• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Hanako5

#9031



อย. ห่วงใย ไม่แนะนำให้ประชาชนใช้ปืนฉีดแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อโรค เสียเงินฟรีแถมได้รับอันตราย เพราะละอองฝอย ทำให้น้ำยาสัมผัสพื้นผิวไม่เพียงพอ ลดประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค แถมยังทำให้เชื้อโรคฟุ้งกระจาย หากเข้าตาหรือสูดดมอาจทำให้เคืองตา เวียนหัว คลื่นไส้ ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ เป็นอันตรายโดยเฉพาะในเด็กเล็ก หากใช้ปืนที่มีแสงยูวีฆ่าเชื้อโรคบนร่างกายโดยตรง อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังและเป็นอันตรายต่อดวงตาอีกด้วย

แนะวิธีฆ่าเชื้อโรคที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่ได้รับอนุญาตจาก อย. เทราด หรือเช็ดบนพื้นผิวหรือวัสดุอุปกรณ์ที่ทำความสะอาดแล้ว ทิ้งไว้ให้เปียกตามเวลาที่กำหนด และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก ก่อนซื้อตรวจสอบเลข อย. ที่ www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์

วันนี้ (29 ก.ค.) เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข และรักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้

ทำให้ปืนฉีดแอลกอฮอล์กำลังได้รับความนิยม เป็นที่ต้องการของประชาชนเป็นอย่างมาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ไม่แนะนำให้ซื้อปืนฉีดแอลกอฮอล์มาใช้เนื่องจากละอองฝอยที่ออกมาจากเครื่องมีขนาดเล็กมาก ทำให้ตัวน้ำยาสัมผัสพื้นผิวไม่เพียงพอซึ่งจะลดประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค แถมยังทำให้เชื้อโรคฟุ้งกระจาย หากเข้าตาหรือสูดดมอาจทำให้เคืองตา เวียนหัว คลื่นไส้ ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ เป็นอันตรายโดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่สำคัญ หากใช้ปืนที่มีแสงยูวีฆ่าเชื้อโรคบนร่างกายโดยตรง อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังและเป็นอันตรายต่อดวงตา ดังนั้น ปืนฉีดแอลกอฮอล์นอกจากจะไม่มีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อโรคแล้วยังเป็นอันตรายต่อสุภาพอีกด้วย วิธีการฆ่าเชื้อบนพื้นผิวและวัสดุอุปกรณ์ที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่ได้รับอนุญาตจาก อย. เทราดหรือเช็ดบนพื้นผิวหรือวัสดุอุปกรณ์ที่ทำความสะอาดแล้ว ทิ้งไว้ให้เปียกตามระยะเวลา ที่กำหนด และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก หากพื้นผิวที่สกปรกมากจะลดประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค ก่อนซื้อตรวจสอบเลข อย. ที่ www.fda.moph.go.th หัวข้อ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้าย
#9032
สินค้ามือสอง ราคาถูกมาก!!!!!
#9033
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

#9034
ซิกส์ทีม (SIXTEEM) เป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องสำอางบำรุงผิว ที่มีแนวคิดริเริ่มจากการนำข้าวไทยมาเป็นวัตถุดิบส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ โดยคุณพัทธนันท์ เศรษฐภูวนันท์ ผู้จัดตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซิกส์ทีม เนเชอรัล โปรดักส์ โดยมีแรงบันดาลใจจากปัญหาเศรษฐกิจ ณ ช่วงเวลานั้นคือเกษตรกรกับการจำนำข้าว ทำให้มีแนวคิดเพื่อช่วยส่งเสริมเกษตรกรและเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทย ทางซิกส์ทีมก็เลยนำปัญหานี้ไปต่อยอดค้นคว้าหาข้อมูลข้าวสายพันธ์ต่างๆที่สามารถเอามาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ จนพบว่าข้าวสีนิลไทยหรือข้าวหอมนิล ที่มีประโยชน์ มีคุณสมบัติเหมาะสมแก่การบำรุงผิวพรรณ โดยซิกส์ทีมเริ่มออกผลิตภัณฑ์ตัวแรกในปี พุทธศักราช 2559 เป็นครีมสำหรับบำรุงผิวกายจากสารสกัดข้าวสีนิล ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ใช้เป็นอย่างดี





 ซิกส์ทีมยังคงคิดค้นและก็ปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์การบำรุงผิวเรื่อยมาจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2560 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซิกส์ทีม เนเชอรัล โปรดักส์ ก็ได้รับรางวัล Chiang Mai TOP TEN AWARDS 2017 จากหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งยังถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของดีจังหวัดเชียงใหม่ ถัดมาก็ได้รับรางวัล SMEs START UP AWARDS 2017-2018 จาก สสว. ถึงสองปีซ้อน และก็ล่าสุดได้รับรางวัล SME Provincial Champions 2020 กิจการต้นแบบของจังหวัดเชียงใหม่ รางวัลต่างๆและก็เสียงตอบรับจากผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ ทำให้ซิกส์ทีมมั่นใจอย่างยิ่งว่าสามารถสนับสนุนให้ข้าวไทยมีชื่อเสียงในระดับประเทศได้ ซิกส์ทีมจึงเริ่มนำผลิตภัณฑ์ที่มีออกวางขายไปที่ประเทศอื่นๆ โดยได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐได้ออกบูธสินค้าในประเทศจีน และก็สปป.ลาว ต่อเนื่องเรื่อยมา





 ในปี พุทธศักราช 2562 ซิกส์ทีม ได้ผลักดันข้าวไทยสู่งานนวัตกรรมข้าวไทย ซึ่งคิดค้นแล้วก็พัฒนาร่วมกับคณะเกษตรศาสตร์และเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนับสนุนโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยข้าวที่ซิกส์ทีมนำมาร่วมวิจัยในครั้งนี้คือ "ข้าวก่ำดอยสะเก็ด" เป็นพญาแห่งข้าวทั้งหลาย สายพันธุ์ดั้งเดิมของชาวล้านนา แล้วก็ยังเป็นข้าวGI ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมี 6 สรรพคุณ ต้านความชรา จากการค้นคว้าข้าวครั้งนี้ นำมาซึ่งการทำให้ซิกส์ทีม สร้างสรรค์และต่อยอดจนเกิดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากข้าวไทย ปัจจุบันซิกส์ทีมยังคงมุ่งมั่นพัฒนา โดยเป็นแบรนด์แรกๆที่ได้นำข้าวสีนิลไทยมาสกัดจนเกิดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณภาพสูงสุด โดยนอกเหนือจากการที่จะต้องการสนับสนุนเกษตรกรไทยแล้ว ซิกส์ทีมยังตั้งใจในการเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ข้าวไทยสายพันธุ์ดั้งเดิมไม่ให้สูญหาย และก็ร่วมส่งเสริมให้ข้าวไทยมีชื่อเสียงในระดับโลกต่อไป



 
 
#9035
บริการรับถมดิน ทุกชนิด ทุกขนาดแปลง ราคาถูก ตรวจสอบพื้นที่ประมาณราคาฟรี 080-022-3804
#9036
ต้องการถมดิน ถมที่ นึกถึงเรา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ใช่นายหน้า ติดต่อ 080-022-3804
รับทุกขนาดพื้นที่ ฟรีตรวจสอบพื้นที่ประมาณ ราคา
#9037
สินค้ามือสอง ราคาถูกมาก!!!!!
#9038



นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัท อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติม จากปัจจุบัน ได้ลงทุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) กำลังการผลิต 8.63 เมกะวัตต์ ซึ่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD) ไปแล้วเมื่อช่วงปลายเดือนธ.ค.ปี 2562 และปัจจุบันการดำเนินงานในโรงไฟฟ้าดังกล่าวก็เป็นไปด้วยดี และมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีมาตรฐานยุโรป อีกทั้งยังสะอาด ไม่มีกลิ่น และบริษัท คาดหวังให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโชว์รูมต้นแบบที่ตั้งอยู่กลางนิคมฯ แล้วเป็นที่ยอมรับของชุมชนในพื้นที่

ดังนั้น หากภาครัฐมีนโยบายเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติม บริษัทก็พร้อมที่จะขยายการลงทุน เนื่องจากมีความพร้อมด้านที่ดินในบริเวณใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าเดิมที่ยังสามารถขยายเพื่อรองรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมประเภทโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็กมาก หรือ VSPP ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ หรือ ไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ต่อแห่ง ซึ่งจะก่อสร้างได้อีกอย่างน้อย 4 แห่ง หรือ มีกำลังการผลิตรวมไม่เกิน 40 เมกะวัตต์

บริษัทมั่นใจว่า พื้นที่ตรงนี้มีความเหมาะสมที่จะพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม เพราะมีระบบสาธารณูปโภค มีสายส่ง และกระแสการตอบรับจากชุมชนก็ไม่มีปัญหา อีกทั้งโครงการที่ผ่านมาก็ทำได้ดี จึงคากว่าจะพัฒนาได้อีกหลายโครงการ



"เราเตรียมที่ไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอนโยบายรัฐบาลเปิดรับซื้อเพิ่ม อย่างน้อยพื้นที่รองรับได้อีก 4 โรงแต่จะเกิดได้จริงเท่าไหร่ ยังต้องรอดูนโยบายและปริมาณขยะในพื้นที่ด้วย"


นายนิพนธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ภาครัฐเตรียมทบทวนอัตราเงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง (Feed-in-Tariff) หรือ FiT สำหรับเชื้อเพลิงขยะว่า ปัจจัยดังกล่าวก็จะต้องนำมาคำนวณความเป็นไปได้ในการลงทุนในอนาคตด้วย เพราะหากปรับลด FiT ลงแล้ว ต้นทุนค่าก่อสร้างเป็นอย่างไร มีความคุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่ ซึ่งในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะ ปกติแล้วจะมีรายได้จาก 2 ส่วน คือ รายได้จากการขายไฟฟ้า และรายได้จากค่ากำจัดขยะ โดยข้อมูลเหล่านี้ก็ต้องนำมาประกอบการพิจารณาต่อไป


"จริงๆแล้วที่ผ่านมา การใช้ FiT ของภาครัฐ ก็คำนวณมาจากการลงทุนของภาคเอกชน เฉพาะหากรัฐจะปรับ FiT ลงก็มีความเป็นไปได้ เพราะต้นทุนเทคโนโลยีก็มีแนวโน้มลดลง แต่ก็เชื่อว่ารัฐจะพิจารณาอย่างรอบครอบ เพราะหาก FiT ต่ำไปก็จะไม่เอื้อให้เกิดการลงทุน"

สำหรับเม็ดเงินลงทุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมนั้น ปัจจุบัน คาดว่า จะอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ซึ่งจะสูงกว่าการผลิตไฟฟ้าเชื้อเพลิงประเภทอื่น เพราะจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงเพื่อดูแลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม


ทั้งนี้ ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) กำลังการผลิต 8.63 เมกะวัตต์ เป็นการลงทุนร่วมระหว่าง บริษัทดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) และ บริษัทสุเอซ (SUEZ) เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปลายปี 2560 กำลังการผลิตขนาด 8.63 เมกะวัตต์ ตามข้อตกลงการซื้อขายพลังงาน (power purchase agreement- PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่าการลงทุนในโครงการนี้ อยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท หรือประมาณ 57 ล้านดอลลาร์

ขณะที่ตามแผนพัฒนากาลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580. 12. ฉบับปรับปรุงครั้งที่1 (PDP2018 Revision 1) ทางกระทรวงพลังงาน กำหนดเป้าหมายจะรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม เพิ่มเติมอีก 44 เมกะวัตต์ จากแผน PDP เดิมมีการรับซื้อไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมไปแล้ว 31 เมกะวัตต์ หรือ รวมปลายแผนปี 2580 ประเทศไทยจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม รวมอยู่ที่ 75 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันนั้น ทางกระทรวงพลังงาน ยังไม่มีการประกาศนโยบายเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติม
#9039
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valaiporn25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 

#9040



เมื่อยุคสมัยของการเรียนรู้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ได้เข้ามาทำให้การเรียนการสอนของเยาวชนในปัจจุบันผ่านช่องทางออนไลน์เกิดเร็วขึ้น แม้จากเดิมจะเป็นแค่หนึ่งในเทรนด์เทคโนโลยีที่หลายภาคส่วนให้ความสนใจ

​ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการศึกษาจะกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดบริบทใหม่ให้แก่สังคม โดยเฉพาะครู-อาจารย์ผู้สอนที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญที่สุดในการเป็นบุคลากรต้นน้ำของภาคการศึกษา ที่จำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาการสอนให้รับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

​สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวถึงความภาคภูมิใจ และยินดีที่จะเข้ามาเชื่อมต่อ ช่วยเหลือคุณครูไทยในการเสริมทักษะเพื่อสร้างความรู้ในการพัฒนาสื่อสารการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ที่มีความจำเป็นอย่างมากในสถานการณ์ปัจจุบัน

​โดยในมุมของ AIS นอกจากการนำเครือข่าย AIS 5G การให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ AIS Fibre และการให้บริการ AIS WiFi ต่างๆ ที่ได้ลงทุนไปให้กลายเป็นดิจิทัลอินฟราสตรักเจอร์พื้นฐาน สำหรับนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศชาติ รวมถึงการฟื้นฟูประเทศไทยในหลากหลายประเภท

​'การเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเข้ามาเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อให้คนไทยใช้งาน ทั้งในชีวิตการทำงาน และชีวิตส่วนตัว ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น AIS ยังอยากที่จะนำดิจิทัลแพลตฟอร์มนี้มาช่วยโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19'

​ที่ผ่านมา AIS นำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเข้าไปช่วยเหลือทั้งภาคอุตสาหกรรม อย่างการนำ AIS 5G เข้าไปช่วยให้โรงงานสามารถปรับตัวสู่การเป็น Smart Man.cturing โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่เป็นกำลังสำคัญของประเทศในเวลานี้

​พร้อมกับเตรียมขยายไปยังภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ในการนำโซลูชันจากพันธมิตรมาให้บริการทั้งด้านโรงงานอัตโนมัติ (Automation) หุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรม (Mobile Robots) และการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์ และหุ่นยนต์ (Collaborative Robot) ภายใต้การนำศักยภาพ 5G ฟื้นฟูประเทศ

​ในขณะที่ภาคสาธารณสุขซึ่งเป็นงานด่านหน้าในปัจจุบันนี้ ได้นำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไปทำในเรื่องของ 'อสม.' ในการดูแลประชาชนในแต่ละชุมชน การนำเทคโนโลยีไปช่วยในโรงพยาบาลสนาม จนถึงสถานที่ฉีดวัคซีนต่างๆ

​'ระยะสั้น AIS อาจจะสามารถช่วยสาธารณสุขในการปกป้อง ป้องกัน แต่ในระยะยาวของการพัฒนา และฟื้นฟูประเทศได้จริงๆ คือเรื่องของการศึกษา เรื่องของเยาวชน จึงเป็นเหตุผลที่ได้เข้ามาทำโครงการ The Educators Thailand ให้แก่ครูไทย'

​วัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้ คือ การพัฒนาความพร้อมของคุณครูที่จะมีเยาวชนที่ต้องเรียนออนไลน์ ซึ่งเชื่อว่าทักษะนี้จะมีความจำเป็นต่อไปในอนาคตแม้จะผ่านช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ไปแล้วก็ตาม

​'ครูยังเป็นหัวใจสำคัญมากๆ ในการที่จะขับเคลื่อนให้ลูกศิษย์ และเยาวชน สิ่งสำคัญมากๆ คือครูต้องปรับตัวเองเพิ่มเติม และมีความมั่นใจว่าโครงการนี้อาจารย์ที่เข้าร่วมจะสามารถต่อยอด จุดประกายความรู้ความสามารถที่มีอยู่ในการสอนเด็ก และเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีพลังบวก เมื่อคุณครูสามารถชี้นำได้ และกลายเป็นความสุขในการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในเวลานี้'

***ต่อยอด AIS Academy พัฒนาภาคการศึกษา



ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา AIS ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาทักษะของพนักงานภายในองค์กรให้มีการอัปสกิล และรีสกิล ให้รับกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่เกิดขึ้น จึงเป็นการเสริมทักษะให้บุคลากรเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ​ก่อนเกิดการต่อยอดโครงการสู่ AIS Academy for Thais ภายใต้มุมมองใหม่ว่าการพัฒนาคนภายในองค์กรอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้เปิดโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงหลักสูตรต่างๆ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน

​'AIS เป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้สังคมไทย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออกไปช่วยเหลือสังคมไทยในแง่มุมต่างๆ ภายใต้ AIS Academy คิดเผื่อ เพื่อคนไทยในกิจกรรมต่างๆ มาจนถึงภาคการศึกษาซึ่งถือเป็นภาคส่วนสำคัญที่จะช่วยปูทางเยาวชนสู่การทำงานในอนาคต'

​สำหรับโครงการ The Educators Thailand จะเริ่มจากเปิดโอกาสให้คุณครูได้สามารถเข้ามาเรียนรู้หลักสูตรต่างๆ และข้อมูลที่มีประโยชน์ผ่านแพลตฟอร์ม LearnDi ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมทักษะใหม่ๆ ใน 5 หลักสูตร ตั้งแต่ 1.การเรียนรู้ภูมิทัศน์ของการเรียนในอนาคต องค์ประกอบของการเรียนการสอนออนไลน์ ระบบ Learn from Home จนถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน 2.การวิเคราะห์เนื้อหา และวิธีการเรียนออนไลน์ 3.กลยุทธ์ในการสอนออลไน์ ทั้งการสอนแบบผู้เรียนอิสระ การสอนโดยใช้กิจกรรมกลุ่ม การออกแบบการสอนที่มีการแนะนำความรู้เกี่ยวกับหลักสูตรการเล่าเรื่อง (Storytelling) เพิ่มเติมเข้าไป

​4.การผลิตวิดีโอออนไลน์สำหรับการศึกษา และ 5.การวัดประเมินผลออนไลน์ ทั้งความรู้ ทักษะ และทัศนคติต่างๆ โดยเมื่อผ่านหลักสูตรจะได้ใบประกาศนียบัตร และ Digital Credential Badge จาก AIS Academy ซึ่งเป็นมาตรฐานการรับรองคุณวุฒิระดับสากล

***นวัตกรรมการสอนของครูไทยในอนาคต



​นอกเหนือจากการเพิ่มหลักสูตรการเรียนการสอนแล้ว ภายใต้โครงการ The Educators Thailand ยังมีการเปิดเวทีการแข่งขันเพื่อให้บุคลากรทางด้านการศึกษากว่า 1,000 คน จากทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น นักการศึกษา ครูผู้สอน บุคลากรด้านการศึกษาทุกสังกัด และนักศึกษาฝึกสอน มาเข้าร่วม Un Learn และ Re Learn ทักษะการสอน จนท้ายที่สุดจะได้มาซึ่งผลงานจากผู้เข้าร่วมโครงการในลักษณะต้นแบบของสื่อการสอนที่จะสามารถนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อภาคการศึกษาในปัจจุบันและอนาคต

​โดยหลังจากนี้ ในช่วง 2 เดือน ผู้สมัครเข้าร่วมจะเข้าหลักสูตรพัฒนา ออกแบบทฤษฎีการเรียนการสอน การออกแบบสื่อใหม่ๆ ยกระดับครูด้วยกัน จนถึงขั้นตอนการสอบวัดผล เมื่อผ่านจะได้รับใบประกาศนียบัตร

​เป้าหมายที่สำคัญของโครงการนี้คือ การเข้าไปยกระดับขีดความสามารถคุณครูไทย โดยเฉพาะการปรับกรอบความคิด (Mindset) ให้ฝักใฝ่ในการเรียนรู้ ด้วยการนำศักยภาพของเทคโนโลยีมาใช้ พร้อมกับการนำเครื่องมือดิจิทัลมาช่วยเชื่อมต่อผ่านแพลตฟอร์ม



กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล กลุ่มบริษัท AIS และกลุ่มอินทัช กล่าวเสริมว่า บริบทของภาคการศึกษามีการปรับเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก การจะพัฒนาระบบต้องเริ่มจากการพัฒนาศักยภาพของคน

​ความตั้งใจของ AIS คือการนำเอาทักษะ องค์ความรู้ใหม่ๆ รวมถึงศักยภาพความเป็นผู้นำด้านดิจิทัล เทคโนโลยี เข้ามาช่วยผลักดันตามแนวทางที่ AIS Academy เดินหน้าเรื่อง EdTech มาตลอด

​'จากประสบการณ์ที่ AIS มีการส่งเสริมการเรียนรู้ภายในองค์กรมาก่อน ทำให้เข้าใจถึงปัญหาในการที่จะปรับคนที่เคยชินกับรูปแบบการเรียนการสอนในรูปแบบเดิม มาใช้ระบบดิจิทัล หากภาคเอกชน และภาครัฐร่วมมือกัน และส่งเสริมกัน อย่างการนำประสบการณ์มาช่วยย่นระยะเวลา ทำให้ภาครัฐไม่ต้องไปทดสอบ หรือเดินผ่านเส้นทางปัญหาต่างๆ ก็จะทำให้ศักยภาพของการพัฒนารวดเร็วขึ้น'

​ปัจจุบันความเร็วในการปรับตัว และพัฒนาถือเป็นเรื่องสำคัญ จากที่ในอดีตที่มองว่าความสมบูรณ์เป็นเรื่องสำคัญ วันนี้ความเร็วสำคัญกว่าสมบูรณ์ จากสถานการณ์ที่เจออยู่ในปัจจุบันซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน รูปแบบในการรับมือสถานการณ์ก็ต้องเปลี่ยนทุกวัน

​ดังนั้น LearnDi จึงเข้ามาเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อช่วยพัฒนาให้เหล่าบุคลากรทางการศึกษา ครูอาจารย์ผู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการได้ร่วมสร้างความแข็งแกร่งและนำศักยภาพการศึกษาโดยการพัฒนาวิธีการสอน และเสริมทักษะการสร้างสรรค์ผลงานสื่อการสอน ภายใต้แนวคิด 'มากกว่าความเป็น...ครูผู้สอน นวัตกรรมการสอนของครูไทยในอนาคต'

​นอกจากนี้ ผู้ที่เข้าร่วมโครงการ และสร้างสรรค์ผลงานเข้าประกวดยังมีโอกาสได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

​สุดท้ายเชื่อว่า The Educators Thailand จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะปลุกพลังของภาคการศึกษา บุคลากร และครูไทย ให้เกิดการปรับเปลี่ยนสู่การศึกษาในรูปแบบใหม่ ตามยุคสมัยดิจิทัล ซึ่ง AIS พร้อมที่จะใช้ความแข็งแกร่งทางด้านโครงสร้างพื้นฐานมาเชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อครูไทย ไปพร้อมกับคนไทย
#9041



และร่วมกันนำองค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยไปต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงนโยบาย เชิงสาธารณะ และเชิงพาณิชย์ ตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยีและส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานได้มีการดำเนินงานในการวิจัยพัฒนาและส่งเสริมในเรื่องของกัญชงมาอย่างต่อเนื่อง


นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยว่า สถาบันวิจัยและและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ร่วมกับ มูลนิธิโครงการหลวง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้วิจัยและพัฒนากัญชง (Hemp) เพื่อให้เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน ผลการวิจัยและพัฒนา ทำให้จากอดีตที่แม้แต่การใช้ประโยชน์ตามภูมิปัญญาและวิถีของชนเผ่าม้ง เพื่อทำเครื่องนุ่งห่มและใช้สอยในครัวเรือนนั้น ยังผิดกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มีข้อมูลและองค์ความรู้ที่นำมาสู่แก้ไขกฎหมาย เพื่อส่งเสริมกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ  

โดยอาศัยความร่วมมือของหลายภาคส่วน และผลการวิจัยและพัฒนาจำนวนไม่น้อย นับจากปีพ.ศ. 2549-จนถึงปัจจุบัน กว่า 15 ปี เริ่มจากการพัฒนาพันธุ์เพื่อให้มีสารเสพติดต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด การพัฒนาวิธีการเพาะปลูก การแก้กฎหมาย และสร้างการตลาด เพื่อให้สามารถปลูกเป็นอาชีพได้จริง ในช่วงแรกๆ มุ่งการใช้ประโยชน์จากเส้นใยสำหรับในครัวเรือน ต่อมาขยายการศึกษาวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จากแกน ลำต้น เมล็ด และเส้นใยในเชิงอุตสาหกรรม และนำไปสู่การศึกษาวิจัยที่มุ่งการใช้ประโยชน์ครอบคลุมทุกส่วน ทั้งเส้นใย เมล็ด และช่อดอก สำหรับอาหาร เวชสำอาง และการแพทย์ ในขณะนี้ โดยมีผลงานที่สำคัญคือ

ระยะที่ 1 ปี พ.ศ.2549-2554 ปรับปรุงและขึ้นทะเบียนพันธุ์ 4 พันธุ์ เป็นพันธุ์ที่มีปริมาณ THC ต่ำกว่า 0.3% คือ RPF1, RPF2, RPF3 และ RPF4 ควบคู่กับวิจัยและพัฒนาวิธีการเพาะปลูกที่เหมาะสม ได้แก่ ระยะปลูก ช่วงเวลาปลูก อายุเก็บเกี่ยว และระบบการปลูกเฮมพ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การตลาด และนำข้อมูลไปสู่การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง (2552-2556) แผนปฏิบัติการพัฒนาเฮมพ์บนพื้นที่สูง ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2553-2557) และแผนปฏิบัติการพื้นที่นำร่องส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่น่าน เชียงราย ตาก และเพชรบูรณ์


ระยะที่ 2 ปี พ.ศ.2555-2559 สวพส. ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ วิจัยและพัฒนาตามแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง ได้แก่ กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดำเนินการเพื่อแก้ไขกฎหมายให้สามารถปลูกเฮมพ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พัฒนาระบบควบคุมการปลูกที่เหมาะสม และสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Institute of Small and Medium Enterprises Development, ISMED) กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนิน "โครงการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเฮมพ์อย่างสร้างสรรค์แบบครบวงจร" เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จากส่วนต่างๆ ของกัญชงที่เชื่อมโยงสู่ภาคปฏิบัติในโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และ สวพส. ได้ศึกษาวิจัยต่อเนื่อง ในด้านการศึกษาระบบส่งเสริมการปลูกภายใต้ระบบควบคุม ในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด

การพัฒนาระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์เฮมพ์ภายใต้ระบบควบคุม การพัฒนาชุดตรวจปริมาณ THC ภาคสนาม (THC test kit) ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเส้นใยเฮมพ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่น เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง การวิจัยและพัฒนาต้นแบบอาหารสุขภาพจากเมล็ดเฮมพ์ เช่น น้ำมันในแคปซูล และโปรตีนอัดเม็ด ซึ่งพบว่าเมล็ดกัญชงที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4 พันธุ์ มีน้ำมัน 28.06-29.62 % และเมื่อสกัดด้วยวิธีการบีบเย็นจะได้ผลผลิตน้ำมัน 22.29% ซึ่งมีกรดไขมันได้แก่โอเมก้า 3, โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 เท่ากับ 20.91, 58.23, 9.74 กรัมต่อน้ำมันเฮมพ์ 100 กรัม และมีโปรตีนที่ในกากเมล็ดเฮมพ์ 33.25 % 


ระยะที่ 3 ปี พ.ศ.2560-ปัจจุบัน มุ่งศึกษาวิจัยเพื่อปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะปลูก ในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ประโยชน์ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐ และเอกชน เพื่อขยายผลและผลักดันเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยตามนโยบายรัฐบาล ทั้งด้านเส้นใย อาหาร เวชสำอาง และการแพทย์ เช่น ร่วมกับสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหาร กองทัพบก และกรมพลาธิการทหารบก วิจัยและพัฒนาเครื่องแต่งกายทหารจากเส้นใยเฮมพ์ 3 ชนิด คือ ชุดพราง เสื้อยืด และถุงเท้า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 เชียงใหม่ พัฒนาชุดตรวจวัดปริมาณ THC อย่างง่าย (THC strip test) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการส่งตัวอย่างตรวจในห้องปฏิบัติการ ประมาณ 15-25 เท่า รวมทั้งการถ่ายทอดและเผยแพร่ความรู้ให้กับเกษตรกร ภาครัฐ และเอกชน ผ่านการจัดฝึกอบรม สัมมนา ศึกษา ดูงาน ผลงานทางวิชาการ เอกสาร และคู่มือต่างๆ

ข้อจำกัดที่สำคัญของการสนับสนุนให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทยคือ ข้อมูล พันธุ์ และ การเตรียมการด้านการตลาด ซึ่งกฎหมายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเปิดโอกาสให้ใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น แต่ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นผลการวิจัยที่เน้นใช้ประโยชน์จากเส้นใยเป็นหลัก จึงยังไม่สมบูรณ์มากพอสำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ ซึ่งความสนใจปลูกขณะนี้ส่วนใหญ่มุ่งใช้ประโยชน์จาก CBD และเมล็ด และข้อจำกัดที่สำคัญมากอีกประการหนึ่ง คือเมล็ดพันธุ์ที่ยังผลิตได้ปริมาณน้อยมากสำหรับปี พ.ศ.2564 นี้ 

เพราะมีการผลิตจำนวนน้อยเพื่อใช้ในงานวิจัย ไม่สอดคล้องกับความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน ทั้งนี้จะสามารถการผลิตเมล็ดพันธุ์ให้พอเพียงได้เร็วที่สุด คือในปี พ.ศ.2565 การใช้ข้อมูลและเมล็ดพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศอาจจะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามคงต้องทำอย่างรอบครอบ โดยมีการศึกษาทดลองก่อนนำมาใช้อย่างจริงจัง
#9042
ไอดินไทย เครื่องประดับดินปั้น ด้วยแรงบันดาลใจทำเครื่องประดับดินปั้นมาจากความชื่นชมที่มีต่อละครมนต์รักลูกทุ่งแล้วก็แฟชั่นการแต่งกายสมัยนั้น





ทำให้ท่านพัชร์ชิสา ไชยวีรวัฒน์ เกิดแนวคิดสำหรับในการทำเครื่องประดับร่วมกับการศึกษาปั้นดินไทยของชุมชนระแหง จังหวัดตาก จนกระทั่งเกิดเป็นเครื่องประดับดินปั้นที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วมากกว่า 10 ปี





ซึ่งตัววัสดุนั้นเป็นดินไทยที่ผสมกับดินท้องถิ่นของจังหวัดตาก มีความสวยงามผสมความเป็นไทย สีสันสดใส ความเป็นธรรมชาติและนอกจากนี้ทุกผลิตภัณฑ์มีรอยนิ้วมือจากการปั้น โดยไม่ใช้เครื่องจักร แสดงถึงงานหัตถกรรมอย่างแท้จริง


#9043



แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดทีมแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยันผ่านโซเชียลมีเดียของสโมสร ปิดดีลคว้าตัว ราฟาเอล วาราน ปราการหลังชาวฝรั่งเศสมาร่วมทัพเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงการเดินทางมาตรวจร่างกายเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ "ปีศาจแดง" ตกเป็นข่าวกับแนวรับตัวเก่งทีมชาติฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่อง โดย "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด ก็พร้อมที่จะปล่อยตัวแข้งรายนี้มาร่วมทัพหากได้ค่าตัวเป็นที่น่าพึงพอใจ

ล่าสุดวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมาตามเวลาที่อังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการในการปิดดีลดึงตัว ราฟาเอล วาราน มาคุมแนวรับในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยจะมีการเปิดตัวเร็วๆนี้ เมื่อเคลียร์เรื่องเอกสารเรียบร้อย ก่อนที่นักเตะเดินทางมาตรวจร่างกายกับสโมสร

"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า สโมสรบรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว ราฟาเอล วาราน เหลือเพียงขั้นตอนด้านเอกสาร และการตรวจร่างกายเท่านั้น" แถลงการณ์ของทีมปีศาจแดง

มีการคาดกันว่าค่าตัวของกองหลังวัย 28 ปีรายนี้อยู่ที่ราว 41 ล้านปอนด์ ซึ่งเจ้าตัวกลายเป็นนักเตะใหม่รายที่ 2 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อตัวมาร่วมทัพ ต่อจาก จาดอน ซานโช ปีกตัวจี๊ดทีมชาติอังกฤษ

สำหรับ ราฟาเอล วาราน เป็นเด็กปั้นของสโมสรล็องส์ ทีมในลีกฝรั่งเศส ก่อนที่ในปี 2011 จะถูก รีล มาดริด ดึงตัวมาร่วมทีม ซึ่งเวลานั้นเจ้าตัวเพิ่งจะอายุย่าง 19 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นแนวรับเลือดน้ำหอมรายนี้ก็กลายเป็นกำลังสำคัญของทีม "ราชันชุดขาว" ไปโดยปริยาย

โดยเขาเป็นกำลังสำคัญของยักษ์ใหญ่แดนกระทิงดุในการคว้แชมป์ลาลีกา สเปน มาครอง 3 สมัย, โคปา เดล เรย์ 1 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 4 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย และแชมป์สโมสรโลก 4 สมัย
#9044
บริการรับถมดิน ทุกชนิด ทุกขนาดแปลง ราคาถูก ตรวจสอบพื้นที่ประมาณราคาฟรี 080-022-3804
#9045
ต้องการถมดิน ถมที่ นึกถึงเรา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ใช่นายหน้า ติดต่อ 080-022-3804
รับทุกขนาดพื้นที่ ฟรีตรวจสอบพื้นที่ประมาณ ราคา