำถามคือ หาก เอเวอร์แกรนด์ ล้มขึ้นมา "โดมิโน" นี้ จะเป็นกลาย คลื่นซัด กระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์หรือไม่!! แต่ประเด็นที่ต้องไม่ลืมว่า รัฐบาลจีน ต้องแสดงท่าที ในการปกป้อง "เศรษฐกิจ" และ "เครดิต" ของประเทศตนเอง ในฐานะชาติมหาอำนาจของโลก!!