• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Cindy700

#3341


วันนี้ (28 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม มีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มีการประเมินผลของมาตรการล็อกดาวน์

โดยกระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอผู้ติดเชื้อที่เริ่มมีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ผลจากการล็อกดาวน์ได้ 25% ทำให้คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่า เราสามารถปรับมาตรการควบคุมโรค เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงช่วงก่อนหน้านี้

รวมถึงลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม ในการอนุญาตให้จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเปิดกิจการหรือดำเนินกิจกรรมบางอย่าง หรือการเดินทางข้ามจังหวัด ภายใต้การดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ด้วยเงื่อนไขที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยง

ในปัจจุบัน ทั่วโลกต่างยอมรับว่า เชื้อโควิดนี้มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย จนกลายเป็นโรคประจำถิ่น เป้าหมายที่อยู่บนพื้นฐานความจริง จึงไม่ใช่การกำจัดโรคนี้ให้หมดไป แต่ต้องแลกกับความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แต่เป็นการอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้อย่างปลอดภัยและสมดุล

ซึ่ง ศบค. ได้เห็นชอบกับแผนการที่เรียกว่า "Smart Control and Living with COVID-19" หรือ การควบคุมโรคแนวใหม่ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด-19 โดยมีมาตรการ 10 ข้อดังนี้

1. การยกระดับมาตรการ DMHT (อยู่ห่าง-ใส่แมสก์-ล้างมือ-วัดอุณหภูมิ) เป็นมาตรการ Universal Prevention (การป้องกันแบบครอบจักรวาล) นั่นคือการระมัดระวังตัวเองอย่างสูงสุด โดยคิดเสมือนว่าทุกคนที่พบปะนั้นมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น ซึ่งรายละเอียดในมาตรการนี้นั้น ผมได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว

2. การจัดหาวัคซีนและฉีดให้ได้มากและเร็วที่สุด โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยง โดยรัฐบาล ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้วัคซีนมามากและเร็วที่สุด และถึงวันนี้เรามั่นใจว่า ภายในสิ้นปีนี้ รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนที่ฉีดให้ประชาชนได้อย่างน้อย 120 ล้านโดส ซึ่งขยายเพิ่มจากเป้าหมายเดิม 100 ล้านโดส ซึ่งเมื่อรวมกับวัคซีนทางเลือกของเอกชน เราจะมีวัคซีนรวมอย่างน้อย 130 ล้านโดส ทำให้เราจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศไทยได้กว่า 65 ล้านคน

3. การจัดหาชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง (ATK – Antigen Test Kit) ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายและราคาถูก ซึ่งทาง สปสช. ได้สั่งซื้อหาและจะแจกจ่ายให้ประชาชนจำนวน 8.5 ล้านโดส โดยเร็วที่สุด และจะจัดหามาเพิ่มอีกในอนาคต และรัฐบาลได้ดำเนินการให้มีชุดตรวจราคาถูกที่ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึงได้อย่างสะดวกและราคาถูกยิ่งขึ้น

4. การจัดทำมาตรการ Bubble & Seal กับโรงงาน สถานประกอบการ และแคมป์ก่อสร้าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นให้อยู่ในวงจำกัดที่สุด และดูแลจัดการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง การแยกกัก และการรักษาผู้ป่วย ที่จะทำให้เราไม่ต้องปิดทั้งโรงงาน และสามารถดำเนินการผลิตในบางส่วนของโรงงานหรือการก่อสร้างไปได้โดยไม่สะดุด

5. การจัดการสภาพแวดล้อมและการคัดกรองการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ในสถานที่เสี่ยง คือตลาด และชุมชนแออัด ที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดและเกิดคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก โดยจะต้องมีการจัดสภาพแวดล้อมตามมาตรการอย่างเข้มงวด และมีการตรวจคัดกรองเป็นประจำเพื่อหยุดการระบาดตั้งแต่ต้น

6. การจัดสภาพแวดล้อมของกิจการที่มีความเสี่ยงเป็นแบบปราศจากโควิด (COVID-Free Setting) เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินกิจการได้ ซึ่งมี 3 องค์ประกอบสำคัญคือ 1. COVID-Free Environment (สภาพแวดล้อมปราศจากโควิด) เช่นระบบระบายอากาศ การจัดสถานที่ให้ไม่แออัด 2. COVID-Free Personnel (พนักงานปราศจากโควิด) เช่นการฉีดวัคซีนและตรวจ ATK 3. COVID-Free Customer (ลูกค้าปราศจากโควิด) เช่นการแสดงผลฉีดวัคซีนหรือการตรวจ ATK

7. การจัดสภาพการทำงานและการเดินทางที่ปลอดภัย ไม่แออัด รวมถึงการคัดกรองโรคด้วยชุดตรวจ ATK สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดการระบาดในสถานที่ทำงาน และติดเชื้อต่อไปยังครอบครัวที่บ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูง และเด็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

8. การจัดกิจกรรม สถานที่ และบริการสาธารณะต่างๆ ภายใต้มาตรการ 3C คือ การไม่จัดให้เกิดพื้นที่เสี่ยง 3 ประการ คือ "แออัด-ใกล้ชิด-ปิดอับ" (Crowded Places Close-Contact Setting, Confined & Enclosed Spaces) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดได้สูง

9. การจัดการบริการควบคุมโรคเชิงรุก เข้าถึงกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางในพื้นที่และชุมชนระบาด ด้วยหน่วยเคลื่อนที่ CCRT (Comprehensive COVID-19 Response Team) ทั้งการตรวจคัดกรอง การนำผู้ป่วยออกมารักษา การฉีดวัคซีน โดยเฉพาะกับผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ด้วยตนเอง

10. ตรวจคัดกรองเชิงรุกให้รวดเร็ว รู้ผลให้เร็ว แยกกักผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงเร็ว และรักษาผู้ป่วยได้เร็ว ด้วยชุดตรวจ ATK และระบบแยกกักที่บ้านและที่ชุมชน Home Isolation & Community Isolation สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง ที่ช่วยบรรเทาภาระของการครองเตียง และการต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้มีอาการหนักหรือปานกลาง สามารถเข้ารับการรักษาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีโอกาสรักษาหายดีมากยิ่งขึ้น

นโยบาย "Smart Control and Living with COVID-19" ทั้ง 10 ข้อนี้ ได้มีการดำเนินการมาแล้วในหลายข้อ และได้ผลดีที่เป็นปัจจัยสำคัญในการลดยอดผู้ติดเชื้อได้ ส่วนบางข้อนั้นจะมีการยกระดับและดำเนินการไปพร้อมกับการปรับมาตรการที่จะเริ่มในวันที่ 1 กันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นหนทางที่ช่วยให้ประเทศไทยจะก้าวไปสู่อนาคตร่วมกันอย่างปลอดภัยและมั่นคง สามารถฟื้นเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของเราได้ ผมจึงขอให้พวกเราทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทุกคน ได้นำหลักการและแนวคิด Smart Control and Living with COVID-19 นี้ไปปรับใช้กับองค์กรของท่าน ชุมชนของท่าน ครอบครัวของท่าน และตัวท่านเอง เพื่อให้เราก้าวผ่านวิกฤตสู่อนาคตของประเทศไทยร่วมกันครับ
#3342


"เทอร่า คาเฟ่" เป็นคาเฟ่เล็กๆสไตล์แคมปิ้ง "เบเกอรี่" อบสดใหม่ทุกวัน อร่อยอันดับหนึ่งในดวงใจของหมูหวานก็คือ "แฮมชีสโทสต์"


ออกจากเมืองกรุงฯ เดินทางไปพักผ่อนกับเพื่อนๆที่ "วังน้ำเขียว" ระหว่างทางพบกับคาเฟ่เล็กๆกลางไร่สตรอว์เบอร์รี่ เห็นรถหลายคันเลี้ยวเข้าไปจอด บ้างก็ซื้อเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้วกำลังถอยรถออก จึงคิดว่าร้านนี้น่าลองแฮะ พอเลี้ยวเข้าไปจอดรถที่ลานดิน ก็เดินขึ้นเนินไปนิดหน่อย  ก็ถึงที่ตั้งของร้าน "เทอร่า คาเฟ่" ตกแต่งสไตล์แคมป์ปิ้ง โดยใช้ผืนผ้าใบกางทำเป็นหลังคาและผนัง เปิดโล่ง ลมพัดเย็นสบาย ไม่ต้องพึ่งแอร์คอนดิชั่น


"แฮมชีสโทสต์" อบมาร้อนๆ ตอบโจทย์ความอร่อย 

อาหารที่หมูหวานหมายปองเมื่อไปถึงก็คือ "เบเกอรี่" ที่ไม่หวาน ดังนั้น "แฮมชีสโทสต์" จึงตอบโจทย์ เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ทุกคนชอบ จนต้องสั่งเบิ้ล แม้ว่าหมูหวานจะไม่ปลื้มขนมที่หวานมาก ทว่า "ช็อกโกแลตโทสต์" โดนใจเป็นยิ่งนัก เมื่อได้พูดคุยกับเจ้าของร้านจึงรู้ว่า "เบเกอรี่" ร้านนี้อบสดใหม่ทุกวัน มิน่าถึงได้หอมกรุ่นอร่อยจนลืมไปว่าหวาน (ฮา) หมูหวานว่า "ช็อกโกแลตโทสต์" มีเสน่ห์เพิ่มมาอีกอย่างตรง "น้ำผึ้ง" ที่ราดลงไปบนตัวขนม ทำให้ "โทสต์" ที่เกรียมกรอบหอมฟุ้งนั้นกรุ่นไปด้วยกลิ่นของน้ำผึ้ง วินาทีนี้คงต้องจิบ "อเมริกาโน่" ร้อน เข้ากันได้ดี


บรรยากาศริมน้ำ




ดื่มด่ำกับบรรยากาศของร้าน "เทอร่า คาเฟ่" สักพัก สอบถามพ่อหนุ่มหน้าใสที่มาให้บริการเป็นอย่างดี ปรากฏว่าเขาคือเจ้าของร้านวัย 27 ปี ชื่อว่า พงศ์จิรา กัลยานิธิพงศ์ ได้ทีก็เลยถามทุกอย่างที่อยากรู้ ได้ความกลับมาว่า "เทอร่า คาเฟ่" เพิ่งเปิดได้ 3 อาทิตย์ โดยเขาและเพื่อนๆนักออกแบบ หรือสถาปนิกอีก 2 คน ก็คือ ดวงกมล ฉัตรวรโสภณ และ วีรยา จันแดง เดิมพื้นที่ 20 ไร่แห่งนี้ปลูกสตรอว์เบอรี่มาได้ 3 ปี ออกผลช่วง พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์  "เทอร่า คาเฟ่" เพิ่งเปิดได้ 3 เดือน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของอนาคตที่ต้องการให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนโคราช และคนกรุงเทพฯ มีโครงการทุ่งดอกไม้ ตลาดสินค้าชุมชน และที่พัก ฯลฯ


เจ้าของร้านคนรุ่นใหม่วัย 27 ปี พงศ์จิรา กัลยานิธิพงศ์,ดวงกมล ฉัตรวรโสภณ และ วีรยา จันแดง กับทีมงานในร้าน 

"เทอร่า คาเฟ่" ออกแบบสไตล์แคมป์ปิ้ง กลมกลืนกับธรรมชาติ แถบ "วังน้ำเขียว" และ "เขาใหญ่" ได้ดี และเป็นสไตล์ที่หุ้นส่วนทั้ง 3 คน ชอบและช่วยกันออกแบบมานานกว่า 2 ปี ส่วนขนมในร้าน เริ่มจาก"เครื่องดื่ม" และ "ขนมเค้ก" ต่อมาพวกเขาไปเรียนทำ "ขนมปัง" เพิ่มเพราะทั้งสามคนชอบ "เบเกอรี่" เหมือนกัน เรียกได้ว่าอยู่ในป่าเขาลำเนาไพรใช้ชีวิตกลมกลืนกับธรรมชาติ แล้วมีขนมปังอบสดใหม่ให้กินทุกวันแบบนี้  ช่างเป็นสวรรค์ของนักกินโดยแท้


"บัตเตอร์ บี" (ฺButter Bee) ขนมปังบริยอช เนย น้ำผึ้ง  

เมนูที่หมูหวานชอบ "แฮมชีสโทสต์" กับ "ช็อกโกแลตโทสต์" ก็ต่อยอดมาจาก "ขนมปัง" 4 รสชาติ ก็คือ "บริยอช" ขนมปังสไตล์ฝรั่งเศส รสดั้งเดิม ที่มีเนื่อสัมผัสที่เหนียว นุ่ม เน้นเนยนม แล้วยังมี "ขนมปัง" สำหรับคนที่รักสุขภาพนั่นก็คือ บริยอชโฮลวีต ไม่ใส่นม ไม่ใส่ไข่ แต่ยังมีเนยหอมกรุ่น ล่าสุดมี "ขนมปัง" ที่ชื่อ "บัตเตอร์บี" (Butter Bee) เป็นขนมปังบริยอช ที่พัฒนาโดยเพิ่มเนยและน้ำผึ้งลงไป


เปิดเกม 'บีทีเอส' สยายปีกอาณาจักรแสนล.
'ราชทัณฑ์' ย้าย 'ผกก.โจ้' พร้อมพวก 7 คน ไปเรือนจำพิษณุโลก หวั่นเจอโจทก์เก่า
'ไทยประจัน' อุทยานน้องใหม่ใน 'มรดกโลก'

ไหนๆก็ผ่านมาแล้วแวะร้าน "เทอร่า คาเฟ่" วันนี้หมูหวานกับเพื่อนพ้องจัดเต็มกันมากๆ ระดมสั่งถูกอย่างที่อยากชิม ไม่ว่าจะเป็น "คุ๊กกี้" และ "ขนมปัง" ต่างๆ อย่างที่บอกไป "แฮมชีสโทสต์" นี่แทบจะตบตีแย่งชิง ไปคราวหน้าคงต้องสั่งคนละที่จะได้ไม่แย่งกัน (ฮา) "ช็อกโกแลตโทสต์" หมูหวานว่าจะไม่แบ่งใครด้วยนะ เพราะขนมปังที่ปิ้งมานั้นหอมกลิ่นเนย มีรสเค็มๆ ให้อารมณ์คล้ายขนมปังปิ้งเตาถ่าน ช็อกโกแลตมีความดาร์ค วิปปิ้งครีมเย็นๆเนื้อแน่น ราดด้วยน้ำผึ้งหอมกรุ่น ใครที่ชอบแบบนี้บอกเลยว่าไม่ผิดหวังโดยแท้


ในส่วนของเครื่องดื่มนั้นอย่างที่บอกไปตั้งแต่แรก "สตรอว์เบอร์รี่โยเกิร์ต" อร่อยโดนใจ เพราะมีความเปรี้ยวๆ หอมๆ ของ "สตรอว์เบอร์รี่" ผสม "โยเกิร์ต" หวาน เย็น ชื่นใจ ใครที่ชอบ กาแฟส้ม (Orange Sunset) สั่งได้เลยไม่ผิดหวัง ถ้าใครชอบเครื่องดื่มหวานๆหอมๆ ให้อารมณ์เหมือนอยู่โรงหนัง แนะนำ ป๊อปคอร์นลาเต้ (Popcorn Latte) คอกาแฟแท้สั่งเอสเพรสโซ่ หรือ อเมริกาโน่ ร้อน จิบบรรยากาศมองเห็นภูเขาล้อมรอบ รับลมเย็นชิลๆ กันไป


เทอร่า คาเฟ่ อยู่ในไร่สตรอว์เบอร์รี่ร้อยล้านวิว ริมถนนหมายเลข 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย (ห่างจากโรงพยาบาลวังน้ำเขียว 2 กิโลเมตร)เปิดบริการตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. (หยุดวันอังคาร) โทร. 062-426-5446 Line: terracafe.nma F: terraafe.nma
#3343


กลุ่มเซ็นทรัล ร่วมเคียงข้างคนไทยให้ก้าวผ่านวิกฤตไวรัสโควิด-19 โดยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงและให้การช่วยเหลือทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความรวดเร็ว และทั่วถึง โดยผนึกกำลังบริษัทในเครือและภาคี สนับสนุนและดูแลด้านสาธารณสุขแบบครบวงจร 360 องศา เพื่อให้คนไทยสามารถดำเนินชีวิตได้ปกติท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไม่ประมาท



พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า สถานการณ์โควิดมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อคนไทยอีกในระยะเวลาหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่คนไทยทุกคนต้องได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงโดยเร็ว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่และประเทศเดินหน้าต่อไปได้ กลุ่มเซ็นทรัล จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสาธารณสุขอย่างจริงจังในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริการสนับสนุนเรื่องพื้นที่ พร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อการเข้าถึงจุดฉีดวัคซีนได้อย่างสะดวก, มาตรการความสะอาด ปลอดภัย ขั้นสูงสุด, การสนับสนุนงานของบุคลากรทางการแพทย์ และการส่งเสริมการวิจัยยาหรือวัคซีนต้านโรคโควิด-19 โดยแพทย์ไทย เป็นต้น



สำหรับความร่วมมือ ร่วมใจของกลุ่มเซ็นทรัลกับภาคีเครือข่าย ครอบคลุม 4 ด้าน ดังนี้

1.ร่วมมือกับภาครัฐ อาทิ หอการค้าไทย กรุงเทพมหานคร สาธารณสุขประจำจังหวัด และ สำนักงานประกันสังคม ในการจัดตั้งหน่วยบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล แบบครบวงจร ทั่วประเทศ
•ต้นแบบพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีนแบบครบวงจร 33 จุดฉีด แบ่งเป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัล 24 จุดฉีดทั่วประเทศ, โรบินสันไลฟ์สไตล์ 6 จุดฉีด, ท็อปส์พลาซ่า 1 จุดฉีด, ศูนย์การค้าแพลทฟอร์ม วงเวียนใหญ่ 1 จุดฉีด และจิวเวลรี่ เทรด เซ็นเตอร์ 1 จุดฉีด
•เปิดให้บริการต่อเนื่องนานกว่า 150 วัน ตั้งแต่เดือนเมษายน-สิงหาคม 2564 และยังคงดำเนินการต่อเนื่อง
•บริการฉีดวัคซีนให้ประชาชนคนไทยตามที่ได้รับจัดสรรมากกว่า 1.1 ล้านเข็ม

2.มาตรการเซ็นทรัล สะอาดมั่นใจ
•ผู้นำแผนแม่บทด้านมาตรการความสะอาด-ปลอดภัยให้กับศูนย์การค้าทั่วประเทศตามหลัก D-M-H-T-T-A ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ใช้ในการชะลอการระบาดของ โควิด-19 ย่อมาจาก D : Distancing เว้นระยะระหว่างบุคคล หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น M : Mask wearing สวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H : Hand washing ล้างมือบ่อย ๆ จัดให้มีจุดบริการเจลล้างมืออย่างทั่วถึงเพียงพอ T : Temperature ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าใช้บริการ เพื่อคัดกรองผู้ใช้บริการ T : Testing ตรวจหาเชื้อโควิด 19 และA : Application ติดตั้งและใช้แอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" และ "หมอชนะ" ก่อนเข้า-ออกสถานที่ทุกครั้ง
•พร้อมสนับสนุนและรณรงค์ให้ทุกคนได้รับวัคซีน ปัจจุบันพนักงานในกลุ่มเซ็นทรัลได้รับวัคซีนแล้วมากกว่า 85% ของพนักงานทั้งหมดทั่วประเทศ

3.สนับสนุนการปฏิบัติงานของด่านหน้า
•สนับสนุนห้องพักในเครือโรงแรมเซ็นทารากว่า 8,856 ห้อง ให้บุคลากรทางการแพทย์
•จัดส่งอาหารในเครือซีอาร์จีให้ผู้ป่วย Home Isolation ในโครงการ Meal for You ร่วมกับ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลรามาธิบดี และ โรงพยาบาลตากสิน มากกว่า 16,000 มื้อ
•จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และอื่น ๆ รวมกว่า 12.9 ล้านบาท อาทิ วัคซีนซิโนฟาร์ม 3,000 เข็ม ห้องความดันลบ 4 ห้อง เครื่องช่วยหายใจสำหรับห้องปฏิบัติการ 3 เครื่อง และยาฟาวิพิราเวียร์ กว่า 25,000 เม็ด เป็นต้น
•สมทบทุนก่อสร้างหอผู้ป่วยสนามเร่งด่วน และจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์

4.ระดมทุนและร่วมสนับสนุนงบประมาณเพื่องานวิจัยโครงการวัคซีนคนไทย เพื่อคนไทย
•ระดมทุนและสมทบทุนการวิจัยวัคซีนและยาเพื่อคนไทยได้เข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้มากกว่า 15.8 ล้านบาท

"กลุ่มเซ็นทรัล ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็นเสมือนนักรบด่านหน้าในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดในครั้งนี้ พร้อมที่จะรวมสรรพกำลังของธุรกิจในเครือในการสนับสนุนช่วยเหลือให้คนไทยปลอดภัยด้วยการเข้าถึงสาธารณสุข แบ่งเบาภาระให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมเคียงข้างคนไทยให้ผ่านพ้นวิกฤต ด้วยความอดทน เข้มแข็ง และร่วมแรงร่วมใจกัน" 
#3344


นางสุภาพร  ลีนะบรรจง  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า "ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว แต่การเติบโตที่สูงในปีนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน หากพ้นจากช่วงที่เศรษฐกิจโลกได้รับประโยชน์จากฐานต่ำไปแล้ว  เศรษฐกิจอาจมีการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงและมีแนวโน้มที่จะอยู่ในช่วงโตต่ำ นักลงทุนจึงต้องมองหาทางเลือกการลงทุนที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้กับพอร์ตการลงทุน"

"หุ้นเติบโตสูงถือเป็นธีมการลงทุนที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก และมีแนวโน้มเติบโตได้อีกหลายเท่าจากปัจจุบัน จึงเป็นที่มาของการเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีโกล.โกรท (KFGG) ที่ลงทุนในกองทุนหลักคือ Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund และได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว*"

"กองทุนหลักมีผลงานที่โดดเด่นมาก ด้วยการบริหารสไตล์ Baillie Gifford ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ใช้มุมมองการลงทุนที่แตกต่างโดยเน้นการลงทุนระยะยาว เลือกลงทุนเพียงไม่กี่หลักทรัพย์ที่เชื่อมั่นในศักยภาพและจะเป็นตัวขับเคลื่อนผลตอบแทนของตลาดในระยะยาว และไม่เน้นการซื้อขายตามตลาด โดยปัจจุบันถือการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์เฉลี่ย 9 ปี"

"หัวใจสำคัญคือกระบวนการคัดสรรหุ้น ซึ่งจะไม่ยึดติดกับภูมิภาค อุตสาหกรรม และดัชนีชี้วัด กรอบการเลือกก็อย่างเช่น รายได้ของธุรกิจนั้นสามารถปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2 เท่าภายใน 5 ปีข้างหน้าหรือไม่ อะไรคือความได้เปรียบในการแข่งขัน การบริหารจัดการเงินทุนเป็นอย่างไร รวมถึงอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ระดับราคามีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 เท่าหรือมากกว่านั้น เป็นต้น ทำให้หุ้นที่ผู้จัดการกองทุนคัดสรรเข้ามาในพอร์ตนั้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นเหนือคู่แข่ง   และเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแรงขับเคลื่อนของกระแสโลกาภิวัฒน์และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เช่น ธีม E-commerce ธีมเกี่ยวกับสื่อออนไลน์   ธีมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ  และ ธีมนวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์ "

"ตัวอย่างหลักทรัพย์ที่กองทุนหลักลงทุนเช่น Netflix เป็นผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง ที่สมาชิกสามารถรับชมซีรีย์โทรทัศน์  สารคดี และภาพยนตร์ต่างๆ ได้หลากหลายประเภท และหลากหลายภาษา  Coupang บริษัทด้าน E-commerce ที่มีสมญานามว่าเป็น Amazon แห่งเกาหลีใต้  Adyen แพลตฟอร์มที่ช่วยให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่ายและสร้างการเติบโตทั่วโลก  เป็นต้น"

"กองทุน KFGG เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสร้างความเติบโตให้กับพอร์ตการลงทุนระยะยาวผ่านการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นเติบโตสูงทั่วโลก สามารถรับความผันผวนในระยะสั้นได้ และมีระยะเวลาการลงทุนในระยะกลางถึงยาวเพื่อให้หลักทรัพย์ในพอร์ตมีเวลาสร้างการเติบโตได้เป็นไปตามเป้าหมาย" นางสุภาพร กล่าว
URL
 11
 
#3345


ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติผ่อนคลายอนุญาตให้เปิดกิจการ กิจกรรมเพิ่มเติมตามความพร้อมและความจำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุดนั้น สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ มีความพร้อมในการเปิดให้บริการภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเข้มงวดนั้น

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หรือในนามศูนย์การค้ากลุ่ม "วันสยาม"  ได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และได้ใช้มาตรการเชิงรุกเฝ้าระวังขั้นสูงสุดทั้งส่วนให้บริการลูกค้าและพนักงาน รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอดและต่อเนื่องนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา

อีกทั้งเพื่อเตรียมพร้อมในการเปิดให้บริการใรครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามแนวทางมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเข็มงวด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่มาใช้บริการ เจ้าหน้าที่คู่ค้า และพนักงานทุกคน


นางสาวนราทิพย์ รัตตประดิษฐ์  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานปฏิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า " สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตามมาตรการผ่อนปรนของ ศบค. ด้วยมาตรการความปลอดภัยอย่างสูงสุด 360 องศา"

เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพนักงาน ร้านค้า และผู้ใช้บริการ ทั้งยังปฏิบัติตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนดอย่างเข้มงวด อาทิ รณรงค์ให้พนักงานผู้ให้บริการภายในศูนย์การค้าได้รับการฉีดวัคซีน, การคัดกรองพนักงานโดย Platform Thai Safe Thai, และการตวจคัดกรองด้วย Antigen Test Kit, พนักงานต้องใส่หน้ากากและปฏิบัติตาม D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด, ร้านค้าประเมินมาตรฐานตาม Thai Stop Covid+, การเตรียมความพร้อมงานระบบต่างๆ


รวมถึงมาตรการเชิงรุกในการทำความสะอาดแบบ Big Cleaning โดยฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในพื้นที่ส่วนกลางและร้านค้า ซึ่งบริษัทยินดีที่จะปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. ที่ประกาศอย่างเคร่งครัดเต็มที่ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุดที่สร้างความเชื่อมั่นในทุกย่างก้าวของการใช้บริการ โดยเราขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยภาครัฐฯ ส่งเสริมให้คนไทยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัด พร้อมทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้ประเทศของเราผ่านพ้นวิกฤติไปได้ด้วยกัน

 

สยามพิวรรธน์ มั่นใจว่า ทั้ง OneSiam ซึ่งผนึกกำลัง 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะให้บริการด้วยมาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัยในทุกมิติอย่างสูงสุด มอบความสุขและนำรอยยิ้มสยามกลับคืนสู่ทุกคนอีก 
#3346


หากย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน เหล่าบรรดาดาราฮอลลีวูดระดับตัวท็อปของวงการมักจะมั่นใจกับรายได้ของตนเองเมื่อภาพยนตร์ที่พวกเขาแสดงติดอันดับบนบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่มาวันนี้เมื่อหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป การวัดความสำเร็จของนักแสดงในปัจจุบันกลับอยู่ที่ยอดวิวใน Netflix หรือข่าวประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ดูหนังทาง HBO Max

การปฏิวัติทางดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างไปแบบพลิกฝ่ามือ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้กระทบค่าตัวของนักแสดงคนโปรดของคุณเลย เพราะบรรดานักแสดงตัวท็อปยังคงได้รับค่าตอบแทนเป็นตัวเลขงามๆ แถมบางทียังทำรายได้มากกว่าตอนที่ต้องละมือจากจอเงินมาสู่การสตรีมมิ่งทางจอแก้วเสียอีก

ค่าตัวต่อเรื่องราวๆ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เคยเป็นราคามาตรฐานสำหรับนักแสดงระดับตัวท็อปในปี 1996 สมัยที่ "จิม แคร์รีย์" เคยทำให้ฮอลลีวูดต้องตะลึงด้วยรายได้ดังกล่าวจากภาพยนตร์ตลกแนวดาร์กคอมเมดี้เรื่อง The Cable Guy ซึ่งค่าตัวของเขายังกลายเป็นพาดหัวข่าวดังเพื่อใช้เป็นข่าวโปรโมทภาพยนตร์ตอนที่ออกฉายด้วย

ค่าตัวดังกล่าวกลายเป็นมาตรฐานให้กับนักแสดงจากเรื่องอื่นๆ ที่ตามมาหลังจากนั้นทั้ง "แซนดรา บูลล็อก" จาก The Lost City of D ของค่าย Paramount, "แบรด พิตต์" จากเรื่อง Bullet Train ของค่าย Sony และ "คริส เฮมสเวิร์ธ" จากเรื่อง Thor : Love and Thunder ของ Disney

นอกจากนั้นมาตราส่วนของค่าธรรมเนียมก็ยังแตกต่างกันออกไปอย่าง คริส ไพน์ จะได้รับเกือบ 11.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการทำภาพยนตร์ภาคต่อซึ่งเป็นความหวังของ Paramount เรื่อง Dungeons and Dragons รวมไปถึง โรเบิร์ต แพตตินสัน ที่โกยเพิ่มไปอีก 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการกลับมารับบทใน The Batman

หากย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อน เช็คค่าตัวนักแสดงในวันจ่ายเงินนับเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการบอกถึงอันดับในวงการบันเทิง แต่ตอนนี้กลายเป็นเรื่องเล็กๆ เมื่อมีรายใหญ่อย่าง Netflix หรือ Amazon รวมถึง สตรีมเมอร์รายอื่นๆมาเสนอเงินให้ในจำนวนมหาศาล

ตัวอย่างเช่น "แดเนียล เคร็ก" ที่พุ่งสู่จุดสูงสุดด้วยข้อเสนอเป็นเงินถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการแสดงภาคต่อ 2 เรื่องใน Knives Out ผลงานที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษของ ไรอัน จอห์นสัน โดยค่าตัวมหาศาลของแดเนียล เครก มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าทาง Netflix ได้จ่ายเงินเป็นค่าชดเชยให้กับนักแสดง ที่ตามปกติมักจะได้ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์หลังภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ งานนี้นักแสดงที่กำลังโบกมือลาบท เจมส์ บอนด์ จึงได้รับไปเต็มๆ กับรายได้ที่เป็นตัวเลขถึง 9 หลัก



สมการตัวเลขใหม่นี้ได้กำหนดเพดานค่าตัวนักแสดงให้ถีบขึ้นไปอีกสูงลิ่ว อย่างเช่น ดเวย์น จอห์นสัน หรือ เดอะร็อก ที่ค่าตัวพุ่งไปที่ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการแสดงในภาพยนตร์คริสต์มาสผจญภัย Red One ของ Amazon Studios ที่คนตั้งตารอชม ซึ่งค่าตัวอาจเพิ่มไปได้ถึง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ ( ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับค่าตัวของ แดเนียล เครก ที่ได้รับในการแสดง Knives Out 2 ตอน )

ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ กับค่าตัว 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ กับค่าตัว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเรื่อง Don't Look Up , จูเลีย โรเบิร์ต 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเรื่อง Leave the World Behind ทาง Netflix และ ไรอัน กอสลิง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเรื่อง The Gray Man ทาง Netflix

อย่างไรก็ตามข้อตกลงแบบใหม่นี้นับว่าสร้างความปวดหัวให้กับสตูดิโออย่าง Warner Bros. เป็นอย่างมาก เพราะได้ตัดสินใจที่จะปล่อยภาพยนตร์ทั้งหมดในปี 2021 ทาง HBO Max และในโรงภาพยนตร์ไปพร้อมๆกัน ซึ่งทำให้นักแสดงออกมาปฏิวัติเรียกร้องเรื่องค่าตอบแทนที่ควรจะได้อีกมากมาย

"เดนเซล วอชิงตัน" และ "วิล สมิธ" ได้ค่าตัวกันไปคนละ 40 ล้านเหรียญจากเรื่อง The Little Things และ King Richard ของ Warner Bros. ซึ่งค่าตัวที่ให้ไปได้พิจารณาจากรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศที่ลดลงเพราะมีการเปิดสตรีมมิ่งรอบปฐมทัศน์ด้วย

"คีอานู รีฟส์" มีสิทธิ์ได้รับเงินเพิ่มจากเปอร์เซ็นต์หลังหนังฉาย โดยเขยิบจาก 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นเป็น 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากภาพยนตร์ Matrix4 นอกจากนั้น Amazon Studios ยังฝากเงิน 15 ล้านดอลลาร์ไว้ในบัญชีของ ไมเคิล บี. จอร์แดน หลัง Without Remorse ทำรายได้เล็กน้อยให้ Paramount

ส่วนนักแสดงที่เอ็นจอยที่สุดก็ต้องยกให้ "ทอม ครูส" เพราะเขาเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ยังชอบวิถีแบบเดิมๆ ที่ต้องได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยก่อนจะได้เป็นเปอร์เซ็นต์หลังจากหนังประสบความสำเร็จ

หมายความว่า "ทอม ครูซ" จะได้เงินส่วนแบ่งแน่ๆโดยคิดเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่วันแรกที่หนังเข้าฉายไม่รอให้ค่ายหนังทำรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศ สิ่งนี้เองที่ทำให้เขาได้รับโบนัสหลายสิบล้านดอลลาร์มาตลอดสำหรับภาพยนตร์ที่เขาแสดงหลังจากที่หนังทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศมาแล้วไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง

โดยปีนี้เขาได้รับเงินเต็มๆไปแล้วจากค่าตัวในหนังเรื่อง Top Gun Maverick ถึง 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตัวเลขจะทยานสูงขึ้นหากภาพยนตร์ประสบความสำเร็จตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉายและได้รับความนิยมจากคนดูจนยอดทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศ (ที่มา : From Daniel Craig to Dwayne Johnson, Inside the Biggest Movie Stars' Salaries)
#3347


รายงานล่าสุดของฟอร์เรสเทอร์ ประเมินขีดความสามารถของผู้ให้บริการด้าน AI แสดงให้เห็นว่าเอคเซนเชอร์ได้รับคะแนนสูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่น ทั้งในประเภทขอบข่ายการบริการ กลยุทธ์ และฐานะความมั่นคงในตลาด เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการทั้งหมด 12 ราย

ผลการสำรวจระบุว่า 'ความสามารถในการส่งมอบของเอคเซนเชอร์นั้น อยู่ในอันดับหนึ่งทุกด้าน รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ AI วัฒนธรรม AI และการประเมินผลกระทบทางธุรกิจ ซึ่งความคิดเห็นที่ได้รับจากลูกค้าก็สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน โดยมีข้อมูลอ้างอิงจากลูกค้าชี้ว่า เอคเซนเชอร์มีความเชี่ยวชาญเชิงลึกในแต่ละอุตสาหกรรม การส่งมอบบริการที่ราบรื่นตั้งแต่ขั้นจัดทำกลยุทธ์ไปจนถึงขั้นดำเนินการ และสามารถช่วยให้ลูกค้าสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้อย่างดีเยี่ยม'


นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า 'เอคเซนเชอร์เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวในการสำรวจที่ยังคงร่วมลงทุนกับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดี ทำให้มีข้อมูลอ้างอิงในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ซับซ้อน เอคเซนเชอร์จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ หากต้องการผลักดันการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ทั่วทั้งองค์กรด้วย เอไอโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าที่มองหาพันธมิตรร่วมลงทุน ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน' อีกทั้งยังระบุด้วยว่า 'การดูแลของเอคเซนเชอร์นั้น ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีญี่ปุ่นเป็นตลาดที่แข็งแกร่งที่สุด ตามมาด้วย ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ (ANZ) และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้/อาเซียน'

เอคเซนเชอร์ได้รับคะแนนสูงสุดตามเกณฑ์ด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้: ด้านบริการ โดดเด่นเรื่องการติดตั้งปรับใช้ การส่งมอบ และการดำเนินงาน ด้านกลยุทธ์ โดดเด่นเรื่องแผนงานระดับภูมิภาค กลยุทธ์การบริการ โมเดลธุรกิจ การใช้AIในการส่งมอบบริการและเสริมสร้างระบบนิเวศของพันธมิตร และด้านตลาด โดดเด่นเรื่องลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รายได้ด้าน AI ในภูมิภาค รวมทั้งการถ่ายทอดและนำเอไอไปใช้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

นายนนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า 'เรารู้สึกยินดีที่ได้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำในรายงานของฟอร์เรสเทอร์ ลูกค้าของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ให้ความสนใจนำ AI ไปใช้ขับเคลื่อนธุรกิจและช่วยตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูล ตลอดจนช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเราจะมุ่งมั่นก้าวต่อไปให้เหนือขีดจำกัด จะพัฒนา AI ให้ก้าวหน้าและพลิกโฉมธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล"
#3348
ข้าวฮอร์   ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิสุรินทร์ 100%  ข้าวสุขภาพส่งทั่วไทย
  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค   ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิก  ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิจังหวัดสุรินทร์ ข้าวหอมสุรินทร์ ข้าวหอมอินทรีย์ คัดพิเศษ 100%
"ข้าวฮอร์ ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์"   ข้าวหอมมะลิออแกนิคสำหรับทารก เป็นผลิตผลจากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ด้วยการปลูกข้าวแบบปลอดสารพิษในทุกขั้นตอน ณ ดินแดนสุรินทร์ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวที่ดีที่สุดของประเทศไทย ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งดินและน้ำ เหมาะแก่การปลูกข้าวอินทรีย์คุณภาพสูง ประกอบกับกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมดิน การเตรียมพันธุ์ข้าว การหว่าน การดูแลแปลงนา และการเก็บเกี่ยว โดยครอบครัวชาวนาที่มีประสบการณ์และร่ำรวยความสุขจากการทำนาอินทรีย์แบบปลอดสารพิษ เพื่อให้เมล็ดข้าว ขายข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ที่ได้นั้น มีความหอม นุ่ม อร่อย ดีต่อสุขภาพและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบครัน การมีสุขภาพดี คือ ความสุขที่อยู่ใกล้ตัวเรา นอกจากตนเองแล้ว เราควรแบ่งปันความสุขให้กับคนที่เรารักด้วยข้าวหอมมะลิ   ข้าวกล้องหอมมะลิorganic ขัดสีไม่ขาวเพื่อคงคุณค่าและใยอาหาร มีกลิ่นหอม นุ่ม ตามเอกลักษณ์ของ ข้าวออร์แกนิคหอมมะลิสุรินทร์ 100%




  ข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค ได้รับมาตราฐานเกษตรอินทรีย์ -มีวิตามินและสารอาหารจากข้าวสูง -สะอาด..บริสุทธิ์..จากธรรมชาติ ทุกขั้นตอน"ข้าวอินทรีย์ (ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์)" ที่ผ่านกระบวนการเพาะปลูก และบำรุงรักษาทุกขั้นตอน ด้วยวิถีของเกษตรอินทรีย์ -ไม่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนการผลิต"เมล็ดพันธุ์" คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ แต่ละชนิด ด้วยความรัก ใส่ใจ ในรายละเอียดทุกเมล็ด -ด้วยกระบวนการปักดำ..อย่างพิถีพิถันจากธรรมชาติ"พื้นที่เพาะปลูก" ในจังหวัดสุรินทร์ - ทำการเพาะปลูก และควบคุมเองทุกขั้นตอน"แหล่งน้ำ"  ข้าวหอมมะลิอินทรีย์อาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติที่ตกตามฤดูกาล"ปุ๋ยที่ใช้" ไถกลบตอซังหลังเก็บเกี่ยวทุกครั้ง และปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน, -  ข้าวกล้องหอมมะลิเกษตรอินทรีย์  ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ,ปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน"การกำจัดศัตรูพืช" ควบคุมด้วยระบบนิเวศน์หรือใส่สารสกัดจากพืชสมุนไพรแทนการฉีดสารฆ่าแมลง

  ปลูกข้าวหอมมะลิออแกนิค เพื่อความมั่นใจถึงความเป็นข้าวออร์แกนิคที่แท้จริงของเรา
ข้าวฮอร์ (HOR) ได้รับมาตรฐาน
1. ใบรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ( Organic Thailand)
2. ใบรับรองเครื่องหมาย "ข้าวพันธุ์แท้" จากกรมการข้าว จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในประเภทของ
2.1 ข้าวขาวดอกมะลิ 105 (ข้าวขาว)
2.2 ข้าวขาวดอกมะลิ105 (ข้าวกล้อง)
2.3 ข้าวมะลินิลสุรินทร์

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ 
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website :   ข้าวไรซ์เบอรี่ปลอดสารพิษ
Facebook : www.facebook.com/Horganickz/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @ Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1.ข้าวหอมสุรินทร์
2.ข้าวกล้องหอมสุรินทร์
3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นสุรินทร์)
4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์
5.  ข้าวอินทรีย์หอมมะลิแดง
6. ข้าวกล้องหอมมะลินิลสุขภาพ
7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิค

ข้าว Hor พร้อมขายแล้วที่ Shopee & Lazada
https://shopee.co.th/hor.boutique
https://www.lazada.co.th/shop/horboutique/

#ข้าวหอมมะลิ #ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ #ข้าวหอมมะลิปลอดสาร #ข้าวหอมมะลิเพื่อสุขภาพ #ข้าวหอมมะลิออร์แกนิก #ข้าวหอมสุรินทร์ #ข้าวหอมมะลิออร์แกนิค
 
 
#3349


ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ ในการกำกับดูแลของ วว.ได้เดินหน้า BCG โมเดล ในโครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลางตะวันตก ในปีงบประมาณ 2564 โดยสามารถยกระดับการผลิตพืชด้วยรูปแบบเกษตรสมัยใหม่ จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาให้เกิดการทำการเกษตรที่ปลอดภัย โดยใช้สารชีวภัณฑ์เป็นหลักในการผลักดันการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของกระบวนการผลิต ช่วยให้เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการได้รับผลิตผลที่ดีขึ้นทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ลดปัญหาสุขภาพของเกษตรกร และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตรตลอดห่วงโซ่ เพิ่มแต้มต่อให้ภาคเกษตรของไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

ทั้งนี้ วว. ได้ดำเนินงานในพื้นที่ 4 จังหวัดในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลางตะวันตกเป็นพื้นที่นำร่อง BCG Model ประกอบด้วย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม และกาญจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกกว่า10 ล้านไร่ ใน 2 กลุ่มพืช คือ พืชไร่เศรษฐกิจหลักในพื้นที่ ได้แก่ ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง พืชสวน ได้แก่ มะพร้าวน้ำหอม ส้มโอ กล้วยไข่ และหน่อไม้ฝรั่ง พื้นที่ดังกล่าว

นอกจากจะมีศักยภาพเป็นฐานการผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญแล้ว ยังเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงเส้นทางการค้าการขนส่งระหว่างทะเลตะวันตกและทะเลตะวันออก มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ขนส่ง ที่เชื่อมต่อภาคอื่นๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และยังมีสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง สามารถเป็นเครือข่ายสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าในพื้นที่ได้อีกด้วย


วว. ดำเนินโครงการ BCG Model ผ่าน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1) การยกระดับการผลิตพืชรูปแบบเกษตรสมัยใหม่โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจชีวภาพ (Biological Economy) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านกระบวนการผลิต ลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 2) การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิตตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ 3) การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ธรรมชาติจากขยะเหลือทิ้งทางการเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) สร้างโอกาสและเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการ ลดความเหลื่อมล้ำเศรษฐกิจฐานราก


โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ เช่น เทคโนโลยีข้าวเสริมซีลีเนียม การพัฒนาวัสดุเพาะเห็ดจากฟางข้าวเสริมซีลีเนียม พัฒนาวัสดุเพาะเห็ดจากกากมันสำปะหลัง บรรจุภัณฑ์ (Non Food) หน่อไม้ฝรั่งเพื่อการส่งออก การเพิ่มคุณภาพผลผลิตอ้อยด้วยปุ๋ยอินทรีย์เคมีเสริมจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟต การเพิ่มคุณภาพและเพิ่มผลผลิตพืชด้วยสารควบคุมการเจริญเติบโต (มันสำปะหลังและกล้วย) ขยายชีวภัณฑ์ทางการเกษตรอย่างง่าย เทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์เวชสำอาง และเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ ฯลฯ
 
ด้วยความร่วมมือจากเกษตรกรและเครือข่ายหน่วยงานสนับสนุนในท้องถิ่น ทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการถึง 494 คน สามารถลดค่าใช้จ่ายในการใช้สารเคมีในพื้นที่นำร่องได้ประมาณปีละ 11.5 ล้านบาท หรือราว 25% ของมูลค่าสารกำจัดศัตรูพืชทั้งหมด มีกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตอาหารสุขภาพ (Functional Food) และต้นแบบบรรจุภัณฑ์ จำนวน 163 ราย เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน สามารถผลิตสารชีวภัณฑ์ไว้ใช้เองได้จำนวน 5 ชนิด
 

นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าจำนวน 10 ผลิตภัณฑ์ สามารถสร้างต้นแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Non Food) และผสานแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว (Green Technology) และแนวคิดการออกแบบแบบองค์รวม (Holistic Design) ได้ 2 ต้นแบบ คือ ถาดเพาะชำกล้าอ้อยจากชานอ้อย และแผ่นกันการกระแทกจากกาบกล้วย รวมถึงได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเข้าร่วมลงทุนในด้านวิจัยและพัฒนาภายใต้ BCG โมเดลอีกจำนวน 6 ราย
 

"BCG Model เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของ วว. ที่ผลิตภัณฑ์ชีวภัณฑ์ทางการเกษตรของสถาบัน สามารถช่วยยกระดับขีดความสามารถของเกษตรกรไทยในการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิตได้หลากหลายรูปแบบยิ่งขึ้น ช่วยให้ผลผลิตในแปลงของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้รับผลผลิตที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ปริมาณ คุณภาพ ความปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค สร้างรายได้ให้แก่เกษตรเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเกษตรกรคุณภาพรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจ ภายใต้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของชาติด้วย BCG โมเดลอย่างยั่งยืน" ชุติมา กล่าวทิ้งท้าย
#3350


นายมารุต อรรถไกวัลวที บริษัท วีจีไอ จํากัด (มหาชน)หรือ VGI แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2564 ประชุมเมื่อวันที่ 26สิงหาคม 2564 เวลา 13.30 น. ได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนใน บริษัท เจ มาร์ท จํากัด (มหาชน) หรือ JMART ซึ่งเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ

โดยบริษัทฯ จะดําเนินการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มมทุนของ JMART ที่จะออกและเสนอขายให้แก่บริษัทฯ ในรูปแบบของการออกและเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลในวงจํากัด (Private Placement) จํานวน206,241,800 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 30.3370 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6,256,757,486.60 บาท

ทั้งนี้ส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน JMART ในสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 15 ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ JMART ภายหลังการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว และการได้มาซึ่งใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของJMART ครั้งที่ 6 ที่จัดสรรให้แก่ผู้ลงทุนที่จองซื้อและได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) (ใบสําคัญแสดงสิทธิ JMART-W6)ให้แก่บริษัทฯ จํานวน 25,337,882 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่าการเสนอขาย (ราคาเสนอขายหน่วยละ 0.00 บาท) อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญของ JMART จํานวน 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 30.3370 บาทต่อหุ้น

โดยหากมีการใช้สิทธิตามใบสําคัญแสดงสิทธิครบจํานวนจะคิดเป็นมูลค่าการลงทุนเท่ากับ 768,675,326.23 บาท และจะทําให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน JMART ในสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 15.00 ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของJMART (คํานวณบนสมมติฐานว่าผู้ถือใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ JMART ทั้ง 3 ชุดที่ JMART ออกอยู่ ณ ปัจจุบันใช้สิทธิซื้อหุ้นตามใบสําคัญแสดงสิทธิครบทั้งจํานวน) ("ธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART") รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7,025,432,812.83 บาท


โดยภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART บริษัทฯ จะเข้าลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนระหว่างบริษัทฯ (ในฐานะผู้ลงทุน) และ JMART (ในฐานะผู้ออกหลักทรัพย์)("สัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน") โดยสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน ทั้งนี้ ธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART จะเกิดขึ้นเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดตามที่ระบุในสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนสําเร็จครบถ้วนหรือได้รับการผ่อนผันจากคู่สัญญาฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART จะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 โดยรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART มีรายละเอียดปรากฏตามสารสนเทศเกี่ยวกับรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของVGI

สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการซื้อหุ้น JMART จะมาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทฯ ประมาณร้อยละ 5-10 ของมูลค่าเงินลงทุน ทั้งนี้การใช้เงินลงทุนดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดําเนินงานของบริษัทฯ และความสามารถในการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น แต่อย่างใด และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ประมาณร้อยละ 90-95 ของมูลค่าเงินลงทุน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่างร้อยละ 0.9 ถึง 4 ต่อปีทั้งนี้ การกู้ยืมจากสถาบันการเงินดังกล่าว ไม่มีเงื่อนไขที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด


สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียน
ในปัจจุบันบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักด้านสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชําระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจนําเข้าและจัดจําหน่ายอุปกรณ์ Gadget จากประเทศจีนที่บริษัทฯ เพิ่งเข้าลงทุนผ่านบริษัท แฟนส์ลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จํากัดเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นว่า JMART ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจลงทุนในธุรกิจอื่น โดยมีธุรกิจหลัก คือ การจําหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในรูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแนวโน้มการทํางานและการเรียนหนังสือจากบ้านที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยบริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART จะช่วยสร้างประโยชน์และส่งเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจ ณ ปัจจุบันของบริษัทฯ อาทิ การขยายช่องทางการจัดจําหน่ายสินค้าประเภท Gadget ซึ่งจัดจําหน่ายโดยบริษัทในกลุ่มของบริษัทฯ ผ่านพื้นที่ค้าปลีกของบริษัทภายใต้กลุ่ม JMART, การขยายจุดรับสินค้า (Pick-upCounters) และจุดให้บริการ (Service Points) ของ JMART บนสถานีรถไฟฟ้า และการใช้เครือข่ายการขนส่งสินค้าของบริษัทในกลุ่ม VGI รวมไปถึงการปรับใช้เทคโนโลยีด้านการเงินที่ทันสมัยร่วมกับระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่ม

บริษัทฯ นอกจากนี้ การเข้าทําธุรกรรมในครั้งนี้ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ มากยิ่งขึ้นทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการลงทุนใน JMART ในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นและบริษัทฯโดยรวม
#3351


นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กรมการข้าวอยู่ระหว่างดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพและปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขึ้น วงเงิน 1,601 ล้านบาท  เพื่อยกระดับการผลิตเมล็ดพันธุ์จากเดิม กรมการข้าวสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ 86,000 – 96,000 ตัน ให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 34,000 ตัน รวมได้เป้าหมายการผลิตใหม่เป็น 120,000 ตัน

 แผนการดำเนินงานโครงการดังกล่าว จะประกอบด้วย 1. ชุดเครื่องชั่งบรรจุ พร้อมระบบจัดเรียงแบบอัตโนมัติ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานเพิ่มศักยภาพ จำนวน 20 ศูนย์ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา ลำปาง ลพบุรี พัทลุง เชียงใหม่ พะเยา กำแพงเพชร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อุดรธานี กาฬสินธุ์ แพร่ นครสวรรค์ สุรินทร์ ขอนแก่น สกลนคร ชลบุรี ราชบุรี สุโขทัย และสุราษฎร์ธานี

ปรับปรุงระบบไฟฟ้าควบคุมเครื่องจักร พร้อมอุปกรณ์ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานเพิ่มศักยภาพ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา ลำปาง พัทลุง เชียงใหม่ พะเยา กำแพงเพชร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อุดรธานี กาฬสินธุ์ แพร่ นครสวรรค์ สุรินทร์ ขอนแก่น สกลนคร ราชบุรี สุโขทัย และสุราษฎร์ธานี

ปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ ประจำโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์โรงงาน OECE จำนวน 5 ชุด ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวกำแพงเพชร ร้อยเอ็ด แพร่ นครสวรรค์ และราชบุรี 4.จ้างก่อสร้างอาคารปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานใหม่ จำนวน 4 แห่ง ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิษณุโลก นครราชสีมา ชัยนาท และสุโขทัยจัดซื้อและติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ โรงงานใหม่ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิษณุโลก นครราชสีมา ชัยนาท และสุโขทัย

โครงการเพิ่มศักยภาพและปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว จะเข้ามามีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมล็ดพันธุ์ ผ่านเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ ที่จะทำให้กรมการข้าวบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้


รวมทั้งช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19  ให้สามารถประกอบอาชีพเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ต่อไป โดยปัจจุบันไทยมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งประเทศเป็นจำนวนถึง 1,373,000 ตัน โดยแบ่งเป็น เมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรเก็บไว้ใช้เองปีละ 686,400 ตัน และเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรต้องการใช้ ซื้อนอกเหนือจากที่เก็บไว้ใช้เองปีละ 686,600 ตัน

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่าเพื่อแก้ปัญหาเมล็ดพันธุ์ข้าวไม่เพียงพอ กรมการข้าวได้หารือ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ศูนย์ข้าวชุมชน ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ อาทิ สมาคมรวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย เพื่อหาแนวทางการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดข้าว โดยแบ่งข้าวออกเป็น 5 ประเภท คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย ข้าวเจ้าพื้นนุ่ม ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และข้าวเหนียว

สำหรับแผนการปลูกข้าวของกรมการข้าวบนพื้นที่เพาะปลูกกว่า 60 ล้านไร่นั้น ตามหลักแล้วจะต้องใช้เมล็ดพันธุ์ 15 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ รวมมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ 900,000 ตันโดยประมาณ  แบ่งเป็น ข้าวหอมมะลิมีจำนวน 27 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 405,000 ตัน   ข้าวหอมไทยจำนวน 2.3 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 34,500 ตัน ข้าวเจ้าพื้นนุ่มจำนวน 2 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 30,000 ตันข้าวเจ้าพื้นแข็งจำนวน 17 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 255,000 ตันและข้าวเหนียวจำนวน 17 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน 255,000 ตัน
#3352


"วิโอเลต วอเทียร์" ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ "ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข (This Time)" บทเพลงรักฟีลกู้ดที่ทำให้อบอุ่นหัวใจ พร้อมชวนแฟนเพลงร่วมแชร์คลิปผ่านมุมมองความรักในแบบของตัวเอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 20,000 บาท ตั้งแต่วันนี้- 3 ก.ย. 64

หลังจากศิลปินลูกครึ่งสาวมากความสามารถ "วี-วิโอเลต วอเทียร์" ได้ปล่อยเพลง "กักตัว" ไปในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมสร้างปรากฏการณ์สุดปังดังไกลถึงนิวยอร์ก เพราะเจ้าตัวได้ขึ้น Digital Billboard ใจกลาง Times Square ภายใต้แคมเปญ "EQUAL" โครงการที่ส่งเสริมความเท่าเทียมให้กับผู้หญิงในวงการเพลงทั่วโลก นับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่เธอสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเลยก็ว่าได้ งานนี้ต้องขอขอบคุณ "Spotify" ที่มอบโอกาสดี ๆ ให้กับเธอ

วิโอเลต วอเทียร์ - ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข
วิโอเลต วอเทียร์ - ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข

ล่าสุด วี วิโอเลต ชวนสัมผัสเพลงรักดนตรีฟีลกู้ด กับมุมมองที่เราไม่ค่อยได้เห็นจากเธอ ที่จะทำให้คนฟังรู้สึกอบอุ่นหัวใจ กับซิงเกิลล่าสุดที่ชื่อว่า "ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข (This Time)" ที่จะพาแฟนเพลงหลุดเข้าไปอยู่ในภวังค์ของความรักสุดโรแมนติก

ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข (This Time) เป็นเพลงป็อปสไตล์ฟีลกู้ด ที่ วิโอเลต วอเทียร์ แต่งเนื้อร้องเองทั้งหมด ถ่ายทอดเรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์ และลายเซ็นทางดนตรีในแบบฉบับของเธอที่ทุกคนคุ้นเคย รวมไปถึงการเขียนเพลงในภาษาที่ไม่เหมือนใคร แต่ยังคงความเป็นตัวเธอเอง

โดย วี วิโอเล็ต กล่าวว่า "ไม่มีอะไรที่จะอยู่กับเราไปตลอด แต่อยากให้ทุกช่วงเวลาแห่งความสุขแบบนี้อยู่กับเราไปนาน ๆ" เหมือนเนื้อเพลงที่ร้องว่า "ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข วันนี้ฉันมีความสุข เราคบกันนาน ๆ ได้ไหม"

วิโอเลต วอเทียร์ - ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข
วิโอเลต วอเทียร์ - ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข

นอกจากนี้เธอยังคงร่วมงานกับโปรดิวเซอร์คู่ใจอย่าง "โหน่ง-วิชญ วัฒนศัพท์" อีกเช่นเคย เชื่อว่าใครที่ได้ฟังจะตกหลุมรักไปพร้อม ๆ กับเพลงนี้แน่นอน

ขณะที่อีกหนึ่งจุดเด่นที่แฟนเพลงไม่ควรพลาด คือ MV ที่จัดเต็มทั้งโปรดักส์ชั่น แสง สี โดยเฉพาะมู้ดอารมณ์ในช่วงที่พระอาทิตย์ตกดิน ที่แฟนเพลงจะได้เห็นความอบอุ่นสุดละมุนของแสงจากพระอาทิตย์

งานนี้ วี วิโอเลต ลงทุนไปเรียนขับรถเกียร์กระปุกเป็นครั้งแรก เพื่อให้ภาพออกมาดูสมจริงในซีนที่เธอต้องขับรถวินเทจด้วยตัวเอง และยังได้ผู้กำกับมืออาชีพอย่าง "พี่แม้ว" ผู้ที่เคยทำ MV "Brassac" และ "I'd Do It Again" ซึ่งมีเอกลักษณ์เข้าใจง่ายสอดแทรกใน MV จากอดีตสู่ปัจจุบันที่มรความสุข

วิโอเลต วอเทียร์ - ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข
วิโอเลต วอเทียร์ - ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข

นอกจากนี้สาว วี-วิโอเลต ยังชวนแฟนเพลงร่วมสนุกในแคมเปญ "ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข" โดยผู้สนใจสามารถร่วมแชร์คลิปวิดีโอโมเม้นท์น่ารัก ๆ ไม่ว่าช่วงเวลาแห่งความสุขของตัวเองนั้น จะทำอะไร หรืออยู่กับใคร (คู่รัก กลุ่มเพื่อน ครอบครัว คู่พี่น้อง สัตว์เลี้ยงตัวโปรด อาหารที่ชอบ หรือรูปแบบไหนก็ได้ที่ทำให้คุณมีความสุข) ในรูปแบบฉบับที่เป็นตัวของตัวเอง พร้อมติด Hashtag #ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข

แคมเปญนี้สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ – 3 ก.ย. 64 เพื่อชิงเงินรางวัลรวมมูลค่า 20,000 บาท

ขณะที่อีกหนึ่งความพิเศษของกิจกรรมนี้คือ คลิปที่ถูกคัดเลือกจะได้เป็นส่วนหนึ่งใน Special Video Clip ประกอบเพลง "ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข (This Time)" ร่วมกับเหล่านักแสดง และศิลปินเพื่อเป็นการให้กำลังใจ พร้อมส่งต่อพลังบวกให้กับทุกคนผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปด้วยกัน โดยทุกคนสามารถร่วมสนุกผ่านกติกาง่าย ๆ ดังนี้

กติกาการร่วมสนุก

- ร่วมอัดคลิปวิดีโอความยาว 15-30 วินาที
- ใช้เพลง "ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข" ท่อนฮุกเป็นเพลงประกอบคลิปเท่านั้น
- โพสต์คลิปลง TikTok, Facebook, หรือ IG Reels พร้อมติด Hashtag #ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข และตั้งค่าโพสต์เป็นสาธารณะ (สามารถโพสต์กี่ช่องทางก็ได้)
- Tag @UniversalMusicTh @VioletteWautier
- รางวัลเงินสด 1,000 บาท สำหรับคลิปที่โดนใจกรรมการมากที่สุด (ทั้งหมด 20 รางวัล)
- สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 กันยายน 2564
- ประกาศผลคลิปที่ได้รางวัล 6 กันยายน 2564 ผ่านทาง Violette Wautier Official Facebook Page
#3353


หลังจากสมาคมกีฬาฟุต.ฯ ประกาศแต่งตั้ง "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ซึ่งคลุกคลีอยู่ในวงการฟุต.ไทยมาถึง 15 ปี เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมฟุต.ชายชาติไทย ชุดใหญ่ และ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี (U-23) โดยมีภารกิจในการพาทีมฟุต.ชายทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เข้าร่วมการแข่งขันฟุต.อายุไม่เกิน 23 ปีชิงแชมป์เอเชีย 2022 รอบคัดเลือก, ทีมฟุต.ชายทีมชาติไทยชุดใหญ่เข้าร่วมแข่งขัน ฟุต.ชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2021 หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2021 และ ฟุต.เอเชียนคัพ 2023

โดย "มาดามแป้ง" ได้เผยถึงโอกาสในการขยับขึ้นไปรั้งตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุต.ฯ "แฟน.ถามมาหลายคนว่าในอนาคตแป้งจะลงรับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุต.หรือไม่ ตอนนี้คงตอบไม่ได้ ขอดูผลงานของตัวเองอีกครั้ง ถ้าผลงานดี มีคนสนับสนุน ถ้าทำวันนี้ได้ดีก็มีโอกาส ที่สำคัญอายุการทำงานของทีมบริหารชุดปัจจุบันยังเหลือเวลาอีกถึง 2 ปี"

"ต้องบอกว่าการที่แป้งเข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมครั้งนี้เพราะได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารของสมาคม ซึ่งหน้าที่ตรงนี้เปรียบเหมือนการเข้ามารับเผือกร้อนอยู่แล้ว คงยังไม่ถึงเวลาที่จะมองถึงตำแหน่งนายกสมาคมฟุต.อย่างแน่นอน"
#3354


ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนือง และถ้าดูจากข้อมูลวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา เทียบกับวันที่ 23 มี.ค. 2563 ซึ่งเป็นวันที่หุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงต่ำสุดจากวิกฤติโควิด-19 พบว่า ดัชนีหุ้น S&P500   ของสหรัฐฯ ปรับขึ้นมาเท่าตัวแล้ว ทำให้นักลงทุนเกิดคำถามตามมาว่า ถ้าอยากเข้าไปลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้ ยังสามารถลงทุนได้หรือไม่ หรือราคาแพงเกินไปแล้ว และถ้ายังลงทุนได้ ต้องเลือกลงทุนอย่างไร

• หุ้นสหรัฐฯ แพงไปหรือยัง
ในเรื่องนี้ สันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง มองว่า หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 แต่ถ้านับจากช่วงที่เริ่มฟื้นตัวจนถึงเวลานี้ (เดือน ส.ค. 2564) ก็ยังเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

ตัวแปรที่นักลงทุนชอบดูก่อนลงทุน คือ ราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ของหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูง แต่ก็มีแนวโน้มลดลง เพราะก่อนหน้านี้ หุ้นปรับขึ้นตามความคาดหวังของนักลงทุนที่มองไปถึงอนาคตที่สดใสโดยที่ผลประกอบการยังไม่ได้ดีขึ้นตาม เรียกว่า ราคา (P) มา แต่ผลประกอบการ (E) ไม่ได้ขยับตาม ทำให้หุ้นดูราคาไม่สมเหตุสมผล แต่หลังจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเริ่มดีขึ้น ดังนั้น  ก็จะทำให้ P/E ลดลง อีกประเด็นหนึ่ง คือ ในภาวะดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ค่า P/E ก็สามารถอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติได้

ที่สำคัญ คือ การจับจังหวะตลาดเป็นสิ่งที่ยากสำหรับนักลงทุน และที่ผ่านมา ผลงานตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง แต่กลับมีความผันผวนที่ค่อนข้างน้อย ดังนั้น   นักลงทุนก็ควรมีหุ้นสหรัฐฯ ไว้ในพอร์ต ไม่เพียงเฉพาะด้วยความใหญ่ของสหรัฐฯ ทั้งในแง่เศรษฐกิจที่มี     ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 22.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 4 ของทั้งโลก หรือตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มูลค่า บริษัทจดทะเบียนรวมกันเกินครึ่งหนึ่งของทั้งโลก แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุด คือ บริษัทที่คิดค้นนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบริษัทในสหรัฐฯ และบริษัทเหล่านี้เอง คือ ผู้ขับเคลื่อนผลประกอบการที่ดี

• กลยุทธ์ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่เหมาะสม
แม้เราจะแนะนำว่า นักลงทุนยังเข้าลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ แต่เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่า ก็ควรวางกลยุทธ์การลงทุอย่างเหมาะสม โดยเรามองว่า การลงทุนแบบเชิงรุก หรือ Active โดยมุ่งเน้นคัดเลือกหุ้นเติบโตเหมาะกับการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เวลานี้  การลงทุนแบบนี้ สอดคล้องกับแนวทางลงทุนของกองทุนบัวหลวงที่เน้นเรื่อง good stock + good trade = good performance ที่เราเชื่อว่าการเลือกหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสม จะสร้างผลตอบแทน   ที่ดีในระยะยาว

ประเด็นต่อมา คือ จะเลือกหุ้นเติบโตอย่างไร ในเรื่องนี้ กองทุนบัวหลวง ขอยกตัวอย่างแนวทาง     ของกองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่า (B-USALPHA) กองทุนน้องใหม่ที่ขาย IPO วันที่ 17-24 ส.ค. นี้ ซึ่งจะไปลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Funds – US Growth Fund  เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ส่วนที่เหลือผู้จัดการกองทุนของกองทุนบัวหลวงจะคัดเลือกลงทุนหุ้นรายตัวในสหรัฐฯ เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโอกาสในการหาผลตอบแทน

หลักการค้นหาหุ้นเติบโตของกองทุนนี้ก็คือ มองหาหุ้นที่เติบโตสอดคล้องกับเทรนด์ระยะยาว เช่น เทคโนโลยี พลังงานสะอาด รวมทั้งหุ้นที่เติบโตตามวัฎจักรเศรษฐกิจ และสิ่งที่โดดเด่นของกองทุนนี้ก็คือ สามารถไปลงทุนได้หลากหลากอุตสาหกรรม ขึ้นอยู่กับว่าในช่วงนั้นๆ กองทุนมองเห็นโอกาสในกลุ่มไหน ซึ่งถือเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งที่ตอบโจทย์การลงทุนในยุคนี้ได้ดี ยุคที่ตลาดมีความซับซ้อนมากขึ้น มีเทคโนโลยี     เข้ามาเกี่ยวข้องกับการลงทุนมากขึ้นนี่คือ คำแนะนำจากกูรูของกองทุนบัวหลวงว่า ทำไมจึงยังลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว   หากสนใจลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สามารถลงทุนผ่าน B-USALPHA กองทุนน้องใหม่ที่กำลังเปิดขาย IPO ระหว่างวันที่ 17-24 ส.ค.2564 นี้ได้
#3355


วันนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อ ผู้ที่ได้รับทุนได้ที่ www.มิสทินสู้โควิด.com ประกาศครั้งที่ 2 จำนวน 3,000 ทุน เวลาเที่ยง

คลิกที่นี่ 

"มิสทินสู้โควิด" สามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ในวันที่ 23 ส.ค. 64

วิธีตรวจสอบสิทธิ์

1. คลิกที่นี่ หรือเข้าเว็บไซต์ มิสทินสู้โควิด.com
2. คลิกปุ่ม ตรวจสอบสิทธิ์
3. กรอกเลขที่บัตรประชาชน
4. คลิกปุ่ม ตรวจสอบสิทธิ์
5. แสดงผล


ทั้งนี้ เครื่องสำอางมิสทิน และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ ตั้งงบ 10,000,000 บาท (สิบล้านบาท) สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเวลานี้

ทุน "มิสทินสู้โควิด" รวมมูลค่า 10,000,000 บาท มอบให้ครอบครัวละ 1 ทุน ทั้งหมด 5,000 ทุน (ขอสงวนสิทธิ์สำหรับที่อยู่และนามสกุลเดียวกัน) โดยแต่ละทุนประกอบด้วย เงินสด 1,000 บาท และ กล่องสินค้ามิสทินเพื่อดำรงชีพ มูลค่า 1,000 บาท

กรณีผู้ที่ตรวจสอบสิทธิ์และผ่านการพิจารณา ระบบจะแจ้งว่า "ชื่อ -นามสกุล"ได้รับเงินทุนมิสทินสู้โควิดมูลค่า 2,000 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

1. หลังจากประกาศผู้ได้รับพิจารณามอบทุนมิสทินสู้โควิดแล้ว ทางเครื่องสำอางมิสทิน และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ จะส่ง SMS ไปที่เบอร์ที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อเป็นการยืนยันผลการพิจารณา

2. การมอบเงินทุน เครื่องสำอางมิสทิน และมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ จะรับเงินทุน 1,000 บาท เข้าสู่บัญชีธนาคารตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ การโอนเงินจะดำเนินการในวันที่ 31 สิงหาคม 2564

3. การส่งกล่องยังชีพและเงื่อนไขการรับกล่องยังชีพ ซึ่งเครื่องสำอางมิสทินและมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ จะดำเนินการจัดส่งกล่องยังชีพให้ตามที่อยู่ที่ได้ลงทะเบียนไว้ โดยจะทำการจัดส่งตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2564 ถึง 30 กันยายน 2564 ผู้รับกล่องยังชีพจะต้องเป็นผู้ลงทะเบียน หรือ คนในครอบครัว หรืออาศัยอยู่ เลขที่บ้านที่ทำการลงทะเบียนไว้เท่านั้น หากผู้รับกล่องยังชีพ ไม่ใช่บุคคลที่ลงทะเบียนไว้ จะต้องยื่นสำเนาบัตรประชาชน พร้อมเซ็นกำกับเพื่อรับกล่องยังชีพ หากไม่มีสำเนา ทางเครื่องสำอางมิสทินและมูลนิธิ ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ ขอไม่นำส่งกล่องยังชีพ เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ์ ของผู้ที่ได้รับสิทธิ์มอบทุน

4. กรณีที่ได้รับสิทธิ์แต่ไม่ได้รับการโอนเงิน หลังจากวันที่ 31 สิงหาคม โปรดติดต่อ 02-118-5111 ได้ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.30 น.



อ้างอิง - www.มิสทินสู้โควิด.com , มิสทิน
#3356


โยโกฮาม่า เอฟ.มารินอส เปิดรังไล่ถล่ม เวกัลตะ เซนได ขาดลอย 5-0 ในศึกฟุต.เจลีก 2021 โดย "โก๋อุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายชาวไทยได้ลงสนามเป็นตัวสำรองในช่วงท้าย

การแข่งขันฟุต.เจลีกฤดูกาล 2021 นัดที่ 25 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา โยโกฮาม่า เอฟ.มารินอส เปิดสนามนิปปาซึ มิตซูซ่าว่า สเตเดียม รับการมาเยือนของ เวกัลตะ เซนได

เกมนี้ โยโกฮาม่า เอฟ.มารินอส ได้ประตูจาก เลโอ เซียร่า กองหน้าวชาวบราซิเลียนซัดแฮตทริคได้ในนาทีที่ 25, 62, 70 และ มาร์กอส จูเนียร์ ในนาทีที่ 67 ก่อนที่ช่วงเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+4 เจ้าถิ่นมาได้ประตูปิดท้ายจาก จุน อามาโนะ โดย ธีราทร บุญมาทัน ลงสนามในนาทีที่ 78

ทำให้จบเกม โยโกฮาม่า เอฟ.มารินอส เก็บเพิ่ม 3 แต้ม รั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงหลังลงเตะ 25 นัด มี 59 แต้ม ตามหลังจ่าฝูง คาวาซากิ ฟรอนเตเล่ 3 แต้ม
#3357


แบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุ นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร และในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทเค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน)หรือ KWM ขายหุ้น KWM เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2564 จำนวน 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5.95% จากเดิมที่ถือหุ้นจำนวน 210.5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 50.11% 

ทั้งนี้การขายหุ้นดังกล่าว ขายจำนวน 3 ครั้ง โดยเป็นการขายบนกระดานรายใหญ่ (บิ๊กล็อต)แบ่งเป็น เมื่อวันที่ 17 ส.ค.จำนวน 10 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 4.16 บาท วันที่ 18 ส.ค. ขายจำนวน 10 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 4.28 บาท และวันที่ 19 ส.ค. ขายอีก 5 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 4.42 บาท รวมมูลค่า 106.50 ล้านบาท

สำหรับภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้ทำให้นายเอกพันธ์เหลือถือหุ้นจำนวน 185.50 ล้าน หุ้น หรือคิดเป็น 44.16%

อนึ่ง KWM ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร ได้แก่ ใบผาล โครงผาล ใบเกลียวลำเลียง และใบดันดิน ซึ่งในปีนี้ได้แตกไลน์มาสู่ธุรกิจให้บริการเครื่องสกัดกัญชง-กัญชา 

ขณะที่เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2564 บริษัทย่อย คือ บริษัท เค. ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามร่วมกับ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร หรือ (SCIRMUTP ) และ บริษัท ดัทโค คอนสตรัคชั่น จำกัด หรือ (DUTCO) ในโครงการ "การศึกษาวิจัยกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์" 
#3358


นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากประกาศใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรการ 9 แห่งพรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 30) ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2564 และประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 39) ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2564 มีคำสั่งให้ขยายเวลาล็อคดาวน์แคมป์ จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 สำหรับแคมป์คนงานที่เคยมีคำสั่งปิดและยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ตามมาตรฐานทางสาธารณสุข พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย จึงมีนโยบายให้กระทรวงแรงงานติดตามช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารแก่แรงงานต่างด้าวที่ทำงานในกิจการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง


"จากผลการดำเนินงานโครงการให้ความช่วยเหลือคนต่างด้าว ด้านอาหาร (ระยะที่1) นอกจากบรรเทาความเดือดร้อนให้คนต่างด้าวในแคมป์ก่อสร้างแล้ว ยังสามารถช่วยกลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้ารายย่อยที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงมอบหมายกรมการจัดหางาน จัดทำโครงการให้ความช่วยเหลือฯ ระยะที่ 2 ต่อไป เป็นเวลา 11 วัน จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เป้าหมาย 440,000 กล่อง โดยสนับสนุนอาหารวันละ 2 มื้อ แจกจ่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ได้แก่ ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรปราการ" รมว.แรงงาน กล่าว
#3359


เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ และประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ขณะนี้ใกล้ถึงกำหนดที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอกำหนดอัตราภาษีบุหรี่ใหม่ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศบังคับใช้ในเดือนตุลาคมนี้ แทนระบบภาษีที่ใช้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 ซึ่งระบบภาษีที่ใช้อยู่ในขณะนี้คือ เป็นระบบ 2 อัตรา คือ บุหรี่ที่มีราคาขายปลีกต่ำกว่าซองละ 60 บาท เก็บภาษีร้อยละ 20 และบุหรี่ที่มีราคาขายปลีกสูงกว่า 60 บาท เก็บภาษีร้อยละ 40 โดยระบบภาษีปัจจุบันมีจุดอ่อนที่เปิดโอกาสให้บริษัทบุหรี่ลดราคาขายปลีกลงมาเท่ากับหรือต่ำกว่าซองละ 60 บาท เพื่อเสียภาษีน้องลง ทำให้ราคาขายปลีกเฉลี่ยลดลง รัฐบาลเก็บภาษีได้ลดลง ทำให้จากการประเมินผลของของศูนย์ภาษียาสูบ มหาวิทยาลัยชิคาโก ให้คะแนนมาตรการภาษีบุหรี่ของไทยอยู่ที่ 1.75 จาก 5 คะแนนเต็ม ถือว่าไทยสอบตก

ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า ขณะที่การจัดเก็บภาษียาเส้นเก็บในอัตราที่ต่ำมาก ทำให้ราคาขายปลีกบุหรี่ยาเส้นต่อซองต่ำกว่าบุหรี่ซิกาแรต 6-7 เท่า คือราคายาเส้นซองละ 10-12 บาท เทียบกับบุหรี่ซิกาแรตราคาถูกที่สุดซองละ 60 บาท ดังนั้น ระบบภาษียาสูบที่ไทยใช้อยู่ จึงไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายควบคุมยาสูบโลก ที่แนะนำให้ใช้ภาษีอัตราเดียว และยาสูบต่างชนิดกันต้องมีระดับภาษีที่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ราคาขายไม่แตกต่างกันมาก เพราะคนสูบบุหรี่จะหันไปสูบยาเส้นราคาถูก แทนที่จะเลิกสูบ ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของภาษียาสูบ ที่สร้างเงื่อนไขที่จะทำให้คนเลิกสูบหรือสูบน้อยลง และป้องกันไม่ให้เด็กเข้ามาเสพติดบุหรี่ ราคายาเส้นที่ถูกมาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กและเยาวชนเข้ามาติดบุหรี่



"ระบบภาษียาสูบของกระทรวงการคลังในปัจจุบัน ทำให้เก็บภาษีได้ไม่มากเท่าที่ควรจะเก็บได้ และการสูบบุหรี่ก็ไม่ได้ลดลง ขณะที่รัฐบาลก็ต้องรับภาระค่ารักษาพยาบาลคนไทยที่ป่วยจากการสูบบุหรี่ยาเส้น ไม่แตกต่างกันกับคนที่ป่วยจากบุหรี่ซิกาแรต โดยปัจจุบันมีคนสูบบุหรี่ราว 10 ล้านคน ในจำนวนนี้เกือบ 5 ล้านคนสูบบุหรี่ยาเส้น จึงหวังว่า การปรับโครงสร้างภาษีของไทยครั้งใหม่นี้ จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ทำให้ได้นโยบาย วินวิน คือ จะช่วยชีวิตคนไทยนับหมื่นนับแสนคนจากการที่เลิกสูบบุหรี่ได้ และป้องกันเด็กนับแสนคนจากการเสพติดบุหรี่ (วิน) นอกเหนือจากการที่กระทรวงการคลังจะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น (วิน) เป็นรายได้ให้กับรัฐบาล" ศ.นพ.ประกิต กล่าว

ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า มีหลักฐานจากประเทศต่างๆ ตรงกันว่า การที่จะทำให้ประชากรสูบบุหรี่ลดลงคือการขึ้นภาษีเป็นมาตรการสำคัญที่สุด ภาษีมีส่วนทำให้การสูบบุหรี่ลดลงประมาณ 50% และอีก 50% เป็นผลจากการดำเนินมาตรการอื่นๆ ทั้งหมดรวมกัน เช่น ห้ามโฆษณา ห้ามสูบในที่สาธารณะ การรณรงค์ การรักษาให้เลิกสูบบุหรี่ ฯลฯ โดยในอิสราเอล สมาคมมะเร็งและองค์กรควบคุมยาสูบได้ฟ้องศาล ขอให้ศาลสั่งการให้กระทรวงการคลังขึ้นภาษียาเส้น ให้ใกล้เคียงกับภาษีบุหรี่ซิกาแรต และศาลสูงตัดสินให้กระทรวงการคลังต้องดำเนินการตามฟ้อง ทั้งที่อิสราเอลเก็บภาษีซิกาแรตสูงกว่าภาษียาเส้นต่างกัน 3 เท่า เทียบกับไทยที่ต่างกันถึง 6-8 เท่า ขณะที่ในอังกฤษเก็บภาษีบุหรี่ซิกาแรตซองละ 8 ปอนด์เศษ และภาษียาเส้น ซองละเกือบ 6 ปอนด์ ระบบภาษีของอังกฤษได้เกือบ 5 คะแนนเต็ม

(ข่าวประชาสัมพันธ์)
#3360


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ครั้งที่ 1/2564 (ครั้งที่ 250) ผ่านระบบ Zoom เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และน.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วม

น.ส.รัชดากล่าวว่า นายจุรินทร์ได้ให้นโยบายการดูแลเกษตรกรภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องเป็นไปอย่างครอบคลุม เข้าถึงปัญหาอย่างรวดเร็ว และดูแลอย่างเป็นธรรม โดยในปีงบประมาณ 2565 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน 2,562 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือสินค้าเกษตร 10 กลุ่มสินค้า ได้แก่ ผลไม้ พืชหัว พืชผัก ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปศุสัตว์ ประมง กล้วยไม้

สำหรับการช่วยเหลือ จะดำเนินการผ่านมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ 1.เพิ่มช่องทางระบายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต 2.เสริมสภาพคล่องด้านเงินทุน ชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ยืม เพื่อใช้ในการรับซื้อผลผลิตจากการเกษตรกรเพื่อจำหน่ายหรือเก็บสต๊อกไว้รอจำหน่าย 3.สร้างการรับรู้เพื่อเพิ่มการบริโภค กระตุ้นการบริโภค 4.ผลักดันและบริหารจัดการส่งออก เพื่อลดอุปทานส่วนเกินในประเทศ 5.ส่งเสริมด้านปัจจัยการผลิตเพื่อพัฒนาคุณภาพปรับคุณภาพและด้านทุนการผลิต ทั้งนี้ จะมีการกำหนดราคาเป้าหมายสินค้าเกษตรปี 2565 เพื่อกองทุนฯ จะได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป

ส่วนผลการดำเนินการในปีงบประมาณ 2564 นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563-15 ก.ค.2564 กองทุนฯ ได้จัดสรรงบประมาณไปแล้ว 2,100 ล้านบาท ในการดูแลเกษตรกรในกลุ่มสินค้าผลไม้ ไข่ไก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน พืชหัว พริก ข้าวเหนียว ปศุสัตว์ ประมง เป็นการช่วยเหลือผ่านการเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าออกนอกแหล่งผลิต ผลักดันการส่งออก และชดเชยดอกเบี้ยเพื่อการชะลอการจำหน่ายโดยการเก็บสต๊อก