ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลักในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยบวกจากคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ซึ่งอาจพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 22.27 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.37% สู่ระดับ 96.25 ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.61% สู่ระดับ 128.12 เยน และร่วงลง 0.47% สู่ระดับ 1.129 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์อ่อนค่า 0.16% สู่ระดับ 113.48 เยน
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 184,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 211,000 ราย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งหากสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 6.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2525
นอกจากนี้ ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางขนาดใหญ่ 3 แห่งของโลกในสัปดาห์หน้า โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 14-15 ธ.ค. ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมพร้อมกันในวันที่ 16 ธ.ค.
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยบวกจากคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ซึ่งอาจพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 22.27 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.37% สู่ระดับ 96.25 ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.61% สู่ระดับ 128.12 เยน และร่วงลง 0.47% สู่ระดับ 1.129 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์อ่อนค่า 0.16% สู่ระดับ 113.48 เยน
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 184,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 211,000 ราย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งหากสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 6.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2525
นอกจากนี้ ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางขนาดใหญ่ 3 แห่งของโลกในสัปดาห์หน้า โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 14-15 ธ.ค. ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมพร้อมกันในวันที่ 16 ธ.ค.