• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Joe524

#9663
สนใจติดต่อคุณเป้ง 087-347-6299

สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  สำนักงานบัญชีไทรน้อย  สำนักงานบัญชีปากเกร็ด  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีพิมลราช  สำนักงานบัญชีบางคูรัด  สำนักงานบัญชีบางรักพัฒนา  สำนักงานบัญชีบางแม่นาง  สำนักงานบัญชีบางกร่าง  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีตลาดขวัญ  สำนักงานบัญชีบางตะไนย์  สำนักงานบัญชีบางพลับ  สำนักงานบัญชีบางรักน้อย  สำนักงานบัญชีมหาสวัสดิ์  สำนักงานบัญชีศาลากลางนนทบุรี  สำนักงานบัญชีอ้อมเกร็ด  สำนักงานบัญชีแจ้งวัฒนะ  สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีถนนบางไกรใน  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีบางคูเวียง  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#9664


ศึกกอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ รายการ วินด์แฮม แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 6.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 212 ล้านบาท ที่สนาม เซดเกฟิลด์ คันทรี คลับ ระยะ 7,127 หลา พาร์ 70 เมืองกรีนส์โบโร รัฐนอร์ธ คาโรไลนา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นการชิงชัยในวันที่สาม

ปรากฎว่า รัสเซลล์ เฮนลีย์ โปรกอล์ฟหนุ่มชาวอเมริกัน เก็บเพิ่ม 1 อันเดอร์พาร์ รวมสกอร์สามวันมี 15 อันเดอร์พาร์ รั้งตำแหน่งผู้นำต่อไป โดยมี ไทเลอร์ แม็คคัมเบอร์ โปรกอล์ฟเพื่อนร่วมชาติ รั้งอันดับ 2 มี 12 อันเดอร์พาร์ ตามหลังอยู่ 3 สโตรก

ส่วนผลงานของโปรกอล์ฟรายอื่นๆ ที่น่าสนใจ อดัม สก็อตต์ ก้านเหล็กออสเตรเลีย มี 10 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 9 ร่วม เช่นเดียวกับ จัสติน โรส โปรกอล์ฟอังกฤษ, เซบาสเตรียน มูญอซ มี 9 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 15 ร่วม

ด้าน "โปรอาร์ม" กีรเดช อภิบาลรัตน์ โปรกอล์ฟหนึ่งเดียวจากประเทศไทย วันนี้ตีเกินไป 1 โอเวอร์พาร์ รวมสกอร์สามวัน 5 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับที่ 39 ร่วม
#9665
สำนักงานบัญชี เอทีเอส บริการบัญชีและภาษี
1158/14  ซอยจันทน์ 37/1  ถนนจันทน์  แขวงทุ่งวัดดอน  เขตสาทร  กรุงเทพฯ 
สนใจติดต่อคุณสมบูรณ์ 089-793-5707 , 02-212-3064
Email : ats_audit@hotmail.com

สำนักงานบัญชี , รับทำบัญชีถนนจันทน์ , รับทำบัญชีบางคอแหลม , รับทำบัญชียานนาวา , รับทำบัญชีพระราม 3 , รับทำบัญชีสาทร , รับทำบัญชีบางรัก ,รับทำบัญชีทุ่งมหาเมฆ , รับทำบัญชีสีลม , รับทำบัญชีศาลาแดง , รับทำบัญชีพระราม1 , รับทำบัญชีสยาม , รับทำบัญชีเพลินจิต , รับทำบัญชีชิดลม , รับทำบัญชีปทุมวัน , รับทำบัญชีเซ็นหลุยส์ , รับทำบัญชีสาธุประดิษฐ์ , รับทำบัญชี , รับทำบัญชีรายเดือน , รับทำบัญชีรายปี , ตรวจสอบบัญชี , ตรวจสอบบัญชีบริษัทจำกัด , ตรวจสอบบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด
#9666
" BOOM COLLAGEN PLUS "  คอลลาเจน+วิตามินผิว 36 ชนิด



เติมความสดชื่น ผิวลื่นไปอีกก !!  หอม อร่อย สดชื่น ปังมาก

Boom Collagen+

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยดูแลสุขภาพผิว ผม เล็บ  ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง

ให้คุณดูดีจากภายในสู่นอก ด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีมากถึง 36 ชนิด



นำเข้าจากต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก คุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี ให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่น

 ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แน่นเนียนกระชับ ลดริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์ 



เสริมสร้างสุขภาพได้ง่ายๆ

- นอกจากช่วยให้ผิวสวยแล้ว ยังช่วยบำรุงข้อกระดูก ช่วยลดอาการเสื่อมของข้อต่อ

-เสริมสร้างคอลลาเจน เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ...ดื่มทุกวัน ดีทุกวัน...

ผิวบูมได้ทุกวัน ง่ายๆ

อย่างครบวงจร ให้คุณดูดีจากภายในสู่ภายนอก

ด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีมากถึง 36 ชนิด

นำเข้าจากต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลก



Collagen คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

คอลลาเจนเป็นโปรตีนมีอยู่ในสัดส่วน 30 % ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย

โดยพบมากที่สุดที่ผิวหนัง

ด้วยคุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี ให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่น

ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แน่นเนียนกระชับ ลดริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์



ผิวบูมได้ทุกวัน

เพื่อให้ทุกวันของคุณเป็นวันที่พร้อม เปล่งประกาย

เพียงแค่ดื่ม BOOM วันละ 1-2 ซอง

ผิวของคุณก็จะค่อยๆดูดีขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้น

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Boom

ช่วยในการดูแลสุขภาพผิวให้แข็งแรงจากภายใน

สู่ความสวยใสเปล่งประกาย สู่ผิวพรรณภายนอก

ผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา

ขึ้นทะเบียน เลขที่ 13-1-01760-5-0104

ราคา 590 บาท


สนใจติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ

Tel. 0846623662

Line id : teerapat999



รายละเอียดเพิ่มเติม  http://porntaywa99.lnwshop.com/p/1232


#ปัญหาฝ้า #กระ #จุดด่างดำ #ผิวหมองคล้ำ #ดูดซึมง่ายทันที #พกพาสะดวก  #ขาวใส
#9667
สำนักพรเทวะ  ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์
สนใจติดต่อ
อ.ทองเอก พรเทวะ
โทร 0846623662
Line : teerapat999
#9668


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เดินหน้าพัฒนางานบริการข้อมูล เสริมศักยภาพผู้ลงทุน เปิดตัว "SMART Marketplace" แพลตฟอร์มให้บริการข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจการลงทุน โดยรับข้อมูลผ่าน API (Application Programming Interface) เพื่อเข้าถึงข้อมูลหลักทรัพย์และอนุพันธ์ อาทิ ข้อมูลการซื้อขายระหว่างวัน (Tick Data) รายละเอียดหลักทรัพย์ (Reference Data) และ Corporate Action เพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้ผู้ใช้บริการสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้ง่ายขึ้น

นายถิรพันธุ์ สรรพกิจ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในยุคที่โลกกำลังขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ทำให้มีความต้องการข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว และสามารถนำไปวิเคราะห์ตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์การลงทุนที่มีความหลากหลาย ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงมุ่งมั่นพัฒนางานบริการข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯได้อย่างรวดเร็ว โดยได้พัฒนา "SMART Marketplace" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในการให้บริการข้อมูลออนไลน์ สามารถรับข้อมูลผ่าน API เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทสมาชิก ผู้ให้บริการข้อมูล ผู้ลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผู้ลงทุนบุคคลเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกและนำข้อมูลไปใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยง ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ

โดยข้อมูลที่ให้บริการผ่าน SMART Marketplace ได้แก่ 1) ข้อมูลการซื้อขายระหว่างวัน (Tick Data) ของ SET และ TFEX ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดข้อมูลย้อนหลัง และข้อมูลรายวัน ณ สิ้นวันทำการได้ 2) ข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์และอนุพันธ์ (Reference Data) ซึ่งรวมถึงข้อมูล ISIN และข้อมูลการใช้สิทธิ์ของใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) และ 3) ข้อมูล Corporate Action ของบริษัทจดทะเบียนเช่น ข้อมูลสิทธิประโยชน์ การจ่ายเงินปันผล การเพิ่มทุน หรือการขึ้นเครื่องหมายต่างๆ โดยในอนาคต SMART Marketplace มีแผนจะให้บริการข้อมูลเพิ่มเติมเช่น ข้อมูลด้าน ESG (Environmental, Social and Governance) และข้อมูลงบการเงินของบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ ประมวลผล และตัดสินใจลงทุนได้ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น

สำหรับผู้สนใจใช้บริการ SMART Marketplace ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครใช้บริการโดยเลือกแบบเป็นรายครั้ง หรือเป็นสมาชิกรายเดือน ได้ที่ www.set.or.th/smartmarketplace
#9673


นับเป็นก้าวสำคัญที่แฟน.ชาวไทยต้องติดตามด้วยใจระทึก เมื่อ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร กองกลางดาวรุ่งชาวไทย ได้รับโอกาสจาก เลสเตอร์ ซิตี ให้ติดทีมชุดใหญ่สำหรับลุยศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ซีซัน 2021/22 อย่างเป็นทางการ

พลพรรค "สุนัขจิ้งจอก" ทำการประกาศรายชื่อนักเตะชุดใหญ่ที่จะลงเตะ พรีเมียร์ ลีก ซีซันนี้ ซึ่งปรากฏว่า มีชื่อของ "เจ้ากัน" ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร เป็น 1 ใน 30 คนของทีมชุดนี้ ซึ่งจะได้สวมใส่หมายเลข 48 สำหรับการเล่นอาชีพ

ก่อนหน้านี้ ธนวัฒน์ ได้รับโอกาสลงเล่นให้กับ "เดอะ ฟ็อกซ์" ในเกมอุ่นเครื่องปรีซีซัน และทีมชุด U-23 เป็นการชิมลางมาแล้ว ก่อนได้รับการยอมรับจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม ให้ขยับมาเตะทีมชุดใหญ่ได้ในที่สุด

สำหรับ เลสเตอร์ ซิตี จะประเดิมศึก พรีเมียร์ ลีก นัดแรกเจอ วูล์ฟแฮมตัน ที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดียม คืนวันที่ 14 สิงหาคม นี้
#9674


อภิมหาเมกะโปรเจกต์โครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงสายแรกของไทย ภายใต้การดำเนินการของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยความความร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ ที่เรียกกันว่า "รถไฟไทย-จีน" ที่ถูกคาดหวังให้เป็น "เส้นเลือดใหญ่" แห่งการเดินทางและขนส่งเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนลุ่มแม่น้ำโขง กับสาธารณรัฐประชาชนจีน

ความคืบหน้าล่าสุด สำหรับสัญญาการก่อสร้างงานโยธา เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กม. หรือ เฟสที่ 1 จำนวน 14 สัญญา วงเงินลงทุน 179,412.21 ล้านบาท มีการลงนามไปแล้ว 11 สัญญา ก่อสร้างเสร็จแล้ว 1 สัญญา คือ สัญญา 1-1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 6 สัญญา ส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มดำเนินการมีเพียงสัญญา 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม. วงเงิน 3,114.98 ล้านบาท ที่มี ความคืบหน้าไปแล้วราว 65%

ขณะที่อีก 4 สัญญามีการลงนามแล้ว และอยู่ระหว่างการเตรียมพื้นที่เพื่อส่งมอบ และออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed : NTP) นั้น แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน ส่งผลให้ต้องปรับแผนงาน เลื่อนการเข้าพื้นที่ก่อสร้าง โดยคาดว่าจะออก NTP เริ่มงานอย่างเร็วในช่วงต้นปี 65

และยังเหลืออีก 3 สัญญา ที่ยังไม่ได้ลงนาม โดยหนึ่งในสัญญาที่ยังรอการลงนาม และดูจะมีปัญหามากที่สุด หนีไม่พ้น "สัญญาที่ 3-1" ช่วงแก่งคอย-กลางดง เและ ปางอโศก-บันไดม้า ระยะทาง 30.21 กม. มี "กลุ่ม BPNP" บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด (กลุ่มบริษัท นภาก่อสร้างและพันธมิตรจากประเทศมาเลเซีย) เป็นผู้เสนอ "ราคาต่ำสุด" 9,330 ล้านบาท เนื่องจากอยู่ในกระบวนการของ "ศาลปกครอง"

ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พ.ค.64 "ศาลปกครองกลาง" มี "คำสั่งทุเลา" การบังคับคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง ที่พิจารณาให้ "กลุ่ม BPNP" มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการเข้าร่วมประมูลก่อสร้าง สัญญาที่ 3-1 งานโยธา ช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก-บันไดม้า มูลค่า 9,330 ล้านบาท ที่เป็นคำสั่งให้ รฟท.เข้าทำสัญญากับ "กลุ่ม BPNP" เพื่อบริหารโครงการต่อไปได้

โดยผลของคำสั่ง นอกจากชะลอโครงการได้แล้ว ยังอาจส่งผลให้ "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" ซึ่งทำสัญญาร่วมค้า อันมีลักษณะเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง "ไชน่าเรลเวย์" บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทน เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด กับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ที่เสนอ "ราคาสูงกว่า" กลายเป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการดังกล่าวอีกด้วย

ปัญหานี้ได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารโครงการในส่วนของ "สัญญา 3-1" ของ รฟท.ที่ยังไม่สามารถว่าจ้าง ทำสัญญา หรือทำการก่อสร้างได้ เนื่องจากคำสั่งทุเลาของศาลปค.กลาง ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับ "ศาลปกครองชั้นต้น" ก็ยังถือเป็น "การชั่วคราว" จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งยังไม่มีกำหนดการแน่ชัดว่า คดีจะสิ้นสุดเมื่อใด

จากปัญหาความล่าช้าดังกล่าว ส่งผลให้ รฟท.อาจถูกเรียกร้องค่าเสียหายได้ ทั้งในส่วนงานโยธาที่ไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ และในอนาคตที่ รฟท. จะไม่สามารถส่งมอบงานโยธาให้แก่ผู้รับเหมางานระบบรถไฟฟ้าได้ทันเวลา

คำตัดสินชี้ขาดของ "ศาลปกครอง" ในคดี "สัญญา 3-1" ที่ยังไม่ทราบว่าจะออกมาเมื่อใดนั้น แม้เป็นเพียงสัญญาเดียวที่ทำโดยเอกเทศแยกจากสัญญาอื่นๆ แต่ย่อมส่งผลต่อโครงการทั้งระบบ อีกทั้งยังถือเป็น "บรรทัดฐาน" ต่อการบริหารงานพัสดุของภาครัฐไทยในอนาคตอีกด้วย

การตัดสินให้ "กลุ่ม BPNP" ที่เป็นผู้เสนอ "ราคาต่ำสุด" ขาดคุณสมบัติไป แน่นอนว่า ย่อมเกิดประโยชน์ต่อ "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" ที่เสนอ "ราคาสูงกว่า" เป็นผู้ชนะการประมูลและเข้าทำสัญญาแทน

จะมีผลไปถึง "กรมบัญชีกลาง" ที่อนุมัติให้ บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด เข้าเกณฑ์คุณสมบัติการประกวดราคา เข้าข่าย "ปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมาย"

อีกทั้งยังจะเป็นการตอกย้ำน้ำหนักของ "ข้อครหา" ที่ว่า รฟท.ในฐานะเจ้าของสัมปทานกับ "ผู้แพ้ประมูล" ร่วมกัน "รื้อ" ผลการประกวดราคาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

เนื่องจากทาง "กลุ่ม BPNP" ได้เคยทักท้วงไว้ว่า รฟท.ไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง จากกรณีที่ รฟท.ไม่ยอมรับผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ร้องเรียน ที่ตั้งขึ้นตามอำนาจ มาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ และไม่เรียก "ผู้ชนะประมูล" เข้าทำสัญญาตามกำหนด

อีกทั้ง "ผู้ว่าการ รฟท." ยังได้ใช้อำนาจตั้ง "อนุกรรมการ" ขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาคุณสมบัติผู้เข้าเสนอราคาใหม่ ทั้งที่กระบวนการดังกล่าวผ่านการพิจารณาของ "คณะกก.พิจารณาผลการประกวดราคา" ของ รฟท.มาแล้ว

ทั้งที่ตามกระบวนการตามกฎหมาย ก็มี "คณะกก.วินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ" ตลอดจน "คณะกก.พิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน" ของกรมบัญชีกลาง ที่มี "ปลัดกระทรวงการคลัง" เป็นประธาน เป็นผู้ชี้ขาดในกรณีที่เกิดประเด็นปัญหาขึ้น

และกรณีคุณสมบัติของบริษัท บีพีเอ็นพีฯนั้น คณะกก.การพิจารณาอุทธรณ์ฯ ก็ได้อนุมัติ "ยกเว้น" หลักเกณฑ์บางประการให้กับ "บีพีเอ็นพี" ทำให้มีคุณสมบัติเป็นผู้ชนะการประมูลตามผลการพิจารณาของคณะกก.พิจารณาผลการประกวดราคาของ รฟท.ตามเดิม

แต่หลังจากยื่น "โต้แย้ง" ไปยัง รฟท.แล้ว ปรากฏว่า รฟท. "ไม่เห็นด้วย" ทั้งที่ มาตรา 119 ของ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "การวินิจฉัยของคณะกก.พิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด"

กระทั่ง "ไชน่าเรลเวย์" ที่เป็น "ขาหนึ่ง" ใน "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" ไปยื่นฟ้อง รฟท. พ่วงด้วยคณะกก. 2 ชุด ของกรมบัญชีกลาง ต่อ "ศาลปกครอง" ให้ตัดคุณสมบัติ และตัดสิทธิ์ "บริษัท บีพีเอ็นพีฯ" ที่เป็น "ขาหนึ่ง" ในกลุ่ม BPNP นำมาซึ่ง "คำสั่งทุเลา" เป็นการชั่วคราวข้างต้น

ประเด็นชี้ขาดที่สำคัญของศาลฯอยู่ที่ว่า คำวินิจฉัยของ "คณะกก.พิจารณาอุทธรณ์ฯ" ของกรมบัญชีกลาง นั้นมี "ความศักดิ์สิทธิ์" ตามอำนาจหน้าที่ใน มาตรา 119 ของ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ หรือไม่

ไม่เพียงเท่านั้น "คณะกก.พิจารณาอุทธรณ์ฯ" ของกรมบัญชีกลาง ที่ถือเป็นองค์กรตามกฎหมายบริหารงานพัสดุ และมี "ปลัดกระทรวงการคลัง" เป็นประธาน ยังมีกก.โดยตำแหน่ง ได้แก่ "อธิบดีกรมบัญชีกลาง-ผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี-ผู้แทนสำนักงานคณะกก.กฤษฎีกา-ผู้แทนสำนักงบประมาณ-ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด-ผู้แทนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น-ผู้แทนสำนักงานคณะกก.นโยบายรัฐวิสาหกิจ-ผู้แทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน"

หากศาลฯชี้ขาดว่า "บริษัท บีพีเอ็นพีฯ" ขาดคุณสมบัติตามที่ รฟท.กล่าวหาเอง ก็ส่งผลให้คณะกก.การพิจารณาอุทธรณ์ฯ อาจมีความผิดไปด้วย เพราะเป็นผู้วินิจฉัยว่า "บริษัท บีพีเอ็นพีฯ" มีคุณสมบัติถูกต้อง เพราะได้ยื่นจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและมีผลงานโดยถูกต้อง รวมทั้งได้รับการ "ยกเว้น" หลักเกณฑ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อรัฐให้มีผู้เข้าแข่งขันประกวดราคาหลายราย

ในทางกลับกันหากที่สุด "คำตัดสิน" ของศาลฯ ยืนตามคำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯของกรมบัญชีกลาง ที่มีผลในการเปลี่ยนตัว "ผู้ชนะประมูล"

ก็ต้องไม่ลืมสาระใน "วรรคท้าย" ของมาตรา 119 แห่ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ที่ระบุว่า "ผู้อุทธรณ์ผู้ใดไม่พอใจคําวินิจฉัยของคณะกก.พิจารณาอุทธรณ์ หรือการยุติเรื่องตามวรรคสี่ และเห็นว่าหน่วยงานของรัฐต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลเพื่อเรียกให้หน่วยงานของรัฐ ชดใช้ค่าเสียหายได้ แต่การฟ้องคดีดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการจัดซื้อจัดจ้างที่หน่วยงานของรัฐได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างนั้นแล้ว"

ที่เปิดโอกาสให้ "เอกชน" ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้เท่านั้น ไม่สามารถร้องโต้แย้งถึงผลการประกวดราคาได้ เนื่องจากเป็น "ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย" โดยตรง เป็นเจตนารมณ์ตามกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างที่คุ้มครองไม่ให้เอกชนฟ้องทบทวนการกระทำของรัฐได้ เพื่อให้งานบริการสาธารณะไม่ต้องสะดุดหยุดลง เพื่อ "กลั่นแกล้ง" หรือเพื่อ "ล้มประมูล"

หรือไม่ต้องไปไกล ย้อนไปถึง "สิทธิ์" ของผู้ฟ้องคดีที่มีเพียง "ไชน่าเรลเวย์" เพียง "ขาเดียว" ใน "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" ที่อาจเข้าข่าย "ไม่มีสิทธิ์" ฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ เนื่องจาก "ไม่ใช่คู่กรณี" และ "ไม่ใช่ผู้เสียหาย" รวมทั้ง "ไม่มีอำนาจ" ทำการแทน "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV"

ต้องถือว่าคำตัดสินชี้ขาดของ "ศาลปกครอง" ในคดีสัญญา 3-1 รถไฟไทย-จีน ครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ไม่เฉพาะต่อเอกชนที่จะเป็นผู้ชนะประมูลเท่านั้น และแม้เป็นเพียง "ท่อนเดียว" ใน 14 สัญญา ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมโครงการรถไฟไทย-จีน ที่ต้องล่าช้าออกไป

โดยมีปฐมเหตุเพียงเพราะ รฟท.ไม่ยอมรับผู้ชนะการประกวดราคาที่เสนอ "ราคาต่ำสุด" และยกข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่สาระสำคัญ มาตัดสิทธิ อันส่งผลในทางเอื้อประโยชน์ให้แก่ "เอกชนรายอื่น" ทั้งที่เข้าข่ายไม่มีอำนาจตามกฎหมาย และไม่มีเหตุผลความชอบธรรมให้ดำเนินการ

สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผลไปถึง "บรรทัดฐาน" ต่อการจัดซื้อจัดจ้าง "ระบบพัสดุราชการไทย" ของโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย

ยังมี "ข้อสังเกต" ในกระบวนการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองอีกว่า "ผู้ฟ้องคดี" ไม่ใช่ "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" แต่เป็น "ไชน่าเรลเวย์" รายเดียว

การที่ผู้ฟ้องคดีมีเพียง "ไชน่าเรลเวย์" เพียง "ขาเดียว" ก็อาจเข้าข่าย "ไม่มีสิทธิ์" ฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ เนื่องจาก "ไม่ใช่คู่กรณี" และ "ไม่ใช่ผู้เสียหาย" รวมทั้ง "ไม่มีอำนาจ" ทำการแทน "กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV" เพราะในมาตรา 119 วรรคท้าย ของ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ให้สิทธิฟ้อง "เรียกค่าเสียหาย" เท่านั้น

มาตรา 119 วรรคท้าย ของ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯระบุว่า "ผู้อุทธรณ์ผู้ใดไม่พอใจคําวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ หรือการยุติเรื่องตามวรรคสี่ และเห็นว่าหน่วยงานของรัฐต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลเพื่อเรียกให้หน่วยงานของรัฐ ชดใช้ค่าเสียหายได้ แต่การฟ้องคดีดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการจัดซื้อจัดจ้างที่หน่วยงานของรัฐได้ลงนาม ในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างนั้นแล้ว"

เมื่อบทบัญญัติของกฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ ก็นำมาซึ่งความยุ่งเหยิงและวุ่นวายเช่นนี้

น่าวิตกไม่น้อยว่า หาก "ผลแห่งคดีนี้" และ "ดุลยพินิจ" ของ รฟท.ในฐานะเจ้าของสัมปทาน กลายเป็น "บรรทัดฐาน" ต่อไปการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐก็จะจบลงที่การฟ้องร้องทุกโครงการ

ย่อมส่งผลถึงบริการสาธารณะ และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากเมกะโปรเจกต์ ต้องสะดุดหรือหยุดชะงักลงไปด้วย.
#9675


บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH  แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทมีกำไรสําหรับไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนและ 6 เดือนแรกของปี2564 เท่ากับ 1,034 ล้านบาท ลดลง22.8% โดยหลักมาจากต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้น 754 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% 

ครึ่งปีแรก 2564บริษัทมีรายได้รวม 13,289 ลา้นบาท ลดลง 0.8%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีภาพรวมกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ 13,222 ล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากรายได้อาคารชุดลดลง 1,750ล้านบาทหรือ ลดลง35.6% ขณะที่รายได้บ้านทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น  1,153 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19.9%  รายไดจากบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้น  543 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  21%  ทางด้านมีอัตรากำไรขั้นต้น27.5% ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 34.0%  มาจากอตัราต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนกิจการโรงพยาบาลวิมุต

ครึ่งปีแรก 2564บริษัทมีรายได้รวม 13,289 ลา้นบาท ลดลง 0.8%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีภาพรวมกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ 13,222 ล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากรายได้อาคารชุดลดลง 1,750ล้านบาทหรือ ลดลง35.6% ขณะที่รายได้บ้านทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น  1,153 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19.9%  รายไดจากบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้น  543 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  21%  ทางด้านมีอัตรากำไรขั้นต้น27.5% ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 34.0%  มาจากอตัราต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนกิจการโรงพยาบาลวิมุต

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ มีโครงการที่เริ่มเปิดขายและยังดำเนินงานอยู่ (Active Poiet) จำนวน 150 โครงการ มูลค่ารวมโครงการ (Total projed value) 161.697 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 86 โครงการ มูลค่ารวม 70,295 ล้านบาท บ้านเดี่ยวจำนวน 41 โครงการ มูลค่รวม 44.941  ล้านบาท  โครงการอาคารชุดจำนวน 23 โครงการ มูลค่รวม 46,461 ล้านบาท


ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 75.,118 านบาท โดยลดลง จากอสังหาริมทรัพย์พัฒนาเพื่อขายเป็นหลัก และบริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ประกอบด้วย เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน  1,150 ล้านมาท เงินกู้ยืมระยะยาว จำนวน 3,457 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 18,250 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและบริหารสภาพคล่องของบริษัท