• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - kaidee20

#9796


กลายเป็น TALK OF THE TOWN ในทันที่ สำหรับ "ฟ้าทะลายโจร" หลังจากมีข่าว "การถอนผลวิจัย" ที่ชื่อว่า "Efficacy and safety of Andrographis paniculata extract in patients with mild COVID-19: A randomized controlled trial" ของคณะวิจัยจากประเทศไทย ซึ่งกำลังได้รับการตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศ และเผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ "เมดอาซีฟ" (www.medrxiv.org) เว็บไซต์คลังงานวิจัยที่เป็นต้นฉบับที่ยังไม่ตีพิมพ์เกี่ยวกับการแพทย์ การทดลองทางคลินิก และวิทยาศาสตร์สุขภาพอื่น ๆ

งานวิจัยชิ้นนี้ เป็นผลงานของนักวิจัย 7 คน โดย 5 คนมาจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข อีก 2 คนมาจากโรงพยาบาลสมุทรปราการ และสาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

เมื่อเรื่องปรากฏต่อสาธารณชน ความสับสนอลหม่านก็เกิดขึ้นไปทั่วประเทศ เนื่องจากเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา "คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ" ได้เพิ่มยาสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร และยาจากผงฟ้าทะลายโจร เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ให้เป็นยาที่ใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อย และประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาต่างก็พากันไปซื้อฟ้าทะลายโจรมาใช้เป็นจำนวนมาก

กระทั่ง "พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์" อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ว่า การขอถอนข้อมูลงานวิจัยชิ้นดังกล่าวไม่ได้เป็นการถูกปฏิเสธจากวารสารวิชาการ แต่นักวิจัยไทยได้ขอถอนงานวิจัยกลับมาชั่วคราว เนื่องจากพบ "ความผิดพลาดของสถิติหนึ่งจุด" และระบุว่าผลลัพธ์การทดลองที่มีความคลาดเคลื่อนทางสถิติดังกล่าวไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิธีการกินยาหรือจ่ายยาฟ้าทะลายโจรในกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19

หรือแปลไทยเป็นไทยก็คือ ยังสามารถใช้ "ฟ้าทะลายโจร" ในการต่อสู้กับโควิด-19 ได้ต่อไป

อย่างไรก็ดี ถ้าหากสังคมพินิจพิเคราะห์ "ปรากฏการณ์ถอนงานวิจัยฟ้าทะลายโจร" ที่เกิดขึ้นก็จะพบ "ความผิดปกติ" โดยเฉพาะกรณี "ความผิดพลาดของสถิติจุดหนึ่ง" ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กับ "งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์" ที่ต้องมีความแม่นยำก่อนที่จะเผยแพร่ผลงานออกไปสู่สาธารณชน ยิ่งเป็นการตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศด้วยแล้ว ยิ่งไม่ใช่เรื่องที่จะทำ "มั่วซั่ว" ได้ เพราะต้องไม่ลืมว่านี่คือ "งานวิจัยทางการแพทย์ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์" ซึ่งไม่ใช่ "งานวิจัยทางสังคมศาสตร์" ที่สามารถมีข้อโต้แย้งในภายหลังหากพบ "หลักฐานใหม่"

หลายคนตั้งคำถามว่า หรือจะเป็นเพราะ "คณะวิจัย" ทำด้วย "ความเร่งรีบ" หรือทำงานภายใต้ "ภาวะกดดันบางประการ" จนทำให้เกิด "ความผิดพลาดของสถิติหนึ่งจุด" ซึ่งก็มีความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้

ขณะที่อีกหลายคนก็อาจตั้งคำถามว่ามี "อะไรในกอไผ่" หรือไม่ดังสมมติฐานและเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น เหมือนดังที่ "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ตั้งคำถามเอาไว้ว่า "มีคำถามอยู่ว่างานระดับที่ป้อนข้อมูลและใช้การคำนวณโดยโปรแกรมเช่นนี้ เกิดความผิดได้อย่างไร? จนถึงขั้นแปลผลผิดจากแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ กลายเป็นแตกต่างกันแต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ" (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมหน้า 48)

ทีนี้ มาดูรายละเอียดในงานวิจัยชิ้นนี้กันว่า เป็นอย่างไร

พญ.อัมพร อธิบายรายละเอียดเอาไว้ว่า งานวิจัยนี้นี้เริ่มต้นในช่วงที่ยังไม่มียาตัวใดเลยที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการว่าสามารถฆ่าไวรัสโคโรนาหรือรักษาโรคโควิด-19 ได้โดยตรง จึงมีการทดลองและเก็บข้อมูลการใช้ยาชนิดต่าง ๆ ที่คาดว่าจะใช้รักษาโควิดได้ เช่น ฟาวิพิราเวียร์ เรมเดซิเวียร์ และสมุนไพรฟ้าทะลายโจร โดยเป็นการทดลองแบบสุ่มโดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบ ใช้ผู้ป่วยโควิดอาการเล็กน้อยอายุตั้งแต่ 18-60 ปี จำนวน 57 คน ที่ยืนยันการตรวจพบเชื้อไวรัสด้วยวิธี RT-PCR แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งกินสารสกัดฟ้าทะลายโจร อีกกลุ่มกินยาหลอก หรือเม็ดยาเปล่า ๆ ที่ไม่ได้มีฟ้าทะลายโจร

"พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์" อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
"พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์" อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

จากผู้ป่วย 57 ราย ในกลุ่มผู้ได้รับสารสกัดฟ้าทะลายโจร 29 ราย ไม่พบอาการปอดอักเสบ แต่ในกลุุ่มที่ได้ยาหลอก 28 ราย พบอาการปอดอักเสบ 3 ราย คิดเป็น 10.7%

สำหรับเรื่องความคงอยู่ของตัวไวรัสในวันที่ 5 พบผู้ป่วยกินสารสกัดฟ้าทะลายโจร ใน 29 ราย ไวรัสอยู่แค่ 10 ราย (34.5%) ส่วนผู้ป่วยกลุ่มกินยาหลอก 28 ราย เจอว่าไวรัสยังอยู่ 16 ราย (57.1%)

ขณะที่ในเรื่องความคลาดเคลื่อนนั้นอยู่ที่ค่านัยสำคัญทางสถิติในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้ยาหลอกในการทดลอง โดยค่านัยสำคัญทางสถิติที่คำนวณได้ครั้งแรกมีความคลาดเคลื่อน กล่าวคือตอนแรกคำนวณได้ว่าเป็น 0.03 และได้นำเสนอไป แต่เมื่อได้กลับพิจารณาอีกครั้ง จึงค้นพบว่ามีจุดอ่อนอยู่จุดหนึ่งแทนที่จะเป็น 0.03 ก็เป็น 0.112 หรือหมายความว่า หากมีการทดลอง 100 ครั้ง การค้นพบว่าผลลัพธ์คงเดิมจะอยู่ที่ประมาณ 97 ครั้ง ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจมาก แต่ตัวเลขที่คำนวณถูกต้อง หรือ 0.112 จะหมายความได้ว่า หากมีการทดลอง 100 ครั้ง ผลลัพธ์ที่เจอว่าเหมือนเดิมจะอยู่ที่ 90 ครั้ง ความคงที่จะลดลงมาในระดับหนึ่ง

วิญญูชนก็น่าจะ "คิด วิเคราะห์ แยกแยะ" พร้อมตั้งคำถามได้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย

เอาเป็นว่า หลังจากที่ถอนผลวิจัยออกมาแล้ว คงต้องติดตามกันต่อไปว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับการปรับปรุง "ความผิดพลาดทางสถิติหนึ่งจุด" ดังกล่าว การวิจัยจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่และจะมีการนำเสนอเพื่อกลับไปตีพิมพ์เหมือนเดิมด้วยข้อมูลที่ออกมาในลักษณะไหน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ "ไม่อาจกระพริบตา" ได้เลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่ติดตามเรื่องฟ้าทะลายโจรมาอย่างต่อเนื่อง คงต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะ "ด้อยค่าฟ้าทะลายโจร" จาก "แพทย์แผนปัจจุบัน" ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่ "นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์" ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว ซึ่งออกมาโพสต์เรื่องการถอนผลวิจัยฟ้าทะลายโจรเป็นรายแรกๆ จนต้องออกมาโพสต์แก้ไขซ้ำอีกครั้ง

นพ.สันต์โพสต์เอาไว้ว่า "คณะผู้วิจัยชาวไทยที่ทำวิจัยฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดได้ขอถอนต้นฉบับของตัวเองกลับออกมาจากเว็บไซต์งานวิจัยรอตีพิมพ์ (medRxiv) เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดในการคำนวณเชิงสถิติในประเด็นการคิดค่านัยสำคัญทางสถิติ (p-value) คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ตัดเอาบทความของตนครึ่งบรรทัดไปโพนทะนาผ่านทางหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ ว่า ฟ้าทะลายโจรใช้รักษาโควิดไม่ได้ ผลเสียแล้วควรต้องเลิกใช้ ซึ่งเป็นการตัดบทความเอาไปแค่บรรทัดเดียวแล้วเอาไปกระเดียดที่ได้ผล ทั้งนี้ ตนขอแก้ไขคำพูดใหม่ เป็นหลักฐานวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนให้ใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด-19 ในคนยังมีไม่มากพอ เพราะยังขาดงานวิจัยระดับ RCT จึงต้องทำวิจัยซ้ำโดยการขยายกลุ่มตัวอย่างให้ใหญ่ขึ้น เพราะการที่กลุ่มตัวอย่างเล็กได้ค่า p มากกว่า 0.05 ก็บอกได้แค่ว่ายังบอกไม่ได้ว่าความแตกต่างในผลการรักษา คือการเกิดปอดบวม ในทั้งสองกลุ่มมันต่างกันจริงหรือไม่ การจะรู้ได้ก็ต้องมีกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่กว่านี้ ไม่ได้บ่งชี้ว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด-19 ไม่ได้ผล ซึ่งยาคู่แข่งกันที่ใช้ในเมืองไทยอีกตัว คือ Favipiravir ก็มีข้อมูลน้อยประมาณเดียวกัน คือทุกอย่างติดอยู่ที่ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ"

"แต่ฟ้าทะลายโจรมีความพิเศษกว่า Favipiravir ตรงที่แค่ทำวิจัยซ้ำขยายกลุ่มตัวอย่างให้ใหญ่ขึ้นอีกนิดเดียว ก็จะเห็นดำเห็นแดงแล้วว่าได้ผลหรือไม่ได้ผลต่างจากยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ อีกทั้งฟ้าทะลายโจรเป็นพืชสามัญในท้องถิ่น หาง่ายกว่า ราคาถูกกว่า มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของชาติมากกว่า ในแง่การค้าขายระดับนานาชาติ หากจะขายฟ้าทะลายโจรก็ต้องมีงานวิจัยระดับ RCT สนับสนุน ตัวหมอสันต์จึงลุ้นตัวโก่งให้ทำงานวิจัยนี้ต่อให้เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำ โดยยินดีช่วยทุกอย่างเท่าที่หมอแก่คนหนึ่งจะช่วยได้"

หรือแม้กระทั่ง "กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก" เอง โดยเฉพาะตัว "อธิบดี" เองที่ให้สัมภาษณ์ในการแถลงข่าวเรื่องการถอนผลงานวิจัยเอาไว้ว่า "เราไม่ได้ต้องการให้เชื่อมั่นในฟ้าทะลายโจรจนเกินความพอดี ใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อโดยไม่ระมัดระวัง อันนี้ถือเป็นแรงกระตุกที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม" ซึ่งฟังดูแล้วต้องใช้คำว่า "แปลกๆ" ทั้งๆ ที่ "คณะทำงานหลัก" ของการวิจัยชิ้นนี้ก็มีถึง 5 คนที่มาจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเอง

คำว่า "อันนี้ถือเป็นแรงกระตุกที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม" หมายความว่า ดีแล้วที่มีการถอนการวิจัยออกมาเช่นนั้นหรือ?

แล้วที่เป็น "ดรามา" ไม่แพ้กันคือ "หมอแล็บคนดัง" ที่ไปแชร์ข้อความจากเฟซบุ๊กของแพทย์คนหนึ่ง พร้อมระบุว่า งานวิจัยฟ้าทะลายโจรชิ้นนี้ผู้วิจัยขอถอนออกไปแล้ว เพราะคำนวณสถิติผิดพลาด สรุปที่ถูกต้องสำหรับงานวิจัยนี้คือ "ฟ้าทะลายโจรไม่แตกต่างจากยาหลอก" ซึ่งมีคนวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียดอย่างที่ "หมอสันต์" ว่า จนเกิดปรากฏการณ์ "ทัวร์ลง" ทว่า "หมอแล็บคนดัง" ก็ออกมาโพสต์ข้อความในเพจว่า "เสียใจ หาฟ้าทะลายโจรมาให้ผู้ป่วยเยอะมาก ล่าสุดแชร์งานวิจัยที่ถูกถอนแค่งานวิจัยเดียว โดนหาว่าด้อยค่าฟ้าทะลายโจรไปอีกครับ ชีวิตอดสูมาก นอนแพ้บ"

แต่ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ เพราะความจริงก็คือ ในเฟซบุ๊กหมอแล็บคนดังได้ลบข้อความที่ระบุว่า "งานวิจัยฟ้าทะลายโจรชิ้นนี้ถูกถอดออกไปแล้วครับ เพราะคำนวณสถิติผิดพลาด สรุปที่ถูกต้องสำหรับงานวิจัยนี้คือ ฟ้าทะลายโจรไม่แตกต่างจากยาหลอก" ออกจากเพจไป ซึ่งมิอาจมองเป็นอื่นได้ว่า ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด ด้วยมีผู้ "แคปข้อความ" เอาไว้ได้เป็นหลักฐานชัดเจน

ความจริง ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โตมากนักสำหรับ "หมอแล็บคนดัง" ถ้าหากจะยอมรับความผิดพลาดอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่การที่แถไถและลบข้อความออกไป ทำให้นักเทคนิคการแพทย์ผู้นี้ถูกมองว่า "ด้อยค่าฟ้าทะลายโจร" อย่างที่เจ้าตัวบ่นพึมพำในเพจเฟซบุ๊กของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่สำคัญคือ การใช้คำว่า "ฟ้าทะลายโจรไม่ต่างจากยาหลอก" ถือเป็นคำที่นัยสำคัญมาก

ในทางการแพทย์ "ยาหลอก" (Placebo) ก็คือยาที่ถูกสร้างขึ้นมา โดยทำให้มีลักษณะ สี และขนาดต่าง ๆ ให้ดูคล้ายกับยาทั่วไป แต่ไม่มีสารออกฤทธิ์ทางการแพทย์ มีส่วนประกอบหลักที่ทำมาจาก แป้งหรือน้ำตาล จากนั้นก็นำไปให้ผู้ป่วยรับประทานเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ที่คนไข้มีอาการต่างๆ ดีขึ้น จากการให้ยาที่ไม่ได้มีตัวยาอยู่จริง โดยมีการนำมาใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1785

ที่สำคัญคือ ในการทดลองพบว่า ยาหลอกก็มีผลต่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้เช่นกันแม้ไม่มีสารออกฤทธิ์ทางการแพทย์

แต่ในความเข้าใจของประชาชนคนทั่วไป เมื่อเห็นคำว่า "ยาหลอก" มักเข้าใจว่าคือ "ยาปลอม" ซึ่งไม่ถูกต้อง

ดังนั้น การที่ใช้คำว่า "ไม่ต่างจากยาหลอก" จึงเสมือนเป็นการ "ด้อยค่าฟ้าทะลายโจร" ทั้งในทางการแพทย์คือมองว่าเป็นยาที่ไม่มีสารออกฤทธิ์กับโควิด-19 ทั้งในความรู้สึกของประชาชนที่อาจเข้าใจว่าเป็น "ยาปลอม" ไปเลยก็ได้

ทั้งๆ ที่มีผลวิจัยและผลการศึกษามากมายที่ยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยของฟ้าทะลายโจร หนึ่งในนั้นก็คือสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์

สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์เผยแพร่ผลการศึกษาเรื่อง "ฟ้าทะลายโจร" เอาไว้ดังนี้

"สืบเนื่องจากมีผู้เผยแพร่ข้อมูลว่าใช้ฟ้าทะลายโจรแล้วทำให้ตับพัง จากงานวิจัยฟ้าทะลายโจรในต่างประเทศที่ใช้ฟ้าทะลายโจรทั้งชนิดผงและสารสกัด ในการรักษาอาการหวัด หลอดลมอักเสบ ไม่มีรายงานว่าฟ้าทะลายโจรก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อตับ นอกจากนั้นในการศึกษาทางคลินิกเกี่ยวกับความปลอดภัยและการเปลี่ยนแปลงสภาพยาของการใช้ผงฟ้าทะลายโจรปริมาณ 12 แคปซูล (4.2 กรัม) ต่อวัน ติดต่อกัน 3 วัน (มีปริมาณสาร Andrographolide 97 มิลลิกรัมต่อวัน) ไม่พบว่าการทำงานของเอนไซม์ตับ AST (Aspartate Aminotransferase) และ ALT (Alanine Aminotransferase) ผิดปกติ (Suriyo et al., 2017) สำหรับการศึกษาความปลอดภัยและการเปลี่ยนแปลงสภาพยาของสารสกัดฟ้าทะลายโจรปริมาณ 9 แคปซูล ต่อวัน (มีปริมาณสาร Andrographolide ขนาด 180 มิลลิกรัมต่อวัน) [อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษา] ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นการเพิ่มทั้งขนาดและระยะวันการได้รับฟ้าทะลายโจร ก็ไม่พบการเปลี่ยนแปลงการทำงานของเอนไซม์ตับเช่นกัน

"แต่หากใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณสาร Andrographolide ในขนาดสูงถึง 360 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกัน 7 วัน จะพบการเปลี่ยนแปลงของ AST เล็กน้อย ในอาสาสมัคร 1 คนใน 12 คน ซึ่งค่าเอนไซม์ตับที่สูงขึ้นนี้จะกลับเป็นปกติภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนค่าเอนไซม์ ALT จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในอาสาสมัคร 4 คน ซึ่งคิดเป็น 33.33% แต่การทำงานของเอนไซม์ก็จะกลับเป็นปกติภายใน 1-3 สัปดาห์ ดังนั้นขนาดของสาร Andrographolide ที่เหมาะสม คือ 180 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 5 วัน จึงไม่ควรใช้ในขนาดและระยะเวลานานเกินกว่านี้

"เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมากที่ต้องการยารักษาโรคโควิด-19 และยาฟ้าทะลายโจรก็เป็นสมุนไพรที่ได้มีการศึกษาอย่างกว้างขวาง ทั้งกลไกการออกฤทธิ์ อาการข้างเคียง และการศึกษาในทางคลินิกในผู้ติดเชื้อจริง ทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน ซึ่งได้มีการใช้ในรูปแบบผง สารสกัด และการพัฒนาสารอนุพันธ์ Andrographolide ให้อยู่ในรูปแบบยาฉีด ดังนั้นหากมีการพบการติดเชื้อโควิด-19 จึงควรใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรทั้งรูปแบบผงและสารสกัดทันที ในขนาดและระยะเวลาที่ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นยาที่มีประโยชน์มากและมีความปลอดภัยในระดับที่รับได้ เป็นการช่วยลดภาระของรัฐบาลและช่วยระบบสาธารณสุขของชาติได้"

จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นเกี่ยวกับ "ฟ้าทะลายโจร" ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและเต็มไปด้วยอุปสรรคนานัปการ ฟันธงแบบไม่กลัว "ธงหัก" ได้เลยว่า สงครามโควิด-19 ซีซั่นใหม่นี้ ไม่อาจกระพริบตาด้วยมีความลึกลับซับซ้อนและปริศนาในทุกมิติเลยทีเดียว.
#9797


นางสาวพัทธ์หทัย กุลจันทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลภายใต้แบรนด์ กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติม หลังจากจบมาตรการพักหนี้ ในการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยระยะเวลา 2 เดือนของธปท. 

ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยลดภาระหนี้ในกลุ่มลูกค้าที่ยังคงได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  โดยเฉพาะลดภาระจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งจะออกเป็นมาตรการใหม่ นอกเหนือจากมาตรการของบริษัทและธปท.ที่ให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว  เพราะมองว่าการพักหนี้ยังไม่ตอบโจทย์มากนัก เพราะหนี้รวมและหนี้ดอกเบี้ยไม่ได้ลดลง

  ดังนั้นบริษัทจึงพยายามคิดหามาตรการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติมเอง  สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ยังได้รับผลกระทบรุนแรงจากโควิด-19อยู่ หลังทางธปท. ให้แนวทางมา หากหมดมาตรการพักหนี้ 2เดือนแล้ว สถานการณ์ประเทศยังไม่ดีขึ้น

"ลูกค้าของเราส่วนใหญ่เป็นแฟนพันธุ์แท้กันมานาน หากยังได้รับผลกระทบรุนแรงจากโควิด-19อยู่ ก็ต้องหาทางช่วยเหลือลดภาระหนี้อย่างไรได้บ้าง ไม่ให้พึ่งเงินกู้นอกระบบ  ซึ่งตามที่ทางธปท.ให้แนวทาง เราสามารถทำมาตรการช่วยเหลือใหม่ๆ โดยระบุกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักได้เอง ขณะที่มาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ยังคงอยู่ต่อเนื่อง" 

ลูกค้าลงทะเบียนพักหนี้แล้วหมื่นราย

    ปัจจุบันบริษัทให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่าน 4 มาตรการ คือ มาตรการพักหนี้นานสูงสุด 2 รอบบัญชี ของธปท. เริ่มให้ลูกหนี้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยเปิดสมัครขอความช่วยเหลือผ่านแอพฯ ยูชูส ตั้งแต่ 19 ก.ค.2564-18 ส.ค. 2564 ปัจจุบันมีลูกค้าของพักหนี้ จำนวน 10,000 ราย และยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมองว่าหากหมดมาตรการนี้ จำเป็นต้องมีมาตรการใหม่มาดูแลกลุ่มลูกค้าที่ยังได้รับผลกระทบรุนแรงอยู่ 

     ส่วนอีก 3 มาตรการช่วยเหลือของบริษัท ได้แก่   1.ปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ ตั้งแต่ 30 พ.ค.- 31 ธ.ค.2564  บัตรเครดิตขยายระยะผ่อนถึึง 48 เดิือน พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ และสินเชื่อบุคคล ขยายระยะผ่อนถึง99เดือน พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ    2. ปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้าที่มียอดค้างชำระ ขยายระยะเวลาผ่อนสูงสุด10ปี หรือ 120เดือน พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งแตกต่างไปตามยอดคงค้างของลูกค้า และ3 .ปรับลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ ปรับจาก5%เหลือ3% ดีกว่าตลาดที่ปรับจาก10%เหลือ5% สำหรับสินเชื่อบุคคล ส่วนบัตรเครดิตปรับจาก 10% เหลือ 5%  

      ทั้งนี้พบว่า ตั้งแต่ปีก่อนจนถึงปัจจุบันลูกค้าเข้ามาขอความช่วยเหลือทุกมาตรการของบริษัท ไม่รวมพักหนี้ธปท. จำนวน  900,000 ราย คิดเป็นสัดส่วน 50% ของยอดบัญชีลูกค้า active และมียอดหนี้ 35,000ล้านบาท  โดยมาขอช่วยเหลือปรับลดการผ่อนชำระขั้นต่ำมากที่สุด จำนวน 600,000 ราย ลดภาระหนี้ให้กับลูกค้า ส่วนปรับโครงสร้างหนี้ 2 มาตรการมีจำนวน 110,000 ราย มียอดหนี้ 5,000-6,000ล้านบาท

โดยกลุ่มลูกค้าที่ขอความช่วยเหลือมากที่สุด เพราะมีรายได้ลดลงจากผลกระทบโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ อยู่ในจังหวัดสีแดงเข้ม ต้องธุรกิจปิดชั่วคราวและมีรายได้ไม่แน่นอน ซึ่งสัดส่วน80% ของฐานลูกค้าทั้งหมดเป็นกลุ่มมนุษย์เงินเดือน ซึ่งไม่มีผลกระทบจากเลิกจ้าง   

"เมืองไทยแคปปิตอล พร้อมร่วมมือธปท." 

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเมืองไทย แคปปิตอลจำกัด (มหาชน) หรือ MTC กล่าวว่ามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมหลังหมดมาตรการพักหนี้ 2 เดือนนั้น ทางบริษัทยังรอประกาศจากทาง ธปท.ก่อน และยินดีจะให้ความร่วมมือกับ ธปท.อย่างเต็มที่ จากปัจจุบันมีลูกค้าขอช่วยเหลือพักหนี้กับบริษัทจำนวน 25,023 ราย อนุมัติให้ทุกราย
#9799
สนใจติดต่อคุณเป้ง 087-347-6299
https://gladnessaccounting.co.th

สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  สำนักงานบัญชีไทรน้อย  สำนักงานบัญชีปากเกร็ด  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีพิมลราช  สำนักงานบัญชีบางคูรัด  สำนักงานบัญชีบางรักพัฒนา  สำนักงานบัญชีบางแม่นาง  สำนักงานบัญชีบางกร่าง  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีตลาดขวัญ  สำนักงานบัญชีบางตะไนย์  สำนักงานบัญชีบางพลับ  สำนักงานบัญชีบางรักน้อย  สำนักงานบัญชีมหาสวัสดิ์  สำนักงานบัญชีศาลากลางนนทบุรี  สำนักงานบัญชีอ้อมเกร็ด  สำนักงานบัญชีแจ้งวัฒนะ  สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีถนนบางไกรใน  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีบางคูเวียง  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#9800


2 นักแสดงนำ ช่อง 7HD อ๊อฟ-ชนะพล สัตยา และ มุกดา นรินทร์รักษ์ ผลงานโดดเด่น ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในงาน Content Asia Awards 2021 ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ระดับเอเชีย ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง โดยนิตยสาร Content Asia ผู้รวบรวม และนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดคอนเทนท์ในภูมิภาคเอเชีย

โดย อ๊อฟ-ชนะพล ถูกเสนอชื่อเช้าชิงรางวัล Best Male Lead in a TV Programme จากการสวมบท กาญจน์ พี่ใหญ่สุดเด็ดเดี่ยวแห่งห้วยเสือร้อง จากละครเรตติงเฉลี่ยสูงสุดของปี 2564 เรื่อง ทางเสือผ่าน ส่วน มุกดา นรินทร์รักษ์ ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Best Female Lead in a TV Programme กับบท ปารมิตา จากละคร โซ่เวรี ที่ได้พลิกบทบาทสุดท้าทายในบทสาวอนาคตไกล ที่ชีวิตพลิกผันมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ซึ่งละครแรงทั้งเรตติ้งและกระแสความนิยม ได้รับคำชื่นชมมากมาย และติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับต้น ๆ ของประเทศไทยเกือบทุกอีพี

ซึ่งทั้ง ทางเสือผ่าน และ โซ่เวรี เป็นละครคุณภาพของ ช่อง 7HD ที่ประสบความสําเร็จ ทั้งกระแส และเรตติ้ง จนเป็นที่ยอมรับระดับเอเชีย

แฟน ๆ ร่วมลุ้นการประกาศผลรางวัลนี้ได้ใน วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม นี้ เวลา 17.30 น. ทาง Facebook Live : ContentAsia และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : ContentAsia หรือ https://www.contentasiaawards.com

และติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ทางช่อง 7HD กด 35 ทาง Facebook, IG, Twitter : Ch7HD และทาง Bugaboo.tv
#9802


เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เผยแพร่การขึ้นทะเบียนชุดตรวจสำหรับ COVID-19 ประเภท Rapid Test Antigen หรือ Antigen Test Kits 'ATK' แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen Test Self-Test Kits)

โดย 'ATK' ที่ได้รับการอนุญาตให้ผลิต/นำเข้า ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2564 จำนวน 34 รายการ ทั้งจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐฯ สเปน และสวิตเซอร์แลนด์ โดยแสดงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน ระบุชื่อบริษัทผู้นำเข้า วันเดือนปีที่ได้รับอนุญาต เลขที่ใบรับรอง และคิวอาร์โค้ด พร้อมคลิปแนะนำขั้นตอนการใช้

หนึ่งในนั้นเป็นของ บริษัทออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นลำดับที่ 4 นำเข้าชุดตรวจ ATK ของบริษัท Beijing Lepu Medical Technology จากประเทศจีน เลขที่ใบรับรองประเมินเทคโนโลยี T6400123 ซึ่งเมื่อวันที่ 10 ส.ค.องค์การเภสัชกรรม

(จีพีโอ) ได้เปิดซองราคาตามที่ได้รับมอบหมายจากโรงพยาบาลราชวิถี ให้ดำเนินการจัดหา ชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen self-test Test Kits : ATK) จำนวน 8.5 ล้านชุด เป็นการเร่งด่วน ตามโครงการพิเศษของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำหรับให้ประชาชนใช้ตรวจคัดกรองเชิงรุก เพื่อค้นหาผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษารวดเร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรค


ปรากฏว่าบริษัทออสแลนด์ แคปปิตอล จำกัด เป็นผู้ที่เสนอราคาต่ำสุด โดยเสนอราคาต่ำกว่าวงเงินงบประมาณที่ สปสช.ตั้งไว้ ชุดละ 120 บาท เป็นเงิน 1,014 ล้านบาท ทำให้ประหยัดงบประมาณภาครัฐได้กว่า 400 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ราคาชุดตรวจ ATK เหลือประมาณชุดละ 70 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนและรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว ซึ่งอภ.จะเร่งส่งมอบให้สปสช.ก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม

สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

ย้ำการจัดหาชุดตรวจ 'ATK' โปร่งใส คุณภาพเหมาะสมราคา
ศิรินุช ชีวันพิศาลนุกูล รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ (10 สิงหาคม 2564) องค์การฯ ได้ให้บริษัทผู้จำหน่าย ATK จำนวน 19 บริษัท (จากที่เชิญไป 24 บริษัท) เข้าร่วมเสนอราคา คณะกรรมการพิจารณาในขั้นต้นแล้วพบว่ามีบริษัทที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนด และสามารถส่งมอบได้ตามกำหนด 16 บริษัท จึงได้ทำการเปิดซองราคาและปรากฏว่าบริษัทออสแลนด์ แคปปิตอล จำกัด เป็นผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดดังกล่าว

ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า มีบริษัทจำนวนมากเข้าร่วมเสนอราคา และสามารถส่งมอบได้ตามเวลาที่กำหนดเกือบทุกบริษัท การดำเนินการเป็นไปด้วยความโปร่งใส มีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์ ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาเหมาะสม และยังทำให้ทราบว่าราคาของ ATK ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ยังสามารถปรับลดลงได้อีกเพื่อบริการประชาชนในช่วงวิกฤติและยากลำบาก

​"การดำเนินการจัดหาชุดตรวจ ATK ครั้งนี้ องค์การฯดำเนินการภายใต้หลักการของความถูกต้อง โปร่งใส แต่ยังคงมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ความต้องการที่เร่งด่วน ประหยัดงบประมาณให้รัฐ และมีการประสานงานกับโรงพยาบาลราชวิถี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้ประชาชน และประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด" รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าว


ชุดตรวจ 'ATK' คือหัวใจควบคุมโรคโควิด
ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวของ "ประธานชมรมแพทย์ชนบท" ออกมาเรียกร้องให้ องค์การเภสัชกรรม จัดหา 'ATK' ที่มีคุณภาพมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ให้แก่ประชาชนเพื่อผลที่แม่นยำ สร้างความมั่นใจให้แก่บุคลากรทางการรักษา โดยตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2564 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ออกประกาศผ่านเว็บไซด์ FDA ให้ระงับใช้ชุดตรวจหาเชื้อโควิด -19 ทั้ง Antigen Rapid Test Kit (ATK) และ Antibody Rapid Test Kit ของ Lepu Medical Technology

ชมรมแพทย์ชนบท ขอยืนยันว่า ชุดตรวจATK คือหัวใจของการควบคุมโรคโควิด ATK ต้องมีคุณภาพสูง ต้องมีความแม่นยำ ความจำเพาะและมีความไวตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (ซึ่งสูงกว่ามาตรฐาน อย.ไทย) หากใช้ ATK ที่ไม่แม่นยำ ย่อมต้องมีการตรวจซ้ำด้วย RT-PCR อีก จะเสียโอกาสของผู้ป่วยในการรักษาเร็วอีกทั้งสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการตรวจRT-PCRเพิ่มเติมอีกด้วย


ชะลอทำสัญญาซื้อตรวจสอบคุณภาพ
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม ออกมาระบุ เนื่องจากบางหน่วยงานมีความห่วงใยและไม่มั่นใจในคุณภาพของชุดตรวจ ATK ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจในสินค้า จึงขอชะลอการดำเนินการในขั้นตอนการทำสัญญาออกไปก่อน โดยองค์การเภสัชกรรมและ อย. จะเร่งทำการตรวจสอบข้อมูลคุณภาพของผลิตภัณฑ์

โดยยืนยันการดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความโปร่งใส มีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาเหมาะสม ซึ่งความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป


"คุณภาพหรือราคา"ATKต้องมาก่อน
อย่างไรก็ตามวันนี้ (13 ส.ค) เวลา 11.00 น.นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา จะแถลงข่าวมาตรฐานการพิจารณาอนุญาตชุดตรวจ ATK พร้อมทั้ง คณะอนุกรรมการจัดทำแผนการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ ภายใต้บอร์ดสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะมีการประชุมด่วนเพื่อหารือข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวด้วย

เนื่องจากต้องการให้ ชุดตรวจ ATK ที่จะแจกให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงใช้ตรวจโควิดด้วยตนเองนั้นได้คุณภาพตามมาตรฐานสากล ซึ่งการแจกชุดตรวจ ATK ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเป็นแนวทางหนึ่งในการลดการระบาดของโรคโควิด-19 แยกผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล


ชี้ชุดตรวจควรได้มาตรฐาน WHO
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อรองราคา สปสช. กล่าวกับ"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์"ว่าชุดตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองสำหรับประชาชนควรได้มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก เพื่อความแม่นยำในการตรวจและนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงทีเพราะหากไม่แม่นยำ จะนำไปสู่การรักษาที่ผิดพลาด และอาจจะทำให้คนติดเชื้อกระจายมากขึ้นได้

และจากการที่ตรวจสอบมี บริษัทที่ผ่านการรับรองคือ ผลิตภัณฑ์ STANDARD Q ที่นำเข้าโดย บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) ซึ่งได้เจรจาต่อรองราคาพร้อมค่าขนส่งแล้วอยู่ที่ 120 บาท ซึ่งคณะกรรมการฯได้เสนอไปที่สปสช.ว่า ให้จัดซื้อแบบเฉพาะเจาะจงในราคา 120 บาทจาก บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) เพราะเชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและแม่นยำ ส่วนอีกบริษัทเสนอราคามา 160 บาท


สำหรับชุดตรวจสำหรับ COVID-19 ประเภท Rapid Test Antigen หรือ Antigen Test Kits แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen Test Self-Test Kits) ที่ได้รับการอนุญาตให้ผลิต/นำเข้าณ วันที่ 12 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านการรับรองอย.จากองค์การอนามัยโลก ได้แก่

อันดับ 1.ผลิตภัณฑ์ STANDARD Q COVID-19 Ag Home Test รหัสสินค้ำ Q-NCOV-03G ขนำดบรรจุ 1, 2, 25 ชุดทดสอบต่อกล่อง (Nasal Swab)ผู้นำเข้าบริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด โทร 02-538-0559 ผู้ผลิต

SD Biosensor Inc., Korea. ได้รับอนุญาต 15/7/2564 เลขที่ใบรับรอง ประเมิน เทคโนโลยี T 6400120

อันดับ6 .ผลิตภัณฑ์ Panbio COVID-19 Antigen Self-Test รหัสสินค้า 41FK71, 41FK81 และ 41FK91 ขนาดบรรจุ 1,4,10,20 ชุดทดสอบต่อกล่อง (Nasal Swab) ผู้นำเข้า บริษัท ดีซีเอช ออริก้า (ประเทศไทย) จำกัด  โทร.02-257-3500  ผู้ผลิต Abbott Diagnostics Korea Inc.,Korea  ได้รับอนุญาต 20/7/2564 เลขที่ใบรับรองประเมินเทคโนโลยี T 6400127

ส่วนที่เหลืออีก 32 บริษัทผ่านการรับของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ทั้งนี้ สำหรับรายชื่อของบริษัทที่ผ่านการรับรองของอย.ของไทยสามารถเช็คได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
#9803
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1  
#9804
เพนดูลั่มลูกดิ่งพลังจิต พร้อมคู่มือ 399 บาท

ประโยชน์ของเพนดูลั่ม
ใช้สื่อสารกับเทพ เทวดาและถามในสิ่งที่เราไม่รู้ ใช้สำหรับตรวจประเมินสุขภาพ ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเรา ตรวจฮวงจุ้ย ตรวจเช็คพลัง วัตถุมงคล ตรวจหาของหาย ใช้ทำน้ำมนต์ ใช้ดึงพลังเข้าตัว
การตรวจเช็คพุทธคุณ พลังจากพระเครื่อง วัตถุมงคล ของทนสิทธิ์ ต่าง ๆ
โดยปกติจะทำได้เฉพาะผู้ทรงญาณสมาบัติ แต่วิธีง่าย ๆ โดยผู้ที่มีสมาธิเ้พียงขณิกสมาธิ (แนะนำให้ได้ถึงอุปจารสมาธิ) ก็สามารถทำได้ โดยการใช้เพนดูลั่มเป็นตัวตรวจเช็ค ซึ่งจะมีความถุูกต้องประมาณ 80-90 % โดยผู้ที่ตรวจจะต้อง
1. วางอุเบกขา ให้ได้ ไม่คิดไปก่อน หรือบังคับให้เพนดูลั่ม ทำตามสิ่งที่คิด
2. ต้องมีพื้นฐานความรู้เรื่องวัตถุมงคล เล็กน้อย เช่น รู้ว่า พระเครื่อง วัตถุมงคล จะมีความเด่น ด้านใดบ้าง ซึ่งก็จะมี เด่นด้าน
- เมตตามหานิยม คนรักคนชอบ เข้าหาลูกค้า เข้าหาเจ้านาย
- แคล้วคลาดปลอดภัย
- คงกระพันชาตรี
- มหาอุต ปืนแตก
- มหาลาภ เกี่ยวกับด้านโชค ลาภ
- ป้องกันคุณไสย
- กันสะท้อน คือป้องกันคุณไสย แล้วยังสะท้อนกลับไปยังผู้ที่ปล่อยคุณไสยนั้น โดยแรงสะท้อนกลับก็จะขึ้นกับผู้ที่ใส่วัตถุมงคลนั้น ๆ เช่น ผู้ที่ทรงศีลบริสุทธิ์แรงสะท้อนก็จะมากกว่ากว่าคนที่ศีลขาด คนที่มีศีล 8 ก็จะมากกว่า คนมีศีล 5 ....
- ทำน้ำมนต์ คือวัตถุมงคลนั้น ๆ สามารถนำไปทำน้ำมนต์รักษาโรค ได้
- อื่น ๆ
สำหรับวิธีการใช้เพนดูลั่มในการตรวจเช็ควัตถุมงคล
1. นำวัตถุมงคล พระเครื่อง เครื่องราง ของทนสิทธิ์ นั้น ๆ วาง ไว้บนพื้นโต๊ะ หรือบนภาชนะที่สูงกว่าพื้นธรรมดา หากอาจใช้หนังสือ ผ้ามารองก่อนว่า เพื่อมิให้เป็นการปรามาส
2. ขอขมาพระรัตนตรัย ก่อน เพื่อบอกกล่าว ว่าการตรวจเช็คนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะปรามาส แต่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจว่าวัตถุมงคลชิ้นนี้ได้ผ่านการปลุกเสก หรือพุทธาภิเศก มาแล้ว (วิธีการนี้ก็จะสามารถตรวจดูพระปลอม ที่เขาทำปลอม หรือทำเกินจำนวนแล้วไม่ได้เข้าพิธี แต่ก็มีบางกรณีที่มวลสารในการสร้างพระเป็นมวลสารที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ในกรณีนี้ก็ต้องยิ่งคำถามที่แตกประเด็นออกไป)
3. ใช้เพนดูลั่ม จ่อเหนือวัตถุมงคลนั้น ๆ ให้ห่างจากวัตถุมงคลประมาณ 1 น้ิว เป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันการกระทบด้วยแรงแหว่งซึ่งมาจากวัตถุมงคลนั้น ๆ
4. ดูทิศทางของแรงแหว่งที่ออกมาจากวัตถุมงคลนั้น ๆ ว่าไปตามทิศทางใดบาง ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์ โดยทั่วไปถ้าพุทธคุณรอบด้าน จะทำให้เพนดูลั่มหมุนเป็นวงกลม ถ้าแรงแหว่งมีมากก็แสดงว่ามีพุทธคุณมากตาม บางองค์ แทบจะทำให้เพนดูลั่มหลุ่ดจากมือ
5. ตั้งคำถาม ถามเพนดูลั่ม ไปที่ละข้อ ตามความเด่นของวัตถุมงคล เช่น พระองค์นี้เด่นด้านมหาลาภ ด้านคงกระพันชาตรี ... ไปเรื่อย ๆ จนครบ แล้วก็จะทราบว่าพระองค์นี้เด่นด้าน....ครบทุกด้านหรือไม่
การใช้เพนดูลั่มตรวจพลังนี้สามารถตรวจพลังของหิน ได้ จึงเป็นที่นิยมของนักสะสมหิน จะมีเพนดูลั่มในการตรวจพลังหินไว้ติดตัว

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่

โทร. 0846623662
id line : teerapat999

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1134792176-s2626624357...
#9806
สนใจติดต่อคุณเป้ง 087-347-6299
https://gladnessaccounting.co.th

สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  สำนักงานบัญชีไทรน้อย  สำนักงานบัญชีปากเกร็ด  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีพิมลราช  สำนักงานบัญชีบางคูรัด  สำนักงานบัญชีบางรักพัฒนา  สำนักงานบัญชีบางแม่นาง  สำนักงานบัญชีบางกร่าง  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีตลาดขวัญ  สำนักงานบัญชีบางตะไนย์  สำนักงานบัญชีบางพลับ  สำนักงานบัญชีบางรักน้อย  สำนักงานบัญชีมหาสวัสดิ์  สำนักงานบัญชีศาลากลางนนทบุรี  สำนักงานบัญชีอ้อมเกร็ด  สำนักงานบัญชีแจ้งวัฒนะ  สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีถนนบางไกรใน  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีบางคูเวียง  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี
#9807


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบในเช้าวันนี้ เนื่องจากยังคงมีแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และความเคลื่อนไหวจากการที่รัฐบาลจีนยกระดับการใช้มาตรการควบคุมการลงทุนในหลายภาคธุรกิจ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.)

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,514.47 จุด ลดลง 10.27 จุด หรือ -0.29% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,296.19 จุด ลดลง 221.63 จุด หรือ -0.84% ขณะที่ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,038.96 จุด เพิ่มขึ้น 23.94 จุด หรือ +0.09%

ตลาดภูมิภาคยังคงเผชิญแรงกดดันจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดในขณะนี้ โดยทางการจีนได้สั่งล็อกดาวน์พื้นที่บางส่วนของท่าเรือหนิงโป-โจวซาน (Ningbo-Zhoushan Port) ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก หลังพบพนักงานติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อซัปพลายเชน และการค้าทั่วโลก

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหว หลังรัฐบาลจีนเพิ่มความเข้มงวดในการเข้าควบคุมภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยล่าสุดมีรายงานว่า จีนได้สั่งระงับกองทุนไพรเวท อีควิตี้ในการระดมทุนเพื่อเข้าลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย
#9809


"ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง" สนามบินแห่งใหม่ ณ เมืองชิงเต่า มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน เปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้ว เชื่อมต่อการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ

สำนักข่าวซินหัว สื่อทางการของจีน เปิดเผยข้องมูลเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ว่า มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน เปิดใช้งานท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของซานตงอย่างเป็นทางการ

ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง มีสถานะ 4เอฟ (4F) ซึ่งสูงสุดในการจัดระดับสนามบินของจีน สามารถรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ อาทิ แอร์บัส เอ380 เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)
ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)

ชิงเต่า แอร์พอร์ต กรุ๊ป ระบุว่าโครงการระยะแรกของท่าอากาศยานฯ ครอบคลุมพื้นที่ 16.25 ตารางกิโลเมตร มีมูลค่าการลงทุนเกือบ 3.6 หมื่นล้านหยวน (ราว 1.8 แสนล้านบาท)

โครงการระยะแรกดังกล่าวจะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารรายปีสูงถึง 35 ล้านคน ปริมาณสินค้า 5 แสนตัน และการขึ้นบิน-ลงจอดของอากาศยาน 3 แสนลำ ภายในปี 2025

นอกจากนั้นท่าอากาศยานฯ จะเชื่อมต่อชิงเต่ากับ 130 จุดหมายปลายทางในประเทศ ครอบคลุมเมืองและภูมิภาคสำคัญ รวมถึง 50 เมืองใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งมี 17 เมืองอยู่ในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)
ท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า เจียวตง (ภาพจาก สำนักข่าวซินหัว)

บรรดาผู้โดยสารสามารถเดินทางเข้าออกท่าอากาศยานฯ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งหลักอย่างสะดวกสบายผ่านบริการรถไฟใต้ดินและรถไฟความเร็วสูง

นักธุรกิจชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งในเมืองชิงเต่าของซานตง เผยว่าการเปิดท่าอากาศยานฯ ช่วยให้นักธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เดินทางพบปะลูกค้าทั่วโลกง่ายดายยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันท่าอากาศยานฯ ยังเอื้ออำนวยประโยชน์แก่การขยับขยายเครือข่ายโลจิสติกส์ นำไปสู่การตัดลดต้นทุนการขนส่งอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย

ปัจจุบันการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 เริ่มดำเนินงานแล้ว หากเสร็จสิ้นจะทำให้ท่าอากาศยานฯ รองรับผู้โดยสารปีละ 55 ล้านคน สินค้า 1 ล้านตัน และเครื่องบินขึ้นลง 452,000 ลำ

ทั้งนี้ เมืองชิงเต่าได้ปิดบริการท่าอากาศยานนานาชาติชิงเต่า หลิวถิง หลังจากเปิดใช้งานท่าอากาศยานแห่งใหม่แล้ว
#9810
น้ำมันว่านเครือเขาหลง ใส่ตะกรุดนะมหานิยม ทุกขวด
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา สำเร็จทุกราย


 
เครือเขาหลงจัดอยู่ในของขลังธรรมชาติ เป็นของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ หมอเสน่ห์เขมร หมอเสน่ห์ไทยนิยมใช้กันมาก และจัดได้ว่าเป็นของเสน่ห์ที่แรงที่สุด
 
คุณของน้ำมัน
เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มเมตตา นำพาโชคลาภ เรียกจิต เรียกใจ ประสานสัมพันธ์ ค้าขายร่ำรวย
 
คาถามหาหลง
โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้งราก หลงทั้งใบ หลงทั้งดอก คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน หลงทั้งกลางคืน หลงทั้ง


 
วิธีใช้
เพิ่มเสน่ห์ เมตตา โชคลาภ ค้าขาย ประสานสัมพันธ์ สวดคาถาแล้วนำน้ำมันว่านแตะที่หน้าผาก นึกถึงสิ่งที่ต้องการด้วยใจมุ่งมั่น แน่วแน่ศรัทธา เป็นไปดังว่า สมปรารถนา
 
เรียกจิต เรียกใจ ให้ท่องคาถา ใช้แต้มแตะทา ลงบนวัตถุ รูปภาพหามา ของคนต้องการ เพ่งพลังจิต ลงไปแน่วแน่ ให้เกิดเป็นภาพ เคียงคู่กายา ทำได้ดังนี้นั้นหนา บอกคำว่า ได้ตามนั้นเลย
สนใจติดต่อโทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://porntaywa99.lnwshop.com/p/12

lazada  https://www.lazada.co.th/products/-i1863368460-s5737984707.html?spm=a2o4m.seller.list.19.751ebb9eN8X8vA&mp=1&freeshipping=1